ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    star death relation

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 ความทรงจำ

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 55


    บทที่1

    ความทรงจำ

     

     

    จดจำได้เพียงว่าวันนั้น ที่มีเมฆาครอบคลุมทั่วนภา มีของเหลว

    สีแดงสาดกระเซน ราวกับตกแต่ง ....

    ในยามค่ำคืน คืนแล้วคืนเล่า

    สิ่งเหล่านั้นที่วนเวียน

     

    เด็กสาวแปลกหน้า ที่แสนเย็นชาและเยื่อหยิ่งในท่าทางนั้น เขารู้สึกเหลือเกินว่า ในแววตานั้น...มีเปลวเพลงอันอบอุ่นคอนส่องแสง  สิบสี่ ปีอันไร้ซึ้งการ เปลื่ยน แปลง ถึงแม้ว่า

    เขาจะไม่รู้สึกหน่ายเหนื่อยที่จะทนเห็นภาพนี้ วันแล้ววันเล่าก็ตาม

    ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดังก้องในหัว

    เธอ....เป็นใครกันแน่!?

     แสงสีทองสาดส่องเขามาททางหน้าต่างนั้นราวกับ การจุดพลุเริ่มสัญญาณวันใหม่ขึ้น

    ฮาร์โมเทียร์ ลุกขึ้นคลำตามผนังอย่างเหนื่อยอ่อน โดยร่างกายที่ฟกช้ำ

    ดวงตาหลั่งน้ำตาปาดลงมายัง รอยขอบตาที่ดำสนิท บ่งบอกถึงการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอเสียทีเดียว  ....เพราะเพียง เขานั่งรอพี่ชายของตน 

    เขานั่งรอมานานถึงเจ็ดวัน ต่ำหรับตัวเขานั้น เขารู้สึกเพียงว่านั้น เป็นเวลาไม่เท่าไหร่ เท่านั้นเอง พี่ชายมักกลับช้าอยู่แล้ว แต่นั้นก็เป็นเพียงคำปลอบใจตน เท่านั้น

        นับตั้งแต่จำความได้ บุคคลคนเดียวที่อยู่ข้างกายเขา ก็คือ พี่ชาย คนเดียว ทำให้เขาคิดเสียว่า พี่ชายเป็นบุคคลคนเดียว ที่ เป็นเสมือนครอบครัวของเขา  ถึงเขากับพี่ชายจะไม่ถูกกันนัก แต่ หากขาดใครไปซักคนมันช่างเงียบเหงาเหลือเกิน

    ฮาร์โมเทียร์ นั่งอยู่มุมประตูอย่างสิ้นหวัง ก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้น หน้าของเด็กน้อย สว่างไสวด้วยความยินดี เด็กน้อยวิ่งไปที่ประตูแล้วเปิดออกมา

    พี่กลบมาแล้ว?

    แต่เมื่อพลันประตูเปิดออก เด็กน้อยก็ผิดหวังทันใด แต่ไม่ได้แปสดงออกทางสีหน้า

    ป้า เอาจดหมายมาให้นะจะ แล้วก็นี่เสื้อผ้า อาบน้ำซะนะ

    ผู้มาเยี่ยมเยียนก็คือ แม่บ้านที่พี่ชายจ้างวานเอาไว้ ซึ่งดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากเขาขังตนเองในห้องมาเจ็ดวันนั่นเอง

    เด็กน้อย ยิ้มอบอุ่นถึงแม้จะผิดหวัง แต่เขาก็รู้สึกดีที่ว่ายังมีคนเป็นห่วงเขาอยู่ 

    เขาหันเดินไปด้านข้างเพื่อเตรียมตัวที่จะอาบน้ำ  เขาส่องกระจกดูตนเอง ถึงแม้ สภาพจะทรุดโทรม แต่ยังคงเหลือเค้าความเป็นเด็กที่ไร้เดียงสา ใครเห็นก็ต้องเอ็นดูรักใคร่เป็นธรรมดา ถึงแม้เขาจะมีผมสีดำธรรมดาไว้หน้าม้ายาว แต่รูปหน้านั้น งดงามมากจนอาจจะมากกว่า เหล่าชนเผ่าเงือก ที่ขึ้นชื่อเรื่องความงามที่มิอาจละสายตาเสียจะด้วยซ้ำ  ดวงตาของเด็กน้อย เท่านั้นที่โดดเด่นมากกว่าใครอื่น เพราะสีของดวงตานั้น เป็นสีแดงสด มีละอองสีทองจางในนั้น ราวกับกลีบดอกไม้ที่โรยรา  เขาลูบดวงหน้าของตน ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าห้องอาบน้ำไปเสีย

