คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : EP.1-Begining of The Resist- 1
EP. 1 [Begin of The Resist]
กรึ่ก !
แก้วเจียรไนงามที่ในอดีตไม่กี่นาทีผ่านมาเคยบรรจุวิสกี้ชั้นดีกระแทกลงกับเคาเตอร์ไม้เบา ๆ พร้อมการสั่งแก้วต่อไป ปานว่าสิ่งที่เพิ่งกระเดือกลงคอไปนั้นเป็นเพียงอากาศธาตุ หรือน้ำเปล่าที่ปราศจากความขมปร่าเร่าร้อนของแอลกอฮอล์
“อีกแก้วครับ เหมือนเดิม”
“ช้า ๆ หน่อยก็ดีนะ” เจ้าของร้านผู้รักงานบริการจำเป็นทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์เสียเองเอ่ยเตือนเด็กหนุ่มที่รู้จักมานานนม
“อืม.. ครับ” เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านเข้าหูแล้วทะลุออกไป ยามเคร่งเครียดเช่นนี้มีเพียงเครื่องดื่มดีกรีแรงเท่านั้นที่จะช่วยหล่อหลอมหัวใจบาดเจ็บเรื้อรังของเขาให้บรรเทาลงได้บ้าง
“วันนี้มีอะไรงั้นรึ ถึงได้มาถึงที่นี่”
“เปล่าครับ ผมนัดใครบางคนไว้”
“ใครกัน ?”
“ผมไม่รู้”
“อ้าว นายนี่ยังไงกันนะคยูฮยอน งาน ?”
“คิดว่านะฮะ”
“เอ้า ก็ยังดี ดีกว่านายยังเหมือนเดิม” บาร์เทนเดอร์ยื่นแก้วบรรจุวิสกี้ไว้ 1/3 ของแก้วใบใหม่ให้แล้วหันหลังกลับไป
เจ้าของร้านเช็ดแก้ว อุปกรณ์ต่าง ๆ ของร้านอย่างสงบ ให้ความเงียบเป็นเพื่อนคนสนิทของคยูฮยอนต่อไป
แก้วนี้เขาค่อย ๆ ละเลียดลงคอคล้ายการจิบดั่งมนุษย์ทั่วไป สปีด ลดลงตามคำขอของผู้ใหญ่กว่าที่หวังดี
ไม่นานนักประตูร้านถูกผลักช้า ๆ พร้อมการปรากฎกายของคนไม่คุ้นตา ประหนึ่งว่าเป็นครั้งแรกในการมาที่นี่ ท่าทีของเขาดูเคอะเขินกับทุกสิ่งรอบกาย เดินเงอะงะมาถึงที่เคาน์เตอร์จรดบั้นท้ายลงกับเก้าอี้ทรงสูงตัวเหมาะกับทรงของเคาน์เตอร์บาร์
“อ่า.. มาร์ตินี่เขย่าแต่ไม่เช็ค อ้อ มะกอก 2 ลูกนะครับ”
สายตากลอกมองไปทั่วร้าน แม้เวลานี้จะเห็นเพียงบาร์เทนเดอร์ เด็กทำความสะอาดและแขกที่นั่งดื่มตรงเก้าอี้ถัดไปเพียงแค่ 3 ตัว ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า “ใคร” คือคนที่ตนเองนัดไว้ แขกตัวสูงผู้มาใหม่จึงเลือกที่จะเงียบและรอเท่านั้น
กึ่ก !
