คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : กฎของโฮสต์ข้อที่ 13 :: เป็นโฮสต์ต้องกล้าแสดงออก (100%)
กฎของโฮสต์ข้อที่ 13
‘เป็นโฮสต์ต้องกล้าแสดงออก’
“I JUST WANNA
LOVE YOU
GIVE ME THAT
CHANCE WANNA HOLD YOU
BABY YOU KNOW
THAT I NEED YOU I NEED YOU
AND I’M
WONDERING ALL THE TIME …”
เสียงเพลงคุ้นหูดังออกมาจากโทรศัพท์เครื่องสวยที่วางอยู่ข้างๆผม
ตอนนี้ผมกำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง ในหัวเต็มไปด้วยเนื้อเพลงกำลังวนเวียนอยู่เต็มไปหมด
พรุ่งนี้เป็นวันขึ้นโชว์แล้วอ่ะครับ ผมตื่นเต้นมากๆเลย
นี่เลิกเรียนทีไรผมก็ชอบขลุกอยู่บนห้องนั่งร้องเพลงอยู่คนเดียว หรือไม่ก็จะแวบไปโผล่อยู่ห้องพี่มาร์คเวลาที่ต้องฝึกร้องด้วยกัน
แต่ว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ผมกลับยังนอนไม่หลับ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง
มีเจ้าโบโบนอนหลับปุ๋ยอยู่เป็นเพื่อนข้างๆ
ผมนอนหงายแผ่หลาจ้องมองเพดานสีขาวของห้องตัวเอง
ไฟจ้าสะท้อนเข้าตาจนพร่าผมจึงยกกระดาษเนื้อเพลงที่ถืออยู่ขึ้นบังตา
เนื้อเพลงที่ผมคิดว่าตัวเองแม่นแล้วปรากฏอยู่ตรงหน้า ผมขยับปากร้องคลอไปด้วย
จริงๆแล้วผมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่นักอ่ะครับ
การร้องเพลงคราวนี้ผมตื่นเต้นมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะอะไรรู้มั้ยครับ ....
ก็เพราะผมต้องร้องคู่กับพี่มาร์คไง -.......-
ง่อวววววววว ...
ผมต้องถูกแซวแน่เลยอ่ะ
ทำยังไงดี ผมประหม่านะ
แค่ถูกเพื่อนในห้องไม่กี่คนจ้องมาที่ผมเวลาอยู่กับพี่มาร์คผมก็แทบจะมุดดินหนีแล้ว
แต่นี่ต้องขึ้นเวทีแสดงโชว์สองคนกับพี่มาร์คต่อหน้าเด็กทั้งโรงเรียน
ผมไม่ระเบิดตัวเองเป็นไอหายไปกับสายลมเลยหรือไงวะ แง้ ~
ตื้ดดด ตื้ดดดดด ตื้ดดดดด ...
ผมสะดุ้งหลุดจากห้วงความคิดเมื่อโทรศัพท์ข้างๆเกิดแรงสั่นเบาๆเนื่องจากมีคนคอลมา
ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่ปรากฏอยู่หน้าจอ แหนะ ตายยากจริงๆนะคุณชาย
อยู่ห้องตรงข้ามกันแค่นี่ทำไมต้องวิดีโอคอลมาด้วยนะ แล้วนี่ก็เที่ยงคืนแล้ว ทำอะไรไม่หลับไม่นอนกันนะมาร์คต้วน
ผมสไลด์หน้าจอรอสัญญาณอินเตอร์เน็ทเชื่อมต่อแปบเดียว
ใบหน้าของพี่มาร์คก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
พี่มาร์คนั่งพิงกับหัวเตียงในสภาพไหลลงมาจนคางชิดกับหน้าอก กดหน้าต่ำลงมองโทรศัพท์
“มีอะไรพี่มาร์ค”
ผมนอนมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มีคุณชายอยู่ในนั้น พี่มาร์คทำปากยู่ให้ผม
ตาปรือๆดูจะปิดนั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกตลก โอ๊ยยย ง่วงก็นอนมั้ยครับพี่ชาย
“แบม
พี่หิวววววว” พี่มาร์คลากเสียงยาวลงท้ายประโยคแล้วก็โชว์หาวใส่กล้องซะงั้น
“หิวก็ลงไปหาอะไรกินสิ
จะมาบอกแบมทำไมเนี่ย”
“ไม่เอากลัวผี”
“พี่มาร์คคค วันอื่นก็ลงไปเองได้
ทำไมวันนี้มากลัวผีได้อ่ะ” ผมบ่นใส่คนในกล้องซึ่งอยู่ห่างจากผมออกไปเพียงประตูกั้น
พี่มาร์คถอนหายใจเบาๆหนึ่งทีแล้วเอื้อมมือถอดฮู้ดที่สวมอยู่ออกจากหัว
ผมหน้าม้าบางๆที่เริ่มยาวปรกตาตกลงมา พี่มาร์คแกเลยเป่าลมจากปากจัดทรงผมตัวเองจนแก้มป่อง
ผมนอนเงียบไม่พูดอะไรแต่กำลังมองคนในโทรศัพท์ตรงหน้าจัดการกับทรงผมตัวเองเหมือนเด็กน้อยแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
น่ารัก
หืมแบม ว่าอะไรนะ น่ารักงั้นเหรอ ...
นี่ชมพี่เค้าอยู่นะรู้ตัวมั้ย
“แบมพี่หิว
พาไปเซเว่นหน่อย” อยู่ๆพี่มาร์คก็พูดขึ้นมาแล้วทำตาปรือยิ้มเป็นเส้นตรงปากเหมือนแมว
ตลกอ่ะ นี่พี่ง่วงหรือว่าพี่เมาวะครับ 55555555
“ตอนนี้เนี่ยนะ
ดึกแล้วนะพี่มาร์ค”
“นะ ไปๆๆๆ พาไปหน่อย
ไม่อยากไปคนเดียว”
“ทำอย่างกับเคยไปคนเดียวงั้นแหละ”
“ก็เคยไง”
“ห้ะ! เคยเหรอ ตอนไหน”
“ก็หลายครั้งแล้วนะ
เวลาแบมหลับแล้วพี่ก็ออกไปบ่อยๆ”
“นี่แอบออกจากบ้านตอนกลางคืนเหรอ!
โอ๊ย!” เสียงบ่นของผมเมื่อรู้ว่าพี่มาร์คเคยแอบออกจากบ้านไปเซเว่นคนเดียวตอนกลางคืนบ่อยๆแทนที่ขึ้นมาด้วยเสียงร้องของผมเมื่อจู่ๆโทรศัพท์ก็ตกใส่หน้าเต็มๆเลย
โอยยย เจ็บสุดอ่ะ ใครเคยโดนแบบนี้คงจะเข้าใจความรู้สึกผมดีนะครับ
“555555555555” ผมหยิบโทรศัพท์ออกแล้วนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด เสียงหัวเราะสู้งสูงดังออกมา
จนผมต้องยกโทรศัพท์ขึ้นดูอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้ หัวเราะอร่อยมากเลยนะพี่มาร์ค
“หัวเราะอะไรพี่มาร์ค”
“เปล่า ระวังหน่อยสิ”
สีหน้าพี่มาร์คเปลี่ยนเป็นยิ้มๆให้ผมอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มบางๆบวกกับแววตาอ่อนโยนที่เจือไปด้วยความง่วงงุนแต่ก็ยังเป็นห่วงผมนั้นฉายชัดออกมาจากแววตาของพี่มาร์ค
ผมแอบใจเต้นผิดจังหวะไปนิดหน่อยแต่ก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติได้ทันที
“หิวแล้ว
ไปเซเว่นกันเถอะ นะ”
“โอ๊ยย
ขี้เกียจอ่ะพี่มาร์ค”
“น้า”
“เอ่ออออออ” ผมลากเสียงครางยาวอย่างอิดออดแล้วก็ต้องงงอีกครั้งเมื่อจู่ๆพี่มาร์คก็ลุกขึ้นนั่งแล้วกระโดดลงเตียงอย่างเร็ว
วิดีโอคอลถูกตัดไปเหลือเพียงหน้าจอสีดำมืดเข้าแทนที แล้วไม่นานเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
ผมเลยรีบลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูห้องทันที
เมื่อประตูห้องถูกเปิด
ผมก็พบกับใบหน้าใสของคนตรงหน้ายืนรออยู่หน้าห้อง พี่มาร์คมีสีหน้าของคนง่วงหลงเหลืออยู่
แต่ก็ฝืนยิ้มให้ผมเมื่อผมเปิดประตูออกมา ในตอนนั้นเองก่อนที่ผมจะได้เอ่ยปาดพูดอะไรออกมา
พี่มาร์คก็ใช้จังหวะนั้นจับข้อมือผมแล้วลากออกไปกับพี่เค้าทันที
“ไปเซเว่นกัน”
…………………………………………………..
