คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : KH:เพื่อน(ที่ไม่)สนิท [100%]
KAIHUN
เพื่อน(ที่ไม่)สนิท
เขาบอกว่า
หลงรักเพื่อนสนิท มักจะแห้วทุกราย
แล้วถ้าเกิดว่า
เราเป็นแค่'เพื่อน'กันเท่านั้นล่ะ?
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แรงบรรดาลใจจากเพลง 'แฟนคนนึง-ffk'
อยากบอกว่าเธอมีแฟนคนหนึ่ง
ที่แอบไปหึงเธอทุกวัน ทุกวัน
ไม่รู้อะไรซะบ้างเลย
ก็เป็นแฟนเธอวันๆ โดยที่เธอเองก็ไม่ยอมรู้ตัว
และฉันก็กลัวซะเกินจะบอก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"จงอิน" เด็กหนุ่มผิวขาวร่างสูงโปร่ง เอ่ยเรียกเพื่อนร่วมห้องของเขา'คิมจงอิน'ที่กำลังเมามันกับเกมในโทรศัพท์มือถือ คนถูกเรียกเลิกคิ้วเป็นการตอบรับโดยไม่ได้เงยหน้ามองเมื่ออยู่ๆไอ้มนุษย์ที่ไม่เคยคุยกันเลยสักประโยคตั้งแต่ขึ้นเกรดสิบ จนตอนนี้ก็แทบจะจบปีการศึกษาของเกรดสิบเอ็ดนี่อยู่แล้ว
"คือ...ฉันได้ยินมาว่านายยังไม่มีคู่ทำรายงานวิชาวิทย์ใช่มั้ย"
"อ๋อ ใช่ๆ"
เรื่องการทำรายงานก่อนจบเกรดสิบที่อาจารย์อีทึกสั่งมานี่ก็ดันให้จับคู่เสียอีก
และแน่นอนว่ากลุ่มของจงอินซึ่งมีสมาชิกทั้งหมดสามคนถ้วนต้องตัดใครคนใดคนหนึ่งออก
ใช่ว่าเขาจะยอมออกเอง แต่ว่าไอ้บ้าปาร์คโยดากับไอ้หน้าเขียวจื่อเทาน่ะสิ
ไม่รู้แอบไปคุยกันตอนไหน อยู่ๆก็มาบอกว่า'ไอ้ดำ
พวกกูจับคู่กันแล้วนะ มึงไปหาเองละกัน' จากนั้นก็สะบัดบั้นท้ายงามๆไปด้วยท่าทางกรีดกราย
ถ้ากูหมั่นไส้มากๆเดี๋ยวตื้บให้ตายเลยคอยดู
แต่ถึงอย่างนั้นคนอย่างจงอินมีหรือที่จะแคร์
ก็ยังทำตัวเอ้อระเหยไปวันๆโดยไม่แคร์คะแนนเก็บส่วนนี้
ใช่ว่าเขาจะรอไปเอาคะแนนสอบไฟนอล เพราะรู้อยู่แล้วไงว่าตกชัวร์ๆ
เลยรอเรียนซ้ำวิชานี้กับรุ่นน้องไปเลย เนอะ#ร้องไห้หนักมาก
แต่ตอนนี้ก็น่าจะรอดแล้ว
เพราะ'โอเซฮุน'ก็มาอยู่ตรงนี้แล้วนี่
"แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง"
จงอินเอ่ยถามเซฮุนที่กำลังเลือกหยิบหนังสือออกจากชั้นหนังสือในห้องสมุดของโรงเรียน
คนตัวบางหันมามองด้วยสายตาที่ประมาณว่า 'ก็รายงานอ่ะ
หน้าอย่างมึงก็น่าจะเคยทำตอนอยู่เกรดสี่ไม่ใช่เหรอ'
"แล้วจงอินอยากทำอะไรล่ะ"
เซฮุนยื่นหนังสือเล่มที่เจ็ดวางลงบนกองหนังสือในอ้อมแขนของคนผิวเข้ม
"ก็...อะไรก็ได้มั้ง"
"งั้นทำทั้งหมดเลยดีไหม?"
"เอ้ย ไม่เอาดิ นี่มันงานคู่นะ"
คนตัวผอมกว่าหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทางของอีกคน
"เข้าใจแล้วๆ ฉันก็ไม่ได้ให้นายทำอะไรมากหรอก
พวกชานยอลบอกว่านายทำงานไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่
มีดีแค่ลากก็อปวางจากอินเทอร์เน็ตเก่ง" ร่างบางยกยิ้มหวานๆให้เล็กน้อย
จงอินส่งยิ้มแห้งๆกลับ โดนเล่นแล้วไงกู เห็นเงียบๆอย่างนี้นี่แรงใช่ย่อยนะครับ
"จะบอกว่าฉันทำงานส่งๆเหรอ"
"เปล่านะ!ก็แบบ...หาข้อมูลเก่งไง"
ทั้งสองคนพากันมานั่งอยู่ที่โต๊ะ
เพิ่งสังเกตได้ว่าเซฮุนหยิบหนังสือมาเยอะพอควร(ทั้งๆที่ตัวเองเป็นถือมา)
เซฮุนกับจงอินนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน
ร่างบางถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือไปหยิบหนังสือในกอง
"เดี๋ยวสิ แล้วนายไม่วางแผนอะไรหน่อยเหรอ"
"หืม?"
"ก็แบบ...นายจะค้นคว้าอะไร จะทำรายงานเกี่ยวกับอะไรงี้อ่ะ"
"อ่า...จริงด้วย" เซฮุนพยักหน้านิดๆ แหม่
เป็นไง ผมก็เป็นคนที่พอจะมีประโยชน์อยู่บ้างแหละ #ยืดอก
"งั้นเรา..."
"ฉันคิดมาแล้วแหละว่าจะทำอะไร" อ้าว
"แต่ก็ขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษานาย"
"เอ่อ...อือๆ"
จงอินยื่นมือไปรับกระดาษเอสี่ที่อีกฝ่ายส่งให้
ต้องเก็บโครงการอวดฉลาดไปก่อนแล้วมาสนใจกระดาษตรงหน้า
บนกระดาษมีข้อความต่างๆที่เขาอ่านออกได้บ้างไม่ได้บ้าง
มือหนาขยับแว่นที่เลื่อนไปอยู่ปลายจมูกให้เข้าตำแหน่ง
เพื่อจะได้อ่านข้อความในกระดาษได้ถนัดขึ้น
"ฉันอยากทำเรื่องเกี่ยวกับดวงดาวน่ะ
แต่ฉันไม่รู้ว่านายจะโอเคหรือเปล่า เพราะมันก็มีส่วนคำนวณเยอะเหมือนกัน"
ร่างหนาพยักหน้าตาม
อันที่จริงเขาว่าเขาคิดคำนวณเก่งอยู่นะ เพียงแต่มีคนเก่งกว่าเขาเท่านั้น
อย่างน้อยก็มีเซฮุนแล้วคนนึง
"ฉันยังไงก็ได้
เครื่องคิดเลขมีก็ใช้ให้เป็นประโยชน์สิ"
"...นั่นสินะ ฮ่าๆๆ" เซฮุนหัวเราะตาหยี
แม่เจ้าโว้ยย ผู้ชายห่าอะไรหัวเราะทีน่าหยิกเป็นบ้า ยิ้มทีนี่เขี้ยวออก
มึงเป็นผู้ชายหรือเปล่าครับ!ตอบ!!
สี่ชั่วโมงผ่านไปกับการหาข้อมูล
เซฮุนก็ลากจงอินมาที่ร้านกาแฟร้านประจำหลังจากถูกครูบรรณารักษ์ไล่ และตอนนี้
ร้านกาแฟที่ทั้งคู่นั่งรออาหารที่สั่งไปก็มีลูกค้าอยู่ไม่กี่โต๊ะ
แถมโต๊ะที่ทั้งคู่นั่งอยู่ก็พอเห็นวิวด้านนอกที่มีผู้คนสัญจรไปมา แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคือ...
กูโดนเซฮุนลากมาได้ไงครับ?
"วันนี้คนน้อยดีจัง" ครับ
"น่าเสียดายจังที่วันนี้ไม่มีโยเกิร์ตอ่ะ"
ครับ
คนผิวขาวนั่งมองรอบๆร้านเหมือนไม่เคยมาทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนลากผมเข้าร้านนี้แท้ๆ
แถมปากสีพีชนั่นก็เอ่ยจ้อไม่หยุด
"อืม...จงอินไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยเหรอ"
ผมแค่นหัวเราะนิดๆแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรตอบกลับไปไหน
"งานเยอะกว่าที่คิดเนอะ" อ่าฮะ
"จงอินไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอ"
"หา?"
"อ้าว ก็ไม่ได้เป็นใบ้นี่"
เซฮุนมองหน้าเพื่อน(ใหม่)ที่ทำหน้าเหวอเล็กน้อย "ที่เราถามงี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก
พอดีว่าช่วงวันหยุดนี้เราจะขอไปทำรายงานนี้ที่บ้านของจงอินเฉยๆน่ะ"
"แล้วทำไม...เอ่อ..."
จงอินพูดเสียงติดขัดเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเอียงคอทำตาใสซื่อ
ซั้ส!
มึงมาสายแบ๊วเหรอ!
"อะไรเหรอ?"
"เออ...ไปทำที่บ้านนายไม่ได้เหรอ"
"อืม...ก็ได้มั้ง" เซฮุนทำท่าทางคิดเล็กน้อย
จงอินลอบถอนหายใจที่ตัวเองไม่ต้องจัดการบิ๊กคลีนนิ่งห้องนอนของตัวเอง
"แต่บ้านเราไม่มีคอมพ์นะ"
"หา??" บ้าไปแล้วเหรอ บ้านที่ไหนไม่มีคอมพ์กัน นี่มันจะบ้าเกินไปแล้วนะ
"ก็...โอ๊ะ
เดี๋ยวขอไปเอาอาหารที่เคาน์เตอร์ก่อนนะ ถึงคิวแล้ว"
เซฮุนละจากการสนทนาไปยกอาหารที่เคาน์เตอร์
เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะก็หยิบโกโก้จองจงอินไว้ตรงหน้าคนสั่ง
ก่อนจะเริ่มลงมือกับฮันนี่โทสต์ที่ราดด้วยน้ำผึ้งจนชุ่มวาฟเฟิลไปหมด
"บ้านนายไม่มีคอมพ์
หมายความว่านายไม่เคยเล่นเกมไรงี้ดิ?"
