คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : กำลังเริ่มสับสน
ตอนที่4
# กำลังเริ่มสับสน
ตอนนี้เจอี้กำลังนั่งเฝ้าจูเอ็ลที่ยังหลับยังไม่ตื่น
“น้ำ น้ำ” เสียงแผ่วเบาของจูเอ็ลทำเจอี้สดุงขึ้นมานิดๆ ก่อนจะค่อยตั้งใจฟังสิ่งที่จูเอ็ลพูด
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” เอจี้พูดข้างหุของเธอ
“น้ำ ฉันหิวน้ำ” เมื่อเจอี้ฟังพอได้ศัพท์ว่าจูเอ็ลหิวน้ำ ก็หาน้ำมาให้เธอ
“ปวดหัว ฉันปวดหัว”
เจอี้เดินไปหยิบยาแก้ปวดพร้อมกับแก้วน้ำอีกครั้ง
“ลุกไหวไหม ลุกขึ้นมากินยาไหวไหม”
“ปวดหัว ฉันปวดหัว” สิ่งที่ตอบเจอี้คือคำว่าปวดหัว เจอี้จะให้เธอกินยาทั้งๆที่ยังนอนอยู่ก็กลัวว่าจะติดคอของเธอ
“ถ้าเธอลุกไม่ได้ก็กินยาไม่ได้นะ”
“ป้อนฉันสิ” เจอี้ได้ยินอย่างนั้นจึงคิดวิธีป้อนยาให้เธอ
เจอี้ช้อนหัวเธอขึ้นมาในระดับที่สามารถกลืนยาลงไปไม่ให้ติดคอก่อนที่เขาจะเอายาเข้าปากตัวเอง แล่วค่อยๆประกบปากของเขาเข้ากับเธออย่างช้าๆ จูเอ็ลเผยอปากรับยาปากเจอี้ที่ส่งงมาให้เธออย่างนุ่มนวนก็ที่เจอี้จะคว้าแก้วน้ำมาให้เธอ
“นอนพักให้มากๆนะ เดี๋ยวฉันจะอยุ่เฝ้าเธอเอง”
เจอี้พูดพร้อมกับนั่งลงมองจูเอ็ลช้าๆ
สมายและเจ็ทที่เห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ ก็ถึงกับผงะถ้อยออกมาให้เจอี้และจูเอ็ลอยู่กันเพียงลำพัง
“คนที่กำลังป่วยอยู่ในห้องนั้นใช่เพื่อนคุณจริงๆรึเปล่า”
“ค่ะ นั้นจูเอ็ล”
“อือ คุณรู้ไหม ไอ้เจไม้เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน เพื่อนของคุณเป็นคนแรกที่ผมเห็นมันทะนุทนอมและยังอ่อนโยนกับเพื่อนของคุณอีก ปกติไอ้เจเป็นคนที่เย็นชามาก แต่พอผมเห็นแบบนี้มันรู้สึกแปลกยังไงก็ไม่รู้”
“ค่ะ โลกกลมจังเลยนะค่ะพี่ ”
“ฮ่าๆ เรียกผมว่าพี่หรอ”
“ก็ใช่สิค่ะ ดูจากการกระทำแบบนี้ก็พอจะเดาออกว่าคุณน่าจะอายุมากกว่าฉัน”
“จ้า พี่พึ่งจบหมาลัย”
“เห้ยน้องก็พึ่งจบ ม.6 เหมือนกัน”
“ยังด็กอยู่เลย”
“หึ! ใครว่า เราก็น่าจะอายุห่างกันประมาณ 4 ปีได้”
“พี่เข้าเรียนช้า”
“ยังไง”
“ก็พอพี่จบม.6 พี่ก็เที่ยวตามประสาหนุ่มรักสนุกอ่ะนะ”
“ค่ะๆ” ฉันพยักหน้ารับ
“เอิ่มม มากับแฟนหรอ”
“พี่จะบ้าหรอ ฉันยังไม่มีแฟนส่วนคนนั้นน่ะฟรีสเพื่อนฉันเอง”
“อยากเชื่อจัง แต่สวยๆอย่างน้องยังไม่มีแฟนก็แปลกอ่ะนะ”
“แฟนไม่มีจริงๆ นะค๊าาาาาาาา”
“ครับๆ” ผมรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูกแต่ผมรักเด็กไม่ได้ และก็ไม่คิดจะสนใจเธอด้วย
“ค่ะ ว่าแต่พี่มาทำอะไรที่เชียงใหม่ค่ะ”
“มาเที่ยวครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
เจ็ทหยิบโทรศัพท์ที่กระเป๋ากางเกงออกมาก่อนที่โทรศัพท์จะโชว์เบอร์แฟนสาวสุดสวย
(แหม่! ที่รักทำไมไปเที่ยวไหน ไม่เห็นบอกเค้าเลย)
“ก็ผมเห็นช่วงนี้ที่รักยุ่งนิ เลยไม่อยากให้ที่รักเสียงาน”
(ถ้าที่รักชวนไปถึงงานจะเยอะแค่ไหนเค้าก็ไปกับที่รักได้เสมอนั้นแหละค่ะ)
“ปากหวานจังเลย เอาไวกลับกรุงเทพก่อนนะครับผมจะให้รางวัลและก็ชดเชยความผิดของผมด้วย”
ฉันมายืนฟังพี่เจ็ทคุยโทรศัพท์ พี่เค้าคงมีคความสุขมากเลยที่ได้คุยโทรศัพท์กับแฟนพี่เค้า ตอนนี้พี่เค้ายืนพิงผนังห้องในมุมหลับตาคนดูท่าทางมีความสุขจนฉันอดยิ้มไม่ได้จิตได้สำนึกของฉันกำลังบอกว่าให้ฉันหยุดการกระทำเดี๋ยวนี้รู้ทั้งรู้ว่าพี่เค้ามีแฟนอยู่เป็นตัวเป็นตนันนี้มันแย่จริงๆ
ฉันเดินคอตกมาหยุดที่หน้าห้องจูเอ็ล
ก๊อกๆ!
