ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Boy's Room [WonHyuk-KiHae-KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #2 : WonHyuk Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 53


    />

     

     

    Chapter 2

     

     

     

     

     

     

                โอ้ว  พระเจ้าศาสนาไหนก็อุทานออกมาให้หมดเหอะ

     

                อีทงเฮรู้จักคบเพื่อนที่หน้าตาจริงๆ

     

     

     

     

     

                ทำไมผมถึงพูดแบบนี้น่ะเหรอ  ก็มันจริงนี่

     

     

     

     

     

                “เชวซีวอน  อีซองมิน  สองคนนี่เพื่อนรักฉันเลยล่ะ”

     

                ผมเห็นแล้วล่ะ  พวกคุณมีรสนิยมที่..ค่อนข้างจะไปทางเดียวกันจริงๆ 

     

    ...กล้ามใหญ่ไม่แพ้กันเลย

     

     

     

    อีซองมิน  อืม..คนนี้เหมือนอีทงเฮทุกๆ ด้าน  ส่วนสูงเอย  ความหน้าตาน่ารักออกแนวหวาน

     

    ส่วนเชวซีวอนนี่  คนละแนว  หน้าหล่อระดับพระกาฬ

     

     

     

     

    “หวัดดี” 

     

    เขาทักผมด้วยถ้อยคำธรรมดาที่สุด  เคยได้ยินว่าพวกคนหล่อๆ จะหยิ่ง  หรือมีอาการวางฟอร์ม  แต่เค้าก็ยิ้มๆ ให้ผมเหมือนคนปกตินะ  ..คนธรรมดาๆ อย่างผม

     

     

     

     

     

    “นายแปลกดีนะ” 

     

    อีซองมินบอกผมอย่างนั้น  เอ่อ..ชักไม่ธรรมดาแล้วล่ะ

     

    “..ร..เหรอ  หมายถึงเราหน้าตาตลกเหรอ ?”

     

    “ไม่รู้สิ  นายว่างั้นไหมซีวอน”

     

    “อืม..แปลกดี”

     

     

     

     

    ฮ่วย  ไหงอย่างงี้หว่า  ไอ้แปลกดีของพวกเขานี่คือยังไง  คือผมผอมก้างไม่ได้ล่ำอึ๊บอั๊บเหมือนพวกเขาใช่ไหมเนี่ย

     

     

     

     

                “เฮ้  พวกนายอย่าพูดจาแปลกๆ อย่างงั้นกับเพื่อนฉันสิ  เดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันหมด”

     

                อีทงเฮ  คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเลย  ผมเกือบจะร้องไห้แล้วนะเนี่ยรู้รึเปล่า  ผมเคยคิดว่าผมแปลกแล้วนะ  มาเจอคนพวกนี้ผมรู้สึกปกติเลยล่ะ 

     

                ...อย่างน้อยผมก็ไม่ได้บ้าเล่นกล้าม

     

                “อืม..หมายถึงน่ารักดี  อย่าเข้าใจแปลกๆ ล่ะ”

     

                เชวซีวอน  เขาใช้คำพูดชวนผมจิ้นให้หลงตัวเองชะมัดเลยรู้ตัวรึเปล่า  คือผมก็เข้าใจไอ้คำว่าน่ารักดี  แต่นั่นสำหรับผมกับแม่แค่สองคน  สำหรับคนอื่นผมไม่ชินนักหรอก

     

     

     

     

                “แล้ว..แล้วห้องนี้อยู่กันสองคนซีวอนกับซองมินเหรอจ๊ะ”

     

                อุ๊บส์... ผมตะครุบปากแทบไม่ทัน  เผลอพูดจ๊ะจ๋าอีกแล้ว  โอย..ความเป็นลูกผู้ชายหายหมดล่ะงานนี้

     

                “จ๊ะ ?.. อืม..ใช่  อยู่กันสองคน  เฮ้ย ทงเฮ  ฉันว่าเรามีตัวช่วยแล้วล่ะ” 

     

                คุณอีซองมินเขาพูดจ๊ะได้น่ารักกว่าผมอีกนะ  แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน  ผมยังเบลอๆ กับบรรยากาศใหม่ๆ ที่มีแต่ผู้ชายแทบไม่สวมเสื้ออวดกล้ามใส่กันแบบนี้

     

                ตาลาย  เห็นแต่ลายกล้ามเนื้อกับหัวนม 

     

                ไม่อยากบอกเลยว่าพวกเขาสามคนเล่นกล้ามจนนมแทบจะใหญ่กว่านมแม่ผมแล้ว  อ๊ากกก  ผมหื่นแตกกก

     

     

     

     

                “อะไรซองมิน  อย่าบอกนะว่า...”

