ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปะป๊าอุ้มบุญ mpreg)

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่4 ต้องการ

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 66


    สีฝุ่นล้มตัวลงนอนบนฟูกข้างเตียง เขาขดตัวกอดตนเองไว้ภายใต้ความมืด

    ยามนี้สีฝุ่นไม่แแม้แต่จะหลับตาลงด้วยซ้ำ เมื่อภาพเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตย้อนกลับมา และเขาไม่เคยจะลืมมันได้ลง

    ค่ำคืนที่ฝนตกหนักเสียงฟ้าร้องดังกึงก้อง เกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันขึ้นในบ้านหลังเก่า ชายผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวทุ่มเก้าอี้ลงบนพื้น ตวาดลูกชายและภรรยาเสียงดังด้วยอาการหัวเสีย

    “เงินอยู่ไหน พวกมึงบอกกูมาว่าพวกมึงซ่อนเงินไว้ที่ไหน”

    “ไม่มี มึงเอาไปซื้อเหล้าหมดแล้วกูจะเอาเงินมาจากไหน”

    โกหก พวกมึงโกหก” ว่าแล้วก็เข้ามาเขย่าคนเป็นเมียอย่างบ้าคลั่งสีฝุ่นจึงได้ตรงมาผลักพ่ออกจากแม่ หากแต่ก็โดนเอาคืน เขาโดนผลักจนล้มลงกับพื้น ตามด้วยเก้าอี้ที่ถูกยกขึ้นสูงเตรียมฟาดลงมาที่เขา คนเป็นแม่เห็นอย่างนั้นมีหรือจะยอมให้ลูกเจ็บ เข้ามาขวางไว้จึงกลายเป็นคนถูกทำร้ายเสียเอง

    เก้าอี้ไม้ถูกฟาดใส่หญิงสาวไม่หยุด จนเลือดอาบตามร่างกาย แต่เธอก็ยังคงกอดสีฝุ่นไว้แน่นแม้คนเป็นลูกจะขัดขืนก็ตาม สีฝุ่นร้องไห้ปานจะขาดใจเมื่อเห็นเลือดที่ไหลเประตามร่างกายของผู้เป็นแม่ เขามันแย่ที่สุด ไม่สามารถช่วยมารดาได้เลยด้วยซ้ำ

    คืนฝนตกจึงเป็นคืนที่เลวร้ายสำหรับสีฝุ่น และตั้งแต่นั้นมาเขาก็กลายเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้อง เพราะมีภาพจำเลวร้ายฝังใจ

    นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองฝ่าความมืดไปอย่างไร้จุดโฟกัส มือเรียวเคลื่อนมากุมหน้าอกไว้เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของอชิยังหลงเหลือ แม้ตอนนั้นสติจะไม่เต็มร้อย แต่สัมผัสดังกล่าวยังติดตรึงใจสีฝุ่นไม่จาง มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาชอบมาก ๆ เมื่ออีกฝ่ายเป็นที่พักพิงให้เขาตอนกำลังแย่

    สีฝุ่นอยากขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เรารู้จักกัน

    ขอบคุณจริง ๆ

    วันนี้สีฝุ่นมีเรียนเช้าจึงรีบมาที่ห้องเรียน และก็เป็นอีกครั้งที่สีฝุ่นรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ สายตาหลายคู่มองมาที่สีฝุ่นอย่างหยามเหยียด

    เขาก้มหน้าหลบสายตาพวกนั้น เดินไปนั่งที่โต๊ะเรียน ก่อนเสียงของใครคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มจะดังขึ้น

    เมื่อวานสีฝุ่นไปทำอะไรกับพี่อชิบนรถเหรอ?“

    สีฝุ่นมองสบตาคนถาม

    “ไม่ได้ทำอะไร พี่อชิแค่จะไปส่งเรา“

    ”เหรอ แต่กว่าจะขับออกไปก็ตั้งนานเลยนะ อ่อยอะไรพี่เขาบ้างล่ะ”

