ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] HOST FAMILY #ฟิคโฮสต์แฟม

    ลำดับตอนที่ #29 : กฎของโฮสต์ข้อที่ 23 :: เป็นโฮสต์ต้องปกป้องได้ (20000000%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.02K
      2
      19 เม.ย. 59





    กฎของโฮสต์ข้อที่ 23

    เป็นโฮสต์ต้องปกป้องได้

     

     

     

                เสียงความเร็วของเรือแล่นตัดผิวน้ำดังมาเป็นระยะๆ ร่างสูงในชุดเชิ้ตดำกางเกงดำและแว่นตาสีดำเข้าชุดอย่างดีกำลังนั่งมองออกไปนอกตัวเรืออย่างใช้ความคิด มือใหญ่ที่กำลังใช้เสยผมที่กระเซอะกระเซิงจากแรงลมอยู่ชะงักด้วยแรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์เครื่องสวย มาร์คลดมือลงแล้วล้วงกระเป๋าหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดดูข้อความที่ถูกส่งมาในโปรแกรมสนทนาสุดฮิตของคนไทย

     

     

                Bambam sent you video

     

     

                เพียงแค่รู้ว่าใครส่งมาปากหยักที่ดูจะยิ้มไม่ค่อยออกมาทั้งเช้าค่อยๆคลี่ยิ้มสดใสสมกับแสงแดดอุ่นๆ นิ้วเรียวไม่รอช้ารีบกดเปิดดูวิดีโอที่เจ้าตัวเล็กส่งมาให้ เสียงเจื้อยแจ้วดังออกมาจากตัวคลิปทักทายเป็นอย่างแรก

     

     

                พี่มาร์คคคคค ~ ” แค่ได้ยินเสียงใสที่เรียกชื่อตนหัวใจของคนฟังก็อุ่นวาบขึ้นมาทั้งหัวใจ แบบนี้ใช่มั้ยที่เค้าเรียกว่าความรัก มาร์คอมยิ้มมุมปากสายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าน่ารักเกินผู้ชายของคนในคลิป เมื่อคืนหลังจากที่ปรับความเข้าใจกันยกใหญ่จนเสียน้ำตากันไปคนละหลายลิตร ในที่สุดมาร์คก็ยินยอมที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้คนตัวเล็กฟัง เรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่แรกจวบจนปัจจุบัน เรื่องราวที่ดูท่าว่าแบมแบมจะไม่เคยรู้ถึงทำให้ใบหน้านั้นนิ่งไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยจนเขาพูดจบ มีแค่น้ำตาที่ไหลออกมาเท่านั้น

     

     

                เรื่องราวใหม่ที่แบมแบมเพิ่งได้รับรู้ทำเอาเด็กเจ้าน้ำตาร้องไห้ออกมาอีกหลายลิตร คนเด็กกว่าได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญถึงพี่สาวที่จากไปเล่นเอาใจคนฟังอย่างเขาแทบจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ อีกทั้งยังกำชับกับเขานักหนาว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องจัดการไอ้ตินท์ให้ได้

     

     

                นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ที่นี่ บนเรือลำนี้

     

     

                เพื่อมุ่งหน้าไปหาคำตอบสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมด

     

     

                มาร์คมองเจ้าเด็กขี้แยที่โผล่แต่ดวงตากลมโตใส่กล้อง แล้วก็เอาแต่เรียกชื่อเขาจนตาหยี

     


                [พี่มาร์คสู้ๆนะ แบมรู้ว่าพี่ทำได้ ดูแลตัวเองด้วยนะ แบมจะรอพี่มาร์คน้า] เสียงใสให้กำลังใจพูดจบแล้วเด็กน้อยก็ดึงกล้องออกจากตัวเผยใบหน้าบวมๆของคนเพิ่งตื่นนอน หัวยุ่งๆปากบวมๆนั่นคงเพราะอยากตื่นเช้ามาอัดคลิปให้เขา แค่คิดก็รู้สึกดีไปทั้งใจแล้ว

     

     

                มาร์คกดปิดโปรแกรมเมื่อคลิปจบลง พอดีกับที่ร่างสูงของน้องชายเดินมานั่งลงข้างๆพอดี

     

     

                เฮีย อีกสิบนาทีเรือจะถึงเกาะแล้วนะ

     

     

                มาร์คพยักหน้ารับพร้อมกับใจที่หวั่นน้อยๆ

     

     

                ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ... ขอให้เขาเจอพยานปากสำคัญด้วยเถอะ

     

     

    ------------------------

     

     

     

                อ้าวแบมแบม ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ เสียงหวานของพี่พิมดังทักทันทีที่ผมเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยสภาพของคนเพิ่งตื่นนอน ชุดนอนตัวโปรดที่มีแค่เสื้อยืดสีขาวผ้าโปร่งสบายกับกางเกงสีดำสามส่วนบวกกับรองเท้าแตะของรีสอร์ท หัวยุ่งๆไร้การเซตใดๆและหน้าตาบวมๆที่ไม่มีครีมอะไรทั้งสิ้นทำให้บรรดารุ่นพี่และเพื่อนนักแสดงที่กำลังจะไปห้องอาหารหันมามองผมกันขำๆ

     

     

                แบมตื่นสายอ่ะเจ้ ว่าจะกินข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยขึ้นไปอาบน้ำ ไปเถอะไปกินข้าวกัน พูดจบผมก็เข้าไปกอดแขนของเจ้คนสวยไว้แน่นแล้วเดินตามไปด้วยสภาพเนือยๆ เมื่อคืนก็อย่างที่รู้ล่ะครับว่ากว่าผมกับพี่มาร์คจะปรับความเข้าใจกันได้ก็เสียน้ำตากันไปหลายถังเลย แล้วยิ่งผมได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่อดีต ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างผมก็เล่นซีดไปอีกเท่าตัว จนพี่มาร์คมาส่งผมที่รีสอร์ทเกือบๆตีสองนั่นล่ะครับ ถึงห้องผมก็สลบคาที่เลยทีเดียว

     

     

                ไม่รู้ว่าคนที่ต้องออกไปทำเรื่องสำคัญตั้งแต่เช้าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

     

     

                ผมทำได้แค่ส่งกำลังใจไปให้คนทางนั้น เพราะพี่มาร์คยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ว่ายังไงก็ห้ามผมไปด้วยเด็ดขาด และพี่มาร์คยังสั่งให้ผมอยู่กับคนเยอะๆไว้ห้ามอยู่คนเดียวเด็ดขาดจนกว่าพี่มาร์คจะกลับมา

     

     

                เห้อ ... ทำได้แค่นั่งรอจริงๆ

     

     

               

     

                จานอาหารวางลงตรงหน้าเสียงดังกึ๊ก ผมจึงเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือตัวเองที่กำลังเช็คไลน์ของคนนั้นอยู่เมื่อพี่พิมเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะเป็นคนสุดท้าย ใบหน้าสวยที่วันนี้เซตผมขึ้นสบายๆจ้องมองมาที่ผม ปากบางเอ่ยกับผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้เป็นคนแรกรอคนอื่นตักอาหาร

     

     

                เออแบมเห็นอองดาวมายัง ตั้งแต่ตักอาหารของตัวเองจนมานั่งเล่นโทรศัพท์ตรงนี้ผมก็ยังไม่เห็นเพื่อนของผมเลยนะ นั่นสิ ... จริงๆตั้งแต่ลงมาข้างล่างผมก็ยังไม่เห็นเธอเลยนะ

     

     

                ยังไม่เห็นเลยเจ้ เดี๋ยวนะเจ้ก็นอนห้องเดียวกับอองดาวไม่ใช่เหรอ ไม่ได้ลงมาพร้อมกันอ่อ

     

     

                ม่ายยยยยย ตรรกะอะไรยะที่คนนอนห้องเดียวกันจะต้องทำอะไรพร้อมกัน นี่ตั้งแต่ตื่นนอนยัยคนสวยก็หายไปไหนไม่รู้ ผมกำโทรศัพท์ไว้แล้วฟังเจ้พิม ในใจนึกมีลางสังหรณ์แปลกๆขึ้นมาแต่พยายามที่จะไม่คิดอะไร

     

     

                ลองโทรหายังเจ้

     

     

                เออยังเลย

     

     

                งั้นเดี๋ยวแบมโทรหา ไม่ว่าให้เสียเวลาผมก็กดเบอร์ของอองดาวขึ้นโทรแนบหู เสียงปลายสายติดๆขัดๆเป็นเรื่องปกติของที่นี่เพราะคลื่นสัญญาณถูกรบกวน ผมจึงลุกออกจากโต๊ะไปหาที่ที่คลื่นมันชัดๆหน่อย

     

     

                สองเท้าพาตัวบางๆของผมออกมายืนโทรหาอองดาวที่ระเบียงของตัวตึก แต่คนปลายสายก็ยังไม่รับสักทีเล่นเอาความรู้สึกของผมตอนนี้อยู่ไม่สุขเท่าที่ควร ผมลดโทรศัพท์ลงแล้วกดโทรหาอีกครั้ง แต่อยู่ๆแรงสั่นเบาๆเวลามีข้อความเข้าก็ทำให้ผมต้องฉงนในใจมากขึ้นเมื่อข้อความที่ถูกส่งมาเป็นเบอร์แปลกที่ผมไม่รู้จัก ... เอ๊ะแต่เดี๋ยวนะ นี่มันเบอร์ที่เคยส่งหาผมตอนที่ผมพาพี่มาร์คไปตัดผมนี่หว่า

     

     

                ด้วยความใจร้อนและมีลางสังหรณ์แปลกๆเกิดขึ้นในใจ ข้อความที่ถูกส่งมาจึงถูกเปิดขึ้นอ่านอย่างไม่เสียเวลา และแล้วข้อความที่ปรากฏต่อสายตาก็ทำเอาใจผมหล่นวูบลงไปกองที่พื้นทันที

     

     

                รีบไปช่วยอองดาวก่อนจะไม่ทัน โขดหินหลังรีสอร์ท แม้ไม่รู้ว่าข้อความนี้จะส่งมาจากผู้หวังดีหรือหวังร้าย แต่ขาสองขาของผมก็รีบวิ่งออกไปก่อนจะอ่านข้อความจบซะอีก

     

     

    ------------

     

     

               

                อ้าวอองดาวไปไหนมา แล้วไหนเจ้าแบม ร่างเพรียวของสาวน้อยเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับถุงใส่ขนมที่เจ้าตัวออกไปซื้อมาจากตลาดแต่เช้า ทันทีที่นั่งลงข้างๆรุ่นพี่คนสวยเจ้าตัวก็ถูกถามหาเพื่อนอีกคนทันที

     

     

                หืม ? แบมเหรอคะ ดาวไม่เห็นนะพี่พิม นี่ก็เพิ่งกลับมาจากตลาดเห็นขนมมันน่ากินดีดาวเลยซื้อมาฝากพี่ๆ ละอองดาวชูถุงขนมมากมายในมือโชว์ทุกคนบนโต๊ะแล้วส่งให้เพื่อนๆพี่ๆรับไปแบ่งกันกิน ใบหน้าเรียวหันมามองรุ่นพี่คนสนิทที่นั่งถือช้อนค้างไว้เพื่อคุยกับเขา

     

     

                เอ้า! ไม่เจอกันหรอกเหรอ ... เจ้ก็นึกว่าเจอกันแล้วเพราะเห็นเจ้าแบมมันลุกออกไปโทรหาเราน่ะ แต่เอาเถอะสงสัยคลาดกันเดี๋ยวนางก็คงกลับมา อ่ะกินข้าวๆ ไปรีบลุกไปตักข้าวซะยัยดาวเดี๋ยวหมดอดกินก่อน ละอองดาวพยักหน้าแล้วถูกไล่ไปตักข้าวอย่างงงๆ แต่ก็ไม่วายหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมากดดูเห็นเบอร์ของแบมแบมโชว์หราหน้าจอสายไม่ได้รับ มือเรียวจึงกดโทรออก

     

     

                บริการฝากหมายเลขโทรกลับ .....

     

     

                หืม ?” ละอองดาวดึงโทรศัพท์ออกมองหน้าจอเมื่อปลายสายกลายเป็นบริการฝากหมายเลขโทรกลับ นิ้วเรียวสวยจึงกดตัดสายแล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าสะพายข้างก่อนจะเดินไปตักอาหารไม่ได้คิดอะไร

     

     

    -------------------

     

     

     

                อองดาว!! อองดาวอยู่ไหน!!!” ผมวิ่งมาที่โขดหินก้อนใหญ่ที่หาดหลังรีสอร์ทตามที่ข้อความปริศนานั้นบอกด้วยความเร็ว ก่อนจะมาหยุดแล้วตะโกนเรียกหาผู้หญิงที่หายหน้าไปแต่เช้าด้วยความบ้าคลั่ง แรงหอบจากการวิ่งมาทำให้ผมค่อยๆเท้าแขนจับหัวเข่าแต่สายตาก็ยังกวาดมองหาคนที่ตามหารอบตัว ทว่าไร้วี่แววของละอองดาว เช้าอย่างนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวลงมาที่หาดเลยทำให้ผมไม่ทันได้คิดว่าอะไรที่จะคลืบคลานเข้ามาใกล้ตัวบ้าง ...

     

     

                อองดาว ได้ยินม ... อ๊ะ ..... ผมไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปได้ถึงแค่ไหน แต่รู้ตัววูบสุดท้ายก็แค่ความนุ่มจากผ้าที่โปะเข้าที่จมูกแล้วโลกของผมก็ดับมืดไป ...

