ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] HOST FAMILY #ฟิคโฮสต์แฟม

    ลำดับตอนที่ #11 : กฎของโฮสต์ข้อที่ 9 :: เป็นโฮสต์ต้องร่าเริง (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.95K
      6
      25 พ.ค. 59








    กฎของโฮสต์ข้อที่ 9

    'เป็นโฮสต์ต้องร่าเริง'

     

               

               

                "อือ ..." เสียงของเครื่องปรับอากาศคือเสียงแรกที่ผมได้ยินนับตั้งแต่รู้สึกตัวเมื่อครู่ ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนๆที่เข้ารุมเร้าทันที เพดานสีขาวคือสิ่งเดียวที่ผมจ้องมองนับตั้งแต่ลืมตา

     

     

                หืม ... ที่นี่มันโรงพยาบาลนี่ ?



     

                ใช่ครับ คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่โรงพยาบาล ผมไม่ใช่มนุษย์นางเอกนะที่จะได้โง่ขนาดตื่นขึ้นมาแล้วไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน อารมณ์แบบว่าตื่นมาแล้วต้องถามว่า ขอโทษนะคะนี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย อะไรประมาณนั้นน่ะครับ หืม อินโนเซ้นท์ไป๊!~ กลิ่นยาฉุนขนาดนี้ ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็จมูกพังหรือมีปัญหากับโพรงจมูกแล้วล่ะมั้งครับ ว่าแต่ผมเถอะ นี่ตื่นมาก็บ่นเลยเหรอ เกลียดตัวเองงงงง ใครได้เป็นเมีย เอ้ย! ผิดๆ ใครได้เป็นสามีนี่คงรำคาญตายเลย สงสาร 5555

     


                ผมหลับตาลงอีกครั้งเพื่อปรับสภาพเบลอของตัวเองให้เป็นปกติก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่ มือข้างซ้ายยกขึ้นมาเพื่อเสยผมที่ตกลงมาปิดตา แต่ทว่าสายน้ำเกลือที่ถูกเจาะกับแขนของผมก็ระโยงระยางจนผมต้องยกมือขวาขึ้นมาแทน ในตอนนั้นเองมือข้างขวาของผมก็ไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างข้างๆ จนทำให้ผมต้องหันหน้ามาดู แล้วก็ได้พบกับใบหน้าหล่อของใครบางคนกำลังหลับตาพริ้มนอนซบกับแขนตัวเองอยู่ข้างๆผม

     

     

                พี่มาร์ค ... ?



     

                ลองนึกภาพผมหันหน้ามาป้ะกับหน้าพี่มาร์คแบบอีกสามเซนต์จะถูกดูดเข้าไปในรูจมูกได้แล้วสิครับ ผมนี่แอบสตั๊นเบาๆนะที่เห็นคุณชายมาร์คต้วนมานอนอยู่ตรงนี้ ผมลองมองไปรอบๆห้องก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอีกนอกจากคนข้างๆ งั้นก็หมายความว่าพี่มาร์คอยู่เฝ้าผมเหรอเนี่ย ?



     

                .... อ้าว แอบเขินเลยครับ ._.

     


     

                ผมนึกกลับไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่ตัวเองจะมานอนอยู่ตรงนี้ก็เพิ่งคิดออกว่าก่อนสติของผมจะดับไป ผมจำได้ว่าเห็นพี่มาร์คมานั่งยิ้มอยู่ข้างๆ ตอนแรกก็คิดว่าฝันหรือละเมอไปเอง แต่ตอนนี้ทำไมพี่มาร์คถึงมาอยู่ข้างๆผมได้จริงๆละเนี่ย อ่า เรื่องจริงสินะ

     

     

                นั่นหมายความว่าพี่มาร์คทิ้งสัปดาห์แลกเปลี่ยนมาหาผมเหรอ ?

     

     

                ผมไม่ได้มโนใช่มั้ยครับ ?

     

     

                นี่ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่พี่มาร์คมาหาผมจริงๆ ตอนนี้พี่มาร์คมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว!

     

     
     

                ทำไมรู้สึกเบ่งบาน ~ -..-

     



     

                อยู่ๆรอยยิ้มที่ผมไม่ได้ฝืนก็ปรากฎขึ้นที่มุมปากอย่างไม่ได้ตั้งใจหากแต่เป็นไปตามความรู้สึก ผมค่อยๆนอนตะแคงหันหน้าไปหาพี่มาร์คที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง เสียงลมหายใจเบาๆอย่างสม่ำเสมอทำเอาผมยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม แล้วก็ยิ้ม ผมยิ้มเพราะรู้สึกขอบคุณน่ะครับไม่ต้องมองผมอย่างนั้นเลย ผมขอบคุณมากๆนะพี่มาร์คที่ยอมทิ้งความสนุกของพี่มาหาผมตอนที่ผมต้องการความช่วยเหลือ ขอบคุณที่อยู่ข้างๆเสมอในเวลาที่ผมเดือดร้อนหรือเจอเรื่องร้ายๆ ขอบคุณที่ให้ผมได้เป็นโฮสต์ของพี่ ถึงเราจะเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้บอกได้เลยว่าความผูกพันที่ผมให้กับพี่มันมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ พี่ชายของแบม :)



     

                ภายในห้องตอนนี้ทั้งมืดและหนาวลงทุกที ผ้าม่านขาวบางที่เปิดทิ้งไว้ทำให้แสงจันทร์นวลอ่อนๆสาดเข้ามากระทบกับใบหน้าของคนที่ผมนอนลืมตามองอยู่ ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เงียบซะจนผมได้ยินเสียงของเข็มนาฬิกาที่ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งรีบ

     

     