    ”เราไม่ได้อ่อยเรากลัวเสียงฟ้าร้อง พี่อชิเลยพาไปหลบในรถ ไม่มีอะไรจริง ๆ” สีฝุ่นใช้เหตุผลปฏิเสธ แต่คนฟังเบ้ปากแสดงสีหน้าไม่พอใจ

    “กลัวอะไร อ่อยล่ะสิไม่ว่า เมื่อวานที่ฉันเห็นนะทำหน้าอย่างกะจะร้องไห้ ใครเห็นก็ต้องพาไปด้วยหมดนั่นล่ะทำแบบนั้น“

    ”แกเห็นจริงดิ“ อีกคนถามขึ้น

    ”ก็ใช่น่ะสิ เห็นเต็มสองตา“ หลังจากนั้นก็เริ่มคุยกันเสียงดัง โดยที่เพื่อนคนอื่นกำลังทยอยเข้ามาในห้องจึงกลายเป็นว่าตอนนี้สีฝุ่นกำลังถูกพูดถึง โดยที่เขาแย้งอะไรไม่ได้เลย ไม่สิ ไม่มีใครฟังเขาด้วยซ้ำ

    เมื่ออาจารย์มาถึงวงนินทาระยะเผาขนจึงได้เงียบลง แต่ความรู้สึกของสีฝุ่นถูกทำลายลงไปมากแล้ว ทุกคนเริ่มมองเขาแย่ มากไปกว่านั้นคือทุกคนบอกว่าเขาอ่อยพี่อชิทั้งที่ความจริงไม่ใกล้เคียง เขาไม่ได้อ่อย ไม่มีความคิดนั้นเลยด้วยซ้ำ

    สีฝุ่นเดินสะพายกระเป๋าลงมาจากห้องหลังเลิกคลาส เขายังตกเป็นที่พูดถึงของใครหลายคน แต่เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวพี่อชิที่มารอเห็นเขาก็ตรงเข้ามาหา สีฝุ่นควรดีใจ แต่ไม่เลยเขากวาดสายตามองรอบข้าง ซึ่งหลายคนกำลังมองมาทางนี้

    ”เป็นอะไร“

    “ไม่ได้เป็นอะไรครับ” สีฝุ่นยิ้ม

    “อืม ว่าแต่สีฝุ่นมีเรียนบ่ายไหม?

    “ไม่มีครับ ผมว่าจะกลับห้อง”

    “อย่าเพิ่งกลับ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ก่อน”

    “ครับ?”

    “ไปกินด้วยกัน ตามมาสิ”

    สีฝุ่นเดินตาม คราแรกเขาว่าจะกลับไปกินข้าวที่ห้องกับแม่ เพราะคงสบายใจกว่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาอยากกินข้าวกับพี่อชิ

    “สีฝุ่นอยากกินอะไร” อชิชวนพูดคุย

    “ยังไม่ได้คิดไว้เลยครับ”

    “เดี๋ยววันนี้พี่พาออกไปกินข้าวนอกมหาลัย” อชิหันมาบอก ขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของสีฝุ่น พอเห็นสายตาหลายคู่ที่มองมาก็พอเดาอะไรได้ลาง ๆ

    “แบบนั้นมัน…” สีฝุ่นเตรียมปฏิเสธ เมื่อคำพูดเมื่อช่วงเช้าย้อนมาให้นึกถึง

    “พี่ไม่อยากให้กินที่นี่ พี่เกลียดพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน” อชิตั้งใจพูดให้ใครหลายคนได้ยิน คนที่มองมาจึงได้พากันหลบสายตา

    “…” สีฝุ่นพลันเข้าใจ ไม่เอ่ยแย้งอะไรอีก

    สีฝุ่นเดินตามอชิขึ้นรถ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงร้านข้าวมันไก่ร้านดัง

    อชิเดินไปสั่งอาหารให้สีฝุ่นและตนเอง เมื่อกลับมาที่โต๊ะจึงเอ่ยถามคำถามที่สงสัย

    “วันนี้สีฝุ่นจะไปทำงานที่ร้านไหม?

