ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Resist [MinKyu-KiHae-SJ-TVXQ-Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #1 : EP.1-Begining of The Resist- 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      0
      25 มิ.ย. 53

    />

    EP. 1 [Begin of The Resist]

               

     

     

     

     

     

     

                กรึ่ก !

     

                แก้วเจียรไนงามที่ในอดีตไม่กี่นาทีผ่านมาเคยบรรจุวิสกี้ชั้นดีกระแทกลงกับเคาเตอร์ไม้เบา ๆ พร้อมการสั่งแก้วต่อไป ปานว่าสิ่งที่เพิ่งกระเดือกลงคอไปนั้นเป็นเพียงอากาศธาตุ  หรือน้ำเปล่าที่ปราศจากความขมปร่าเร่าร้อนของแอลกอฮอล์

     

                อีกแก้วครับ  เหมือนเดิม

     

                ช้า ๆ หน่อยก็ดีนะ  เจ้าของร้านผู้รักงานบริการจำเป็นทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์เสียเองเอ่ยเตือนเด็กหนุ่มที่รู้จักมานานนม

     

                อืม.. ครับ  เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านเข้าหูแล้วทะลุออกไป  ยามเคร่งเครียดเช่นนี้มีเพียงเครื่องดื่มดีกรีแรงเท่านั้นที่จะช่วยหล่อหลอมหัวใจบาดเจ็บเรื้อรังของเขาให้บรรเทาลงได้บ้าง

     

                วันนี้มีอะไรงั้นรึ  ถึงได้มาถึงที่นี่

     

                เปล่าครับ  ผมนัดใครบางคนไว้

     

                ใครกัน ?

     

                ผมไม่รู้

     

                อ้าว  นายนี่ยังไงกันนะคยูฮยอน  งาน ?

     

                คิดว่านะฮะ

     

                เอ้า  ก็ยังดี  ดีกว่านายยังเหมือนเดิม  บาร์เทนเดอร์ยื่นแก้วบรรจุวิสกี้ไว้ 1/3 ของแก้วใบใหม่ให้แล้วหันหลังกลับไป

     

    เจ้าของร้านเช็ดแก้ว  อุปกรณ์ต่าง ๆ  ของร้านอย่างสงบ  ให้ความเงียบเป็นเพื่อนคนสนิทของคยูฮยอนต่อไป

     

    แก้วนี้เขาค่อย ๆ ละเลียดลงคอคล้ายการจิบดั่งมนุษย์ทั่วไป  สปีด ลดลงตามคำขอของผู้ใหญ่กว่าที่หวังดี

     

     

     

     

    ไม่นานนักประตูร้านถูกผลักช้า ๆ พร้อมการปรากฎกายของคนไม่คุ้นตา  ประหนึ่งว่าเป็นครั้งแรกในการมาที่นี่  ท่าทีของเขาดูเคอะเขินกับทุกสิ่งรอบกาย  เดินเงอะงะมาถึงที่เคาน์เตอร์จรดบั้นท้ายลงกับเก้าอี้ทรงสูงตัวเหมาะกับทรงของเคาน์เตอร์บาร์

     

    อ่า..  มาร์ตินี่เขย่าแต่ไม่เช็ค  อ้อ  มะกอก 2 ลูกนะครับ

     

    สายตากลอกมองไปทั่วร้าน  แม้เวลานี้จะเห็นเพียงบาร์เทนเดอร์  เด็กทำความสะอาดและแขกที่นั่งดื่มตรงเก้าอี้ถัดไปเพียงแค่ 3 ตัว  ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า ใคร คือคนที่ตนเองนัดไว้  แขกตัวสูงผู้มาใหม่จึงเลือกที่จะเงียบและรอเท่านั้น

     

     

     

     

     

    กึ่ก !