เครื่องดื่มที่สั่งถูกนำมาเสิร์ฟขณะชายหนุ่มตัวโตงง ๆ เมียงมอง บาร์เทนเดอร์แค่ยิ้มน้อย ๆ แล้วชวนคุย
“มาคนเดียวเหรอพ่อหนุ่ม”
“เอ่อ..ครับ จริง ๆ ผมนัดใครบางคนไว้”
“อืม หน้าตาดูเป็นทุกข์นะ มีอะไรให้ช่วยไหม”
“คุณคือ..คนที่ผมนัดไว้เหรอครับ” ชางมินถามกลับ
“เปล่า คนมาที่นี่แค่ 2 เวลาเท่านั้นล่ะ ไม่ทุกข์มาก็อารมณ์ดี มาหาความสุขเพิ่มเติม แต่สำหรับพ่อหนุ่มคงเป็นอย่างแรก” บาร์เทนเดอร์ชายตามองอย่างมีภูมิ “ถ้าอยากระบายก็ได้นะ ลุงเป็นผู้ฟังที่ดี”
“ขอบคุณครับ แต่..คงไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มผิวเข้มตัวสูงยิ้มอย่างสุภาพต่อความใจดีของผู้หวังดีที่เสนอตัวรับฟัง
ไม่ทันถึงนาทีที่บาร์เทนเดอร์ในสายตาของแขกใหม่หันหลังไปเช็ดแก้ว ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าลูกค้าเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ก่อนนั้นมาประชิดตัวเสียแล้ว ชางมินถึงกับสะดุ้ง
“เฮ้ย !” เสียงต่ำ ๆ ที่อุทานนี้ทำให้อีกคนหัวเราะได้
“ขวัญอ่อนจริง ชอบมาร์ตินี่เหรอครับ”
“ก็..เอ่อ เปล่าครับ”
“ไม่ชอบแล้วสั่งทำไมครับ”
แขกคนแรกที่มีผิวสีขาวผ่องทั้งตัวแต่แต่งกายซอมซ่อ ผมเผ้าดูไม่ใช่คนสำอางถามอย่างพยายามผูกมิตร
“ผมคยูฮยอน”
“ช..ชางมินครับ ผมแค่มารอคน”
“เพื่อนเหรอครับ รึว่าแฟน” สายตาซุกซนฉายแววขี้เล่นขึ้นภายใต้ใบหน้าขะมุกขะมอม ชายหนุ่มที่ชื่อคยูฮยอนนั้นเปิดหมวกออกมาอวดกรอบใบหน้า แม้จะดูมอซอแต่ผิวขาวจัดชวนมอง
“ก็...” กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะตอบดีหรือไม่ ชายที่ชื่อคยูฮยอนก็สำทับต่อ
“ผมเป็นแขกประจำของที่นี่นะ ผมอาจจะรู้จักแฟนหรือเพื่อนคุณก็ได้นะครับ”
“จริงหรือครับ มีคนแนะนำให้ผมมาที่นี่เพื่อพบใครบางคน” ท่าทีกังวลดั่งคนต้องการทางออกของชางมินนั่นแสดงออกชัดเจน
“งั้นก็คงไม่ผิดตัว คุณมีอะไรกับผมครับ อ้า..ต้องถามว่าคุณเป็นอะไรกับพี่ชายผมมากกว่า”
“เห..?” คำถามของคยูฮยอนทำให้ชางมินไม่เข้าใจ
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าผมคือคนที่คุณต้องการพบ อยากให้ผมช่วยอะไรครับ”
“ง..งั้นเหรอครับ” เขาแอบขุ่นเคืองในใจเล็กน้อยที่เหมือนถูกหลอกอยู่พักหนึ่งแทนที่คยูฮยอนจะแสดงตัวกับตนเองตั้งแต่ทีแรก
แต่ก็พยายามเข้าใจว่านี่อาจจะเป็นการป้องกันตัวของกลุ่มคนประเภทนี้
“ผมพูดไม่เก่ง เอาเป็นว่าดูนี่ดีกว่าครับ”
ชางมินหยิบเอา Note Book ที่พกมาด้วย เปิดเครื่อง แล้วทำการเสียบ
“นี่จะให้ผมดูอะไรครับ”