    ถ้าฝนไม่ตกก็ไปครับ”

    อชิได้ฟังอดมองไปนอกร้านไม่ได้ ท้องฟ้าตอนนี้ไม่ได้สดใสมากนัก มีเมฆฝนลอยอยู่ประปราย เกรงว่าถ้าถึงยามเย็นฝนจะตกหนักเข้า

    “พี่ขอโทรศัพท์สีฝุ่นหน่อยสิ”

    “เอาไปทำอะไรครับ?”

    “แลกเบอร์กัน” อชิยิ้มให้ ไม่ได้เอ่ยเร่งเร้า จังหวะเดียวกันก็สังเกตได้ว่าสีฝุ่นมีความกังวล

    เขาสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยถาม

    “ผม… นี่โทรศัพท์ผมครับ” สีฝุ่นยอมยื่นโทรศัพท์เครื่องเก่าของตนเองให้ แม้พะวงเรื่องที่หลายคนมาขอเบอร์พี่อชิจากเขา เป็นเหตุให้เขาถูกมองว่าหยิ่งแต่มีไว้ก็อุ่นใจกว่า

    อชิรับโทรศัพท์มาถือไว้ จัดการบันทึกเบอร์ ในใจอยากซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้สีฝุ่นด้วยซ้ำ เพราะเครื่องที่ใช้ตกรุ่นไปนานแล้ว แต่เพราะสีฝุ่นไม่ได้ขอทั้งเรายังไม่สนิทกันถึงเพียงนั้นจึงได้พับเก็บความคิดนี้ลง

    “พี่บันทึกเบอร์พี่ไว้ว่าพี่ชายแสนดี โทรมาได้ตลอดนะ ไม่ต้องกลัวรบกวน”

    “ครับ” สีฝุ่นรับโทรศัพท์มาถือไว้ สงสัยเรื่องชื่อตัวเองที่พี่อชิเมมไว้เหมือนกันแต่ไม่ได้ถาม

    หลังจากนั้นทั้งสองนั่งกินข้าวด้วยกัน ก่อนอชิจะไปส่งสีฝุ่นที่ห้อง

    ช่วงเย็นเกิดฝนตกสีฝุ่นจึงไม่ได้ไปทำงาน โชคดีที่เจ้าของร้านเข้าใจจึงไม่ได้ตำหนิ อนุญาตให้เขาลาได้ถ้าวันไหนฝนตก สีฝุ่นจึงคิดว่าตนเองโชคดีมาก ๆ ที่ได้ทำงานที่นี่

    เวลาไร่เรี่ยกันพี่อชิก็ทักข้อความมาไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง โชคดีที่ว่าวันนี้ฝนตกไม่หนัก อาการเขาจึงไม่ได้แย่มาก แต่ท้ายสุดก็ยังทรมานอยู่ดี

    สีฝุ่นมาที่คณะ เขาเห็นว่ากลุ่มพี่อชิยืนรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสี่ตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน ด้วยว่าหน้าตาที่หล่อเหลาหรือเพราะเป็นคนดังของมอจึงไม่แปลกเลยที่ใครหลายคนจะให้ความสนใจ

    สีฝุ่นไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปหา เป็นอีกครั้งที่เขากลัว

    อชิกับสีฝุ่นมองสบตากัน หนุ่มรุ่นพี่หันไปคุยกับเพื่อนก่อนเดินมาหา

    “สีฝุ่นกินข้าวมาหรือยัง”

    “กินแล้วครับ” สีฝุ่นตอบคำถามคนตรงหน้า

    “อือ ว่าแต่วันนี้มีเรียนเช้าหรือเปล่า?

    “มีเรียนเก้าโมงครับ”

    “ไว้วันนี้ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันอีก”

    “กินข้าวเที่ยงด้วยกันทุกวันไม่เบื่อเหรอครับ?”