     

    เครื่องดื่มที่สั่งถูกนำมาเสิร์ฟขณะชายหนุ่มตัวโตงง ๆ เมียงมอง  บาร์เทนเดอร์แค่ยิ้มน้อย ๆ แล้วชวนคุย

     

    มาคนเดียวเหรอพ่อหนุ่ม

     

    เอ่อ..ครับ  จริง ๆ ผมนัดใครบางคนไว้

     

    อืม  หน้าตาดูเป็นทุกข์นะ  มีอะไรให้ช่วยไหม

     

    คุณคือ..คนที่ผมนัดไว้เหรอครับ  ชางมินถามกลับ

     

    เปล่า  คนมาที่นี่แค่ 2 เวลาเท่านั้นล่ะ  ไม่ทุกข์มาก็อารมณ์ดี  มาหาความสุขเพิ่มเติม  แต่สำหรับพ่อหนุ่มคงเป็นอย่างแรก  บาร์เทนเดอร์ชายตามองอย่างมีภูมิ  ถ้าอยากระบายก็ได้นะ  ลุงเป็นผู้ฟังที่ดี

     

    ขอบคุณครับ  แต่..คงไม่เป็นไรครับ  ชายหนุ่มผิวเข้มตัวสูงยิ้มอย่างสุภาพต่อความใจดีของผู้หวังดีที่เสนอตัวรับฟัง

     

     

     

     

     

    ไม่ทันถึงนาทีที่บาร์เทนเดอร์ในสายตาของแขกใหม่หันหลังไปเช็ดแก้ว  ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าลูกค้าเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ก่อนนั้นมาประชิดตัวเสียแล้ว  ชางมินถึงกับสะดุ้ง

     

    เฮ้ย !”  เสียงต่ำ ๆ ที่อุทานนี้ทำให้อีกคนหัวเราะได้

     

    ขวัญอ่อนจริง  ชอบมาร์ตินี่เหรอครับ

     

    ก็..เอ่อ  เปล่าครับ

     

    ไม่ชอบแล้วสั่งทำไมครับ 

     

    แขกคนแรกที่มีผิวสีขาวผ่องทั้งตัวแต่แต่งกายซอมซ่อ  ผมเผ้าดูไม่ใช่คนสำอางถามอย่างพยายามผูกมิตร

     

    ผมคยูฮยอน

     

    ช..ชางมินครับ  ผมแค่มารอคน

     

    เพื่อนเหรอครับ  รึว่าแฟน  สายตาซุกซนฉายแววขี้เล่นขึ้นภายใต้ใบหน้าขะมุกขะมอม  ชายหนุ่มที่ชื่อคยูฮยอนนั้นเปิดหมวกออกมาอวดกรอบใบหน้า  แม้จะดูมอซอแต่ผิวขาวจัดชวนมอง

     

    ก็... กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะตอบดีหรือไม่ ชายที่ชื่อคยูฮยอนก็สำทับต่อ

     

    ผมเป็นแขกประจำของที่นี่นะ  ผมอาจจะรู้จักแฟนหรือเพื่อนคุณก็ได้นะครับ

     

    จริงหรือครับ  มีคนแนะนำให้ผมมาที่นี่เพื่อพบใครบางคน  ท่าทีกังวลดั่งคนต้องการทางออกของชางมินนั่นแสดงออกชัดเจน

     

    งั้นก็คงไม่ผิดตัว  คุณมีอะไรกับผมครับ  อ้า..ต้องถามว่าคุณเป็นอะไรกับพี่ชายผมมากกว่า

     

    เห..?  คำถามของคยูฮยอนทำให้ชางมินไม่เข้าใจ

     

    ช่างเถอะ  เอาเป็นว่าผมคือคนที่คุณต้องการพบ  อยากให้ผมช่วยอะไรครับ

     

    ง..งั้นเหรอครับ  เขาแอบขุ่นเคืองในใจเล็กน้อยที่เหมือนถูกหลอกอยู่พักหนึ่งแทนที่คยูฮยอนจะแสดงตัวกับตนเองตั้งแต่ทีแรก 

     

    แต่ก็พยายามเข้าใจว่านี่อาจจะเป็นการป้องกันตัวของกลุ่มคนประเภทนี้ 

     

     

     

     

     

    ผมพูดไม่เก่ง  เอาเป็นว่าดูนี่ดีกว่าครับ

     

    ชางมินหยิบเอา Note Book ที่พกมาด้วย  เปิดเครื่อง  แล้วทำการเสียบ Flash Drive เปิดหาข้อมูลซึ่งเป็น File Video เพื่อแสดงให้คยูฮยอนดู

