ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ้านทรายทอง [KiHae]

    ลำดับตอนที่ #2 : The House of Golden Sand # 2

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 54


     

     

     

     

     

     

    The House of  golden sand  #2

     

     

     

     

                ทำได้ใช่ไหม ?

                คุณชายคิบอมถามเสียงหล่อเมื่อมอบหมายหน้าที่ให้กับอีทงเฮ  หน้าที่ที่เขาคิดว่าดูจะเหมาะสมใกล้เคียงกับการทวงค่าแชร์สำหรับผู้มีหน้าตามีการศึกษาอย่างอีทงเฮ

                ได้ฮะ  ทงเฮจะสอนคุณชายน้อยเอง

    การเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษให้กับน้องชายคนเล็กของตระกูลนี้อาจไม่ใช่หน้าที่ที่ทงเฮหวังไว้แต่แรก  แต่ก็เป็นบันไดขั้นหนึ่งที่จะทำให้ได้ไต่เต้าไปใช้เต้าไต่

    หากว่าทงเฮทำหน้าที่ได้ดี  อนาคตคุณชายจะอนุญาตให้ทงเฮเลือกงานอื่นได้อีกใช่ไหมฮะ

    ผมรับปาก  คุณชายตกลงอย่างไว้ตัว

    เด็กคนนี้ช่างน่ารักจริง  กตัญญูนัก  ให้สอนหนังสือซึ่งเป็นงานหนักแล้วยังจะเสนอตัวทำงานอื่นอีก

    คิบอมคิดในใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหนุ่มน้อยน่ารักตรงหน้ามีแววกระตือรือล้นอยากทำงานอื่นอีก คาดหวังไว้ในใจว่ากึ่งญาติห่างๆ คนนี้คงจะนำความรู้มาให้น้องชายคนเล็กรวมถึงเขาคงได้มีโอกาสช่วยเหลือผู้ประสบชะตากรรมอันโหดร้าย  เขาพยักหน้าให้กับเงาในกระจกเสมือนพยักหน้าให้ตนเอง

                ..ทึ่งในความหล่อตนเองเล็กน้อย

    เมื่อคิบอมผันกายออกไปแล้วทงเฮจึงถอดคราบหนุ่มน้อยวัยใสผู้น่าสงสารออก  สะบัดหน้าอ้าปากกว้างสลับทำปากจู๋เนื่องจากเมื่อยกล้ามเนื้อใบหน้าอันนุ่มเนียน

    “สอนภาษาอังกฤษ  เราต้องพยายามให้สมกับที่จบมาจากเมืองนอกเมืองนา”  ควานมือลงไปในย่ามยี่ห้อไม่โด่งดังอย่าง CHOLE ภายในย่ามเก็บของจิปาฐะมากมายรวมถึง Talking Dictionary ภายในซองหนังจาก BALENCIAGA ที่สั่งทำมาเป็นพิเศษสำหรับรุ่นนี้

    แม้จะมีความรู้ระดับหนึ่ง  แต่ด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัวจึงพยายามนึกเสมอว่าตนเองนั้นอาจรู้เพียงหางอึ่งที่ถูกเสียบไม้ย่างขายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

    “เราจะเริ่มจากไหนดีนะ”  ทงเฮเริ่มคิดถึงเรื่องที่จะสอนให้กับชายน้อยและปลงใจแล้วว่า  จะเริ่มจากสิ่งที่ตนถนัดถนี่.. นั่นคือการเป่ากบ ตีคลี หรืออาจเป็นกระโดดยาง

    ครู่เดียวทงเฮได้ยินเสียงเพลงลาวดวงเดือนเอื้อนเอ่ยจากน้ำเสียงของคุณหญิงป้าโจควอนแว่วมาแต่ไกล  เนื่องจากมิใช่คนที่ต่อต้านวัฒนธรรมโบราณของประเทศอื่นใด  จึงได้กล่าวชื่นชมญาติผู้ใหญ่ออกไปเบาๆ ว่า

    “ใครเชือดควายตายในบ้านวะ”

