คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แค่ฝันไป
ตอนที่2
@เชียงใหม่ ประเทศไทย
“ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนระดับชั้น ม.6 ทุกคนที่กำลังจะจบการศึกษาในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า ด้วยนะค่ะ!”
นี้คือ เสียงประชาสัมพันธ์ แสดงความยินดีกับ นักเรียนระดับชั้น ม.6 ที่กำลังจะจบ
ประกาศได้ทุกวัน วันละสามเวลาจริ๊งจริง = =
ช่วงนี้เป็นช่วงเตรีมตัวปิดภาคเรียนเลื่อนระดับชั้น นักเรียนทุกคนพากันดีอกดีใจที่จะได้ปิดเทอมซักที จะว่าไปฉันก็ดีใจนะที่
จะปิดเทอมแล้ว แต่ก็แอบเสียใจเล็กๆเหมือนกัน ที่ต้องจากเพื่อนไปเรียนที่อื่น เรียนด้วยกันมาตั้ง สามปี มีสุขร่วมสุข มีทุกข์
ร่วมทุกข์ มาด้วยกันคิดแล้วก็เศร้า
“ เฮ่ออออ -^- ”ฉันว่าฉันถอดหายใจได้ประมาณ ล้านรอบได้แล้วมั้ง(เวอร์ไปแระ - -)
“ไปไรไปอีกล่ะจ๊ะคุณ สมาย?”
“นี่จูเอ็ล! ” ฉันเรียกจูลเอ็ลด้วยสีหน้าเซงๆ
“มีอะไร?”
“เลิกเรียนแล้วไป ช็อปปิ้งกันป่ะ?” วันนี้นึกอยากไปช็อปปิ้งขึ้นมาไม่รู้ทำไมก็เลยลองชวนจูเอ็ลดู
“ห๊ะ O_o คิดยังไงจะไปช็อปปิ้ง” จูเอ็ลคงจะตกใจมากที่ได้ยินประโยคนั้นหลุดออกมาจากปากฉัน
“ไม่รู้สิ แต่ว่าอยากไปมากๆเลย นะๆไปเหอะ”
“อื้มๆ ไปก็ไป”
“’งั้นเลิกเรียนแล้วไปกันเลยนะ”
“ฟรีส ล่ะ ไม่ชวนไปหน่อยหรอ?”
“ชวนดิ ไม่ชวนเดี๋ยวมันก็งอน อีกหรอก”
“โอเคๆ”
วันนี้มันโคตรแปลกเลย ฉันไม่เคยแทบจะมีความคิดชวน ยัยจูเอ็ล ไปช็อปปิ้ง อย่างมากสุดก็แอบไปคนเดียว วันนี้แปลก
แฮะ อารมณ์ไหนเนี่ยสงสัยฉันจะเรียนจนเครียด หรือ ดีใจจนสมองเออเร่อ จะอะไรก็ช่างเหอะ ยังไงต้องไปช็อปปิ้งให้ได้
แล้วฉันจะไปช็อปอะไรมาล่ะเนี่ย?