    “ไม่เบื่อ พี่อยากกินข้าวกับสีฝุ่นทุกวัน ทุกเวลา” อชิยิ้ม ที่พูดมาคือความจริง ทำเอารุ่นน้องทำตัวไม่ถูก เขาเกาแก้มหลบสายตา รู้สึกราวกับว่ากำลังโดนจีบ

    “ไม่เชื่อเหรอ” อชิเห็นท่าทางของคนตรงหน้ายิ้มขบขัน

    “ชะ เชื่อครับ” สีฝุ่นตอบไม่เต็มเสียงนัก

    ”หึ น่าเอ็นดูจัง” ว่าแล้วก็วางมือลงบนผม ขยี้เบา ๆ แต่ก็ต้องถูกขัดจังหวะโดยสามหนุ่มที่ยืนมอง พวกเขานึกสนุกอยากแหย่อชิเล่นจึงเบียดมันออก แล้วรุมวางมือบนผมสีฝุ่น ก่อนโดนถีบเรียงตัว

    “รุนแรงนะมึง!”

    “พวกกูก็เอ็นดูสีฝุ่นไหมวะ จับนิดจับหน่อยทำเป็นโกรธ”

    “หวงทำไม?”

    “หลบไปไกล ๆ ตีน” อชิด่าเรียงตัว แต่มีหรือเพื่อนจะพากันสลด ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ล้อเลียน

    สีฝุ่นที่ยืนมองทำตัวไม่ถูกนัก ใจเต้นไปอีกเมื่อพี่อชิมองมา

    “อย่าใส่ใจพวกมันมาก ไร้สาระทุกตัว”

    “เอ่อ…ครับ”

    ทุกวันสีฝุ่นจะแวะไปกินข้าวเที่ยงกับอชิที่โรงอาหารคณะวิศวะ การได้รู้จักกับรุ่นพี่และเพื่อนของพี่เขาถือเป็นเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตของสีฝุ่น สีฝุ่นมีรอยยิ้มจากที่ไม่เคยมี มีเสียงหัวเราะสนุกไปกับทุกคน ทั้งนี้ระยะห่างของสีฝุ่นกับอชิระกำลังลดน้อยลง พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้น สนิทกันมากกว่าเดิม พิเศษกว่านั้นคือสีฝุ่นคิดว่าตนเองกำลังชอบอชิ

    ที่ร้านนั่งชิลเต็มไปด้วยลูกค้ามากหน้าหลายตา สีฝุ่นเดินเสิร์ฟอาหารให้วุ่น ก่อนยิ้มกว้างเมื่ออชิมาที่ร้าน ทั้งสี่นั่งโต๊ะเดิม เขาจึงได้เดินไปหา

    “สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ”

    “สวัสดีครับ ทำไมพนักงานรับออเดอร์ร้านนี้น่ารัก โอ๊ย เหยียบตีนกูทำไมวะ!” เจ้าทัพหันไปโวยวายใส่อชิที่นั่งทำหน้าตายอยู่ข้างกาย เมื่อครู่ชายหนุ่มเพิ่งโดนเพื่อนเหยียบเท้าไป สาเหตุก็คงไม่พ้นชมคนของมันว่าน่ารัก

    “เอาไก่ทอดชุดหนึ่ง เอาเอ็นข้อไก่ด้วยนะ” ณนนท์เอ่ยขัดขึ้น

    “เอายำวุ้นเส้นให้พี่ด้วย”

    สีฝุ่นก้มจดเมนูตามที่ทุกคนสั่งโดยมีสายตาของอชิคอยจ้องมอง

    “เอาอะไรอีกไหมวะ”

    “สั่งเครื่องดื่มมึนเมากับเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบจะผิดกฏหมายไหม?”

    “สั่งได้ครับ” สีฝุ่นยิ้มขัน

    หลังจากนั้นทุกคนบนโต๊ะจึงได้สั่งเครื่องดื่มมาเพิ่ม โดยมีอชิสั่งเครื่องดื่มต่างไปจากทุกคน

    “ของพี่เอาน้ำส้ม”

    “ครับ รอสักครู่นะครับ”

    อาหารที่สั่งถูกยกมาเสิร์ฟในเวลาต่อมา จังหวะเดียวกันฟ้าฝนก็ดูจะไม่เป็นใจเมื่อจู่ ๆ ฟ้าก็ร้องดัง ฟ้าแลบจนเกิดประกายสว่าง

    หัวใจของสีฝุ่นเต้นไม่เป็นจังหวะ มือที่ถือแก้วน้ำส้มคั้นสั่นจนอชิสังเกตเห็น

    เขาคว้าแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มจนหมด โดยมีสายตาของสีฝุ่นจ้องมอง

    “ฝนจะตกแล้ว สีฝุ่นกลับเลยได้ไหม?”