     

     

    -------------------








                ทำดีมาก ชายหนุ่มตัวสูงกำลังยืนมองเพื่อนซึ่งหลับใหลไม่ได้สติบนโซฟาพร้อมกับฟังคำชมที่เขาไม่ได้รู้สึกยินดีเท่าไหร่นักจากปากของพี่ชาย มันเป็นคำชมที่ผ่านหูและลอยหายไปไม่ได้คิดจะเก็บมาสนใจหรือชื่นชม ติณท์นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ไกลจากนั้นนัก ในห้องสี่เหลี่ยมของเซฟเฮาส์สุดหรูซึ่งเป็นของครอบครัว สายตาเจ้าเล่ห์ของคนบงการให้เขาจับเพื่อนสนิทมาให้กำลังมองมายังใบหน้าใสของแบมแบมที่กำลังหลับใหลอยู่บนโซฟา มีเขาที่กำลังยืนมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

     

     

                เอาละ หมดหน้าที่มึงแล้วไอ้เตนล์ จะไปไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวเพื่อนมึงตื่นมาเจอมันจะไม่ดีไม่ใช่เหรอ เตนล์ละสายตาจากใบหน้าของแบมแบมแล้วหันไปมองหน้าของคนที่เขาเรียกว่าพี่ชายด้วยสายตาเอือมๆ

     

     

                อะไร มองหน้ากูแบบนี้ทำไม ตินท์เงยหน้าขึ้นมองเด็กผู้ชายที่ไม่ว่าเขาจะสั่งให้ทำอะไรมันก็ทำไม่มีข้อแม้

     

     

                พี่ก็รู้ดีนิว่าการให้ผมมาทำแบบนี้กับแบมมันเท่ากับการให้ผมทรยศเพื่อนตัวเอง แต่พี่ก็ยังให้ผมทำ ปากหยักของคนที่นั่งอยู่บนโซฟายกยิ้มขึ้นอย่างนึกสนุก มือกร้านเอื้อมไปหยิบแก้วบรั่นดีข้างๆขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์

     

     

                ก็มึงมันอ่อนแอเองช่วยไม่ได้ กูให้ทำอะไรมึงก็ทำ โง่เองก็อย่ามาเรียกร้องขอความเห็นใจ เตนล์มองหน้าของพี่ชายนิ่งและสะบัดหน้าออกไปอีกทางหนึ่งด้วยพยายามสกัดกลั้นอารมณ์ ชายตัวใหญ่ซึ่งเป็นลูกน้องของตินท์เดินเข้ามาในห้องสองคนพอดีจึงทำให้บทสนทนาตรงนี้จบลง หนึ่งในชายชุดดำเดินเข้าไปหาผู้เป็นนายพรางส่งสายตาบางอย่างให้เป็นสัญญาณว่ามีเรื่องจะรายงาน เห็นดังนั้นตินท์จึงออกปากไล่น้องชายของตนให้ออกไป

     

     

                ไอ้เตนล์ มึงออกไปก่อนไป จะไปไหนก็ไป พูดจบร่างสูงของน้องชายก็เดินตัวปลิวออกไปนอกห้องด้วยความรวดเร็ว ทันทีที่เสียงประตูปิดลง หนึ่งในลูกน้องก็เริ่มรายงานข่าวให้คนที่นั่งไขว่ห้างตรงหน้าฟังทันที

     

     

                รู้แล้วครับว่าพวกนั้นมันจะไปไหน

     

     

                ว่ามา

     

     

                เกาะมืดครับ ชื่อเกาะที่หลุดออกมาจากปากของลูกน้องทำให้แก้วบรั่นดีที่ถืออยู่นั้นถูกกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง ตินท์กำแก้วแน่นเมื่อรู้ว่าความลับของตัวเองถูกล่วงรู้เสียแล้ว แววตาเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็นวิตกปนความโมโหเล็กน้อยเมื่อเผลอพลาดให้อีกฝ่ายค้นหาเกาะที่เขาอุตส่าห์ลงทุนซื้อเพื่อเป็นสถานที่ไว้เอาอดีตอันมืดมนของตัวเองไปฝังไว้ที่นั่น แต่มัน ไอ้มาร์ค มันก็ยังตามหาจนเจอ!

     

     

                “นายจะเอายังไงต่อดีครับ สายตาครุ่นคิดกำลังมองไปยังร่างน้อยที่นอนอยู่บนโซฟาไม่รู้เรื่องรู้ราว เขากับมาร์คเล่นเกมส์ประสาทกันมาหลายปี และแน่นอนว่ามันคือศัตรูที่เอาชนะอยากที่สุด แต่ยังไงก็เชื่อว่าต้องเอาชนะได้ ปากหยักยกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในหัว ตอนแรกก็คิดจะจับเด็กนี้มาสนุกๆให้ฝ่ายนั้นเป็นบ้าเล่นๆ แต่ถ้าสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ไปแล้ว เห็นทีว่าที่คิดว่าจะเล่นๆตอนแรก คงได้เปลี่ยนเป็นของจริงซะแล้วมั้งมาร์คเพื่อนรัก

     

     

                อยากจะรู้นักว่าชีวิตที่ต้องเสียของรักสองชิ้นไปจะเป็นยังไง

     

     

                 อย่าอวดดีเหมือนพ่อมันเลย กับไอ้การที่ได้คนรักจากพ่อเขาไป ทำให้พ่อของเขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก ทำให้พ่อแม่เขาทะเลาะกัน ไม่เคยรักกัน ไม่เคยรักลูกที่เกิดจากผู้หญิงคนนี้ด้วย แต่ในขณะที่มันมีทุกอย่าง มีความรักจากพ่อแม่ ความรักที่เขาควรจะได้รับ อย่าคิดไปเลยว่าพ่อได้รักคนที่ตัวเองรัก แล้วลูกชายอย่างมันจะได้มีความสุขกับคนที่มันรักด้วยเช่นกันอย่าฝันไปเลย มาร์คต้วน 



                   ยังไงมันก็เอาชนะคนอย่างตินท์ไปไม่ได้หรอก อย่าอวดดีไปเลย

     

     

               

     

                หึ ไม่ต้องทำอะไร นั่งอยู่เฉยๆ เดี๋ยวฝั่งนั้นมันก็วิ่งมาหาเราเอง แค่ส่งข้อมูลให้มาร์คมันนิดๆหน่อยๆก็พอ ของรักมันอยู่นี่ยังไงมันก็มา

     

     

     

     


     

     

     

              ..... แค่ส่งข้อมูลให้มาร์คมันนิดๆหน่อยๆก็พอ ของรักมันอยู่นี่ยังไงมันก็มา

     

     

                เสียงของพี่ชายดังลอดออกมาจากในห้อง ทำให้เด็กหนุ่มตัวสูงที่แอบยืนฟังอยู่นอกห้องรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที มีลางสังหรณ์แปลกๆว่ากำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเพื่อนของเขาที่นอนอยู่ข้างในมากกว่าแค่จับมาเล่นๆอย่างที่คนด้านในบอก เตนล์เบี่ยงตัวหลบมุมเมื่อได้ยินเสียงคนด้านในเปิดประตูออกมา แอบชำเลืองมองก็เห็นว่าพี่ชายของตัวเองและลูกน้องเดินออกมาจากห้อง เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาก่อนจะตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในห้องนั้นเงียบๆเพื่อทำอะไรบางอย่าง

     

     

                ร่างโปร่งเดินมานั่งลงข้างๆคนที่หมดสติอยู่ มือหนาค่อยๆปลดนาฬิกาข้อมือสีดำที่ตัวเองใส่อยู่ แล้วแกะนาฬิกาของแบมแบมออกเพื่อสลับกัน เตนล์ค่อยๆสวมนาฬิกาของตัวเองใส่ไว้กับข้อมือน้อยของแบมแบม ก่อนจะหันไปมองอีกทาง แววตาคมที่ฉายแววครุ่นคิดบางอย่างจับจ้องไปที่โต๊ะของคนที่เพิ่งลุกจากไป สองขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะเพื่อค้นหาเอกสารบางอย่าง

     

     

              สัญญาซื้อขายเกาะ

     

     

              ดวงตาฉายแววเอาจริงจับจ้องกวาดตามองทุกข้อความบนแผ่นกระดาษ เตนล์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายอะไรบางอย่างเอาไว้แล้วรีบเก็บซองเอกสารไว้ที่เดิม ก่อนที่สองขายาวจะรีบเดินออกจากห้องไปเพื่อโทรหาใครบางคน

     

     

                ปลื้ม มึงช่วยอะไรกูที ....

     

     

    --------------

     


                    

                ความมึนงงและอาการปวดหัวที่เข้าเล่นงานคือสิ่งแรกที่แบมแบมสัมผัสได้เมื่อดวงตากลมโตค่อยๆลืมขึ้น ร่างเล็กที่เพิ่งรู้สึกตัวหลังจากสลบไปนานค่อยๆขยับตัว ภาพสุดท้ายที่เขาจำได้ก่อนความจำจะดับมืดไปแวบเข้ามาในหัวทันทีเมื่อสมองกำลังประมวลผลว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง และแล้วสัญชาตญาณบางอย่างก็ทำให้ร่างเล็กรับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง เสียงทุ้มของผู้ชายที่กำลังสนทนาในห้องซึ่งแบมแบมกวาดตามองแล้วไม่คุ้นดังขึ้น ใบหน้าน่ารักนั้นจึงค่อยๆหันไปมองช้าๆ ใบหน้าคุ้นตาของตินท์และผู้ชายอีกคนอยู่ห่างออกไปจากที่ๆเขาอยู่ ใจดวงเล็กสั่นเล็กน้อยเมื่อไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่กับคนๆนี้ได้ แบมแบมรีบหลับตาลงแสร้งทำเป็นยังไม่รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายหันมามองด้วยความรู้สึกผิดปกติ แต่สุดท้ายก็หันกลับไปคุยต่อเมื่อเห็นว่าเด็กตัวน้อยยังคงไม่รู้สึกตัว

     

     

                คนตัวเล็กค่อยๆหรี่ตามองดูความเป็นไปภายในห้อง และบทสนทนาของสองคนที่กำลังคุยกันก็ทำให้เขารู้สึกหวั่นใจขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แบมแบมตั้งใจฟังอย่างใช้สมาธิแต่แล้วอยู่ๆโทรศัพท์เครื่องสวยที่อยู่ในกางเกงก็สั่นอย่างบ้าคลั่ง โชคดีที่เขาปิดเสียงเอาไว้จึงทำให้ไม่เป็นที่สงสัย และทันใดนั้นเองความคิดบางอย่างก็แล่นขึ้นมาในหัวสมองของคนตัวเล็ก แบมแบมหรี่ตามองคนที่อยู่ในห้องจับตามองนาทีต่อนาทีเพื่อทำบางอย่างให้แนบเนียนที่สุด มือเล็กค่อยๆล้วงกางเกงเพื่อกดรับสายของคนที่โทรมาแม้จะไม่รู้ว่าเป็นใคร โชคดีที่ตินท์และผู้ชายอีกคนเอาแต่คุยกันทำให้ไม่ค่อยหันมาสนใจมากนักว่าเขากำลังทำอะไร

     

     

                และแบมแบมได้แต่หวังว่าคนที่กำลังฟังเสียงอยู่อีกปลายสายจะช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อย

     

    ----------------

     

     

               

     

     

     

                มื้ออาหารเช้าจบลงและการเวิร์คช็อปก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าแบมแบมจะกลับมา ละอองดาวจึงรับอาสาบรรดาพี่ๆทีมงานเป็นคนขอโทรหาเอง ร่างบางเดินออกมาด้านนอกตัวอาคารเพื่อโทรหาเพื่อนอีกคนที่บอกกับพี่พิมไว้ว่าจะไปตามเขาแต่ดันหายไปนานสองนานแล้ว มือเรียวกดเบอร์ของแบมแบมเป็นรอบที่สิบแต่ทว่าปลายสายก็ยังคงไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาสักที คิ้วเรียวขมวดอย่างหงุดหงิดปนกังวล

     

     

                ติ้ด ....