     

    เวลาผ่านไป เด็กน้อยเดินออกมา ร่างกายดูสะอาดผุดผ่องขึ้น แต่รอยแผลฟกช้ำยังคงน่ากลัว  เด็กน้อยจึงพันผ้าปิดเอาไว้ ก่อนจะปัดหน้าม้าของตนลงมา ซึ้งยาวพอที่จะปิดดวงตาสีประหลาดของตนไว้ได้ 

     เด็กน้อยก็นั่งลงอีกครั้ง ปกติพี่ชายเขานานๆทีจะกลับมาอยู่แล้ว แถมยังมาเร็วไปเร็วเสียด้วย แถมถามใครก็ไม่มีใครเห็นพี่ชายของเขาเลยแม้ซักคนเดียว แม้แต่แม่บ้านใหญ่ที่ดูแลบ้านหลังนี้ก็ตาม หาก ทุกครั้งที่พี่ชายมาจะมีของแปลกประหลาดในบ้านเพิ่ม ทุกคนในคฤหาสน์แห่งนี้คนจะคิดว่า พี่ชายคนนั้นเป็นพี่ชายในจิตนาการที่เขาสร้างมาเองเสียแล้ว  

    แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เขาสัญญาแล้วว่าจะกลับมาอีกไม่นาน....

     

    .... อีกไม่นานเท่านั้น

     

    เขานั่งอยู่อย่างนั้นทั้งวันจนสาวใช้มาเคาะประตูเขาก็เปิดประตูออกไป แล้วรับเสื้อผ้า เดินไปอาบน้ำก่อนจะจมดิ่งสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

     

    บรรยากาศนั้นอีกแล้ว ท้องฟ้าที่มีเมฆาปกคลุมและ เลือดสาดกระเซน

    แล้วก็ ....เด็กสาวคนนั้น

    แต่

    น่าแปลกเด็กสาวคนนั้น เดินเขามา

    หาเขา?

    เอ่ย ชื่อของข้า

    เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

    ..ไมเรียส

    ทันใดนั้นปากของเขาพลั้งออกไป โดยเขาไม่ได้สั่งการมันเลย

    ข้าจะไม่ทำลายเจ้าอีกแล้ว เจ้าช่วยส่งสร้อยเส้นนั้นมา

    หญิงสาววางมือบนไหล่เขา แล้วกระแทกเสียงใส่

    ส่งมา ข้าสัญญาว่าข้าจะคืนแน่นอน

    เด็กสาวพูดย้ำอีกครั้ง

    ฮาร์โมเทียร์ถอดสร้อยอัญมณีสีดำสนิทออกไป นั้นเป็นของขวัญของพี่ชาย ที่อยู่กับเขา เป็นสิ่งสำคัญของเขาเลยทีเดียว แต่เขาส่งไปอย่างง่ายดาย...

    ....ทำไมเขาเชื่อเธอง่ายดายขนาดนี้  เสียงภายในใจของเด็กหนุ่มพากันโต้แย้ง  เด็กสาวกุมมือกลางหน้าอกของตน แล้วสร้อยเส้นนั้นก็ส่องประกายสีทองจางๆ แล้วเด€กสาวก็หายตัวไป

     

    เด็กชายสะดุ้งตื่นกลางดึก เขาเบิ่งตาโพล่ พลางลูบบริเวณหน้าอกของตนเองหาสร้อยเส้นนั้น แต่ก็โล่งใจเมื่อ เห็นมัน

    .....แต่เขารู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายตนเอง เด็กชายเดินไปยังบริเวณกระจก มองไปยังหน้าต่างที่ไร้ซึ้งแสงจันทร์ ก่อนจุดเทียนขึ้นมา ดวงหน้าของตนยังคงงดงามดังเดิม แต่ สัดส่วนของตนมีส่วนเว้าส่วนโค้งขึ้นมา รวมทั้งหน้าอกที่นูนขึ้นมาด้วย

       เด็กน้อยลืมตาเบิ่งโพล่ เพราะสิ่งที่ตนเห็นตอนนี้เป็นสิ่งที่มิอาจเกิดขึ้นได้

    ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนเพื่อลืมเรื่องนี้ไป..

