คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตื่นจากฝัน
ตอนที่3
@เชียงใหม่ ประเทศไทย
“ฟรีส จูเอ็ลเราจะไปซื้ออะไรก่อน?”
“เอ้า! แม่คุณชวนดิฉันมาซื้ออะไรล่ะค่ะ?”
“ก็มันเยอะเลือกไม่ถูกอ่ะ?”
“เอาหลักๆเลย แกอยากได้อะไร?”
“ฉันอยากได้ รองเท้า มั้งนะ?”
“มี มั้งนะ ด้วย”
“ก็ไม่รู้สิ”
“ฟรีสจ๋า ช่วยออกความคิดเห็นหน่อยหนึ่งสิจ๊ะ?”
“ก็หลักๆเลยนะ สมายจะมาซื้ออะไรล่ะจะได้พาไปซื้อถูก?”
“ฉันหรอ? ฉันอยากได้รองท้าซัก 2-3 คู่”
“งั้นก็ไปร้านโรงเท้า แล้วจูเอ็ลล่ะอยากได้อะไรรึเปล่า?”
“หนังสือประวัติศาสตร์ ซักเล่ม”
“โว่ะ! นี่แกจะเอาไปสร้างคลังหนังสือประวัติศาสตร์หรอ ฉันเห็นบ้านแกมีแต่หนังสือประวัติศาสตร์ ไม่เบื่อหรอ?” ยัยจูเอ็ลเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก มากถึงมากที่สุด แล้วแนวที่อ่านจะเป็นแนวสงครามโลก ประวัตศาสตร์ชาติต่างๆ แล้วแต่ละเล่มหนาเท่าตึกสิบชั้นเลย หนาจริงๆ
“เรื่องของฉัน -* -”
“เชอะๆ! ฉันถามหน่อยก็ไม่ได้”
“พอๆ แยกดีกว่าเอางี้เดี๋ยวฉันจะพา สมายไปซื้อโรงเท้านะส่วนแกไปร้านหนังสือเองได้ใช่ไหม?”
“ได้ๆ เจออยู่ร้านไอติมนะ”
“จ้าๆ งั้นไปล่ะ” ยัยจูเอ็ลพูดปุ๊ป ก็หันหลังเดินก้าวฉับๆ ไปร้านหนังสืออย่างรีบ ร้านหนังสือมันคงไม่หนีไปไหนหรอก รีบทำไมไม่รู้
“สมาย อยากได้รองเท้าแทบไหนล่ะ?”
“ไม่รู้สิ ตอนนี้อยากไปร้านโรงเท้ามากๆเลย อยากไปเลือกดูก่อน”
“งั้นเดี๋ยวฉันพาไปร้านปประจำแล้วกัน”
“โอเค ไปโลด”
ร้านหนังสือ
ถึงแล้วร้านหนังสือของฉัน เห้ยๆ ไม่ใช่ร้านหนังสือของฉัน แต่เป็นร้านหนังสือที่ฉันจะมาซื้อหนังสือแล้วหนังสือก็เป็นของฉัน ยิ่งอธิบายยิ่งไม่เข้าใจพอๆ
ฉันดูโปรโมชั่นลดราคาของทางร้านก่อนจะเข้าร้านทุกครั้ง
ไม่ใช่ฉันจะมาหาซื้อแต่หนังสือที่ลดราคานะ แต่มาดูว่าเล่มไหนลดแล้วฉันก็จะได้วิเคราะห์ว่า มันขายไม่ออกจนต้องลดล้างสต๊อก หรือขายดีมากต้องขายออกให้หมดแล้วสั่งล๊อดใหม่เข้ามา
บางคนอาจไม่คิดเหมือนฉันนะแต่ถ้ามาร้านหนังสิ่งแรกคือโปรโมชั่นของร้านก่อนอันดับแรก
พอฉันดูโปรโมชั่นหน้าร้านเรียบร้อยฉันรีบเดินมองหาหนังสือที่ฉันอยากได้
วันนี้ฉันกะจะมาหาซื้อหนังสือ ประวัติศาสตร์มอญ ฉันก็เคยได้ยินผ่านๆมา ก็เลยสงสัยวันว่า มอญ มันคืออะไร แบบว่าอยากรู้ลึกลงไปอีก แบบว่ารู้ไปสอนคนได้เลย
ฉันเลยมาทางชั้นหนังสือ วรรณกรรมไทย