     

     

                หืม จู่ๆปลายสายก็ถูกกดรับหลังจากที่การพยายามรอบที่สิบเอ็ดจบลง ละอองดาวแนบหูเข้ากับโทรศัพท์ทันที ใบหน้าสวยเปลี่ยนเป็นสีหน้าแปลกๆด้วยความฉงนเมื่อเสียงปลายสายไม่ได้ตอบกลับมาเหมือนปกติ แต่กลับเป็นเสียงเหมือนมีคนพูดอะไรกันสักอย่างที่ดังสะท้อนออกมา

     

     

                [ส่งให้มันแล้วใช่มั้ย]

     

     

                “แบม ละอองดาวลองกรอกเสียงตัวเองเรียกชื่อของคนที่โทรหาแต่ทว่าไร้การตอบกลับจากแบมแบม ยังคงเป็นเสียงแปลกๆที่ดังออกมา เสียงอู้อี้ไม่ค่อยชัดนักทำให้เธอพยายามเงียบและแนบหูฟังอย่างตั้งใจ

     

     

              [ถ้ามันเอาไอ้นั่นมาเป็นข้ออ้าง เราก็ใช้เด็กนี่เป็นตัวประกันตอกกลับไป แล้วคอยดูสิว่าไอ้มาร์คมันจะทำยังไง]

     

     

                “……..” ละอองดาวเงียบไปเมื่อได้ยินบทสนทนาแปลกๆที่เธอยังไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ถูก แต่ในใจตอนนี้รู้สึกได้ว่าเหมือนจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เพราะชื่อของคนรู้จักดันอยู่ในบทสนทนา แม้เธอจะยังไม่รู้ว่าใช่คนๆเดียวกับมาร์คที่เธอรู้จักหรือไม่ แต่ลางสังหรณ์บางอย่างมันกำลังบอกว่าเธอคิดถูกแล้ว

     

     

              [แล้วถ้ามันเล่นตุกติกกับเราล่ะครับนาย อย่าลืมนะครับว่ามันไม่ใช่คนธรรมดาที่เราจะเอาชนะได้ง่ายๆ ผมว่าทางที่ดีนายอย่าประมาทและอย่าวางใจง่ายๆดีกว่านะครับ]

     

     

              [เออรู้แล้วน่า! ถ้าครั้งนี้มันมีแผนอะไรมาเล่นงานกูอีก ก็ใช้วิธีเดียวกับตอนละอองฝนตอบกลับไปแล้วก็ปิดเรื่อง หึ ยังไงมันก็ไม่มีทางชนะคนอย่างกูหรอกจำไว้ ถ้ามันจะทำให้กูชิพหายกูก็จะทำให้มันไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตเหมือนกัน อยากรู้นักถ้าแบมแบมโดนเหมือนละอองฝนไอ้มาร์คมันจะอยู่ต่อไปยังไง]

     

     

                ด้วยความตกใจที่เข้าเล่นงานกะทันหัน ทำเอามือน้อยที่จับโทรศัพท์อยู่สั่นแทบไม่มีแรงถืออีกต่อไปเพราะบทสนทนาที่เธอได้รับฟังนั้นเฉลยหมดทุกอย่างแล้วว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง ละอองดาวยกมืออีกข้างปิดปากกลั้นเสียงที่เกือบจะหลุดออกมา หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวแทบคุมไม่อยู่เมื่อชื่อของพี่สาว ชื่อของเพื่อน และชื่อของเพื่อนสนิทพี่สาวอยู่ในประโยคเดียวกัน

     

     

                ใคร! ใครกันคือคนที่กำลังพูดอยู่ มีเพียงคำถามเดียวที่ดังก้องอยู่ในใจตอนนี้

     

     

                อองดาว!” เสียงเรียกชื่อตนจากใครบางคนทำให้ร่างเล็กสะดุ้งตกใจอย่างแรงจนคนที่เรียกชื่ออดตกใจไปด้วยไม่ได้ ใบหน้าหวานที่บัดนี้ซีดฉายแวววิตกทำให้คนมาใหม่รีบเดินเข้ามาจับไหล่เธอด้วยความเป็นห่วง

     

     

                เตนล์เสียงหวานดูตกใจร้องเรียกชื่อของเพื่อนสนิท เตนล์ใช้มือใหญ่ที่จับไหล่ของคนตัวเล็กอยู่บีบเบาๆเพื่อให้คนตรงหน้าที่ดูสติแตกจากอะไรบางอย่างสงบก่อน สายตาคมทอดมองใบหน้าหวานที่บัดนี้แววตาและสีหน้าดูผิดปกติเหลือเกิน ละอองดาวกัดปากตัวเองแน่นอย่างคนกำลังสติหลุดด้วยเหตุผลที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

     

     

                เป็นอะไรหรือเปล่าอองดาว ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย จากที่มุ่งหน้ามาหาละอองดาวเพื่อทำอะไรบางอย่าง ตอนนี้เตนล์จำต้องพับภารกิจของตัวเองเอาไว้ก่อนเมื่อคนที่เขาจะมาขอความช่วยเหลือดูไม่โอเค ละอองดาวกำโทรศัพท์ไว้แน่นผิดปกติ เตนล์จึงถือวิสาสะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์นั้นขึ้นมาดู แต่ทว่ามือน้อยกลับปัดมือของเขาออกอย่างแรง

     

     

                อย่า!”

     

     

                “ทำไม

     

     

                “…..”

     

     

                “เป็นอะไรอองดาว มีอะไรหรือเปล่า

     

     

                ปะ .. เปล่า ... อ่อ ... อืม ว่าแต่ทำไมแกถึงมาที่นี่ล่ะ มีอะไรรึเปล่า ละอองดาวสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเงยหน้าขึ้นมองเตนล์ พยายามอย่างที่สุดที่จะควบคุมความรู้สึกตอนนี้ เตนล์เงียบไปอย่างชั่งใจกับท่าทางแปลกๆของคนตรงหน้า แต่ก็ยอมเปิดปากพูดในสิ่งที่นำพาเขามาถึงที่แห่งนี้

     

     

                เราจะมาขอเบอร์พี่มาร์คน่ะ อองดาวมีเบอร์พี่มาร์คใช่มั้ย เรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับพี่มาร์ค และเราก็ต้องคุยกับอองดาวด้วย

     

     

                มีเรื่องอะไรเหรอ

     

     

                อองดาวฟังดีๆนะ นี่มันอาจจะดูกะทันหันไปหน่อยที่จะตั้งรับและทำใจ แต่มันถึงเวลาที่อองดาวควรจะรู้ได้แล้ว เรื่องของพี่อองฝน พี่สาวของอองดาว สีหน้าของละอองดาวเปลี่ยนไปทันทีที่เตนล์พูดจบ ดวงตาใสสั่นระริกและทอดสายตามองคนตัวสูงกว่าด้วยอารามตกใจ แต่จริงๆมันยิ่งกว่าความรู้สึกตกใจเพราะความรู้สึกนี้เธอแทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น เรื่องของพี่สาวเธอที่จากไปได้หลายปีแล้วเธอไม่เคยเล่าให้ใครฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่คนตรงหน้าตรงนี้กลับกำลังบอกเธอว่าถึงเวลาที่เธอควรรู้ทุกอย่าง นั่นหมายความว่ามีเรื่องอะไรที่เธอยังไม่รู้

     

     

                ระ ... เรื่องอะไร

     

     

                ฟังนะอองดาว ตั้งใจฟังเราให้ดีๆ สาเหตุการตายของพี่ละอองฝน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามที่ตำรวจสรุปคดี เพราะเรื่องนี้มีผู้บงการ คนเลวที่มันเป็นคนก่อเหตุและบงการทุกอย่าง คนๆนั้นก็คือไอ้ตินท์!” เหมือนคนช็อคเสียสติที่ปิดกั้นและไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกต่อไป ละอองดาวมองหน้าของคนตรงหน้านิ่งด้วยพูดไม่ออกไปเสียแล้ว แววตาและสีหน้าของเตนล์ก็ดูจริงจังจนเธอไม่กล้าคิดว่าเขาจะล้อเล่น

     

     

                แก ... ล้อเล่นใช่มั้ย พี่ตินท์เนี่ยนะ ไม่อ่ะ ฉันไม่เชื่อ

     

     

                มันคือเรื่องจริงอองดาว เรารู้ว่าแกทำใจเชื่อยากเพราะแกเชื่อมาตลอดว่าไอ้ตินท์มันเป็นคนดี แต่นับจากนี้แกต้องเชื่อเรา ฟังดีๆนะอองดาว ไอ้ตินท์มันเป็นคนเลว พี่สาวของแกต้องตายเพราะมัน และที่สำคัญมันยังปิดเรื่องทั้งหมดโดยการให้พ่อของมันช่วย

     

     

                แต่ ...

     

     

                ถ้าแกยังไม่เชื่อตอนนี้ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญและเราต้องทำก่อนที่แบมแบมจะเป็นอันตราย ละอองดาวที่กำลังสติหลุดกับเรื่องราวที่เพิ่งได้รับฟังมาเมื่อกี้ถึงกับมองหน้าเตนล์ด้วยแววตาโตกว่าเดิม ภายในใจรู้สึกหวาดหวั่นกับคำพูดที่เพิ่งได้ยินไม่มีเหตุผล เมื่อเป็นเรื่องของเพื่อนที่เธอกำลังตามหาอยู่ ทุกอย่างมันดูรวดเร็วและสับสนจนเธอแทบจะลำดับอะไรไม่ถูกเสียแล้ว

     

     

                อะไรนะ แกบอกว่าแบมจะเป็นอันตรายเหรอ อะไร ทำไม แบมอยู่ไหน ประโยคคำถามถูกรัวใส่ผู้ชายตัวสูงจนเตนล์ตอบแทบไม่ทัน

     

     

    ใจเย็นก่อนละอองดาว ก่อนอื่นแกต้องเอาเบอร์พี่มาร์คมาให้เราก่อน แล้วเราจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง แม้จะยังไม่รู้เรื่องอะไรดีมากนัก แต่ละอองดาวก็ยินยอมทำตามที่เพื่อนตัวสูงตรงหน้าร้องบอก มือสวยกดเบอร์ของเพื่อนสนิทพี่สาวแล้วยื่นให้เตนล์ตามคำร้องขอ มือหนารีบรับโทรศัพท์ขึ้นแนบหูทันทีที่มีการต่อสัญญาณถึงคนปลายสาย

     

     

    -----------------

     

     

     

    แรงสั่นสะเทือนจากเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นพอดีกับตอนที่ขายาวกระโดดลงจากเรือมายืนบนพื้นดินได้สำเร็จ มาร์คและเพื่อนๆไปทำภารกิจบางอย่างตามที่วางแผนไว้และทุกอย่างดูจะเป็นไปได้ด้วยดี เขาสามารถติดตามหาพยานคนสุดท้ายที่สำคัญมากๆมาไว้กับตัวได้แล้ว

     

     

    ฮัลโหล คนตัวสูงไม่รีรอที่จะกดรับสายโดยทันทีเมื่อเบอร์ที่โทรมาโชว์หราว่าเป็นเบอร์ของน้องสาวเพื่อนสนิท

     

     

    ฮัลโหลครับพี่มาร์ค แต่ทว่าเสียงปลายสายที่ควรจะเป็นผู้หญิงตอบกลับมาก็ทำให้มาร์คต้องดึงโทรศัพท์ออกมาดูชื่ออีกครั้ง

     

     

    ครับ นี่ใคร

     

     

    ผมชื่อเตนล์นะ เตนล์เพื่อนแบมอ่ะจำได้ใช่มั้ย พอปลายสายรายงานตัวเองว่าเป็นใคร ปากของคนขี้หวงก็ดูจะหยักขึ้นนิดๆโดยไม่รู้ตัว

     

     

    อืม มีอะไร

     

     

    พี่มาร์คผมมีเรื่องสำคัญจะบอก เรื่องของแบมแบม แล้วเรื่องราวที่คนอีกฝั่งของบทสนทนาตั้งใจจะบอกก็พลั่งพรูออกมาไม่ให้ทันตั้งตัว มาร์คยืนฟังเงียบๆไม่ได้แสดงท่าทีหรือสีหน้าใดๆ หากแต่ใครจะรู้ว่าภายในใจตอนนี้กลับกำลังหวาดกลัวและร้อนรนราวเพลิงโหมกระหน่ำ แข้งขารู้สึกอ่อนแรงราวกับกำลังจะไม่มีแรงยืนอยู่บนพื้นได้อีกต่อไป ทันทีที่จบคำบอกเล่าของเตนล์ซึ่งบอกให้เขารีบไปหาที่รีสอร์ทของแบมแบมเพื่อทำตามแผนการที่เด็กหนุ่มได้วางไว้ มาร์คไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าคนๆนั้นเป็นใคร เพราะตอนนี้ขายาวกำลังวิ่งมุ่งหน้าไปตามที่เด็กหนุ่มสั่งเรียบร้อยแล้ว

     

     

    -------------

               

     

     

     

               

     

                สองเพื่อนสนิทกำลังยืนรอคนสำคัญอีกคนที่กำลังมาหาด้วยใจร้อนรนแม้เตนล์จะบอกให้เด็กสาวใจเย็นๆแล้วก็ตาม ละอองดาวได้รับฟังเรื่องราวทุกอย่างจากปากของเพื่อนสนิทคนนี้แล้ว แม้ใจจะยังไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริงแต่ความเป็นไปได้และอะไรหลายอย่างก็ดูจะไม่มีน้ำหนักให้เตนล์พูดโกหกได้สักคำเดียว เธอทำได้แค่เพียงยืนกำมือแน่นข่มอารมณ์หายใจเข้าออกบอกตัวเองให้เข้มแข็ง ในใจตอนนี้อยากจะร้องไห้เต็มแก่กับเรื่องพี่สาวที่เพิ่งได้รับรู้ความจริงอันน่าตกใจ แต่เด็กสาวก็เลือกที่จะเก็บความอ่อนแอนี้ไว้ก่อน เพราะเธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาร้องไห้ แต่มันคือเวลาที่จะต้องช่วยเพื่อนอีกคนให้รอดพ้นจากอันตรายก่อนต่างหาก

     

     

                พี่มาร์ค!” เสียงของเตนล์ร้องเรียกผู้ชายตัวสูงซึ่งกำลังวิ่งตามหาพวกเขา ใบหน้าหล่อนั่นดูเคร่งเครียดอย่างที่คนทั้งคู่ไม่เคยเห็นมาก่อน

     

     

                แบม ... แบมอยู่ไหน! ไอ้ตินท์อยู่ไหน!! มันอยู่ไหน มันจะทำอะไรอีก!!!” ทันทีที่วิ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วยความเร็วสูง น้ำเสียงทุ้มปนความเหนื่อยหอบก็เอาแต่ร้องถามชื่อของแบมแบมเสียงดัง เตนล์จึงยกมือจับต้นแขนคนตัวสูงไว้เป็นเชิงบอกให้สงบสติอารมณ์ก่อน

     

     