"ส่วนมากเล่นเกมมือถือน่ะ ไม่ก็เกมเพลย์ ส่วนเวลาทำรายงานก็ไปร้านพีซีเอา"
เซฮุนตอบคำถามทั้งหมดที่คาใจจงอินอยู่ อีกคนพยักหน้าเข้าใจ
งั้นแสดงว่ากลับบ้านไปกูต้องรีบเก็บห้องสินะ เพราะวันนี้วันพฤหัสแล้ว
"สรุปว่าไปทำงานบ้านนายได้สินะ"
ว่าพลางตักไอศกรีมรสวานิลลาเข้าปาก "ต้องรบกวนนายจริงๆถ้าเป็นเรื่องนี้"
"เอาเถอะ ฉันเข้าใจ" จงอินโยกมือปัด
เซฮุนยิ้มตาหยีแบบคนดีใจแล้วกินวาฟเฟิลต่อ
"จงอินไม่หิวเหรอ"
"หิวดิ"
"อ้าว"
"แต่ฉันไม่ชอบกินของหวานเป็นมื้อเย็น
รอกลับบ้านไปต้มรามยอนกินก็ได้"
"อ่า..." ร่างบางพยักหน้า
เร่งการกินให้เร็วขึ้น ไม่อย่างนั้นอีกคนคงต้องรอนานแน่ๆ
"ขอโทษนะคะ พี่ใช่รุ่นพี่เซฮุนหรือเปล่า"
เด็กสาวสองคนท่าทางอ่อนวัยกว่าพวกผมเข้ามาทักคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามคิมจงอิน
เซฮุนมองเธอที่มายืนค้ำโต๊ะแล้วมองหน้าจงอิน
คนผิวเข้มยักไหล่เล็กน้อยแล้วหันหน้าไปสนใจวิวด้านนอก
"อ่า...ใช่ครับ น้องมีอะไรหรือเปล่า"
"คือ...หนู ไม่ดิ เพื่อนหนูชื่อยุนจีซู
มันไม่กล้ามาขอคาทอกพี่อ่ะค่ะ หนูเลยจะมาขอให้มันแทน
รบกวนพี่ช่วยบอกคาทอกของพี่ให้ด้วยนะคะ"
"นี่มาขอหรือมัดมือชกครับน้อง
น้ำเสียงนี่ถ้าเป็นแม่พี่คือสั่งแล้วนะ" จงอินอดไม่ได้ที่จะเอ็ดหญิงสาวไป
เพราะท่าทางของเธอและน้ำเสียงการพูดมันดูฉะฉานมากกว่าที่จะเป็นน้ำเสียงขอร้อง
พี่หงุดหงิดง่ายนะครับเวลาเจอคนแบบนี้
"แล้วมันเป็นเรื่องของพี่เหรอคะพี่แว่นดำ"
ประโยคนี้ทำเอาจงอินสะดุด เนื่องจากเขาใส่แว่นกรอบสีน้ำตาลแบบเห็นได้ชัด
เพราะงั้นประโยคเมื่อตะกี้ก็ด่ากูสินะ
"ขอโทษนะครับ พี่คงให้ไม่ได้ถ้าไม่ใช่คนที่พี่อยากสนิทด้วย"
เซฮุนเอ่ยขัดเมื่อเห็นว่าท่าไม่ดี
เด็กสาวทำสีหน้าเสียดายแล้วเดินกลับโต๊ะตัวเองไปแต่โดยดี จงอินถอนหายใจปลงๆ
บ่นออกมาด้วยสำเนียงที่ไม่ค่อยลื่นหูนัก เพราะมีคำหยาบในประโยคด้วย
"อย่าไปด่าน้องเขาเลยน่า" เซฮุนปรามคนตรงหน้าที่ทำหน้าตาบูดบึ้ง
"จริงสิ เรายังไม่ได้ขอคาทอกจงอินเลย"
คนตัวขาวนึกขึ้นได้ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง
"คาทอกจงอินชื่ออะ--"
"เอามานี่" ไม่รอให้พูดพร่ำทำเพลง
จงอินคว้าโทรศัพท์ของคนผิวขาวมาพิมพ์ไอดีคาทอกไป
แล้วกดแอดเสร็จสรรพก่อนจะคืนเจ้าของของมันไป
"อ่า...แต๊งกิ้วนะ"
หลังจากที่เซฮุนกินขนมหมดก็ไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
ทั้งสองคนเกี่ยงเรื่องค่าโกโก้ของจงอิน
โดยที่จงอินเห็นว่าตัวเองเป็นคนกินก็ต่องจ่าย
แต่สุดท้ายก็ต่องยอมแพ้เซฮุนด้วยเหตุผลที่ว่า'อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนแล้วก็ให้จ่ายสิ
ถ้าไม่พอใจไว้เลี้ยงคืนในรอบหน้าก็ได้'
ระหว่างทางกลับบ้าน
เซฮุนก็แวะเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมนิดๆหน่อยๆก่อนกลับ
แต่น่าแปลกที่คนอย่างจงอินจะยืนให้อีกคนซื้อจนเสร็จแล้วเดินกลับบ้านด้วยกัน
เพราะแม้แต่เคสของจื่อเทาที่เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิท
เขายังเคยทิ้งให้มันเดินกลับบ้านเอง แต่คนนี้ก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน อยากรอมั้ง
ไม่รู้สิ
ขณะที่เขายืนรออยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ
เด็กสาวยูนิฟอร์มโรงเรียนเดียวกับเขาก็เอาแต่มองคนในร้าน
จงอินหันมองตามนิ้วที่เด็กสาวร่วมโรงเรียนชี้ให้เพื่อนเธอดู
คนที่ถูกสนใจก็คือโอเซฮุน ไอ้เด็กยิ้มหวานนั่น
มันคงจะฮ็อตน่าดูแฮะ
"ป่ะ จงอิน กลับบ้านกันเถอะ"
เซฮุนที่เดินยิ้มแป้นพร้อมกับถุงขนมเรียกคนผิวเข้มที่ยืนรอตัวเองนานเกือบยี่สิบนาที
จงอินพยักหน้ารับแล้วเดินขนาบข้างคนตัวบางกว่า
ทั้งสองคนตรงกลับบ้านจองตัวเองโดยจงอินตั้งใจจะไปส่งเซฮุนก่อนเพราะตอนนี้ก็ดึกแล้ว
"อย่าเลยจงอิน
บ้านเรากับบ้านจงอินมันไปคนละทางไม่ใช่เหรอ เนี่ย แยกข้างหน้านี้เลย"
ก็ใช่แหละ แล้ว...
มันรู้ได้ไง?
"งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ บายยย"
เซฮุนยกมือข้างที่ว่างโบกมือลา จงอินไม่ได้โบกมือกลับแต่พยักหน้า
เซฮุนเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาอีกรอบ โอเค มึงน่ารักมาก จบนะ
"หวัดดีมึง"
ชานยอลทักคนที่หลับหน้าฟุบโต๊ะด้วยการตบหัวมันเต็มรักไปทีนึง
"ถ้ามึงจะทักทายกูอย่างนี้ก็เก็บมือมึงไว้ชักว่าวเถอะ"
จงอินเอ่ยอย่างหัวเสีย ท่าทางเหมือนกับคนนอนน้อย แหงล่ะ
ก็เมื่อวานกลับบ้านไปเขาต้องบิ๊กคลีนนิ่ง ไหนจะรบกับแมลงสาบที่มาแย่งเขาอยู่อีก
หลายๆคนคงเข้าใจคนกลัวแมลงสาบอย่างเขานะ
พอเห็นตัวสีน้ำตาลท่าทางหยึยๆขาที่มีแง่งขนแหยงๆไหนจะปีกบนหลังที่เวลามันกางออกเมื่อไหร่
ก็เหมือนมันจะบอกว่า'มึงเสร็จกูแน่'อีก พอเถอะ
แค่คิดก็จะอ้วกละ
"เมื่อคืนไอ้เทาบอกเห็นมึงกับเซฮุนที่คาเฟ่"
"แล้ว"
"เปล่าหรอก"
จงอินหันหน้าหนีเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มีเรื่องจะคุยแล้ว
แต่พอหันหน้าหนีมาแล้วก็ทำปากขมุบขมิบบ่นทันที "แล้วมันไปเห็นได้ไงวะ"
"หา?" ชานยอลท้วงเมื่อได้ยินเสียงงุ้งงิ้งๆ
จงอินหันหน้าไปหาเพื่อนหูกางแล้วทำมือปัดๆว่าไม่มีอะไร
"ไอ้จงอิน นี่มันไม่เครียดจริงๆเหรอวะ"
เครียดห่าอะไรของมึงอี๊กกกก
อีสัสตอบ!
"เฮลโล่แม๋น"
บุคคลที่สามเดินมาร่วมวงสนทนาด้วย
จื่อเทาวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วแท็กมือกับชานยอลเป็นการทักทาย
แล้วหันมาทางจงอินพร้อมยื่นมือไปข้างหน้าตัวเอง จงอินตวัดสายตามองคนที่ยิ้มด้วยใบหน้าที่มีความหวังก่อนจะสะบัดหน้าหนี
"ไรว้าาาา
เพื่อนฝูงทักทายกันด้วยการเชคแฮนด์นี่มันผิดมากเลยเหรอ" เทาบ่นงุบงิบ
"เออไอ้เทา
เมื่อวานที่มึงบอกกูว่ามึงเห็นมันกับเซฮุนอยู่ด้วยกันอ่ะ
มันบอกมันไม่แคร์เว้ย" ชานยอลทำท่าทีเป็นกระซิบกับจื่อเทา แต่ระดับเสียงก็พอจะให้พวกที่อยู่หน้าห้องได้ยิน
"หือ??จริงดิ"
"เออ เนี่ย แถมมันบอกด้วยนะว่า..."
