ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปะป๊าอุ้มบุญ mpreg)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 ยินดีที่ได้รู้จัก

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    สีฝุ่นออกไปซื้อกับข้าวมาให้แม่ตั้งแต่เช้า พอย้ายมาอยู่ที่นี่เขาก็รู้สึกว่าปลอดภัยมากกว่าเดิมเมื่อมันไม่เปลี่ยว มีผู้คนอยู่อาศัยจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาบุกรุก แต่ต้องแลกกับค่าเช่าที่หลายตังค์พอสมควร แม้ค่าใช้จ่ายตรงนี้จะเยอะเขาก็ยอม เพราะต้องเอาความปลอดภัยไว้ก่อน

    “วันนี้ฝุ่นมีเรียนกี่โมงลูก”

    สีฝุ่นนำถ้วยใส่ต้มเลือดหมูไปวางไว้ตรงหน้ามารดาพลางเอ่ยตอบคำถาม

    ”มีเรียนเก้าโมงครับ”

    ”มีเรียนเก้าโมงทำไมตื่นเช้าจังลูก เลิกงานก็ตั้งดึกพักผ่อนเพียงพอใช่ไหม แม่เป็นห่วง”

    ”ผมนอนพอแล้วครับ สดชื่นมาก ๆ” สีฝุ่นยิ้ม ทำให้แม่สบายใจมากที่สุด

    “แม่เชื่อได้ใช่ไหม?”

    “ได้ครับ”

    หลังจากนั้นคนเป็นแม่ไม่ได้ถามอะไรอีก มีเพียงสีฝุ่นที่หาเรื่องมาชวนพูดคุย พร้อมจัดเตรียมยาให้มารดาก่อนออกไปเรียนต่อ

    ”ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของลูกชายแม่”

    ”แค่มีแม่อยู่ทุกวันของผมก็เป็นวันที่ดีแล้วครับ” เขากอดมารดา ถ้าถามว่าอ้อมกอดใครอบอุ่นที่สุดคงเป็นอ้อมกอดของผู้หญิงคนนี้

    สีฝุ่นเดินไปตามเส้นทางที่คุ้นชิน ในมือมีถุงหมูปิ้งที่ซื้อไปฝากเจ้าด่างราวสองไม้ เพราะเมื่อวานเขาไม่ได้มาหามัน

    เมื่อมาถึงจุดหมายจึงกวาดสายตามองหาเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจ้าด่างเห็นเขาจึงรีบวิ่งมาพันแข้งพันขา

    งิ้ง ๆ

    “หิวใช่ไหม วันนี้ซื้อหมูปิ้งกับข้าวเหนียวมาฝากด้วย” สีฝุ่นนั่งยอง ๆ ถอดหน้ากากอนามัยที่ใส่ไว้ออก เมื่อตรงจุดนี้ตอนเช้า ๆ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน เขาจึงมีความกล้าพอที่จะไม่ใช้มัน

    สีฝุ่นจัดการแบ่งข้าวเหนียวใส่ถุงหมูปิ้ง ขย้ำให้มันเข้ากันจากนั้นจึงวางลงตรงหน้าเจ้าด่าง แล้วก็เป็นอีกครั้งที่การกระทำของเขาตกอยู่ในสายตาของใครบางคน

    “เมื่อวานไม่ได้เอาข้าวมาให้ วันนี้ก็กินเยอะ ๆ นะ” สีฝุ่นเอ่ยบอกสุนัขขนสีขาวลายจุด ขณะนี้มันกำลังกินอาหารที่นิสิตหนุ่มนำมาให้ หางก็กระดิดถูกอกถูกใจยอมให้ลูบหัวลูบหางได้เต็มที่

    ”กินเก่งนะเนี่ย” สีฝุ่นกล่าวอย่างเอ็นดู เก็บถุงพลาสติกที่ตนนำมารองให้ข้าวหมาเมื่อมันกินเสร็จ เพราะเขาจะนำไปทิ้ง ขณะเดียวกันก็หาเรื่องพูดคุย

    “เมื่อวานตอนเราไปทำงานได้ทิปจากพี่คนนั้นด้วยนะ เขาให้เรามาตั้งเยอะเลย แต่ถ้าให้มากกว่านี้ก็ยินดีรับนะ” สีฝุ่นหัวเราะ และที่เขามาคุยกับหมาก็ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะสีฝุ่นไม่มีเพื่อน

    เขาไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะให้ไปคุยเล่นหรือเที่ยวเล่นกับใคร เพราะเขาต้องทำงานหาเงิน รู้ตัวอีกทีก็มีเพียงตัวเขาคนเดียว เพราะคนอื่นมีกลุ่มของตัวเองกันหมดแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นสีฝุ่นก็ไม่ได้นึกน้อยใจ เพราะเป็นแบบนี้สบายใจกว่า เขาไม่ชอบเห็นแววตาดูถูกหรือคำพูดสงสัยของใคร เขาไม่ชอบมันเอามาก ๆ จึงคิดว่ามีแค่ตัวเขาน่ะดีแล้ว

    งิ้ง ๆ เจ้าด่างคล้ายฟังรู้เรื่อง มันตอบรับทุกคำพูดของสีฝุ่น เขาจึงไม่เหงา ก่อนคนกับหมาจะชะงักเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

    “มาให้ข้าวเจ้าด่างอีกแล้วเหรอ?”

    สีฝุ่นหันมองเจ้าของเสียง ตกใจเล็กน้อยเพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งพูดถึงอีกฝ่ายไป คงไม่ได้ยินหรอกใช่ไหม?

    “ครับ เมื่อวานไม่ได้มาหามัน วันนี้ผมเลยเอาข้าวมาให้” เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มจังหวะเดียวกันก็รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เมื่อคนตรงหน้ากำลังมองสำรวจ เขาจึงได้หันมามองเจ้าด่างหลบจากสายตาคู่นั้น

    “ถามได้ไหมว่าแก้มไปโดนอะไรมา?”

    สีฝุ่นที่เพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้สวมผ้าปิดรอยช้ำไว้เม้มปากแน่น เขามองชายอีกคนที่เดินมานั่งข้างเขา อีกฝ่ายไม่ได้กดดัน ทอดสายตามองไปเบื้องหน้า ให้โอกาสเขาว่าจะตอบหรือไม่ตอบก็ได้ สีฝุ่นจึงไม่ได้รู้สึกกดดัน

    “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ” สีฝุ่นไม่ได้บอกความจริง เขาดึงแมสขึ้นปิดรอยช้ำตรงริมฝีปาก

    “อืม คราวหลังระวังตัวด้วย อุบัติเหตุที่ว่าเกิดบ่อยเกินไปแล้ว” สีฝุ่นมองคนพูด อีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขา น้ำเสียงที่ใช้ดูห่วงใยทำให้คนฟังรู้สึกอุ่นใจ

    “ผมจะระวังครับ”

    ”อืม”

    หลังจากนั้นไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นอีก เป็นความเงียบที่สบายใจ แต่พอทวนประโยคเมื่อครู่ก็ทำให้สีฝุ่นนึกสงสัย

    ”ว่าแต่รู้ได้ยังไงครับว่ามันเกิดขึ้นบ่อย”

    คนถูกถามชะงักไป

    ”ก็มองอยู่” อชิระไม่ได้โกหกเขามองอีกฝ่ายจริง ๆ

    “มองเหรอ ทำไมล่ะครับ” สีฝุ่นยังคงไม่เข้าใจ เขามีอะไรให้น่ามอง แล้วอีกฝ่ายมองเขาทำไม

    “ชอบมองตอนให้ข้าวเจ้าด่าง น่ารักดี” ที่เขาบอกคือความจริง สีฝุ่นน่ารักตอนอยู่กับเจ้าสุนัขพันทาง

    “น่ารักเหรอครับ ผมจะถือว่าชมผมแล้วกัน”

    “อืม พี่ชมสีฝุ่น””

    ”รู้ชื่อผมด้วย” ท่าทางของสีฝุ่นดูตกใจเล็กน้อย

    “ถามจากคนอื่นน่ะ”

    คนฟังพยักหน้าเข้าใจ

    “ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอครับ” ท่าทางของสีฝุ่นดูอยากรู้จักจริง ๆ เขากระตือรือร้นที่จะถาม อาจด้วยไม่บ่อยนักที่มีคนเข้าหา

    ”อชิ”

    ”ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่อชิ ขอบคุณที่เข้ามาทักผมนะ” รอยยิ้มสดใสแต่งแต้มบนใบหน้าทำให้คนมองยิ้มตามได้ไม่ยาก ก่อนหน้านั้นเขาเห็นอีกฝ่ายวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ก็จริง แต่ก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่คุ้นตาเมื่อเราไม่เคยพูดคุยกันเลย

    ”ขอบคุณที่ไม่ปฏิเสธ”

    ถ้าถามว่าอชิมองสีฝุ่นมานานแค่ไหน บอกเลยว่าหลายเดือนแล้ว คราแรกเพียงมองเพราะไม่มีอะไรให้มอง ครั้งที่สองเพราะบาดแผลพวกนั้น สุดท้ายก็คงเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มที่สดใสเข้ากับเจ้าของของมันทำให้เขารู้สึกสนใจได้ไม่ยาก