เดินมาเรื่อยๆ
“เห็นแล้ว” ฉันเห็นหนังสือที่ฉันต้องการแล้ว วันนี้เห็นเร็วแหะ ปกติเวลาฉันมาซื้อหนังซื้อต้องหาซักครึ่งชั่วโมงถึงจะเจอ แต่วันนี้เดินๆมา ก็เห็นเลย
ฉันเอื้อมมือไปจับหนังสือ แล้วตอนนั้นมือของใครไม่รู้มาจับมือฉันอยู่
ฉันหันไปมองคนที่จับมือของฉันช้าๆ
ว๊ายยย’ย ผู้ชายจับมือ
“ขอโทษครับ” เขาหันหน้ามาขอโทษฉันแล้วรีบเอามือเขาออก
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันพูดแล้วก้ยิบหนังสือมาอย่างรวดเร็วเดี๋ยวผู้ชายคนนี้มันจะซื้อตัดกน้า
“ J ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเสียสละให้เด็ก J” ห่ะ!เด็กงั้นหรอ พูดไม่ดูหนังหน้าดูเองเลย
“นี่น้องใครเด็ก พี่นะจะขึ้นมหาลัยแล้วนะ แล้วน้องล่ะ”
“เอ้าจะขึ้น มหาลัยแล้วหรอ ”
“แน่นอนเห็นฉันเด็กว่าวัยละสิ แล้วน้องล่ะ มอไหนแล้ว” ฉันยักไหล่ให้เขา
“ผม จบ มะ หา ลัย แล้ว ครับ! ”
“ O_o อะไรนะ พะ…พูดใหม่สิ”
“ผมว่าผม ช้าๆชดๆ แล้วนะครับ”
ใครจะไปเชื่อล่ะ หน้ายังกะเด็ก ม.4 โอ๊ยๆ ซวยแล้วฉัน
“ขะ…ขอโทษแล้วกันนะ” ฉันยิ้มแก้เขิล
“ไม่เป็นครับ”
“โอะ! นั้นไงอีกเล่มหนึ่งพี่ค่ะฝากถือหน่อยเดี๋ยวฉันจะยิบให้” ฉันเลือบมองไปเห็นหนังสือเล่มที่ฉันถืออยู่อีกเล่มหนึ่งบนฉันวาง แต่มันกลับอยู่สู๊งสุง อยู่ตั้งฉันสุดท้ายแนะ มองหาบันได ก็ไม่มี แต่ความสูงของฉันถ้ากระโดดแล้วใช้ความพยายามอีกนิดคงจะยิบลงมาได้
ฉันกระโดดคว้าได้พอดีเลย
แฮร่ๆ ได้แล้วๆ
“ได้แล้วค่ะ นี่ค่ะ J ”
“ระวัง! สืออออออออออ”
ตุ๊บ! หนังสือหล่น หล่นฉันหัวฉัน
วิ๊งๆ หะ…หะ…เห็นดาวด้วย
ฟุบ!
“อ้าวน้อง น้องๆเป็นไรมากป่ะเนี่ยน้องครับ”
ร้านรองเท้า
“ฟรีส ฉันเข้าไปคนเดียวได้นะ นายอยากได้อะไรก็ซื้อเหอะ เดี๋ยวฉันเข้าไปเลือก”
“อื้มๆ งั้นฉันไปซื้อกระเป๋าก่อนแหละกัน”
“จ้า J ” พอฉันกับฟรีสตกลงกันเรียบร้อย ฉันก็รีบเดินเข้ามาในร้านขายรองเท้า
“สวัสดีค่ะร้าน abcd ยินดีย้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่าอยากได้รองเท้าแบบไหนเป็นพิเศษค่ะ? J” พนักงานร้านนี้เขาดีจริงๆ ก้าวเข้าไปปุ๊ปยินดีย้อนหลับปั๊ป ดีจังเลย
“ขอดูก่อนแล้วกันนะค่ะ”
“ค่ะ รองเท้าสุภาพสตรี อยู่ทางขวามือนะค่ะ J” ดีจังบอกทางไปด้วย
“ขอบคุณค่ะ” ฉันขอบใจพนักงานของร้าน แล้วก็เดินตามที่พนักงานเขาบอกมา เดินไปทางขวามือ
ทำไมไม่ค่อยมีคนเลยน้อ มาผิดรึป่าว?