จริงๆแบมก็สงสัยนะ ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนหิว
ผม หรือว่าพี่มาร์ค ?
“แบม
ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย จะกินหมดมั้ย” เสียงพี่มาร์คเดินบ่นผมมาตลอดทางตั้งแต่กลับออกมาจากเซเว่น
ผมเดินกินแซนวิสแฮมชีสร้อนๆไม่ตอบโต้อะไร ก่อนที่จะค่อยๆลากสายตาไปมองที่ถุงพลาสติกสองสามถุงที่พี่มาร์คถืออยู่
แฮะๆ ความจริงของพี่มาร์คอ่ะถุงหนึ่ง ส่วนที่เหลือของผมเองครับ ผมเดินกินของกินที่อยู่ในมือข้างๆพี่มาร์คช้าๆ พี่มาร์คเพิ่งจะยอมให้ผมเดินเองเมื่อวันก่อนนี่เองครับ หลังจากที่อุ้มผมไปนู้นไปนี่มาเกือบหนึ่งอาทิตย์ เล่นเอาผมขี้เกียจเดินไปเลย
“หมดแน่นอน
คืนนี้แบมนอนไม่หลับพอดี นั่งกินขนมเล่นดีกว่า” พี่มาร์คส่ายหัวเบาๆเมื่อได้ยินคำตอบของผม
ผมเลยหัวเราะออกมากับความตะกละของตัวเอง
ตอนแรกที่พี่มาร์คลากออกมาด้วยผมโวยวายมาตลอดทางเลยล่ะครับ แต่พอมาถึงเซเว่นผมกลับรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
ลืมโวยวายพี่มาร์คไปสนิทเลยหล่ะ วิ่งคว้าตะกร้าหยิบนู้นนี่นั้นจนเต็ม อันนู้นก็น่ากิน
อันนี้ก็น่ากิน เป็นพี่มาร์คซะอีกที่บ่นหิวตอนแรกแต่ตอนนี้กลับมายืนมองผมวิ่งคว้าขนมนมเนยลงตะกร้าอย่างสนุกสนาน
ตอนเดินกลับบ้านผมเลยเป็นฝ่ายถูกบ่นแทนซะเอง 555555
“แล้วดูเนี่ย เอ็มแอนด์เอ็มซื้อมาทำไมตั้งห้าหกซอง”
พี่มาร์คแหวกถุงดูแล้วล้วงมือหยิบ M&M ชูให้ผมดู
ผมจึงจัดการยัดแซนวิสแฮมชีสที่เหลืออยู่นิดหน่อยใส่ปากแล้วเอื้อมมือไปคว้า M&M
ในมือพี่มาร์คมา
“ก็แบมชอบกิน”
ทันทีที่พูดจบผมก็แกะซองหยิบขึ้นมากินทันที
พี่มาร์คหันมามองผมแล้วหัวเราะขึ้นมาในลำคอ
ผมเดินกินขนมเงียบมาสักครู่ซึ่งพี่มาร์คก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
บรรยากาศดูเงียบซะจนผมแอบอึดอัด และอยู่ๆผมก็คิดขึ้นได้ว่าเพื่อเป็นการฆ่าเวลาระหว่างเดินกลับบ้านผมสามารถใช้ใช้เจ้าขนม
M&M ในมือให้เป็นประโยชน์ได้นิ
“พี่มาร์คเล่นเกมส์กัน”
………………………………………
Mark’s
Talk
“พี่มาร์คเล่นเกมส์กัน” ผมหันมาตามเสียงเรียกของคนข้างๆก็พบว่าแบมๆกำลังเรียกผมแล้วจ้องมองมาทั้งๆที่ในปากก็กำลังเคี้ยวขนมกินจนแก้มป่อง
“เกมส์อะไร”
“นี่ไง เกมส์ M&M” น้องชูถุงขนมที่อยู่ในมือให้ผมดู
พลางเอียงคอน้อยๆ ผมมองน้องแล้วยกมือไปเขกหัวคนตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว
แบมแบมมองผมจนตาที่โตอยู่แล้วนั่นโตขึ้นไปอีก มือน้อยยกขึ้นมาลูบหัวตัวเองป้อยๆ
“เขกหัวแบมทำไมเนี่ยย”
“ก็พี่ถามดีๆไม่ยอมตอบ กวนนะเราน่ะ”
“กวนอะไร! แบมไม่ได้กวนสักหน่อย เนี่ยแบมหมายถึงเกมส์
M&M จริงๆ พี่มาร์คไม่เคยเล่นเหรอ”
“ไม่อ่ะ เกมส์อะไร เล่นยังไง” ผมหันไปถามน้องอย่างสงสัย
ก็ผมไม่รู้จักจริงๆนิ เกมส์อะไรก็ไม่รู้ แล้วมันจะเกี่ยวกับไอ้ขนมหลายสีนี่ได้ยังไงกัน
“พี่มาร์ค กากมากกกก แค่นี่ก็ไม่รู้จัก แบมจะสอนให้ก็ได้ พี่ดูนี่นะ”
ผมตั้งใจมองคนตัวเล็กข้างๆ
แบมแบมหยิบขนมขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วชูให้ผมดู ก่อนที่จะอธิบายต่อไป
“เด็กไทยอ่ะ เวลากิน M&M จะชอบเล่นเกมส์นี้กันตลอด
มันคือเกมส์อธิษฐานกับเจ้าพ่อ M&M อ่ะพี่มาร์ครู้จักมั้ย แหนะอย่าทำหน้างง
สมมุติว่าแบมจะขอให้งานโรงเรียนที่เราขึ้นแสดงพรุ่งนี้ผ่านไปด้วยดี แบมก็จะพูดว่า
ถ้าพรุ่งนี้การแสดงของเราจะผ่านไปด้วยดี ขอให้แบมหยิบได้สีแดง” น้องอมยิ้มน้อยๆแล้วล้วงมือหยิบขนมอย่างตั้งใจ
ก่อนที่นิ้วสวยจะหยิบขนมสีเหลืองขึ้นมาได้แทน เลยทำให้ใบหน้านั้นผิดหวังเล็กน้อย
“โห่วว ได้สีเหลืองอ่ะ”
“นี่เด็กไทยเล่นแบบนี้กันจริงๆเหรอ”
“ก็ไม่ใช่การเล่นจริงจังหรอกพี่มาร์ค แค่ขำๆอ่ะ อ่ะพี่มาร์คลองดูบ้าง”
เราสองคนเดินมาถึงหน้าบ้านพอดีจึงหยุดยืนเพื่อเล่นไอ้เกมส์ที่ผมก็เพิ่งรู้ว่ามันมีอยู่บนโลกนี้ด้วย
แบมแบมโยนขนมที่หยิบได้เมื่อกี้เข้าปากแล้วยื่นถุงขนมมาตรงหน้าผม
“ถามว่าอะไรดี”
“ถามอะไรก็ถามไปเหอะพี่มาร์ค ขำๆ”
“อืม .... งั้นถามอันนี้ดีกว่า”
“ถามว่า” ผมเหลือบมองน้องที่ดูตั้งใจฟังผมแวบหนึ่ง
ดวงตากลมโตจับจ้องมาที่ผมเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏที่มุมปากของผมได้ไม่น้อย อืม ผมแกล้งแบมแบมเล่นดีกว่า
...
