ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Boy's Room [WonHyuk-KiHae-KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #3 : WonHyuk Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 53


     

     

    Chapter 3

     

     

     

     

     

    วันนี้ผมนั่งทานข้าวกับเพื่อนๆ ..ก็เพื่อนที่ผมมีนั่นล่ะฮะ

     

    เวลาเดินกับพวกเค้าผมกลายเป็นตะเกียบไปเลย  แง่ง  รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นถั่วงอก  ต้นเรียวๆ หัวกลมๆ

     

    ส่วนพวกเค้าเหมือน... เหมือนอะไรสักอย่างที่ผมนึกไม่ออกนอกจากปู  เวลาอยู่หอพวกเขาแทบจะไม่สวมเสื้อเลย  อย่างมากก็เสื้อกล้ามสายเล็กบางๆ ..มันปิดอะไรได้ที่ไหนกัน  ผมล่ะจะเลือดกำเดาไหล  ขนาดผมเป็นผู้ชายนะ  ถ้าหากว่าสาวๆ ได้มาเจอช็อตติดเรทของทงเฮ  ซองมิน  หรือว่าซีวอนล่ะก็  เป็นอันละลายกลายเป็นวุ้นใสๆ เชื่อผมเหอะ

     

     

     

     

    “วันนี้พวกนายจะไปหาน้องเค้าอีกรึเปล่า”  ผมเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ในจานขณะถาม  ไม่อยากให้เสียเวลาอยากรู้

     

    “ไปสิ  เมื่อวานน้องเค้ามองพวกฉันด้วย  ไม่รีบเดินหนีอย่างทุกทีด้วย  ทฤษฎีนายใช้ได้ผล” 

     

    ซองมินยิ้มหวานให้ผมเลยล่ะ   อา..น่ารักจริงๆ  ทงเฮก็ยิ้มตาหยีมาสนับสนุนอีกคน

     

    “วันนี้น้องเค้าเลิกเรียนครึ่งวัน  เพราะต้องไปเรียน ร.ด. ฉันอยากเห็นน้องเขาใส่ชุด ร.ด. จัง  เมื่อคืนฉันแม่งคิดจนนอนไม่หลับว่าน้องเค้าจะ รอดอฉันเข้าไปเสียบฉึ่บอยู่รึเปล่า”

     

    ง่ะ.. ท..ทงเฮ  ทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะ  น้องอึนรับไม่ด้ายย

     

    พระเจ้า  นี่คือทงเฮผู้จิตใจดีที่ผมรู้จักมาหนึ่งวันเต็มๆ เลยเหรอเนี่ย 

     

    “คุณเพื่อนครับ  น้อยๆ หน่อย”  ซีวอนเข้ามาปราม  “น้องเค้าเป็นผู้ชาย  เค้าจะคิดอะไรกับพวกคุณมึงรึเปล่าก็ยังไม่รู้”

     

    “คนเราห้ามความคิดไม่ได้หรอก  น้องเค้าแบบผอมสูงขาวน่ารักตาดำๆ กลมๆ ถ้าอยู่ในชุด ร.ด. คงน่ารักอ่ะ  ทงเฮ  นายทำให้ฉันคิดตามนะเนี่ย”

     

     

     

     

    แง  เพื่อนผู้น่ารักของผมกลายเป็นอะไรไปแล้วทั้งสองคน

     

    น้องอึนควรจะทำยังไงให้เพื่อนอยู่ในศีลครองในธรรม  ไม่นำความคิดฝ่ายต่ำมาทำให้หน้าตาน่ารักต้องแปดเปื้อนไปกับความคิดอกุศลกับเด็ก 

     

    ว่าแต่..เด็กเหรอ  เด็กซักแค่ไหน  ผมยังไม่ได้ถามเลย

     

    ข้อหาพรากผู้เยาว์ก็รุนแรงนะ  ผมยังไม่อยากให้เพื่อนคนแรกในมหาวิทยาลัยต้องมีข่าวว่าพรากผู้เยาว์ไปจนถึงหูแม่

     

    ...ผมซวยแน่

     

     

     

     

    “ช่วยดูหน้าเพื่อนด้วยว่ารับได้รึเปล่า” 

     

    ซีวอนเตือนสติพวกเขาแทนผม  อา..ซีวอนเป็นคนดีจัง  ผมรู้สึกกับซีวอนเพิ่มขึ้นอีกนิดนึงแล้ว

     

    “โทษทีอึนฮยอก”  ซองมินเค้าขอโทษผมด้วย

     

    “นายคงรังเกียจพวกเรา  ฉันจะพยายามไม่...”