โอ๊ย!ปวดหัวกับชีวิตตัวเองจังเลย ทำไงดีเนี่ยฉันต้องเป็นบ้าแน่ๆเลย เรียกว่าอะไรเนี่ย ทำไมรู้สึกกระวนกระวาย อยากบอก
ไม่ถูกเลยหรือวันนี้ มันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น โอ๊ย!ยิ่งคิดยิ่งปวดตัว
งั้นนอนซักแปปหนึ่งอาการคงดีขึ้น คุณครูคงไม่เห็นหรอก
“เห้ย! ที่นี้มันที่ไหน จูเอ็ล ฟรีส อยู่ที่นี้รึป้าว” ฉันตะโกนร้องหาเพื่อนเมื่อตื่นมาพบกับสถานที่ ที่ฉันคุ้นเคยและไม่เคยรู้จัก
ฉันออกเดินตามหา จูลเอ็ล กับฟรีส แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองจะเดินวนไปวนมากลับมาที่เก่า ตอนนี้ฉันรู้สึกกลัวอย่าง
บอกไม่ถูก แต่ในความกลัวนั้น ในใจลึกๆกลับมีความสุข ซะงั้น - -
ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ฉันอยากกลับบ้าน อยากไปหา จูลเอ็ล กับฟรีส
ฉันไม่รู้จะทำยังไง เดินไปไหนก็เหมือเดินอยู่กับที่ มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืด
น้ำตาของฉันเริ่มไหลออกมา ฉันเริ่มรู้สึกหนาว หนาวขึ้นมาเรื่อยๆ และนี้แหละที่ทำให้ฉันกลัวเพิ่มขึ้น น้ำตาของฉันไหลอย่างไม่ขาดสาย
“ช่วยด้วยค่ะ มีใครอยู่แถวนี้ไหมค่ะ? ช่วยฉันหน่อย ฮื่อๆ TT”
ฉันไม่รู้จะต้องทำยังไง ตอนนี้ฉันได้แต่ตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ขาของฉันเริ่มอ่อนแรงลง จนฉันทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น ตอนนี้ฉันกลัวมากกลัวจนไม่อยากไปไหน ฉันนั่งร้องไห้จนน้ำตาของ
ฉันแทบจะไม่มี แต่ก็ไม่มีวี่แววของใครหลงเข้ามาในนี้เหมือนกับฉัน
“ฮึก…ฮื่อออ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วยมีใครอยู่แถวนี้ไหมค่ะ? ช่วยฉันด้วยใครก็ได้พาฉันออกไปจากที่นี้หน่อยค่ะ ฮึก”
ฉันพยายามกลั่นน้ำตาไม่ให้ร้องไห้ แต่ยิ่งกลั่น น้ำตามันก็ยิ่งไหล ฉันได้แต่ตะโกนขอความช่วยเหลือตะโกนจนแทบจะไม่มี
เสียง
ตอนนี้ฉันไม่มีแรง และเหมือนแรงออกฉันเริ่มจะหมดไปเรื่อยๆ
“อย่าพึ่งหมดความหวังสิจ๊ะ สาวน้อย”
“เสียงใครค่ะ คุณมาช่วยฉันหรอค่ะ?”
ฉันรอดตายแล้ว ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
เสียงที่ฉันได้ยินมันเป็นเสียงของคนใช่ไหม? ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?
ฉันขยี้ตาฉันเบาๆ ตอนนี้สิ่งที่ฉันเห็นคือ ผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวดูหรูหราไฮโซ ดูเคารพนับถือ นั่งมองฉัน
ฉันก็เริ่มไม่แน่ใจว่า ผู้หญิงคนนี้จะมองฉัน ด้วยความสงสาร หรือความเอ็นดู
“ไม่ต้องตกใจนะสาวน้อย เธอกำลังจะเจอเนื้อคู่”
ผู้หญิงคนนั้นพูดว่าอะไรนะ เนื้อคู่งั้นหรอ?
“แต่โบราณเขาว่ากันว่า ฝันเห็นงู ถึงจะเจอเนื้อคู่ไม่ใช่หรอค่ะ แต่นี้ฉันยังไม่เห็นงูเลย?”
“จ๊ะๆ สาวน้อย”
ดูเธอจะยิ้มให้กับความไรเดียงสาออกฉัน เธอเอื้อมมือมาลูบหัวฉัน แล้วก็ส่งยิ้มหวานหยดให้กับฉัน
แล้วในพริบตา เธอก็หายไป
“อย่าพึ่งไปค่ะ พาฉันออกไปจากที่นี้ก่อน”
ฉันรวบร่วมพลังตะโกนบอกเธอ เมื่อฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นหายไปฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย
“สมาย! ตื่น ได้แล้ว”
“ห๊ะๆ”
รู้สึกเสียงนี้จะคุ้นมาก ฉันลืมตาขึ้นมาอีกทีก็… ฝันอีกแล้ว ฉันฝันไป
“นอนหลับในห้องเรียนไม่พอ ละเมอเพ้อเจ้อเรื่อง เนื้อคงเนื้อคู่อีก เป็นอะไรมากขึ้นป่าวย่ะ?”