     

    เขาตื่นขึ้นมาแล้วรีบเดินไปส่องกระจก เขาก็เห็นหน้าตาของตนตามปกติ  พลางคิดในใจว่าเป็นพฤติกรรมที่ไร้ความหมายเสียจริง  ก่อนเหลือบมองนาฬิกา พบว่าเขานอนไปหกชั่วโมง ซึ่งนอนนานไปกว่าปกติทีเดียว...

    แล้วรู้สึกเหมือนความจำเรื่องเมื่อคืนช่างเลือนรางเสียจริง แต่เขาก็ไม่ได้ที่จะสนใจ แล้วพลางพลิก ปฏิทิน ดูอีก แล้วพบว่า เขาจะเป็นเด็กน้อยนั่งรอพี่ชายไม่ได้อีกแล้ว

     

    ฮาร์โมเทียร์เดินไปหยิบเสื้อคลุมสีน้ำเงินออกมา ก่อนที่จะสวมมัน แล้วมองไปยังดวงดาวแอเรียสที่ส่องแสงสีทอง แล้วรู้สึกอบอุ่น อย่างประหลาด

    ในโลกที่เขาอยู่มีแต่กลางคืนเพียงเท่านั้น จึงมีแต่กลุ่มดาวสิบสองราศีที่จะสว่างมากเมื่ออยู่ที่นี่ทำหน้าที่แทนดวงอาทิตย์ แต่ก็ทดแทนกันไม่ได้  พืชพรรณที่แดนปีศาจนี้จึงเหี่ยวเฉา จนต้องทำการค้าขายกับมนุษย์ เพื่อ เสบียงอาหาร

    และ มีเรื่องกล่าวขานกันมาว่า มียมทูต ทั้งสิบสี่ ที่ทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาโลกแห่งนี้ขึ้นมา ในขณะเดี๋ยวกันก็ ขจัด สิ่งสกปรกไปจากโลกด้วย ที่เกิดวิญญาณที่เทพเจ้าได้สร้างขึ้น หลังจากแบ่งโลกเป็นโลกทั้ง 9 ยมทูตทุกตนก็ประจำหน้าที่ของตน ปกครองดินแดนอนธการ จนกระทั่ง เกิดเหตุการณ์ ที่เทพเจ้าได้ทำลายโลกโดยการ ให้น้ำท่วมโลก

       โดย ยมทูตบางตนยังวนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร ยังมิอาจทำหน้าที่ของตนได้

     

    .....ถึงนั่นจะเป็นสิ่งที่พี่ชายของตนกล่าว มันก็แค่นิทานหลอกเด็กเท่านั้นแหละ

     

     

    เขาเองก็เดินไปนอกคฤหาสน์  เดินไปยังหมู่บ้าน ทำความเครพดาวลีโอ ประจำดินแดนของคน กับชาวบ้าน   เขาคิดอยู่เสมอว่าการกระทำเหล่านี้ จะมีค่าอะไรเสียบ้าง แต่ก็ไม่ได้จะต้องการคำตอบอะไร

     เขาเดินไปยังหมู่บ้าน หยิบสมุดบันทึกของตนเอง แล้วพลิกเปิดไปมา แล้วเจอกับสิ่งที่น่าสนใจ เขาต้องเข้ารับการพยากรณ์ วันนี้เสียด้วย

    เขาองก็คิดว่า การกระทำนี้ทำด้วยความเสียเปล่าเช่นกัน อนาคตนะไม่มีผู้ใดล่วงรู้หรอก

    ยกเว้นเสียแต่เขา

     