    หากแต่รีบตะครุบริมฝีปากตนเองไว้  เกรงว่าการสรรเสริญเช่นนี้จะทำให้หญิงมีอายุได้ใจจนร้องต่อกระทั่งขาดลมเสียชีวิต  เด็กหนุ่มผู้ต่ำต้อยเป็นห่วง  รวมถึงรู้สถานะของตนเองว่าเป็นเพียงคนชั้นต่ำ  ไม่คู่ควรกับการเยินยอคุณหญิงป้าที่บุญหนักศักย์ใหญ่กว่าตนหลายขุม

    คนรับใช้คนเดิมที่ได้ทราบนามอันเพราะพริ้งเหลือเกินภายหลังว่า “ฮีชอล” นั้นฟ้อนรำเข้ากับจังหวะเพลงอันดังสนั่นบ้านมาเรียนเชิญทงเฮให้ไปพบกับผู้ที่จะต้องสอนหนังสือ  ทงเฮยิ้มหวานให้ด้วยการแยกเขี้ยวตาเขียวใส่  รวมถึงกล่าวชมการฟ้อนรำนั้นเป็นการตอบแทน

    “ชักเหรอ หรือว่าเป็นลมบ้าหมู?”

    กล่าวจบจึงเบือนหน้าน้อยๆ นั้นย่างก้าวอย่างผู้มีการฝึกฝนบุคลิกภาพดีประหนึ่งเป็นนักเลงหัวไม้ส่ายอาดๆ ออกไปตามคำเชิญ  ในใจนึกอยากจะฝึกฝนศิลปะร่ายรำอย่างคนรองมือรองเท้าที่ชื่อฮีชอลจนขนที่ง่ามก้นลุก




     

    ... The House of Goden Sand ...




                เยื้องย่างมายังเคหะนี่คือสถานแห่งบ้านทรายทองที่ปองมาสู่แล้ว  ทงเฮได้พบกับผู้คนสลอนหน้าซึ่งรอการมาของเขาอยู่อีกหลายคน

                “เอ้า  มานั่งนี่สิหนู”  โจควอนเพิ่งวางไมค์ทองคำแท้ล้อมเพชรฝังมุกเคลือบแร่ดีบุกซึ่งร้องประกอบกับเครื่องคาราโอเกะเชื้อเชิญ  “ป้าจะแนะนำให้หนูรู้จักกับคนอื่น”

                ทงเฮยังคงเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอ  ยื่นหมากฝรั่งอันหนึ่งมาให้กับคุณหญิงป้าเป็นการตอบแทนด้วยท่าทีสุภาพทั้งที่กลิ่นปากคล้ายส้วมแตกนั้นทำให้อยากอาเจียร  ก่อนจะกล่าวอะไรต่อให้เป็นลม  จากนั้นยังมีเครื่องดื่มยี่ห้อ “บาวแดง” ให้ญาติผู้ใหญ่เติมพลัง

              เด็กคนนี้ช่างน่าสนใจ  มีผลิตภัณฑ์ชูกำลังจากต่างแดนมาเป็นของกำนัลให้คุณแม่เสียด้วย

                ในใจของคุณชายคิบอมนึกชื่นชมครูคนใหม่ของน้องชายอีกครา 

            
    เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทงเฮหันมาสบตากับเขาแล้วทำวิ้งขึ (
    Wink) ให้อย่างไร้เดียงสา  ทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นเป็นจังหวะกลองยาวในงานแห่บั้งไฟ

                “สวัสดีฮะ  ทงเฮฮะ” 

    “รู้จักกันไว้นะ  นี่ยูชอนลูกคนโตของฉัน”  คุณหญิงโจควอนผายมือแนะนำ  ทงเฮยกขาหน้าให้พลางทำลิ้นห้อยประจบเจ้าของใหม่ส่ายหางดุ๊กดิ๊ก

    “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะฮะ  ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายใหญ่จะยังหนังหน้าตึงแบบนี้  วาสนาแท้ๆ เลยฮะ”  หนุ่มน้อยกล่าวชมจากสภาพผิวที่พิสูจน์ได้ด้วยสายตาของตน  ไม่กล้าค่อนขอดเรื่องที่ชายใหญ่อาจจะดึงหน้ามา