"พอละไอ้ชาน กูไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
กูแค่บอกมึงว่ากูไม่เครียด" จงอินขัดชานยอลที่กำลังจะออกทะเลไปไกล
"ที่กูต้องไปกับเซฮุนเพราะใครล่ะ ไม่ใช่เพราะพวกมึงรึไง"
"ชะอุ้ย" จื่อเทายิ้มแห้งๆให้เพื่อนผิวเข้มที่ทำหน้าบูดเป็นตูดหมา
ชานยอลพองลมแก้มอย่างช่วยไม่ได้ แหงล่ะ คนอย่างปาร์คชานยอลหรือจะสำนึก
"กูว่าไอ้จงอินต้องโดนหมายหัวชัวร์อ่ะมึง"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง อาจจะแค่โดนตามจิก"
"เฮ้ยไอ้เขียว
มึงอย่าลืมดิว่าไม่ใช่แค่พวกผู้หญิงนะเว้ย
พวกผู้ชายกะเทยเก้งกวางตุ๊ดอะไรต่อมิอะไรทั้งนอกและในโรงเรียนก็เป็นแฟนคลับหมอนั่นน่ะ"
ชานยอลโบกหัวเกรียนของจื่อเทาไปทีนึง
คิมจงอินก็ได้แต่ขมวดคิ้วกับการกระทำของเพื่อนทั้งสอง
"พวกมึงพูดถึงใคร"
"ก็...”
"คนที่เดินเข้ามานั่นไง"
สายตาคมมองตามมือที่จื่อเทาชี้
ร่างบางๆกำลังห้นไปปิดประตูห้อง ริมฝีปากสีเชอร์รี่ส่งยิ้มให้เพื่อนๆในห้อง
โอเซฮุนมองไปรอบๆห้อง จนสายตาไปสะดุดกับคนๆนึง
"แปลกจัง วันนี้จงอินไม่หลับเหรอ"
เป็นเซฮุนที่เอ่ยทักก่อน
จงอินยิ้มให้เล็กน้อยแล้วส่งเสียงตอบรับในลำคอเท่านั้น
"เฮ้ยแก
เซฮุนคุยด้วยแต่ดันพูดแค่นี้เนี่ยนะ"
"อย่าเรียกว่าคุยเลยแก
แค่พูดอืมนี่ก็หยาบคายมากแล้ว"
"ทำไมเซฮุนถึงคุยกับจงอินล่ะ
คนอย่างนั้นไม่น่าจะสนิทกับเซฮุนได้นะ"
"แต่เซฮุนก็ไม่มีใครสนิทด้วยอยู่แล้--"
จื่อเทาเปิดปากพูดอย่างนึกหมั่นไส้พวกสาวๆ แต่ก็โดนมือใหญ่ของชานยอลอุดปากได้ทัน
"เปล่าๆๆๆๆ ไม่มีอะไรๆ"
ชานยอลโบกปัดไม่ให้ทุกคนมาสนใจคำพูดเมื่อครู่ของจื่อเทา
เมื่อทุกคนไม่สนใจแล้วชานยอล จงอิน และผู้ร้ายอย่างจื่อเทาก็สุมหัวกันทันที
"มึงจะบ้าเหรอวะไอ้เทา!
มึงไปพูดจากระตุกต่อมดราม่าทำไม! ที่เซฮุนไม่มีคนสนิทด้วยเพราะพวกแฟนคลับมันนะเว้ย!"
"อ้าว กูไม่รู้ กูแค่พูดตามสภาพ"
จื่อเทาติบชานยอลด้วยสีหน้ามึนๆ ไม่รู้! กูไม่ผิด! คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด!
"ไอ้ควาย" ชานยอลสบถด่าเพื่อนหน้าเขียว
ก่อนจะคว้าฝ่ามือพิฆาตของคนที่ด่าไปเมื่อกี้
ชานยอลหัวเราะร่วนเมื่อเจ็กเขียวเอ่ยปากบ่น สายตาก็เหลือบมองเพื่อนผิวเข้มที่ทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เฮ้ย โลกแตก
คนอย่างมันเครียดเป็นด้วย
“ไอ้จงอิน เป็นไรมึง”
“เปล่า”
ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่คิ้วที่ขมวดกันอยู่ก็ยังไม่คลายปมออก
จื่อเทาผู้รู้งานก็ใช้นิ้วโป้งกดแรงๆที่หัวคิ้วของเพื่อน ย้ำอีกทีว่ากดแรงๆ
กดแบบไม่ออมมือเลย ไอ้เวร
“เจ็บนะเว้ย”
ปัดมือใหญ่และหยาบกร้านพอๆกับของตัวเองออกในขณะที่เพื่อนๆทั้งสองแค่นหัวเราะกัน
“ชีวิตมึงมีอะไรให้เครียดวะ”
เครียดตั้งแต่ที่พวกมึงทิ้งกูแล้วล่ะ
อยากจะตะโกนใส่หน้าพวกมันแล้วต่อด้วยกรี๊ดอีกสามทีแต่กลัวจะโดนหาว่าเป็นตุ๊ดเลยต้องถอนหายใจออกมาแทน
คือตอนนี้ผมก็ไม่ได้แคร์อะไรเรื่องจับคู่ทำงานแล้วล่ะครับ(เหรอ?) แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีที่ไอ้เทามันพูดเรื่องเซฮุน
คือผมไม่ใช่คนที่จะใส่ใจคนอื่น หรือรู้เรื่องของชาวบ้านไปทั่วอย่างพวกมันไง
แต่พอไอ้เทามันบอกว่าเซฮุนไม่มีเพื่อนเลยผมก็รู้สึกแย่แทน
ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าสงสารได้ด้วยหรือเปล่า
“ไอ้จงอิน ไม่คิดจะเดินไปซื้ออะไรมาแดกเลยเหรอ”
ชานยอลโยนห่อขนมสองห่อสำหรับมื้อเที่ยงของมันลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยปากบ่น
จงอินส่ายหน้านิดๆพลางโยกหัวตามจังหวะเพลงที่ดังมาในหูฟังของเขา คนอย่างผมมันอิ่มทิพย์อยู่แล้วไม่ต้องห่วงครับ
ทั้งสองนั่งกินมื้อกลางวันของตัวเองและมีอีกหนึ่งมนุษย์ที่พล่ามเรื่องฟุตบอลกระชับมิตรของโรงเรียนเพื่อนจากโรงเรียนเก่าให้ฟัง
แต่อยู่ๆโลกทั้งใบของจงอินก็ดับมืดลงเพราะมีมือปริศนามาปิดดวงตาทั้งสองข้าง
“ใคร!” จงอินเอ่ยปากถาม หูยังได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากเพื่อนเลิฟทั้งสอง
กูละเกลียดพวกมันจริงๆ
“มึงทายดิ เขาไม่บอกมึงหรอก”
เป็นเสียงจื่อเทาที่เข้าโสตประสาทมา
หัวคิ้วทั้งสองของจงอินไหลมาชนกันก่อนที่เจ้าตัวจะรัวชื่อมาไม่หยุด
“ยูมิน เฮยอน ซองมิน
อูจอง ฮเยจิน เน...”
“นั่นรายชื่อผู้หญิงในสต็อกของนายเหรอ”
เสียงหัวเราะใสๆเหมือนกระดิ่งดังขึ้นหลังผม
เฮ้ยเดี๋ยว...
เสียงคุ้นๆว่ะ
“สะ...เซฮุน?”
“ปิ๊งป่องงง”
ใบหน้าหวานเผยขึ้นเป็นอย่างแรกหลังจากที่ดวงตาเป็นอิสระ
เซฮุนนั่งลงที่นั่งขางๆเขาพร้อมกับกล่องแซนด์วิชและสลัดที่ซื้อมาจากร้านในโรงอาหาร
“ไอ้จงอินมันสาวเยอะ
เซฮุนอย่าไปเล่นกับมันอย่างนี้อีกนะ”
ชานยอลป้องปากกระซิบแต่เสียงก็ยังดังพอที่จะให้คนตัวดำๆที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ได้ยินเหมือนจงใจ
จนจงอินต้องเงื้อมือไปตบกระหม่อมของมันเสียงดังแปะ “โอ๊ย!ตีมาได้นะสัส!”
“เออ”
“ผู้หญิงในล็อตมันมีเยอะจริงๆเว้ย
แม่มคบเผื่อเลือก เลวๆอย่างมันเซฮุนอย่าคิดไปชอบนะ”
“ไอ้เชี่ย!พวกมึงเงียบไปเลย
ถ้าคนที่ใช่มากูก็หยุดเองแหละ แถมเซฮุนก็เป็นผู้ชาย มึงจะไปเตือนเขาทำไม”
จงอินถีบขาจื่อเทาใต้โต๊ะอย่างแรง อีเพื่อนเวรทำสีหน้าเจ็บปวดขั้นสูงสุด
รู้งี้น่าจะถีบไข่ให้แตกไปด้วยเลย หมั่น
“...ฮ่าๆ นั่นสินะ จื่อเทาจะเตือนเราทำไม”
เซฮุนยิ้มตาหยี ก่อนจะเปิดกล่องลงมือทานอาหารตรงหน้า
ผมเลิกสนใจเขาไปกัดกับจื่อเทาใต้โต๊ะต่อ(หมายถึงขา)
แต่ก็ต้องดึงขากลับเมื่อคนข้างๆผมเรียก
“จงอิน ไม่กินข้าวเที่ยงเหรอ”
“ไม่...”
“โอ๊ยยยย คนอย่างมันกระเพาะมดเว้ย
แดกไม่เยอะหร๊อกกก”
“เฮ้เพื่อน นายเสียงสูงมากอ่ะ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เออเอาเข้าไป
ทำไมจงอินต้องมีเพื่อนบ้าๆบอๆแบบนี้ด้วยล่ะครับ ทำไม???