                และด้วยความอ่อยบวกต้องการความอบอุ่น อยู่ๆผมก็ตัดสินใจเลื่อนตัวเองลงจากหมอนให้ไปอยู่ระนาบเดียวกับคนข้างๆ ก่อนจะกลิ้งตัวไปให้ใกล้พี่มาร์คมากที่สุด เอาแบบว่าตอนนี้หัวทุยๆของผมก็ไปซบเข้าที่หน้าอกของพี่มาร์คเรียบร้อยแล้วอ่ะครับ อ่า รู้สึกดีชะมัด อ่อยแบบนี้สาบานว่าผมไม่เคยทำมาก่อนเลยนะครับ แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆผมก็อยากซุกพี่มาร์คเป็นลูกแมวตัวน้อยๆซะงั้น อย่าไปบอกใครนะว่าคืนนี้ผมทำอะไรน่ะ แม้แต่พี่มาร์คก็ห้ามบอกนะครับ ชูว์ ~ -0-

     

     

                ผมนอนอมยิ้มกับตัวเองให้กับการกระทำที่โคตรขัดกับสโลแกนแมนๆเตะบอลของตัวเอง รู้สึกนิดๆว่าตัวเองแม่งเหมือนคนบ้า ผมพยายามข่มตาให้หลับ อาการปวดหัวและรู้สึกมึนๆที่ได้รับมาตั้งแต่รู้สึกตัวค่อยๆรุมเร้าผมอีกครั้ง ดวงตาปิดลงก่อนจะขมวดคิ้วด้วยอาการปวดที่มากขึ้น ผมจึงขดตัวใต้ผ้าห่มเข้าไปมากขึ้นจนตอนนี้แทบจะเข้าไปซุกกับพี่มาร์คจะทั้งตัวแล้วนะเนี่ย หือปวดหัวจัง T^T

     

     

                เห้อ ... เอาเป็นว่าผมขอตัวหลับต่อนะครับ ปวดหัวมากจริงๆ


                เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ .... 


     

                แบมขอนอนต่อละ ฝันดีครับ TwT

     

     


     

     

     

                อ่อ! อย่าลืมนะครับ เรื่องคืนนี้ห้ามบอกพี่มาร์คนะ!



     

    ---------------- 10% -------------------





     

                เช้าวันต่อมา

     

                แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านบานประตูกระจกใสซึ่งเปิดผ้าม่านทิ้งไว้ ร่างสูงที่นอนฟุบอยู่กับแขนตัวเองตั้งแต่เมื่อคืนค่อยๆขยับตัวเมื่อรู้สึกว่าแสงแดดกำลังกระทบกับใบหน้าของตัวเองจนต้องหันหนีเนื่องจากเริ่มรู้สึกร้อน มาร์คค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วยืดตัวตรง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

     

     

                ใบหน้าหวานใสที่เริ่มขึ้นสีมากกว่าเมื่อวานกำลังหลับตาพริ้ม ที่สำคัญมาร์คต้องสงสัยไปอีกว่าเหตุใดแบมแบมถึงได้มานอนท่าทางแปลกๆเช่นนี้ หัวทุยของเด็กน้อยอยู่ในระยะที่ต้องเรียกว่ากำลังซุกอยู่กับเขา แล้วที่สำคัญทำไมถึงเลื่อนตัวลงมานอนในระนาบเดียวกับเขาได้ มาร์คสงสัยครับ

     

     

                มาร์คสงสัยได้ไม่นานร่างเล็กๆนั้นก็ดูเหมือนว่าจะขยับตัวกำลังจะตื่น คนหล่อที่ยังนั่งงงอยู่ข้างเตียงจึงเอื้อมมือเข้าไปช่วยพยุงแบมแบมให้ลุกขึ้นนั่ง ริมฝีปากยกยิ้มก่อนจะเอ่ยทักทายยามเช้า

     

     

                "ว่าไงเด็กดื้อ รู้สึกตัวแล้วเหรอ" เสียงเรียกทุ้มๆนั้นทำให้แบมแบมหันขวับมามองตาแป๋วทันทีจนมาร์คหลุดขำออกมา ก็อยู่ๆแบมแบมเล่นทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนี้ ตากลมๆนั้นที่โตอยู่แล้วก็ถูกเจ้าตัวเบิกตาขึ้นจนเกือบจะสุดคิ้ว ปากอวบอิ่มที่เริ่มขึ้นสีก็อ้าค้างอย่างไม่รู้สาเหตุ อะไรของเค้านะ

     


                "พี่มาร์ค! ตื่นนานแล้วเหรอครับ"

     

     

                "อือ ตื่นไม่นานหรอก แต่ก็ตื่นก่อนแบมแล้วกัน"



     

                "ชิพหา..!" แบมแบมหลุดคำๆหนึ่งที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคือคำอะไร มือบ้างรีบยกขึ้นมาตะครุบปากตัวเองไว้ทั้งๆที่ยังพูดไม่จบ ก่อนจะปิดหน้าดิ้นไปดิ้นมาบนเตียง จนผมที่งงอยู่แล้วยิ่งงงเข้าไปยิ่งขึ้น หมอครับ หมอให้ยาน้องผมผิดหรือเปล่าครับ ทำไมแบมแบมเป็นแบบนี้ อาการข้างเคียงหรือครับ คลุ้มคลั่ง ? ประสาทหลอน ?