    “ส่วนนี่  ชายน้อย  สวัสดีพี่เขาสิลูก  ต่อไปนี้พี่เขาจะช่วยสอนเรา”

    “สวัสดีครับ”  เด็กน้อยแก้มกลมคนนั้นก็ดูท่าว่าจะอายุไม่น้อยแล้ว  แต่ใบหน้ายังดูเด็กอยู่อีกคน  ทงเฮอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม

    “คุณชายน้อยดูไม่เหมือนคนเป็นง่อยเลยนะฮะ”

    แม้จะเห็นว่าชายน้อยทำสายตาประหลาดแกมตกใจ  แต่ทงเฮก็แปลความหมายนั้นว่าคงเป็นความชื่นชมจากคำพูดของตนที่เยินยอคุณชายน้อย

    “ชายน้อยเพียงเป็นเล็บคุดเล็บขบและเชื้อราช่วงบริวเณง่ามนิ้วเท้าเท่านั้นครับคุณครู  ไม่ได้เป็นโปลิโอ”  ชายคิบอมติติงแก้ข่าวที่ทงเฮอาจเคยได้ยินมาแบบผิดๆ

    “ขออภัยฮะ คล้ายคุณฮีชอลเคยบอกว่าคุณชายน้อยพิกลพิการง่อยเปลี้ยเสียขา  ทงเฮจำมาแบบผิดๆ”

    เด็กคนนี้ช่างใสซื่อเสียจริง  เชื่อคำพูดคนง่าย  แบบนี้หาได้จากสังคมสมัยนี้ยากนัก

    คิบอมยังคงรำพันในใจเพียงคนเดียวอย่างนั้น

    ฝ่ายทางคนรับใช้นั้นได้แต่ยืนกำหมดแน่นอยู่ในท่าหนุมานถวายแหวน  เจ็บแค้นใจที่ถูกทงเฮใส่ไคล้โยนอุจจาระให้แบบไม่รู้ตัว  ปรารภในใจเบาๆ สุดเสียงว่า

    “แตหลอ”  ทว่าเป็นเพียงบ่าวรับใช้  แม้กรีดร่ำร้องภายในใจสักเท่าใดก็กลายเป็นเพียงคำแก้ตัว  จึงปวารณาตนขอเป็นศัตรูกับคุณครูคนใหม่แห่งบ้านทรายทองเงียบๆ

    เงียบเชียบมากถึงขนาดไม่กล้าเอ่ยออกไป  ฮีชอลเพียงแค่หยิบไมค์ทองคำซึ่งต่อกับเครื่องคาราโอเกะมาพูดว่าโดยไม่ลืมเปิด Volume ให้ดังที่สุด

    “นังสตอเบอร์รี่  คอยดูเถอะ  ฉันจะคอยจับผิดแก”

    คุณหญิงโจควอนหันมาตำหนิฮีชอลด้วยมาดของผู้ดีมีการศึกษา  กล่าวเอ่ยเพียงเบาๆ

    “เออ.. ฮีชอลก็เสียงดีนะ  ทำไมไม่เปิดเสียงดนตรีคลอด้วยเล่า  ฉันจะได้มีเพื่อนร้องเพลง  ดีจริงเชียว  วันหลังฉันจะสอนเธอเต้นลาวกระทบไม้  ระบำให้ฉันดูนะ”

    ยังดีว่าโรคชราเข้าแทรก  ทั้งบ้านจับสาระของคำพูดบ่าวไพร่คนนี้ได้ทั้งหมดยกเว้นคุณหญิงโจควอน  แต่ไม่มีผู้ใดกล้าร้องเรียนว่าบ่าวคนนี้คิดกบฎต่อคุณครูคนใหม่ของคุณชายน้อย

    ทงเฮเห็นเป็นโอกาส  จึงนั่งนิ่ง  มีเพียงแค่ปลายเท้าที่ค่อยกระดึ๊บพาตัวเข้าไปใกล้ร่างคุณชายคิบอมอย่างไม่รู้ตัวตนเองว่าได้เผลอไผลทำสิ่งใดลงไป

    “เธอคงกลัวสินะ  อุ่นใจเถอะ  ฉันจะปกป้องเธอ”

