คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่5 สถานะที่เปลี่ยนไป
ฤดูฝนปีนี้ของสีฝุ่นไม่เลวร้ายเหมือนทุกปีเมื่อมีอชิระคอยอยู่ข้างกาย ปลอบใจยามหวาดกลัว มันจึงเป็นฤดูฝนที่ดีที่สุดในชีวิตของสีฝุ่นเลยก็ว่าได้
ต่อให้ฤดูฝนจะวนมากี่ครั้งสีฝุ่นก็จะไม่กังวลถ้าเขามีพี่อชิอยู่ด้วย
วันเหงา ๆ ในมหาวิทยาลัยของสีฝุ่นเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อตอนนี้พวกพี่อชิรับเขาเข้ากลุ่ม แม้จะยังมีสายตาหลายคู่มองมาแต่คำพูดดูถูกไม่มีอีกแล้ว เขาจึงไม่รู้สึกแย่
หลังจากเลิกคราสช่วงเช้าจึงเดินมาที่โรงอาหารของคณะวิศวะ สีฝุ่นมาที่นี่เป็นประจำ เพื่อกินข้าวกับพี่อชิ แต่ทันทีที่มาถึงโรงอาหารก็ต้องพบกับภาพบาดตาบาดใจเมื่อพี่อชิกำลังนั่งคุยกับผู้ชายอีกคน ใครคนนั้นเขาไม่รู้จัก ไม่เเคยเห็นหน้ามาก่อน
สีฝุ่นหยุดยืนนิ่งกับที่ ไม่รู้ว่าควรเดินเข้าไปทักไหม จะเป็นการขัดจังหวะหรือเปล่า
นอกจากนี้เขายังไม่ชอบ ไม่ชอบที่เห็นพี่อชิไปสนิทกับคนอื่น
สีฝุ่นเม้มปากแน่น เขากำลังทำตัวนิสัยไม่ดี เขาไม่ชอบเอาเสียเลย
“อ้าวฝุ่น มานี่มานี่ พี่จะพาไปต่อคิวซื้อไก่ทอด” เจ้าทัพที่เพิ่งเดินมาถึงเห็นสีฝุ่นเข้าพอดีจึงรีบกวักมือเรียก
“ครับ” สีฝุ่นรับคำ เดินไปหาเจ้าทัพโดยมีสายตาของอชิมองตาม
“สีฝุ่นอยากกินอะไร” เจ้าทัพเดินตรงมากอดคอรุ่นน้องต่างคณะ
“ยังไม่ได้คิดไว้เลยครับ”
“ไก่ทอดเหมือนพวกพี่ไหม เดี๋ยวพี่ต้องสั่งให้ไอ้สองตัวนั้นด้วยมันใช้พี่มาต่อคิวแทน”
“กินไก่ทอดก็ได้ครับ”
“ฮ่า ๆ เดี๋ยวพี่เลี้ยง”
ทั้งสองเดินไปต่อคิวพร้อมกันก่อนสีฝุ่นจะแยกออกไปสั่งเครื่องดื่มโดยมีเจ้าทัพต่อคิวร้านไก่ทอด เมื่อได้แก้วน้ำแดงกับขวดน้ำเปล่าจึงเดินกลับไปตั้งไว้บนโต๊ะโดยมีพี่อชินั่งคุยกับใครอยู่ตรงนั้น
“น้ำแดงพี่เจ้าทัพกับน้ำของผมครับ” สีฝุ่นวางแก้วเครื่องดื่มลง ก้มหน้าหลบสายตาอชิ จากนั้นจึงเดินกลับไปหาเจ้าทัพ
สีฝุ่นยืนรอเจ้าทัพอยู่แถวนั้น มีบ้างที่หันมองกลับไปที่โต๊ะ รู้สึกวูบโหวงไปอีกเมื่อพี่อชิยิ้มหัวเราะกับใครคนนั้น ดูมีความสุขทีเดียว
เขาไม่เข้าใจความรู้สึกตนเองเสียเท่าไร รู้เพียงว่าไม่ชอบ
เมื่อได้ไก่ทอดแล้วสีฝุ่นจึงตรงไปช่วยเจ้าทัพถือ ระหว่างเดินกลับไปที่โต๊ะจึงเอ่ยถามคำถามที่ตนเองสงสัย
“ผู้ชายที่นั่งคุยกับพี่อชิเป็นใครเหรอครับ”
“เป็นลูกเพื่อนแม่มันน่ะ”
สีฝุ่นหายข้องใจ เขาพยักหน้ารับ