     

    “เปล่านะ  อย่าคิดอย่างงั้นสิ  เราไม่เคยคิดงั้นเลยนะ”

     

    ก็ตะกี๊ทงเฮกำลังจะพูดว่าผมรังเกียจรสนิยมของพวกเขา  ผมเปล่าเลย  ผม open wide จริงๆ  ความรักเป็นสิ่งสวยงาม  ใครจะไปรังเกียจลงเล่า  ผมแค่..แค่

     

    “เราแค่ต้องใช้เวลาปรับตัว  แล้วก็  ไม่อยากให้พวกนายพูดจาหื่นๆ จนเป็นนิสัย  เดี๋ยวเผลอไปพูดต่อหน้าน้องเขาน่ะ”

     

    หน้าตาผมจริงจังมากนะ  ผมใส่อารมณ์เต็มที่ตอนที่พูดให้พวกเขารู้ว่าผมไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย

     

    “จริงเหรอ  มันไม่ดีงั้นเหรอ” 

     

    ง่ะ  ทงเฮไม่รู้เลยเหรอว่าเราไม่ควรจะพูดจาส่อไปในทางลามกกับคนที่เรากำลังจะจีบ  ถึงอีกฝ่ายจะไม่ใช่กุลสตรีก็เหอะ

     

    “ไม่ดีที่เราจะแสดงความรู้สึกตรงๆ หรือไง”

     

    ซองมินเป็นอีกคนที่สงสัยในทฤษฎีของอึนฮยอกคนนี้  ผมควรจะบอกยังไงให้เค้าเข้าใจอ่า

     

    ...เพราะจริงๆ ผมก็ยังไม่เข้าใจพวกเค้าเท่าไหร่หรอก

     

     

     

     

    “ซองมิน  ฟังฉัน  มันดีที่นายจะแสดงว่านายรักใครถึงขั้นอยากร่วมเตียง  แต่มันจะดีเมื่อนายทำในเวลาที่สมควร”

     

    โอ้ว  ซีวอนอีกแล้ว  ซีวอนเค้าเหมือนขี่ม้าขาวมาช่วยผมเลยล่ะ  เค้าพูดโดน  ผมว่าผมจะเสริมอีกนิดไม่ให้พวกเขาเสียใจ

     

    “ตอนนี้ควรจะตะล่อมให้น้องเค้ารักเราก่อนไง  เวลาเค้ารักเราแล้ว  เราจะปู้ยี่ปู้ยำยังไงเค้าก็ยอม  เนอะ”

     

    ผมกล้าที่สุดแล้วนะที่จะพูดเรื่องพรรค์นี้อ่า  ดูท่าว่าทั้งซองมินและทงเฮก็เห็นด้วย

     

    “ถ้าวันนี้จะไปก็.. อืม  หาของที่น้องเค้าชอบไปล่อสิ  ล่อเด็กไม่ยากหรอก  เราคิดงั้นนะ”

     

    ขึ้นชื่อว่าเด็กมันก็ต้องแบบนี้ไม่ใช่เหรอ  น้องอึนคนนี้ยังถูกแม่ล่อหลอกอยู่บ่อยๆ เวลางอนเลย 

     

     

     

     

    “เด็กม.หกที่คนนึงชอบมีโลกส่วนตัว  อีกคนชอบเล่นเกมส์   คงไม่มีหรอกของที่จะล่อเด็กพวกนั้นได้”

     

    ซีวอนเค้าบอกผมฮะ  แล้วก็กระซิบที่ข้างหูผมด้วยว่า

     

    นายก็เก่งนะ  กล่อมพวกนั้นได้

     

    ผมงี้หน้าแดงเลย จั๊กกะจี๋แล้วก็ภูมิใจด้วยฮะ ซีวอนชมผม

     

    ผมภูมิใจในตัวเองทุกครั้งเวลาที่มีคนชื่นชม  ใครๆ ก็ต้องชอบใช่มั้ยล่ะ  ยิ่งคนที่เรารู้สึกดีด้วย  อย่างแม่  ญาติๆ หรือเพื่อน

     

     

     

    เอ..ผมชอบที่ถูกซีวอนชมแบบนี้  แสดงว่าผมรู้สึกกับ      ซีวอนในระดับนึงเลยใช่ไหม ?

