คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : EP.1-The Body In The Fridge-2
/>
เสียงล้อของรถเข็นขนาดใหญ่ดังเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ ตามแรงเข็นผลัก การกลับมายังห้อง Lab ครั้งนี้สร้างความสนใจให้กับผู้ทำงานใน Lab เป็นอย่างดี
บริเวณทำงานใน Lab แห่งนี้ ชั้นล่างจะแบ่งเป็น 2 Zone ใหญ่ คือ
ช่วงกลางห้องขนาดใหญ่นี้จะมีแท่น Floor ยกระดับ ซึ่งไว้ใช้ทำงาน ลักษณะคล้ายเวทีมวย แต่เป็นเวทีมวยขนาดยักษ์ ไฟส่องสว่างตามความเหมาะสม เครื่องมือ แท่น เรียงรายอยู่มากมายจนไม่อาจชี้ชัดได้ว่าเครื่องมือชิ้นใดเรียกว่าอะไร แต่ผู้ทำงานกลับจดจำได้ทุกรายละเอียดจนทำงานหยิบจับได้คล่องแคล่ว
รอบๆ Floor ที่มีความสูงระดับพื้นผิวนั้นมีไว้ใช้เดิน หรือทำกิจกรรมอย่างอื่น
รถเข็นขนาดใหญ่บรรทุกตู้เย็นสีแดง มีสายคาดแน่นหนากว่าเดิม ถูกเปลี่ยนจากโซ่ กุญแจ และเทปกาวลวกๆ ให้มัดแน่นหนาขึ้นขณะขนย้าย
ผู้ทำการลำเลียงคือนายตำรวจหน้าตาดีคนเดิม เขาทำความรู้จักกับประวัติผู้ปฏิบัติงานที่นี่ไว้เป็นอย่างดีแล้วจึงยิ้มให้กับทุกคน แล้วบอกว่า
“โอเค เบามือหน่อย วางตรงนี้ล่ะ ทุกคนครับ ผมมีของขวัญมาฝาก” เขาขี้เล่นและมีเสน่ห์ไม่น้อย
“คุณคงไม่บอกนะว่าข้างในเนี่ยใส่ Wine หรือ ไก่งวงอบไว้รอวันขอบคุณพระเจ้า” แจจุงถามทั้งที่รู้ดี
“ฮ่าๆ ถ้ามาที่นี่... แน่นอนว่าข้างในเป็นคนครับ” เขาตอบพร้อมมองหากระดาษหรืออุปกรณ์อะไรอื่นมาเช็ดทำความสะอาดมือ ยุนโฮเดินถอยห่างออกจากตู้เย็นนั้นทันทีที่ปล่อยมือ
“แทนที่จะเปิดออกเองและเสี่ยงโดนใครบางคนตะโกนใส่รูหู เพราะเสียคุณค่าทำหลักฐานเสียหาย ผมเลยยกทั้งตู้มาให้พวกคุณ”
“เราคงต้องใช้เตาอบละลายของข้างในกระมัง”
ชางมินตอบเสียงเรียบ หนุ่มนักวิทยาศาสตร์เต็มขั้นพยายามตลกแต่ไม่มีใครหัวเราะแม้แต่คนเดียว
ยูชอนผู้มาเคียงข้างกับนายตำรวจรักษาใบหน้านิ่งได้ชะงัก เดินเข้าไปชะโงกมองรอบตู้เย็นแล้วออกความคิดเห็น
“ศพคงจะเน่าเปื่อยไปเยอะแล้ว”
“เดี๋ยวๆๆๆ ผมขอไปจากตรงนี้ก่อน” แจจุงบอกคิวให้ทุกคนได้รับทราบ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ชินชากับซากมนุษย์เน่าเปื่อย ทั้งที่หลงใหลในลายกล้ามเนื้อมนุษย์ขณะมีชีวิตยิ่งกว่าใครเพื่อน แต่เมื่อมันเน่าเปื่อย เขาทนดูไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว
เมื่อเห็นว่าแจจุงเดินหันหลังหนีไปแล้วก็ถึงเวลาชำแหละตู้เย็นเพื่อสำรวจสิ่งที่รักษาไว้ภายใน
“ตอนนี้ล่ะที่สนุก” ชางมินพูดติดตลก
“เอาล่ะ เปิดได้แล้ว” ยูชอนใช้สองมือซุกลงในกระเป๋ารอรับภาพด้านใน
ปัง !!