“มันไม่ดีนะจงอิน...อ่ะ”
ไอ้ตรงคำว่า ’อ่ะ’
คือเขายื่นขนมปังหนึ่งชิ้นจากสองชิ้นในกล่องมาให้ผมครับ ซึ้งใจจริงๆ นี่คือสิ่งที่เพื่อนจังไรทั้งสองคนของผม
ไม่ เคย ทำ ให้ ผม เลย! พวกมึงควรดูเป็นตัวอย่างนะเพื่อนกางเพื่อนเขียว จำไว้
“ไม่เป็นไรหรอก นายกินไปเถอะ”
ผมปฏิเสธอย่างซอฟท์ๆ เซฮุนพองลมที่แก้มพร้อมดึงมือกลับมามองขนมปังอยู่ชั่วครู่
ก่อนจะยื่นให้ผมอีกรอบ
“นี่ไส้แฮมชีสนะ”
เอ่อ...ครับ
แฮมชีสไงครับกูก็เห็นแล้ว คือผมก็ชอบขนมปังไส้นี้นะ จะเรียกว่าชอบที่สุดเลยก็ได้
แต่ไอ้สายตางิ้งๆ(?)กับพองแก้มนี่คืออะไร? คุณทำเพื่อ???
“ไม่เป็นไรเซฮุน ไอ้จงอินมันไม่กินฉันกินเอง”
เป็นชานยอลเจ้าเก่ายื่นมือมาหมายจะคว้าขนมปังที่กำลังจะกลายเป็นอาหารเที่ยงของผม
โธ่!ขอเวลาเล่นตัวหน่อยไม่ได้ไงเล่า!
ผมรีบงับมันเข้าปากก่อนจะไอ้ชานยอลมันจะคว้าได้
เซฮุนผงะเล็กน้อยกับการกระทำของคนข้างๆ
เพราะจงอินเล่นก้มหน้ามางับขนมปังในมือของเขาไปเลย
แถมมียักคิ้วกวนๆใส่ชานยอลอีกหนึ่งดอก
“โถมึง ถ้าจะกินก็กินไปดิวะ เล่นตัวจัง”ชานยอลนั่งลงที่นั่งของมันแล้วจัดการอาหารในจานของมันให้หมด
ผมหยิบแซนด์วิชในมือเซฮุนมากินต่อให้หมด
มันคงไม่ดีเท่าไหร่หรอกไปกัดแซนด์วิชของเขาแทบจะครึ่งชิ้นแล้วทิ้งให้เขาน่ะ
ไม่ดี๊!!!
“เออ แล้วกลุ่มมึงทำงานคืบหน้าถึงไหนละ”
จื่อเทาถือโอกาสที่ทีมของเพื่อนครบแลวจึงถามออกไป เซฮุนเสตามองพลางนับนิ้วไปด้วย
“ประมาณ...สามบทแล้วอ่ะ”
“หือ?”
นี่ไม่ใช่แค่เสียงของคนต่างกลุ่ม
ขนาดคนกลุ่มเดียวกันอย่างจงอินยังทำตาโต เมื่อวานเพิ่งจะเริ่มเองไม่ใช่หรือไง
เอาเวลาที่ไหนไปทำน่ะ
“แต่ยังไม่ได้เรียบเรียงคำเลย ไว้ค่อยทำ” เซฮุนพูดยิ้มๆ
ส้อมในมือก็จิ้มผักสลัดเข้าปาก “แต่เดี๋ยวจงอินก็ช่วยนี่เนอะ”
“มึงจะเอาเวลาที่ไหนไปช่วยเขาวะ”
จื่อเทาเค้นความกับเพื่อนผิวดำ อห กล้ามาก
แล้วที่เมื่อวานกูไปสิงอยู่ในห้องสมุดนี่คือระ?
“จงอินก็...ช่วยอยู่นะ เสาร์นี้ด้วย”
“เสาร์นี้? เสาร์นี้อะไร”
ชานยอลหูกางกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำแปลกจากปากเซฮุน เซฮุนมองตาปริบๆเหมือนงงว่า
‘มีอะไรเหรอ? นายสงสัยอะไร?’
“เสาร์นี้กูให้เซฮุนมาทำงานที่บ้าน
คงทำได้เสร็จก่อนพวกมึงแน่ ฮ่าๆๆๆๆ” หัวเราะใส่หน้าพวกมันอย่างสะใจ
พวกมันเป็นพวกที่ใกล้ส่งค่อยปั่น แต่ผมไม่ใช่แบบพวกมันไง ไม่ดิ
เซฮุนไม่ใช่คนแบบพวกมันไง!
ตอนนี้ชักเริ่มรู้สึกโชคดีที่ได้จับคู่กับเซฮุนแล้วแหะ
เวลาผ่านไปเร็วยิ่งกว่าช็อกโกเอม่อนหก
วันนี้เป็นวันที่ผมต้องแหกขี้ตามาเปิดประตูบ้านให้คนตัวขาวนั่นเข้ามาตั้งแต่เช้า
เอ่อ...มันก็ไม่ได้เช้าหรอก ประมาณเกือบๆสิบโมงแหละ
แต่ปกติเวลานี้ผมยังไม่ตื่นเลยไง มันก็มีง่วงหน่อยมั้ยล่ะ
เดินไปเปิดประตูรั้วหน้าบ้านก็เห็นไอ้ตัวขาวที่ใส่มาส์กปิดปาก
ในมือมีกระเป๋าใบไม่ใหญ่มาก พ่อคุณกระแอมไออยู่สองสามทีแล้วเอ่ยทักทาย
"อรุณสวัสดิ์จงอิน
ชานยอลบอกว่าปกตินายตื่นมากินข้าวเช้าตอนบ่ายๆเลย วันนี้ทำไมตื่นเช้าได้ล่ะ"
ถามพร้อมส่งสายตาใสซื่อมาให้ อืม
จะมีสักกี่คนตีความได้บ้างว่าปนะโยคเมื่อกี้มันออกแนวกวนตีน แต่ไม่เป็นไร
ไม่อยากมีปัญหากับไอ้หมอนี่ กลัวศพไม่สวย
"ตื่นมาได้ก็ดีแค่ไหนละ"
ผมแอบตอกกลับไปนิดนึง เซฮุนมองหน้าผมแล้วยิ้ม ถึงจะมองไม่เห็นเพราะริมฝีปากนั่นอยู่ใต้มาส์กก็เถอะ
แต่ดวงตาครึ่งเสี้ยวพระจันทร์ก็บ่งบอกได้ว่าเขาทำหน้าอย่างไร
เซฮุนเอ่ยทักทายแม่ที่อยู่ในห้องครัวกับพี่สาวของผมแล้วเดินตามผมขึ้นบันไดบ้าน
ไม่วายคอยถามพวกรูปภาพที่ติดข้างๆผนังตามทางเดินขึ้นบันไดด้วย
ผมก็ตอบส่งๆแก้รำคาญไป จนเดินขึ้นมาถึงชั้นบนของบ้าน
แล้วตรงไปยังประตูไม้โอ๊คที่อยู่ในสุด
“เข้ามา” ผมเปิดประตูห้องให้เซฮุน
ผมพอจะมั่นใจในห้องนอนตัวเองเล็กน้อย เพราะผมอุตส่าห์สละเวลาตีฮอนอันมีค่ามาเก็บห้องเชียวนะ
แถมเช้านี้ก็ตื่นตั้งแต่เก้าโมงเช้าเพื่อมาอาบน้ำและจัดที่นอนให้เรียบร้อย
เพื่อป้องกันสายตาขยะแขยงจากไอ้ฮอตอย่างหมอนี่
“ฉันเอานี่มาแล้วอ่ะ นายช่วยพิมพ์ได้มั้ย?” เซฮุนยื่นปึกกระดาษให้ผมปึกหนึ่ง ส่วนอีกปึกเขาวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องของผม
มือเล็กเรียวหยิบกล่องดินสอ และของต่างขึ้นมา ใช้มันขีดไฮไลท์อย่างคล่องแคล่ว
อ้อลืมไป
มันเก่งนี่เนอะ
ตอนนี้ผมรับหน้าที่เป็นคนกรอกลงคอมพ์ครับ
นั่งปั่นมานานจนไม่อยากเชื่อว่ามันผ่านมาสี่ชั่วโมงแล้ว
แต่ก็ไม่ได้หิวไรมากเพราะมีขนมมาประเคนจากคุณพี่สาวอยู่ตลอด ส่วนงานก็มาไม่ขาดสาย
ไหนจะต้องหารูปโดยมีเจ้ามือคอยเลือกรูปอยู่ข้างๆด้วย
“เอารูปที่สาม...แค่ก...จากบรรทัดนั้นอ่ะ”
“ไหวมั้ย?” ที่ทักก็ไม่ได้อะไรหรอก
แต่พอหมอนี่พูดอะไรก็จะมีเสียงเอฟเฟคท์ตามมาด้วยตลอด ไม่เสียงแหบบ้าง ก็ไอค่อกแค่ก
เซฮุนกลืนน้ำลายลงคอแล้วโบกมือบอกไม่เป็นไร แถมใบหน้าก็ซีดเซียวมากขึ้นด้วย
หลายๆคนคงเข้าใจนะครับ
ว่าคนเราเวลาใช้สมองคิดคำนวณเยอะๆหน้าผากมันจะร้อนเหมือนคอมพิวเตอร์เลย เฮ้ย! นี่ผมพูดจริงๆนะ แถมยังมีอาการเวียนหัวมาด้วย
ดูตัวอย่างได้จากคนตรงหน้าผมนี่ล่ะ
“เดี๋ยวฉันไปสรุปเล่ม...”
ตึง!
ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค
คนตัวผอมก็ล้มตึงไปกับพื้นห้อง
จงอินรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปดูคนที่เป็นลมกลางพื้นห้องนอน
“เฮ้!นายเป็นอะไรน่ะ”
จงอินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกึ่งอุ้มกึ่งลากให้คนตัวขาวขึ้นไปนอนบนเตียงกว้างของตน
“เซฮุน...เซฮุน” ก้มหน้าใช้หน้าผากตัวเองอังกับหน้าผากของคนตัวบาง
ตบหน้าขาวซีดเบาๆสองสามทีแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าอีกคนจะตื่นขึ้นมา
จงอินยันตัวขึ้นมาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
มองคนตัวผอมสลับกับงานที่กองอยู่บนโต๊ะคอมพ์และโต๊ะญี่ปุ่น
“ฉิบหายละ...”
“อือ...”
