คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3 อ้อมกอดแสนอบอุ่น
ชีวิตของสีฝุ่นเปลี่ยนไปตั้งแต่ได้รู้จักอชิ จากที่ไม่เคยถูกห่วงใยเขากลับถูกห่วงใย จากที่ต้องนั่งกินข้าวคนเดียวกลับมีเพื่อนนั่งร่วมโต๊ะ ทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในขณะที่พี่อชิเป็นเรื่องราวดี ๆ ในชีวิต อีกฝ่ายกลับนำเรื่องแย่ ๆ เข้ามาในชีวิตเขาเช่นเดียวกัน
เขาจากที่เป็นเศษฝุ่นที่ไม่มีใครสนใจเริ่มมีคนเข้าหา แต่มันไม่น่ายินดีสักนิดเมื่อการเข้าหาของใครหลายคนล้วนหวังผลประโยชน์จากเขา พอเขาปฏิเสธไม่ทำตามที่คนอื่นต้องการ เขากลับกลายเป็นคนนิสัยไม่ดี หยิ่ง ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เขาอยากรู้จัก อยากพูดคุย ถ้ามันไม่มีเรื่องของพี่อชิมาเกี่ยวด้วยเขาก็ยินดีที่จะตอบทุกคำถาม
หลายคนคิดว่าเขาสนิทกับพี่อชิ รู้จักอีกฝ่าย
แต่ความจริงไม่เลย เขารู้จักใครคนนั้นเพียงผิวเผิน แม้แต่เบอร์ติดต่อยังไม่มี มากกว่านั้นคือพวกเราเพิ่งได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่วัน เขาจะไปรู้ลึกขนาดนั้นได้อย่างไร
สีฝุ่นเดินถือถุงหมูปิ้งมาหาเจ้าด่าง เพราะเขาไม่อยากเจอใคร เมื่อการเข้าหาของใครหลายคนทำให้เขาไม่สบายใจ บางทีการอยู่เงียบ ๆ คนเดียวก็ดีกว่า
สีฝุ่นนั่งลงบนพื้นหญ้า เจ้าด่างที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วจึงได้เดินเข้ามาหา จมูกดมฟุดฟิดแถวมือสีฝุ่น เมื่อมันได้กลิ่นหมูปิ้งของโปรด
“หิวใช่ไหม”
งิ้ง ๆ
สีฝุ่นยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงตอบรับ เขาจัดการขย้ำข้าวเหนียวกับหมูปิ้งเข้าด้วยกัน จากนั้นจึงวางลงบนถุงให้มันได้กิน
“อยู่กับเจ้าด่างเราสบายใจกว่าอยู่กับเพื่อนคนอื่นอีก” สีฝุ่นกล่าวตามที่คิด ”อยู่เงียบ ๆ ฟังเสียงเจ้าด่างก็มีความสุขดีนะ เราชอบ” สีฝุ่นนั่งพูดคนเดียว และสิ่งที่เขากล่าวมาคือความในใจของเขาทั้งหมด แต่ประโยคสุดท้ายดูจะไม่ถูกใจคนที่เพิ่งมาถึงและได้ยินเข้าพอดี
“แต่เป็นเศษฝุ่นที่ไม่มีใครมองเห็นมันดีกว่า”
“อย่าพูดอย่างนั้น”
สีฝุ่นหันมองต้นเสียง เขาตกใจเล็กน้อยที่เห็นพี่อชิอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดไปแล้วใช่ไหม?
“ผม …” สีฝุ่นอยากแย้ง แต่ก็พูดอะไรไม่ออก จนกระทั่งคนโตกว่าทิ้งกายนั่งลงข้างเขา
“สีฝุ่นเป็นสีฝุ่น ไม่ใช่เศษฝุ่นสักหน่อย อีกอย่างพี่มองเห็นเรานะ เห็นมาตลอด”
สีฝุ่นมองสบตา ในนั้นมีเพียงความจริงใจไม่มีแววล้อเล่น
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่มองเห็น”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
อชิพอทราบถึงสาเหตุที่ทำให้สีฝุ่นรู้สึกอย่างนั้น ต้นเหตุคงเกิดจากเขาที่เข้าไปยุ่งกับอีกฝ่าย ก่อนหน้านั้นก็เพิ่งได้ยินคำถามจากเพื่อนผู้หญิง ว่าเขาไปสนิทกับเด็กปีหนึ่งได้อย่างไร พร้อมคำพูดเชิงดูถูกของใครหลายคน แต่ก็ได้ตอกกลับไปแล้วเหมือนกันว่ามายุ่งด้วยทำไม
“ที่พี่เข้ามาคุยด้วยทำให้สีฝุ่นอึดอัดหรือเปล่า?”