     

                “ใช่.. ฉันกับลังคิดอยู่นะอีหนึ่ง” 

     

     

     

     

                หืม..ผมงง  อีซองมินพูดถึงอะไร  อีหนึ่ง  คือใคร  ผู้หญิงที่ชื่อหนึ่งหรือไง

     

     

     

     

                “ฉันก็คิดว่านายต้องคิดอีสอง”

     

                อ้อ  เข้าใจล่ะ มุขบานาน่าอินพิจามัส  เฮ่อ  โล่งอก

     

    นึกว่าคุณอีซองมินที่หน้าตาน่ารักกล้ามโตกำลังหยาบคายเสียอีก  แฮ่ๆ.. ผมติดที่แม่สอนมาว่าไม่ควรหยาบคายน่ะฮะ

     

    อ๊ะ.. ผมพูดฮะกับพวกคุณด้วย  แงแง  ทำไงผมถึงจะแมนล่ะ  หรือว่าต้องเล่นกล้ามกับคนพวกนี้ผมถึงจะดูแฮนซั่ม

     

     

     

     

     

    ก่อนที่ผมจะอ้าปากขอให้พวกเขารับผมเข้าชมรมเพาะกล้ามแห่งประเทศใด  พวกเขาก็ขอผมก่อน

     

    “อึนฮยอก  นายช่วยสอนพวกเราแอ๊บแบ๊วหน่อยสิ” 

     

    อีซองมิน  คุณพูดอะไรออกมาน่ะ  ผม..ผมทำไม่ได้หรอก

     

    “คือ...”  โอ้ว  อีซองมินเกาหัวได้เท่ห์มาก  ผมอยากเกาท้ายทอยได้ดูเท่ห์แบบนี้บ้าง  เกาแบบไม่ให้นิ้วก้อยกระดกออกมาอย่างที่ผมเป็น

     

    “คืองี้  ฉันกับซองมินกำลังปิ๊งเด็กอยู่  แต่..ดูท่าพวกเขาจะชอบคนน่ารักๆ น่ะ  แล้ว..มันไม่ใช่อ่ะ  มันไม่ใช่พวกเรา  เราทำไม่ได้”

     

    “แล้วเราจะได้เหรอ  เราไม่ได้แบ๊วซักหน่อย”

     

    “หรือว่านายเป็นประเภทแรด”

     

    ฮ่วย  คุณเชวซีวอน  คุณถามซะผมจอดเลย  ผมเสียหายนะ  ทำไมเขาถึงคิดว่าผมจะแรดล่ะ  ผมเป็นผู้ชายนะ

     

    “เราเปล่า”  ผมเผลอทำหน้างอนใส่ซีวอนเค้าด้วยล่ะ  ก็ผมไม่ชอบให้ใครว่าผมแรดนี่นา  ผมแค่ร่าเริง  ไม่ได้แรดสักหน่อย

     

    “ไม่ก็ไม่  หึหึ” 

     

    เชวซีวอนหัวเราะผมด้วยอ่า  ผมรู้สึกแย่มากเลย

     

    “เอาเหอะ  ท่าทางพวกนายจะมีครูดีแล้วนี่  พยายามเข้าหน่อยล่ะไอ้พวกชอบกินเด็ก”

     

    แล้วซีวอนก็ไม่สนใจใครอีกเลยล่ะ  คุณรู้ไหม  เขาซิทอัพต่อหน้าตาเฉย  แถมไม่ขอโทษผมซักคำ  ง่ะ  โอเคผมจะสูดลมหายใจลึกๆ นึกถึงหลักว่าผู้ชายไม่ควรงอน  ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย

     

    โอย... ยากจังว้อย 

     

     

     

     

    “ก..ก็ได้  แต่แลกกันนะ”  แน่นอนผมต้องมีข้อแลกเปลี่ยน  เรื่องอะไรผมจะต้องเหนื่อยฝ่ายเดียวล่ะ  จริงป่ะ

     

    “อะไรเหรอ ?”