ถ้าเป็นลูกเพื่อนแม่ก็ไม่แปลกที่จะสนิทกัน
วันนี้สีฝุ่นไม่ได้นั่งข้างอชิเมื่อมีคนอื่นจับจองพื้นที่ตรงนั้นแล้ว เขาจึงนั่งข้างพี่เจ้าทัพแทน ไม่นานรุ่นพี่อีกสองคนก็มาถึง
“โอ้ ไอ้เจ้าทัพสั่งไก่ทอดไว้รอกูด้วย ประทับใจว่ะ” พี่ณนนท์ยกมือขึ้นทาบอก
“เพื่อนประเสริฐ ตอนแรกกูก็ไม่คาดหวัง สั่งให้กูเฉย กูรักมึง” ว่าแล้วพี่คีรินก็ตรงมาจุ๊บแก้มพี่เจ้าทัพ ทำเขายิ้มตามได้ไม่ยาก
“ฮ่า ๆ พวกมึงโดนหลอกแล้ว จ่ายมาหนึ่งร้อย” คนที่เพิ่งถูกชมระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นอย่างชั่วร้าย
“เอ้า ! กูก็อุตส่าห์ซึ้งใจ”
“อย่าทำเป็นหวง จ่ายมา กูจะเอาไปซื้อไอติม”
“เออ”
สีฝุ่นนั่งกินข้าวพลางฟังพวกพี่พูดคุยกัน วันนี้พี่อชิไม่แม้แต่จะทักเขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทักอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน ต่างไปจากทุกวันจนเขารู้สึกแย่ และก็หลายครั้งทีเดียวที่เขาพยายามหักห้ามใจตนเองไม่ให้มองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ท้ายสุดก็ต้องมองจนได้เมื่อมีคนเอ่ยทัก
“สวัสดีสีฝุ่น”
“เอ่อ…สวัสดีครับ” สีฝุ่นตกใจเล็กน้อยที่คู่สนทนาของพี่อชิเอ่ยทัก
“เราชื่อมินนะเรียนอยู่ปีเดียวกับสีฝุ่น”
“ยินดีที่ได้รู้จัก” สีฝุ่นยิ้ม
“อืม ช่วงนี้คงได้เจอหน้าบ่อย เลยอยากทำความรู้จักไว้”
สีฝุ่นไม่ได้ตอบอะไร พยักหน้ารับ แต่หัวใจของเขากำลังรู้สึกเจ็บ ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมวันนี้พี่อชิถึงไม่คุยกับเขา เพราะมีมินหรือเปล่า เพราะมีใครคนนั้นคอยชวนคุยใช่ไหมเขาจึงถูกเมิน
เมื่อกินข้าวเสร็จพี่เจ้าทัพจึงไปซื้อไอศครีมมาแจกทุกคน รวมทั้งเขา สีฝุ่นรับไว้แต่ไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะด้วยเมื่อเขาไม่อยากทนมองภาพที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดี
สีฝุ่นเดินลงมาจากอาคารหลังเลิกคลาสบ่าย แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นรถของพี่อชิจอดอยู่หน้าคณะ พออีกฝ่ายเห็นเขาจึงเปิดประตูลงจากรถ
“พี่ไปส่ง” เมื่อมาหยุดตรงหน้าจึงเอ่ยความต้องการตัวเองออกมา
“เดี๋ยวผมกลับเองดีกว่าครับ ไม่อยากรบกวน”
“ไม่ได้รบกวน”
สีฝุ่นลังเล แต่ท้ายสุดก็ยอมเดินตามไปขึ้นรถ
เมื่อเข้ามานั่งในรถอชิจึงเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้น ทำเอาสีฝุ่นชะงักไป
“ขอโทษนะที่ตอนพักเที่ยงไม่ได้คุยด้วย”