ร่างบางยันตัวเองขึ้นมาจากเตียง
มือเรียวหยิบของบนหน้าผากออกก่อนจะพบว่ามันคือผ้าชุบน้ำที่เริ่มอุ่นแล้วเพราะดึงความร้อนจากหน้าผากของเขาไป
“ถ้ารู้ว่าไม่สบายทำไมไม่บอก”
เซฮุนสะดุ้งเสียงที่ดังขึ้น หันหลังไปเห็นเจ้าของห้องยืนทำหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
สีหน้าของเซฮุนเจื่อนลงทันทีเมื่อจงอินก้าวเท้าเข้ามาหาเขาแล้วหย่อนตัวนั่งข้างๆ
“เอ่อ...ฉัน...”
“นายเป็นลมไปสามชั่วโมงเต็มๆเลย
ทิ้งให้ฉันทำงานอยู่คนเดียว” จงอินถอนหายใจแล้วมองหน้าคนที่จ๋อยอยาบนเตียงของเขา
“ฉันไม่ใช่คนใจดีอะไร แต่ฉันจไม่ทำร้ายคนป่วย อ่ะ” มือหนาวางเม็ดยาแก้ปวดใส่มือที่บางและนุ่มกว่ามือของตนเอง
เซฮุนเงยหน้ามอง ก่อนจะถอยหน้าหนีเพราะแก้วน้ำมาอยู่ตรงหน้า
“เอาไป ส่วนงานไม่ต้องรีบปั่นหรอก
เอาจริงๆก็ใกล้เสร็จแล้วล่ะ” จงอินสะบัดผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง
ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “จะกลับเลยมั้ย จะหกโมงแล้ว” หลังจากที่อีกฝ่ายกลืนยาลงคอก็เอ่ยปากถามทันที
เซฮุนลุกขึ้นจากเตียง
หันไปจัดผ้าห่มให้เข้าที่ มองหน้าจงอินพลางเม้มปากหลุบสายตามองพื้น
“ขอบคุณมากนะ ขอโทษด้วย งะ...งั้น ฉันกลั—
“ฉันไปส่ง”
"หา? เอ่อ...ไม่ต้องลำบาก..."
"เออน่า คนป่วยไม่ค่อยอยากให้กลับบ้านเองหรอก
มันอันตราย" จงอินถอนหายใจเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของอีกคน
"โอเค...แม่ฉันบังคับมา ไปส่งนายได้แล้วใช่ไหม?"
"อ่า...ครับ"
เซฮุนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะดื่มน้ำในแก้วให้หมด
จงอินเดินลงไปก่อนโดยไม่ลืมที่จะกำชับไม่ให้คนตัวผอมลืมเอารายงานกลับบ้าน
"..."
เซฮุนมองเล่มรายงานที่ปริ๊นท์มาซึ่งเล่มมันหนากว่าเดิม
แถมยังมีสองเล่มด้วย
เล่มที่ใส่สันสีชมพูมีกระดาษโน้ตลายการ์ตูนที่มีลายมือของเจ้าของห้องเขียนอยู่
'เล่มนี้เป็นอันที่ฉันทำเพิ่ม
ถ้าไม่โอเคตรงไหนนายเอาไปแก้ได้เลย ส่วนอีกเล่มคือเล่มที่นายให้ฉันพิมพ์
ปล.อย่าหักโหมมากนะ เดี๋ยวป่วยอีก'
แถมด้วยภาพหมีตัวเล็กๆตบท้าย
รอยยิ้มหวานที่สามารถหว่านเสน่ห์ให้คนเกือบทั้งโรงเรียนประดับอยู่บนใบหน้าหวานของเซฮุน
จังหวะการเต้นของหัวใจก็แรงขึ้นเล็กน้อยจากปกติ เลือดที่ใบหูก็สูบฉีดดีเหลือเกิน
ตอนนี้หูของเขาแดงไปหมดแล้ว
คิดไม่ผิดจริงๆ...
...คิดไม่ผิดจริงๆที่ชอบคิมจงอิน
"นี่บ้านนายเหรอ?" ผมอ้าปากค้างกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คือบ้านหมอนี่ก็ใกล้ๆบ้านผมแหละ
แต่คือแถวนี่มันเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นไปเกือบหมดแล้วไง
แต่บ้านหลังนี้นี่อย่างกับย้อนยุคมาสมัยโชซอน คือ อะ ไร!? ไอ้พื้นที่กลางบ้านที่โคตรกว้าง
ให้เดาๆดูราคาคงไม่ต่ำกว่าร้อยล้านวอนอ่ะพูดเลย
"อ่า...ก็ อยู่มาตั้งแต่รุ่นคุณปู่แล้วล่ะ
เอ่อ... จะ...จงอิน"
"หือ? อะไร"
ผมหันไปมองหน้าคนที่ยืนข้างๆ เซฮุนมองหน้าผมแล้วเอ่ยติดๆขัดๆ
"เข้าบ้านมั้ย?"
"อ๋อ ไม่ล่ะ แต๊ง-"
'ปี๊นนนน'
เสียงบีบแตรดังขึ้นด้านหลังจงอิน
เขาหันหลังมองแล้วยกมือบังแสงให้กระทบดวงตาได้น้อยลง
ก่อนจะเดินไปประชิดเซฮุนเพราะขวางทางรถ
"นี่ เซฮุน เปิดประตูให้พ่อสิ นั่นเพื่อนใช่มั้ย
ให้เขาเข้าบ้านเลย"
เซฮุนมองหน้าจงอินเหมือนถามคำถามว่า 'จะยอมเข้าบ้านได้หรือยัง
พ่อฉันพูดเลยนะนั่น' โดยได้รับคำตอบเป็นการยักไหล่กว้างของคิมจงอินแทน
เขายกยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินไปเปิดประตูรั้วให้รถคันหรูเข้าจอด
"นี่จงอินเป็นเพื่อนเซฮุนนานหรือยัง
ทำไมพ่อไม่เคยเห็นค่าหน้าค่าตาเลย" ผู้เป็นบิดาของเซฮุนอย่าง 'โอจินซอก' แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม จงอินที่นั่งฝั่งตรงข้ามหัวเราะแหะ
ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นมีแต่เขาและพ่อของคนตัวขาวเท่านั้น
เพราะเจ้าตัวดันไปเก็บของที่ห้องนอนในบ้านทิศใต้
ตอนนี้บ้านฝั่งทิศตะวันออกก็มีแม่ของโอเซฮุนกำลังทำอาหารอยู่เมื่อเห็นว่าเซฮุนพาเพื่อนมาด้วย
"คือ...ก็แค่ทำรายงานด้วยกันเฉยๆน่ะครับ"
"หือ? เหรอ? น่าเสียดายจัง นึกว่าเจ้าตัวเล็กจะมีเพื่อนกับเขาบ้างแล้ว"
"หมายความว่าเซฮุนไม่มีเพื่อนเลยเหรอครับ?" จงอินเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้
ที่ไอ้เทาเคยบ่นๆว่าคนฮ็อตอย่างเซฮุนไม่ค่อยมีเพื่อน ก็ไม่นึกว่าจะเป็นถึงขนาดนี้
"เปล่าหรอก เพื่อนสมัยประถม สมัยมัธยมต้นก็พอมีบ้าง
แต่พอขึ้นเกรดสิบมาก็ไม่เห็นเลยสักคน เพื่อนเก่าก็นานๆทีจะติดต่อไป
พ่อก็ห่วงว่าจะเหงาเพราะไม่มีเพื่อนน่ะ" จินซอกแค่นหัวเราะเบาๆ
"แล้วจงอินคิดไงถึงมาเป็นเพื่อนกับเซฮุนได้ล่ะ"
"...อ่า..." ฉิบหายละ ตอบไงดีวะ
นั่นพ่อเลยนะเว้ย ตอบไม่ดีมีหวังถูกไล่ออกจากบ้านแน่
มิหนำซ้ำอาจจถห้ามไม่ให้คุยกับเซฮุนอีก งานกู~
"ว่าไงลูก?"
"ก็..." นี่ก็เค้นจังเลย!
มีญาติเป็นเอโดงาวะเหรอ!? "ก็...ทำงานคู่น่ะครับ
ไม่ได้สนิทอะไรกันนาน"
"เหรอ งั้นพ่อฝากเจ้าเซฮุนด้วยนะ"
จินซอกเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้ เกือบแล้วมั้ยล่ะ ก็คุณพ่อแกหน้าดุขนาดนี้
หลังจากนั้นผมกับเซฮุนก็อยู่ด้วยกันมากขึ้น
ไม่สิ มีไอ้ชานยอลกับเทาด้วย แต่เซฮุนจะมาทางผมมากกว่าเพราะต้องทำรายงานด้วยกันไง
เออไง นั่นล่ะที่ทำให้พวกผู้หญิงในห้องไม่คุยกับผมเลย คือผมผิดอะไรครับ??? ก็แค่จับคู่รายงานป่ะ ทำบอยคอร์ตใส่ซะแบบ
แหม่...
และเรื่องที่เซฮุนมีเพื่อนนี่คงจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากหรืออะไรไม่รู้
แต่ตอนนี้หน้าเพจโรงเรียนมีแต่รูปพวกเราเต็มไปหมด
'กลุ่มหนุ่มฮอตหน้าใหม่ของโรงเรียน! โดยมีเซฮุน
หนุ่มน้อยสุดร้อนแรงเป็นหนึ่งในสมาชิก และพ่วงมาอีกสามคน ...อ่านต่อ'
เดี๋ยวนะมึง
คือ...
คนที่พ่วงมาควรจะเป็นเซฮุนเปล่าวะ
ไม่ควรจะเป็นพวกกูสิเฮ้ย!