“คุณต้องดูก่อน ผมถึงจะบอกได้ครับ” สองคนมองหน้ากัน แล้วพร้อมใจกันจ้องมองไปที่จอเพื่อสำรวจเรื่องราวทั้งหมด
หน้าจอแสดงผลภาพวิดีโอค่อนข้างชัดเจน หนุ่มนายทหารคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นตากล้องถ่ายภาพเอง เขาหันหน้ากล้องเข้ากับตัวเอง มีรอยยิ้มให้
“หวัดดี เฮ้.. ทักทายเพื่อนฉันหน่อย” เพียงสิ้นคำเรียก ทหารอีกคนที่เดินเคียงคู่กันมาก็เล่นกล้อง ตะโกนใส่กล้องอย่างอารมณ์ดีเย้าแหย่
“เค้านอกใจคุณ นี่ ๆ เค้านอกใจคุณ”
“เยี่ยม.. ไอ้บ้า นี่เพื่อนข้าเว่ย”
“เค้านอกใจคุณ กับอูฐด้วย ฮ่า ๆ” คำล้อเล่นของสองเพื่อนในกล้องดูจะชวนให้อารมณ์ดี เพราะอีกคนไม่เชื่อว่านี่จะเป็นการถ่ายภาพส่งกลับไปให้เพื่อนดูเท่านั้น
ชางมินยิ้มนิดหนึ่งที่ได้เห็นภาพเพื่อนรักยิ้มเฮฮาได้ แม้จะถูกกองทัพส่งไปประจำการกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ คยูฮยอนเหลือบมองรอยยิ้มนั้นแล้วคิดในใจว่า สงสัยจะเป็นอย่างที่ทหารอีกนายว่า สองคนนี้อาจจะไม่ใช่แค่เพื่อนก็เป็นได้
“กับอูฐขี้เมาซะด้วย ล่อซะอูฐหายเมาเลย”
“ไอ้ห่า เสียหมาเลยกู อย่าไปเชื่อมันนะชางมิน ไอ้นี่มันบ้า” ทหารในกล้องแทบจะยกเท้ามาเตะตูดเพื่อนจอมฟ้อง แล้วหัวเราะชอบใจ “โอเค.. แค่ครั้งเดียวเองนะ อูฐสาวนั่นชอบส่ง message มาหาผม แต่มันจบไปแล้วล่ะ” ในที่สุดก็เล่นมุขกับเพื่อนเพื่อความเฮฮาไปร่วมกัน
“Hello เสียงอะไรน่ะ” อีกคนที่อยู่ข้าง ๆ ทักขึ้นจนสองคนต้องหันตามไปทิศทางที่เพื่อนด้านหลังชี้มือไม้ให้สังเกตดู
พบว่ามีกองกำลังชุดหนึ่งกำลังขนของบางอย่างลงจากรถบรรทุก การแต่งกายดูจะไม่ใช่ทหารทั่วไป เพราะมิได้ใส่ชุดพรางทหารอย่างพวกตน แต่เป็นชุดสีดำมีเสื้อเกราะกันกระสุนทับเสื้อยืดสีดำ มีผู้คุ้มกันสิ่งของเหล่านั้นด้วยอาวุธหนัก ระแวดระวังมิให้ผู้ใดเข้าไปใกล้ได้
กล้องหันไปจับภาพเพียงแวบหนึ่ง แล้วเบนกลับมาที่ใบหน้าเด็กหนุ่มเจ้าของกล้องอีกครั้ง เขาอธิบายกับภาพที่ผู้รับชมได้เห็นไปเมื่อสักครู่
“พวกผู้รับเหมาน่ะครับ พวกนั้นมาอิรักเหมือน ๆ กับผม แต่ทำเงินได้มากกว่าทหารอย่างพวกเราตั้งร้อยเท่าแหนะ ไม่ยุติธรรมเลย คุณว่าไหม” เขาบ่นแกมหยิกในชะตาฟ้า
ทหารเกณฑ์ที่ถูกส่งมาเพื่อช่วยเหลือสถานการณ์ไม่สู้ดีนักในสงครามกลางเมืองของประเทศอิรักนั้นมีจำนวนหลายนาย เขาเป็นหนึ่งในนั้น เด็กหนุ่มวัยยี่สิบต้น ใบหน้าแดงก่ำเหมือนถูกแดดร้อนระอุเผาใบหน้าขาวตามธรรมชาติของชาวเกาหลียังยิ้มสู้
เพื่อนช่างฟ้องอีกคนรีบเดินเข้ามาสนทนาด้วย
“แต่คุณรู้มั้ย พวกนั้นต้องทำอะไรบ้าง พวกนั้นต้อง...”
พูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงสาดกระสุนปะทะกับร่างก็ดังขึ้น ภาพทหารนายนั้นกระเด็นไปด้วยแรงปืนนั้นชัดเจน
ตามมาด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายคล้ายกับมีการปะทะกันของสองฝ่าย บัดนี้ภาพที่ขึ้นแสดงมิได้มีผู้ใดกำกับอีกแล้ว มันส่ายไปมา แล้วฟ้องว่าผู้ถือกล้องนั้นไม่สามารถรักษาความเสถียรไว้ได้อีกต่อไป ในที่สุดจึงตกลงกับพื้น ตามมาด้วยร่างของเจ้าของกล้องที่นอนแน่นิ่งอยู่หน้ากล้อง
อึดใจเดียวภาพทั้งหมดก็ถูก Rewind อีกครั้งเพื่อแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์เมื่อคราวถูกกระสุนนัดแรกยิงปะทะร่างของนายทหาร
คยูฮยอนเป็นผู้กระทำการ และกด Puase ภาพตอนท้าย
เขายังไม่ละสายตาจากจอภาพนั้น ชางมินมองตามที่ใบหน้าของคยูฮยอน หวังเพียงว่าภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะทำให้อีกฝ่ายได้ตระหนักถึงความหนักใจที่ตนเองอยากจะบอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมด
“เขาเป็นแฟนคุณเหรอ” คยูฮยอนถามเมื่อเบือนหน้ามาพบกับสายตาเศร้าสร้อยของหนุ่มผิวสีน้ำผึ้ง
“เพื่อนครับ แต่ตอนนี้เขา...” ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดต่อไปได้อีก เมื่อภาพทั้งหมดนั้นก็ฟ้องอยู่แล้วว่าตอนนี้บุคคลนั้นมีสภาพอย่างไร
“อ่า..ผมขอโทษ”
“เขายังไม่ตายครับ เขายังอยู่ที่โรงพยาบาล” ชางมินแจ้ง
“แล้วคุณต้องการให้ผมช่วยอะไร”
“ผมไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากมูลนิธิ” ชางมินพูดจาประสาของเขา เขาจะพูดอะไรที่คนปกติอาจจะเข้าใจลำบากด้วยความที่เขาเป็นเด็กแก่เรียน ปัจจุบันกำลังทำ ดร.อยู่กับ ดร.ปาร์ค ยูชอน ณ. สถาบันแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้านักมานุษวิทยาสาขาชันสูตร บางครั้งด้วยความที่เขาคลุกคลีอยู่กับคนไม่ปกติเท่าใดนัก ทำให้พูดจาเข้าใจลำบาก
“เราไม่ใช่มูลนิธินี่” คยูฮยอนบอก
“ผมแค่.. อยากให้เขาทำกายภาพบำบัด ถ้าหากว่าเขาจะกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่น ๆ ทำงานหรืออะไรก็ตาม หมอเจ้าของไข้บอกว่าเขาต้องทำกายภาพบำบัดประมาณปีครึ่ง พร้อมกับการผ่าตัดอีกสองถึงสามครั้ง” ชางมินหยุดหายใจหลังจากพูดยาวที่สุด “พวกคาสตินยิงเพื่อนผม ผมแค่อยากให้พวกมันชดใช้”
“เงิน ?”
“ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น”
ขณะที่คยูฮยอนกำลังคิดตามนั้น ภาพข่าวในโทรทัศน์กำลังแสดงถึงความรุนแรงของโลกใบนี้ ชี้ให้เห็นว่ามีผู้เคราะห์ร้ายจากโศกนาฎกรรมสงครามนรกบนโลกนี้มากมายนัก ทหารนับพันนับหมื่นที่ต้องสูญเสียอวัยวะกลายเป็นบุคคลพร่องความสามารถ
สูญเสียโอกาสที่จะดำเนินชีวิตอันสดใส
สูญเสียหัวใจ ของความเป็นคนร่าเริงไปตลอดกาล
“ผมควรพาคุณไปพบเขา”
ชางมินเสนอเมื่อเห็นว่าคยูฮยอนยังนิ่งอยู่ ยามที่เขาเห็นเด็กหนุ่มที่อายุอานามไม่ต่างกับตนเองนั้นทำหน้านิ่ง คล้ายกับว่ามีเรื่องทุกข์ใจอยู่ไม่ต่างกับตนเอง ทำให้เหมือนกับว่าเขามีเพื่อนที่แบกความลำบากใจหลายสิ่งไว้อยู่ จึงกล้าที่จะเปิดใจ