    “ได้ครับ” สีฝุ่นพยักหน้า เตรียมเดินกลับไปบอกผู้จัดการแต่ก็ต้องชะงักเมื่ออชิจับข้อมือไว้

    “พี่ไปส่ง ถ้าไปบอกคนในร้านแล้วกลับมาหาพี่ที่โต๊ะ”

    สีฝุ่นพยักหน้าเดินจากไป

    “มึงจะไปส่งน้องใช่ไหม?” เจ้าทัพถามขึ้น มองตามหลังสีฝุ่นจนร่างนั้นหายลับไปจากสายตา

    “ใช่ กูจะไปส่งสีฝุ่น”

    “ดีแล้ว เมื่อกี้กูเห็นว่าน้องสั่นอาการน้องดูหนักนะ มีเรื่องฝังใจแน่เลยกูว่า”

    “กูก็คิดเหมือนมึง” ณนนท์เสริม

    อชิเห็นด้วย แต่เขาไม่ได้พูดอะไร

    นั่งรอสักพักสีฝุ่นจึงเดินสะพายกระเป๋าออกมา อชิรีบตรงเข้าไปหา

    “พี่ขอจับมือได้ไหม?”

    สีฝุ่นมองสบตาคนขอ ยอมยื่นมือให้จับ

    อชิจูงมือสีฝุ่นเดินไปที่รถ ความอบอุ่นจากฝ่ามือถูกส่งผ่านไปถึงหัวใจ เขากระชับมือให้แน่นขึ้น เป็นไปได้ก็อยากจับไว้นาน ๆ เพราะมันรู้สึกดีเหลือเกิน

    เข้ามานั่งในรถได้ไม่ทันไรเม็ดฝนห่าใหญ่ก็กระหน่ำลงมา แต่มันไม่น่าตกใจเท่าเสียงฟ้าผ่าที่ดังใกล้จนพื้นสั่นสะเทือน สีฝุ่นยกมือขึ้นปิดหู สะอื้นไห้อีกครั้ง

    เขากลัวอีกแล้ว อาการแน่นหน้าอกเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาหายใจไม่ออก มันทรมาน

    เขาอยากหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ เขาไม่อยากเป็นคนที่กลัวเสียงฟ้าร้อง

    “ฮึก ฮือ ผมกลัว”

    อชิขยับเข้ามากอดสีฝุ่น หวังเพียงว่าไออุ่นจากตนเองจะสามารถช่วยได้ อย่างน้อยสีฝุ่นก็ไม่รู้สึกอ้างว้าง

    “พี่อยู่ตรงนี้ อยู่ข้าง ๆ สีฝุ่น ไม่มีอะไรมาทำอันตรายสีฝุ่นได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกลัวนะ” อชิกอดคนที่กำลังตัวสั่นเทาอย่างหวาดกลัว ไม่ต่างจากสีฝุ่นที่กอดเขากลับเหมือนกัน

    ตอนนี้อชิกลายเป็นคนสำคัญของสีฝุ่นไปแล้ว มีอิธิพลกับหัวใจของสีฝุ่น หรือง่าย ๆ คือเขาคือโลกทั้งใบ โลกทั้งใบที่สีฝุ่นจะรักษาไว้ คาดหวังให้โลกใบนี้อยู่กับเขาตลอดไปและไม่ว่าฤดูฝนจะวนกลับมาอีกกี่ครั้งเขาก็จะไม่อ้างว้างอีก แต่จะว่าไปสถานะพวกเขาก็แค่รุ่นพี่รุ่นน้อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×