     

     

                "แบมแบม เป็นอะไร"

     

     

                "หือออ พี่มาร์คคค พี่มาร์คตื่นก่อนแบมทำมายย ~" เอ้า ผมผิดอะไร

     

     

                "อะไรของแบมเนี่ย แล้วไหนเอามือออกสิ จะปิดหน้าทำไม" ผมเอื้อมมือไปคว้าข้อมือบางแล้วกระตุกออกเบาๆ ทำให้ใบหน้าหวานที่ถูกปิดเมื่อครู่ปรากฎตรงหน้า แบมแบมมองผมตาแป๋วเหมือนเดิม แต่ทว่าดวงตากลมโตนั้นกลับมีน้ำใสๆคลออยู่รอบตา แบมแบมมองผมค้างก่อนจะเบะปากแล้วเริ่มร้องไห้เป็นเด็กน้อย

     

     

                "หือออออออ พี่มาร์คอ่า ตื่นก่อนแบมทำไม ใครบอกให้ตื่นก่อนแบมมมมม!" แบมแบมยังคงพูดอยู่ประโยคเดิมๆนั่นก็คือเรื่องที่ผมตื่นนอนก่อน ตกลงผมผิดอะไร ตื่นก่อนเนี่ยนะ

     

     

                "อ้าว ทำไมอ่ะ พี่ตื่นก่อนแล้วพี่ผิดอะไรครับ"

     

     

                "ผิดสิ ผิดมากๆเลย หือออ" แบมแบมสะอื้นจนผมอยากจะถามว่านี่มันเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ

     

     

                "อ่าๆ งั้นพี่ขอโทษแล้วกันครับ ... เห้ ได้ยินมั้ยพี่ขอโทษนะ" แบมแบมอยู่ๆก็นั่งนิ่งค้างไปซะดื้อๆจนผมต้องยกมือโบกไปมาตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะไม่ตอบสนองเลยสักนิด อืม ผมว่าผมควรเรียกหมอมั้ยนะ อาการดูหลอนๆชักกล นี่คุณหมอได้ตรวจสมองแบมแบมละเอียดหรือยังนะ ...

     

     

                "แบมแบมเป็นอะไร นี่ได้ยินพี่มั้ย"

     


                "............"

     

     

                "แบมแบม"

     

     

                "............."

     

     

                "นี่แบม .. แบมแบม"

     

     

                ".............."

     

     

                "กันต์พิมุกต์! นี่เป็นอะไรไป"

     

     

                "..............." ยังคงไร้สัญญาณตอบรับ ผมจึงเลื่อนตัวเองไปนั่งบนเตียง แบมแบมนั่งขัดสมาธิแล้วหันมามองผมงงว่าผมกำลังจะทำอะไร

     

     

                เรียกแล้วไม่ตอบแบบนี้คงเบลอสินะ

     
     

                ไม่เป็นไรครับ ถ้าน้องเบลอแบบนี้ ผมมีวิธีรักษาครับ ...

     
     

                อยากรู้มั้ยว่าผมจะทำยังไง ...

     
     

                ปกติเวลาแบมแบมตื่นนอนตอนเช้าจะเบลอเสมอ ผมทำยังไงน้า ...

     
     

                หึหึหึ *ยิ้มชั่วร้าย*

     


     

                "เป็นอะไรน่ะเรา เบลอแบบนี้ไหนให้หมอรักษาหน่อยนะครับ" ผมเอียงคอมองคนตัวเล็ก แล้วไม่รอช้าจัดการทำตามวิธีตัวเองทันที แขนยาวเอื้อมไปคว้าแบมไว้จนน้องเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของผม แบมแบมตาโตแล้วดิ้นๆแบบตกใจเนื่องจากตั้งตัวไม่ทัน แต่ผมไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กหลุดมือไปง่ายๆหรอก ยิ่งแบมดิ้นเท่าไหร่ผมก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นเท่านั้น

     

     

                "เห้ย! ไอ้พี่มาร์คคค จะทำอะไรของพี่เนี่ยยย!!~ ปล่อยแบมน้า"

     

     

                "ก็พี่ถามเท่าไหร่ไม่ตอบ เบลอแบบนี้เดี๋ยวพี่หมอรักษาเองนะครับ" แบมแบมเกือบสติหลุดทันทีที่เห็นว่าผมกำลังจะทำอะไร

     

     

                วิธีรักษาของพี่หมอมาร์ค ... มันต้องแบบนี้ครับ

     

     

                "พี่มาร์คคคคคคค!! หอมแก้มแบมทำม้ายยยยยยยยย!!~~~~" ผมจัดการล็อคตัวน้องรวบข้อมือเล็กทั้งสองไว้ในอุ้งมือของผมแล้วหอมแก้มเด็กตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว ทำให้แบมแบมดิ้นหนักกว่าเก่าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเนื่องจากแรงของผมเยอะกว่า แก้มนุ่มนิ่มที่ถูกผมยึดครองทั้งซ้ายขวาสลับไปมาเริ่มขึ้นสีแดงจางๆ สงสัยวิธีของพี่หมอมาร์คจะได้ผลแล้วสินะ ดูคนไข้สิครับ มีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันทีเลย สีหน้าก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ซีดไร้สีสัน แต่กลับกำลังแดงขึ้นเรื่อยๆ!

     

     

                "ไอ้พี่มาร์คคคคค ปล่อยแบมมมมมม แก้มแบมจะช้ำแล้วว"

     

     

                "ไม่ ..." จัดการหอมแก้มซ้ายไปอีกรอบ

     

     

                "อย่าน้า ปล่อยแบมมม"

     

     

                "ไม่ ~" แล้วแก้มขวาก็ถูกจมูกของผมฝังลงไปอีกรอบ

     


                "พี่มาร์คแบมยอมแล้ว ปล่อยแบมน้า" น้องเริ่มใช้วิธีอ้อนวอนโดยการเอาหัวทุยมาซบกับไหล่ผมแล้วถูๆไปมา ตอนแรกผมก็ว่าจะเลิกแกล้งแล้วนะครับ แต่พอมาทำแบบนี้ มันยิ่งน่าหมั่นเขี้ยวเข้าไปใหญ่เลย

     

     

                แก้มนิ่มมากเลยรู้ตัวมั้ยเนี่ย

     
     

                ไม่เจอกันตั้งหลายวัน (?) คิดถึงนะครับ

     
     

                ขอแกล้งให้หายคิดถึงหน่อยนะแบมแบม!