     

     

     

     

    “งั้นเราควรทำไงดีอึนฮยอก”

     

    หน้าตาซองมินเศร้ามากเลย  ผมสงสารเพื่อน  ผมควรจะช่วยเพื่อนก่อนช่วยตัวเอง  ผมจับมือซีวอนแล้วบอกกับซีวอนว่า

     

    “ซีวอน  เรามาช่วยให้เพื่อนเรามีความสุขกันนะฮะ”

     

    ผมเอียงคอวิงวอน  ซีวอนเค้าอาจจะมีภารกิจฟิตหุ่นกระตุ้นใจชายหญิง  หรือต้องเตรียมตัวตั้งชมรม  ผมจึงต้องขอร้อง  ถ้าเผื่อเขาไม่ว่างเค้าอาจจะไม่ช่วย

     

    อุ่ย  ซีวอนร่นมือหนีผมทันทีเลย  แง..เขารังเกียจผมเหรอ

     

     

     

     

    “ก็..ได้  ยังไง..พวก..เอ่อ  พวกนี้ก็เป็นเพื่อนฉัน”

     

    “เย่เย่  ซีวอนใจดีที่สุดเลย  ขอบคุณนะฮะ”

     

    ผมกระโดดกอดซีวอนอย่างลืมตัว  ผมหอมแก้มเค้าด้วย  โอ๊ย  ผมจะบ้า  ผมเผลอทำกับซีวอนเหมือนที่ทำกับแม่  ซีวอนยืนนิ่งเลยอ่า  เค้าจะคิดว่าผมเป็นพวกบ้าๆ รึเปล่าเนี่ย

     

     

     

     

    “ทงเฮจด  เวลาดีใจกระโดดกอดคอหอมแก้ม  ทำหน้าแบ๊วๆ แล้วปล่อยเหมือนรู้สึกว่าทำอะไรผิด  แต่อมยิ้ม”

     

     

     

     

     

    แล้วความจริงที่น่าตกใจก็มาเยือนผม

     

    หลังจากที่ตกลงใจกับซีวอนแล้วว่าผมควรจะช่วยเพื่อนสองคนให้ประสบความสำเร็จในความรัก  พวกเราจึงมาดักที่หน้าโรงเรียนมัธยมซึ่งเป็นโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยของเรา

     

     

     

    น้องเค้าแบบ...หล่อมากกกกก

     

     

     

    ผมเป็นผู้ชายด้วยกันยังระทวย  ฮ่วย  ทำไมผมรู้สึกแบบนี้บ่อยๆ กับผู้ชายด้วยกันล่ะนี่  ไม่ยุติธรรมเลย  ทำไมฟ้ากำหนดให้ผมเป็นแบบนี้  แบบนี้ต้องรีบแมนแล้วเรา  ความเท่ห์อยู่ไม่ไกลเกินไป  ซีวอน  ช่วยให้ผมเท่ห์ด้วยน้า

     

     

     

     

     

    “น้องคยูฮยอน”

     

    โอ้ว  ซองมินตะโกนเรียกน้องเค้าแบบไม่เกรงใจเพื่อนเค้าเลย  ถ้าเป็นผมถูกดักหน้าโรงเรียนแบบนี้คง..คงทำตัวไม่ถูก

     

    “น้องคิบอม”

     

    นั่น  ทงเฮก็ด้วย  ผมเห็นอาการน้องเค้าแล้ว  อืม..ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเพื่อนผมนะ  แถมยังเดินเข้ามาหาด้วย  เด็กเค้ามีมารยาทดีทีเดียว

     

     

     

     

    “เอ่อ..สองคนนี้เหรอฮะซีวอน”  ผมกระซิบถามซีวอนที่ยืนเต๊ะท่าอยู่

     

    “อืม..ใช่  เป็นไงล่ะ”

     

    คำถามนี้ซีวอนเหมือนจะไม่ได้อยากรู้ความเห็นผมนะ  คล้ายจะบอกว่าทงเฮกับซองมินไม่มีหวังซะมากกว่า

     

    ไม่ได้ ไม่ได้  เราอย่าท้อถอย

     

     

     

     

     

    แต่แบบ..เอ่อ  พอเดินมาใกล้ๆ แล้วน้องสองคนเค้าตัวสูงกว่าทั้งซองมินแล้วก็ทงเฮ  ดีที่น้องสองคนเค้าตัวบางกว่าเพื่อนผมที่ฟิตกล้ามซะจนบวมเป็นปู

     