สีฝุ่นมองสบตา
“ครับ” สีฝุ่นตอบกลับเพียงเท่านั้นเพราะไม่รู้ว่าเขาควรตอบว่าอย่างไร ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่พี่อชิไม่คุยกับเขาด้วย
“วันนี้ไปทำงานที่ร้านใช่ไหม”
“ครับ”
“อืม เดี๋ยวพี่แวะเข้าไป จะรอรับกลับด้วย”
“ไม่ต้องครับ ไม่ต้องรับกลับ” สีฝุ่นปฏิเสธ เขาเกรงใจ
“ไม่อยากกลับกับพี่เหรอ”
“ผมเลิกงานดึก พี่จะรอนานนะครับ”
“ไม่เป็นไร พี่รอได้” อชิหันมายิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่สีฝุ่นชอบ
วันนั้นอชิรอรับสีฝุ่นกลับห้องจริง และก็ไม่ใช่แค่วันนี้วันเดียว เขารอรับสีฝุ่นกลับห้องตลอดอาทิตย์
ทำหน้าที่ที่มากเกินกว่ารุ่นพี่หรือคนรู้จัก สีฝุ่นรับรู้ได้ แม้เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครแต่เขารู้ว่าสิ่งที่พี่อชิทำมันพิเศษมากกว่าสถานะระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง จนถึงวันหนึ่งที่มีคนมายุ่งกับสีฝุ่นที่ร้าน ทุกอย่างจึงชัดเจนขึ้น
“พนักงานน่ารักจัง ขอเบอร์ได้ไหมครับ” สีฝุ่นที่ยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะชะงักไป เขารีบนำอาหารในถาดมาวางบนโต๊ะ
“ไม่ได้ครับ”
“ทำไมเหรอ”
“ไม่สะดวกครับ”
“มีแฟนแล้ว ?”
“ครับ มีแล้ว” สีฝุ่นโกหก หลายครั้งที่เขาโดนลูกค้าในร้านขอเบอร์ แต่ก็จะนำเหตุผลนี้มาอ้างเสมอ
“แฟนไม่ได้มาด้วยนี่ ให้พี่ไว้ก็ไม่เสียหาย” แต่ดูแล้วเจ้าของโต๊ะจะไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ
“ไม่ได้จริง ๆ ครับ ขอตัวครับ” สีฝุ่นจะเดินกลับ หากแต่ถูกดึงชายผ้ากันเปื้อนไว้ ทำให้เขาไปไหนไม่ได้ จึงต้องหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่
“ให้มาก็จบแล้วไหมน้อง หรือจะให้พี่ไปแจ้งผู้จัดการร้าน ว่าพนักงานบริการไม่ดี” คนพูดแสดงสีหน้าไม่พอใจ คว้ามือสีฝุ่นไปจับไว้
“ปล่อยมือคนของฉัน” อชิลุกออกจากโต๊ะที่ใช้นั่งรอสีฝุ่น ไม่พอใจมาก ๆ ที่มือสกปรกนั่นมาแตะต้องตัวคนของเขา
“ทำไมต้องปล่อย เป็นอะไรกับพนักงานคนนี้” ฝั่งลูกค้าถามกลับไม่พอใจ
อชิชะงักไป มองสบตากับสีฝุ่น
“เป็นแฟน เป็นเจ้าของ ถ้ามีมารยาทก็ต้องรู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับคนของคนอื่น”
“เหอะ ปล่อยก็ได้ ผัวมาเฝ้าก็ไม่บอก”
