ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : วันหยุดช่วง Autumn ใน duseeldorf
วันหยุดในช่วงนี้ จะประมาณ 2 อาทิตย์ เราดีใจมากที่จะได้ปิดเทอม ตลอดเวลาที่เปิดเทอม เหมือนสวรรค์จะแกล้งเราตลอดเวลา อากาศมันหนาวมาก ประมาณ 3-13 องศา ในแต่่ละวัน แต่พอปิดเทอมอากาศอยู่ในช่วงอุ่นของคนที่นี้ คือประมาณ 18 องศา (เปิดแอร์นอนสบายบ้านเรา)
เราลองคิดดูเล่นๆว่าทำไม? ถ้าใครรู้ก็ช่วยบอกเราหน่อยนะ เราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะ หยุดให้เปลียนอากาศ เพราะเปิดเทอมไปมันจะกลับไปหนาวอีก ระหว่างที่อยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนเวลา เวลาทางโซนยุโรปเปลี่ยนให้ช้าลงไป 1 ชั่วโมงคือจากปกติที่เยอรมันช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง จะกลับกลายเป็นว่าเยอรมันช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง เราลองถามเหตุผลโฮสว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยนเวลา เขาอธิบายให้เราฟังว่า มันจะมืดไวขึ้น มีกลางวันน้อยลง ที่เปลี่ยนเวลาเพราะว่าจะได้เป็นการประหยัดไฟ เราลองคิดดูมันก็ใช่แต่ว่าไม่ใช่ทั้งหมด - -
ช่วงปิดเทอมนี้เราตระเวณเที่ยวอย่างเดียวเลย มีครั้งนึงเราไป dusseldorf ไปแบบมีความรู้ติดตัวอยู่น้อยนิด เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของรัฐ NW ขึนชื่อว่าเป็นเมืองหลวงเป็นคั้งแรกที่เราได้เห็นตึกสูง อธิบายให้ฟังเกี่ยวกับเมืองนี้คร่าวๆนะคะ หลังจากที่หลงมา เลยกลับมาหาข้อมูลประดับสมอง
duseeldorf เป็นเมืองหลวงของรัฐ northrhine มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์ของประชาการทั้งหมด แหล่งที่ช็อปปิ้งจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนไฮโซเรียกว่า koe และส่วน โลโซ ที่จะตรงข้ามกับสถานีรถไฟ เนื่องด้วยคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะ ร้านขายอาหารญี่ปุ่นที่นี้เยอะมาก และคนเยอรมันก็โปรดปรานการกินซูชิมากเหมือนกัน (อยากเพิ่มรูปให้ดูนะคะ แต่เพิ่มไม่ได้) ในทางตรงกันข้ามถ้าคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะ ร้านจำพวก sex toy เยอะมาก เดินไปเดินมามีแต่ร้านพวกนี้ และอีกอย่างนึงที่ทำให้เราตกใจมากกก มีโรงหนัง แต่ไม่ใช่โรงหนังธรรมดา ...เป็นโรงหนังที่ฉายเฉพาะหนังเกย์ หรือว่าเราแปลผิดไม่รู้นะ gay sex kino ในเมืองนี้จะมีตึกสูงอยู่อันนเดี่ยวที่จะเห็นทุกที่คือ TV Tower