    “พี่มาอีกแล้วเหรอครับ  ไม่เบื่อกันรึไง”

     

    น้องคนนี้น่าจะเป็นคิบอมนะ  เพราะเขาพูดกับทงเฮ  ผมเป็นคนสังเกตสังกาเก่งน้า  เห็นทงเฮเรียกชื่อคิบอมทีเดียวก็เดาออกว่าคนไหน 

     

    “ไม่หรอก  พี่จะเบื่อเราได้ยังไง  จริงไหมซองมิน”

     

    “ช่าย... พี่ไม่เบื่อคยูฮยอนเหมือนกัน”

     

    ซองมินวางท่าแบบเท่ห์มากอ่า  แต่ผมรู้สึกว่าคงใช้หลอมละลายน้องสองคนนี้ลำบากแน่ๆ เพราะน้องเค้าดูปกติเหลือเกิน

     

    “แต่ผมเบื่อนี่  เลิกยุ่งกับผมเถอะ  ผมอายเค้า” 

     

    น้องคิบอมพูดตรงไปรึเปล่าเนี่ย  ผมเป็นทงเฮคงจุกอ่ะ  ผมเลยต้องออกโรง

     

    “น้องจ๊ะ.. คือ  เพื่อนพี่เค้าจริงใจน้า  ลองให้โอกาสเพื่อนพี่ดีไหมจ๊ะ  ถ้าไม่ชอบกันจริงๆ ก็ค่อยบอกตอนนั้นไม่สาย”

     

    ผมทำตาวิบวับเกือบๆ จะอ้อน  แถมพูดจ๊ะจ๋าด้วย  เพราะผมชอบพูดกับเด็กๆ มันน่ารักดีจะตายเวลาเราพูดแบบนี้กับเด็กๆ เด็กก็จะได้พูดเพราะกับเรา  ว้าว..สุขใจ

     

    ทงเฮหน้าหดลงเหลือสองนิ้วแล้ว  ได้ยินว่าถูกรำคาญจากคนที่ชอบ  เป็นใครก็คงเหมือนทงเฮล่ะ  ผมสงสารเพื่อนจัง

     

     

     

     

    “คือ..พวกผมไม่ใช่อย่างพี่กับแฟนนะครับ”

     

    แฟน ?  น้องคยูฮยอนเค้าหมายถึงใคร  ผมกับ..กับ..อย่าบอกนะว่ากับซีวอน

     

    “เอ๊ย..เปล่านะ  ไม่ใช่  คือพี่กับซีวอน..”

     

    โอยผมหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

     

     

     

     

     

    จู่ๆ ผมก็นึกอะไรได้ขึ้นมา

     

    เค้าว่าตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน

     

    ถ้าหากว่าผมแกล้งเป็นแฟนกับซีวอนให้เด็กๆ เค้าเห็น  เค้าซึมซับ  เค้าอาจจะยอมเปิดใจแล้วอะไรๆ ก็อาจจะง่ายขึ้น

     

    อืม...ต้องลองแล้วล่ะ

     

     

     

     

    “ไม่ได้อะไรครับ”

     

    “ไม่ได้...เอ่อ  ไม่ได้อยากจะให้ทุกคนเหมือนเราหรอก”

     

    พอผมพูดจบประโยคพ่อปูทั้งสามตัวก็หันขวับมามองผมเลย  ฮั่นแน่  ตามไม่ทันแผนการของน้องอึนล่ะซี่

     

    “พี่รู้น้องสูงกว่า  หล่อกว่า  แล้วก็เด็กกว่า”

     

    คนเราต้องสรรเสริญเยินยอแล้วค่อยตบท้าย  ถึงจะยอมฟัง  อันนี้แม่ผมสอนมาเลยนะ  อย่างเวลาแม่จะว่าใครแม่ก็จะขึ้นต้นด้วยว่า  อันนี้ดีจัง  อันนั้นสวยจัง  แบบนี้ดีมาก  แต่...