“ไม่ครับ ไม่อึดอัด” สีฝุ่นรีบตอบ
“แต่คนอื่นทำให้สีฝุ่นอึดอัดใช่ไหม” อชิระยิงคำถามตรงเป้า ทำเอาคนข้างกายชะงัก ยอมพยักหน้าเมื่อมันคือความจริง
“สีฝุ่นไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจคำพูดพวกนั้นเลยนะ อย่าเอาคำพูดหรือความคิดคนอื่นมาทำให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ลงสิ”
“พี่รู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะให้ไม่ใส่ใจ แต่เขาไม่ได้รู้ไปกับเราสักหน่อย เขาก็แค่คนนอก เราสองคนต่างหากที่รู้จักกัน”
สีฝุ่นนั่งฟัง และเขาเข้าใจ
คนเรามีปาก อยากพูดอะไรก็พูด เพราะบางคนไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือปลอม อีกอย่างเขาไม่สามารถห้ามให้ใครหลายคนหยุดพูดถึงเขาได้
อชิระที่เห็นสีฝุนนิ่งไปเปลี่ยนเรื่องคุย
“วันนี้พี่ขอไปนั่งกินข้าวด้วยได้ไหม”
“ได้ครับ” สีฝุ่นลังเลในตอนแรก แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาชอบเวลาพี่อชินั่งร่วมโต๊ะด้วยจึงตอบตกลง
“ถ้าอย่างนั้นพี่มานั่งด้วยทุกวันเลยนะ”
สีฝุ่นพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขากำลังมีความสุข
ทั้งสองแยกกันกลับคณะเมื่อถึงเวลาเข้าเรียน เป็นอีกครั้งที่สีฝุ่นถูกใครหลายคนในห้องมอง เขาไม่ชอบสายตาพวกนั้น แต่เพราะยังจำประโยคที่ตนเองพูดกับพี่อชิได้จึงตั้งหน้าตั้งตาฟังสิ่งสำคัญที่อาจารย์บรรยาย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสนใจใครอีก
พอสีฝุ่นไม่สนใจ ทุกการจ้องมองหรือคำพูดก็ไม่มีผลต่อเขา
หลังเลิกคราสสีฝุ่นจึงได้เดินมาที่โรงอาหารคณะวิศวะ เขาเลือกนั่งโต๊ะว่าง ระหว่างนี้ก็กวาดสายตามองหาเมนูที่ตนเองอยากกิน ก่อนชะงักไปเมื่อมีกระเป๋าสะพายหนึ่งใบวางลงบนโต๊ะ
สีฝุ่นมองเจ้าของกระเป๋าด้วยอาการประหม่า แต่พอมองสังเกตดี ๆ จึงได้คลายความกังวลลง เพราะเขาเคยเห็นผู้ชายคนนี้ไปไหนมาไหนกับพี่อชิอยู่บ่อยครั้ง
“อชิยังไม่ลงมา รอมันก่อนนะ พี่ชื่อเจ้าทัพ แนะนำตัวไว้ก่อน” ว่าแล้วก็ขยับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามออกทิ้งกายนั่งลง
“สีฝุ่นครับ” สีฝุ่นบอกชื่อตนเองบ้าง เขาทำตัวไม่ค่อยถูกนักนึกกลัวไปอีกว่าเพื่อนพี่อชิอาจไม่ชอบเขา
“ชื่อน่ารักดี ว่าแต่มากินอาหารคณะวิศวะบ่อยไหม”
“บ่อยครับ” สีฝุ่นเกาท้ายทอย เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกชมว่าชื่อน่ารัก
“อาหารอร่อยใช่ไหมล่ะ ไก่ทอดที่นี่โคตรเด็ดบอกเลย พี่นี่กินเป็นประจำ” เจ้าทัพชวนคุย แม้คู่สนทนาจะถามคำตอบคำก็ตาม