ฉันเห็นรองเท้าของร้านนี้ มีแต่คู่สวยๆทั้งนั้นเลย แต่ก็ยังไม่ถูกใจฉันเลย
ฉันเดินมาเรื่อยๆ มาสะดุดตากับ รองเท้าแตะ! รูปลักษณ์ของรองเท้าแตะคู่นี้ก็ไม่มีอะไรมากนะ แต่รู้สึกมันถูกใจสุดๆไปเลย
แต่รู้สึกมันจะมี อีกคู่หนึ่งที่วางข้างๆกัน
แค่รองเท้าแตะสองงคู่ จัดให้อยู่ในตู้กระจกอย่างดี เวอร์ไปแล้ว
ฉันมองหาพนักงาน มาเปิดตู้กระจกรองเท้าแตะให้ฉัน
แต่มองไปรอบร้านก็ไม่เห็นพนักงานเลยสักคน เห็นแต่ผู้ชาย
ผู้ชายหรือ รูปปั้นว่ะ? ทำไมมันสมบูรณ์แบบ จังเลย
จมูก ตา ปาก คาง เข้ารูปกันหมดเลย นี่ฝันฝันไปอีกแล้วหรอ
ฝันขนาดได้เจอเทพบุตรรูปงาน ทำไมช่วงนี้ฝันแปลกจังเลย แต่แหม! ก็เขาหล่าหล่อนิ หล่อลากพสุธา หล่อกระแทกตา หล่อมหาประลัย หล่อทะเทือนชั้นบรรยากาศ โอ๊ย!หล่อๆ
ช่างเหอะมันเป็นแค่ความฝัน จะมองเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีใครว่าเพราะมันคือความฝันของฉัน อิอิ
ฉันเดินใกล้เข้าไปอีกนิดเพื่อที่จะได้ดูแบบชัดที่สุด แต่
“โอ๊ย!” เดินสะดุดขาตัวเองหัวกระแทกกระจกซะงั้น
“ว๊าย! เป็นอะไรรึเปลาค่ะ?” พนักงานของร้านรีบวิ่งมาหาฉัน
“มะ…ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับอาการอายนิดๆ
“ค่ะๆ แล้วนี่จะเดินไปไหนค่ะ?”
“ดะ…เดินไปหาพนักงานนั้นแหละค่ะ”
“ขอโทษด้วยนะค่ะ ที่บริการไม่ดี ว่าแต่สนใจคู่ไหนค่ะ”
“คู่ที่อยู่ในกระจกค่ะ”
พนักงานเดินตรงไปที่รองเท้าคู่นั้นส่วนฉันก็เดินตามติด และก็แอบเบือบหันไปมองพ่อเทพบุตรคนนั้นด้วย อ้าว!หาย เทพบุตรของฉันหาย
“คู่นี้ใช่ไม่ค่ะ” พนักงานหลีกให้ฉันดูรองเท้าในตู้
“ใช่ค่ะ”
“คือทางเราต้องขอโทษด้วยนะค่ะคือรองเท้าคู่นี้จะขายพร้อมกับรองเท้าคู่ข้างๆค่ะ”
“อ่อค่ะ แล้วถ้าฉันซื้อพร้อมกันสองคู่ล่ะค่ะ?”
“จะให้ราคาสูงเท่าไหร่ก็ไม่ขายค่ะ คนที่จะซื้อรองเท้าสองคู่นี้ได้ต้องเป็น คู่รักค่ะ”
“ผมเนี่ยละครับ แฟนของเธอ ใช่ไหมตะเอง?”
“ใช่ค่ะ”อยู่ๆพ่อเทพบุตรของฉันก็โพล่ออกมาแล้วไปบอกพนักงานว่าฉันเป็นแฟนเขา ทางนี้เลยสนองความต้องการให้
“ไม่ทราบว่ามาด้วยกันหรอค่ะ?” พนักเริ่มสงสัยแล้วนะสิ ก็มากันคนละทางแถมมากันคนละเวลาด้วย
“จริงๆสิครับ พอดีว่าเอาของไปเก็บที่รถน่ะครับแฟนผมเลยเดินมาก่อน”
“จริงหรอค่ะ?”
“จริงค่ะ”
“ไม่เชื่อใช่ไหมครับ?” จู่ๆพ่อเทพบุตรก็เข้ามาโอบไหล่ฉันแล้วก็ หอมแก้มฉันด้วย
“ชะ…เชื่อๆ แล้วค่ะ”
“ราคาเท่าไหร่ครับ”
“สองคู่นี้ตกอยู่ที่ เก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบบาท ค่ะ”
“ตะเอง ตะเองจะซื้อไหวหรอ ช็อปหมดไปเป็นแสนแล้วนะ?” บ้าฉันยังไม่ได้ซื้ออะไรเลยซักบาท โอ้โห! คิดว่าฉันไม่มีเงินหรอ
“ไม่เป็นไร พ่อเขารวย ตะเองไม่ต้องห่วง ตกลงเอาคู่นี้คู่นี้ค่ะ” ฉันไปยักคิ้วให้กับพ่อเทพบุตรของฉัน พนักงานรีบเปิดตู้กระจกเอารองเท้า(แตะ)ไปห่อใส่กล่องให้ราสองคน
“ปล่อยได้แล้วมั้งค่ะ?”