     

    ใช่  แม่จะมีคำว่าแต่... ตามมาด้วยเวลาจะติอะไร

     

    “แต่เพื่อนพี่ก็หน้าตาน่ารักกว่าเราสองคนนะ  แล้วก็มีเสน่ห์กว่าด้วย”

     

     

     

     

    “อึนฮยอก  คุณจะทำอะไรน่ะ” 

     

    ซีวอนกระตุกผมยิกๆ เลย  เข้าตาจนแล้วนี่  ทำไงได้  ผมค่อยไปคุยกับพวกเขาทีหลังแล้วกัน  ตอนนี้ต้องดำเนินการต่อก่อน

     

    “น้องสองคนอาจจะยังไม่รู้จักเค้าดีพอ  ให้โอกาสพี่เค้าเถอะนะ  พี่เชื่อว่าน้องจะต้องมองเห็นความน่ารักของเพื่อนพี่แน่เลย  เหมือนที่พี่เห็นความน่ารักของซีวอนไง”

     

    “จริงๆ ผมก็ชอบแนวน่ารักนะ  ก็เอา  ถ้าพี่คิดว่าเพื่อนพี่จะน่ารักได้  ก็ลองดู  ยังไงพี่คนนี้ก็..ดูน่ารักกว่าแฟนพี่อ่ะ”

     

    เห...ทำไมน้องคยูฮยอนเค้าตกลงง่ายจัง

     

    “ว่าไงคิบอม ?” 

     

    ทงเฮดูดุแล้วก็จี้ถามกับน้องเค้าเลย  อู้ว  เข้มมากๆ ถ้าเป็นกาแฟนี่ผมคิดว่าคงขมเพราะทงเฮไม่คิดจะพยายามเติมน้ำตาลหรือครีมเทียมเลยนะเนี่ย

     

    “ผมไม่เคะให้ใคร”

     

    คำตอบเล่นเอาน้ำลายผมแทบจะกระฉอกออกมาแทนน้ำตา  นี่น้องเค้าคิดถึงเรื่องบนเตียงเคะๆ เมะๆ เลยเหรอเนี่ย

     

    สงสัยผมจะประเมิณสถานการณ์ผิด  น้องเค้าไม่ใสเลยอ่า  เกิน PG-13 ไปขั้น NC แล้ว  ไม่ขึ้นเตียงจะรู้ได้ไงว่าใครเมะใครเคะ ?

     

    ผม..ผมต้องแก้ปัญหา  ไม่งั้นเพื่อนผมจะวืด

     

     

     

     

     

    “น้องคิบอม  ไปคุยกับพี่แป๊บนึงสิ  น้องคยูฮยอนด้วย”

     

    ผมเรียกน้องสองคนนั้นไปคุยด้วย  ลากให้ห่างจากเพื่อนๆ ของผม  น้องอึนคนนี้ต้องตะล่อมเด็กให้เพื่อนเต๊าะ

     

    “อะไรเพ่”

     

    ง่ะ  อย่าทำเสียงแว้นสิน้องคยูฮยอน  พี่กลัวนะ

     

    “สั่นอะไรล่ะพี่  จะคุยก็คุย  ผมกับคยูฮยอนจะไปเที่ยวแล้ว” 

     

    โอ..น้องคิบอมก็เข้ม  นี่ทงเฮกับคิบอมใครเข้มกว่ากันเนี่ย  ดีนะที่ผมไม่นิยมกาแฟ  มันขมอ่า

     

     

     

     

     

    “เดี๋ยว.. วันนี้ต้องเรียน ร.ด.ไม่ใช่เหรอ  คิบอมจะโดดรึไง”

     

    ชะอุ้ย  ทงเฮคุมความประพฤติน้องเค้าแทนพ่อซะแล้ว  ผมว่างานนี้คงมีคนไม่พอใจแหงมๆ

     

    “เรื่องของผม !

     

    นั่น  ว่าแล้วไง  น้องคิบอมตาเขียวใส่ทงเฮเลย 

     

    ไอ้ผมก็เข้าใจนะว่าทงเฮเป็นห่วงอนาคตน้องเค้า  แต่ยังไงคิบอมก็คงไม่ชอบแน่เลยอ่า 

     

    “น้องคิบอมใจเย็นๆ นะ ไปคุยกับพี่ก่อน”

     

    ทำใบ้คำทางหน้าตาให้ทงเฮเงียบก่อน  ขอผมคุยกับน้องเค้าเอง  ถ้าอยากมีแฟนต้องเชื่อน้องอึน

     

     

     

     

     

    ผมพาน้องเค้าเลี่ยงมาจนได้  เฮ่อ  เพื่อนผมก็เลือดร้อน  น้องเค้าก็ดูจะไม่ยอมลงให้  ไม่เห็นเหมือนผมกับซีวอนเลย  ซีวอนกลัวผมหัวหด 

     

    ...แฮ่ๆ ผมคิดเอง  มันไม่ได้เกิดขึ้นหรอก

     

    “น้องทั้งสองคนเลิกเรียนไวนะจ๊ะวันนี้”