     

    “คือ.. ช่วยสอนเราเท่ห์ด้วยได้ป่ะ  คือ.. เราอยากดู so cool มากกว่านี้อ่ะ” 

     

    แล้วผมก็ก้มหน้า  หน้าผมแดงแน่ๆ เลย  มือก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน  คุณคิดดูสิ  สายตาผู้ชายแทบจะไร้เสื้อสามคนจ้องมองผมอยู่นะ 

     

    “งั้นต้องยกหน้าที่นี้ให้นายเลยซีวอน”

     

    “อ้าว  เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ”

     

    “ก็นายดูมีเวลาที่สุดไง  พวกฉันต้องเรียนเทคนิคแบ๊วจากอึนฮยอก  แล้วก็..อืม  นำไปปฏิบัติ”

     

    เหตุผลคุณซองมิน  เอ่อ.. ผมจะบอกยังไงดีล่ะ  ดูแล้วแอบเห็นแก่ตัวนิดๆ  ผมคิดมากไปรึเปล่าไม่แน่ใจ

     

    “อีกอย่างนะ  นายไม่มีแฟน” 

     

    โอ้ว  ทงเฮก็มีเหตุผลแปลกๆ อีกแล้วฮะ

     

    “แล้วมันธุระอะไรของฉัน  พวกนายพึ่งอึนฮยอกเพราะพวกนายอยากจะเต๊าะเด็ก  ฉันเกี่ยวตรงไหน  ฉันได้ประโยชน์อะไรจากการเหนื่อยครั้งนี้  ฟรี ?..”

     

    “นั่นแลกกับการสนับสนุนให้เกิดชมรม  และสนับสนุนนานตลอด 4 ปีที่จะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้น่ะสิซีวอน”

     

     

     

     

    ทงเฮฉลาดกว่าที่ผมคิดนะเนี่ย  ว้าว  การแลกเปลี่ยนให้ได้มาซึ่งอำนาจเล็กๆ น้อยๆ โดยการเป็นประธานชมรม  แถมควบคุมได้ตั้ง 4 ปี  (เพราะเป็นชมรมเพิ่งเปิดโดยพวกเขา)  รุ่นน้องอื่นๆ อย่าได้หวังตำแหน่งประธานชมรมเพาะกายภายใน 4 ปีนี้

     

    โอ้ว... เป็นผมก็มองว่ามันคุ้มค่า

     

     

     

     

    “ถ้างั้น.. ฝากตัวด้วยนะจ๊ะซีวอน”  เขาไม่ตอบผมก็ฝากตัวไปแล้วล่ะ  ทำไงได้  คนมันอยากเท่ห์นี่

     

    “เริ่มจากเปลี่ยนคำว่าจ๊ะเป็นครับ” 

     

    ซีวอนเริ่มสอนผมตั้งแต่วินาทีนั้นเลย  แต่..แต่ผมทำไม่ได้หรอก  ยังไงมันก็ต้องหลุด  ไม่เคยพูดครับซักที

     

    “คนละครึ่งทางได้มั้ย..เอาซัก  ฮะ  ได้ป่ะซีวอน”

     

    ผมถนัดสุดก็คงจะเป็นการอ้อนแบบนี้ล่ะ  แม่ผมใจอ่อนตลอดเวลาที่ทำแบบนี้  ก็แค่หวังว่าซีวอนจะอ่อนใจนะ 

     

    ผมทนฝืนการเป็นตัวเองมากไม่ไหวหรอกนะ  หักดิบไม่ใช่วิถีทางของผม  ผมลองแล้ว  มันไม่เวิร์ค  ทำให้ผมกลายเป็นคน..เอ่อ  หลายคนเรียกว่าตลก 

     