แชลงอันใหญ่งัดฝาประตูให้เปิดอ้าออก ภายในความมืดมิดนั้นเผยสิ่งที่คล้ายกับเนื้อสดหรือกระดูกหมูที่เราเคยบรรจุยามต้องรักษาความสดไว้เพื่อใช้ทำอาหาร
แต่ตอนนี้มันไม่ได้เสียบปลั๊กมาเนิ่นนานจนทำให้ของด้านในเน่าเปื่อยเสียจนไม่อาจมองหาความงามจากกล้ามเนื้อ ผิวหนังหรือรูปร่างเดิมของมันได้
กองกระดูกซากมนุษย์ 1 ร่างถูกเคลือบไปด้วยยางหนืดเหนียวที่สันนิษฐานได้ว่า เป็นของเหลวจากร่างมนุษย์ที่หยืดเยิ้มออกมาหลังจากเสียชีวิตแล้วเกิดกระบวนการย่อยสลาย สีแดงเข้มจนดำเปรอะเปื้อนละลามอยู่กองภายในของตู้เย็น
รูปร่างของกองกระดูกยังมองเห็นเป็นตัวมนุษย์
แม้แทบจะไม่มีอวัยวะภายใน เส้นผม หรือเนื้อหนังชัดเจนให้ได้เห็นเพราะเลอะไปทั่ว แต่ก็ทราบได้ว่านั่นคืออดีตคนอย่างแน่นอน
“อุ๊บ”
ยุนโฮยกมือปิดปากปิดจมูก หรี่ตาลงนิดหนึ่งด้วยความผงะ ใช่ว่าจะได้พบภาพแบบนี้ทุกวัน แต่ก็ต้องรีบปรับท่าทางให้เป็นปกติที่สุดเมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ ภายใน Lab นี้ยืนนิ่งสังเกตดูภาพนี้อย่างตั้งใจ มิได้อกสั่นขวัญแขวนหรืออุทานเสียจริตอย่างตนเอง
“อ..เอาล่ะ ทีนี้ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
เขาถามกลบเกลื่อนร่องรอยความอ่อนไหวในจิตใจของตน นายตำรวจมาดแมนที่ดูจะจิตตกอยู่คนเดียวไม่กล้าสบตาใครให้อับอาย ถามเสร็จก็ต้องเบือนหน้าหนีไปตั้งหลัก แต่พบกับสายตาของจุนซูที่ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูจะไม่ใช่คนแกร่งกล้าอะไรมากมายนักยืนมองจ้องโครงศพจึงต้องรีบหันมามองที่ศพบ้าง
ยูชอนก้มลงนั่งพินิจใกล้ๆ กับตัวซากมนุษย์ จ้องมองรายละเอียดของโครงสร้างและสิ่งประกอบอื่นๆ แล้วตอบสั้นๆ
“ผู้ชาย”
“วัยรุ่นตอนต้น ไม่น่าจะถึง 20” ชางมินร่วมวิเคราะห์
“เดาว่าคงอยู่ในตู้เย็นนี้มาสักปีนึง”
ว่าแล้วยูชอนก็จ้องหารายละเอียดบริเวณกะโหลกศีรษะอย่างตั้งใจ น้ำเสียงยังคงเฉยชาต่อสิ่งรอบข้างไม่เปลี่ยนแปลง
“มีแมลงช่วยวิเคราะห์ให้แม่นยำขึ้นไหม”
“มีเสมอครับ” จุนซูใช้อุปกรณ์ในมือเป็น cotton bud ธรรมดากวาดไปยังเนื้อเยื่อที่ยังพอมีติดอยู่ร่องแร่งกับศพได้ตัวแมลงชนิดหนึ่งมาอวดให้ทุกคนได้ชม
“ชางมิน เอากระดูกไปทำความสะอาด เตรียมตัววิเคราะห์ จุนซูฉันอยากได้เวลาที่แน่นอน” สั่งความไม่ทันขาดคำก็มีเสียงก้าวเท้าของคนเข้ามาด้านในพร้อมเอ่ยน้ำเสียงทุ้ม
“ผมมาขัดจังหวะรึเปล่าครับ”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กับนายตำรวจยิ้มหล่อมาแต่ไกล เขาเดินอ้อมจากด้านหลังมายืนเคียงข้างกับยูชอนเหลียวมองโครงกระดูกด้านในตู้เย็นแล้วพูด
“อืม..น่าจะซักปีนึงนะ”
“ฮะ ราวๆ นั้น” ยูชอนยิ้มครั้งแรกของวันให้ทุกคนได้เห็นเมื่อมีชายคนนี้เข้ามาใน Lab
“ผมมารับไปทานข้าว”
“อาหารฝรั่งเศส ?”