“ถ้าแบมชอบพี่ขอให้จับได้สีเหลือง แต่ถ้าพี่ชอบแบมขอให้จับได้สีแดงนะครับ”
“เห้ย!! พี่มาร์คถามอะไรเนี่ย!”
“เอาน่า ขำๆ” ผมตั้งใจล้อเลียนคำพูดของแบมแบมทำให้เจ้าตัวดูสะตั้นไปเล็กน้อย
“พี่จับได้ยัง”
“ก็จับสิ!” แบมแบมยื่นถุงขนมมาตรงหน้าผมอย่างแรงจนเกือบทิ่มหน้าผม
55555555 เขินล่ะสิแบมแบมมม
ผมละสายตาจากหน้าใสของน้องแล้วล้วงมือหยิบขนมจากในถุง
แบมแบมเงียบไปแต่ดูจากสายตาที่น้องแสดงออกมาเหมือนกับว่าคนตัวเล็กกำลังลุ้นอะไรบางอย่างอยู่
ผมยกยิ้มเล็กน้อยแล้วคนๆเม็ดขนมหลายสีก่อนที่จะหยิบเม็ดหนึ่งขึ้นมา
“สีส้ม”
น้องพูดออกมาพร้อมท่าทางโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
เห็นดังนั้นผมจึงพูดประโยคหนึ่งออกมาซึ่งทำเอาน้องต้องรีบเดินเข้าบ้านไปแทบไม่ทัน
“สีเหลืองผสมกับสีแดงจะได้สีส้ม
อ๋อ ... หมายความว่าเราสองคนก็ชอบกันทั้งคู่สินะแบมแบม”
เพียงแค่นั้น
แบมแบมก็โวยวายแล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็วทิ้งผมให้ยืนหัวเราะอยู่คนเดียว 55555
ผมบอกแล้วไงครับว่าแกล้งใครก็ไม่สนุกเท่าแกล้งคนชื่อแบมแบม
:D
--------------------------------
30% ------------------------------
ผมล่ะเกลียดพี่มาร์คจริงๆเลยครับ ...
เกลียดมากเลย ...
ทำผมไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ... มันน่านัก
แหนะ อย่าคิดลึกดิ ผมหมายถึงนอนไม่หลับเพราะคำพูดของพี่มาร์คที่พูดทิ้งไว้เมื่อคืนครับ
นี่คิดกันไปถึงไหนแล้วเนี่ย หรือผมคิดอยู่คนเดียว ?
อ่ะยอมรับก็ได้ ผมคิดมากจริงๆ
“เฮ้อ” ผมกำลังยืนใส่เสื้อนักเรียนอยู่หน้ากระจกแต่งตัวบานใหญ่
มือติดกระดุมพลางมองใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนกับกระจกไปด้วย ฮือ
เมื่อคืนผมไม่ได้นอนเลยครับ เพราะใครกันล่ะ
ใครกันที่ทำให้ผมนอนไม่หลับจนต้องมานั่งกินขนมไปเขินไป
ซุกตัวลงในผ้าห่มก็คิดว่าคงจะหลับ แต่สุดท้ายผมกลับต้องดิ้นไปดิ้นมา กลิ้งไปกลิ้งมา
กลิ้งจนตกเตียงซะเอง
ใครกันล่ะที่ทำให้ผมต้องเปิดเกมส์เล่นแต่อยู่ๆก็เหม่อเขินตัวละครในเกมส์ซะงั้น
ใครกันล่ะถ้าไม่ใช่พี่มาร์คน่ะฮะ!
“สีเหลืองผสมกับสีแดงจะได้สีส้ม
อ๋อ ... หมายความว่าเราสองคนก็ชอบกันทั้งคู่สินะแบมแบม”
.
.
.
.
.
.
.
“กูว่าบางทีมาร์คของมึงเนี่ย อาจจะชอบมึงอยู่ก็ได้นะ”
“เชี่ยยย พูดอะไรองมึงอีกแล้ว
วางถุงกาวของมึงลงก่อนนะไอ้หัวหน้า”
“เชี่ยแบม
กูไม่ได้เมากาวเดี๋ยวทุบ .... เฮ้ย!จริงๆนะเว้ย มึงก็ลองสังเกตดูดิ ถ้าไม่แคร์ไม่ได้ชอบหรือไม่รู้สึกอะไรด้วย
เค้าจะดูแลมึงดีขนาดนี้มั้ย เห็นไอ้ปลื้มเล่าให้กูฟังว่ามาร์คของมึงเนี่ยถึงขั้นทิ้งสัปดาห์แลกเปลี่ยนมาทันทีตอนที่น้องเบบี้โทรไปบอกว่ามึงโดนรถชน
มึงไม่คิดอะไรบ้างเหรอแบม”
.
.
.
.
.
“ได้โปรดอย่าหายไปแบบนี้อีกนะแบม ....
เพราะทุกครั้งที่พี่ไม่เห็นแบมอยู่ใกล้ๆหรืออยู่ในสายตา พี่จะเป็นบ้าตายจริงๆแล้วนะ
อย่าหายไปไหนอีกรู้มั้ยครับ …”
ทั้งๆที่อากาศวันนี้ก็ดูสดใสดีแต่ทำไมผมกับรู้สึกร้อนจนเหงื่อออกฝ่ามือเยอะแบบนี้ล่ะครับ
กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกติดเสร็จพร้อมกับผมที่ค่อยๆลดมือลงช้าๆ ผมยืนเหม่ออยู่หน้ากระจกในหัวเต็มไปด้วยคำพูดของไอ้หัวหน้าที่พูดกับผมวันนั้น
แล้วยิ่งผมมาคิดถึงคำพูดและการกระทำหลายๆอย่างของพี่มาร์ค
ก็ยิ่งจะทำให้ผมเริ่มคิดไปไกลมากขึ้น
มือทั้งสองข้างที่ลดอยู่ข้างตัวจับกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินขยำแน่นทันทีราวกับคนประหม่า
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วสะบัดหัวแรงๆไล่ความคิดขี้มโนของตัวเองออกไป ไม่ ไม่ ไม่
ไม่ ไม่ !! ผมไม่ได้ชอบพี่มาร์ค แล้วพี่มาร์คก็ไม่ได้ชอบผม !
หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วกันต์พิมุกต์ !
‘ถ้าเค้าไม่ได้ชอบแก แล้วเค้าจะดูแลแกอย่างดีไปเพื่ออะไรวะแบมแบม’
เป็นเสียงความคิดของผมเองครับที่ดังขึ้นมาในหัว พอผมพยายามจะไล่ความคิดของตัวเองออกไป
ก็เหมือนกับมีตัวผมอีกคนหนึ่งพูดขัดขึ้นมาให้ผมสับสนเล่น โอ๊ยยยยย พอสักที ! ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น หยุด หยุด หยุด ! แง้
*ข่วนกระจก*
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูซึ่งคงจะเป็นหม่าม๊ามาเรียกให้ลงไปทานข้าวดังขึ้น
ผมจึงเลิกคลุ้มคลั่งแล้วปรับสภาพของตัวเองให้เป็นปกติก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“ครับม๊า”
“แบม”
แหก! ผมเปิดประตูห้องมาอรุณสวัสดิ์สดใสกับคนที่เพิ่งทำให้ผมข่วนกระจกเล่นเมื่อกี้ครับ!