“ครูสอนเสร็จยัง”
“นานแล้ว”
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปหาฟรีสกันเหอะ” ฉันว่าถ้าฉันเล่าเรื่องนี้ให้ยัย จูลเอ็ล ฟังมันต้องยาวแน่ๆ รอไปเล่าให้ ฟรีสฟังด้วยดีกว่า
ยัยจูลเอ็ล ถึงไม่คิดมาก
ฉันและจูลเอ็ลเดินออกมาจากห้องเรียน จูลเอ็ลไม่ถามอะไรฉัน และฉันก็ไม่ส่งเสียหรือแสดงอาการใดๆ
จูลเอ็ลคงต้องคิดหนักว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน และคิดไปต่างๆนานา ว่าในความฝันของฉันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ส่วนฉัน ก็พยายามเรียบเรียงความฝันเพื่อจะอธิบายให้ จูลเอ็ลกับฟรีส ฟัง ถ้าฉันเล่าไป สองคนนั้นจะรู้สึกยังไง
จะคิดว่าฉันบ้ารึเปล่า? สงสัยฉันจะคิดมากเรื่องช็อปปิ้งเกินไป
“อ้าว? ทำไมวันนี้สองสาวถึงเดินเงียบมาจัง ทะเลาะอะไรกันรึป้าว?” พอฟรีสเห็นฉันกับจูเอ็ลเดินมาด้วยกันด้วยท่าทาง
แปลกไปฟรีสถึงกับงง และสงสัยเลยรีบถามเราทะเลาะกันรึเป่า
“เออ! ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็รู้พอๆกับแกนั้นแหละฟรีสสสสสสส”
“สมาย เป็นไร ไม่สบายหรอ? ทำไมเงียบล่ะ?”
“………”
“นี่สมายแกจะเงียบทำไมบอกมาสิ มีอะไร?” ตอนนี้จูลเอ็ลเริ่มจะโมโหฉันที่ฉันไม่ยอมพูดอะไรเลย
“พอแล้วๆ จูลเอ็ล ถามดีๆก็ได้”
“นั่นสิ!”
“นั้นแกก็เล่ามาได้แล้ว ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“เห้ย! ทะเลาะกันหรอ?”
“เปล่า… ฉันแค่ฝันน่ะ”
“เห็นไหมจูลเอ็ล สมายก็แค่ฝัน จะไปดุสมายทำไมล่ะ?”
“ไม่รู้แหละ! ฝันบ้าฝันบอ อะไรทำให้แกเปลี่ยนไป แกไม่สบายรึเปล่า” ด้วยความเป็นห่วงฉัน จูลรีบเอามือมาแตะที่
หน้าผากฉัน
“คือ ฉันฝัน…ฝัน… ฝันว่าฉันจะเจอเนื้อคู่!”
“ห๊ะ O_o”
“แกว่าอะไรนะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นแกฝันแบบนี้มาก่อน เล่ามาๆ ตั้งแต่ต้น”
“ก็แบบว่า ฉันฝันว่าฉันหลงไปที่ไหนไม่รู้มันมืดมากมองไม่เห็นไรเลยแล้วฉันก็ร้องไห้ ร้องไห้แล้วก็ทรุดตัวลงไปนั่ง ทรุดตัวลง
ไปนั่งแล้วฉันก็หลบ พอฉันหลบไปก็รู้สึกเหมือนมีคนมาปลุก แล้วคนมาปลุกก็บอกว่าฉันจะเจอเนื้อคู่ แล้วฉันก็เลยบอกเขา
ไปว่า ฉันยังไม่เห็นงูเลย จะเจอเนื้อคู่ได้ยังไง? แล้วเขาก็ยิ้มแล้วก็หายไป”
“พระเจ้าช่วยกล้วยแขกไหม้” ยัยจูลเอ็ลอุทานซะเสียงหลงเลย คงจะตกใจมาสินะ
“สมาย? ”ฟรีส นี้ก็อึ้งไปเลย
“แค่ฉันฝันเห็นว่าจะเจอ เนื้อคู่ ทำไมพวกแกต้องตกใจขนาดนั้นด้วย?”