“อือ อย่าสำคัญตัวผิดละครับ ผมก็แค่อยากได้รองเท้าคู่นั้นเหมือนกันถึงได้เล่นละครให้คุณ”
“ค่ะขอบคุณ” ฉันพูดกระแทกใส่เขาเล็กน้อย แต่ก็โกรธเขาไม่ลงหรอก เพราะเขาหล่อ
“เห็นว่าพ่อ รวยแล้วอวดหรอ?”
“ตะเอง ตะเองอย่าพูดหมาๆแบบนี้อีกนะ” ฉันไม่ได้ตั้งใจจะด่านะ แต่อยากใช้คำว่า ตะเอง กับเขาให้มากที่สุด ฉันยังไม่อยากไปไหนเลย อยากอยู่ตรงนี้กับเขานานๆ
“อือๆ”
“ใส่กล่องให้รีบร้อยแล้วนะค่ะ” พนักงานเดินมาหาเราสองคนพร้อมกับกล่องรองเท้า(แตะ)สองกล่อง
“ค่ะ”
“จ่ายเงินด้านหน้านะค่ะ”
ฉันเดินถือกล่องรองเท้า(แตะ)ไปจ่ายเงินที่หน้าร้าน
“ชำระเป็นบัตรเครดิตหรือเงินสดค่ะ”
“บัตรเครดิตค่ะ” ฉันยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน
“รวมทั้งสองคู่เลยใช่ไหมค่ะ?”
“ค่ะ”
พนักงานยื่นใบเสร็จพร้อมบัตรเครดิตคืนให้ฉัน ฉันยื่นกล่องรองเท้า(แตะ)ให้กับพ่อเทพบุตรของฉันถือเอาไว้
“ตะเองเดินออกไปเลยก็ได้”
“ตะเอง จะรออะไร?” เขาถามฉันให้พอเป็นพิธีใช่ไหมหรือเขาจะห่วงฉัน
“ไม่มีอะไรหรอก ตะเองออกไปรอเขาเถอะ” พอฉันพูดจบปั๊ปเขาก็หันหลังเดินออกไปจากร้านทันที
“ต้องการอะไรเพิ่มไหมค่ะ?” พนักงานถามฉัน
“คืออยากสอบถามเกี่ยวกับรองเท้า(แตะ)คู่นั้นค่ะ ทำไมถึงต้องซื้อพร้อมกันสองคู่”
“คือรองเท้า(แตะ)สองคู่นี้ เป็นผลงานสิ้นสุดท้ายที่เจ้าของร้านได้ออกแบบไว้ก่อนจะเสียชีวิตค่ะ แล้วยังสั่งนักหนานะค่ะว่าต้องขายพร้อมกันเท่านั้น เหมือนมันเป็นรองเท้า(แตะ)คู่รัก แล้วก็ยังบอกนะค่ะว่าจะต้องขายให้กับคุณสองคนเท่านั้น”
“หึ! ฉันกับแฟนนั้นหรอค่ะ?” เรียกแฟนซะเต็มปากเลยเรา
“ใช่ค่ะ คือก่อนที่เจ้าของร้านคนก่อนจะเสียก็บอกว่า จะมีผู้หญิงเดินเข้าร้านเวลา 17.17 น. แล้วจะมีผู้ชายเดินเข้าร้านเวลา 17.27 น. ดิฉันเองก็เคยเห็นบ่อยๆนะค่ะเวลาผู้หญิงกับผู้ชายเดินเข้ามาในเวลานี้แต่ก็ ไม่มีใครคิดจะซื้อรองเท้า(แตะ)คู่นี้เลย”
“ขอบคุณนะค่ะ ที่ตอบคำถามของฉัน”
“ยินดีเสมอค่ะ J”
ฉันเดินออกมาจากร้านด้วยความงง เล็กๆ เห้ยๆรองเท้า(แตะ)ของฉันไปไหนแล้ว
หรือว่าพ่อเทพบุตรของฉันจะเป็นโจร
“นี่คุณ คิดไปถึงไหน”
“นึกว่า จะขโมยรองเท้าฉันไปสะแหละ”
“อะนี้ของคุณ ส่วนนี้เงิน พอดีไปแลกเงินมาจ่ายคุณ”
“ไม่ต้องจ่ายหรอก ฉันซื้อให้ ไปล่ะ” ฉันรีบเดินหนีเขาทันที ที่ฉันไม่เอาเงินกับเขาเวลาเจอเขาฉันจะได้มีข้ออ้างให้เขชดใช้เงินฉัน ด้วยการพาไปดูหนัง กินข้าว ฟังเพลง อะไรทำนองนี้ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระโปรงนักเรียนของฉันกดเบอร์โทรศัพท์ของฟรีสทันที
“ฮาโหลฟรีสอยู่ไหนนิฉันซื้อของเสร็จแล้วนะ”
(ฉันกำลังเดินออกจากขายกระเป่าแล้วล่ะ แล้วนี้สมาอยู่ไหน?)