อยากจะเม้นท์ด่าแทบตายแต่ก็กลัวจะโดนรุม
พวกนักเลงคีย์บอร์ดสมัยนี้ฝี(นิ้ว)มือมันร้ายกาจนัก
เม้นท์ไปก็มีแต่จะเรียกความหายนะมาให้ตัวเองเท่านั้น
"ดูอะไรอยู่วะดำ"
ชานยอลเข้ามาทุบหลังของเขาดังอั้ก จงอินเสตามองใส่ด้วยความไม่พอใจปนจุก
แล้วหันไปสนใจเครื่องมือสื่อสารรุ่นใหม่ล่าสุดในมือต่อ
"อื้อหือออ เดี๋ยวนี้ติดโซเชียลเหรอคะพี่จงอิน
น้องชานไม่สำคัญแล้วใช่ไหม ฮรึก"
“มึงอย่ามาตอแหลนะชานยอล
ไอ้เหี้ย ใครเขียนข่าววะ เลวมาก” ถอนหายใจออกมาดังเฮ้อ คิมจงอินไม่ชอบพวกที่นั่งเทียนเขียนข่าว
คือกลุ่มพวกเขามีกันมาสามคนตั้งนานแล้วป่ะ เซฮุนต่างหากที่เข้ามาใหม่ ไม่รู้สิ
หงุดหงิดชะมัด
เหมือนเขามาเกาะเซฮุนดังอย่างไรไม่รู้
“มึงเห็นข่าวนี่ยังชาน”
ผมถามมันอีกรอบ ชานยอลพยักหน้าส่งๆพร้อมกับยกไหล่ว่า ‘ไอด้อนท์แคร์’
“กูโอเค
ยังไงกูก็หล่ออยู่แล้ว ถึงไม่มีเซฮุนสาวๆก็ติดกูเหมือนเดิม”
“ดี! กูจะฟ้องแบคฮยอน!” จื่อเทาที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนเข้ามาแจมด้วย
ชานยอลหันไปชี้หน้าอ้าปากจะด่าแต่ด่าเพื่อนหน้าเขียวไม่ออก
เหมือนจื่อเทากำลังถือไพ่เหนือเขาอย่างนั้นแหละ
“เรื่องไรวะเทา
ทำไมกูไม่รู้เรื่อง” จงอินถามอย่างสนใจ
จื่อเทาแสยะยิ้มอย่างผู้ร้ายในเรื่องแบทแมนแล้วก้มกระซิบกับจงอิน
“ไอ้เชี่ย! มึงอย่าดิวะ!” ชานยอลเข้าไปดึงแขนจื่อเทาออกมา
แต่ก็ได้สีหน้าทะเล้นเบนไปทางล้อเลียนของคิมจงอินมาด้วย
“วู้
เด็กต่างโรงเรียนด้วยเหรอมึง”
“ไอ้เลวววววววว”
คำด่าด้วยน้ำเสียงงอแงนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนรักทั้งสองคนไปได้ไม่ยาก
จื่อเทาวิ่งหนีฝ่าตีนพิฆาตของชานยอลไปจนออกไปนอกห้อง
ลำบากคิมจงอินที่ต้องคอยเดินตามเรียกสติไม่ให้ทั้งสองคนกลับห้องช้าเกินไป
แต่ความลำบากก็ไม่ได้จบลงแค่นั้นเพราะจื่อเทาเล่นตะโกนให้ชาวบ้านชาวช่องรู้เรื่องด้วย
ชานยอลกับจงอินเลยต้องวิ่งตามเพื่อนรักษาภาพพจน์ของกลุ่มให้ดีกว่านี้
ก็เมื่อกี้อาจารย์ห้องปกครองเดินผ่านนี่
ผลัก!
“โอ๊ะ! / อุ๊ย!” แน่นอนว่าจงอินก็ซุ่มซ่ามเป็น นอกจากจะวิ่งไม่ทันก็ยังเผลอไปชนนักเรียนหญิงจนเอกสารที่นางหอบมากระจายไปทั่วพื้น
จงอินลุกลี้ลุกลนเก็บโดยสายตาก็มองว่าเพื่อนสองตัวนั้นวิ่งไปไหนกันแล้ว
รูปสุดท้ายที่เห็นคือสองคนนั้นเลี้ยวมุมไปเรียบร้อย
ไอ้พวกเพื่อนเวร จำไว้ กูลำบากเสือกไม่สนใจ
“เอ่อ...เป็นอะไรไหมครับ” พอเก็บเอกสารเสร็จ
ก็ช่วยพยุงเด็กผู้หญิงคนที่ตัวเองเผลอวิ่งชน เธอส่ายหัวแล้วยกยิ้มเล็กๆ
แต่ก็ช่วยขับให้ใบหน้าของเธอเปล่าประกายขึ้น
“จางมีไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอโทษด้วย จางมีเดินไม่ระวังเอง” จางมี
เด็กเกรดสิบที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงสวยแถมเป็นระดับท็อปของชั้น
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จงอินจะยืนชมอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ต้องรีบไปตามไอ้พวกนั้นก่อน
จงอินกล่าวขอโทษก่อนจะรีบวิ่งไป เด็กสาวหน้าสวยยืนนิ่ง
รุ่นพี่คนนั้นเป็นใครกัน ทำไมถึงทำให้หัวใจเต้นแรงแบบนี้
“...รุ่นพี่จงอินเหรอ จางมีชักจะสนใจแล้วสิ”
“ทำไมวันนี้เซฮุนไม่มาว้า”
ชานยอลบ่นอิดๆออดๆ
เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วฌซฮุนสัญญากับเขาว่าจะเอาคุ้กกี้แฮนด์เมดที่แม่ของเขาเป็นคนทำมาให้ชิมกัน
“ไอ้เลว
กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงของกิน” จื่อเทาถอนหายใจกับความตะกละของเพื่อน
ปากเหมือนจะเป็นห่วงแต่ใจอยากกินของฟรีมากกว่าไม่ว่า
“กูเลวมึงก็เลว! คนดีๆที่ไหนเขาไปป่าวประกาศซะอาจารย์จะแดกหัววะ! คิดสิมึงคิด!”
“กูคิดแล้ว! กูไม่อยากให้สาวๆและแบคฮยอนตกหลุมพรางที่ชื่อว่าชานยอล!”
“กูหล่อ! กูทำอะไรก็ได้!” ชานยนอลถอนหายใจฟึดฟัด เหตุการณ์เมื่อเช้ายังคงไม่ต่างกับนรก
เพราะสาวๆที่เขาเคยเต๊าะต่างพากันเดินหนีไม่เหลือเลยสักคน ฮือออออ ชานยอลจิครายยยยยย
“ส่วนมึงอ่ะดำ! เงยหน้ามาจากมือถือหน่อยดิ๊!” จื่อเทาดีดนิ้วเรียกคิมจงอิน ที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตากับโทรศัพท์มือถืออยู่
ถ้ามุดลงไปได้มันก็คงจะทำแล้วล่ะมั้ง
“เดี๋ยว”
“อะไรมึง
ในมือถือมีอะไรน่าสนใจกว่าคนหล่อๆอย่างพวกกูอีกเหรอวะ
ทำไมต้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วย” จื่อเทาเบะปากเมื่อคุณเพื่อนผิวเข้มยังคงไม่สนใจ
เห็นทีหวางจื่อเทาต้องใช้สูตรเด็ดเสียแล้ว “หรือว่า...มึงซุกเด็ก?”
“เด็กเหี้ยไรล่ะ”
ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมาจนได้
จื่อเทากับชานยอลแอบแท็กมือกันเล็กๆใต้โต๊ะไม่ให้จงอินเห็น แล้วฉีกยิ้มกว้างให้คนหน้าหมี
“มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้”
“อ่ะ
งั้นมึงคุยอะไรในมือถือมึงอ่ะ เอามาดูหน่อย” ชานยอลแบมือขอโทรศัพท์
แต่จงอินก็รีบเก็บใส่กระเป๋าทันทีเหมือนเป็นการบอกกลายๆว่า ‘ไม่’
“โห่
ป๊อดนี่หว่า แสดงว่าซุกสาวจริงๆแต่ไม่บอกพวกกู” จื่อเทาออกความเห็น
ชานยอลพยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่ใช่”
“อ่ะ
งั้นแค่บอกพวกกูมาก็ได้ ว่ามึงกำลังคุยกับใคร”
“...เซฮุน”
“อู๊ววววววววว”
เสียงหยอกล้อจากนายชานยอลและนายจื่อเทาทำให้ขาขวาของเขากระคุกเป็นพักๆ
ไม่แน่ใจว่ามันอยากไปฝากฝังที่ใบหน้าของใครหรือเปล่า
“มีชงมีแชทกันด้วยเหรอจ๊ะพี่จงอิน”
“แล้ว?”
“แหนะๆๆ
เป็นห่วงกันก็บอก กิ๊วๆๆๆ”
“...”
“เหยยย
มันเงียบว่ะมึง โกรธเหรอ?” จื่อเทาหันไปถามชานยอลด้วยสีหน้ากังวลที่แม้แต่เด็กอนุบาลก็ดูออกว่ามันตอแหล
ชานยอลจื๊ปากเหมือนใช้ความคิด
เออ
เอาเข้าไปเพื่อนกู
“กูว่าแม่ง...เขินว่ะ
555555555555555555555555”
“ไอ้สัส
พอเหอะมึง” จงอินปัดมือไล่ เขารำคาญเวลาสองคนนี้จับมือกันหยอกล้อชะมัด ก็ยอมรับว่าตัวเองก็เป็น
แต่พอสองคนนี้มาดูโอ้กันเมื่อไหร่ เปิดตลกคาเฟ่ได้เมื่อนั้น
“กูไม่ได้อะไรหรอกนะจงอิน
แต่บอกมาตรงๆนะ”
“...”
“มึงชอบเซฮุนป่ะ”
พ่อ...งง
“กูจะไปชอบได้ไงวะ?”
“แหมๆ
ทำเป็นถาม เฮ้ยมึง กูพูดจริงๆนะ เวลาพวกมึงอยู่ด้วยกันนี่เคมีโคตรเข้าอ่ะ” ชานยอลออกความเห็น
จงอินส่ายหน้าหน่ายแล้วตักข้าวเข้าปาก
“แล้วเนี่ย
ปกติมึงไม่แดกข้าวเที่ยง พวกกูเตือนตั้งหลายครั้ง แต่พอเซฮุนบอกมึงแค่ครั้งเดียว
มึงเสือกทำตาม กูควรคิดแง่ไหนอีก”
จงอินหยุดมือที่ถือช้อนไว้
เออ มันก็จริง เขาไม่ค่อยชอบกินข้าวเที่ยง แถมไอ้สองตัวนี้ก็บ่นเขาตั้งหลายครั้งแต่เขาก็ยังไม่ทำตาม
แต่พอเซฮุนบอกให้กินเขากัลบยอมทำ เพื่อให้เซฮุนสบายใจที่เขายอมทำตาม
“กู...”