                พี่มาร์คใจเย็นๆ สงบสติก่อน มาร์คมองหน้าของเตนล์แล้วถึงยอมหลับตาข่มสติทั้งที่ตอนนี้แทบคุมไม่อยู่แล้ว

     

     

                โอเค ... โอเคว่ามา จะทำยังไง

     

     

                ฟังผมนะ ตอนนี้เราต้องอย่าทำอะไรวู่วาม เพราะทางนั้นมันรู้อยู่แล้วว่าเราจะต้องเดินเข้าไปหามันเองทันทีที่รู้เรื่องแน่ๆ ดังนั้นเราจะไม่ทำแบบนั้น เตนล์เริ่มต้นอธิบายแผนการให้ทั้งมาร์คและละอองดาวฟังอย่างละเอียด แม้มาร์คจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องมาทำตามแผนการของคนที่ชอบทำให้เขาหวงแบมแบมบ่อยๆแต่ครั้งนี้เขาจะยอมสงบศึกชั่วคราวแล้วกัน

     

     

                อ้าว แล้วเราจะเอาตัวแบมออกมาได้ยังไงล่ะเตนล์ ละอองดาวร้องถามขึ้นมาด้วยความไม่รู้ทันที

     

     

                เราจะเข้าไปเอาตัวแบมแบมแน่นอน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ อันดับแรกเราต้องรวบรวมหลักฐานเอาผิดกับเรื่องเลวๆของมันให้ครบก่อน ซึ่งมีหลายเรื่องที่ผมเคยสืบหาข้อมูลมารวบรวมไว้บ้างแล้ว ... เตนล์อธิบายถึงหลักฐานต่างๆที่เขาเป็นคนสืบหาและเก็บข้อมูลมาอย่างลับๆหลายปี ละอองดาวกับมาร์คเผลอลอบมองใบหน้ากัน แม้ไม่ได้พูดอะไรแต่ก็รู้เลยว่าต่างคนต่างกำลังคิดอะไรอยู่

     

     

                เตนล์แล้วก็เป็นละอองดาวนั่นเองที่ใจกล้าถามขึ้นมา

     

     

                นั่นพี่ชายแกนะ ... โอเคใช่มั้ย คำถามที่ทั้งมาร์คและละอองดาวต่างก็คิดเหมือนกันว่าทำไมคนเป็นน้องชายถึงดูอยากจะเปิดโปงคนเป็นพี่ชายของตัวเองมากขนาดนี้ เตนล์ฟังคำถามของเพื่อนจบแล้วก็ยิ้มออกมาที่มุมปาก

     

     

                โอเคสิ เพราะเรากับมันไม่ได้เป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว มาร์คกับละอองดาวยิ่งมองหน้ากันด้วยความสับสนมากขึ้น จนคนที่อยู่ตรงกลางอย่างเตนล์ยอมตอบเฉลยข้อสงสัยทุกอย่างให้เอง

     

     

                แม่เราแต่งงานใหม่กับพ่อมันน่ะ ความจริงแล้วเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านนั้นด้วยซ้ำ พ่อจริงๆของเราเสียตั้งแต่เรายังอยู่ในท้องแม่ เตนล์พูดจบพร้อมกับยิ้มอย่างไม่คิดอะไร ละอองดาวและมาร์คก็ยังคงมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมาในสถานการณ์อย่างนี้ นอกจากคนตัวเล็กจะพูดปลอบใจเพื่อนตัวเองเท่านั้น

     

     

                แกโอเคจริงๆนะ

     

     

                อืม โอเคสิ ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเด็กหนุ่มฉาบด้วยรอยยิ้ม ความคิดที่ฝังอยู่ในหัวมาตั้งแต่จำความได้และได้เห็นภาพของแม่ถูกคนที่เขาเคยเรียกว่าพ่อทำร้ายจิตใจมานับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งพอได้รู้ความจริงที่ว่าคนๆนี้ไม่ใช่พ่อแท้ๆของตัวเอง เพราะพ่อแท้ๆของเขาตายไปตั้งแต่เขายังไม่เกิด ตายเพราะน้ำมือของคนที่เขาเรียกว่าพ่อนั่นแหละ เขาก็ยิ่งแค้น ...

     

     

                เราว่าข้ามเรื่องนี้ไปดีกว่า แบมแบมยังไม่ปลอดภัยนะ แล้วเตนล์ก็ตัดประเด็นลากกลับมาคืนยังเรื่องที่สำคัญกว่า พอได้ยินชื่อของแบมแบม ทั้งมาร์คและละอองดาวก็ดูจะลืมเรื่องของเตนล์ไปเลย

     

     

                แล้วนายจะทำยังไงต่อ แล้วก็กลับกลายเป็นมาร์คที่กระตือรือร้นที่สุด

     

     

                อันดับแรก ผมต้องขอความร่วมมือทั้งจากพี่มาร์คและอองดาว

     

     

                เรื่องอะไรเหรอเตนล์

     

     

                ผมอยากได้ใบตรวจการตั้งครรภ์ลูกของพี่อองฝนกับไอ้ตินท์ ....

     

     

                ห้ะ! / ว่าไงนะ!” และทั้งมาร์คกับละอองดาวก็ดูจะเป็นลมรอบที่สิบของวันกับเรื่องราวใหม่ที่ได้รับฟังจากปากของคนตรงหน้า

     

     

    ----------

     

     

     

     

                กรุงเทพมหานคร

     

     

                เสียงล้อรถยนต์จอดสนิทนิ่งหน้าบ้านของละอองดาวพร้อมกับร่างสูงของมาร์คและเจ้าของบ้านตัวน้อยกระโดดลงจากรถอย่างไว มีเตนล์ที่ทำหน้าที่ขับวิ่งตามลงมาทีหลัง

     

     

                อ้าวยัยอองดาว ทำไมกลับมาล่ะลูก ไหนบอกแม่ว่าจะกลับเสาร์นี้ไง ทันทีที่ละอองดาววิ่งนำหนุ่มๆเข้ามาในบ้าน คุณแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่ก็ร้องถามด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆลูกสาวก็วิ่งพาผู้ชายที่ไหนไม่รู้เข้ามาในบ้าน ละอองดาววิ่งขึ้นบันไดไปไม่ได้สนใจมีเพียงคำตอบจากเสียงใสเท่านั้นที่ดังออกมาจากด้านบนบ้าน

     

     

                หนูลืมของสำคัญค่ะแม่ เลยให้เพื่อนพากลับมาเอา เสียงของลูกสาวดังตอบมาแค่นั้นก่อนจะเงียบหายไป คุณแม่หันมามองเด็กหนุ่มสองคนวิ่งผ่านมาแล้วยิ้มให้เธอ มาร์คและเตนล์ยกมือไหว้คนเป็นแม่ก่อนจะขออนุญาตเจ้าของบ้านวิ่งตามลูกสาวของเค้าขึ้นไปข้างบน คุณนายของบ้านจึงได้แต่นั่งมองพฤติกรรมมาเร็วเครมเร็วของวัยรุ่นสมัยนี้ด้วยความงุนงงแรง

     

     

                มาร์คและเตนล์วิ่งตามสาวน้อยเจ้าของบ้านขึ้นมาด้านบน ในขณะที่ละอองดาวกำลังเดินออกจากห้องนอนตัวเองพร้อมด้วยกุญแจเล็กๆดอกหนึ่งมุ่งตรงไปยังห้องริมสุดที่คาดว่าจะเป็นห้องของละอองฝน มาร์คจึงเดินตามไปอย่างเร็วเมื่อเห็นว่าละอองดาวกำลังลงมือไขกุญแจ ทันทีที่ประตูบานสวยถูกเปิดออก ภาพตรงหน้าที่ปรากฏต่อสายตามาร์คก็ทำให้คนตัวสูงชะงักนิดหน่อย ความรู้สึกบางอย่างเข้าเล่นงานเมื่อห้องตรงหน้านี้เคยเป็นของเพื่อนสนิทที่จากไปนานแล้ว เตนล์และละอองดาวเดินเข้าไปก่อนแล้ว มีเพียงแค่มาร์คเท่านั้นที่เดินตามเข้าไปช้าๆด้วยความรู้สึกโหวงๆ

     

     

                สิ่งที่เราต้องหาก็แค่ใบตรวจการตั้งครรภ์ใช่ไหมเตนล์ ละอองดาวร้องถามเตนล์และเจ้าของชื่อก็พยักหน้าให้ทันที ทั้งสามไม่รอช้ารีบลงมือค้นของในห้องเพื่อไม่ให้เสียเวลาที่มีค่านี้ไป หลักฐานอีกชิ้นที่เตนล์อยากได้น่าจะอยู่ที่นี่ เขาได้แต่หวังว่าอดีตแฟนสาวของอดีตพี่ชายจะยังเก็บมันไว้อยู่

     

     

                ทำอะไรกันเหรอ และในตอนที่ทั้งสามกำลังตั้งใจช่วยกันหาใบตรวจการตั้งครรภ์ อยู่ๆเสียงของชายหนุ่มหน้าใสที่มีแว่นตาเป็นเอกลักษณ์ก็ดังขึ้นจากประตู มาร์ค เตนล์ และละอองดาวจึงหยุดการค้นหาโดยไม่ได้นัดหมายแล้วหันไปมองทางประตูแทบจะพร้อมกัน

     

     

                หวัดดี หวัดดี เป็นจูเนียร์นั่นเองที่ยืนยิ้มโบกมือทักทายคนในห้อง หลังจากที่เขาเพิ่งออกไปซื้อของข้างนอกแล้วกลับเข้าบ้านมา คุณแม่ก็บอกว่าละอองดาวโฮสต์คนสวยกลับมาบ้านพร้อมด้วยเพื่อนผู้ชายอีกสองคน คิดว่าเขาน่าจะรู้จัก จูเนียร์จึงเดินขึ้นมาข้างบนและก็เป็นไปตามที่แม่พูดว่าเขาน่าจะรู้จัก นั่นเตนล์เพื่อนของละอองดาว แล้วนั่นก็มาร์คเพื่อนในโครงการเดียวกับเขา

     

     

                อ้าวจูเนียร์ เตนล์ร้องทักคนที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง จูเนียร์จึงลากสลิปเปอร์เดินเข้ามากลางห้อง ดวงตากลมใสใต้กรอบแว่นยืนมองคนสามคนกำลังนั่งกับพื้นค้นของอะไรสักอย่างด้วยท่าทางสงสัย

     

     

                หวัดดีเตนล์ ไม่เจอกันนานเลยนะ แล้วนี่หาอะไรกันอยู่เหรอ เตนล์อึกอักไปแบบตอบไม่ถูก จนมาร์คที่นั่งฟังอยู่ต้องพูดขึ้นมาแทน

     

     

                หาของน่ะ เนียร์ทำไรอยู่

     

     

                เราเหรอ กำลังเขียนโปรแกรมอยู่อ่ะ แต่เมื่อกี้ไปเซเว่นมาเลยไม่ได้เจอกัน ถ้ายังไงเราขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ เออใช่อองดาว เราขอยืมเมาส์โน้ตบุ๊กในห้องหน่อยนะ ของเราพังยังไม่ได้ซื้อใหม่เลย ละอองดาวหันมาพยักหน้าให้เด็กแลกเปลี่ยนของตัวเองแล้วจูเนียร์ก็เดินยิ้มสบายอารมณ์ออกไป

     

     

                โห เขียนโปรแกรมเหรอ จูเนียร์ทำอะไรน่ะอองดาว เตนล์มองแผ่นหลังบางเดินออกไปแล้วก็ลากสายตากลับมามองเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งรื้อของให้ตู้ออกมา

     

     

                ที่เกาหลีจูเนียร์ไปฝึกงานที่บริษัทเขียนโปรแกรมซอร์ฟแวร์อะไรไม่รู้อ่ะ เนียร์เคยเล่าให้ฟังแต่เราจำไม่ได้แล้วล่ะ ละอองดาวตอบคำถามคนตัวสูงแม้จะไม่ได้หันไปมองหน้า เพราะกำลังหยิบกระดาษเก่าๆใบหนึ่งจากในตู้ขึ้นมาอ่าน

     

     

                เจอบ้างมั้ย แล้วเตนล์ก็หันไปมองอีกทาง มาร์คปิดตู้ใส่ของแล้วเดินหน้ามุ่ยมานั่งลงบนเตียง ละอองดาวก็เก็บของที่รื้ออกมาเข้าตู้แล้วหันมาส่ายหน้าให้มาร์คหน้าตาไม่ต่างกันเท่าไหร่

     

     

                เจอไหมเตนล์ ส่วนเตนล์ก็ได้แต่ส่ายหน้าเมื่อกล่องใส่ของที่เขาหาก็ไม่มีอะไรเช่นกัน

     

     

                อองฝนไม่น่าจะเก็บไว้โจ่งแจ้งขนาดนี้หรอก .... ถ้าเช็คพวกโซเชียลได้ก็คงดีอ่ะ มาร์คมองหน้าน้องทั้งสองคนแล้วบ่นออกมาอย่างเสียกำลังใจ แต่ทว่าคำพูดของคนตัวสูงกว่ากลับทำให้เตนล์ฉุกคิดอะไรออกมาได้

     

     

                นั่นสิ โซเชียลไง!”