“ฉันอยู่ที่ร้านขายเครื่องสำอางข้างๆกับร้านขายรองเท้านั้นแหละ”
(ครับๆเดี๋ยวผมจะรีบเดินไปแล้วกัน แค่นี้นะครับ)
ฟรีสเป็นคนตัดการสนทนาของฉันด้วยการวางสายใส่ฉัน
ตอนที่ฉันอยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้นฉันรู้สึกเหมือนหัวใจฉันเต้นเร็วและไม่เป็นจังหวะเลย ยิ่งเขาเข้ามาโอบไหล่ของฉันหน้าฉันก็ร้อนแบบไม่มีสาเหตุตอนนี้ฉันกำลังคิดถึงเขา อยากคุยกับเขา อยากอยู่ใกล้เขา ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ความคิดของฉันตอนนี้มีแต่หน้าของเขามองไปทางไหนก็เห็นทุกอย่างเป็นสีชมพู
“สมาย”
เวลาเพ้อเจ่อของฉันก็ต้องหยุดลงเมื่อฟรีสเอ่ยชื่อของฉัน
“เหม่ออะไรของเธอ สมาย?”
“เปล่าซักหน่อย”
“ไปกันเถอะฉันว่ายัยจูเอ็ลคงถึงร้านไอติมแล้วล่ะ”
“ครับๆ”
ฉันเดินนำฟรีสไป เวลานี้ฉันกำลังคิดถึงภาพของเขาที่เข้ามาโอบไหล่ของฉันแล้วก็หอมแก้มของฉัน
พูดเองเขิลเองบ้าไปแล้วฉัน ฉันเดินมาถึงร้านไอติมแล้วก็เดินตรงเข้าไปในร้านแต่ตอนนี้ฉันยังไม่เห้นกระทั่งเงาของยัยจูเอ็ลเลยฉันเลยหันไปหาฟรีส
“ฟรีสลองโทรไปหาจูเอ็ลหน่อยสิ”
“กำลังโทร”
“ฮาโหลจูเอ็ลอยู่ไหน”
(ขอโทษนะครับเจ้าของโทรศัพท์เครื่องชื่อจูเอ้ลหรอครับ?)
“ครับ แล้วนี้คุณเป็นใคร ทำไมมารับโทรศัพท์ของจูเอ็ล แล้วตอนนี้จูเอ็ลอยู่ไหน?”
(ผมชื่อเจอี้ครับ คือตอนนี้จูเอ็ลอยู่อยู่โรงพยาบาลครับ)
“จูเอ็ลไปอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยังไง?”
เอ๊ะ! ฉันคงหูไม่ฝาดใช่ไหม ฉันรีบแย่งโทรศัพท์มาแล้วคุยกับคนที่อยู่ในสายทันที
“นี่คุณตอนนี้เพื่อนฉันอยู่ที่ไหน”
(เพื่อนของคุณอยู่โรงพยาบาลครับ)
“ทำไมไปอยู่โรงพยาบาลได้นายทำอะไรเพื่อนฉัน” ตอนนี้คนในร้านไอติมกำลังมองมาที่ฉันที่กำลังเอะอะเสียงดังลั่น
(จูเอ็ลเป็นลมไปครับ ผมเลยพามาส่งโรงพยาบาลครับ แค่นี้ก่อนนะครับ)
“เอ้าเดี๋ยวสิ”
“ว่าไงสมาย จูเอ็ลเป็นอะไรทำไมไปอยู่โรงพยาบาลได้?”
“จูเอ็ลเป็นลมไป ไปหาจูเอ็ลกันเถอะ”
“ไปกันเถอะ”
ตอนนี้ฉันกับฟรีสกำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลที่อยู่หากจากที่นี้ไม่ไกลนัก ตอนนี้ฉันได้แต่งงและสงสัยว่าทำไมจูเอ็ลถึงเป็นลมลงไปได้วันนี้ฉันก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติกับจูเอ็ลเลยฉันทั้งกังวลทั้งห่วงเพื่อนของฉันจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทา…
ความคิดเห็น