“แล้วมึงอย่า
เมื่อวันเสาร์กูรู้นะว่ามึงโทรมาหาพี่สาวกูว่าดูแลคนเป็นลมยังไง
กูมั่นใจว่าไม่ใช่พ่อแม่หรือพี่สาวมึงแน่ที่เป็นลม ครอบครัวมึงถีกซะขนาดนี้
มึงเป็นห่วงเซฮุนขนาดนั้นไอ้จงอิน”
“...”
“มึงเชื่อกูเหอะ
มึงชอบเซฮุนแล้วล่ะ”
“กูว่าไม่”
“อะไรอีกจงอิน! มึงสับสนอะไรอีกวะ! มันก็...”
“คือกูก็รู้สึกเหมือนจะชอบนะเว้ย
แต่...มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นเปล่าวะ”
“นั่นไง”
ชานยอลกับจื่อเทาตบเข่าดังฉาด ในที่สุดมันก็พลั้งปากมาแล้ว
“มึงพูดออกมาแล้วว่าชอบ”
“กูพูดว่าเหมือนจะชอบ
แต่มันไม่ใช่ คือมัน...”
“แค่หวั่นไหว?”
“อืม”
“มึงเคยชมเขามั้ย
แบบ...เจอหน้ากัน หรือเวลาคัยกันไรงี้”
“ก็มี...มั้ง
แต่แค่ในใจว่ะ กูกลัวมันจะโกรธ”
“ชัวร์ป้าบ! กูว่าแล้ว มึงเปิดใจให้เขาขนาดนี้แล้ว
อย่าเถียง! เพื่อนที่ไหนจะเป็นห่วงกันขนาดนั้น!” ชานยอลยังคงไม่เลิกยกเรื่องนั้นมาพูด จงอินบีบขมับตัวเองทันที
ไอ้พวกนี้เคยเข้าใจอะไรง่ายๆมั้ยวะเนี่ย
“เรื่องของพวกมึงละกัน”
เขาก็ขี้เกียจเถียงแล้ว ไอ้พวกนี้มันจะมาวุ่นวายอะไรชีวิต(รัก)เขามากมาย
เรื่องนั้นมันก็จริง
เขายอมรับว่าเขาห่วงเซฮุนมาก
ตอนที่เซฮุนล้มลงไปบอกเลยว่าตอนนั้นเขาหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
กว่าจะเรียกสติตัวเองกลับมา เซฮุนก็ปากซีดไปแล้ว
ถ้าตะโกนเรียกพี่มีหวังโดนด่าชัวร์ เพราะพี่แกเอ็นดูเซฮุนขนาดนั้น
แถมตัวเลือกก็มีไม่มากเลยเลือกที่จะโทรไปถามพี่ยูราที่มีแฟนเป็นหมอแทนไง
เขาไม่อยากให้เซฮุนเป็นอะไร
ไม่อยากให้ป่วย ไม่อยากให้มองในแง่ไม่ดี
แต่...
ไอ้ความรู้สึกแบบนี้
มันจะเรียกว่า ‘ชอบ’ ได้ด้วยเหรอ?
“สรุปมึงคุยอะไรกับเซฮุนวะ”
จื่อเทาเปิดประเด็นที่ควรจะถามตั้งแต่แรกขึ้น จงอินไหวไหล่พร้อมถอนหายใจเหมือนบอกว่า ‘ไม่มีอะไรมาก’
“ก็แค่บอกว่าวันนี้ไม่มาโรงเรียน
แค่นั้น”
“อืม”
ทำไมยอมถอยทัพไปง่ายขนาดนั้นเลยวะ
จื่อเทาไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น
ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับจงอิน คือ ไอ้หน้าเขียว มึงเป็นอะไร?
สายตาของเพื่อนทั้งสองมองที่ด้านหลังของเขา
จงอินหันหลังไปมองบ้าง ก็เห็นรุ่นน้องที่ตัวเองวิ่งชนเมื่อเช้ามายืนฉีกยิ้มให้
“...”
เมื่อกี้นางฉีกยิ้มให้กูสินะ?
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เป็นชานยอลที่พร้อมจะเสือก
ทั้งๆที่รู้ว่าน้องเขาไม่ได้มาหาตัวเองแน่นอนแต่ก็ยังจะทักน้องเขา จงอินมองชานยอลสลับกับรุ่นน้องคนนั้น
พร้อมกับเลิกคิ้วงงๆ ขอถามเล็กน้อยนี่น้องเขามายืนตรงนี้ทำไมรอบที่สอง
“คือ...”
“...”
“หนูแค่อยากเจอพี่จงอินเฉยๆอ่ะค่ะ”
“โอ๊ววววววววววว”
ชานยอลและจื่อเทาพร้อมใจกันประสานสียง อะไรกัน
เมื่อกี้พวกมันยังเชียร์ให้เขาได้กับเซฮุนอยู่เลยนะ แล้วทำไมเปลี่ยนง่ายจังวะ
“เอ่อ...ทำไมเหรอครับน้อง?”
จงอินหันไปถามน้องด้วยตัวเอง เขาชักไม่มั่นใจแล้วแฮะ ว่าน้องเขาจะมาดี
“เปล่าค่ะ คือ...”
“...”
“...”
และ...
น้องเขาก็วิ่งหนีไป
#แดกจุดทั้งแถบ
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นบอกกูที”
จงอินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อนรักทั้งสองพากันส่ายหัว เออ
ถ้าผมไม่เข้าใจก็อย่าหวังว่าพวกมันจะเข้าใจด้วยเลย เพราะผมมีสติมากที่สุดแล้วล่ะ
หลังจากนั้นสามวันเซฮุนก็มาเรียนตามปกติ
ที่หายไปก็ไม่ได้อะไร คุณชายท่านไข้ขึ้นหนักกว่าตอนอยู่บ้านจงอินด้วยซ้ำ
แถมยังบอกว่ายังดีที่เป็นหนักแค่วันสองวัน จากปกติเป็นเกือบอาทิตย์
พักหลังๆผู้คนจะเห็นเซฮุนอยู่กับพวกจงอินบ่อยขึ้น
หลายๆคนก็ดีใจที่เซฮุนมีกลุ่มกับเขาเสียที
บางคนก็ไม่ค่อยพอใจเพราะชื่อกลุ่มกลายเป็น ‘สี่หน่อ’ เนื่องด้วยความแสบของเด็กเกรียนทั้งสาม
แฟนคลับของเซฮุนก็กลัวว่าเซฮุนจะทำตัวเถื่อนออกถ่อยแบบทั้งสามคน
แต่ก็โล่งใจเพราะเซฮุนยังคงทำตัวเหมือนเดิม
“เฮ้ย ตอนเย็นไปกินไก่ทอดหน้าปากซอยบ้านกูกัน”
หวางจื่อเทาเอ่ยปากชวนพร้อมตบกระเป๋าตังโชว์ว่า ‘มื้อนี้กูเลี้ยง
พวกมึงไม่ไปก็อด’
“เอาดิ อยากกินเหมือนกัน”
ชานยอลชูมือที่ถือไม้กลองขึ้นเหมือนดีใจ จื่อเทาหันหน้าไปทางจงอินเพื่อเป็นการถามไปในตัวด้วย
“ไป แต่ขอเอางานไปส่งก่อน”
“งานไรวะ?”
“งานกลุ่มไง กูกับฮุนทำเสร็จแล้ว
พอดีหัวหน้าห้องมันไปถามว่าถ้าทำเสร็จแล้วไปส่งเลยได้มั้ย
อาจารย์ก็บอกว่าได้แถมจะให้คะแนนพิเศษด้วย” จงอินชูเล่มรายงานในมืออวดพวกตัวขี้เกียจ
ก่อนจะเดินออกจากห้องไปท่ามกลางเสียงโหยหวนของเพื่อนทั้งสองว่าไม่ยุติธรรม
ก็มันได้คู่กับเซฮุนนี่ บลาๆๆ
“เอาเถอะ พวกนายก็รีบๆทำเถอะ”
เซฮุนโบกมือบอกไม่เป็นไร เมื่อเห็นหน้าของทั้งสองคนว่าจะร้องไห้เต็มที
“งั้นฮุนก็ช่วยเราบ้างดิ”
เซฮุนผงะเล็กน้อยกับประโยคที่ชานยอลพูด จื่อเทาฟาดหัวเพื่อนหูกางทันทีที่มันพูดจบ
“สัส! นั่นสรรพนามที่จงอินใช้ได้คนเดียวนะเว้ยมึง”
“อ้าวเหรอ”
“มะ...ไม่...”
“เฮ้ย! ไม่เอาดิ
ก็เวลาพวกเราเรียกทำไมต้องเขิน ทีไอ้จงอินมันเรียกนี่ไม่รู้สึกอะไร แหมๆๆ”
จื่อเทาชี้นิ้วล้อเลียน ใบหน้าขาวของเซฮุนขึ้นสีจัด ทำไมต้องแกล้งกันด้วยไม่รู้
“เออเซฮุน จะไปกินไก่ทอดกับพวกเรามั้ย
ร้านนี้อร่อยนะ”
“จื่อเทาเป็นคนเลี้ยง ไปเหอะ”
“จะ..จะดีเหรอ คือฉันว่า...”
“...”