“เออ นั้นสิ โอ๊ย!ฉันจะตกใจทำไม แกอาจจะเรียนหนักถึงขั้นเพ้อเจ้อเรื่องแบบนี้ก็”
“นั้นสิอาจจะซีเรียสเกินไปจริงๆ ไปกันเถอะเดี๋ยวของหมด”
“อ้าวๆ จะพากันไปไหนกันครับ? ทำไมไม่ชวนกันบ้าง”
“ก็ ยัยสมาย ชวนไปช้อปปิ้งไงจ๊ะ”
“ห๊ะO_o ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนไปช็อปปิ้งเลย”
“นั้นสิ ฉันก็ว่ามันต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”
“โอ๊ยๆ ไม่ต้องสงสัยฉันแค่…เออ…ออ…อยากได้รองเท้าใหม่ มั้ง”
“โอเคๆ ไปๆไปซื้อกันเถอะ” รู้สึกเหมือนยัยจูลเอ็ลจะสงสัยนิดหน่อยนะว่าฉันพูดติดอ่างตั้งแต่เมื่อไร่
@กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
“ไอ้เจ็ทๆ เอาอีกแล้วมาช้าอีกแล้ว”
ผมล่ะเบื่อนิสัยมันชิป. ถ้าไม่ใช่เพื่อนผม ผมคงส่งไปฆ่ามันแล้ว
“คุณ เจอี้ค่ะ เครื่องจะขึ้นอีกสามนาทีนะค่ะ”
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมรอเพื่อนผมก่อน”
“ค่ะ ด้วยความยินดี”
อีก 3นาที ไอ้เจ็ทยังไม่โผล่หน้ามาเลย โทรไปก็ไม่รับ โธ่!ไอ้เพื่อนรัก สายตลอดฉันจะดัดนิสัยแกยังไงดีว่ะ
ถึงผมกับเจ็ทจะเป็นเพื่อนกันมานาน แต่นิสัยเสียๆของมันก็ทำให้ผมรับไม่ได้ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาไปไหนมันจะสายตลอดผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเท่ห์ไปไหน แฟนมันก็มีแล้ว แต่ก็ว่า ก็มันเป็นคนเจ้าชู้คงหยุดหล่อไม่ได้หรอก
โอ๊ย!เครียด อีก 3นาที
“เห้ยยยยย’ย เจอี้” และแล้วมันก็โผล่ออกมาซักที เจ็ทมาแล้วโว้ย
“ไอ้เจ็ทถ้ามาช้า ขนาดนี้เปลี่ยนไฟล์บินเลยไหมว่ะ?” มาปุ๊ปไอ้เจอี้ก็จัดให้ผมมาหนึ่งดอก
โธ่! ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาช้านะคับแต่พอดีเจอ แอร์โฮสเตส ก็เลยแวะทักนิดหน่อย ตามประสาผู้ชายคารมดี
ผมไม่ได้เจ้าชู้นะ คารมผมมัดจัดใจสาวเท่านั้นเอง
“เครื่องขึ้น เที่ยงครึ่งไม่ใช่หรอว่ะ” ผมก็พยายามเลี่ยงๆ ไม่ให้มันด่าผมอีก
“แฮกตา ดูนาฬิกา หน่อยสิโว้ย เวลามันเท่าไรแล้ว”
“นาฬิกาตายว่ะ ป่ะๆขึ้นเครื่องเหอะ เดี๋ยวตกเครื่องนะครับ”
“…..” เอ้ามันเงียบครับ มันคิดไรอยู่รึป้าวเนี่ย
ผมกับเจอั้ เดินขึ้นเครื่อง ด้วยความอายนิดหน่อย คนทั้งเครื่องรอ ผมกับมันแค่ 2คน ผมละอายจริงๆ แต่โชคดีที่ผมกับเจอี้
เป็นแขกวีไอพี เลยได้นั่งที่วีไอพี เลยไม่ต้องนั่งสำนึกผิดต่อหน้าคนบนเครื่อง
ผมก็แอบกลัวเล็กว่าจะมีใคร เอาอะไรมาปาหัวผมไหมนะ รู้สึกคนบนเครื่องจะมีพวก อาเฮีย อาซ้อ เยอะเกิ๊น
ไฟล์นี้ แอร์ สวยมาก ผมล่ะอยากไปเชียงใหม่บ่อยๆจังเลย จะได้อยู่ใกล้ แอร์โฮสเตส สาวๆสวยๆ
“อะแฮ่มม”
“อะไร ติดคอหรอว่ะ”
เจอี้คงจะเห็นผม เหล่ แอร์นานไป เลยส่งนัยให้ว่าหยุดเหอะ
“….” มันเงียบอีกและ
“เงียบทำไมว่ะ”
“ไม่อยากพูดกับคน กระล่อน เว้ย”
“อี้ แกหึงหรอว่ะ?”