     

    นี่จะให้ผมดูอะไรครับ

     

    คุณต้องดูก่อน  ผมถึงจะบอกได้ครับ  สองคนมองหน้ากัน  แล้วพร้อมใจกันจ้องมองไปที่จอเพื่อสำรวจเรื่องราวทั้งหมด

     

     

     

     

    หน้าจอแสดงผลภาพวิดีโอค่อนข้างชัดเจน  หนุ่มนายทหารคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นตากล้องถ่ายภาพเอง  เขาหันหน้ากล้องเข้ากับตัวเอง  มีรอยยิ้มให้ 

     

    หวัดดี  เฮ้.. ทักทายเพื่อนฉันหน่อย  เพียงสิ้นคำเรียก  ทหารอีกคนที่เดินเคียงคู่กันมาก็เล่นกล้อง  ตะโกนใส่กล้องอย่างอารมณ์ดีเย้าแหย่

     

    เค้านอกใจคุณ  นี่ ๆ เค้านอกใจคุณ 

     

    เยี่ยม.. ไอ้บ้า  นี่เพื่อนข้าเว่ย 

     

    เค้านอกใจคุณ  กับอูฐด้วย  ฮ่า ๆ  คำล้อเล่นของสองเพื่อนในกล้องดูจะชวนให้อารมณ์ดี  เพราะอีกคนไม่เชื่อว่านี่จะเป็นการถ่ายภาพส่งกลับไปให้เพื่อนดูเท่านั้น

     

    ชางมินยิ้มนิดหนึ่งที่ได้เห็นภาพเพื่อนรักยิ้มเฮฮาได้  แม้จะถูกกองทัพส่งไปประจำการกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ  คยูฮยอนเหลือบมองรอยยิ้มนั้นแล้วคิดในใจว่า  สงสัยจะเป็นอย่างที่ทหารอีกนายว่า  สองคนนี้อาจจะไม่ใช่แค่เพื่อนก็เป็นได้

     

    กับอูฐขี้เมาซะด้วย  ล่อซะอูฐหายเมาเลย

     

    ไอ้ห่า  เสียหมาเลยกู  อย่าไปเชื่อมันนะชางมิน  ไอ้นี่มันบ้า  ทหารในกล้องแทบจะยกเท้ามาเตะตูดเพื่อนจอมฟ้อง  แล้วหัวเราะชอบใจ  โอเค.. แค่ครั้งเดียวเองนะ  อูฐสาวนั่นชอบส่ง message มาหาผม  แต่มันจบไปแล้วล่ะ  ในที่สุดก็เล่นมุขกับเพื่อนเพื่อความเฮฮาไปร่วมกัน

     

    “Hello เสียงอะไรน่ะ  อีกคนที่อยู่ข้าง ๆ ทักขึ้นจนสองคนต้องหันตามไปทิศทางที่เพื่อนด้านหลังชี้มือไม้ให้สังเกตดู

     

    พบว่ามีกองกำลังชุดหนึ่งกำลังขนของบางอย่างลงจากรถบรรทุก  การแต่งกายดูจะไม่ใช่ทหารทั่วไป  เพราะมิได้ใส่ชุดพรางทหารอย่างพวกตน  แต่เป็นชุดสีดำมีเสื้อเกราะกันกระสุนทับเสื้อยืดสีดำ  มีผู้คุ้มกันสิ่งของเหล่านั้นด้วยอาวุธหนัก  ระแวดระวังมิให้ผู้ใดเข้าไปใกล้ได้

     

    กล้องหันไปจับภาพเพียงแวบหนึ่ง  แล้วเบนกลับมาที่ใบหน้าเด็กหนุ่มเจ้าของกล้องอีกครั้ง  เขาอธิบายกับภาพที่ผู้รับชมได้เห็นไปเมื่อสักครู่

     

    พวกผู้รับเหมาน่ะครับ  พวกนั้นมาอิรักเหมือน ๆ กับผม  แต่ทำเงินได้มากกว่าทหารอย่างพวกเราตั้งร้อยเท่าแหนะ  ไม่ยุติธรรมเลย  คุณว่าไหม  เขาบ่นแกมหยิกในชะตาฟ้า