“ฉันว่ามันคงจะไม่ดีเท่าไหร่
คือพวกเรายังไม่สนิทกันมากอ่ะ ฉันว่ามันจะดูไม่ดีนะ”
“...ทำไมคิดงี้ล่ะ”
น้ำเสียงของจื่อเทาเริ่มฟังดูหงุดหงิดขึ้น ทั้งๆที่ตอนพักกลางวันก็นั่งด้วยกัน
ถึงแม้ว่าอยู่ในห้องจะไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร่
เพราะแฟนคลับของเซฮุนก็ไม่ค่อยชอบพวกเขาเสียเท่าไหร่ด้วย
“อย่าคิดมากเลยเซฮุน
ยังไงพวกเราก็เพื่อนกันแหละเนอะ งั้นเดี๋ยวนายรอไปพร้อมไอ้จงอินมันก็ได้
เดี๋ยวพวกฉันล่วงหน้าไปก่อนละกัน”
“เอางั้นก็ได้”
เซฮุนนั่งรอจงอินที่ห้องเรียน ตอนนี้ทั้งห้องเหลือแค่เขาคนเดียวแล้ว
คนตัวบางถอนหายใจเฮือกใหญ่
แม่ของเขาเคยสอนว่าถ้ามีเพื่อนเขาจะเลี้ยงอาหารเราคือเขาต้องการจะสนิทกับเรา
เพราะอย่างนี้ไงเซฮุนถึงไม่อยากไป
เซฮุนไม่ได้อยากสนิทกับพวกเขา
โดยเฉพาะกับคนๆนั้น
เซฮุนไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนสนิท
เพราะถ้าเขารู้ แล้วเซฮุนจะทำยังไง?
ก็คงจะมองหน้ากันไม่ติดอย่างหลายๆคู่นั่นแหละ
“พี่เซฮุน!”
“!” เซฮุนสะดุ้งตัวโยนเมื่อมีมือมาแปะที่แผ่นหลังของตัวเอง
เด็กผู้หญิงที่เขาเห็นหน้าบ่อยๆเพราะเธอชอบมาหาจงอิน ใบหน้าฉีกยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร
แต่ใครๆดูก็รู้ว่าตอแหล
อ่า...คนนี้เซฮุนจะขอติดแบล็กลิสต์ไว้ละกัน
“พี่เซฮุนคะ เห็นพี่จงอินบ้างมั้ย?
จางมีกะว่าจะเอาของให้พี่เขาน่ะค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยพร้อมกับชูกล่องของขวัญในมือ
เซฮุนหัวเราะดังเหอะในลำคอ แม่เด็กคนนี้จะตามจงอินถึงเมื่อไหร่เชียวนะ
ทั้งๆที่เขาก็ไม่มีท่าทีสนใจเลยแท้ๆ
“เดี๋ยวเขาก็ลงมาแล้วล่ะครับ เอ่อ...น้องจางมี
พี่ถามจริงๆนะ”
“คะ?”
“น้องชอบจงอินเหรอ?”
“ก็ใช่สิคะ พี่คิดว่าไงเหรอ?
หนูเข้าหาเขาขนาดนั้นแล้วนะ”
‘แต่เขาก็ไม่สนเธอมั้ยล่ะ’ เซฮุนได้แต่คิดในใจ
น้ำเสียงกระแนะกระแหนที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ(และมั่นหน้า)ของหล่อนทำเอาเซฮุนอยากจะเบะปากให้เป็นรูป...ช่างเหอะ
ยังไงซะตอนนี้ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบเธอ
แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชอบจิกปากจิกคอพูดกับเขาจัง
เวลาอยู่กับจงอินนี่เป็นคนละคนเลย
เอาเถอะ
“พี่เซฮุน ช่วยอะไรหนูอย่างนึงได้มะ?”
“ครับ?” เซฮุนลอบถอนหายใจ ให้ตาย
ทำไมต้องทำหน้าทำตาอย่างนี้ด้วย แค่นี้พี่ก็หมั่นไส้หนูจะแย่ เป็นผู้หญิงประสาอะไร
เซฮุนยังไม่อยากมีข่าวตบเด็กหรอกนะ
“พี่ช่วยหนูจีบพี่จงอินหน่อยดดิ นะ?”
“...”
งานกริบต้องมา...
นี่ให้เขาไปช่วยเธอจีบจงอินเนี่ยนะ! ·อยากตอกหน้ากลับแทบตายว่าไอ้เราก็ชอบคนเดียวกันแต่มันก็ไม่น่าจะดี
แต่อยู่ๆมาขอให้ช่วยจีบให้เนี่ย
“พี่ขอโทษนะครับ พี่คงช่วยน้องไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะคะ? พี่ก็สนิทกับพี่จงอินนี่นา
นอกเสียจากว่า...”
“...”
“พี่ก็ชอบพี่จงอินเหมือนกันน่ะ”
“อะ...อะไรนะ” เซฮุนรู้สึกเหมือนใบ้รับประทาน แม่เด็กหน้าใสนี่ยืนยิ้มให้เขา
แถมเป็นยิ้มแสยะด้วย ยัยเด็กนี่ดูออก? นี่คือคำถามที่คาใจเขาอยู่ ณ ตอนนี้
แต่ตอนนี้นายต้องตั้งสติสิเซฮุน “คือ...น้องครับ
พี่พูดตรงๆเลยนะว่าพี่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกับพวกจงอินเขา ไม่ดิ
พี่ไม่ได้...อยากสนิทกับพวกเขาด้วยซ้ำ เพราะงั้นที่น้องพูด...”
“เซฮุน”
เสียงเย็นๆจากคนที่ยืนอยู่ตรงประตูทำเอาแนวขนตามแนวสันหลังเซฮุนลุกซู่
จงอินที่ยืนกอดอกพิงขอบประตูส่งสายตาไม่พอใจให้เขา
ร่างสูงโปร่งถอนหายใจก่อนจะกระชับสายกระเป๋าของตัวเองให้เขาที่
“ฉันก็ขอโทษละกันที่อยากสนิทกับนายน่ะเซฮุน
ไปล่ะ”
“พี่จงอินคะ เดี๋ยว! โอ๊ะ!” จางมีที่ทำท่าทีจะวิ่งตามรุ่นพี่ผิวเข้มคนนั้นไป
แต่ก็ต้องร้องลั่นเมื่อเธอโดนมนุษย์อีกคนในห้องวิ่งตัดหน้าเธอไป ใช่
วิ่งตัดหน้าจนเธอล้มคว่ำเลยล่ะ
“จงอิน!เดี๋ยวก่อน!”
เซฮุนวิ่งตามจงอินออกมาจนถึงถนนใหญ่
มือเรียวขาวของเขาคว้าเข้าที่กระเป๋าเป้หลังของจงอิน
คนผิวเข้มที่ถูกดึงก็แทบหงายหลังเลยอดที่จะหันมาแหวใส่ไม่ได้
“นายจะตามมาทำไมอีกเซฮุน!ไม่อยากเป็นเพื่อนพวกฉันไม่ใช่รึไง!
จะตามมาทำไม!”
“ก ก็ใช่
แต่มันไม่ได้หมายความเหมือนที่นายคิดนี่” เซฮุนพูดไปหอบไป หยาดเหงื่อที่ไหลลงตามแนวลำคอขาวทำให้จงอินลอบกลืนน้ำลาย
ไม่ได้ดิวะ!
ตั้งสติสิมึง!
“แล้วที่นายพูดหมายความว่ายังไง?”
“...”
“ตอบดิวะ!!!”
“ฉันชอบนาย! ได้ยินรึยัง!!”
“...”
คราวนี้เป็นจงอินที่พูดไม่ออก
สายตาคมจับจ้องกับใบหน้าขาวที่ขึ้นสีจัดทำให้จงอินต้องกัดกระพุ้งแก้มไม่ให้หลุดยิ้มออกมา
“ฉันชอบนาย เพราะงั้น...ฉันแลยไม่อยากสนิทกับนาย
ฉันอยากเป็นคนนอกที่เข้ามาชอบนาย ไม่ต้องมีสถานะอื่นมาให้คอยห่วง ฮึก ฮืออออออออออ”
“เฮ้ย แล้วร้องไห้ทำไม”
จงอินรีบปรี่เข้าไปหาคนตัวขาว ใบหน้าหวานตอนนี้มีน้ำตายิ่งทำให้เขาใจไม่ดี
เขาเป็นคนไม่ชอบเห็นคนอื่นร้องไห้ ยิ่งต้นเหตุมาจากตัวเองด้วยยิ่งแล้วใหญ่
“ฉัน...ชอบนายจริงๆนะ ฮึก” ว่าพลางสะอื้นไห้ไปด้วย จงอินดึงคอคนตัวขาวให้มาซบบ่าของตัวเองพร้อมกับเอ่ยปลอบไปด้วย
“รู้แล้วครับ เลิกร้องนะ ไม่เอาไม่ร้อง”
“ฮึก จงอิน...”
“ว่าไง” ใบหน้าขาวผละออกมาจากบ่าของคนตรงหน้า
จมูกรั้นที่ขึ้นสีแดงทำให้จงอินอดที่จะยื่นมือไปบีบเล่นไม่ได้ “จมูกแดงหมดแล้วนะ
นี่เพราะร้องไห้หรือเพราะเขินกันแน่เนี่ย”
“ไม่แกล้งกันดิ”
ใบหน้าหวานยู่ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็เอื้อนเอ่ยประโยคนึงออกมาได้ชัดเต็มหูจงอิน
“จงอินชอบฉันบ้างมั้ย”
นั่นสิ
เขาชอบเซฮุนหรือเปล่าวะ
“เอ่อ เอาตรงๆคือตอนนี้ยัง”
“ฮึก!”
ใบหน้าหวานเริ่มเบะเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
จงอินคว้าคนตัวขาวมากอดแล้วโยกตัวไปมาเหมือนกล่อมเด็ก ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ตรงฟุตบาท
ถึงคนจะเยอะแค่ไหนเขาก็ไม่สนอยู่แล้ว
“อย่าเพิ่งร้องดิ งั้นนายก็ทำให้ฉันชอบนายสิ
เชื่อเลยว่านายทำได้แน่”
“...อือ”
จงอินฉีกยิ้มกว้าง เขาคงจะไม่บอกเซฮุนหรอกว่าเขาก็รู้สึกกับเซฮุนเป็นต้นทุนอยู่แล้ว
เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนตัวขาวจะมีวิธีไหนที่จะทำให้เขาใจเต้นได้อีก
อ้อ พี่จงอินแมนนะครับ พี่รุกนะ : )
FIN
มาอ่านแล้วอย่าลืมเอากำลังใจมาฝากด้วยนะ
ติดแท็ก #KHlovesong นะคะ รออ่านอยู่ ไม่มีคนเล่นเพราะไรท์ไม่ค่อยอัพใช่มั้ย จะอัพให้ได้มากที่สุดค่ะ
อ้อ
#Happy94sDay นะ❤
ความคิดเห็น