    หลายครั้งที่อยากทำความรู้จักกับอีกฝ่าย แต่ก็ไม่กล้าพอ ทำได้แค่มองอยู่ห่าง ๆ แต่วันนี้ขอบคุณความกล้าของเขา เพราะมันทำให้ระยะห่างระหว่างเราลดน้อยลง

    หลังจากเลิกคลาสสีฝุ่นจึงตรงมาที่โรงอาหาร ทิปที่ได้จากพี่อชิช่วยประหยัดเงินค่ากับข้าวไปได้หลายวัน เพราะเขาไม่ได้นำเงินส่วนของตัวเองมาใช้

    สีฝุ่นต่อคิวซื้อข้าวราดแกงเจ้าดังในคณะ เมื่อได้อาหารที่ตนเองต้องการจึงเดินหาโต๊ะนั่ง เมื่อทิ้งกายนั่งลงจึงหยิบมือถือเครื่องเก่ากดโทรหามารดา ไถ่ถามถึงความป็นอยู่

    แม่ของเขาไม่ค่อยแข็งแรงนัก แม้จะเดินได้เองแต่ท้ายสุดก็ยังต้องมีไม้เท้าช่วยค้ำจุน เพราะอาการบาดเจ็บครั้งนั้นจึงทำให้เป็นแบบนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สีฝุ่นรู้สึกผิดไม่จางเมื่อเขาไม่สามารถปกป้องผู้เป็นแม่ได้

    เมื่อได้รู้ว่าแม่กินข้าวเที่ยงเรียบร้อยแล้วสีฝุ่นจึงวางสาย เขามีความคิดว่าจะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้แม่ จะได้ใช้ดูรายการต่าง ๆ แก้เบื่อ เพราะโทรศัพท์ที่ใช้งานอยู่ประจำไม่สามารถทำอย่างนั้นได้

    แต่นั่งกินข้าวได้ไม่ทันไรสีฝุ่นก็ต้องชะงักเมื่อมีจานข้าววางลงบนโต๊ะ พร้อมอชิที่ทิ้งกายนั่งลงข้างเขา

    “พี่นั่งด้วยได้ไหม?” สีฝุ่นมองคนถามด้วยแววตาขบขัน จะถามเขาไปทำไมก็อีกฝ่ายนั่งไปแล้วนี่

    “นั่งได้ครับ”

    “ขอบคุณ”

    ทั้งสองนั่งกินข้าวข้างกัน นอกจากนี้สีฝุ่นยังรู้สึกว่าตนเองเจริญอาหารขึ้น เมื่อมีคนนั่งกินข้าวเป็นเพื่อน แต่ผ่านไปสักพักเขาก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เมื่อมีสายตาจากใครหลายคนจ้องมองมายังโต๊ะพวกเขา ทุกคนดูสงสัยหันไปซุบซิบกันพลางแสดงสีหน้าไม่พอใจ สีฝุ่นไม่เข้าใจในการกระทำดังกล่าว เขาไม่ชอบที่โดนจ้องมอง

    เด็กหนุ่มกำด้ามช้อนแน่น อชิระเห็นอย่างนั้นขมวดคิ้วมุ่น พอกวาดสายตามองโดยรอบจึงเข้าใจ

    อีกฝ่ายคงไม่ชอบที่ตกเป็นเป้าสายตา

    “อึดอัดเหรอ?”

    “ครับ ผมไม่ชอบให้ใครมอง” ยิ่งเป็นสายตาที่เขาประสบพบเจออยู่ตอนนี้ยิ่งไม่ชอบ

    “เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยออกไปกินข้าวนอกมหาลัยด้วยกัน”

    “ทำไมต้องไปถึงนอกมหาลัยล่ะครับ” สีฝุ่นขมวดคิ้วสงสัย ไม่เห็นถึงเหตุจำเป็นให้ต้องทำอย่างนั้น

    “ถ้าพี่อยากกินข้าวกับสีฝุ่นพี่ก็ต้องพาไปกินที่อื่น”

    “…” สีฝุ่นไม่เข้าใจในช่วงแรก แต่ไม่นานเขาก็ไขมันออก

    ผู้คนส่วนมากไม่ได้อยากมองเขา แต่เพราะมีคนข้างกายเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยจึงโดนมอง แต่มันยังไม่น่าตกใจเท่ากับคำว่าอยากกินข้าวกับเขา