“ใครหึงแกว่ะ โห่! พูดซะเกิบโดนฟ้าผ่า” ฮ่าๆ เจอี้ถึงกลับหันมาเอ็ดผมเบาๆ
“เอ่อๆไม่พูดแล้วว่ะ” ผมก็ได้แต่หัวเราะ คิๆคักๆ อยู่คนเดี๋ยว
มันเป็นแบบนี้ทุกเที่ยวบินที่เราไปเที่ยวด้วยกัน ผมชอบแซ่วเจอี้ แนวนี้ล่ะ เวลาทำให้มันอารมณ์เสียนิดๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองมี
ความสุขโคตรๆเลย ขอย้ำนะครับ อารมณ์เสียนิดหน่อย
ผมรู้สึกได้ว่า วันนี้ผมมีความสุขแปลกๆ แบบว่าอยู่ๆมันก็ยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว ตอนผมเข้าห้องน้ำก็เหมือนเห็นผู้หญิงในกระจก
รู้สึกวันนี้ผผมจะเพี้ยนเกิ๊น แต่ก็ช่างเหอะผมไม่คิดอะไรมากหรอก นอกจากกับคิดไปเอง
ผมหันไปดูเจอี้ ก็เห็นมันนั่งอ่านหนังสืออยู่ เห็นหนังสือที่มันอ่านแล้วอยากเป็นลม เล่มหนึ่งหนากว่าตึกสิบชั้น(เวอร์ไปค่ะ - -)
ผมเองก็หยิบ Ipod ของผมขึ้นมาฟังเหมือนกัน
ทำไงได้ล่ะ ก็ไม่รู้จะคุยกับใครเนาะ เจอี้มันคงรำคาญผมมาก ถึงกับ ต้องสงบสติด้วยการอ่านหนังสือ
ผมฟังเพลงมาได้ซักประมาณ สองสามเพลงผมก็อยากหลับซะงั้น
เอาเป็นว่าถ้าผมหลับถึงเชียงใหม่จริงๆ เจอี้มันคงต้องปลุกผมนั้นแหละ
“เห้ย เจ็ทๆ มีคนอยากคุยด้วยว่ะ”
“ใครว่ะ?” ผมถามเจอี้ด้วยความมึน งง
“ไม่รู้ ดูเอง”
ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก็เห็นผู้หงญิงวัยกลางคน ดูแล้วเธอสวยมาก สวยจนผมแทบจะไม่สายตาไปจากเธอได้
เธอเหมือนนางฟ้า อะไรทำนองนี้ ผิวพรรณผุดผ่อง รูปหน้าโค้งสวยเหมือนภาพวาด เธอสวยมาก สวยแบบไม่มีที่ติ
“เธอชื่อ เจ็ท ใช่ไหมจ๊ะ? พ่อรูปหล่อ” เธอชมผมว่าหล่องั้นหรอ เห้ยเขิลอ่ะ
“ใช่คับ”
“งั้นลุกขึ้นมากับฉันหน่อยสิจ๊ะ” แหมๆ จะชวนผมไปไหนเนี่ย ตื้นเต้นๆ
พอผมได้ยินประโยคเมื้อสักครู่นี้ ผมก็รีบลุกขึ้นมาทันที(เร็วเชี่ยวนะ พ่อรูปหล่อ)
ผมเดินตามเธอมาเรื่อย ระหว่างที่ผมเดินตามเธอมาผมก็ได้กลิ่นหอมๆ ลอยออกมาจากตัวเธอ
หรือว่าเธอจะเป็นนางฟ้าจริงๆ ผมก็ได้แต่คิดและภาวนาอยู่ในใจขอให้เธอยังไม่มีแฟนด้วยเถอะ
อยู่ๆเธอก็หันหน้ามาหาผม โดยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“มองออกไปข้างนอกสิจ๊ะ”