“ตามใจคุณเลย” ผู้มาใหม่สร้างความประหลาดใจกับท่าทีและคำพูดให้ยุนโฮได้งุนงง ไม่มีอาการตกใจกับการเห็นสภาพศพที่เน่าเปื่อย ซ้ำยังพูดจาคาดคะเนเรื่องเวลาไว้คล้ายกับยูชอน
“แล้วพบกันนะทุกคน” ยูชอนหุบยิ้มแล้วเดินสะบัดหน้าตัวปลิวไปหยิบของให้กับหนุ่มมาใหม่ได้ถือแล้วก้าวฉับๆ ออกจาก Lab ไปทันที
“พวกเขาจะทานมื้อค่ำกันจริงๆ น่ะเหรอ หลังจากได้เห็น..สิ่งนี้” ยุนโฮถามคำถามนี้ลอยๆ มองสองคนที่เดินเคียงกันออกไป “ว่าแต่..ใครกันน่ะ ผมไม่เคยพบแฟ้มของเขาว่าทำงานในนี้”
ถามเสร็จก็ทำการปิดประตูตู้เย็นลงเพราะไม่อาจทนดูไปได้นานกว่านี้
แจจุงคงรู้เวลาดี จึงกลับมาเมื่อเห็นว่าประตูตู้เย็นปิดลงแล้ว เขาให้คำตอบกับทุกคน
“คงเป็นซึงฮยอน ...ดร.เชวซึงฮยอน เขาเป็นศาสตราจารย์ที่สอนยูชอนตอนเรียน พวกเขาเคย...สนิทกันมาก”
“หืม.. ดร.ยูชอน เป็นศาสตราจารย์ที่สอนผม อย่างนั้น ดร.เชว ซึงฮยอน สอน ดร.ยูชอน มันหมายความว่า..”
“ไม่” // “เปล่า” ทั้งแจจุงและจุนซูพูดขึ้นพร้อมกัน
“อย่าลำดับความสัมพันธ์เลย นายไม่มีวันเข้าใจหรอกชางมิน” แจจุงบอก
“เฮ้ ผมจบดร.ตั้งแต่อายุยังน้อย ผมอัจฉริยะนะ”
ชางมินพยายามจะค้าน และคิดว่าตนเองหัวดี น่าจะเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ได้ดีระดับหนึ่ง
แต่คนที่เหลือส่ายหน้า รู้ดีว่าชางมินนั้นเก่งเรื่องในตำราหรือเรื่องอื่นๆ ยกเว้นเรื่อง “ความสัมพันธ์”
ยังกล่าวขวัญถึงไม่ทันจบดี ร่างของยูชอนก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า เสียงฝีเท้าค่อนข้างเบาทำให้คนที่กำลังตั้งใจฟังทั้งหมดมิได้ยิน
“คุณยูชอน ไม่ได้ไป...” จุนซูตาโตเมื่อเห็นยูชอน
“ฉันแค่ไปส่งเขาที่รถ” น้ำเสียงเฉยชาปานจะเหวี่ยงสายตาคมนั้นใส่ทุกคน ทำเอาทุกคนหน้าเจื่อน “ฉันขอใบหน้าของรายนี้ภายในเย็นนี้นะแจจุง” พูดเพียงเท่านั้นก็เดินเข้าห้องทำงานของตนเองที่อยู่ด้านบนของ Lab
“ฟู่... เกือบซวยแหนะ” แจจุงหายใจไม่ทั่วท้อง เขากล่าวขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องของยูชอน
“นี่พวกคุณเป็นเพื่อนกันแน่เหรอ ?” นายตำรวจถามอย่างไม่ค่อยเชื่อในสถานะเท่าใด
“อ่าฮะ แน่สิ” แจจุงตอบแต่ก็ยิ้มให้ยุนโฮ “เพียงแต่นิสัยเราไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง...คุณตำรวจ”
ความคิดเห็น