“อ๋อครับ”
“นี่ ๆ บะหมี่หมูแดงร้านเจ้ไก่ก็อร่อยนะ ร้องชิมๆ
“ไว้จะลองนะครับ“
สีฝุ่นจากที่รู้สึกเกร็งในตอนแรกเริ่มผ่อนคลาย กล้าที่จะพูดคุยมากขึ้น
ไม่นานอชิก็เดินมาถึงโรงอาหาร เขาตรงมานั่งข้างสีฝุ่น จ้องมองเพื่อนในกลุ่มด้วยสายตาไม่ชอบใจ
“มันพูดมากหรือเปล่า”
“ไม่นะครับ พี่เจ้าทัพชวนคุยสนุกดี” สีฝุ่นตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวของพี่อชิดูตึงเครียดแปลก ๆ
“ฮ่า ๆ กูมีเรื่องให้ล้อคนขี้เก๊กแล้ว”
สีฝุ่นสงสัยไปอีกเมื่อได้ยินเจ้าทัพพูดอย่างนั้น ก่อนเริ่มเข้าใจเมื่อพี่อชิถามคำถามหนึ่งขึ้น
“พี่กับมัน ใครชวนคุยสนุกกว่ากัน”
“ก็ต้องพี่อชิอยู่แล้วสิครับ” สีฝุ่นไม่ได้เอ่ยเอาใจ แต่มันคือความจริง
“อืม อยากกินอะไร” บรรยากาศรอบตัวผ่อนคลายลงเอ่ยถามความเห็นคนข้างกาย
“ยังคิดไม่ออกเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเดินไปเลือกพร้อมกัน” อชิเอ่ยชวน
“ครับ”
ทั้งสองลุกออกจากโต๊ะพร้อมกัน โดยมีสายตาของเจ้าทัพมองตามหลัง
เมื่อกลับมาที่โต๊ะสีฝุ่นจึงเห็นว่ามีคนมาเพิ่มถึงสองคนเป็นเพื่อนของพี่อชิอีกตามเคย
ตลอดการรับประทานอาหารสีฝุ่นมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลา บางครั้งเขาก็หัวเราะไปกับพวกพี่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องตลก ไม่ทันสังเกตุด้วยซ้ำว่าท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเปลี่ยนสี จากที่เมื่อครู่ท้องฟ้าสว่างสไวจากแสงแดดกลับมืดครึ้มเมื่อโดนก้อนเมฆบดบัง
“เมื่อวานกินปลาดิบไป ไม่รู้ว่าไอ้นนท์ใส่วาซาบิ อื้อหือเต็มคำ น้ำตาร่วงอะบอกเลย จี๊ดถึงสมอง”
“โง่ไม่ดูเอง”
“กูหิวไง มึงก็รู้ว่ากูไม่กินใส่มาเพื่อ?”
“มึงไม่ได้แดกคนเดียวไหมล่ะ”
“พวกนี้พูดจาหยาบคาย อย่าไปฟังมันมาก” เสียงพี่อชิดังขัดขึ้น
“โอ๊ะ ลืมไปว่ามีเด็กนั่งด้วย” คีรินอุทานขึ้น
“เฮ้ยพวกมึงสุภาพหน่อย”
“เมื่อวานกระผมโมโหคุณเพื่อนมากนะครับบอกเลย”
“อย่าพูดแบบนี้ ขนลุก” หลังจากนั้นทุกคนบนโต๊ะก็หลุดหัวเราะออกมารวมทั้งสีฝุ่น
“พูดได้ครับ ผมฟังคำหยาบได้ ไม่ได้เด็กขนาดนั้น” สีฝุ่นแก้ไขความเข้าใจผิดของทุกคนบนโต๊ะ
แม้สีฝุ่นจะเอ่ยอย่างนั้นทุกคนก็ยังเลี่ยงคำหยาบอยู่ดี ก่อนสีฝุ่นจะนิ่งไปเมื่อมองออกไปด้านนอกโรงอาหาร ความกังวลก่อเกิดขึ้นในใจ
“เมื่อเช้ายังแดดอยู่เลย บ่ายมาฝนจะตกซะละ”
“หน้าฝนก็งี้ เชื่อใจอะไรได้บ้าง”
“กูเกลียดสุดละถ้าฝนตก รถติดยาวเป็นหางว่าวกูบอกเลย”