     

    --------------

     

               

     

                “เอ่อ เราก็ไม่เคยทำอ่ะนะ แต่ก็จะลองแล้วกัน เสียงใสของคนตัวบางที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมดังขึ้น โดยมีบุคคลทั้งสามกำลังจดจ้องมาที่เขาอย่างมีหวังนั่นจึงทำให้จูเนียร์อดจะกดดันไม่ได้ อยู่ๆเขาก็ถูกเตนล์วิ่งเข้าไปลากมาจากห้องพร้อมบอกว่าอยากให้เขาช่วยแฮคเฟซบุ๊คของพี่สาวของละอองดาวให้ แม้จะรู้สึกแปลกๆที่จะต้องทำอะไรแบบนี้แต่สีหน้าและแววตาอ้อนวอนของทั้งสามคนก็ทำให้เขาใจอ่อนจนได้

     

     

                จูเนียร์มองหน้าทั้งสามคนแล้วก็ลากสายตาไปจดจ้องที่หน้าจอโน้ตบุ๊กของตัวเอง โปรแกรมต่างๆที่คนใช้คอมปกติไม่ค่อยใช้กันถูกเปิดเข้าอันนี้สลับเข้าอันโน้นมากมายจนทั้งสามคนที่ยืนมองปวดหัว เวลาผ่านไปไม่นานจูเนียร์ลองใส่ชื่ออีเมลที่ละอองดาวบอกแล้วจัดการอะไรคนเดียวอยู่ สักพักหน้าโปรไฟล์ของละอองฝนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสี่คน

     

     

                เห้ย! / ได้แล้ว!” เสียงอุทานจากคนที่ยืนมองดังออกมาพร้อมกัน จูเนียร์จึงหันคอมส่งไปให้ละอองดาวแล้วทั้งสามคนก็รีบเปิดอ่านแชทอย่างไม่รอช้าด้วยความตื่นเต้นกับความสามารถของเด็กแว่นและความดีใจกับอีกก้าวหนึ่งของการตามหาหลักฐาน

     

     

                ละอองดาวกดเปิดกล่องข้อความที่พี่สาวเอาไว้คุยกับคนรู้จัก อินเตอร์เน็ทโหลดสักพักรายชื่อของคนที่คุยก็ปรากฏต่อสายตา ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อเกิดในใจดวงน้อยของผู้เป็นน้องสาว รวมถึงคนข้างๆที่กำลังยืนอ่านรายชื่อเช่นกัน ละอองดาวลากสายตาลงมาเจอกับกล่องข้อความที่พี่อองฝนคุยกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ราวกับว่าพี่สาวของเขายังอยู่ ทั้งๆที่จริงๆแล้วเธอจากไปนานแล้ว และไม่มีวันที่จะกลับมาตอบข้อความที่ยังไม่ได้ตอบเธออีกแล้วเช่นกัน

     

     

                มาร์คกวาดสายตามองรายชื่อต่างๆ จนมาหยุดที่ชื่อเฟซของตัวเอง ดูเหมือนว่าละอองดาวจะรับรู้ได้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไร ร่างน้อยหันมามองหน้าเขาแล้วยิ้มให้กำลังใจกันและกัน เตนล์ร้องบอกบางอย่างขึ้นมาพอดีทั้งคู่เลยลากสายตากลับไปสนใจหน้าจอต่อ

     

     

                ดูนี่สิ ข้อความสุดท้ายที่พี่อองฝนส่งหาคนอื่น ส่งให้ ..... เห้ย นี่เฟซแบมป้ะ

     

     

                หืม ลองเปิดอ่านสิ มาร์คลองบอกแบบนั้นเตนล์จึงกดตามอย่างไม่รอช้า ... และเรื่องราวที่เปรียบเสมือนกุญแจตามหาหลักฐานอีกดอกก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าทั้งสามคน

     

     

              .

              .

              .

              .

              .

              .

     

     

     

                และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาสามคนถึงมายืนอยู่ในบ้านของแบมแบมตอนนี้

     

     

                อ้าวมาร์คกลับมาแล้วเหรอลูก ฝีเท้าเร่งรีบของมาร์คที่เดินนำเตนล์และละอองดาวเข้ามาหยุดชะงักกะทันหันเมื่อพบกับผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ทั้งสามไหว้คุณแม่ของพี่น้องภูวกุลพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายและก็ได้รับรอยยิ้มหวานตอบกลับมา

     

     

                อ๋อ ผมกลับมาเอาของน่ะครับแม่ ขอยืมคำพูดละอองดาวมาใช้ก่อนแล้วกันงานนี้

     

     

                อ๋อ แล้วนี่ละอองดาวก็มากับเค้าด้วยเหรอลูก ไม่เจอกันนานสวยขึ้นน้า ละอองดาวยิ้มให้คุณแม่ของแบมแบมที่นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน คุณแม่หันกลับมามองมาร์คแล้วถามคำถามหนึ่งขึ้นมาเล่นเอาทั้งสามคนทำตัวแทบไม่ถูก

     

     

                มาร์คแล้วน้องล่ะ เจอน้องบ้างไหมลูก เห็นน้องบอกว่าอยู่ที่หัวหินเหมือนกันนิ

     

     

                อะ ... เอ่อเจอครับแม่ แต่แบมติดซ้อมก็เลยไม่ค่อยเจอกันบ่อยเท่าไหร่ รู้สึกผิดบาปไปอีกเมื่อต้องจำใจโกหกผู้หญิงตรงหน้านี้ มาร์คมองหน้าของคุณแม่โฮสต์แล้วก็ได้แต่ร้องขอโทษในใจที่นอกจากจะดูแลลูกชายของแม่ไม่ได้แล้วยังโกหกเธออีกด้วย

     

     

                อ๋อไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเสาร์นี้เจ้าแบมก็กลับแล้วนี่ แล้วเราล่ะจะกลับตอนไหน มาร์คหันมองหน้าของคนอีกสองคนที่ยืนยิ้มแหยอยู่ข้างหลังอย่างเข้าใจความรู้สึกกันดี อยากจะรีบขึ้นไปเพราะขืนอยู่ต่อตรงนี้เขาก็ต้องโกหกมากขึ้น ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก

     

     

                อ๋อ ... ผม เอ่อมาร์คก็จะกลับพร้อมแบมล่ะครับแม่ เดี๋ยวมาร์คดูแลน้องเองแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ งั้นเดี๋ยว ... เอ่อเดี๋ยวผมขอตัวขึ้นไปเอาของก่อนนะครับ

     

     

                เอ้อ! นั่นสิ ม๊าก็ชวนคุยซะเพลินเลย เอ้าไปๆๆหนุ่มๆสาวๆรีบขึ้นไปจัดการธุระให้เรียบร้อย เด็กๆทั้งสามไหว้คุณแม่อีกครั้งแล้วรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองของบ้านอย่างว่องไว มาร์ควิ่งตรงมาที่ห้องนอนตรงข้ามห้องของตัวเองแล้วเปิดเข้าไปทันที โชคดีที่แบมแบมไม่ได้ล็อกเอาไว้ ทั้งสามคนจึงรีบเดินเข้าไปหาของแต่ละจุดที่คิดว่าแบมแบมจะเก็บใบตรวจการตั้งครรภ์ที่ละอองดาวเคยส่งให้แบมแบมดูตามข้อมูลจากการคุยกันของทั้งสองคน แม้จะไม่รู้ว่าแบมแบมยังเก็บไว้อยู่หรือไม่ เพราะตามที่ทั้งสองคุยกันดูเหมือนว่าละอองฝนและแบมแบมจะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะแม้แต่คนเป็นน้องสาวแท้ๆอย่างละอองดาวก็ยังไม่รู้เรื่องมาก่อน

     

     

                พี่มาร์คไม่มีเลยอ่ะ

     

     

                ผมก็หาหมดแล้วไม่เห็นมีอะไรเหมือนกัน มาร์คปิดตู้หนังสือของแบมแบมลงแล้วหันมามองหน้าทั้งสองคนอย่างใช้ความคิด แบมแบมจะเก็บของสำคัญแบบนั้นไว้ที่ไหน ต้องไม่ใช่ที่ๆคนทั่วไปจะเห็นได้ง่ายๆ ยืนคิดอยู่สักพักก็เหมือนสวรรค์ส่งตัวช่วยมาให้ เมื่ออยู่ๆน้องสาวคนเล็กของบ้านดันเดินผ่านมาพอดี

     

     

                เบบี้!” มาร์คหันไปเห็นเบบี้กำลังเดินกดโทรศัพท์ผ่านหน้าห้องพอดีจึงเรียกไว้ เด็กสาวหันมามองด้วยแววตาฉงนแล้วก็เดินเข้ามาในห้องตามเสียงเรียกของพี่ชายหน้าหล่อ

     

     

                พี่มาร์ค กลับมาตอนไหนเนี่ย

     

     

                สักพักอ่ะพี่กลับมาเอาของ เบบี้พี่ถามอะไรหน่อยสิ

     

     

                ค่ะ ว่า ?”

     

     

                “บี้รู้มั้ยว่าปกติแบมเก็บของสำคัญไว้ตรงไหน เบบี้เงียบทำท่าคิดสักพักแล้วก็ชี้นิ้วไปบนตู้เสื้อผ้าสูง

     

     

                บี้ไม่แน่ใจนะ แต่เคยเห็นแบมเอากล่องไว้บนตู้เสื้อผ้าอ่ะ ลองดูสิพี่มาร์ค มาร์คหันไปมองตามทิศทางที่นิ้วชี้แล้วจึงตัดสินใจลากเก้าอี้มาก่อนจะปีนขึ้นไป และภาพที่เห็นตรงหน้าก็มีกล่องกระดาษสีน้ำตาลอยู่จริงๆ เบบี้เห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงเดินแยกออกไป

     

     

                กล่องสีน้ำตาลมีฝุ่นเล็กน้อยถูกมือใหญ่อุ้มลงมาวางบนพื้น ทั้งสามคนต่างล้อมเข้ามาดูทันที มาร์คเปิดฝากล่องออกและก็พบว่าในนี้น่าจะเป็นกล่องเก็บของสำคัญของแบมแบมจริงๆ เพราะมีของมากมายที่ยังดูมีสภาพดีถูกเก็บรักษาอยู่มากมาย มาร์คค่อยๆหยิบของออกมาวางข้างนอก สมุดเฟรนชิพตอนมอสาม รูปตอนแข่งร้องเพลง สายสะพายเจ้าชายของโรงเรียน ตุ๊กตาหมีอัดเสียง กล่องใส่สายรัดข้อมือที่เขาเคยให้เป็นของขวัญวันเกิดก็อยู่ในนี้ทำเอามาร์คเผลอยิ้มออกมา แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อหันไปเห็นกำไลสีเงินที่เตนล์เคยให้ นี่แบมแบมคิดยังไงถึงเอาของๆเจ้าเด็กนี้มาใส่ไว้ในกล่องเก็บของสำคัญนะ มาร์คเผลอยกปากหยักขึ้นไม่รู้ตัวอีกครั้ง มือใหญ่จับของชิ้นต่อไปออกมาอย่างหงุดหงิด และ ... กรอบรูปหนึ่งก็ปรากฏต่อสายตาทำให้คนหัวร้อนเปลี่ยนประเด็นความสนใจไปได้ทันที รูปของแบมแบมกับละอองดาว ...

     

     

                รู้สึกติดใจอะไรขึ้นมานิดหน่อยและเขาคงจะไม่คิดอะไรไปมากกว่านี้ถ้าไม่ดันเผลอไปเห็นสายตาแปลกๆของละอองดาวเข้า เด็กสาวดูจะสะตั้นกับสิ่งที่เขาหยิบขึ้นมาจากกล่องเช่นกัน เพราะแววตาของละอองดาวที่มาร์คไม่อยากจะค้นหาความหมายรีบหันไปมองทางอื่นเหมือนไม่อยากจะเห็นรูปนั้น

     

     

                ความจริงมาร์คก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าแบมแบมและละอองดาวเคยมีความสัมพันธ์ในรูปแบบไหน

     

     

                เห้ย! อันนั้นอะไรอ่ะพี่มาร์ค เตนล์สะกิดข้อมือใหญ่อย่างถือวิสาสะจนคนหล่อหันไปมอง ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะร้องถามมาร์คแต่ทว่ามือนั้นกลับพุ่งไปหยิบมันขึ้นมาจากกล่องเรียบร้อยตัดหน้าคนที่กำลังรื้อของออกมาแล้ว มาร์คได้แต่ถอนหายใจเบาๆไม่ให้คนอื่นได้ยิน อย่าให้เค้ารู้ว่ามาร์คอคติ เตนล์ทำอะไรก็ดูน่าหงุดหงิดสำหรับเขาไปหมด แต่ตอนนี้เห็นว่าเจ้าเด็กนี้ดูจะช่วยแบมแบมได้มาก มาร์คจะปล่อยผ่านไปก่อนแล้วกัน

     

     

                ซองใส่เอกสารนี่ ละอองดาวรีบขยับเข้ามาใกล้เตนล์ซึ่งลงมือเปิดซองออกดูทันที โดยมีมาร์คเหลือบมองอยู่ห่างๆ เด็กหนุ่มดึงเอกสารที่อยู่ข้างในออกมาอ่านก่อนจะทำตาโตลุกวาว

     

     

                เห้ย! ใช่! นี่แหละ อันนี้แหละที่เรากำลังตามหา เตนล์ร้องออกมาท่าทางดีใจทำเอาอีกสองคนพลอยตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ ละอองดาวแย่งกระดาษในมือของเตนล์มากวาดสายตาอ่านตัวอักษรอีกครั้งด้วยสายตาของตัวเอง และชื่อของพี่สาวที่เด่นชัดอยู่บนหัวกระดาษก็ทำเอาเธอแอบน้ำตาซึมออกมาอัตโนมัติ

     

     

                พี่ .... พี่มีหลานจริงๆเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ คำพูดที่เผลอหลุดออกมาจากปากด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้นของละอองดาวเสียดแทงเข้าไปในใจของมาร์คยิ่งนัก เขาก็รู้สึกไม่ต่างจากละอองดาวไปมากเท่าไหร่เพราะนั่นก็คงจะเป็นหลานของเขาเช่นกันถ้าเด็กน้อยได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลก

     

     

                เตนล์มองใบหน้าของคนข้างๆที่ยังคงไม่ละสายตาออกมาจากกระดาษแผ่นนั้น บรรยากาศตื่นเต้นเมื่อครู่ก็ดูจะกลับกลายเป็นหดหู่ลงไปถนัดตา มือใหญ่คว้าหมับลงบนไหล่เล็กเพื่อให้กำลังใจ ละอองดาวหันมายิ้มให้เป็นคำตอบว่าตัวเองไม่เป็นไร แม้ดวงตากลมจะมีน้ำใสๆคลออยู่ก็ตาม

     

     

                แล้วยังไงต่อ ไอ้หลักฐานนี้มันสำคัญยังไง อาจจะเพราะสัมผัสได้ถึงความหดหู่ มาร์คจึงพูดแทรกขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศสีเทาๆตรงนี้ลง

     

     

                หลักฐานนี้ผมต้องการเอาไว้ใช้เพิ่มน้ำหนักของข้อสันนิษฐานครับ

     

     

                ข้อสันนิษฐานอะไร ?”