เธอหลีกทางให้ผม ผมเดินไปอีกสองสามก้าวเพื่อที่จะดูได้ชัดขึ้น และสิ่งที่ผมเห็นคือ เด็กผู้หญิง
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ยิ้มแทบจะไม่เห็นตา เธอกำลังเล่นซ้อนแอบกับเพื่อน อีกสองคน ผมมองเด็กคนนั้นเหหมือนต้องมต์ หรือคำสาปอะไรซักอย่างที่ทำให้ผม อยากจะหยุดช่วงเวลาที่เด็กคนนี้ยิ้ม
“1…2…3…4…5 เอาแย๊วน๊า ไปแอบกันรึยังน้อ? เราไปแล้วน๊า เราจะไปหาแล้วน๊า”
ฮ่าๆ ไรเดียงสา ชะมัดขนาดนี้ยังบอกเพื่อนอีก ผมล่ะอย่กไปเล่นกับเด็กคนนั้นเหลือเกินมันคงจะสนุกน่าดู
เวลาความสุขของผมเริ่มหายไปแล้ว ภาพของเด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังเลือนหายไป
ผมหันกลับมาถาม เธอว่าทไม
“อ้าว! นี่คุณทำไม ภาพมันหายไปล่ะ”
ผมถามเธอด้วยอาการงุดหงิกเล็กน้อย คนกำลังเพลินกับหายไปซะงั้น
“ก็ลองเดินเข้าไปหาเธอสิจ๊ะ”
ผมเดินไปอย่างความรวดเร็ว แต่นี้มันบนเครื่องบินแล้วอีกอย่างผมก็มองเด็กผู้หญิงคนนั้นผ่านกระจก
“จะให้ผมไปหา ได้ยังไงในเทื่อเธออยู่นอกเครื่องบิน คุณทำอะไรของคุณ?”
ผมรู้สึกโมโหนิดหน่อยที่เค้าบอกให้ผมเดินออกไปหาเด็กคนนั้น ถ้าผมเดินทะลุกระจกได้คงไม่ใช่คนแล้ว
“ก็ลองทะลุ ออกไปสิจ๊ะ”
“คุณจะบ้าหรอครับ”
“ถ้ายังเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกก็เดินออกไปหาเธอ แต่ถ้ากลัวตายแล้วยอมไม่เจอเด็กคนนั้นอีกก็ทถอยออกมา”
ผู้หญิงคนนี้ชักแปลกๆ ปราสาทรึเปล่าป้า? แต่ถ้าผมเดินทะลุออกไปจริงผมก็ต้องตายนะสิ แต่ถ้าผมกลัวตาย รอยยิ้มของเด็กคนนั้น ผมจะไม่มีวันเห็นอีกเลย
ผมเลือกเดินไปข้างหน้า ตอนนี้ผมไม่รู้สึกกลัวตายเลยซักนิด เมื่อมองเห็นรอยยิ้มของเด็กคนนั้น
ผมเดินไปทีละก้าวอย่างช้าๆ เดินไปมันก็เหมือนไกลออกไป ผมเริ่มแร่งความเร็วในการเดินมันก็เหมือนเดิม มันเหมือนผมเดินอยู่กับที่ ผมเริ่มที่จะวิ่งและแล้วผมก็วิ่งออกไปตามทาง ผมวิ่งอยู่กับที่หรอทำไม มันไม่ไปไหนเลย ตอนนี้ผมเลยหันกลับไปหาผู้หญิงคนนั้น พอหันกลับไปผมอยู่ห่างเธอมากพอสมควร
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ เด็กคนนั้นอยู่ไหน?”