    พยายามพูดครับลงท้ายทุกคำ  ผมเกร็งจนปัสสาวะหนืด  บางคนเรียกเยี่ยวเหนียว  แต่ผมไม่ควรพูด  มันไม่สุภาพ  เล่าต่อดีกว่า..เอ่อ  คือพอพยายามอะไรมากๆ มันก็จะยิ่งหลุดง่าย  ผมกลายเป็นตัวตลกไปทั้งวันเพราะพยายามจะพูดครับ  เก้ๆ กังๆ จนรู้สึกแย่  เลยปล่อยเลยตามเลยถึงทุกวันนี้

     

     

     

     

    “หืม..อะไรนะ”

     

    “คือ..เรา  เราค่อยเป็นค่อยไปได้มั้ยซีวอน..นะ  นะนะ”

     

    “ก็ได้”

     

    “เย่  ซีวอนใจดีที่สุด”

     

    แฮ่ๆ ผมลืมตัวกระโดดเกาะแขนเค้าไป  เผลอเอาหัวไปถูๆ กล้ามเค้าด้วย  ไม่รู้ว่าเค้าจะคิดว่าผมต๊องรึเปล่า  แต่ก็นะ  มันทำไปแล้วนี่นา  กับเพื่อนๆ ผมก็ทำแบบนี้ไปหมดเลยเคยชิน

     

    พอรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป  ผมก็รีบกระโดดหนีออกจากท่าทางแบบนั้นเลย  นี่ถ้าเกิดซีวอนเค้าคิดว่าผมเป็นพวกโฮโมฯ ใครจะสอนผมเท่ห์กันเล่า

     

     

     

     

    “ซองมินรีบจด  กระโดด  เกาะแขน  ถูๆ” 

     

    โว้ว.. ลูกศิษย์ผมการสังเกตและลำดับเหตุการณ์เป็นเลิศ 

     

    อุวะ  แบบนี้ผมต้องเอาอย่างบ้าง  พรุ่งนี้ผมจะเตรียมสมุดโน้ตเล่มเล็กๆ กับปากกา  ไม่สิ  เอาดินสอดีกว่า  เวลาเขียนผิดจะได้ลบได้  ไม่เลอะเทอะ  เอามาจดว่าพวกเขามีวิถีชีวิตอย่างไร

     

    ผมต้องทำได้  น้องอึนชนะเลิศ !!

     

     

     

     

    “ซีวอน  ฉันฝากอึนฮยอกแป๊บนะ  ได้ทริคใหม่ต้องรีบไปใช้  ไปเร็วซองมิน  โรงเรียนน้องเค้าจะเลิกแล้ว” 

     

    ทงเฮคว้าเสื้อกล้ามมาจะใส่มัน  ผมก็อดบอกอะไรกับ  ทงเฮไม่ได้

     

    “เอ่อ  ทงเฮจะไปหา..น้องที่จีบเหรอ ?”

     

    “อื้ม  ใช่อึนฮยอก  โรงเรียนจะเลิกแล้ว  ฉันกับซองมิน อยากไปรับน้องเค้า  มีอะไรจะแนะนำป่ะ”

     

    “ก็..ใส่เสื้อมีแขนไปเถอะ  อย่าให้รัดรูปจนเห็นหน้าอกตู้มกับกล้ามล่ำแบบนั้นดีกว่า”

     

    “ทำไมล่ะ” 

     

    ซองมินสงสัยมาก  ผมควรจะบอกเขาตรงๆ ไหมว่าไม่ใช่ทุกคนที่เห็นกล้ามแล้วจะใจสั่นเหมือนผม

     

    “ก็..ลองเข้าไปแบบธรรมดาๆ ดีไหม น้องเค้าอาจจะชอบ”

     

     

     

     

     

    “ขอโทษนะ  ปกติพวกนายไปแบบไหน”  ผมต้องถามก่อนนะ  เผื่อว่าผมแนะนำโดยไม่วิเคราะห์อะไรเลยมันจะแป๊ก

     

    “ทงเฮชอบใส่เสื้อกล้าม ส่วนฉันตอนนี้กล้ามแขนกำลังสวยเลยชอบใส่แขนกุด”

     