เราจะเล่าเรื่องทริปเราให้ฟังนะที่เราไปเมืองนี้ ประสบการณ์หลงที่จะไม่มีวันลืม เป้าหมายวันนี้ของเราคือ ไปถ่ายรูปกับ TV Tower กับกินซูชิ นั่งรถไฟมาประมาณ 40 นาทีมาถึงที่เมืองนี้ เราคิดว่าพออกมาจากสถานีรถไฟ นึกว่าจะเจอร้านอาหารซูชิเลย แต่เปล่าเลยยยย เราต้องเดินไปอีกไกลมาก ระหว่างทางก็เจอพวก sex shop เจอโรงหนังเกย์ เจอร้านนวดไทย ซึ่งเป็นกึ่งๆขายบริการ ดูจากรูปข้างหน้านะ ระหว่างทางที่เดินเราก็มองเห็นตึก ก็เดินไปตามทางที่มีตึกอยู่ และแล้วววว เราก็เดินหลงมาทางย่านไฮโซ เกือบทุกหิ้ว หลุยส์วิคตอง ใช้หลุยส์วิคตอง ช็อปปิ้ง แต่งตัวดูดี ไฮโซ(มาก)เป๊ะมาก เดินผ่านอาร์มานี่มีการถ่ายโฆษณาอยู่ นางแบบสวยมาก แค่ยิ้มรู้สึกว่า เธอเป๊ะมาก ลองดูพวกนิตยสารดูนะคะ คนที่แต่งตัวดูเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงอ้ะคะ คือเราเอง เดินไปหาร้านซูชิไปก็ยังไม่เจอ เจอ H&M ขอแวะเข้าหน่อยแล้วกัน สิ่งแรกที่เข้าไปดูคือของลดราคา ปรากฎว่า เหลืออยู่เต็มราว ไม่มีใครซื้อ (เราก็เลยช่วยซื้อ 55+) หลังจากที่ผลาญเงินใน H&M เสร็จก็เลยตามหา ร้านซูชิ เดินไปประมาณ 200 เมตร ก็เลยเจอคะ เป็นป้าที่เป็นคนญี่ปุ่นขายอยู่ ดูราคาแล้วอยากจะเป็นลม ที่เมืองไทยขายชิ้นละ 5 บาท ยังบ่นแล้วบ่นอีกว่าแพง ที่นี้คะ ชิ้นละ 50 บาท โอ้วววว ก็เลย ซื้อเป็นเซ็ท หมดไป 400 บาท (10 ยูโร) เนื่องจากว่าเราเสียเงินเยอะ เราจึงคิดว่า ราคาอาหารกับรสชาติคุณภาพอาหารน่าจะไปด้วยกัน ชิ้นละ 50 บาท แต่รสชาติเหมือน 3 ชิ้น 10 บาท นึกถึงอยากกินโออิชิขึ้นมาทันที แต่ก็โอเคค่ะ คิดซะว่าเราไม่ได้ไปกินในญี่ปุ่น หลังจากกินเสร็จ เราต้องทำเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ให้ลุล่วง โดยการ ถ่ายรูปกับเจ้าตึกสูง คือเราเดินตามที่มมองเห็นตึก พอเดินไปก็ตึกที่ก่อสร้าง ก็ต้องเดินอ้อม พอเดินไปก็ติดถนนก็ต้องเดินอ้อม เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และแล้วเราก็เจอตึกเจ้าปัญหา แต่ว่ามันนนนน มัน.............สูงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พอมองอยู่ แหงนหน้าขึ้นไปแล้วอยากจะเป็นลม คือแต่ก่อนตึกนี้เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ตอนถ่ายรูปก็ถ่ายได้ไม่หมด ได้เพียงแค่ครึ่งตึก แหงนหน้าขึ้นไปมองเสร็จก็กลับเลยคะ ไม่กล้าขึ้น กลัวมากกกกกก เป้าหมายวันนี้เสร็จลุล่วงถึงเวลาเดินกลับไปสถานีรถไฟ เราใช้เวลา 1 ชั่วโมง เนื่องจากว่า เราเดินเป็นสี่เหลื่ยมผืนผ้า อันใหญ่ๆ เดินแล้วอยู๋ดีๆมันกลับมาที่เดิมมม อยากร้องไห้ ก็เลยตั้งหลัก แล้วก็ถามทางคนเยอรมันไปเรื่อยๆ ใช้เวลา 15 นาทีคะ คนที่่นี้เวลาถามทางเขายินดีตอบ ไม่มีใครรีบเร่ง พยายามอธิบายให้เราฟัง ที่เรารู้เพราะเราถามทุกทางแยก ถามทุกคนที่เดินผ่าน