    คุณชายกลางเก๊กหล่อกางขาออกให้ทงเฮมุดเข้าไปลอดใต้นั้นอย่างกับเป็นสิ่งศิริมงคลให้ลอดใต้ท้องเพื่อความอุ่นใจขั้นแรก

    “เคยทำอะไรมาก่อนล่ะ ?”  คุณชายใหญ่ของบ้านนามยูชอนเหยียดสายตามองจิกอย่างรักใคร่ตั้งแต่หัวจรดเท้า  เบ้หน้าหยีตาออกอาการรักห่างๆ อย่างห่วงๆ

    “หลังจากที่บ้านล้มละลาย ทงเฮก็เป็นได้เพียงแค่พนักงานบริษัทธรรมดาๆ เท่านั้นเองฮะ”

    “อืม..พนักงานชั้นล่างสินะ  น่าสงสารจริงชีวิตต่ำต้อยเบี้ยน้อยหอยน้อย  จบอะไรมาล่ะ”  ยูชอนเอ็นดูกว่าเดิม เนื่องจากประวัติชีวิตอันน่าสมเพชจนอยากจะยกฝ่าเท้าไปลูบหน้าคุณครูคนใหม่ของน้องปลอบประโลม

    “โรงเรียนอินเตอร์ที่อยู่ในโซลฮะ”

    “เธอจบมัธยมที่นั่นรึ ?”

    “โรงเรียนวัดที่อยู่ติดกันฮะ”  ภาคภูมิใจมากในสถาบันที่ตนเองสู้อุตส่าห์ติดสินบนจนจบมาได้  “ตอนแรกทงเฮก็เรียนโรงเรียนนานาชาติ แต่ทางโรงเรียนบอกว่าด้วยใบหน้าแล้วทงเฮดูจะเป็นคนเกาหลีแท้เกินไปจึงไม่อนุญาตให้ศึกษาต่อ  ทงเฮเศร้าเสียใจ สุดท้ายลักลอบได้เสียกับภารโรงโรงเรียนข้างๆ จึงได้เข้าศึกษาต่อจนจบฮะ”

    เด็กคนนี้น่าสงสารจริง ถึงกับต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อการศึกษา  เราจะปลอบใจอย่างไรดีนะ 

    ชายกลางคิบอมมองเห็นความทุกข์ยากนั้นก็ยิ่งสลดใจถึงกับไข่ฝ่อไปหนึ่งข้าง  ออกเสียงอะไรมิได้เลย

    “ตอนทำงาน  ด้วยความจน  เมื่อตอนรถเสียก็ไม่มีเงินไปจ่ายค่าซ่อม จึงต้องขายไป  จากนั้นเพื่อนแนะนำให้เช่ารถแท็กซี่มาขับแทนฮะ  หลังเลิกงานก็รับจ๊อบสักสามสี่รอบเพื่อค่าเช่าและยังช่วยจุนเจือ LV Collection ใหม่”

                ความเจียมเนื้อเจียมตัวของทงเฮเป็นที่ประจักษ์กับทุกคนแล้วว่าช่างเป็นคนที่ไม่ฟุ้งเฟ้อ ใช้ชีวิตสมถะ และมีน้ำใจเอื้อเฟื้อผู้อื่นแม้ตนเองจะยากจน  เพราะ LV มักมีกองทุนหรือบริจาครายได้เพื่อสังคมเสมอ

                “มิน่าเล่าเธอจึงไม่ค่อยมีของดีดีใช้  น่าสงสารจริง ฉันเองก็ซื้อ LV Monogram ไว้ให้คนใช้ในบ้านไปจ่ายตลาด  บางครั้งลดโลกร้อน ฉันไปซื้อครีมกวนอิมทาตูดที่เป็นสิว ก็แวะซื้อ LONGCHAMP มาแทนถุงพลาสติก แต่ยังไงก็ใช้แล้วทิ้งน่ะ” 

    คุณหญิงโจควอนรำพันถึงความอดอยากน่าสงสารของหลานเปรียบเทียบกับตนเองที่อยากจะ Share

                “ได้ยินว่าเธอจบจากเมืองนอกเมืองนามา  คงพอจะสอนภาษาอังกฤษให้ชายน้อยได้กระมัง”