    “ถ้าน้องเค้าชอบแบ๊ว... ก็อย่าเพิ่งโชว์ดีกว่า”

     

    บู่.. สายตาซองมินกับทงเฮหลิ่วลงแล้ว  ผมคงพูดอะไรผิดหูพวกเขาแน่ๆ เลย  ผมควรจะปิดท้ายให้มันไม่รุนแรงเนอะ

     

    “เอาไว้พอจีบติดก็ค่อยเซอร์ไพร้ส์ด้วยรูปร่างที่สวยกว่านี้  น้องเค้าอาจจะใจสั่นตอนเห็นพวกนายถอดเสื้อในห้องกันสองต่อสองมากกว่าจะเห็นพวกนายโชว์ใครๆ ไปทั่ว”  ผมเก่งจังเลย  น้องอึนหัวดียิ่งกว่าเอเจซะอีก  “เด็กบางคนก็ขี้หึงกว่าที่เราคิดไว้นะ”

     

    “จ..จริงเหรอ” 

     

    สีหน้าทงเฮเคลิ้มมากอ่า  นี่ผมพูดอะไรที่ฟังดูให้ความหวังพวกเขามากเกินไปรึเปล่าเนี่ย

     

    “ขอบใจนะอึนฮยอก  นายมีประโยชน์แหล่มๆ เลย  ป่ะ ทงเฮเดี๋ยวสายน้องเค้าจะงอน  แวะห้องฉันก่อนนะ  ต้องไปเลือกเสื้อหน่อย”

     

     

     

     

     

    รู้ตัวอีกทีสองคนนั่นก็ลิบหายไปแล้วล่ะ  เฮ่อ  ผมมีเพื่อนที่ไม่ปกติจริงๆ ด้วย  แต่อย่างว่าล่ะ  ความรักมันทำให้คนเราเพี้ยนได้เสมอ  ผมคิดอย่างนั้นนะ 

     

     

    อ้าว  แบบนี้ก็เหลือผมกับซีวอนสองคนสิ  ง่า..ผมทำตัวไม่ถูก  เห็นกล้ามของเค้าแล้วแบบ..ระทวย

     

    ไม่นะอีฮยอกแจ  น้องอึนต้องไม่ระทวยละลายไปกับกล้ามผู้ชายด้วยกันแบบนี้

     

    อ่อ  ผมไม่เคยบอกพวกคุณเลยสินะว่าผมมีชื่อจริงๆ ว่าอีฮยอกแจ  ชื่อเล่นที่น่าร้ากกกก ของผมคืออึนฮยอก  ผมชอบให้ใครๆ เรียกผมว่าอึนฮยอกมากกว่า  มันคุ้นหูน่ะ

     

     

     

     

     

    “สนใจเพาะกล้ามไหมล่ะ  ฉันสอนให้ได้นะ” 

     

    ซีวอนเค้าก็เป็นมิตรนี่นา  ผมคงจะงี่เง่าไปเองที่รู้สึกขัดเขินเวลาอยู่ด้วย  เอาล่ะ  ผมต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่

     

    “ได้เหรอ  มันดูหนักจะตาย  กระดูกเราไม่แข็งแรง”

     

    “เฮ่อ  นายคิดว่าเจ้าสองเตี้ยนั่นมันใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะอัพหุ่นให้หนาได้แบบนั้น  สามปีเชียวนะ  สามปี”

     

    “สามปี  โห..นานจัง”  ผมครางกับเส้นทางอันขรุขระและยาวไกล  “แต่..เราถามได้ไหมว่าทำไมคนน่ารักอย่างซองมินกับ ทงเฮถึงได้อยากจะเป็นปู”

     

    “ปู ?  ฮ่าๆ นายไปเอาความคิดนี้มาจากไหน”

     

    “ก็..พวกปูมันมีหน้าท้องแบบนี้อ่า  พอถึงฤดูวางไข่เราชอบแกะท้องปูมากิน  มันคล้ายๆ แบบที่นายมีเนี่ยล่ะ”

     

    “โอเค  เป็นว่านายอยากกินฉัน”

     

    “อืม..ใช่”

     

     

     

     

    เอ๊ะ  ผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่า  ซีวอนเค้าตาโตเป็นไข่ห่านเลย  ผมว่าผมก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนะ  ก็ผมอยากกินปูนี่นา

     

     

     

     

    “นายหมายถึงอยากกินปูน่ะเหรอ”

     

    “ช่ายยย”  ผมยิ้มกว้างอวดเนื้อนุ่มๆ ที่เป็นฐานให้ฟัน  ผมภูมิใจมากกับเหงือกอันสวยงาม  ไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีได้อย่างผมหรอกนะ  คุณว่ามั้ยล่า...