    ฮาร์โมเทียร์ เกิดมาพร้อมสวรรค์อย่างหนึ่ง คือสามารถรับรู้อนาคตความตายของผู้อื่นได้ แต่เขาก็ไม่พูดอกไปได้หรอก เพราะเมื่อสมัยเขายังเด็กเขาเคยเตือน เพื่อนบ้านว่า หลานชายเขาจะตายในอีกสามวัน   พอเมื่อเจียนครบกำหนดสามวัน หลานชายเพื่อนบ้านคนนั้นก็ได้ตายลงคนทั้งหมู่บ้านหาว่าเขาเป็นปีศาจ จึงจำเลยต้องหนีมาเสีย

    เขาไม่ได้ทำผิดเลยเสียแท้ๆ

    เขาเองก็ขัดการกระทำที่ไร้ซึ่งเหตุผลนี่เสียก็มิได้ เพราะชาวบ้านที่นี่ถือเสียว่าเด็กทุกคนเมื่อครบ 15 จะต้องได้รับคำทำนายจาก นักปราชญ์ของหมู่บ้าน  ซึ้งเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาอยู่เสียแล้ว

      ฮาร์โมเทียร์เดินเข้าไปเปลื่ยนเสื้อผ้าในกระโจม เขามองไปรอบๆกระโจมพบว่ามีเด็กที่ต้องเข้ารับการทำนายนอกจากเขาก็มีราวๆ3คน  แต่ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสนใจนักหรอก

     เขาเดินออกมาจากกระโจม เด็กที่รับการพยากรณ์คนแรกเป็นเด็กสาวผมสีแดงสด

    นักปราชญ์เดินออกมาด้วยท่าทางอาวุโสน่าเลื่อมใส เขาหยิบคทากวนน้ำศักดิ์สิทธิ์

    แล้วเจิ่มกลางหน้าผากของเด็กสาว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนกับเด็กสาวว่า

    เมื่อยามกาลเวลาผ่านไป เจ้าจักได้กวัดแกว่งดาบสีเพลิงศาในสนามรบอันศักดิ์

    แล้วได้เป็นแม่ทัพผู้ทรงเกียรติ์ในเวลาต่อมา

    สิ้นเมื่อ เด็กสาวก้าวลงมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  แล้วเขาก็ทำนายไปเรื่อยๆ จนกระทั้งถึงตาของเขา   เขาเดินขึ้นไปด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย เมื่อนักปราชญ์ นำคทาเจิมกลางหน้าผาก

    หักจากนั้น สีหน้าของนักปราชญ์ก็หม่นลง ก็เอ่ยอีกว่า

    ข้าไม่เห็นสิ่งใดเลย

    พวกชาวบ้านผากันแปลกใจ ก่อนนักปราชญ์ผู้นี้จะเป็นลมล้มพับไป เขาเดินกลับบ้าน เขานึกเสียว่าจะมีงานฉลองถึงได้ไง แต่ งานกลับล่มด้วยฝีมือเขาเสียเอง

    ทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาจากด้านหลังอันแสนคุ้นเคย เขารีบวิ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว

    กลับมาแล้วหรือ ฮาร์โมเทียร์

    พี่ชายพูดพลางลูบหัวน้องตนด้วยสีหน้าอ่อนโยน

    ครับ

    ฮาร์โมเทียร์ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม   จนผ่านไปซักพัก พี่ชายก็ถามอีกประโยคว่า

    มีอะไรแปลกๆไหมตอนที่พี่ไม่อยู่ 

    ฮาร์โมเทียร์ทำหน้างงงวยเล็กน้อยเพราะปกติ พี่ซาเลเทีย แทบจะไม่เคยถามสรทุกข์สุขดิบของเขาอยู่เสียแล้ว

    ไม่มีครับ 

    ฮาร์โมเทียร์ตอบไปแบบนั้นเพราะไม่ต้องการให้พี่ชายของตนกังวล จนดวงดาวดับแสงไปเสีย ท้องฟ้าก็มือขึ้นโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ไม่แสงจันทร์เช่นนี้

    ซาเลเทียเดินนำน้องชายของตนเข้าไปในคฤหาสน์ เขาเดินไปหยิบตะเกียงออกมาเพราะคนรับใช้ไม่อยู่ในบ้านแม้นแต่คนเดียว

    เขาหยิบตะเกียงส่องลงไป   เมื่อเขาเห็นน้องชายของตนตะเกียงน้ำมันที่อยู่ในมือ

    ก็ตกลงสู่พื้นในทันใด.........

     


    cinna
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×