                “ฮะ ทงเฮจบจากเขมร”

                “คณะอะไรรึ ?”  ชายกลางซักถามบ้าง

                “คณะคาสิโน  เอกรูเล็ต  โทสล็อต แต่ก็ลงเรียนวิชาการ์ดศาสตร์มาด้วยฮะ”  ไม่ว่าเปล่า  ทงเฮพร้อมจะปูเสื่อและตั้งวงทันที  ดีที่ชายกลางคิบอมเผลอไผลแอบซุกมือเข้าไปคลึงบั้นท้ายงามงอนของทงเฮเป็นการปลอบใจเป็นการขัดจังหวะ  ทงเฮจึงเอียงอายเจียมเนื้อเจียมตัวขมิบก้อนกลมนั้นเป็นการปัดป้อง

                “ดีฮะคุณหญิงแม่  อนยูยังจำศัพท์เกี่ยวกับการ์ดไม่ค่อยได้เลย นับได้เพียง 2-10 ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เหลืออนยูไม่ใคร่จะเก่งนัก”

                “ได้เลยฮะ ทงเฮจะติวเข้มให้เอง”  สำนึกถึงบุญคุณครั้งนี้แล้วตื้นตันใจจนน้ำลายไหล

    ..ทงเฮจะพยายามทำให้คุณชายน้อย จดจำ  J, Q, K และ A ทั้งหมด 4 โพธิ์ให้จงได้

                “มันมีที่ไหนกันคะคุณผู้หญิง  ไอ้โรงเรียนที่ว่า  มันโม้ชัดๆ คณะที่ว่าดิฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”

                “หยุดนะฮีชอล  เธอกล่าวหาว่าเขาปั้นเรื่อง  เป็นพวกแม่ค้าโกงตาชั่ง  เป็นนักการเมืองที่โกงกิน  ชอบลักเล็กขโมยน้อย  และชอบพ่นสีใส่ผนังกำแพงวัดงั้นรึ ?”

                “ฟังดูก็รู้ว่ามันตอแหลชัดๆ ค่ะ”  แม้จะงงกับคำกล่าวหาอันเกินจริง แต่เธอก็เท้าสะเอวสู้อย่างอ่อนน้อม  ครู่เดียวก็ต้องหน้าหงาย  เมื่อทงเฮกระโดดบัลเล่ต์ฉีกขาเกิน 180 องศาใช้ปลายเท้าเหยียดงุ้มงดงามถีบยอดหน้าจนฮีชอลกระเด็นไปติดกับรูปแกะสลักจากก้อนโคตรเพชรกลางบ้าน  มีสะเก็ดเพชรร่วงแพรวพราวราวกับลูกเห็บฝน

                “แย่จริง”  ชายกลางคิบอมคราง  ตาขวางหูลู่ ทงเฮใจหาย  เพราะอาจเผลอทำสิ่งใดมิงามขัดใจชายในฝัน

                “ท..ทงเฮขออภัยฮะ  เพียงแต่เป็นคนเส้นตื้น  หากได้ยินคำว่า..คำนั้นที่คุณฮีชอลพูดออกมาจะเผลอเต้นบัลเล่ต์”  หน้าซีดเป็นคนทารองพื้นผิดเบอร์  ไม่ต่างจากแวมไพร์หนุ่มในหนังเรื่องไทวไลก์กันเลยทีเดียว 

                “ฉันมิได้ว่าเธอ  ฉันกำลังกล่าวโทษฮีชอล” 

                ได้ยินดังนั้นคนที่เพิ่งโงศีรษะขึ้นจากการถูกบาทาปะทะก็ถึงกับงง  มิสามารถตอบโต้ได้

                “เธอบังอาจเอาหน้าตัวเองไปปะทะกับฝ่าเท้าขาวนุ่มเนียนของทงเฮได้อย่างไรกัน  เสียมารยาทกับคุณครูของชายเล็กนัก”  กล่าวแล้วหันหน้ามาโค้งให้ทงเฮนิดหนึ่ง  “ฉันขออภัยที่อบรมบ่าวไพร่ไม่ดีพอ  เพื่อเป็นการตักเตือนฉันจะสั่งโบยบ่าวคนนี้ด้วยหวายจากหางปลากระเบนทะเลเมติเตอเรเนียน  และตัดเงินเดือน”