     

     

                "พี่มาร์คคคคคคค ปล่อยยยยยยยยย!~~~" ผมจัดการล็อคหน้าน้องแล้วกดจมูกลงไปกับแก้มนิ่มนั่นอีกครั้งอย่างหมั่นเขี้ยวเด็กดื้อ แต่รอบนี้ค้างไว้นานกว่ารอบอื่น ส่วนแบมแบมนั้นคงหมดแรงปล่อยให้ผมแกล้งอย่างว่าง่าย (อันที่จริงทำอะไรผมไม่ได้มากว่า)

     

     

                กันต์พิมุกต์เหรอจะสู้มาร์คต้วนได้ 555555

     

     

                แต่แล้วในตอนนั้นเอง อยู่ๆประตูก็ถูกเปิดเข้ามาโดยผู้มาเยือนทั้งสองคน ซึ่งเข้ามาเห็นภาพเด็ดนั้นพอดี หญิงวัยกลางคนพร้อมกับเด็กสาวที่ถือถุงใส่ผลไม้ตามเข้ามาตาโตปากค้างท่าเดียวกันกับแบมแบม ผมกับน้องจึงหันไปมองพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ความซวยจะมาเยือนก็คราวนี้สินะครับ ... สองคนนั้นก็คือ ...



     

                "เห้ยหม่าม๊า!/เบบี้!"

     

     
     

    ------------- 40% -----------------




     

     

     

         เงียบ ....

         เงียบได้อีก ...

              เงียบไปละ ....


              เงียบจนได้ยินเสียงแอร์


              เงียบจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกา


              เงียบซะไม่กล้าหายใจเลย ...

     

              ง่อววววววววววว ....

     

                หลังจากเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อครู่ผ่านไป ซึ่งรายละเอียดเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นผมขอไม่เล่าแล้วกันนะครับ เรื่องมันค่อนข้างโหดร้ายต่อจิตใจผมเกินไป แบมแบมเสียไต เสียไตมากๆเลย แก้มของผมถูกพรากความบริสุทธิ์ไปต่อหน้าต่อตาแม่และน้องสาว ไม่มีอะไรจะเสียไตไปได้มากกว่านี้แล้วล่ะครับ TT

     
     

                ตอนนี้ผมนั่งเหี่ยวอยู่บนเตียงโดยมีคุณชายมาร์คต้วนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมข้างๆ หม่าม๊ากำลังจัดการกับผลไม้ที่ถือมา ส่วนยัยเบบี้ ... นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟามุมห้อง สาบานเถอะครับว่าผมโคตรระแวงน้องสาวตัวเองมากๆเลย เวลาที่มันมีโทรศัพท์ในมือเนี่ย ... เรื่องชิพหายจะเกิดกับผมได้ตลอดเวลา ถ้ามีผม พี่มาร์ค ยัยบี้ และโทรศัพท์ที่มีเน็ตความเร็ว 3 จี อยู่ด้วยกัน

     

     

                ติ๊ก .... ซ่า ... ติ๊ก ... ติ๊ก

     

     

                ผมนั่งกดรีโมททีวีเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ห้องเงียบเกินไป และเป็นการฆ่าเวลาเบื่อๆไปในตัวด้วย แต่เหมือนว่ายิ่งทำกลับยิ่งเบื่อมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยแฮะ ช่องอะไรเนี่ย เดี๋ยวก็ขายตรง ช่องธรรมมะ ลีน่าจัง นี่หนักสุดน้ำหมักป้าเช็ง เอ้อออ เอาซี้ พอๆ ปิดทีวีเหอะ

     
     

                ติ๊ด

     
     

                เสียงปิดทีวีดับลงพร้อมกับผมที่ทิ้งรีโมทไปข้างตัวเบาๆ พี่มาร์คหันมามองผมแวบหนึ่ง สายตาของเราประสานกันแล้วก็มองกันแบบงงๆโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ สักพักหม่าม๊าก็ถือจานใส่ผลไม้มากมายมาวางลงบนโต๊ะอาหารคนป่วย ทำให้ห้องคลายจากบรรยากาศแปลกๆได้เยอะเลย

     
     

                "อ่ะแบม กินผลไม้ลูก"

     
     

                "ขอบคุณครับม๊า" หม่าม๊าเดินไปนั่งบนโซฟาข้างๆยัยบี้แล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาไว้ในมือ

     
     

                "ว่าแต่ม๊ายังไม่ได้ถามเลย นี่ไปทำอีท่าไหนถึงได้สภาพเป็นแบบนี้ฮะแบม"

     
     

                "โห่ว หลายท่าเลยอ่ะม๊า เรื่องมันยาว แบมขี้เกียจเล่าอ่ะ แบมขอไม่เล่านะค้าบ"

     
     

                "เฮ้อ เด็กคนนี้นี่ กวนจริงๆ เอาเถอะ ม๊าไม่ถามก็ได้" หม่าม๊ายิ้มขำๆแล้วก้มหน้าลงไปกางหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่าน ห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ผมจึงลากสายตากลับมาสนใจที่จานผลไม้ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบส้มจีนลูกใหญ่ขึ้นมาหนึ่งลูกและเริ่มลงมือแกะ


              