พี่มาร์คซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนดูพร้อมสำหรับการไปโรงเรียนแล้วยืนอยู่หน้าห้องของผม
แล้วก็ยิ้มให้ผมแบบที่พี่แกยิ้มให้ทุกวันที่เราตื่นมาเจอกันตอนเช้า แต่ว่าสิ่งที่แปลกไปในวันนี้คือผมเอง!
ผมเองที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังรู้สึกเหมือนไข้จับ
คล้ายๆว่าพี่มาร์คเป็นคุณหมอที่กำลังจะจับผมไปผ่าตัดจนผมรักษาความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
ผมรู้สึกว่าผมกำลังเป็นภูเขาไฟยังไงไม่รู้สิ ข้างนอกดูนิ่งสงบ
แต่ข้างในสั่นไหวไปด้วยความร้อนจนแทบจะระเบิดออกมา กรี๊ดดดดดดดด เขินนนนนน
ตั้งตัวไม่ทันนน เอาใหม่ๆ *กรี๊ดในใจ*
ปัง!
ผมปิดประตูแล้วหันหลังพิงเพื่อพยุงตัวเองไว้ เดี๋ยวๆ แปบหนึ่งนะครับ
ผมขอปรับอารมณ์ให้เป็นปกติแปบ ผมตั้งตัวไม่ทัน
เพิ่งคิดถึงเมื่อกี้แล้วต้องมาเจอกันแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ผมยังไม่พร้อมๆ
เฮ้อ ... โอเคพร้อมละ
เมื่อตั้งสติได้ผมก็เปิดประตูกลับไปเผชิญหน้ากับพี่มาร์คซึ่งทำหน้างงใส่อีกครั้ง
“มีอะไรเหรอครับพี่มาร์ค”
หน้านิ่งสุด
“หม่าม๊าให้พี่มาตามแบมไปกินข้าว”
อันนี้ก็หน้างงสุด
“อ๋อ โอเคครับ
กำลังจะลงไปพอดีเลย” เนียนสุดเลย
“แบม ทำไมวันนี้หน้าแดงแปลกๆ
ไม่สบายหรือเปล่า” จู่ๆพี่มาร์คก็ร้องทักผมขึ้นมา คุณชายพูดจบไม่ทันให้ผมได้ตอบ
มือหนาก็เอื้อมมาทาบทับกับหน้าผากของผมทันที มือของพี่มาร์คทำให้ผมตัวหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง
ผมอาจจะพูดตลกไปบ้างนะครับถ้าผมจะบอกว่ามือของพี่มาร์คคู่นี้มันอบอุ่นเหมือนมือของป๊าผมเลย
พี่มาร์คก้มลงมองผมที่ยืนจ้องพี่แกแบบไม่ละสายตาไปไหน เผลอสบตาพี่แกไปแบบจังๆทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง
จึงรีบจับมือพี่มาร์คออกจากหน้าผากทันที
“เปล่าน่า
แบมไม่ได้เป็นอะไรหรอก ไปกินข้าวกันเถอะพี่มาร์ค” ผมฉีกยิ้มกว้างกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองให้คนตรงหน้า
พี่มาร์คไม่ได้พูดอะไรต่อกลับเดินนำหน้าผมลงไปก่อนเลย ผมจึงเข้าไปหยิบกระเป๋านักเรียนในห้องแล้วปิดประตูก่อนจะเดินตามลงไปเงียบๆ
ผมว่านะ บางทีอีกไม่นานอาจจะมีใครสักคนที่ต้องรู้สึกอะไรบางอย่างได้ก่อนแน่ๆ
อะไรบางอย่างที่ผมว่าทุกคนก็คงจะรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร
แต่ไม่รู้ว่าคนที่เริ่มรู้สึกได้ก่อนจะเป็นผมหรือพี่มาร์คเท่านั้นเอง
ผมก็แค่ภาวนาว่าอย่าให้เป็นผมเลยครับ
ผมไม่อยากเข้าข้างตัวเอง ผมอยากเป็นแค่น้องชาย ...
จริงๆนะ ._.
…………………………………………..
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“แบมแบมมมมมมมมมมมม”
“มาร์คคคคคคคคคคคคคค”
เสียงกรี๊ดดังสนั่นจากเหล่านักเรียนหญิงที่ส่วนใหญ่จะมีแฟนคลับของผม
และส่วนใหญ่กว่าแฟนคลับของผมคือแฟนคลับของพี่มาร์ค เสียงดังสนั่นทำให้ผมซึ่งตอนนี้มายืนอยู่บนเวทีแล้วอดปริ่มไม่ได้
ผมกำลังเลื่อนเก้าอี้ที่สตาฟยกขึ้นมาให้นั่งแล้วปรับขาไมค์ให้พอดีกับปากผม
มองไปข้างๆก็พบว่าพี่มาร์คกำลังนั่งเช็คกีต้าร์พร้อมสตาฟที่ขึ้นมาเช็คเรื่องเสียงให้เป็นครั้งสุดท้าย
ผมจึงลากสายตาหันมาเล่นกับเหล่านักเรียนทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ข้างล่างเวทีที่กำลังโบกมือให้ผมกันใหญ่
“Thanks” พี่มาร์คบอกขอบคุณสตาฟรุ่นน้องที่ขึ้นมาเช็คไมค์ให้แล้วหันมามองผม เอาล่ะช่วงเวลาแห่งการโดนแซวใกล้เข้ามาแล้วสินะครับ
แบมแบมจะบ้าตาย ผมควรจะรู้สึกยังไงดีนะที่ถูกจับตามองทุกอิริยาบทด้วยกล้องและสายตาหลายคู่ที่มองมายังผมและพี่มาร์ค
เอาแค่ตอนเดินขึ้นเวทีแล้วพิธีกรประกาศว่าต่อไปเป็นการแสดงของผมกับพี่มาร์ค
เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอย่างมิได้นัดหมายแล้ว ผมได้ยินแว่วๆด้วยว่า ‘กรี๊ดด มาร์คแบมอ่ะแก’ เพียงแค่นั้นต่อมเขินที่ผมเพิ่งดับมันลงได้เมื่อเช้าก็ประทุขึ้นมาอีกแล้วอ่ะครับ
โอ๊ยย ผมประหม่านะกับการต้องตกเป็นคู่จิ้นอะไรนั่นน่ะ นี่สาวๆ ทำไมต้องจิ้นผมกับพี่มาร์คด้วยครับ
พี่แบมไม่เข้าใจเลย ขอบ่นหน่อยเถอะครับ
ตั้งแต่วันนั้นที่ยัยน้องสาวตัวดีของผมปล่อยรูปของผมกับพี่มาร์คออกไป
ชีวิตในโรงเรียนแห่งนี้ก็ยากขึ้นเป็นเท่าตัว เวลาอยู่คนเดียวหรือกับเพื่อนน่ะไม่เท่าไหร่
แต่เมื่อใดที่อยู่กับพี่มาร์คนี่แหละ .... อืม *ทำหน้าปลง*