                “โอ..รุนแรงไปไหมฮะ  ทงเฮ..ทงเฮ”  น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความซึ้งใจที่คุณชายกลางยุติธรรม

                “พาน้องไปพักดีกว่าชายกลาง  พี่จะจัดการเรื่องในบ้านเอง  ให้น้องได้เตรียมตัวสอนด้วย” 

    ชายใหญ่สงสารทงเฮจับใจที่โดนบ่าวไพร่กลั่นแกล้งรุนแรงถึงเพียงนั้น 

    “ป่านนี้ฝ่าเท้าจะด้านแล้วกระมัง  ถูกฮีชอลเอาหน้าไปกระแทกฝ่าเท้าเช่นนั้น  รีบพาคุณครูไปเอาน้ำแข็งประคบฝ่าเท้าเถอะ”

                คราแรกอาจมีอคติบ้างกับคุณครูคนใหม่ที่จะเข้ามาสอนหนังสือน้องคนเล็ก  แต่บัดนี้ชายใหญ่ยูชอนกลับกลายเป็นความสงสารปนสมเพชเวทนา

                “ฮ้า..นี่มันอะไรกัน  มันต่างหากที่ทำ  ไม่ยุติธรรม”

    ฮีชอลโวยวายได้เพียงนิดเดียวก็มีเสียงผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบ้านทรายทองออกเสียงปราม

    “หยุดนะฮีชอล  เห็นทีแค่โบยคงไม่พอแล้วกระมัง  ก้าวร้าวต่อปากต่อคำเช่นนี้เห็นทีต้องลงโทษขั้นเด็ดขาด” 

    คำนั้นทำให้ฮีชอลยอมเงียบเพราะรู้ดีกว่าโทษทัณฑ์อันร้ายแรงนั้นคืออะไร

    “หลังจากโดนโบยแล้วจงไปทำความสะอาดเครื่องเพชรของฉันในโกดัง”

    “ไม่นะคะคุณหญิงโจควอน  ไม่นะคะ..ฮีซอลพี่ชายฝาแฝดของอิฉันเข้าไปสามปีแล้วยังทำได้เพียงครึ่งโกดัง  อิฉันไม่อยากเข้าไป  ม่ายยยยย”

    เธอกรีดร้องด้วยความทรมานยิ่งกว่านักร้องเพลงร็อคแหกปากแบบไม่มีคีย์หรือจังหวะขณะเล่นคอนเสิร์ตถอดเสื้อเหงื่อไหลพรากผ่านหัวนมสีดำปี๋

    “เข้าไปผลัดให้ฮีซอลออกมารับใช้แทน”

     



    ... The House of Goden Sand ...

     



                วันต่อมา 

                ฤกษ์งามยามดี  ทงเฮจะได้เล่นบทเป็นคุณครูครั้งแรกในชีวิต  เขาตื่นเต้นและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี  ทั้งสมุดพกสมัยเรียนประถมว่าเคยได้เกรดวิชาภาษาอังกฤษดี  หรือแม้แต่ใบ Transcript ยามเรียนมหาวิทยาลัยว่าวิชาดังกว่าก็ได้เกรด D มาตลอด  ไม่เคยขยับขึ้นไปเป็น D+, C, B หรือแม้แต่ A

                “เธอมิได้พูดปดแม้แต่คำเดียว  เธอเรียนได้เกรดดีวิชาภาษาอังกฤษ  น่าชื่นชมนัก  คนซื่อตรง”  ชายกลางชื่นชมเมื่อเห็นผลการเรียนอันน่าประทับใจ

                “คุณชายกลางชมเกินไปแล้วฮะ  ทงเฮจะตั้งใจสอนคุณชายน้อยให้เหมือนตอนตั้งใจลุ้นหวยเลยฮะ”