                แต่คงเป็นเพราะสายอะไรที่ระโยงระยางเต็มมือผม แล้วก็ไอ้เครื่องอะไรไม่รู้ที่หนีบนิ้วของผมอยู่เลยทำให้การแกะเปลือกส้มง่ายๆอัพเลเวลความยากขึ้นเป็นเท่าตัว ผมพยายามกับการแกะเปลือกส้มอยู่นานจนในที่สุดมือของพี่มาร์คก็จับที่แขนผมเป็นนัยว่า 'พอเถอะแบม' แล้วพี่แกก็แย่งส้มในมือไปแกะให้

     
     

                ผมนั่งจ้องพี่มาร์คแกะส้มด้วยความจริงจังจนเสร็จ พี่มาร์คยื่นส้มมาให้ผมแต่ผมกลับไม่รับ ทำให้คิ้วของพี่แกขมวดเข้าหากันทันที

     

     

                "อ้าว พี่แกะส้มให้แล้ว ทำไมไม่กินล่ะ"

     
     

                "พี่มาร์คป้อนหน่อย"

     
     

                "ห้ะ อะไรของเราเนี่ย ป่วยแล้วขี้อ้อนนะ" พี่มาร์คบ่นพร้อมทั้งยิ้มน้อยๆ คุณชายก้มหน้าลงไปแกะส้มแล้วส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมเด็กน้อยของผม อันที่จริงผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับว่าทำอะไรอยู่กันแน่ เดี๋ยวนี้เวลาอยู่ใกล้พี่มาร์คทีไร ผมค่อนข้างเสียความเป็นตัวเองไปตลอดเลย อาจจะเป็นเพราะว่าตั้งแต่มีพี่มาร์ค พี่แกก็คอยสปอล์ยผมจนเคยตัวหล่ะมั้ง มั้งงงงงง

     
     

                "อ่ะ" ส้มกลีบแรกถูกยื่นมาจ่อที่ริมฝีปากของผม ผมงับเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ ความหวานของส้มทำให้ผมยิ้มจนตาหยี

     
     

                "กินเองได้แล้วมั้งแบม"

     
     

                "ไม่เอาอ่ะ พี่มาร์คป้อนนนน"

     
     

                "กลายเป็นคนขี้อ้อนตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย"

     
     

                "แบมไม่ได้อ้อนสักหน่อย แต่แบมไม่สบายอยู่นะ ต้องดูแลแบมดิ!"

     
     

                "อ่าๆ โอเคๆ อ่ะ" พี่มาร์คยื่นส้มอีกหนึ่งกลีบมาให้ผม ผมงับเข้าปากกินด้วยความอร่อย

     

     
     

                แต่ทำไมถึงรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างจ้องอยู่วะ ...

     


     

                ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างจ้องผมอยู่จากด้านหลัง จึงตัดสินใจค่อยๆหันหน้าไปมอง แล้วผมก็พบกับสายตาของสองหญิงงามนามว่าเบบี้และคุณหม่ามี๊กำลังมองผมอยู่ เอ่อ ...

     
     

                หม่าม๊าและเบบี้เมื่อรู้ตัวว่าผมรู้ตัวก็รีบก้มลงไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อ ผมกะพริบตาสองสามทีก่อนจะค่อยๆหันกลับมาหาพี่มาร์ค ยื่นมือไปแย่งส้มในมือพี่มาร์คมาไว้กับตัวเองอย่างไวเลยครับกันต์พิมุกต์

     
     

                "พี่มาร์ค เดี๋ยวแบมกินเอง"

     
     

                "อ้าว"

     
     

                "พี่มาร์คอ่ะแกะช้า ไม่ทันใจ" ผมแกล้งบ่นไปแกะส้มไปพลาง พี่มาร์คแกจึงหันไปหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีดูอีกครั้ง

     
     

                ความเงียบตกอยู่ในห้องอีกรอบ จนผมที่นั่งกินส้มหมดไปลูกต้องเอ่ยปากชวนคนข้างๆที่กำลังตั้งใจดูสารคดีปลาวาฬในทีวีอยู่คุย

     
     

                "เอ้อพี่มาร์ค แบมมีเรื่องจะบอก"

     
     

                "ว่า" พี่มาร์คตอบผมแต่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่ที่วาฬแม่ลูกที่กำลังว่ายน้ำไปมาในทีวี

     
     

                "พี่โจควอนที่เป็นพี่กีฬาสีอ่ะ เค้าบอกว่าอยากให้พี่มาร์คไปเดินขบวนพาเหรดวันงานเปิดกีฬา พี่มาร์คจะว่าไง" ผมพูดกับคนที่หันข้างให้ผมช้าๆ คือพี่เค้าจะเข้าใจมั้ยวะ ที่แอลเอไม่ได้จัดกีฬาสียิ่งใหญ่อลังกาลฟูฟ่องล่องลอยแบบนี้ด้วยสิ

     
     

                "ทำไมพี่ต้องเดินอ่ะ"

     
     

                น้านไง งานอธิบายต้องมาครับ ...