“เอาสิครับ”
-EP.1-
สถานพยาบาลแห่งนี้ คือโรงพยาบาลทหารผ่านศึกของรัฐบาล ด้านในมีผู้คนขวักไขว่ทำงานแข็งขันทั้งแพทย์ พยาบาล หรือแม้แต่ตัวผู้ป่วยเองที่พยายามจะไม่เป็นภาระของสังคมด้วยการทำกายภาพบำบัดอย่างเข้มแข็ง
ชางมินและคยูฮยอนมองผ่านกระจกเข้าไป เห็นอดีตทหารหลายนายที่ต้องนั่งรถเข็น ใช้ไม้เท้า หรือบกพร่องสูญเสียอวัยวะบางส่วนไป
ผู้ที่ตัวสูงกว่ามีผิวสีเข้มชี้นิ้วไปที่คนไข้รายหนึ่งซึ่งต้องนั่งรถเข็นอยู่แล้วพยายามจะลุกขึ้นจากรถเข็นอันนั้นเพื่อไปยังบาร์คู่ช่วยเหลือฝึกฝนการเดินใหม่อีกครั้ง ซึ่งมีคนไข้หลายคนต้องทำไม่ต่างกัน ดูจากความแออัดของผู้ใช้บริการแห่งนี้แล้วบอกได้ทันทีว่า
...นี่เป็นสถานที่ที่มิได้รับทุนช่วยเหลือมากมายนัก หรือแม้แต่ไม่ใช่ที่ของคนรวยเจ็บป่วยมารักษา
-EP.1-
บัดนี้สามชีวิตกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ณ. ห้องซึ่งกั้นด้วยผ้าม่านอันหนึ่งเพื่อเอาไว้ให้ผู้ป่วยได้ใช้ทำกายภาพบำบัดเป็นการส่วนตัว อีกฟากหนึ่งของผ้าม่าน มีผู้ป่วยกำลังนอนอยู่บนเตียงชั่วคราวเพื่อให้นางพยาบาลกำลังทำกายภาพบำบัดให้ ชางมินยืนแตะบ่าเพื่อนรักที่นั่งอยู่กับรถเข็นเพื่อประจันหน้ากับคยูฮยอน
“หน่วยสืบสวนของกองทัพบอกว่าคุณ... ถูกจู่โจมจากพวกกบฎ”
“ครับ นั่นก็เพราะคาสตินมันไม่ยอมให้ความร่วมมือให้การสืบสวน” ผู้ต้องพิการจากสงครามแจ้งด้วยความอัดอั้นใจ
“ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ” คยูฮยอนแปลกใจ
“ไม่มีใครหยุดพวกมันได้หรอกครับ พวกมัน... เอาเถอะครับ ผมอยากแค่ให้พวกมันได้ชดใช้กับสิ่งที่มันกระทำบ้าง”
ชางมินบีบไหล่เพื่อนเบา ๆ เป็นการปลอบใจเพราะไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากกว่านี้อีกแล้ว
“ขอโทษนะคะ คุณ...” เสียงแพทย์หญิงคนหนึ่งขัดจังหวะการพูดคุยของคนทั้งหมด
“อา..” คยูฮยอนลุกจากเก้าอี้เป็นการให้เกียรติกับผู้มาใหม่ “โจว คยูฮยอน ครับ คุณคือคุณหมอเจ้าของไข้ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มผิวขาวยื่นมือออกไปเพื่อจะสัมผัสเป็นการทักทายในแบบฉบับของชาวตะวันตก
..แต่แพทย์หญิงมิได้ยื่นมาสัมผัสด้วย กลับป้ายมือไปด้านอื่นในทิศทางที่อยากจะให้ไปพร้อมกล่าว
“ขอคุยด้วยข้างนอกได้ไหมคะ”
“เขาเป็นคนดีนะครับหมอ ชางมินพาเขามาพบผมเพื่อช่วย” คนป่วยอธิบายให้แพทย์ที่หน้าบึ้งได้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์การมาในครั้งนี้ “ชางมินว่าเขาพบคุณคยูฮยอนในอินเตอร์เน็ต”
“อ้อ.. การพบในอินเตอร์เน็ตมันไม่เคยไม่ดีอยู่แล้วสินะคะ”
เธอประชด พร้อมมองหน้าชางมินอย่างติเตียน เธอคุ้นหน้าอยู่เพราะมาเยี่ยมคนไข้ของเธอค่อนข้างบ่อย
“ตามฉันมาค่ะ” เธอพูดคล้ายออกคำสั่งดั่งมีอคติในใจกับผู้ที่มาพบผู้ป่วยในสถานพยาบาลที่ไร้การช่วยเหลือจากทุก ๆ ฝ่ายแห่งนี้ก็ว่าได้
“เอ่อ..ครับ” คยูฮยอนรับคำแล้วสั่งลากับผู้ป่วย “แล้วผมจะติดต่อคุณกลับมานะครับ”