“เอาล่ะค่ะ
ต่อไปก็ถึงการแสดงที่อาจจะทำให้ใครหลายๆคนในที่นี้ฟินจิกเพื่อนข้างๆกันเลยทีเดียว”
เสียงพิธีกรดำเนินรายการดังขึ้น
เรียกความสนใจจากผมและพี่มาร์คให้หันไปมองได้ในทันที
“ทำไมเหรอครับคุณมิ้น”
เสียงพิธีกรชายหญิงประจำโรงเรียนที่ทุกคนรู้จักกันดีนั่นก็คือไอ้มิ้นและไอ้ยูคเดินขึ้นเวทีมาเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง
ไอ้มิ้นดำเนินรายการด้วยคำพูดที่ผมอยากจะวิ่งไปข่วนหน้าซะจริงๆ มาฟงมาฟินอะไร
นี่ก็กะจะชงอีกสินะไอ้เพื่อนบ้า
“คุณยูคยอมค่ะ
จะไม่ให้ฟินได้ยังไงคะ ก็วันนี้คุณแบมแบมจะมาโชว์เสียงเพราะๆของตัวเองให้เราฟังกันอีกแล้วไงคะ
พวกเราไม่ได้ฟังเสียงของคุณนักร้องมาก็หลายเดือนแล้วเนอะ ถ้าจำไม่ผิดนี่ครั้งสุดท้ายก็งานโรงเรียนเมื่อเทอมที่แล้วใช่มั้ยคะ”
ไอ้มิ้นหันไปส่งคำพูดให้ไอ้ยูครับช่วงต่ออย่างชำนาญ
คือไอ้สองคนนี้ผมยังไม่ได้บอกอีกใช่มั้ยครับว่ามันเป็นพิธีกรโรงเรียนด้วย
คือจริงๆแค่ไอ้มิ้นนั่นแหละที่ทำหน้าที่อยู่ตรงนี้เพราะมันเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสภานักเรียน
แต่หลังๆมานี่พี่โจควอนแกบอกว่ามีพิธีกรคนเดียวมันดูโล่ง
พี่แกก็เลยจับไอ้ยูคมาเป็นพิธีกรคู่ซะเลย
จำได้ว่าเรื่องนี้ไอ้มิ้นแอบโมโหพี่ชายตัวเองตั้งนาน
แต่สุดท้ายมันก็ทำงานด้วยกันได้เหมือนไม่เคยเกลียดกันมาก่อน ผมล่ะทึ่งเลย
“ใช่แล้วครับคุณมิ้น
แล้วคุณมิ้นรู้อะไรอีกมั้ยครับ
นอกจากวันนี้เราจะฟินเพราะว่าจะได้ฟังเสียงเพราะๆของคุณแบมแบมแล้ว
เรายังฟินยกกำลังสองด้วยนะครับ” ไอ้ยูคหันมาเหลือบมองผมแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์ซึ่งผมรู้ดีว่ารอยยิ้มแบบนี้แสดงว่ามันกำลังคิดเรื่องชั่วๆอยู่
ไอ้ยูคยักคิ้วให้ผมแล้วมันก็หันหน้ากลับไป
“อะไรเหรอคะคุณยูคยอม”
“ก็วันนี้คุณแบมแบมเค้าพาคู่ขา
เอ้ยไม่ใช่ คู่จิ้นครับ 555555 วันนี้คุณแบมแบมเค้าพาคู่จิ้นมาเปิดตัว
เอ้ยไม่ใช่อีกแล้ว มาร้องเพลงคู่กันค้าบ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เชี่ยยูค! ไอ้เพื่อนเลววววววว
ผมหันไปทำปากด่าใส่มันเรียกทั้งเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะจากข้างล่างได้เป็นอย่างดี
นี่ถ้าไม่เกรงใจคุณครูที่นั่งดูอยู่ผมจะถอดรองเท้าเขวี้ยงใส่หน้ามันละนะ ไอ้! ไอ้! ฮึ่ม ด่าไม่ออกเลย!
พี่มาร์คหันมาจ้องหน้าผมแบบต้องการถามว่าเค้ากรี๊ดอะไรกัน
แต่ช็อตนี้ยิ่งเป็นการเพิ่มความฟินให้กับคนข้างล่างซะอย่างงั้นอ่ะครับ
ผมเลยรีบเบี่ยงเบนความสนใจโดยการหันไปมองไอ้ยูคแทน แต่ในใจนี่กำลังจะบ้าตาย
ไอ้พี่มาร์ค หันกลับไปดิ้! จ้องอยู่ได้ ผมวิ่งลงเวทีกลับบ้านทันมั้ยเนี่ย
“อ๋ออย่างนี้นี่เอง
มาร์คแบมใช่มั้ยคะคุณยูคยอม” ผมอึ้งไปนิดหน่อยเมื่อไม่คิดว่าไอ้มิ้นมันจะพูดกันตรงๆขนาดนี้
ส่วนแฟนคลับข้างล่างก็ดูจะชอบอกชอบใจกับไอ้พิธีกรสองคนนี้มาก
ทั้งกรี๊ดทั้งปรบมือกันสนั่น ผมนี่ไม่เหลือแล้วครับ ไม่เหลือแล้วความแมน เศร้าแรง T0T
ผมก็เพิ่งมารู้วันนี้นี่แหละว่ามีคู่จิ้นจริงจังได้ขนาดนี้
เอาเถอะครับ ไหนๆผมก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
ถ้าทุกคนชอบกันผมก็จะจัดเซอร์วิสแฟนให้เป็นการขอบคุณเลยแล้วกัน
“โชว์นี้ต้องฟินจิกหมอนขาดแน่ๆ
ใช่มั้ยครับคุณแบมแบม” ไอ้ยูคยิงคำถามมาให้ผมรับแบบกลั่นแกล้งกันสุดๆ
ผมจึงทำได้แค่ก่นด่ามันอยู่ในใจ เล่นแบบนี้ใช่มั้ยไอ้ยูค หึหึหึ ได้ครับ! พี่แบมจัดให้!
“ใช่ครับ
รับรองว่าโชว์ของผมกับพี่มาร์คเนี่ย ฟิน แน่ นอน!” โดยที่ไม่มีใครทันคิด
ผมหยิบไมค์ที่อยู่ตรงหน้าตัวเองขึ้นแล้วหันไปตอบไอ้พิธีกรชายแห่งปีซึ่งยืนทำหน้ากวนใส่ผมอยู่
คำตอบที่หลุดออกมาจากปากของผมด้วยน้ำเสียงอยากฆ่าไอ้ยูคเบาๆทำให้บรรดาผู้หญิงข้างล่างเวทีกรี๊ดกันระงม
หึ ผมไม่มีอะไรจะเสียละ ไหนๆก็ไหนๆแล้วเนอะ ชอบกันมากใช่มั้ยไอ้มาร์คแบมอะไรเนี่ย
“แต่แบมว่ายังไงก็คงไม่ฟินเท่าคู่ของคุณพิธีกรหรอกมั้งครับ”
“ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววว”
ผมเอาคืนโดยการพูดแซวไอ้คู่นี้ที่อาจจะเป็นมากกว่าคู่จิ้น
เสียงแซวดังมาจากบรรดาผู้ชมทำเอาไอ้ยูคและไอ้มิ้นตั้งตัวไม่ติดพูดติดอ่างขึ้นมาซะดื้อๆ
“เอ่ออ ... เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
เราไปชมโชว์สุดพิเศษจากทั้งคู่กันเลยดีกว่าครับ!”
“ชื่อการแสดงคือ I
Just wanna ถ้าพร้อมแล้วขอเสียงกรี๊ดด้วยค่า!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ผมหลุดขำออกมาทันทีเมื่อเห็นเพื่อนรักทั้งสองรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินเข้าหลังเวทีไปอย่างรวดเร็ว
ผมจึงหันไปพยักหน้าให้พี่มาร์คแล้วเสียงใสของกีต้าร์ก็ดังขึ้นมาเป็นการเริ่มการแสดง
ผมหันไปยิ้มให้กับแฟนคลับข้างล่างแล้วเอนเตอร์เทนทุกคนให้โบกมือตามผมซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
มีบางส่วนเท่านั้นที่มัวแต่ยุ่งกับการตั้งกล้องอัดคลิป ผมกวาดสายตามองรอบๆ
เห็นพี่คุณยืนยิ้มให้อยู่ข้างๆผอ.และครูผัก ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นเห็นละอองดาวยืนอยู่กับไอ้เตนล์
ผมจึงลากสายตากลับมามองที่พี่มาร์คซึ่งได้จังหวะที่พี่แกต้องร้องท่อนแรกพอดี เสียงทุ้มนุ่มที่ดังออกมาจากผู้ชายข้างๆเล่นเอาเหล่าผู้หญิงข้างล่างกรีดร้องกันแทบคอหอยแตก
ครับ พี่มาร์คเอาไปสิบแต้ม
“WHEN
I FIRST WALKED IN THE ROOM
I SAW YOUR FACE
BABY GIRL I WAS SO AMAZED
I CAUGHT YOU SMILING BACK AT ME
BUT I DIDN’T KNOW WHAT TO SAY”
เมื่อผมเดินเข้ามาในห้องนี้เป็นครั้งแรก
และผมเอาแต่จ้องหน้าคุณ
นั่นมันทำให้ผมอึ้งมากเลย
ผมตกหลุมรักรอยยิ้มที่คุณส่งมาให้ผม
แต่ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบกลับไปดี
แววตาที่เป็นประกายสดใสของคุณชายต้วนสะกดคนดูให้หยุดนิ่งจับจ้องมาที่การแสดงของเราสองคนได้เป็นอย่างดี
สารภาพเลยครับว่าแม้แต่ผมที่เคยได้ยินเสียงของพี่แกตอนซ้อมมาแล้วหลายๆครั้งยังอดแปลกใจไม่ได้เลยกับการแสดงของพี่มาร์คในวันนี้
มันดูเป็นธรรมชาติ ลงตัวและผ่อนคลาย ซึ่งสิ่งนี้แอบทำให้ผมเผลอมองพี่มาร์คจนเกือบร้องท่อนของตัวเองไม่ทันเลย
ดีที่พี่มาร์คหันหน้ามาสบตากับผมเลยเรียกสมาธิกลับมาได้ซะก่อน
ผมหันหน้ากลับมามองคนดูแล้วจับไมค์ขึ้นมาร้องท่อนของตัวเองพลางโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลง
เสียงใสกังวานไปทั่วทั้งหอประชุมซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเพราะเหมือนที่หลายๆคนพูดมั้ย
แต่ดูจากสีหน้าของคนดูผมก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อยว่าเค้าไม่ได้ฝืนใจฟัง ผมฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆในห้องกำลังโบกมือให้จากมุมหนึ่ง
จู่ๆเสียงหัวเราะเบาๆก็ดังมาจากข้างๆ ผมจึงหันไปมองแวบหนึ่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่มาร์คหันมาประทะเข้ากับสายตากันพอดี
พี่มาร์คอมยิ้มน้อยๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนความประหม่าเข้ารุมเร้าผมอีกครั้ง
เพราะทั้งๆที่แอร์ในหอประชุมเย็นขนาดนี้ แต่ฝ่ามือของผมที่กำไมค์อยู่กับชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อมากมาย
ความคิดที่หลอกหลอนผมเมื่อคืนนี้มันกลับมาอีกแล้วครับ แง้ T^T โอ๊ย แบมจิบ้าตาย
ผมทำเป็นมองไม่เห็นพี่มาร์คแล้วหันกลับมาโฟกัสที่การร้องเพลงอีกครั้ง
แต่พอโฟกัสตามเนื้อเพลงผมก็ยิ่งจะสติหลุดมากกว่าเดิมเพราะเมื่ออารมณ์ที่คล้อยตามไปกับเพลงทำให้ผมรู้ว่าเนื้อเพลงนี้มันชวนฟินขนาดไหน
มันเหมือนผมกับพี่มาร์คกำลังถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเพลงกันอยู่จริงๆเลยครับ!
“HEY NOW BABY BOY (YEAH YEAH)
DON’T YOU KNOW (YEAH YEAH)
I’M READY FOR YOU YOU YOU
NOW BOY WHAT YOU GONNA DO”
เฮ้ ตอนนี้ นายนะ
นายนี่มันไม่รู้อะไรเลย
ตอนนี้ฉันพร้อมเรื่องนายแล้วตอนนี้
นายต้องทำในสิ่งที่นายต้องทำแล้วนะ
พร้อมอะไร!!! แบมยังไม่พร้อมมมมมมมมมมมมม บ้าเหรอออออออออ! *ทึ้งหัวตัวเองในใจ*
ซ้อมมาตั้งนานทำไมผมเพิ่งมารู้เอาตอนนี้ว่าเนื้อเพลงมันสยิวกิ้วขนาดนี้นะ ฮืออออ
“BECAUSE I KNOW YOU THE ONE I’VE BEEN SEARCHING FOR”
เป็นเพราะผมรู้ว่าคุณคือคนๆนั้นที่ผมตามหามาทั้งชีวิต
เสียงของพี่มาร์คดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถึงท่อนของตัวเอง
ซึ่งท่อนนี้เป็นท่อนที่ผมต้องร้องสลับกันไปมากับพี่เค้าด้วย ความรู้สึกบางอย่างเริ่มตีตื้นขึ้นมาเมื่อเนื้อเพลงที่พี่มาร์คร้องท่อนนี้กำลังถูกพี่เค้าใช้ใบหน้าหล่อๆนั่นหันมาถ่ายทอดกับผม
ผมเผลอหันไปมองซึ่งแน่นอนว่าผมโชคร้ายตกลงไปในกับดักนั่นแล้ว ในเสี้ยววินาทีหนึ่งหัวใจผมกระตุกวูบมีเพียงความรู้สึกหนึ่งเข้ามาแทนที
พี่มาร์คยิ้มบางๆด้วยท่าทางสบายๆ ใบหน้าละมุน ท่าทางจับกีต้าร์ที่ดูผ่อนคลาย
รอยยิ้มนั่น อ่า ... ทุกอย่างที่เป็นพี่มาร์คในตอนนี้กำลังทำให้ผมเกร็งไปหมดโดยเฉพาะอิทธิพลของสายตาคู่นั้นที่ส่งมา
ซึ่งตอนนี้ผมกำลังพยายามจะไม่มโนว่า ...
พี่มาร์คกำลังใช้เนื้อเพลงท่อนนี้สื่อถึงผม ...
“I KNOW WITH YOU MY LIFE MEANS MORE”
ตั้งแต่มีนายอยู่เคียงข้าง
ชีวิตฉันก็มีความหมายมากกว่าเดิม
อยู่ๆราวกับทุกอย่างถูกตัดขาด ผมรู้สึกเหมือนกับโดนบังคับให้หยุดเคลื่อนไหวไว้ด้วยความอ่อนโยนของพี่มาร์คที่ถ่ายทอดออกมา
แม้ว่าข้างล่างตอนนี้เสียงกรี๊ดจะดังมากขนาดไหน แต่บนเวทีตอนนี้ทุกอย่างกับเงียบไปหมด
ผมร้องเพลงออกมาด้วยอารมณ์ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ณ วินาทีนี้เหมือนเป็นแค่วันๆหนึ่งที่ผมกับพี่มาร์คกำลังซ้อมด้วยกันที่สนามหญ้าหลังบ้านตอนเย็นๆ
ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
เคยมีคนบอกผมว่าการร้องเพลงที่ดีคือการร้องด้วยความรู้สึกที่เข้าใจในเนื้อเพลงนั้นจริงๆ
ผมว่าตอนนี้ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วล่ะครับ ...