     
     

                "ก็ที่ประเทศไทยน่ะ เวลาเค้าจัดงานกีฬาสี จะมีการประกวดขบวนพาเหรดด้วย พี่โจควอนเค้าก็เลยต้องหาคนหน้าตาดีๆไปเดินขบวน ให้มันดูมีอะไรไงพี่มาร์ค พี่มาร์คเดินเถอะ เชื่อแบม สนุกนะ"

     
     

                คุณชายมาร์คต้วนอยู่ๆก็นั่งหัวเราะกับสารคดีปลาวาฬในทีวี นี่สรุปพี่แกได้ฟังผมพูดมั้ยเนี่ย - -*

     
     

                "แล้วแบมได้เดินรึเปล่า" แม้ว่าสายตาจะไม่ยอมละจากจอสี่เหลี่ยม แต่ปากก็ตอบโต้กับผมอยู่ตลอดเวลา โอเค ขอบคุณครับที่ทำให้แบมไม่ต้องพูดคนเดียว

     
     

                "แบมเดินทุกปีแหละพี่มาร์ค ปีนี้แบมก็เดิน"

     
     

                "โอเค งั้นเดินก็ได้"

     
     

                "สรุปเดินนะ"

     
     

                "อือ"

     
     

                แล้วผมก็ตัดบทสนทนาปล่อยให้คุณชายหลุดเข้าไปในโลกสารคดีต่อโดยการล้มตัวลงนอนตามเดิม เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีตื่นขึ้นมาก็บ่ายกว่าๆแล้ว หม่าม๊าเดินมาข้างๆเตียงผมแล้วกระซิบบอกผมเบาๆว่าเดี๋ยวจะพายัยบี้ไปเรียนพิเศษ แล้วก็พาพี่มาร์คไปบ้านอาบน้ำพักผ่อนก่อน เย็นๆจะมาใหม่อีกครั้ง และด้วยความสลึมสลือของคนเพิ่งตื่นนอนผมจึงตอบส่งๆไป ได้ยินเสียงพี่มาร์คกระซิบข้างหูว่าเดี๋ยวมานะแล้วก็ตามด้วยเสียงปิดประตูส่งท้าย

     

    --------------------------------------------------

     

     

    7 PM @ Hospital

     

    แอดดดด ...

     

                "แบมแบม" ผมที่นั่งกดรีโมททีวีอยู่หันไปทางประตูแล้วยิ้มให้ผู้มาเยือนหน้าหล่อที่หายไปตั้งแต่บ่าย พี่มาร์คในชุดเสื้อเชิ้ตสีกรมบวกกางเกงขาสามส่วนสีดำ ผมเซตตั้งดูเปียกน้ำเล็กน้อยคงเพราะพี่แกเพิ่งอาบน้ำมาล่ะมั้ง พี่มาร์คปิดประตูเบาๆแล้วสาวเท้าเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างๆตามเดิม กลิ่นสบู่ผสมโคโลญสดชื่นลอยปะทะจมูกผมจังๆเลยครับ

     

                "ตื่นนานแล้วเหรอ"

     

                "แบมตื่นตั้งแต่หกโมงครึ่งแล้ว นี่ก็กำลังรออยู่ว่าเมื่อไหร่จะมา ว่าแต่ม๊าล่ะพี่มาร์ค"

     

                "ม๊าบอกว่าเดี๋ยวจะไปรับบี้ที่เรียนพิเศษก่อน แล้วจะไปซื้อของอะไรไม่รู้ คงจะเข้ามาถึงนี่ประมาณสองทุ่มครึ่ง นี่แบมกินข้าวยัง"

     

                "ยังเลย รอพยาบาลเอามาให้อยู่เนี่ย" ผมพูดยังไม่ทันจบคำ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับพี่พยาบาลชุดขาวเข็นรถอาหารเข้ามาในห้อง

     

                "คนไข้คะ ได้เวลาทานข้าวกับยาแล้วค่ะ" ถาดสแตนเลส กับถ้วยเนื้อเดียวกันประมาณ 2-3 ใบถูกวางลงบนโต๊ะผู้ป่วยหน้าผม ถ้วยใส่ยาเม็ดสีสวยถูกวางลงเป็นอย่างสุดท้ายก่อนที่พี่พยาบาลจะออกจากห้องไป ผมเปิดฝาดูกับข้าวที่อยู่ข้างใน

     

                "อ่า อะไรเนี่ย ข้าวต้มจืดๆ หมูหยอง แล้วก็ผัดผัก" ผมทำหน้าเหยให้กับเมนูในวันนี้ หือ ขึ้นชื่อว่าอาหารโรงบาลแล้ว ยังไง๊ยังไงงานจืดชืดก็ต้องมาสินะ

     

                "ทำไมอ่ะแบม กินไม่ได้เหรอ" พี่มาร์คมองผมก่อนจะยืดตัวดูอาหารที่เปิดฝาทิ้งไว้

     

                "ไม่ใช่กินไม่ได้อ่ะพี่มาร์ค แต่มันจืด แบมเบื่อ"

     

                "แต่แบมต้องกินนะ จะได้กินยา"

     

                "แบมกินอย่างอื่นไม่ได้เหรอ แบมอยากกินอะไรหวานๆ"

     

                "งั้นเอางี้ แบมกินอาหารนี้ให้หมด แล้วกินยา แล้วพี่จะพาลงไปซื้อของหวานข้างล่างกิน โอเคป้ะ"

     

                "จริงนะ"

     

                "จริงดิ โกหกทำไม" โอ้โหววว รักพี่มาร์คจุงงงงง ผมอยากกินของหวานสุดๆเลยครับตอนนี้

     

                "งั้นมานี้มา พี่ป้อน" พี่มาร์คขยับขึ้นมานั่งบนเตียงเดียวกับผมก่อนจะเอาช้อนไปตักข้าวต้มมาป้อนผม ผมมองพี่มาร์คที่กำลังเป่าข้าวต้มร้อนๆแล้วยื่นช้อนมาจ่อที่ปากผม

     

                "อ่ะอ้าม กินเร็ว" ผมงับช้อนก่อนจะกลืนข้าวต้มลงคอ แล้วมองพี่มาร์ค ในสมองตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากถามพี่แกเหลือเกิน ไวเท่าความคิด ปากของผมก็พลั้งออกไปทันที

     

                "พี่มาร์ค"

     

                "หืม"

     

                "ทำไมพี่มาร์คถึงดูแลแบมดีจัง พี่มาร์คคิดอะไรกับแบมป้ะเนี่ย"