     

    “อย่าพูดถึงได้ป่ะเพ่  มันเศร้า”

     

                “ทำไมเหรอ ?”  สงสัยก็ต้องถามสิ  ผมถามน้องเค้า

     

                น้องสองคนทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่  แต่ผมก็ยิ้มๆ ให้แบบมีน้ำใสใจจริงกระทิงแดง  น้องเค้าเลยบอก

     

                “คือผมกับคิบอมไม่ได้เรียน ร.ด.หรอก  ผมเคยมีอุบัติเหตุ  กระดูกซี่โครงหัก  แล้วก็..อีกเยอะแยะ  เค้าเลยไม่เอา”

     

                “ว้า..เราคงเจ็บแย่  ตอนนี้หายดีแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”

     

    “สบายๆ พี่  แต่เหลือรอยแผลเป็นเต็มเลย  แมนๆ ดี ไม่ต้องสัก ไม่ต้องฟันแทงกับใครก็ได้มา  แต่สาวๆ คงรังเกียจ”

     

    แววตาน้องเค้าเศร้าหมองมากเลย  ทำหน้าหงอยๆ เหมือนหมาอดข้าว  ถ้าซองมินเห็นต้องหื่นแตกชัวร์ !!

     

    “ก็อาจจะมีบางคนเค้าไม่คิดงั้นน้า  แล้วคิบอมล่ะ  ทำไมไม่เรียน”

     

    “....” 

     

    คิบอมไม่ยอมตอบ  ผมก็ไม่ได้คาดคั้นอะไร  มันคงเป็นเรื่องส่วนตัวน้องเค้า  ผมเองต่างหากที่ผิดที่ไปถามเค้า

     

    “มันเป็นหอบน่ะพี่  มันอยากเป็นทหารจะตาย”

     

    “เหรอ....งืม  แต่มันก็มีข้อดีนะ”  ผมคิดอะไรบางอย่างได้ด้วยล่ะ  ผมต้องสอนน้องเค้าให้มองเห็นว่าการเรียน ร.ด.ไม่ใช่จุดมุ่งหมายใหญ่ในชีวิต

     

    “ยังไง” 

     

    น้องคิบอมไม่ค่อยพูดดีดีกับใครเลยเนอะ  ผมแอบกลัว

     

    “ก็.. เราก็มีเวลาศุกร์บ่ายไปทำอะไรอย่างอื่นไง  อีกอย่าง  ก็มีเวลาให้เพื่อนพี่มากขึ้นไง  ฮิฮิ”

     

    “ไม่เกี่ยวเลย”

     

    “เอาน่า  ไหนๆ ก็ ร.ด.ทางทหารไม่ได้  มาลอง ร.ด.เพื่อนพี่สิ  สองคนนี้ฟิตเปรี๊ยะเซี้ยะยิ่งกว่าทหารเลยล่ะ”

     

    ไม่รู้ผมกล่อมอีท่าไหน  น้องสองคนคงงงกับที่ผมพูด  ฮิฮิ  ผมยังงงๆ อยู่เลย 

     

     

     

     

     

    ผมรีบเข้าไปหาซองมินแล้วก็ทงเฮ  บอกว่าน้องเค้ายอมแล้ว

     

    “ยอม..อะไรเหรอ ?”

     

    คิคิ  ซีวอนแอบตื่นเต้นนะเนี่ย  ถึงขั้นออกปากถามผมแบบเนี่ย  อยากรู้ล่ะซี่

     

    “ก็ยอมให้ซองมินกับทงเฮพาเที่ยวทุกวันศุกร์บ่ายน่ะสิ”

     

     

     

     

     

    ผมภูมิใจมากที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น  น้องเค้าล้วงกระเป๋าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  ผมรู้ทันน้องสองคนเค้าด้วยล่ะ  เค้าคงหวังจะถล่มเพื่อนผม  ผมก็ไม่รู้แล้วนะ  จัดให้ได้แค่นี้

     

    “เราเก่งป่าวซีวอน”

     

    “อืม..เก่ง” 

     

    ซีวอนลูบหัวผมอีกแล้ว  อา..ชอบจัง  เวลาเค้ายิ้มแล้วหล่อจัง  แบบว่าน้องคิบอมกับน้องคยูฮยอนชิดซ้ายอ่า  เพราะน้องเค้าไปไปมามาก็ดูน่ารักอยู่ดี  คิบอมแก้มป่อง  ผมยาวคงสวยกว่าทงเฮ (บรึ๋ยส์)  ส่วนน้องคยูฮยอนยิ้มทีเหมือนลูกหมาน้อยๆ คอยเจ้าของให้อาหาร  อิอิ

     

    ...เพื่อนผมมันคงชอบกันแบบนั้นนั่นล่ะ

     

    ส่วนผมชอบแบบซีวอน  ..เห ?