     

     

                “เพราะคดีของพี่ละอองฝนตามที่ตำรวจปิดคดี บอกไว้ว่าพี่ละอองฝนโดน เอ่อ ... โดนเพื่อนข่มขืนและเดินออกมาโดนรถชนเสียชีวิตเอง แต่ความจริงแล้วทุกอย่างถูกจัดฉากและถูกวางแผนไว้หมดแล้วต่างหากล่ะครับ เตนล์อธิบายออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างจากอีกสองคนที่กำลังตั้งใจฟัง ละอองดาวดูจะสะเทือนใจกับคำพูดที่ได้รับฟังจนน้ำตาค่อยๆซึมออกมาเพิ่มขึ้น ต่างจากมาร์คที่ดูจะโมโหจนมือที่กำอยู่กำแน่นขึ้นเรื่อยๆ

     

     

                ฉันก็คิดไว้เหมือนกัน ว่าแล้วไม่มีผิด

     

     

                ผม ... ผมขอโทษที่รู้แต่ทำอะไรไม่ได้ ไอ้ตินท์มันให้พ่อช่วยปิดคดีทุกอย่าง แน่นอนอยู่แล้วว่าอำนาจมืดของพ่อมันสามารถจัดการเรื่องนี้ให้เงียบไปได้ง่ายอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงพยายามเก็บข้อมูลทุกอย่างเงียบๆเพื่อรอวันนี้ วันที่หลักฐานทุกอย่างจะทำให้อำนาจของพ่อมันไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกแล้ว

     

     

                เตนล์ ... อยู่ๆผู้หญิงคนเดียวที่นั่งฟังมานานก็เอ่ยปากขัดบทสนทนาออกมา ทำให้ผู้ชายทั้งสองคนหันมามองยังเธอทันที

     

     

                ว่าไงละอองดาว

     

     

                เล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพี่เราบ้าง เตนล์เปลี่ยนสีหน้าทันทีด้วยความลำบากใจ ด้วยกลัวว่าเรื่องราวที่จะเล่าออกมานี้ดูจะโหดร้ายเกินไปสำหรับผู้หญิงคนนี้ เขาห่วงความรู้สึกของละอองดาวมากเกินกว่าสิ่งอื่นใด

     

     

                แต่ ...

     

     

                ถ้ากลัวว่าเราจะรับไม่ได้ก็ไม่ต้องกลัวนะ เราอยากฟัง เล่ามาเถอะ เตนล์อ้ำอึ้งไปนิดหน่อยแต่เมื่อหันไปเห็นมาร์คพยักหน้าให้เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเล่าเรื่องให้ทั้งสองคนฟัง

     

     

                ไอ้ตินท์มันจีบพี่อองฝนก็แค่เพราะอยากเอาชนะพี่มาร์ค แต่พอมันเบื่อมันเลยตั้งใจจะเลิกกับพี่อองฝน แต่พี่อองฝนก็ดันมาท้องซะก่อน เพื่อไม่ให้เสียชื่อมัน มันก็เลยวางแผนจะกำจัดทั้งพี่อองฝนและลูกพร้อมกันเลย เพราะพี่อองฝนบอกว่าจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าใครคือพ่อของเด็ก มันเลย ... มันเลยวางแผนไปเป่าหูเพื่อนคนหนึ่งที่แอบชอบพี่อองฝนให้ไปข่มขืนพี่อองฝน ไม่รู้ว่ามันทำยังไงเหมือนกันไอ้โง่นั่นถึงยอมทำตาม ทุกอย่างเป็นการจัดฉาก มันหลอกไอ้คนนั้นให้ทำตามแผนแล้วแจ้งตำรวจไปจับ ก่อนจะให้ลูกน้องขับรถชนพี่อองฝน เพื่อทำให้ทุกอย่างดูเป็นอุบัติเหตุมากที่สุด พอตำรวจมาถึงเรื่องทุกอย่างก็เลยดูมีน้ำหนักว่าพี่อองฝนเดินเสียสติออกมาโดนรถชนเอง ทั้งๆที่พี่เค้าแค่วิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ และที่สำคัญพี่อองฝนไม่ได้ถูกข่มขืน พี่เค้าปกป้องตัวเองและลูกไว้จนวินาทีสุดท้ายเลยครับ ... หมดคำบอกเล่าของเตนล์คนเป็นน้องสาวอย่างละอองดาวก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น มาร์คดึงน้องสาวของเพื่อนสนิทที่ตนเอ็นดูเหมือนน้องแท้ๆมากอดทันที เพราะเขาก็รู้สึกอ่อนแอเหมือนกันในเวลานี้ เสียงร้องไห้และแรงสะอื้นทำเอามาร์คกับเตนล์กลั้นน้ำตาไม่อยู่ไปอีกคน

     

     

                และ .... และมันก็ยังคิดจะเอาชนะพี่มาร์คอีกด้วยการใช้อองดาวเป็นเครื่องมือ เพราะมันรู้ว่าพี่ห่วงอองดาวแค่ไหน แต่ว่าตอนนี้มันเปลี่ยนแผนแล้วล่ะครับพี่มาร์ค มันรู้แล้วว่าพี่กำลังจะทำอะไร เพราะงั้นมันก็เลยหันมาเล่นงานแบมแบมแทน เพราะมันรู้แล้วว่าแบมแบมสำคัญที่สุดกับพี่มาร์ค ดังนั้นเราต้องรีบไปช่วยแบมแบมให้เร็วที่สุดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปอีกครั้ง

     

     

    ---------

     

     

     

                โอย ... เพดานสีขาวของห้องๆเดิมเป็นสิ่งแรกเมื่อแบมแบมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง การรอคอยว่าจะมีใครมาช่วยเหลือผ่านไปนานราวปีเมื่อแบมแบมยังคงนอนอยู่บนโซฟาจนเผลอหลับไปจริงๆหลายครั้ง แต่ทว่าทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาอาการมึนหัวแปลกๆก็ดูจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เสียงสนทนาในห้องเงียบไปแล้วแบมแบมจึงหรี่ตาดูและพบว่าไม่มีคนอยู่ในห้อง ร่างน้อยลืมตามองเช็คอีกครั้งแล้วรีบลุกขึ้นมาอย่างลิงโลดก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมากดโทรหามาร์คที่แบมแบมรู้ว่าต้องช่วยเขาได้แน่นอน

     

     

                เสียงสัญญาณดังแต่ทว่ายังไม่มีคนรับยิ่งทำให้แบมแบมลุ้นระทึกกลัวว่าจะมีคนเข้ามาซะก่อน ดวงตากลมโตหันมองซ้ายขวาก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเมื่อคิดได้ว่าเขาควรจะใช้โอกาสนี้หนี เท้าเล็กลุกขึ้นแต่ทว่าความปวดหัวก็ทำเอาร่างบางเกือบเซ แบมแบมกัดฟันแข็งใจพยุงตัวเองออกไปที่ประตูและยังคงฟังเสียงสัญญาณหวังว่าคนปลายสายจะรับก่อนที่มันจะสายเกินไป

     

     

                ประตูเปิดออก แล้วแบมแบมก็รีบออกมา นึกแปลกใจที่ไม่มีใครอยู่แถวนี้สักคน แต่นั่นไม่ใช่เวลาสงสัยแบมแบมจึงรีบหาทางเดินออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แม้ว่าอาการปวดหัวตอนนี้จะรุนแรงมากขึ้นจนเขาแทบยืนไม่อยู่ ตาพร่ามัวเกือบมองไม่เห็นทาง รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาเฉยๆด้วย

     

     

                ติ้ด

     

     

                ห้ะ พี่มาร์ค!” แต่แล้วเสียงปลายสายที่กดรับแล้วก็ทำเอาคนตัวเล็กเผลอหยุดชะงักด้วยความดีใจทันที เสียงทุ้มตอบกลับมาเสียงดังทำให้แบมแบมอุ่นใจเหมือนคนๆนั้นยืนอยู่ข้างๆในเวลานี้

     

     

                [แบม! แบมอยู่ไหน!]

     

     

                พี่มาร์คช่วยแบมด้ว ...

     

     

                ทำอะไรน่ะ!” เสียงเข้มดังมาจากข้างหลังคนตัวเล็กเลยปล่อยหูโทรศัพท์แล้วหันไปมองด้วยความตกใจ ตินท์รีบเดินเข้ามาแย่งโทรศัพท์ออกจากมือปาทิ้งไปที่พื้นทันที ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องที่ตามมาให้เข้าจับตัวคนตัวเล็ก

     

     

                หยุดนะเว้ย! จะทำอะไร!!” ผู้ชายตัวใหญ่เข้าจับตัวแบมแบมไว้ คนตัวเล็กที่ปกติก็สู้แรงของผู้ชายกำยำไม่ได้อยู่แล้วดิ้นสุดแรงเกิดแม้ตอนนี้ความปวดหัวและอาการแปลกๆจะยิ่งทำให้เรี่ยวแรงหดหาย แต่แบมแบมก็พยาพยามรวบรวมทุกเรี่ยวแรงให้หลุดพ้นจากการจับกุม

     

     

                “นายครับ ลูกน้องอีกคนที่แบมแบมเคยเห็นในห้องๆนั้นวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นๆ ทำให้ตินท์หันไปมองรวมถึงคนที่จับเขาด้วยเช่นกัน

     

     

                อะไรวะ

     

     

                ลูกน้องบอกว่ามีคนแจ้งเรื่องยาบ้าและอาวุธไปที่ตำรวจ ตอนนี้ตำรวจกำลังมาที่นี่ครับ เอาไงดีครับ ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรวมถึงแบมแบมก็พลอยตกใจไปด้วยหน้าถอดสีกันทุกคน ตินท์ดูเสียสติไปนิดหน่อยและร้อนรนอย่างกำลังหาทางแก้ แบมแบมจึงใช้โอกาสนี้ดิ้นตัวสุดแรงแล้วเตะขาเข้าไปที่หน้าแข้งของคนที่จับเขาไว้ เสียงร้องจากความเจ็บปวดดังออกมา ชายตัวใหญ่เผลอปล่อยมือออกนั่นจึงทำให้แบมแบมหลุดออกจากมือใหญ่และหันหลังวิ่งออกไปสุดชีวิต

     

     

                เห้ย!! จับไว้!!” เสียงของตินท์พร้อมฝีเท้าของลูกน้องไล่หลังคนตัวเล็ก แบมแบมกัดฟันพยุงตัวเองวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แล้วสุดท้ายเรี่ยวแรงทั้งหมดก็ดูจะไม่ช่วยอะไรเพราะอาการแปลกๆทั้งหลายทำเอาคนตัวเล็กหมดแรงทรุดกองไปกับพื้นจนหมดสติไปอีกครั้ง

     

     

    --------------

     

               

                เพราะหลักฐานทุกอย่างถูกรวบรวมไว้จนหมดสิ้น พอดีกับที่ปลื้มแจ้งตำรวจให้เสร็จพอดี บัดนี้มาร์ค เตนล์และละอองดาวพร้อมกับตำรวจจึงบุกมายืนอยู่ที่เซฟเฮาส์ของตินท์แล้ว หลังจากลงจากรถไม่กี่ก้าวมาร์คก็รีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้านอย่างเร็วไม่ได้ฟังคำห้ามของตำรวจสักนิด มีเตนล์คอยจูงมือของละอองดาวที่ดึงดันว่าจะมาด้วยแม้เตนล์กับมาร์คจะห้ามว่ามันอันตรายแค่ไหนก็ตามตามหลัง

     

     

                ร่างสูงโปร่งของมาร์คกระชากประตูเปิดออกอย่างแรงจนคุณตำรวจต้องรีบวิ่งเข้ามาคุ้มกัน ผู้พิทักษ์ในชุดนอกเครื่องแบบประมาณ 8 – 10 คนรีบกระจายกันไปตามมุมต่างๆของบ้านตามหน้าที่ที่ได้รับ แต่ทว่าบ้านที่ได้รับแจ้งเข้ามาว่าเป็นที่ซ่องสุมของคนร้ายแบล็คลิสที่ทางการกำลังหาหลักฐานเอาผิดกลับว่างเปล่าไร้วี่แววของลูกผู้มีอิทธิพลมืด

     

     

                ไม่มีใครอยู่เลยครับ

     

     

                เจอโทรศัพท์หนึ่งเครื่องครับ ตำรวจคนหนึ่งชี้ไปที่โทรศัพท์เครื่องหนึ่งที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น มาร์คจึงรีบเข้าไปดูและก็พบว่ามันคือ

     

     

                นี่มันโทรศัพท์ของแบมแบม!”