     

                "ห้ะ" เหมือนผมจะถามตรงเกินไป พี่มาร์คแกตกใจจนเกือบทำช้อนตกเลยอ่ะครับ

     

                "ทำไมแบมถามงี้อ่ะ" พี่มาร์คถือช้อนค้างไว้กลางอากาศแล้วหันมาถามผมด้วยสีหน้าเหวอๆ

     

                "ก็พี่มาร์คดูแลแบมดีมากเลยนะรู้มั้ย จนบางทีแบมคิดว่าพี่มาร์คซะอีกที่เป็นโฮสต์ แบมเป็นเด็กแลกเปลี่ยน" พี่มาร์คทำหน้าอ๋อแล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นช้อนมาป้อนผม

     

                "แบมแบม คิดมากน่า พี่ดูแลเพราะพี่คิดว่าแบมเป็นน้องชายของพี่อีกคนนะ ตอนอยู่ที่บ้านพี่ก็ดูแลโจอี้แบบนี้นี่แหละ ผิดกันก็ตรงดูแลแบมมากกว่า"

     

                "ดูแลแบมมากกว่า ทำไมอ่ะ"

     

                "ก็โจอี้น่ะ มันเก่ง แล้วก็เถื่อน จริงๆนะ พี่เลยไม่ค่อยห่วง แต่อย่างแบมเนี่ย เหมือนน้องสาวยังไงไม่รู้ดิ"

     

                "น้องสาว! ตลกแล้วพี่มาร์ค แบมนี่นะน้องสาว" ผมเอื้อมมือไปฟาดไหล่พี่มาร์คหนึ่งที น้องสาวเหรอ เอ้ออ กันต์พิมุกต์คนแมนเป็นน้องสาวมาร์คต้วน เย้!

     

                "จริงๆนะ แบมรู้ป่าว ตอนพี่ได้เห็นแบมครั้งแรกในเมลล์ที่คุยกันน่ะ พี่นึกว่าแบมเป็นผู้หญิงซะอีก"

     

                "พี่มาร์คอ่า อะไรเนี่ย เห็นแบมเป็นผู้หญิงได้ยังไง"

     

                "ก็นั่นแหละ แต่หลังจากที่ได้คุยกับแบมพี่ก็เอ็นดูเรามากเลยรู้มั้ย พี่คิดว่าเราเป็นน้องอีกคนไปแล้ว" พี่มาร์คยิ้มให้แล้วก็ป้อนข้าวต้มผมอีกช้อน

     

     
     

                น้องงั้นเหรอ ... โอเคน้องก็น้อง

     

                อืม แน่ใจนะพี่มาร์คว่าแค่น้อง

     

                โอเคน้องครับน้อง แค่น้อง อืม น้อง

     

                .

                .

                .

                แค่น้องจริงเหรอ !?  น้องจริงๆนะ โอเค๊ แค่น้องงงงง

     

                เดี๋ยวนะกันต์พิมุกต์ ... คือมึงเป็นอะไรครับ ต้องการอะไรจากสังคม - -*

     

     

                อยู่ๆผมก็เงียบไปแบบไม่รู้จะพูดอะไรกับพี่มาร์ค ข้าวต้มถูกป้อนจากมือของพี่มาร์คเรื่อยๆ อยู่ๆพี่มาร์คก็พูดขึ้นมาลอยๆ

     

                "เพราะแบมเป็นน้องอีกคนของพี่ พี่ก็เลยห่วงมากเลย"

     

     

                แล้วถ้าไม่ใช่น้อง พี่มาร์คจะห่วงมั้ยนะ ...

     

     

                "พี่ถึงคอยเตือนแบมอะไรหลายๆอย่างไง ... "

     

                "............................"

     

                "มาอยู่เมืองไทยทั้งที ได้โฮสต์แบบแบมก็โคตรโชคดีอ่ะ ได้ทั้งน้องชายที่น่ารักได้ทั้งโฮสต์ที่แสนดี"

     

     

                เอ๊ะ ทำไมเริ่มเขิน .....

     

     

                "ก็เพราะแบบนี้ไงพี่ถึงห่วงแบมมาก"

     

                "..........................." ผมกลืนข้าวต้มที่พี่มาร์คป้อนลงคออย่างยากลำบาก อยู่ๆทำไมข้าวต้มมันฝืดๆนะ เหมือนจะหวานขึ้นด้วยแฮะ

     

                "ไม่สิ นอกจากจะห่วงแล้ว พี่ยังหวงมากด้วย"

     

     

     

                งือออ ทำไมข้าวต้มโรงบาลหวานจังฮะ ..... T/////T

     

     

    .................................................................

     

     

     

                หลังจากผมจัดการข้าวต้มและกินยาเสร็จ พี่มาร์คก็พาผมลงมาข้างล่างตามที่สัญญาไว้ ลองคิดภาพผู้ชายตัวสูงต้องยืนถือถุงน้ำเกลือแล้วยังเป็นที่เกาะให้ผมค่อยๆเดินไปด้วยสิครับ ตลกอ่ะ ชุดโรงบาลนี่ก็ทะมัดทะแมงดีจัง ประชดครับ

     
     

                ผมเกาะแขนพี่มาร์คเดินมาหยุดที่หน้าร้านเครื่องดื่ม ก่อนจะร้องบอกพี่มาร์คว่าอยากกินโกโก้ปั่น พี่มาร์คจึงเดินไปสั่งน้ำให้ผมจากนั้นจึงค่อยๆพาสังขารของน้องชายอย่างผมไปหาที่นั่งในร้าน

     
     