ทุกคนเคยได้ยินมั้ยครับว่าสิ่งที่เร็วกว่าแสงก็คือความรู้สึกของมนุษย์
ตอนนี้ผมกำลังเป็นแบบนี้อยู่ ไม่ต้องงงครับว่าผมกำลังรู้สึกอะไร ตอนนี้ความรู้สึกของผมกำลังตีกันครับ
เอาล่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราจะมาพูดกันตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกันนะว่าผมอึดอัดกับความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว
ความรู้สึกที่สั่งตัวเองตลอดว่าเราไม่ได้ชอบ! แต่จริงๆกลับแสดงตรงกันข้าม
ใช่ครับ ความรู้สึกกับพี่มาร์คนี่แหละ ผมอึดอัดมากเกินไปแล้ว
ผมอยากรู้แล้วว่าสรุปผมรู้สึกยังไงกันแน่
“I WISH I COULD SAY THESE THINGS TO YOU”
ผมอยากจะพูด คำๆนั้นกับคุณ
เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนี้
ความอ่อนโยนและความห่วงใยนี้
กำลังทำให้ผมเริ่มสับสนกับตัวเองมากขึ้นทุกวัน
“COME HERE BABY BOY LET ME LISTEN TO YOU”
มานี่สิ ฉันพร้อมที่จะฟังนายแล้วล่ะ
ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเรียกว่าอะไร
ผมยังไม่อยากด่วนตัดสินใจตอนนี้
แต่ถ้าให้ผมตอบ
เอ่อ ...
ผมก็ขอตอบว่าแค่รู้สึกดีก่อนแล้วกันนะครับ
เพราะถึงยังไง
ถ้าวันหนึ่งความรู้สึกนี้มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผมก็จะรับรู้ได้เอง
แต่อย่างน้อยตอนนี้ ผมขออยู่แค่นี้ รู้สึกแค่นี้
แค่รู้สึกแบบนี้ก็พอ ...
“I JUST WANNA LOVE YOU
GIVE ME THAT CHANCE WANNA HOLD YOU
BABY YOU KNOW THAT I NEED YOU I NEED YOU
AND I’M WONDERING ALL THE TIME”
ฉันแค่อยากจะรักคุณ
ขอโอกาส ให้โอบกอดคุณบ้าง
คุณรู้ไหมว่า ฉันต้องการคุณ
และฉันสงสัยมันตลอดเวลา
เดี๋ยวนะ ... นี่ผมกำลังรู้สึกอะไรนะ
ผมบอกว่าผมรู้สึกดีงั้นเหรอ ?
ผมพูดจริงๆใช่มั้ยครับ
ผม .... รู้สึกดีกับพี่มาร์คงั้นเหรอ ?
เสียงร้องประสานท่อนฮุคของผมกับพี่มาร์คดังไปทั่วทั้งหอประชุม
ทุกอย่างเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ไร้เสียงกรี๊ดใดๆ หรือแม้กระทั่งเสียงพูดคุย
ความคิดมากมายกำลังวนเวียนอยู่ในหัวผมทั้งๆที่ผมยังร้องเพลงอยู่
แต่มากกว่านั้นก็คืออยู่ๆความรู้สึกโล่งอกกลับเข้ามาหาผมแบบไม่ตั้งตัว เหมือนเวลาที่เรายอมรับกับอะไรบางอย่างแล้วมันชัดเจนขึ้น
มันทำให้ผมสบายใจขึ้นมากจริงๆนะครับ เห้!นี่มันไม่ใช่เล่นๆนะ ผมโล่งอกขึ้นเยอะเลย ....
เอาล่ะ ผมว่าบางทีวันนี้อาจจะเป็นวันดีๆอีกหนึ่งวันของผมก็ได้นะ
อย่างน้อยเรื่องดีหนึ่งในนั้นก็คือ ผมเคลียร์ชัดกับความรู้สึกของตัวเองแล้ว ... ผมรู้แล้วว่าผมรู้สึกอะไร
ถึงแม้ว่าจะยังไม่แน่ใจก็ตามเถอะ แต่ทำไมผมถึงมีความสุขแบบนี้น้า ~ ผมบอกแล้วไงครับว่าความรู้สึกของมนุษย์มันเร็วกว่าอะไรทั้งนั้น
ก่อนหน้านี้ผมยังสับสนกับตัวเองอยู่เลย แต่พอเริ่มรู้สึกดีขึ้นมา มันกลับค่อยๆลบความรู้สึกก่อนหน้าไปซะงั้น
IF YOU LOVE ME COME ON OVER GET TO KNOW ME
BABY BECAUSE I KNOW YOU NEED ME YOU NEED ME
AND I WANT YOU IN MY LIFE YEAH YEAH
ถ้าคุณรักฉัน มานี่สิ มาใกล้ๆ
ฉันอยากจะรู้จักคุณมากกว่านี้
เป็นเพราะว่า ฉันรู้ว่าคุณต้องการฉัน
และ ฉันต้องการคุณมาเติมเต็มในชีวิตฉันเช่นกัน
อยู่ๆผมก็เผลออมยิ้มกับความคิดของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ให้ตายสิ
นี่ผมเป็นอะไรเนี่ย! ตอนนี้ผมกำลังมีปัญหาแล้วครับทุกคน! ผมหุบยิ้มไม่ได้เลย ยิ้มจนแก้มจะแตกแล้ว
สายตาของผมตอนนี้มันก็ยิ้มตามไม่หุบด้วยเช่นกัน
บางทีก็ตลกตัวเองนะที่แค่ยังไม่ถึงห้านาที
ผมกลับมีทุกความรู้สึกเกิดขึ้นมามากมายได้ขนาดนี้
แล้วในตอนนั้นเองจู่ๆหัวสมองของผมก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ซะงั้นอ่ะ
นี่ผมหลอกตัวเองมาตลอดเลยสินะ
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมรู้สึกยังไง
ผมเข้าใจแล้วว่าการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองจะทำให้ผมรู้สึกดีได้แค่ไหน
และตอนนี้ผมจะขอทำตามสิ่งที่ผมต้องการบ้างแล้วกันนะครับ J
อยู่ๆผมก็ลุกขึ้นทั้งๆที่ยังร้องเพลงอยู่สร้างความงุนงงให้กับคนดูและคนข้างๆ
และแม้แต่ตัวผมเอง .. ผมไม่รู้ว่าผมทำไปเพื่ออะไร รู้แค่ว่าอยู่ๆผมก็อยากทำ
ผมลุกขึ้นแล้วลากเก้าอี้ซึ่งตั้งห่างจากพี่มาร์คพอสมควรลากไปจนชิดพี่มาร์ค
คุณชายหันมามองหน้าผมอย่างงงๆกับสิ่งที่ผมทำอยู่
ผมนั่งลงกับเก้าอี้แล้วหันหน้าไปมองใบหน้าหล่อของคนข้างๆ
จังหวะดนตรีและความรู้สึกของผมตอนนี้เริ่มทำให้โยกตัวไปมาพร้อมทั้งมองหน้าพี่มาร์คไปด้วย
คนตรงหน้าเลยจ้องหน้าผมกลับอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนคนอยากเอาชนะ ผมก็ฉีกยิ้มกว้างให้พี่มาร์คแล้วขยับไมค์ร้องท่อนต่อไปอย่างตั้งใจ
เพราะผมอยากจะสื่อว่าท่อนที่ผมกำลังจะร้องต่อไปนี้ ผมรู้สึกและสัมผัสได้จริงๆ … แล้ว
“YEAH CUT TO THE CHASE WE DON’T PLAY NO GAMES
THE BEATING OF MY HEART JUST TELL ME IF YOU FEEL THE SAME
THIS FEELING IS TRUE YOU AIN’T GOTTA PLAY IT COOL
I’VE BEEN SEARCHING ALL MY LIFE
BABY BOY I KNOW IT’S YOU”
เข้าประเด็นเลยละกัน
เราทั้งคู่ไม่ต้องการที่จะเล่นเกมอะไรทั้งนั้น
จังหวะการเต้นของหัวใจ ก็บอกได้แล้วล่ะว่า
เราทั้งคู่รู้สึกเหมือนกัน
ความรู้สึกนี้มันคือความรู้สึกจริงๆ
ที่นายไม่ได้เล่นๆกับมัน
ฉันตามหามันมาทั้งชีวิต
นายรู้มั้ยว่า คนๆนั้นคือนาย
ความรู้สึกแบบนี้ …
มันดีจริงๆนะ
เสียงเพลง เสียงดนตรี
และเสียงของผมกับพี่มาร์คดังกังวานสะกดคนดูจนในที่สุดก็จบลงท่ามกลางเสียงปรบมือดังสนั่นและเสียงกรี๊ดมากมาย
ผมยิ้มให้กับพี่มาร์คอีกครั้งก่อนจะละสายตาออกมาเพื่อขอบคุณทุกๆคน
ผมยกมือไหว้ไปทั่วทิศ แต่หางตากลับกำลังจับจ้องไปที่คนข้างๆ
ที่กำลังส่งยิ้มให้กับคนดูอย่างเพลิดเพลินโดยไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่า
เค้ากำลังทำให้ผมกลั้นยิ้มเกือบตาย ...