เมื่อสีฝุ่นเป็นอิสระอชิจึงได้จูงมือออกไปจากจุดเดิม ไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าหัวใจของรุ่นน้องเต้นแรงมากแค่ไหน เมื่อได้ยินคำว่าแฟนหลุดออกมาจากปากอชิ ทั้งที่รู้ว่าเป็นการโกหกเพื่อช่วยเขาแต่สีฝุ่นรู้สึกดีกับมันมาก ๆ
“ขอบคุณครับ”
“อืม”
เมื่อถึงเวลาเลิกงานสีฝุ่นจึงรีบไปเก็บของเตรียมกลับห้อง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีคนเข้ามาทัก
“สงสัยมานานละว่าคนที่มานั่งรอสีฝุ่นเป็นใคร”
“ เป็นรุ่นพี่น่ะครับ”
“รุ่นพี่…ถามจริง คิดว่าเป็นคนรู้ใจเห็นมารอรับทุกวัน ปกติรุ่นพี่ไม่น่าทำแบบนี้นะ” เขามองพี่แนนที่ยักคิ้วกวน ไม่ได้ตอบอะไรกลับเพียงยิ้มให้
เมื่อขึ้นมานั่งบนรถก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่แปลกไปจากทุกวันเมื่อพี่อชิเอาแต่จ้องมองเขาไม่ยอมออกรถเสียที
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” สีฝุ่นเอ่ยถามด้วยความประหม่า ทำตัวไม่ถูกนักเมื่อถูกจ้องมองแบบนี้
“พี่ชอบสีฝุ่น”
“…” สีฝุ่นคล้ายเป็นใบ้ชั่วขณะ เขาไม่ได้เตรียมใจมารอฟังคำนี้จึงรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย
“ชอบมานานแล้ว ก่อนหน้าที่เราจะได้คุยกัน พี่พยายามรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะเข้าไปคุยกับสีฝุ่น ห่วงทุกครั้งที่เห็นว่าสีฝุ่นมีแผล แต่พี่มันขี้ขลาดเกินไปจึงไม่กล้าเข้ามาพูดคุย แย่กว่านั้นคือพี่ไม่ยอมบอกความในใจให้สีฝุ่นรับรู้ เป็นแฟนกับพี่ได้ไหม”
สีฝุ่นมองสบตากับคนที่สารภาพทุกอย่างออกมาหมดเปลือก ยิ่งได้ฟังยิ่งทำให้เขารู้สึกดี
ที่ผ่านมาสีฝุ่นไม่ได้นึกเข้าข้างตัวเอง พี่อชิรู้สึกกับเขาจริง ๆ แต่เขาคงเงียบนานไปหน่อยเมื่อคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับจัดการสตาร์ทรถกลับไปสนใจเส้นทางตรงหน้า
“ถ้าสีฝุ่นไม่ได้ชอบพี่ปฏิเสธมาได้เลยนะ”
“ผมชอบพี่ ชอบมาก ๆ” สีฝุ่นขยับเข้าไปกอดคนขับ “ขอบคุณนะครับที่ขอผมเป็นแฟน”
อชิหันมากอดตอบ เขายิ้มกว้าง ดีใจที่สีฝุ่นใจตรงกัน
ที่เขาตัดสินใจขอสีฝุ่นเป็นแฟนเพราะเรื่องในร้าน การที่มีคนมายุ่งกับอีกฝ่ายทำให้เขาไม่พอใจ แต่เขาไม่ได้เป็นแฟน ไม่สามารถที่จะพูดถึงสถานะของเราได้เต็มปาก ทำให้เขาไม่ชอบเอามาก ๆ
แต่ต่อแต่นี้ไปเขาสามารถพูดมันได้แล้วว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน
“ขอบคุณนะสีฝุ่น ขอบคุณที่ตอบรับ”
“ผมก็ขอบคุณพี่เหมือนกันนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาเป็นความโชคดีของผม”