                “ฉันขอฝากเธอด้วยแล้วกัน  ชายน้อยนั้นเรียนโรงเรียนนานาชาติก็จริง  แต่ประสบการณ์การใช้ภาษาจริงยังน้อยนัก”

                นึกถึงสมัยที่น้องชายเคยบอกเส้นทางให้กับชาวต่างประเทศแล้วเหล่าผู้ฟังไม่รู้เรื่องก็นึกอดสูนัก  ชายน้อยพูดภาษาเยอรมันนีให้กับชาวอินเดีย

                และยังมีครานั้นอีก ชายน้อยอนยูแอบที่บ้านไปเที่ยวตลาดสด  เขาลองถามราคาปลาหมึกสดกับแม่ค้าเป็นภาษาเบลเยี่ยมแล้วแม่ค้าทั้งตลาดไม่เข้าใจ  ชายน้อยจึงกลายมาเป็นปมจนถึงบัดนี้

                “อย่างนั้นทงเฮลองสนทนากับคุณชายกลางเป็นการซักซ้อมดีไหมฮะ”

                “เรียกฉันคิบอมเถอะ”  ชายกลางนั้นนำมือไขว้หลังไปหลบมิให้รู้ว่ากำลังแคะขี้เล็บไปพลาง

                คุณครูเขินอายจนใบหน้าแดงซ่าน พยักหน้าอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

                “ฮะ..คุณคิบอม ดะ...ดู ยู ไลค์ ป๊อบ มิวซิค ?”

                “เฮลโล ทีชเชอร์ ฮาวอาร์ยู แต๊งกิ้ว ซิทดาว”  ชายกลางคิบอมตอบกลับมาด้วยความคล่องแคล่วเช่นกัน  ทั้งสองรู้สึกภายในช่องอกว่าอาจพบแล้วคนที่เข้าใจภาษาเดียวกัน  เพียงคนละประโยคเท่านั้นดั่งสวรรค์ส่งมาโปรด

                “สำเนียงเธอดีทีเดียวนะทงเฮ  เห็นทีฉันคงวางใจได้  อย่างนั้นฉันจะทดสอบเธอสักประโยคก็แล้วกัน”  ชายหนุ่มรูปงามลูบคางตนเองพักใหญ่ 

               ทงเฮตื่นเต้นจนเผลอปรี่เข้าไปปลดเข็มขัดของชายกลางคิบอมอย่างไม่รู้ตัว  ลูบไล้หัวเข็มขัดไปมาแก้เก้อ  และกำลังจะปลดซิบหากมีเวลามากกว่านี้  ทว่าคิบอมนึกสิ่งจะทดสอบได้เสียก่อนจึงว่า..

                “สำลีขายหวย สำรวยจะขายอะไร”

                ทงเฮเอียงอายและจัดเข็มขัดของฝ่ายชายให้เข้าที่

    “คุณคิบอมแกล้งทงเฮใช่ไหมฮะ  นี่ไม่ใช่วิชาภาษาอังกฤษเสียหน่อย  วิชาสังคมต่างหาก”

    “หึหึ”  ชายกลางหัวเราะหึหึในลำคอ  “เธอฉลาดนัก ถูกแล้วนี่คือวิชาสังคม  ฉันไม่ป่วนเธอให้เรรวนแล้วล่ะ  หากเธอคันหูก็จงเรียกฉันก็แล้วกัน”

    “ฮะ..ถ้าทงเฮคันหู  ทงเฮจะไม่เอาหูหนี  แต่จะปรึกษาคุณชายกลาง”

    สองคนตกลงทางวิชาการกันเรียบร้อยจึงค่อยแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนอย่างเหมาะสม  ทงเฮคิดเอียงอายจนต้องหนีเข้าห้องไป  ส่วนชายกลางนั้นก็พอใจกับความเฉลียวของครูคนใหม่จนต้องไปนั่งหัวเราะร่วนคนเดียวกลางสวนของบ้าน  จนคนผ่านไปผ่านมานึกว่าที่แห่งนี้คือสถานพักฟื้นแห่งใหม่ที่แยกตัวมาจากศรีธัญญา

                 



    ... The House of Goden Sand ...

     

    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×