     

     

                “ผมว่าไอ้ตินท์มันต้องรู้ตัวแล้วแน่ๆ มันต้องย้ายที่หนีไปแล้วแน่ๆ เตนล์พูดขึ้นมาท่ามกลางความตึงเครียด เจ้าตัวที่รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาท่ามกลางสายตางุนงงของทุกคน

     

     

                ถ้ามันย้ายที่แล้วเอาแบมแบมไปด้วย ผมมีวิธีที่จะตามหาครับทั้งมาร์คและตำรวจทุกคนหันมามองเด็กหนุ่มที่กำลังกดอะไรอยู่คนเดียว สัญญาณอะไรบางอย่างดังออกมาจากเครื่องมือสื่อสารพร้อมรอยยิ้มของเตนล์

     

     

                ผมสลับนาฬิกาของผมใส่ไว้ที่แบม นาฬิกาที่แบมใส่อยู่ตอนนี้มีระบบติดตาม ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าพวกนั้นอยู่ไหน มันกำลังไปเกาะมืดครับ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                โชคดีที่เตนล์เตรียมพร้อมและไม่ประมาทจึงทำให้เรื่องทุกอย่างง่ายขึ้น มาร์คนึกขอบใจเงียบๆกับความฉลาดของเด็กหนุ่มถึงแม้ว่าจะยังเคืองๆอยู่เรื่องที่บังอาจสลับนาฬิกาของแบมแบมมาใส่ อีกไม่กี่นาทีเรือที่เตนล์เตรียมไว้เผื่อฉุกเฉินอีกเช่นกันก็กำลังจะลงเหยียบเกาะเป็นรอบที่สองของวันของมาร์ค แต่ในใจของคนหล่อตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันนานแสนนาน เป็นห่วงจนแทบอยากจะกระโดดแล้วว่ายน้ำไปเองเลยซะแล้ว

     

     

                ตามผมมาครับทุกคน เตนล์ที่คราวนี้ไม่ต้องดูแลละอองดาวแล้วเนื่องจากเขาบังคับให้เธอกลับไปรออยู่ที่รีสอร์ทเดินนำตำรวจทุกคนเข้าไปในที่พัก เขาเคยมาที่เกาะนี้ไม่กี่ครั้งแต่ก็ยังพอจำได้บ้างว่าตรงไหนคืออะไร เสียงแว่วๆจากลูกน้องของตินท์ดังออกมาจากที่ไม่ไกลทำให้กลุ่มคนหยุดชะงักอย่างระวังตัวไม่ให้อีกฝ่ายรู้ มาร์คกับเตนล์ลอบมองความเคลื่อนไหวที่เห็นอยู่ลิบๆแล้วคุณตำรวจนายหนึ่งที่เป็นหัวหน้าทีมก็ดึงพวกเขาให้หันมาฟังแผน

     

     

                น้องฟังนะ ทำตามแผนของพวกพี่ แผนมีอยู่ว่าพวกพี่จะแยกกันไปสามฝั่งเพื่อบุกโจมตีด้านหลัง ส่วนหน้าที่ของน้องๆคือเข้าไปเผชิญหน้ากับมัน ตามจิตวิทยาแล้วมันจะยังไม่ทำอะไรน้องทันทีที่เห็นน้องเข้าไป เพราะตามที่น้องคนนี้เล่า พี่เดาได้ว่ามันน่าจะต้องการอะไรบางอย่างจากน้องหล่อคนนี้ก่อน ดังนั้นพวกน้องเข้าไปถ่วงเวลาและดึงความสนใจมันไว้จนกว่าพวกพี่จะเข้าไปนะ เตนล์กับมาร์คหันมามองหน้ากันทันที ความสามัคคีก่อเกิดขึ้นกะทันหันจนเตนล์ต้องหันไปถาม

     

     

                แล้วถ้าเกิดพวกมันทำอะไรพวกผมล่ะครับ พี่ตำรวจที่พูดกับเขาหันมามองด้วยสีหน้าจริงจัง พร้อมกับยื่นวัตถุทรงกระบอกสีดำให้

     

     

                ก็เอาปืนนี่ไปสู้กับมัน พี่ตำรวจวางปืนลงบนมือของเตนล์และตบบ่าให้กำลังใจเด็กทั้งสองก่อนจะรีบออกไปตามแผน เด็กม.ปลายกับเด็กมหาลัยมองหน้ากันทันทีด้วยรู้แล้วว่าวินาทีแห่งความสามัคคีกำลังจะเริ่มขึ้นจริงๆแล้ว

     

     

                เอาวะ เป็นมาร์คนั่นเองที่ตัดสินใจลุกขึ้นเดินตรงดิ่งไป จนเตนล์ที่ไม่ทันตั้งตัววิ่งตามแทบไม่ทัน

     

     

     

     

                ร่างสูงโปร่งของผู้ชายสองคนทำให้ลูกน้องของตินท์หันเหความสนใจและกระบอกปืนมาทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามาปรากฏตัว มาร์คเก็บปืนนั้นซ่อนไว้ด้านหลัง พร้อมจ้องกลับไปที่ชายตัวใหญ่ทั้งหลาย

     

     

                ไอ้ตินท์!! กูมาแล้วออกมาสิ!!” มาร์คตะโกนดังก้องไปทั่วบริเวณจนเตนล์ที่ยืนอยู่ข้างๆอดเสียวจะโดนสอยแทนไม่ได้ แต่ดูท่าแล้วคนที่เสี่ยงจะโดนอย่างมาร์คกลับดูไม่กลัวอะไรเลย หนำซ้ำยังดูเหมือนว่าอารมณ์โกรธและไฟที่โหมลุกอยู่ในใจตอนนี้กำลังจะเผาเกาะนี้ให้เป็นจุนไปเสียอีก

     

     

                ไอ้ตินท์!!! กูบอกให้ออกมาไง!! เอาแบมแบมกูคืนมานะ!!!” ลูกชายคนโตของมหาเศรษฐี หนุ่มฮอตที่สาวๆคลั่งไคล้ บัดนี้กลับกลายเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มาตามทวงของสำคัญคืนจนไม่ได้หวั่นกลัวอะไรอีกแล้ว มาร์คทำท่าจะเดินฝ่าดงกระสุนเข้าไปในถ้ำเสือให้รู้แล้วรู้รอด โชคดีที่เตนล์เอื้อมไปดึงจับไว้ทัน คนตัวสูงกว่าเล็กน้อยจึงหันมามองอย่างขัดใจแล้วหันไปมองอีกฝั่งเมื่ออยู่ๆเสียงของคนต้นเหตุก็ดังขึ้น

     

     

                โว้วๆๆๆ พี่มาร์คมารับเด็กกลับบ้านแล้วเหรอครับ ยอมรับแล้วสินะว่าชอบเจ้าเด็กนี่ ตินท์เดินโผล่ออกมาจากประตูท่ามกลางความคุ้มกันของลูกน้องทั้งหลาย มาร์คนึกดีใจไปเปราะหนึ่งอยู่หรอกที่ล่อหัวหน้ามันออกมาได้ตามแผน แต่แบมแบมของเขาล่ะอยู่ไหน!

     

     

                “เออ! ถ้าไม่อยากตายก็เอาแบมคืนมา!”

     

     

                “ไอ้เตนล์! มึงมาได้ยังไงวะ!!” คำพูดของมาร์คกลายเป็นอากาศไปแทบจะทันทีเมื่อตินท์หันไปเห็นคนเป็นน้องชายที่เขาเพิ่งไล่มันไปที่อื่นไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว เตนล์ยืนมองอดีตพี่ชายด้วยแววตาไม่สะทกสะท้านอีกต่อไป แววตาที่ทำเอาตินท์นึกตกใจเหมือนกัน

     

     

                ก็มึงบอกให้กูไปไหนก็ไปไม่ใช่เหรอ กูก็เลยไปช่วยพี่มาร์คไง

     

     

                ไอ้น้องเลว! นี่มึงกล้ามากนะ! แล้วกล้าดียังไงถึงพูดกับกูแบบนี้ห้ะ!”

     

     

                “ผมไม่ใช่น้องคุณครับ คุณตินท์คำพูดเย็นชาเสียดแทงใจคนฟังจนตินท์ควบคุมความโกรธแทบไม่อยู่ มาร์คมองจ้องเข้าไปข้างในเพื่อมองหาเด็กหน้าหวาน ปล่อยให้พี่น้องทะเลาะกันไปไม่ได้สนใจ

     

     

                ไอ้มาร์ค มึงอยากได้ตัวแบมแบมมากใช่มั้ยเมื่อรู้ว่ายากจะต่อกรกับน้องชายตัวเองได้ ตินท์จึงหันมาทำสงครามกับมาร์คต่อ

     

     

                ส่งแบมคืนมา ก่อนที่มึงจะไม่ตายดี เสียงที่ดังออกมาอย่างคนกัดฟันข่มอารมณ์ทำเอาตินท์หัวเราะออกมา

     

     

                โหวววววววววว พวกมึงดูดิ คนโง่ๆสองคนที่ไม่มีแม้แต่ปืนจะมาฆ่าเราว่ะ กลัวอ่ะ พวกมึงหนีกันเถอะ 555555 เพราะผู้เป็นนายหัวเราะจึงพลอยทำให้ลูกน้องทั้งหลายหัวเราะแบบอุปาทานหมู่ไปด้วย มาร์คและเตนล์กัดปากหยักกรอกตามองบน นึกอยากจะให้พี่ตำรวจโผล่มาตอนนี้ชะมัด ดูสิว่าจะหัวเราะกันไปได้ถึงไหน

     

     

                แบมอยู่ไหน!!” และเสียงตะคอกที่ดูท่าว่าจะโกรธจริงๆก็ทำเอาทุกคนหยุดหัวเราะ รอบข้างทั่วทุกบริเวณเงียบไปอึดใจก่อนจะถูกทำลายความเงียบลงด้วยคำพูดของตินท์

     

     

                ถ้ามึงอยากได้เด็กมึงคืนเนี่ย มึงก็ต้องส่งไอ้คนที่มึงมาลากไปจากเกาะนี้เมื่อเช้ามาให้กูก่อน เด็กมึงถึงจะปลอดภัยได้ออกจากเกาะนี้ไป ไม่ นั่นคือคำตอบเดียวที่อยู่ในใจของมาร์คแต่เขาไม่ได้พูดมันออกไป ให้ตายยังไงเขาก็จะไม่มีวันส่งหลักฐานคนสำคัญที่ตอนนี้ส่งไปเก็บตัวไว้ที่บ้านพักของเขาท่ามกลางความดูแลของโจอี้และเพื่อนๆ นั่นคือหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะเอาผิดคนอย่างตินท์และแก้แค้นให้เพื่อนของเขาได้

     

     

                ถ้ามึงอยากได้ก็ต้องไปเอาเอง แต่มึงต้องส่งแบมคืนมาให้กูก่อนกูถึงจะบอกที่ๆกูซ่อนให้ มาร์คยื่นข้อเสนออย่างระมัดระวังที่สุดเพื่อไม่ให้ตกไปตามเกมส์ของอีกฝ่าย

     

     

                แล้วกูจะรู้ได้ยังไงว่ามึงจะไม่เล่นตุกติก งั้นเอางี้ดีกว่ามาเล่นเกมส์กัน มาร์คหันมามองหน้าของเตนล์เล็กน้อยเมื่อไม่รู้ว่าตินท์มาไม้ไหน แต่คนข้างๆก็ทำแค่เพียงพยักหน้าให้ หน้าตาดูไม่ตื่นเต้นราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น

     

     

                เกมส์อะไรของมึง

     

     

                ก็ไม่ยากหรอก ก็แค่ให้แบมแบมเลือกเองว่าจะไปกับใคร ถ้าแบมเลือกมึง กูจะคืนให้แล้วกัน แต่ถ้าไม่ มึงก็ต้องส่งไอ้นั่นมา ไม่อย่างนั้นเด็กมึงกูไม่รับประกันความปลอดภัย มาร์คนิ่งมองลึกเข้าไปในความคิดของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าตินท์ต้องการอย่างที่พูดจริงหรือไม่ แต่ทว่าในตอนนั้นเองความคิดทุกอย่างก็ดูจะฟุ้งสลายหายไปในอากาศหมดเมื่อลูกน้องคนหนึ่งของตินท์ลากแบมแบมออกมา หัวใจของมาร์คเต้นเร็วจนแทบอยากจะวิ่งเข้าไปดึงออกมา สภาพของแบมแบมยิ่งทำให้เขาปวดใจ ใบหน้าน่ารักนั่นดูซีดจนน่ากลัว ริมฝีปากดูแห้งผากไร้สีสันและดูไร้เรี่ยวแรงอีกเช่นกัน แววตาของแบมแบมดูเลื่อนลอยทั้งๆที่มองเห็นเขาแต่กลับไม่มีท่าทียินดีใดๆ

     

     

                เอาแบมแบมไปยืนตรงกลาง ตินท์หันไปสั่งลูกน้อง ชายตัวใหญ่จึงทำตามคำสั่งโดยการลากแบมแบมไปยืนตรงกลางไม่ไกลจากตินท์ แบมแบมก้มมองพื้นไม่ได้มองเขาจนผิดสังเกตไป มาร์คได้แต่นิ่งมองท่าทีความเคลื่อนไหวของรอบตัว