ชีวิตของสีฝุ่นเจอความโชคดีไม่บ่อยนัก และอชิก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นความโชคดีที่ดีที่สุดในชีวิตของสีฝุ่น
ระหว่างทางอชิจับมือสีฝุ่นจนส่งถึงที่พัก แล้วก็ไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ แต่เพราะมันดึกแล้วสีฝุ่นควรได้พักผ่อนจึงยอมเอามือออก
“ฝันดีนะครับ ฝันถึงพี่ด้วย”
“ครับ ผมจะฝันถึงพี่” สีฝุ่นยิ้มเปิดประตูลงจากรถยืนส่งจนรถของอชิหายลับไปจากสายตาจึงได้เดินขึ้นห้อง
ก่อนไปเรียนสีฝุ่นจะออกไปซื้อกับข้าวมาไว้ให้แม่ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน เขาแกะต้มจืดกับผัดผักใส่ชาม ตักข้าวไปตั้งไว้ตรงหน้ามารดา
“วันนี้ฝุ่นไม่ได้ไปทำงาน เดี๋ยวตอนเย็นฝุ่นพาแม่ออกไปเดินเล่นนะครับ”
“จ้ะ ว่าแต่ใครมารับฝุ่นไปทำงานหรือ แม่เห็นเขามารับทุกวันเลย”
สีฝุ่นชะงัก มองสบตาผู้เป็นแม่ ในใจเกิดความลังเลคล้ายอยากปิดบัง แต่ก็เลือกที่จะปัดความคิดนั้นทิ้ง เอ่ยบอกความจริง
“ก่อนหน้านั้นเขาเป็นรุ่นพี่ของฝุ่นครับ นิสัยดีมาก ๆ เขาเข้ามาทำให้โลกของฝุ่นมีชีวิตชีวามากขึ้น”
คนฟังพยักหน้า เข้าใจแม้ลูกไม่ได้เอ่ยบอกสถานะ แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้
ช่วงเช้าสีฝุ่นไม่ได้เจออชิเพราะต่างคนต่างเรียน แต่พอถึงเวลาพักเที่ยงพี่อชิก็เดินมารับเขาถึงคณะ
“ไปกินข้าวข้างนอกไหม หรือสีฝุ่นอยากกินที่นี่”
“กินที่นี่ก็ได้นะครับ”
“อืม ไปที่โรงอาหารกัน พวกนั้นรออยู่” ว่าแล้วพี่อชิก็คว้ามือเขาไปจับ
สีฝุ่นหลุบตามอง เขากระชับมือให้แน่นขึ้น
เมื่อมาถึงโรงอาหารคณะวิศวะทุกคนบนโต๊ะดูแปลกใจเมื่อเห็นว่าพวกเราสองคนจับมือกัน ไม่สิอันที่จริงมีแค่พี่อชิเท่านั้นที่กุมมือเขาไว้ เพราะก่อนหน้านั้นสีฝุ่นได้เอามือออกแล้ว เพราะรู้สึกทำตัวไม่ถูก ยิ่งโดนจ้องแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่
“น้อย ๆ หน่อยไอ้หมา จับมือซะแน่นเชียว”
“ถ้าจะขนาดนี้มึงก็เปิดตัวเถอะว่ากำลังคบกัน”
“น่าหมั่นไส้”
“จูงมือมาขนาดนี้มึงคิดว่ากูนำทางสีฝุ่นมาหรือไง” อชิถามเพื่อนกลับสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ดูกวนประสาทอยู่ในที
“คบกันทีเอาให้รู้ทั้งมหาลัย”
สีฝุ่นที่ยืนฟังทำตัวไม่ถูกนัก เขาไม่มีความกล้าเงยหน้ามาสู้หน้าพวกพี่ด้วยซ้ำ จึงทำได้เพียงก้มลงมองพื้น เขินไปอีกเมื่อพี่อชิกระซิบข้างหู
“หูแดงหมดแล้ว อย่าเขินไปเลย เราคบกันอยู่”
ความคิดเห็น