เค้าจะรู้บ้างมั้ยว่าวันนี้เค้าทำให้ผมมีหลากหลายความรู้สึกเกิดขึ้นมา
และเค้าจะรู้บ้างมั้ยว่าสุดท้ายแล้วรอยยิ้มของเค้านั่นแหละที่ทำให้ผมตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
และสุดท้ายที่ผมอย่างจะบอกก็คือ
เค้าจะรู้บ้างมั้ยว่าความรู้สึกใหม่ที่ผมได้รับในวันนี้ อาจจะเป็น ‘ของขวัญวันเกิด’ ที่ดีที่สุดในปีนี้ของผมเลยก็ได้
ทุกคนคงรู้ใช่มั้ยครับว่าความรู้สึกวันนี้
คือความรู้สึกอะไร
ผมว่าทุกคนรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ
และตอนนี้ก็กำลังด่าผมในใจว่า “เพิ่งรู้เหรอแบมแบม! ฉันรู้เป็นชาติแล้ว!”
.ใช่มั้ยครับ!
จู่ๆไฟในหอประชุมก็ดับลงจนผมเผลอสะดุ้ง
แง้ สารภาพตามตรงนะผมกลัวความมืด อย่าไปบอกใครนะครับ
ผมหันขวับมองไปรอบทิศก็เห็นพี่มาร์คนั่งนิ่งจนผิดปกติ แล้วในตอนนั้นเองแสงสีส้มที่สว่างขึ้นตรงหน้าผมก็ทำเอาผมอึ้งไปชั่วขณะ
“Happy
Birthday to you ~ .........” แสงเทียนสีส้มใกล้ผมเข้ามาโดยมีไอ้ยูคเป็นคนถือเค้ก
ผมนั่งนิ่งอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกที่ดีใจสุดๆจนพูดไม่ออกเลยล่ะครับ
พี่มาร์คเป็นคนนำทุกคนให้หอประชุมร้องเพลงให้ผม เสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดดังไปทั่วทั้งสถานที่นี้
จนในที่สุดมันก็หยุดลงตอนที่ผมก้มลงอธิฐานแล้วเป่าเทียนพอดี
ตามมาด้วยเสียงปรบมือและเสียงโวยวายของเพื่อนๆทุกคน ส่วนพี่มาร์คก็ยังคงนั่งมองผมแล้วยิ้มให้ยามที่ผมหันไปเจอเหมือนเดิม
...
นี่เป็นวันเกิดที่มีแต่เรื่องดีๆเข้ามาเลยจริงๆ
.............................................................
“แบมแบม”
“หืม ?”
แสงสีส้มยามเย็นใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดินทอประกายต้องผืนน้ำในสระระยิบระยับ ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วแต่ผมกับพี่มาร์คยังคงเดินเล่นอยู่ในโรงเรียน
วันนี้ทั้งวันผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ มันรู้สึกดีสุดๆไปเลยล่ะ
“ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดีแปลกๆ พี่เห็นแบมยิ้มทั้งวันเลย”
“ก็แบมมีความสุข”
“ความสุขอะไร”
“พี่มาร์คไม่ต้องรู้หรอก”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“เพราะเดี๋ยวสักวันหนึ่ง
พี่ก็จะรู้เอง”
“เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับพี่เหรอฮะ!”
พี่มาร์คเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเล่นอย่างแรง
“แบมไม่ได้มีความลับนะ แต่แบมกำลังมีความรัก” ผมหยุดเดินแล้วหันหน้ามายิ้มกว้างใส่มาร์คต้วน พี่มาร์คดูอึ้งไปเล็กน้อย
“กับใครอ่ะ พี่รู้จักมั้ย”
“พี่รู้จักสิ
รู้จักดีเลย” ผมยิ้มให้คุณชายพร้อมทิ้งคำพูดปริศนาเอาไว้ให้คิดเล่น
ก่อนจะเดินนำออกมาปล่อยให้คุณชายงงเล่น
สักพักเสียงฝีเท้าของคนตัวสูงก็เดินไล่ตามมาติดๆ
“เดี๋ยวแบม”
“อะไรพี่มาร์ค”
“พี่ขอมือหน่อย”
อยู่ๆพี่มาร์คก็แบมือลงตรงหน้าผม
ผมจึงค่อยๆวางมือแปะลงบนมือใหญ่นั้น
พี่มาร์คยิ้มกว้างแล้วกล่องของขวัญเล็กๆก็ถูกวางลงบนมือของผม
“สุขสันต์วันเกิดนะแบมแบม”
“เห้ย! ของขวัญ นึกว่าจะไม่มีให้แบมแล้วซะอีก ขอบคุณนะครับพี่มาร์ค”
“แกะดูสิ” ผมทำตามคำบอกรีบแกะกล่องทันที เมื่อเปิดดูข้างในก็พบว่ามันเป็นข้อมือหนังสีดำมันขลับอย่างดี
“อู้ววววววว”
“มาพี่ใส่ให้” พี่มาร์คหยิบมันออกมาจากกล่องแล้วแกะสายออกให้มันหลวมพอดีกับข้อมือผมก่อนจะคว้าข้อมือผมไปใส่ให้ทันที
“ใส่บ่อยๆล่ะเข้าใจมั้ย ใส่แทนกำไลที่เตนล์ให้เลยก็ยิ่งดี”
“ได้เลย แบมจะใส่ทุกวันเลย โอเคมั้ย”
“ให้มันจริง ไปเถอะกลับบ้านกัน หม่าม๊ารอแล้ว วันนี้มีกินเลี้ยงด้วยนะ
รีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวไปฉลองกันดีกว่าแบมแบม” พี่มาร์คพูดจบก็เดินนำออกไปไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ
มีแต่ผมนี่แหละที่ยืนยิ้มกับข้อมือหนังสีดำอยู่คนเดียว ผมเงยหน้ามองคนตัวสูงที่เดินน้ำหน้าไปก่อนแล้ว ได้แต่พูดในใจเงียบๆกับแผ่นหลังกว้างนั้นว่า ...
‘พี่มาร์ค แบมว่าแบมชอบพี่แล้วล่ะ’
------------------------------------
100% ----------------------------------
มาส่งทิ้งท้ายยาวๆให้แบบจุใจเพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอัพอีกเมื่อไหร่
เพื่อนมาทวงคอมคืนแล้วค่า 5555555 ต้องคิดถึงทุกคนแน่ๆเลย
เอาเป็นว่าอย่าทิ้งกันไปไหนก่อนนะ แล้วไรท์จะรีบหาทางกลับมาเจอทุกคนเร็วๆแน่นอน
รักนะคะ อย่าลืมคิดถึงกันล่ะ
ความคิดเห็น