     

    ทหารเกณฑ์ที่ถูกส่งมาเพื่อช่วยเหลือสถานการณ์ไม่สู้ดีนักในสงครามกลางเมืองของประเทศอิรักนั้นมีจำนวนหลายนาย  เขาเป็นหนึ่งในนั้น  เด็กหนุ่มวัยยี่สิบต้น  ใบหน้าแดงก่ำเหมือนถูกแดดร้อนระอุเผาใบหน้าขาวตามธรรมชาติของชาวเกาหลียังยิ้มสู้ 

     

    เพื่อนช่างฟ้องอีกคนรีบเดินเข้ามาสนทนาด้วย

     

    แต่คุณรู้มั้ย  พวกนั้นต้องทำอะไรบ้าง  พวกนั้นต้อง...

     

    พูดยังไม่ทันจบประโยค  เสียงสาดกระสุนปะทะกับร่างก็ดังขึ้น  ภาพทหารนายนั้นกระเด็นไปด้วยแรงปืนนั้นชัดเจน

     

    ตามมาด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายคล้ายกับมีการปะทะกันของสองฝ่าย  บัดนี้ภาพที่ขึ้นแสดงมิได้มีผู้ใดกำกับอีกแล้ว  มันส่ายไปมา  แล้วฟ้องว่าผู้ถือกล้องนั้นไม่สามารถรักษาความเสถียรไว้ได้อีกต่อไป  ในที่สุดจึงตกลงกับพื้น  ตามมาด้วยร่างของเจ้าของกล้องที่นอนแน่นิ่งอยู่หน้ากล้อง 

     

     

     

     

    อึดใจเดียวภาพทั้งหมดก็ถูก Rewind อีกครั้งเพื่อแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์เมื่อคราวถูกกระสุนนัดแรกยิงปะทะร่างของนายทหาร

     

    คยูฮยอนเป็นผู้กระทำการ  และกด Puase ภาพตอนท้าย

     

    เขายังไม่ละสายตาจากจอภาพนั้น  ชางมินมองตามที่ใบหน้าของคยูฮยอน  หวังเพียงว่าภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะทำให้อีกฝ่ายได้ตระหนักถึงความหนักใจที่ตนเองอยากจะบอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมด

     

     

     

     

     

    เขาเป็นแฟนคุณเหรอ  คยูฮยอนถามเมื่อเบือนหน้ามาพบกับสายตาเศร้าสร้อยของหนุ่มผิวสีน้ำผึ้ง

     

    เพื่อนครับ  แต่ตอนนี้เขา...  ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดต่อไปได้อีก  เมื่อภาพทั้งหมดนั้นก็ฟ้องอยู่แล้วว่าตอนนี้บุคคลนั้นมีสภาพอย่างไร

     

    อ่า..ผมขอโทษ 

     

    เขายังไม่ตายครับ  เขายังอยู่ที่โรงพยาบาล ชางมินแจ้ง

     

    แล้วคุณต้องการให้ผมช่วยอะไร

     

    ผมไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากมูลนิธิ  ชางมินพูดจาประสาของเขา  เขาจะพูดอะไรที่คนปกติอาจจะเข้าใจลำบากด้วยความที่เขาเป็นเด็กแก่เรียน  ปัจจุบันกำลังทำ ดร.อยู่กับ ดร.ปาร์ค ยูชอน ณ. สถาบันแห่งหนึ่ง  ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้านักมานุษวิทยาสาขาชันสูตร  บางครั้งด้วยความที่เขาคลุกคลีอยู่กับคนไม่ปกติเท่าใดนัก  ทำให้พูดจาเข้าใจลำบาก

     

    เราไม่ใช่มูลนิธินี่  คยูฮยอนบอก

     

    ผมแค่.. อยากให้เขาทำกายภาพบำบัด  ถ้าหากว่าเขาจะกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่น ๆ ทำงานหรืออะไรก็ตาม  หมอเจ้าของไข้บอกว่าเขาต้องทำกายภาพบำบัดประมาณปีครึ่ง  พร้อมกับการผ่าตัดอีกสองถึงสามครั้ง  ชางมินหยุดหายใจหลังจากพูดยาวที่สุด  พวกคาสตินยิงเพื่อนผม  ผมแค่อยากให้พวกมันชดใช้

     

    เงิน ?