     

    ผมคงชอบแบบเพื่อนนั่นล่ะ  อย่าคิดมาก

     

     

     

     

     

    “งั้นเรากลับดีกว่า  ปล่อยพวกนี้ให้เค้าจัดการกันเอง”

     

    ซีวอนยื่นมือมาขอมือผม  อ..อย่าบอกนะว่าจะขอผมจับมือ  จะดีเหรอ ?  มัน...

     

    “สวีทไปนะเพ่  จะรีบกลับไปซั่มกันรึไง”

     

    น้องคยูฮยอนอ่า...  จะบ้ารึไงพี่กับซีวอนเป็นเพื่อนกัน  จะไปซั่มเซิ่มอะไรกันได้

     

    เอ๊ะ... น้องเค้าเข้าใจว่าผมกับซีวอน... จริงด้วยสิ  เราเป็นแฟนกันนี่นา 

     

     

     

     

     

    อ้อ  นี่ซีวอนคงรับมุขผมไม่ให้ทุกอย่างเสียแผน  ผมเผลอใจเต้นไปกับเรื่องที่เค้าขอจับมือได้ไงเนี่ย  ในช่องอกมันโหวงๆ เหมือนอะไรที่มีเต็มอยู่มันหายไป  เบาหวิวเลย

     

    ผมยื่นมือไปให้ซีวอนจับตามหน้าที่  ตอนแรกมันเผลอคิดเพี้ยนๆ เลยตื่นเต้น  พอนึกถึงเหตุผลได้ก็เลย..เฉยๆ

     

    มั้ง ?

     

     

     

     

    “อย่าพูดมาก  เดี๋ยวพวกนายก็โดนซั่ม” 

     

    ซีวอนพูดได้โดนมาก  ฮ่าๆ  ผมอยากหัวเราะใส่หน้าเด็กสองคนนั้น  ชี่ส์..กล้ามาแซวผม  รู้จักซีวอนน้อยไปซะแล้ว  เออ  นั่นสิ  ผมยังรู้จักซีวอนน้อยขนาดนี้  พวกเค้าจะรู้จักได้ไง

     

     

     

     

     

    “พวกนายก็เหมือนกัน  ใจเย็นหน่อยล่ะ  ฉันกับอึนฮยอกกลับแล้วนะ”

     

    “ฮั่นแน่  ผู้ชายสองคนจับมือกันเดินกลางวันแสกๆ ไม่อายรึไงเพ่”

     

    เจ้าเด็กคยูฮยอนนั่นยังไม่เลิกอีก  แงแง  อย่าพูดแบบนี้เซ่  มันฟังดูแล้วไม่เท่ห์เอาซะเลย

     

    “ช่วยดูมือตัวเองก่อนพูดหน่อยน้อง  แซวมาก  ถ้าแฟนพี่งอนหนีไป  พี่จะตามหักคอตรึงโซ่ขึงใส่มุมเตียงสี่เสาถวายเพื่อนพี่  ระวังตัว !!~

     

    ง่ะ  ซีวอนน่ากลัวมาก

     

    ตัวก็ใหญ่  สายตาก็เฉียบขาด

     

    คำขู่ยัง.. โอ้โห  ถ้าขู่ผมแบบนี้ผมต้องปัสสาวะหนืดแน่

     

    เอ๊ะ  จริงอย่างที่ซีวอนว่าด้วย  เพื่อนผม speed เร็วกว่านรก  คิดว่าตัวเองเป็นคีนู รีฟ กันรึไงอ่า  ผมยังดูไม่ทันเลยว่าไปจับมือน้องเค้าตอนไหน 

     

    ซีวอนตาไวชะมัด  เห็นว่าซองมินจับมือคยูฮยอน  ส่วน ทงเฮก็จับมือคิบอมกันหนีไว้เรียบร้อยแล้ว โอ้ว สัญญาณ wi-fi ค่ายไหน  จะเท่าสัญญาณใจ  ...แวร๊ง

     

     

     

     

    “เย้ย !!~  พี่มาจับมือผมตอนไหนเนี่ยพี่ซองมิน”