อดีตนายทหารแค่เม้มปากเพราะตั้งความหวังไว้สูงกับเรื่องนี้ไม่ได้ เขายื่น Flash Drive ที่บันทึกภาพวิดีโอนั้นให้ เผื่อจะเป็นประโยชน์อะไรกับคยูฮยอนบ้าง เมื่ออีกฝ่ายรับแล้ว เขาก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก พับหน้าจอ Note Book ส่วนตัวลง
ชางมินยิ้มให้เพื่อน ตบบ่าเบา ๆ แล้วบอกลา ย้ำให้อีกฝ่ายเบาใจว่าเขาจะทำทุกทางเพื่อให้เรื่องนี้สำเร็จ
-EP.1-
ระหว่างเดินนั้นแพทย์หญิงก็เปิดฉากใส่คยูฮยอนทันที
“คุณจะมาให้ความหวังพวกเขาแบบนี้ไม่ได้” เธอรู้ดีว่าหากผู้ป่วยมีความหวังว่าจะมีหนทางหาเงินมาเยียวยาตนเองแล้วต้องผิดหวังมันจะเจ็บปวดและผิดหวังมากกว่าที่เป็นอยู่
“ผมแค่มาเสนอทางเลือกให้เขา”
“ไม่มีทางเลือกอะไรทั้งนั้น” เธอยังย้ำคำเดิม การรักษาพยาบาลจนคนไข้คนนี้กลับไปใช้ชีวิตปกตินั้นต้องใช้ทั้งเวลา แรงใจ ที่สำคัญมันหมายถึงจำนวนเงินมหาศาลทีเดียว
“โรงพยาบาลทหารผ่านศึกที่จะรักษาและทำกายภาพ บำบัดห่างจากที่นี่ มีคิวรอยาวถึง 5 เดือนกว่าจะถึงทหารนายนี้ คุณรู้ไหมว่าประเทศเรามีผู้บาดเจ็บจากสงครามเยอะมากแค่ไหน” เธอถอนหายใจหลังจากใส่อารมณ์ไปมาก “ทุกคนในห้องบำบัดคือทหารกองหนุน หลังจากพวกเขาบำบัดเสร็จก็จะถูกส่งกลับบ้าน คนจนทั้งหมดไม่มีใครคิดว่าจะมีเงินมารักษาจนกลับเป็นคนปกติได้หรอกนะคุณ” เธอเว้นระยะหายใจอีกครั้ง
“เงินมันมากเสียจนไม่อาจจะคิดได้ โรงพยาบาลของเราไม่ได้มีเงินมากมาย ดิฉันพยายามอย่างที่สุดแล้วเพื่อจะดูแลคนพวกนั้น ตราบใดที่ยังทำได้ แต่...”
แพทย์หญิงนอกจากจะมองหน้าคยูฮยอนตลอดการสนทนาแล้ว เธอยังมองไปที่ชางมินที่เพิ่งจะเดินตามออกมาก่อนจะกล่าวประโยคสะเทือนใจตัวเธอเองด้วยซ้ำ
“ดิฉันต้องเข้าไปบอกเขาว่า พวกเรารักษาเขาต่อไปไม่ได้แล้ว มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำ ไปใช้แผนร้ายของคุณกับคนมีเงินเถอะ”
“ผมมาที่นี่เพื่อให้ความช่วยเหลือ” คยูฮยอนพยายามพูดช้า ๆ ระงับอารมณ์ของตนไว้ที่โดนดูถูก ถูกมองว่าเป็นพวกต้มตุ๋น
“แค่มาปรากฎตัวไม่ได้หมายความว่าช่วยเหลือหรอก โลกของเรามันไม่ได้มีอะไรง่าย ๆ แบบนั้น มันโหดร้ายแล้วก็ยากกว่าเด็กอย่างพวกคุณคิด”
เธอบอกสอนทั้งคยูฮยอนและชางมินไปพร้อมในตัว เปรียบเทียบจากใบหน้าแล้วอายุของคนทั้งหมดเด็กกว่าเธอที่อาบน้ำร้อนมานานหลายสิบปี เรียนรู้ความโหดร้ายทั้งหมดจากทหารที่ต้องต่อสู้ในสงครามมาทั้งชีวิตการทำงาน
เมื่อแพทย์หญิงเดินจากไป
คยูฮยอนก็ต้องถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ชางมินทำได้แค่ยิ้มแหย ๆ ทำหน้าวิงวอนว่าเรื่องที่ถูกต่อว่าวันนี้จะไม่เป็นอุปสรรคใหญ่ในการตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ
“ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณถูกต่อว่า”
“ช่างเถอะ”
“แล้วคุณจะ...”
คยูฮยอนรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรจึงควักโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า
“ผมจะโทรหาพวกเขาแล้วกัน”
“พวกเขา ?”
“ทีมของผมไง ผมรับงานนี้ ผมจะโทรหาพวกเขาทั้งหมด”
“ทั้งหมด ?”
“ใช่ The Resist”
-EP.1-
ความคิดเห็น