     

    ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด  ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น

     

    ขณะที่คยูฮยอนกำลังคิดตามนั้น  ภาพข่าวในโทรทัศน์กำลังแสดงถึงความรุนแรงของโลกใบนี้  ชี้ให้เห็นว่ามีผู้เคราะห์ร้ายจากโศกนาฎกรรมสงครามนรกบนโลกนี้มากมายนัก  ทหารนับพันนับหมื่นที่ต้องสูญเสียอวัยวะกลายเป็นบุคคลพร่องความสามารถ

     

    สูญเสียโอกาสที่จะดำเนินชีวิตอันสดใส

     

    สูญเสียหัวใจ  ของความเป็นคนร่าเริงไปตลอดกาล

     

     

     

     

    ผมควรพาคุณไปพบเขา 

     

    ชางมินเสนอเมื่อเห็นว่าคยูฮยอนยังนิ่งอยู่  ยามที่เขาเห็นเด็กหนุ่มที่อายุอานามไม่ต่างกับตนเองนั้นทำหน้านิ่ง  คล้ายกับว่ามีเรื่องทุกข์ใจอยู่ไม่ต่างกับตนเอง  ทำให้เหมือนกับว่าเขามีเพื่อนที่แบกความลำบากใจหลายสิ่งไว้อยู่  จึงกล้าที่จะเปิดใจ

     

    เอาสิครับ

     

     

     

     

     

     

    -EP.1-

     

     

     

     

     

     

     

    สถานพยาบาลแห่งนี้  คือโรงพยาบาลทหารผ่านศึกของรัฐบาล  ด้านในมีผู้คนขวักไขว่ทำงานแข็งขันทั้งแพทย์  พยาบาล  หรือแม้แต่ตัวผู้ป่วยเองที่พยายามจะไม่เป็นภาระของสังคมด้วยการทำกายภาพบำบัดอย่างเข้มแข็ง

     

    ชางมินและคยูฮยอนมองผ่านกระจกเข้าไป  เห็นอดีตทหารหลายนายที่ต้องนั่งรถเข็น  ใช้ไม้เท้า  หรือบกพร่องสูญเสียอวัยวะบางส่วนไป 

     

    ผู้ที่ตัวสูงกว่ามีผิวสีเข้มชี้นิ้วไปที่คนไข้รายหนึ่งซึ่งต้องนั่งรถเข็นอยู่แล้วพยายามจะลุกขึ้นจากรถเข็นอันนั้นเพื่อไปยังบาร์คู่ช่วยเหลือฝึกฝนการเดินใหม่อีกครั้ง  ซึ่งมีคนไข้หลายคนต้องทำไม่ต่างกัน  ดูจากความแออัดของผู้ใช้บริการแห่งนี้แล้วบอกได้ทันทีว่า 

     

    ...นี่เป็นสถานที่ที่มิได้รับทุนช่วยเหลือมากมายนัก  หรือแม้แต่ไม่ใช่ที่ของคนรวยเจ็บป่วยมารักษา

     

     

     

     

     

     

    -EP.1-

     

     

     

     

     

     

     

    บัดนี้สามชีวิตกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ณ. ห้องซึ่งกั้นด้วยผ้าม่านอันหนึ่งเพื่อเอาไว้ให้ผู้ป่วยได้ใช้ทำกายภาพบำบัดเป็นการส่วนตัว  อีกฟากหนึ่งของผ้าม่าน  มีผู้ป่วยกำลังนอนอยู่บนเตียงชั่วคราวเพื่อให้นางพยาบาลกำลังทำกายภาพบำบัดให้  ชางมินยืนแตะบ่าเพื่อนรักที่นั่งอยู่กับรถเข็นเพื่อประจันหน้ากับคยูฮยอน

     