ผมตะโกนถามผู้หญิงคนนั้น แต่เค้ากลับยิ้มให้ผมแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มเลือนรางหายไป
@เชียงใหม่ ประเทศไทย
“คุณเจ็ทค่ะ คุณเจ็ท”
หูผมฝาดรึเปล่าทำไมได้ยินเสียงเหมือนแอร์โฮสเตส ที่พึ่งเจอตอนที่ขึ้นเครื่อง มาเรีกชื่อของผม
ผมสะลึมสะลือค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“ถึงเชียงใหม่แล้วค่ะ”
ห๊ะO_o ฝัน!
“คัรบๆ แล้วเพื่อนผมละครับ”
“รอที่ห้องรับรอแขก วีไอพี แล้วค่ะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
โธ่!ๆ ผมรู้สึกเหมือตัวเองจะคิดมากจริงๆ ถึงได้ฝันแปลกอะไรปานนี้
ตอนนี้ผมเริ่มโมโห เจอี้ ที่ไม่ยอมปลุกผมเลย
ผมเลยมาที่ห้องรับรองแขก วีไอพี
“เจอี้ ทำไมไม่ปลุกฉันว่ะ?”
ผมถามเจอี้ ด้วยอาการโมโหเล็กๆ
“ปลุกแล้ว แต่นายไม่ตื่น แถมยังเพ้อถึงเด็กผู้หญิง อะไรไม่รู้ก็เลยคิดว่าฝันดี ก็เลยปล่อยให้ฝันไง”
โห้…คำตอบของมัน ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
“เออๆ ช่างมันเหอะ แล้วแกจองโรงแรมไว้ที่ไหนว่ะ?”
“อีก 30นาทีรถจากโรงแรมจะมารับที่หน้าสนามบิน”
“อื้มๆ กี่โมงแล้วว่ะ”
“4โมงเย็น”
“เห้ย! จากกรุงเทพมาเชียงใหม่มันนานขนาดนั้นเลยหรอ?”
ผมตกใจอยู่นะที่ใช้เวลาเดินทางนานกว่าที่แอร์โฮสเตสแจ้งไว้
“ ที่จริงเครื่องมันลง ประมาณบ่ายสองกว่าๆแล้วแหละ พอฉันปลุกแก แกก็ไม่ตื้นเลย ถามสจ๊วดว่าจะพักเครื่องรึเปล่า?”
“แล้วไงว่ะ?”
“ก็เห็นแก นอนหลับฝันดีเลยบอกให้สจ๊วดกับแอร์ ให้ดูแลแกไงว่ะ ฉันก็นึกว่าแกจะนอนฝันดีอีกแป๊ปหนึ่งค่อยตื้น แต่ผิดพลาดว่ะ ปาเข้าไปสองชั่วโมง ฉันเลยให้แอร์ไปปลุกแกนี่แหละ”
“ขนาดนั้นเลย ไม่อยากรู้หรอว่ะ ฉันฝันอะไร?”
“ไม่ว่ะ”
“เอ่อ ที่เชียงใหม่ มีห้างสรรพสินค้าไหมว่ะ”
“มีดิว่ะ ทำไม?”
“งั้นพาแวะก่อนนะเว้ย ว่าจะแวะไปซื้อ รองเท้าใหม่หน่อยว่ะ”
“รองเท้าไรว่ะ”
“รองเท้าแตะ ลืมเอามาจากบ้าน”
“ถุ้ย! เอาดีๆ รองเท้าไรว่ะ?”
“ก็รองเท้าธรรมดานี่แหละ”
“อื้มๆ เดี๋ยวบอกคนขับรถของโรงแรมแวะให้”
“’งั้นขอหลับฝันต่อแล้วกัน รถมาปลุกด้วยนัเว้ย”
“เออน่า นอนเหอะ”
ผมเพลียจริงๆ ของีบหลับซักแป๊ปนะคับแล้วเจอกันครับ!
เงิบบบ’บ
ความคิดเห็น