     

    แต่ทำไมซีวอนถึงได้รีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าแบบนั้นล่ะ  ผมยังอยากเห็นอนุสาวรีย์ของปูที่จะได้กินเมื่อใกล้ฤดูของมันอยู่นะ  ม่ายยยยย  อย่าทำแบบนั้น

     

     

     

     

    “เฮ้ย  นายมองอะไรของฉันกันแน่เนี่ย”

     

    “เปล่านี่  เราไม่ได้มองของนาย  เรามองปู”

     

    “นายมันเพี้ยนว่ะ  ห้ามเดินเพ่นพ่านนะ  ฉันอาบน้ำแป๊บเดียวเดี๋ยวออกมา”

     

    เอ้อ  ทำไมต้องสั่งแบบนั้นด้วยล่ะ  ผมไม่ได้ดื้อซักหน่อย  แต่เจ้าของห้องเค้าสั่งมาแบบนี้ผมก็เลยยอมทำตาม

     

     

     

     

     

    แต่..นี่มันสามนาทีแล้วนะ  เข้าห้องน้ำนานจัง  ผมอยากขยับตัวบ้าง

     

     

     

     

    “ซีวอน...ซีวอน  เราเดินไปนั่งที่เก้าอี้ได้ไหม  เราเมื่อย”

     

    ผมตะโกนถามซีวอนที่อยู่ในห้องน้ำ  ไหนบอกแป๊บเดียว  สำอางชะมัด  อาบน้ำเกินสามนาทีถือว่าผิดกฎคนแมนๆ

     

    อ๊ะ  ซีวอนออกมาพอดีเลย

     

     

     

     

     

    “เราเดินนิดนึงได้ไหม  ตะคริวจะกินแล้วอ่ะ”

     

    “เอาสิ  อย่าบอกนะว่านายยืนตรงนี้ตลอดเลย”

     

    แน้... ยังจะถามอีก  ก็บอกว่าว่าห้ามผมเดิน  ผมก็ต้องยืนอยู่ตรงนี้น่ะสิ  ผมพยักหน้าแรงๆ สามสี่ที  ซีวอนก็หัวเราะออกมา

     

    “หัวเราะอะไร  เรากลัวเสียมารยาท  เจ้าของห้องไม่ให้เดินเราก็เลยยืนเฉยๆ”

     

    “หัวเราะนายนั่นล่ะ  หน้าตาตลกแล้วยังทำตัวตลกด้วย  อึนฮยอกนายซื่อหรือว่าบื้อกันแน่เนี่ย”

     

    “โกรธแล้วนะ !!~  น้องอึนโกรธจริงๆ ด้วย  เกลียดที่สุดเลยคนที่หัวเราะเยาะผมเนี่ย

     

    “โอเคๆ  ขอโทษๆ”

     

     

     

     

    อุ่ย  ซีวอนเดินเข้ามาลูบหัวผมด้วย  ผมทำไงดี  ผมตื่นเต้น  เค้าอ่อนโยนดีจัง  เหมือนปูที่ใส่นวม  ไม่สิ  ผมดันคิดอะไรบ้าๆ เนี่ย  แต่เค้าอ่อนโยนจริงๆ ด้วยนะ

     

     

     

     

    “ขอโทษ  โอเคไหม  ไม่ได้ตั้งใจ”

     

    “อืม..ก็ได้  แต่ห้ามหัวเราะเยาะเราอีกนะ  เราไม่ชอบ”

     