ประสบการณ์ในวันนี้คือ ก่อนเที่ยวต้องศึกษาให้ดีก่อนนะคะ ว่าแต่ละเมืองมีอะไรบ้าง ควรจะเดินไปทางไหน ครั้งหน้า เราจะไปเมืองนี้ใหม่ ด้วยความรู้ที่เป๊ะ แล้วก็จะไม่ไปเดินย่านไฮโซ เราจะไปเดินย่านโลโซบ้าง เราคิดว่ามันเป็นอะไรที่เหมาะกับเรามากกว่า
เราลองคิดดูเล่นๆว่าทำไม? ถ้าใครรู้ก็ช่วยบอกเราหน่อยนะ เราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะ หยุดให้เปลียนอากาศ เพราะเปิดเทอมไปมันจะกลับไปหนาวอีก ระหว่างที่อยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนเวลา เวลาทางโซนยุโรปเปลี่ยนให้ช้าลงไป 1 ชั่วโมงคือจากปกติที่เยอรมันช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง จะกลับกลายเป็นว่าเยอรมันช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง เราลองถามเหตุผลโฮสว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยนเวลา เขาอธิบายให้เราฟังว่า มันจะมืดไวขึ้น มีกลางวันน้อยลง ที่เปลี่ยนเวลาเพราะว่าจะได้เป็นการประหยัดไฟ เราลองคิดดูมันก็ใช่แต่ว่าไม่ใช่ทั้งหมด - -
ช่วงปิดเทอมนี้เราตระเวณเที่ยวอย่างเดียวเลย มีครั้งนึงเราไป dusseldorf ไปแบบมีความรู้ติดตัวอยู่น้อยนิด เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของรัฐ NW ขึนชื่อว่าเป็นเมืองหลวงเป็นคั้งแรกที่เราได้เห็นตึกสูง อธิบายให้ฟังเกี่ยวกับเมืองนี้คร่าวๆนะคะ หลังจากที่หลงมา เลยกลับมาหาข้อมูลประดับสมอง
duseeldorf เป็นเมืองหลวงของรัฐ northrhine มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์ของประชาการทั้งหมด แหล่งที่ช็อปปิ้งจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนไฮโซเรียกว่า koe และส่วน โลโซ ที่จะตรงข้ามกับสถานีรถไฟ เนื่องด้วยคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะ ร้านขายอาหารญี่ปุ่นที่นี้เยอะมาก และคนเยอรมันก็โปรดปรานการกินซูชิมากเหมือนกัน (อยากเพิ่มรูปให้ดูนะคะ แต่เพิ่มไม่ได้) ในทางตรงกันข้ามถ้าคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะ ร้านจำพวก sex toy เยอะมาก เดินไปเดินมามีแต่ร้านพวกนี้ และอีกอย่างนึงที่ทำให้เราตกใจมากกก มีโรงหนัง แต่ไม่ใช่โรงหนังธรรมดา ...เป็นโรงหนังที่ฉายเฉพาะหนังเกย์ หรือว่าเราแปลผิดไม่รู้นะ gay sex kino ในเมืองนี้จะมีตึกสูงอยู่อันนเดี่ยวที่จะเห็นทุกที่คือ TV Tower
เราจะเล่าเรื่องทริปเราให้ฟังนะที่เราไปเมืองนี้ ประสบการณ์หลงที่จะไม่มีวันลืม เป้าหมายวันนี้ของเราคือ ไปถ่ายรูปกับ TV Tower กับกินซูชิ นั่งรถไฟมาประมาณ 40 นาทีมาถึงที่เมืองนี้ เราคิดว่าพออกมาจากสถานีรถไฟ นึกว่าจะเจอร้านอาหารซูชิเลย แต่เปล่าเลยยยย เราต้องเดินไปอีกไกลมาก ระหว่างทางก็เจอพวก sex shop เจอโรงหนังเกย์ เจอร้านนวดไทย ซึ่งเป็นกึ่งๆขายบริการ ดูจากรูปข้างหน้านะ ระหว่างทางที่เดินเราก็มองเห็นตึก ก็เดินไปตามทางที่มีตึกอยู่ และแล้วววว เราก็เดินหลงมาทางย่านไฮโซ เกือบทุกหิ้ว หลุยส์วิคตอง ใช้หลุยส์วิคตอง ช็อปปิ้ง แต่งตัวดูดี ไฮโซ(มาก)เป๊ะมาก เดินผ่านอาร์มานี่มีการถ่ายโฆษณาอยู่ นางแบบสวยมาก แค่ยิ้มรู้สึกว่า เธอเป๊ะมาก ลองดูพวกนิตยสารดูนะคะ คนที่แต่งตัวดูเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงอ้ะคะ คือเราเอง เดินไปหาร้านซูชิไปก็ยังไม่เจอ เจอ H&M ขอแวะเข้าหน่อยแล้วกัน สิ่งแรกที่เข้าไปดูคือของลดราคา ปรากฎว่า เหลืออยู่เต็มราว ไม่มีใครซื้อ (เราก็เลยช่วยซื้อ 55+) หลังจากที่ผลาญเงินใน H&M เสร็จก็เลยตามหา ร้านซูชิ เดินไปประมาณ 200 เมตร ก็เลยเจอคะ เป็นป้าที่เป็นคนญี่ปุ่นขายอยู่ ดูราคาแล้วอยากจะเป็นลม ที่เมืองไทยขายชิ้นละ 5 บาท ยังบ่นแล้วบ่นอีกว่าแพง ที่นี้คะ ชิ้นละ 50 บาท โอ้วววว ก็เลย ซื้อเป็นเซ็ท หมดไป 400 บาท (10 ยูโร) เนื่องจากว่าเราเสียเงินเยอะ เราจึงคิดว่า ราคาอาหารกับรสชาติคุณภาพอาหารน่าจะไปด้วยกัน ชิ้นละ 50 บาท แต่รสชาติเหมือน 3 ชิ้น 10 บาท นึกถึงอยากกินโออิชิขึ้นมาทันที แต่ก็โอเคค่ะ คิดซะว่าเราไม่ได้ไปกินในญี่ปุ่น หลังจากกินเสร็จ เราต้องทำเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ให้ลุล่วง โดยการ ถ่ายรูปกับเจ้าตึกสูง คือเราเดินตามที่มมองเห็นตึก พอเดินไปก็ตึกที่ก่อสร้าง ก็ต้องเดินอ้อม พอเดินไปก็ติดถนนก็ต้องเดินอ้อม เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และแล้วเราก็เจอตึกเจ้าปัญหา แต่ว่ามันนนนน มัน.............สูงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พอมองอยู่ แหงนหน้าขึ้นไปแล้วอยากจะเป็นลม คือแต่ก่อนตึกนี้เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ตอนถ่ายรูปก็ถ่ายได้ไม่หมด ได้เพียงแค่ครึ่งตึก แหงนหน้าขึ้นไปมองเสร็จก็กลับเลยคะ ไม่กล้าขึ้น กลัวมากกกกกก เป้าหมายวันนี้เสร็จลุล่วงถึงเวลาเดินกลับไปสถานีรถไฟ เราใช้เวลา 1 ชั่วโมง เนื่องจากว่า เราเดินเป็นสี่เหลื่ยมผืนผ้า อันใหญ่ๆ เดินแล้วอยู๋ดีๆมันกลับมาที่เดิมมม อยากร้องไห้ ก็เลยตั้งหลัก แล้วก็ถามทางคนเยอรมันไปเรื่อยๆ ใช้เวลา 15 นาทีคะ คนที่่นี้เวลาถามทางเขายินดีตอบ ไม่มีใครรีบเร่ง พยายามอธิบายให้เราฟัง ที่เรารู้เพราะเราถามทุกทางแยก ถามทุกคนที่เดินผ่าน
ประสบการณ์ในวันนี้คือ ก่อนเที่ยวต้องศึกษาให้ดีก่อนนะคะ ว่าแต่ละเมืองมีอะไรบ้าง ควรจะเดินไปทางไหน ครั้งหน้า เราจะไปเมืองนี้ใหม่ ด้วยความรู้ที่เป๊ะ แล้วก็จะไม่ไปเดินย่านไฮโซ เราจะไปเดินย่านโลโซบ้าง เราคิดว่ามันเป็นอะไรที่เหมาะกับเรามากกว่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น