    หน่วยสืบสวนของกองทัพบอกว่าคุณ... ถูกจู่โจมจากพวกกบฎ 

     

    ครับ  นั่นก็เพราะคาสตินมันไม่ยอมให้ความร่วมมือให้การสืบสวน  ผู้ต้องพิการจากสงครามแจ้งด้วยความอัดอั้นใจ

     

    ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ  คยูฮยอนแปลกใจ

     

    ไม่มีใครหยุดพวกมันได้หรอกครับ  พวกมัน... เอาเถอะครับ  ผมอยากแค่ให้พวกมันได้ชดใช้กับสิ่งที่มันกระทำบ้าง 

     

    ชางมินบีบไหล่เพื่อนเบา ๆ เป็นการปลอบใจเพราะไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากกว่านี้อีกแล้ว 

     

    ขอโทษนะคะ  คุณ...  เสียงแพทย์หญิงคนหนึ่งขัดจังหวะการพูดคุยของคนทั้งหมด

     

    อา..  คยูฮยอนลุกจากเก้าอี้เป็นการให้เกียรติกับผู้มาใหม่  โจว คยูฮยอน ครับ  คุณคือคุณหมอเจ้าของไข้ใช่ไหมครับ  ชายหนุ่มผิวขาวยื่นมือออกไปเพื่อจะสัมผัสเป็นการทักทายในแบบฉบับของชาวตะวันตก 

     

    ..แต่แพทย์หญิงมิได้ยื่นมาสัมผัสด้วย  กลับป้ายมือไปด้านอื่นในทิศทางที่อยากจะให้ไปพร้อมกล่าว

     

    ขอคุยด้วยข้างนอกได้ไหมคะ 

     

    เขาเป็นคนดีนะครับหมอ  ชางมินพาเขามาพบผมเพื่อช่วย  คนป่วยอธิบายให้แพทย์ที่หน้าบึ้งได้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์การมาในครั้งนี้  ชางมินว่าเขาพบคุณคยูฮยอนในอินเตอร์เน็ต

    อ้อ.. การพบในอินเตอร์เน็ตมันไม่เคยไม่ดีอยู่แล้วสินะคะ

     

    เธอประชด  พร้อมมองหน้าชางมินอย่างติเตียน  เธอคุ้นหน้าอยู่เพราะมาเยี่ยมคนไข้ของเธอค่อนข้างบ่อย

     

    ตามฉันมาค่ะ  เธอพูดคล้ายออกคำสั่งดั่งมีอคติในใจกับผู้ที่มาพบผู้ป่วยในสถานพยาบาลที่ไร้การช่วยเหลือจากทุก ๆ ฝ่ายแห่งนี้ก็ว่าได้

     

    เอ่อ..ครับ  คยูฮยอนรับคำแล้วสั่งลากับผู้ป่วย  แล้วผมจะติดต่อคุณกลับมานะครับ 

     

    อดีตนายทหารแค่เม้มปากเพราะตั้งความหวังไว้สูงกับเรื่องนี้ไม่ได้  เขายื่น Flash Drive ที่บันทึกภาพวิดีโอนั้นให้  เผื่อจะเป็นประโยชน์อะไรกับคยูฮยอนบ้าง  เมื่ออีกฝ่ายรับแล้ว  เขาก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก  พับหน้าจอ Note Book ส่วนตัวลง

     

    ชางมินยิ้มให้เพื่อน  ตบบ่าเบา ๆ แล้วบอกลา  ย้ำให้อีกฝ่ายเบาใจว่าเขาจะทำทุกทางเพื่อให้เรื่องนี้สำเร็จ

     

     

     

     

     

     

    -EP.1-

     

     

     

     

     

     

     

                ระหว่างเดินนั้นแพทย์หญิงก็เปิดฉากใส่คยูฮยอนทันที

     

                คุณจะมาให้ความหวังพวกเขาแบบนี้ไม่ได้  เธอรู้ดีว่าหากผู้ป่วยมีความหวังว่าจะมีหนทางหาเงินมาเยียวยาตนเองแล้วต้องผิดหวังมันจะเจ็บปวดและผิดหวังมากกว่าที่เป็นอยู่

     