สีฝุ่นเห็นด้วย เพราะเขาก็เกลียดฤดูฝน เกลียดมาก ๆ แย่ไปกว่านั้นคือเขามีเรียนบ่าย ถ้าฝนตกมาจริง ๆ จะทำอย่างไรต่อ
สีฝุ่นกังวล ความรู้สึกฉายชัดผ่านทางสีหน้าที่บิดเบี้ยวราวกับคนคิดไม่ตก
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” สีฝุ่นแทรกขึ้น ถือชามบะหมี่ไปเก็บ
อชิมองตามหลัง เขาลุกตาม นึกสงสัยเพราะเมื่อครู่สีฝุ่นดูแปลกไป
สีฝุ่นออกมาจากโรงอาหาร เขากระชับสายกระเป๋าแน่นกำลังจะเดินกลับคณะ หากแต่ท้องฟ้าก็ส่งเสียงคำรามขึ้นทำสีฝุ่นสะดุ้งเฮือก เขาหยุดยืนนิ่งเมื่อความทรงจำเลวร้ายย้อนกลับมาให้นึกถึง อาการใจสั่นและแน่นหน้าอกก็เริ่มเข้ามาจู่โจม
สีฝุ่นเตรียมหาที่หลบ แต่ฟ้าเจ้ากรรมก็ขยันร้องคำราม อาการที่เป็นอยู่ตอนนี้เริ่มทำให้เขาทรมาน
สีฝุ่นสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนสัมผัส พอหันมองจึงทำให้เขาเบาใจลง
“สีฝุ่นเป็นอะไร”
“ผม …อึก”
อชิเข้าใจโดยที่สีฝุ่นยังไม่ตอบคำถาม เมื่อหยาดฝนเทกระหน่ำลงมา ซ้ำร้ายฟ้ายังร้องดังลั่น สีฝุ่นตอนนี้ดูทรมานอชิจึงได้จูงมืออีกฝ่ายเดินไปที่รถ มือเรียวชื้นไปด้วยเหงื่อ
แม้เข้ามานั่งในรถอาการของสีฝุ่นก็ไม่ได้ดีขึ้น อชิจึงได้เปิดเพลงดัง ๆ เพื่อไม่ให้สีฝุ่นได้ยินเสียงฝนและฟ้าร้อง แต่ก็ดูจะช่วยได้ไม่มากเมื่อสีฝุ่นยังร้องไห้ สีหน้าฉายชัดถึงความกลัว
“ผม ฮึกไม่ชอบ”
“พี่ช่วยอะไรได้บ้างไหม”
สีฝุ่นไม่ตอบ ไม่สิ ไม่มีสติมากพอด้วยซ้ำ อชิเห็นอย่างนั้นจึงขยับเข้ามากอด โดยที่ใบหน้าเรียวซบอยู่ที่อก
พอเข้าใกล้แบบนี้ยิ่งรับรู้ได้ว่าสีฝุ่นตัวสั่นมากแค่ไหน
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่ตรงนี้”
“ฮึก ผม เขาทำร้ายผม”
อชิขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังอย่างนั้น
“ไม่มีใครมาทำร้ายสีฝุ่นทั้งนั้น พี่อยู่ตรงนี้ สีฝุ่นใจเย็น ๆ นะ” อชิปลอบ รับรู้ได้ถึงแรงขยำที่เสื้อ
“ฮึก ผมกลัว”
“พี่อยู่ตรงนี้”
“…”
“ไม่เป็นไร ไม่มีอันตรายอะไรหรอก สีฝุ่นอยู่กับพี่ปลอดภัยแน่นอน เชื่อใจพี่นะ” อชิกอดสีฝุ่นอยู่นาน กอดจนอาการดีขึ้น
หลังจากสีฝุ่นหายตัวสั่นอชิจึงได้ขับรถไปส่งอีกคนที่หอพัก ซึ่งยามนี้สีฝุ่นยังคงเหม่อลอยจนเขานึกห่วง
“สีฝุ่นอยู่กับใคร” อชิไม่ไว้ใจถ้าสีฝุ่นอยู่คนเดียว
“อยู่กับแม่ครับ ขอบคุณนะครับ” สีฝุ่นยกมือไหว้เปิดประตูลงจากรถ ยังคงมีอาการเหม่อลอยซึ่งรุ่นพี่ก็มองส่งจนหายลับไปจากสายตาจึงได้ขับรถออกไป ตลอดทางก็นึกถึงสาเหตุที่ทำให้สีฝุ่นเป็นแบบนี้ ไหนจะคำกล่าวของอีกฝ่ายที่หลุดพูดออกมานั่นอีก
เขาเป็นห่วง
ว่าแต่อชิเป็นพระเอกหรือเปล่า ?
ความคิดเห็น