     

     

                แบมแบม มาร์คเรียกชื่อของคนตัวเล็กหวังว่าจะได้รับการตอบรับ แต่แบมแบมกลับไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ ท่าทางแบบนี้ของคนตัวเล็กดูชัดเจน แต่มาร์คก็ไม่อยากจะคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น

     

     

                แบมแบม แต่คราวนี้กลับกลายเป็นเสียงเรียกชื่อจากอีกฝ่าย น่าเจ็บใจที่แบมแบมกลับรู้สึกตัวและเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียกนั้นทำเอามาร์คแอบใจแกว่งเสียไม่ได้

     

     

                แบมแบม เลือกสิว่าจะไปอยู่กับใคร แล้วตินท์ที่ยืนยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ก็ออกคำสั่งให้ได้ยินทั่วกัน แบมแบมเงยหน้าขึ้นมามองทั้งสองคนที่ยืนอยู่คนละฝั่ง ขาเล็กยังยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่มีวี่แววว่าจะหันเหไปทางไหน แต่ตินท์กลับไม่ได้รู้สึกลุ้นแต่อย่างใด เพราะยังไงเขาก็รู้อยู่แล้วว่าแบมแบมต้องหันมาทางเขาแน่นอน เพราะ ยา ที่กำลังออกฤทธิอยู่ตอนนี้จะทำให้แบมแบมเลือกเขา

     

     

                ยาทำให้ความจำเสื่อมชั่วคราว

     

     

                ตั้งแต่ที่ไอ้เตนล์น้องโง่เอาไปโปะใส่แบมแบม จนตอนนี้เวลายาก็น่าจะออกฤทธิพอดี

     

     

                ยิ่งยกยิ้มมากขึ้นเมื่อแบมแบมก้าวเท้าแรกหันมาทางเขาอย่างที่คิดไว้ มาร์คมองแบมแบมจากอีกฝั่งหนึ่งด้วยสายตาที่ยิ่งเห็นแล้วเขาก็ยิ่งสะใจ คนตัวเล็กที่แววตาดูไร้สติหันมาทางเขาก่อนจะเริ่มเดินช้าๆ ตินท์ยิ้มรอชัยชนะอีกครั้ง ยิ่งมองดูมาร์คที่กำลังหน้าเสียเหมือนคนหายใจไม่ออกก็ยิ่งอยากเอาชนะมากขึ้นไปอีก

     

     

                ปลายกระบอกปืนถูกยกขึ้นส่องไปทางคนตัวเล็กที่กำลังเดินเข้ามาหาท่ามกลางความตกใจของมาร์คและเตนล์ที่ร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน ตินท์ยกยิ้มอีกครั้งพร้อมกับเหนี่ยวไกปืน ชัยชนะครั้งแรกกับการได้ละอองฝนมาครอบครอง และครั้งนี้กับการทำลายคนที่ไอ้มาร์ครักลงต่อหน้ามัน ยังไงคนอย่างมาร์คก็ไม่มีวันชนะคนอย่างตินท์จำไว้

     

     

                แบม! อย่าไป พี่อยู่นี่!” เรียกเท่าไหร่แต่ทว่าแบมแบมก็ไม่หันกลับมา มาร์คแทบจะหมดแรงยืนกำลังจะตัดสินใจบอกลาชีวิตเพื่อวิ่งเข้าไปคว้าตัวแบมแบมไว้ ในวินาทีที่ตินท์กำลังยิ้มอย่างผู้ชนะ เรื่องไม่คาดฝันที่พลิกสถานการณ์ตรงนี้ก็เกิดขึ้น!

     

     

                “พี่มาร์ค!” อยู่ๆแบมแบมที่กำลังจะเดินไปถึงตินท์ก็หันหลังมาเรียกชื่อเขาแล้ววิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นไวเท่าชีวิต มาร์คตกใจจนตั้งตัวไม่ทันแต่สัญชาติญาณก็ทำให้สองขายาวรีบวิ่งเข้าไปรับตัวของคนตัวเล็กไว้เพื่อเบี่ยงร่างเล็กในอ้อมกอดให้พ้นคมกระสุนที่กำลังพุ่งตรงมา นี่อาจจะดูเหมือนละครหลังข่าวแต่นั่นโชคดีกว่านั้นที่เสียงปืนที่ดังขึ้นของตินท์ไม่ทันเสียงปืนของพี่ๆตำรวจที่รอเวลานี้มานานแล้ว มาร์คและเตนล์อาจจะไม่รู้ว่าพี่ตำรวจโบกมือให้สัญญาณมาเกือบห้านาทีแล้วแต่ทั้งสองไม่เห็น ปล่อยให้พี่ๆตำรวจเล็งปืนรอจนแทบง่วง

     

     

                ปัง! ปัง! ปัง!

     

     

                “เห้ย! ตำรวจ! นายหนีเร็ว!” ความชุลมุนและเสียงอะไรต่อมิอะไรเริ่มหายไปพร้อมกับพี่ตำรวจทั้งหลายวิ่งไล่จับกุมพวกคนร้ายอย่างสนุกสนาน เตนล์ยืนชะโงกหน้ามองดูแม้จะกลัวอยู่บ้างแต่ก็ยอมรับว่าตื่นเต้นจนหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

     

     

                หู้ววว! สู้ๆนะครับพี่ตำรวจ!” มาร์คที่กอดเด็กตัวน้อยไว้แน่นหันมามองคนข้างๆที่ยิ้มสนุกสนานคนเดียวด้วยแววตาเอือมๆ เขานี่สิเกือบหัวใจวายตายไม่เห็นจะสนุกสักนิด

     

     

                แบมแบมเด้งตัวออกมาจากอ้อมกอดอุ่นที่คุ้นเคยมาร์คจึงลากสายตากลับมามอง เด็กน้อยตากลมเงยหน้าสบตาเขาแต่ไม่พูดอะไรออกมา แต่หลังจากนั้นปากอิ่มก็เบะออกแล้วน้ำตามากมายก็พรั่งพรูออกมา

     

     

                พี่มาร์คคคคคคค หือออออออออออออออออออออ แบมนึกว่าแบมจะตายซะแล้วอ่ะ ฮึก .. หือออออออออออออ แงงงงงงงงงง รู้มั้ยว่าแบมคิดไว้แล้วนะว่าถ้าแบมไม่รอดแบมจะไปเข้าฝันใครดี แบมคิดไว้แล้วนะว่าแบมอยากกินอะไรบ้าง ฮึก พี่มาร์คคคคคคคคคค แบมแบมร้องไห้เป็นเด็กน้อยจนมาร์คต้องดึงเข้ามากอดอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ ถามว่าเขากลัวมั้ยก็คงกลัวไม่ต่างจากแบมแบมเท่าไหร่ แต่เด็กน้อยที่กำลังร้องไห้เป็นเผาเต่าอยู่ในอกตอนนี้กลับทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ

     

     

                อ้าว ซีนพระนางมางี้ตัวประกอบอย่างผมต้องไปแล้วใช่มั้ย โอเคผมไปรอที่เรือนะพี่มาร์ค เตนล์ละความสนใจหันมาเห็นภาพนี้พอดี ความอากาศที่ได้รับจึงทำให้ร่างโปร่งขอตัวไปรอที่เรือเพื่อจัดการเตรียมเรือเอาคนร้ายกลับฝั่งไปดำเนินคดีต่อไป

     

     

                เตนล์เดินออกไปแล้ว สักพักแบมแบมก็เริ่มหยุดร้องไห้ได้ เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาแต่คราบน้ำตาก็ยังอยู่ มาร์คก้มหน้ามองคนในวงแขนที่เริ่มสงบลงบ้างแล้วใช้นิ้วค่อยๆเช็ดรอยน้ำตาให้เบาๆ แบมแบมทำปากหยักสะอื้นน้อยๆอย่างน่าเอ็นดู

     

     

                หายตกใจแล้วยัง

     

     

                อือออออ แบมแบมอืมในลำคอมาร์คจึงหลุดยิ้มออกมาปลอบใจเด็กตัวเล็ก แววตาใสที่คลอไปด้วยน้ำมองมาร์คไม่วางตา แล้วหัวทุยๆนั้นก็ดันเข้ากับหน้าอกของมาร์คอีกครั้ง

     

     

                ไม่ต้องกลัวแล้ว กลับบ้านกันเนอะ ทุกอย่างมันจบแล้วแบมมาร์คส่งยิ้มอ่อนโยนปลอบใจพร้อมกับยกมือขึ้นขยี้ผมแบมแบม แต่แล้วจู่ๆเสียงปังก็ดังขึ้นใกล้หูทำให้ทั้งคู่ตกใจเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน

     

     

                มาร์ค! มึง! …. อั๊ก!” ตินท์ทรุดลงตรงหน้าพวกเขาสองคนสร้างความตกใจเพราะเสียงปืนหลายนัดที่สาดเข้าใส่จนตินท์ล้มลงและหมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา แบมแบมตาโตตกใจอย่างคนช็อคกับภาพที่เห็นตรงหน้าและยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเขาหันกลับมาเห็บใบหน้าหล่อเหยเกของคนในระยะใกล้ชิดอย่างมาร์คพร้อมกับเลือดข้นสีแดงสดที่ซึมออกมาจากเสื้อบริเวณหัวไหล่

     

     

                พี่มาร์ค!” มาร์คยกมืออีกข้างขึ้นกดแผลจากรอยถากบริเวณหัวไหล่ที่ไอ้ตินท์อุตส่าห์วิ่งมาฝากไว้ให้ก่อนถูกตำรวจวิสามัญจนตาย ควรซึ้งใจดีมั้ยที่ตินท์ไม่อยากให้ลืมกันขนาดนี้

     

     

                ส่วนคนตัวเล็กที่ช็อคสองเด้งกับภาพตรงหน้าก็ทำอะไรไม่ถูกแทบจะเป็นลมไปอีกคน มาร์คเลยยกมือห้ามแบมแบมที่กำลังจะร้องไห้เพราะทำอะไรไม่ถูกไว้ ทำสีหน้าบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก

     

     

                พี่มาร์ค! เจ็บมากไหมอ่ะ พี่มาร์คไปโรงบาลมั้ย เร็วๆ ทำไงดีอ่ะ พี่มาร์คทำใจดีๆไว้นะ พี่มาร์ค หือออออ พอทำอะไรไม่ได้แบมแบมก็หยุดลนลานแล้วร้องไห้ออกมาไม่อายพี่ตำรวจที่กำลังเข้าเคลียร์พื้นที่ซะเลย

     

     

                แบม 5555 ใจเย็นๆก่อนพี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก หยุดร้องไห้ได้แล้วเด็กบ้า

     

     

                หืออออ พี่มาร์คอ่า ฮึก ... พี่มาร์คทำให้แบมเป็นเด็กขี้แงขี้กลัวไปหมดแล้วรู้ตัวไหมเนี่ย! หืออออ แล้วเด็กน้อยอายุ 18 นามว่าแบมแบมก็โผเข้ากอดพี่ชายอีกครั้งอย่างหวงแหน มาร์คได้แต่ยืนยิ้มกับเด็กก้อนที่ทำตัวรักเขามากเกินไปจนรู้สึกดีแทบบ้า แบมแบมจะรู้ไหมว่าการทำแบบนี้กับคนอื่นมันอันตรายต่อความรู้สึกแค่ไหน มาร์คก็แค่คิดเรื่อยเปื่อย อย่างน้อยเรื่องราวเลวร้ายทุกอย่างก็จบลงแล้ว และเขาก็ได้แบมแบมกลับคืนมาแล้ว แบมแบมคนที่เขาจะรักได้อย่างไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไป ....


                   อย่างน้อยเขาก็ปกป้องคนที่รักไว้ได้แล้ว

     

     


    --------- 100% ---------

     

     

     

    PIN PIN TALK

    อิพี่ตินท์ บทจะตายก็ตายง่ายจังเว้ย! 555555555555

    เรื่องนี้เตนล์เป็นพระเอกนะคะรู้ยัง ผมนี่ทีมเตนล์เลย

    พาร์ทนี้ยาวมากกกกกกกกกกกก เอาให้สาแก่ใจที่หายไปผิดคำสัญญาเลยเนาะ ฮุฮุฮุ

    แล้วก็กราบขอโทษอีกครั้งนะครัชที่หายไปช่วงสงกรานต์ ไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ ขี้เกียจล้วนๆไม่มีวัวผสมเลย

    อ๋อ แล้วก็แอบกระซิบนิดนุงงง ด้วยความที่ไรท์เบื่อดราม่าเต็มแก่แล้ว เหม็นๆๆๆ

    ดังนั้นความมุ้งมิ้งกำลังจะกลับมาในอีกสองตอนที่เหลือนะคะ

    รรรรรรรรรรรรรรรร ได้เลยยยยยย ฮริ๊ง ><

     

     

    --------------------

    ปล.หากเรื่องนี้จบไปถ้าคิดถึงกัน ไรท์ฝากฟิคเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะเจ้า

    ฟิค ร้อยรักสลับภพ (จิ้มสิๆ) ฟิคแนวย้อนยุคสลับร่างสลับภพ เรื่องนี้เราไม่จีน เราไม่อียิปต์

    เพราะเรา ไทยหนักมากกกกกกกกก ไปค่ะ ใครอยากอ่านแบบไทยจ๋าเพื่อรสชาติแปลกใหม่

    เชิญไปชมวังได้เลยนะเจ้าคะ ไปหาคุณชายมาร์คกันเยอะๆนะเจ้าคะ ><





    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×