                ผมแค่มาเสนอทางเลือกให้เขา

     

                ไม่มีทางเลือกอะไรทั้งนั้น  เธอยังย้ำคำเดิม  การรักษาพยาบาลจนคนไข้คนนี้กลับไปใช้ชีวิตปกตินั้นต้องใช้ทั้งเวลา  แรงใจ  ที่สำคัญมันหมายถึงจำนวนเงินมหาศาลทีเดียว 

     

                โรงพยาบาลทหารผ่านศึกที่จะรักษาและทำกายภาพ บำบัดห่างจากที่นี่  มีคิวรอยาวถึง 5 เดือนกว่าจะถึงทหารนายนี้  คุณรู้ไหมว่าประเทศเรามีผู้บาดเจ็บจากสงครามเยอะมากแค่ไหน  เธอถอนหายใจหลังจากใส่อารมณ์ไปมาก  ทุกคนในห้องบำบัดคือทหารกองหนุน  หลังจากพวกเขาบำบัดเสร็จก็จะถูกส่งกลับบ้าน  คนจนทั้งหมดไม่มีใครคิดว่าจะมีเงินมารักษาจนกลับเป็นคนปกติได้หรอกนะคุณ  เธอเว้นระยะหายใจอีกครั้ง 

     

    เงินมันมากเสียจนไม่อาจจะคิดได้  โรงพยาบาลของเราไม่ได้มีเงินมากมาย  ดิฉันพยายามอย่างที่สุดแล้วเพื่อจะดูแลคนพวกนั้น  ตราบใดที่ยังทำได้  แต่...

     

    แพทย์หญิงนอกจากจะมองหน้าคยูฮยอนตลอดการสนทนาแล้ว  เธอยังมองไปที่ชางมินที่เพิ่งจะเดินตามออกมาก่อนจะกล่าวประโยคสะเทือนใจตัวเธอเองด้วยซ้ำ

     

    ดิฉันต้องเข้าไปบอกเขาว่า  พวกเรารักษาเขาต่อไปไม่ได้แล้ว  มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำ  ไปใช้แผนร้ายของคุณกับคนมีเงินเถอะ

     

    ผมมาที่นี่เพื่อให้ความช่วยเหลือ  คยูฮยอนพยายามพูดช้า ๆ ระงับอารมณ์ของตนไว้ที่โดนดูถูก  ถูกมองว่าเป็นพวกต้มตุ๋น

     

    แค่มาปรากฎตัวไม่ได้หมายความว่าช่วยเหลือหรอก  โลกของเรามันไม่ได้มีอะไรง่าย ๆ แบบนั้น  มันโหดร้ายแล้วก็ยากกว่าเด็กอย่างพวกคุณคิด 

     

    เธอบอกสอนทั้งคยูฮยอนและชางมินไปพร้อมในตัว  เปรียบเทียบจากใบหน้าแล้วอายุของคนทั้งหมดเด็กกว่าเธอที่อาบน้ำร้อนมานานหลายสิบปี  เรียนรู้ความโหดร้ายทั้งหมดจากทหารที่ต้องต่อสู้ในสงครามมาทั้งชีวิตการทำงาน

     

     

     

     

     

    เมื่อแพทย์หญิงเดินจากไป 

     

    คยูฮยอนก็ต้องถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด  ชางมินทำได้แค่ยิ้มแหย ๆ ทำหน้าวิงวอนว่าเรื่องที่ถูกต่อว่าวันนี้จะไม่เป็นอุปสรรคใหญ่ในการตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ

     

    ขอโทษนะ  ที่ทำให้คุณถูกต่อว่า

     

    ช่างเถอะ

     

    แล้วคุณจะ...

     

    คยูฮยอนรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรจึงควักโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนออกมาจากกระเป๋ากางเกง  ก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า

     

    ผมจะโทรหาพวกเขาแล้วกัน

     

    พวกเขา  ?

     

    ทีมของผมไง  ผมรับงานนี้  ผมจะโทรหาพวกเขาทั้งหมด

     

    ทั้งหมด ?

     

    ใช่  The Resist

     

     

     

     

     

     

    -EP.1-

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×