    “ครับ  ไปนั่งสิ  เมื่อยไม่ใช่รึไง  กว่าเจ้าพวกนั้นจะมาน่ะอีกนาน  เมื่อวานตอนมาวันแรกก็ไปนั่งเฝ้าน้องเค้าเรียนพิเศษ  วันนี้ก็คงเหมือนเดิมนั่นล่ะ”

     

    “ซีวอนเคยเจอแล้วเหรอ  น้องๆ ที่ทำให้เพื่อนหลงเสน่ห์น่ะ  สวยป่ะ  แบบคงน่ารักมาก  เพราะว่าซองมินกับทงเฮน่ารักจะตาย  ถึงขั้นไม่ชอบจนสองคนนี้ต้องตามตื้ออ่ะ”

     

    “เฮอะ  ไว้นายเจอเองก็จะรู้เองนั่นล่ะ  เจ้าสองคนนั้นมันโชคร้ายที่เกิดมาหน้าตาน่ารัก”

     

    “ยังไงอ่า  ก็ดีออก  น่ารักดี  เสียแต่..หุ่นไม่เข้ากับหน้า”

     

    ผมก็บอกอย่างที่คิด  ไหนๆ จะเป็นเพื่อนกันแล้วก็ควรจะจริงใจต่อกัน  ถึงผมจะไม่ได้จริงใจต่อหน้าพวกเค้าก็เถอะ  อย่างน้อยผมก็จริงใจกับซีวอนนะ

     

    “ห้ามพูดเรื่องนี้ให้พวกนั้นได้ยินเลยนะ  ปมด้อยเลย  สองคนนั้นถึงจะเห็นแบบนี้ก็เถอะ  เป็นผู้ชายที่ถือเรื่องศักดิ์ศรีลูกผู้ชายจะตายชัก  ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองดูเข้ม  ไม่เห็นหุ่นพวกมันรึไง”

     

    “ก็เห็น  ล่ำเชียว”

     

    “ความภูมิใจของพวกมันเลยนะ  โชคร้ายหน่อย เด็กที่พวกมันไปปิ๊งก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน”

     

    ซีวอนพูดอะไรผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย  หน้าตาผมบ่งบอกมากเลยใช่ไหมว่างง  ซีวอนเขาเลยพูดต่อให้ฟังว่า

     

    “เด็กผู้ชายที่พวกนั้นชอบก็น่ารักดี  แต่ก็..” 

     

    โอ้ว  ท่าทางประกอบของซีวอนนั่นทำให้ผมคิดว่าเขาเป็นผู้แปลภาษาใบ้ด้วยมือไปแล้ว  อะไรจะเยอะปานนั้น  ถ้าอธิบายลำบากไม่ต้องก็ได้  ผมสงสาร

     

    “ก็..อะไรฮะ”  แฮ่ๆ ผมก็อยากรู้อยู่ดีนั่นล่ะ

     

    “ก็คิดว่าอยากจะได้แฟนน่ารักๆ ประสาผู้ชาย  ไม่ใช่ผู้ชายกล้ามโตอย่างพวกนั้นน่ะสิ”

     

    “อ๋อ.. มิน่า  ถึงอยากให้เราสอนแอ๊บแบ๊ว  เราว่าเราก็ไม่ได้แบ๊วซักหน่อย”

     

    “ถ้าเทียบกับนาย  นายก็ดูแบ๊วทีเดียวล่ะ”

     

     

     

     

     

    “จริงเหรอ  แล้วน่ารักป่ะ” 

     

    ที่ถามน่ะไม่ใช่อะไรนะ  ก็ถ้าผมน่ารัก  เพื่อนๆ จะได้รักผมไง  ผมจะได้บอกแม่ได้ไงว่าผมเป็นที่รักของเพื่อนๆ  แม่คงปลื้มแล้วก็หายห่วงขึ้นอีกเยอะ

     

    “ก็..น่ารัก..มั้ง”

     

    ซีวอนตอบแบบนี้ผมก็เบาใจ

     

    “งั้นก็รักเราให้มากๆ นะ”  ผมฝากเนื้อฝากตัวเสร็จสรรพ

     

     

     

     

    เย่..ผมมีเพื่อนที่รักผมแล้วหนึ่งคน ...เชว ซีวอน ไง

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×