                ตอนนี้เวลาทุ่มกว่าๆเกือบสองทุ่มแล้ว คนในโรงบาลเริ่มเบาตาลงไปเยอะ ผมนั่งโม้อะไรกับพี่มาร์คไปเรื่อยจนโกโก้มาเสิร์ฟ ไม่รอช้าผมจัดการก้มลงดูดโกโก้เต็มที่ แล้วในตอนนั้นเองเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงผู้หญิงคนนี้เรียกพี่มาร์คด้วยล่ะ

     
     

                "มาร์คค่ะ" ผมเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่วิ่งเข้ามาที่โต๊ะ เป็นผู้หญิงร่างเล็กที่ผมแอบคุ้นๆหน้าจริงๆ พี่มาร์คทำหน้าเหวอเล็กน้อยที่เห็นเธอ ก่อนจะหันมามองผมแวบนึง ถัดจากข้างหลังผู้หญิงคนนั้นก็คือพี่ยองแจที่พาแจ๊คสัน เจบี และจูเนียร์เดินตามเข้ามา

     
     

                "เมย์บี" พี่มาร์คเรียกชื่อของผู้หญิงคนนั้น ผมหันไปมองเงียบๆ ผู้หญิงที่ชื่อว่าเมย์บีเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างพี่มาร์คโดยไม่ต้องมีใครอัญเชิญทันที อ่า จำได้ละ เมย์บีที่เป็นเจ้าของบ้านที่พี่มาร์คไปสัปดาห์แลกเปลี่ยนใช่มั้ย ผมนั่งมองเธอจนกระทั่งพี่ยองแจเรียกชื่อผมขึ้นมา

     
     

                "แบมแบม" พี่ยองแจเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆผม ส่วนเด็กแลกเปลี่ยนอีกสามคนกำลังยืนเถียงกันหน้าเคาท์เตอร์บาร์สั่งน้ำอยู่

     
     

                "พี่ยองแจสวัสดีครับ"

     
     

                "หายดีแล้วเหรอถึงลงมานั่งที่นี่อ่ะ"

     
     

                "ก็ดีขึ้นแล้วครับ ว่าแต่พี่เถอะทำไมถึงได้อพยพพวกนั่นมาที่นี่หล่ะ ยังไม่หมดสัปดาห์แลกเปลี่ยนเลยนะ"

     
     

                "เห้อ ก็พอพี่กลับไป พอพวกนางรู้ว่าแบมโดนรถชน ก็โวยวายกันใหญ่เลย บอกว่าจะมาหาแบมๆ ไอ้เตี้ยนั่นแหละตัวดี แอ็คติ้งโอเว่อร์ล่ะไม่มีใครเกิน ตอนนั่งรถมานี่ก็ดีดซะพี่ไม่ได้เงียบปากเลย เถียงกับแจ็คสันมาตลอดทางเลยเนี่ย"

     
     

                "แล้วเนี่ย พี่กับเมย์บีก็เลยตัดสินใจว่าจะใช้เวลาที่เหลือพาพวกนั้นมาเที่ยวที่กรุงเทพนี่แหละ แบมคิดว่าไง" พี่ยองแจถามความเห็นของผม ผมจึงหันหน้าไปมองเมย์บีที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆพี่มาร์ค เที่ยวในกรุงเทพเหรอ อืม ก็เป็นความคิดที่ดีแฮะ

     
     

                "ก็ดีนะครับ เมย์บีมาเที่ยวที่นี่ก็ดีเหมือนกัน พักที่บ้านแบมก็ได้" ผมยื่นข้อเสนอในฐานะเจ้าบ้านที่ดี ให้หญิงสาวที่มาเยือนโดยไม่รู้ตื่นลึกหนาบางอะไรมากกว่านั้น แต่ทว่าพี่มาร์คอยู่ๆก็ขยับเก้าอี้เข้ามานั่งชิดผมซะจนผมต้องหันหน้าไปมอง พี่มาร์คทำหน้าแปลกๆให้ แววตาดูอ้อนวอนจนผมสงสัย

     
     

                "จริงเหรอคะแบม ดีเลย เพราะว่าเมย์บีก็ยังเล่นกับมาร์คไม่จบเลย อยู่ที่นั่นสนุกมาก จริงมั้ยคะมาร์ค เนี่ยคิดถึงมาร์คเค้ามากก็เลยตามมา" พี่มาร์คทำหน้าแหย จนผมที่แอบมองอดสงสัยแรงไม่ได้ ทำไมผมรู้สึกอึดอัดแทนคุณชายเค้าแฮะ จะว่าไปผู้หญิงคนนี้ก็แปลกๆ ผมรู้สึกได้


                 แล้วจู่ๆสมองก็ประมวลผลอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ อ่า ผมว่าผมรู้แล้วล่ะว่าพี่มาร์คต้องการบอกอะไรกับผม

     

     

                กลัวผู้หญิงคนนี้สินะพี่มาร์ค

     

                สงสัยจะไม่ธรรมดา

     

                 
     

                "จริงครับ งั้นมาพักที่บ้านแบมนั่นแหละ พรุ่งนี้แบมก็ออกจากโรงบาลแล้ว เดี๋ยวแบมพาเที่ยวเอง" พี่มาร์คหันมาทำตาโตใส่ผมแบบไม่เคยเป็นมาก่อน จนทำเอาผมแอบขำออกมาเบาๆไม่ได้ พี่มาร์คยกมือมาเกาะแขนผมแน่น งานนี้สนุกแน่ๆ ผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ธรรมดา แบมเชื่ออย่างนั้น

     
     

                ไม่เป็นไรนะพี่มาร์ค แบมจะปกป้องพี่เอง 55555 / ยิ้มอ่อน

               

     

    --------------------------------- 100% ------------------------------------------







     

    กลับมาแล้วน้า เย้

    B E R L I N ❀




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×