     

    “นานแล้ว” 

     

    “ทำอะไรของพี่น่ะ”

     

    “ก็จับมือคิบอมไง  ป่ะ  ไปเที่ยวกัน  น้า..ต่อไปเรียกทงเฮเฉยๆ ก็ได้  จะได้สนิทกันไง”

     

     

     

     

     

    โอย  ผมไม่อยู่ตรงนี้ได้ไหม

     

    เห็นเพื่อนๆ แล้วผมตะหงิดใจว่าจะมีปัญหา  วันนี้ผมไม่อยากแก้ปัญหาให้ใครแล้ว  ช่วยตั้งขนาดนี้แล้วถ้าทำพังเองก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะ

     

     

     

     

     

    “ซีวอน  กลับกันเหอะ”

     

    “อืม  เอาสิ  หิวไหม  นายผอมเกินไปนะ  ไม่เห็นเหมือนเจ้าสองคนนั่นเลย”

     

    “เหรอ.. ซีวอนไม่ชอบคนผอมๆ เหรอ”

     

    ก็ผมอยากรู้นี่  ผมอาจจะมีพยาธิก็ได้  แต่ก็ถ่ายพยาธิบ่อยนะ  คนมันจะผอม  ทำไงก็ไม่อ้วนหรอก  ผมกินเก่งจะตาย 

     

    ...บอกตรงๆ เลยว่าผมกลัวถูกเพื่อนไม่รัก  ถ้าซีวอนตอบว่าไม่ชอบคนผอมๆ ผมจะทำยังไงดี

     

    “ก็..เปล่า  ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น  แค่กลัวนายสุขภาพไม่ดี”

     

    เห็นมั้ยล่ะ ผมว่าแล้วซีวอนต้องใจกว้าง  ซีวอนเป็นคนดี

     

    “ซีวอนน่ารักจัง  ห่วงเราด้วย  ขอบใจนะ  เราก็ห่วงซีวอนเหมือนกัน”

     

    “ห่วงอะไร ?”

     

    “กลัวว่าสักวันซีวอนจะกลายเป็น The Hulk วันนั้นเราต้องกลายเป็นผู้ช่วยทาสีเขียวให้ซีวอนทั่วตัว”

     

    “เง้อ  ต๊องใหญ่แล้ว  ไปเหอะ”

     

     

     

     

     

    “ไปซักทีเหอะพี่  ผมจะอ้วกแล้ว  มันเลี่ยน”

     

    น้องคยูฮยอนกับน้องคิบอมผะอืดผะอมอย่างกับอาเจียนจริงๆ เลย  ผมหัวเราะสองสามทีก็จูงมือซีวอนวิ่งออกมา  เปิดโอกาสให้พวกเค้าได้ทำอะไรซักที

     

    ผมเป็นคนดี  เห็นมั้ย..อิอิ

     

     

     

     

     

     

    ผมกับซีวอนกลับมาที่หอพักแล้ว  ตอนนี้เราอยู่ที่ห้องของซีวอน  เพราะซีวอนบอกว่าเขาทำอาหารเป็น  ถ้าผมอยากจะทาน

     

    ถ้าเรื่องกินล่ะก็  ผมสู้ตาย ไม่กลัวท้องเสียอยู่แล้ว

     

    ผมมันพวกกระเพาะหิน  ลำไส้เหล็ก 

     

    คุณแม่ทำให้ผมทานทุกอย่าง  ผมเป็นหนูทดลองของสูตรอาหารคุณแม่มาหมดแล้ว  ฝีมือของซีวอนคงไม่เท่าไหร่หรอก

     

     

     

     

     

    “ซีวอน..จะทำอะไรให้เราทานเหรอ”

     

    “ทายสิ”

     

    “ปูไข่ผัดผงกะหรี่ ?”

     

    “ฮื่อ  นายนี่ท่าจะชอบปูจริงๆ นะ”

     

    ซีวอนเค้ารู้ใจผมจริงๆ เอ..เพราะผมชอบทานปูรึเปล่าน้าเลยรู้สึกว่าเห็นซีวอนถอดเสื้อทีไรอย่างจะแกะซิกแพ็คที่หน้าท้องของซีวอนออกมากินไข่  อิอิ

     

     

     

     

    “ซีวอน  ถามอะไรหน่อยสิ”

     

    “ว่าไง”

     

     

     

     

    “ทำกับข้าวนี่ต้องถอดเสื้อด้วยเหรอ  !

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×