    เราเพิ่งคุยกันไปเมื่อช่วงเช้าแท้ ๆ แม้จะคุ้นหน้าทว่าไม่ได้สนิทถึงขั้นที่อยากนั่งร่วมโต๊ะไปทุกวันเสียหน่อย

    “พี่มาหลอกผมหรือเปล่า?” สีฝุ่นแค่กลัว ถ้าให้เขาเดาอชิคงเป็นคนดังในมหาลัย ส่วนเขาเป็นแค่นิสิตธรรมดาที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ เขาจึงเกรงว่าที่อีกฝ่ายทำตอนนี้ไม่ได้ออกมาจากใจจริงบางทีอาจเป็นแค่การแสดง

    “พี่มีเหตุผลให้ต้องหลอกด้วยเหรอ?”

    สีฝุ่นเม้มปากแน่นไม่ยอมตอบ เหตุผลมันอาจมีแต่เขาไม่รู้

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จะทำให้สีฝุ่นเชื่อใจเอง แค่รู้ไว้ก็พอว่าพี่จะไม่มีวันหลอกเธอ” อชิไม่ได้บอกให้เชื่อ แต่เขาจะแสดงให้เห็น

    เป็นอีกครั้งที่คำพูดนั้นส่งผลกับใจคนฟัง มันช่างเป็นคำพูดที่ใส่ใจดีเหลือเกิน

    เมื่อข้าวหมดจานสีฝุ่นจึงเตรียมเอาไปเก็บ หากแต่ไม่ทันได้ลุกไปไหนเมื่ออชิเรียกรั้งไว้

    “พี่ซื้อยาแก้ฟกช้ำมาให้ ทาด้วยล่ะ ไม่อย่างนั้นพี่จะเสียใจนะ” เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ยื่นหลอดยามาให้

    “ขอบคุณนะครับ” สีฝุ่นรับมาถือไว้ เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกดี

    หลังจากสีฝุ่นได้ทำความรู้จักกับอชิทุกวันของเขาก็ดูเปลี่ยนไปเมื่อต่างมีคนเข้าหา แต่ทุกการเข้าหาล้วนมีจุดประสงค์แอบแฝง ถ้าถามว่าสีฝุ่นรู้ได้อย่างไรก็เพราะทุกคำพูดล้วนมีพี่อชิเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งเขายังได้รู้เพิ่มว่าพี่อชิเป็นคนดังในมหาลัยตามที่เขาคิด ทุกคนล้วนพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา การเรียน หรือฐานะทางบ้าน เพรียบพร้อมทุกอย่าง ไม่แปลกใจเลยที่วันนั้นจะโดนมอง เพราะชีวิตของพวกเราสองคนแตกต่างกันเกินไป เกินกว่าจะรู้จักหรือพูดคุย เหมือนว่าเราอยู่กันคนละโลก แต่ไม่รู้ทำไมถึงมารู้จักกันได้

    “สีฝุ่นมีเบอร์พี่อชิไหม เราขอหน่อยสิ”

    ”สีฝุ่นรู้ไหมว่าพี่อชิชอบกินอะไร พอดีเราจะทำมาให้พี่เขาน่ะ”

    “พรุ่งนี้เราขอไปกินข้าวกับสีฝุ่นนะ”

    สีฝุ่นไม่ชินกับการเข้าหาดังกล่าว เขาปฏิเสธทุกคำขอที่เกี่ยวกับพี่อชิ ทำให้หลายคนเกิดความไม่พอใจ

    “ทำไมไม่บอก จะหวงไว้คนเดียวหรือไง”

    “แปลกใจจริง ๆ ว่าพี่อชิเข้ามาคบเธอได้ยังไง คนหนึ่งเป็นฟ้า คนหนึ่งเป็นดิน”

    “ไม่ใช่ดินหรอก เศษฝุ่นมากกว่า”

    “พอมีคนดังมาสนใจก็หยิ่งเลยนะ”

    สีฝุ่นฟังคำว่ากล่าวพวกนั้นรู้สึกแย่พอสมควร ที่เขาไม่บอกเพราะเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่อชิเลย ปฏิเสธไปก็ไม่มีใครเชื่อ หรือถ้าเขารู้จริง ๆ เขาก็ไม่บอก เมื่อทุกสิ่งที่หลายคนถามถึงคือเรื่องส่วนตัว

    ตอนนี้เขาอยากกลับไปเป็นแบบเดิม เป็นสีฝุ่นที่ไม่มีใครเข้าหา ไม่แม้แต่มองเห็น เป็นแค่เศษฝุ่นที่ไร้ตัวตน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×