เจอี้รีบมาเปิดประตูให้ฉันทันที
“พี่กลับไปเถอะค่ะ ฉันมาเฝ้าเพื่อนฉันแล้ว ขอโทษที่รบกวนนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
เจอี้มองหน้าฉันแปลกๆก่อนจะพูดกับฉัน
“ไม่เป็นไรคับ พรุ่งนี้คุณหมอก็อนุญาตให้จูเอ็ลออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว อีกอย่างผมอยากไถ่โทษจูเอ็ลด้วย ส่วนคุณผมว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะดูแลใครนะครับ ดูแลตัวเองก่อนดีไหมครับดูเหมือนคุณจะซึมๆเศร้าๆนะครับ”
“พี่ค่ะ พี่ยังไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำพี่รู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นยังไง”
“พอดีคนที่ชื่อ ฟรีส เล่าให้ฟังครับ เล่าให้ฟังทั้งเรื่องคุณ เรื่องจูเอ็ล และก็เรื่องเค้าเองด้วย”
“แล้วฟรีสล่ะค่ะ”
“เอ้า เค้ากลับไปแล้วนิครับ”
เอ๊ะ!ทำไมกลับไม่ยอมบอกกันละเนี่ย
“ค่ะ ฉันว่าคุณเองน่าจะกลับนะค่ะฉันดูแลเพื่อนฉันเองได้ อีกอย่างช่วยพาเพื่อนของคุณกลับไปด้วยก็ดี”
“อารมณ์ไหนเนี่ย มะกี้ยังเรียกพี่อยู่เลย แล้วตอนนี้กับเรียกคุณซะงั้น”
“ขอโทษค่ะ ฉันคงยังไม่ชิน”
“เพื่อนพี่ ไปทำอะไรให้น้อง”
ฮึกจุก ทำไมฉันอยากร้องไห้เนี่ย เค้าแค่คุยกับแฟนเค้าแต่ทำไมเรารู้สึกเหมือนมีมีดกรีดหัวใจอยู่ ฉันเจ็บ เจ็บทำไมไม่รู้
นี้มันเรื่องบ้าอะไรว่ะเนี่ย แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่พยกัน ทำไมมันเหมือนหัวใจฉันล่องลอยไปหาเค้าหมดเลย
“น้องเชื่อใน รักแรกพบ หรือ พรหมลิขิต ไหม”
“เชื่อค่ะเชื่อ”
ตอนนี้ฉันกำลังกลั้นน้ำตาสุดฤทธิ์ ไม่รู้ว่ามันจะไหลออกมาเพื่ออะไร
“อันนี้กุญแจห้อง”
“ให้ฉันเพื่อ”
ฉันรับกุญแจมาจากมือพี่เค้าก่อนจะถามแบบ งงๆ
“ช่วยพาเพื่อนพี่ไปห้องพักที”
“เอ่อ ฉะ ฉะ ฉัน…”
“พี่รู้ น้องชอบเพื่อนพี่”
เงียบ
“ดูออก อาการอย่างงี้นะ ตกหลุมรักเพื่อนพี่หรอ?”
เงียบ
“แถมพี่ยังรู้อีก ว่าน้องเคยฝันเห็นเพื่อนพี่”
เงียบ
“ไม่อยากรู้หรอ ใครบอกพี่เรื่องนี้”
“ฟรีส หรอ?”
“คิคิ ฉันเอง”
“ยัย จูเอ็ล ยัยบ้า”
ฉันรีบเดินออกจากห้องนั้นทันที
พอออกมาพ้นห้องนั้นก็มองซ้ายมองขวา หาพี่เจ็ทอยู่
ฉันเดินตรงที่ที่เค้าคุยโทรศัพท์ก็ไม่เจอเค้า ฉันเดินจนทั่วตึกแล้วมาเจอเค้าอีกทีก็ตอนที่อยู่หน้าโรงพยาบาล
ตรงข้ามโรงพยาบาลมีร้านค๊อฟฟี่ช็อปอยู่ร้านหนึ่ง ฉันรี่ตามองจนนึกว่าใช่เค้าแน่ๆ จึงรีบเดินข้ามถนนไปหาเค้า
ฉันวางกุญแจไว้ที่โต๊ะของเค้าแล้วเดินออกมาไม่ทันที่เค้าจะถามอะไร
ฉันเดินมาถึงป้ายรถเมย์ แล้วก็โทรบอกให้คนขับรถมารับ
ฉันมองโทรศัพท์ในมือ แล้วก็นึกย้อนไปตอนที่เธอฝัน
“ช่วยด้วยค่ะ มีใครอยู่แถวนี้ไหมค่ะ? ช่วยฉันหน่อย ฮื่อๆ TT”
ฉันไม่รู้จะต้องทำยังไง ตอนนี้ฉันได้แต่ตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ขาของฉันเริ่มอ่อนแรงลง จนฉันทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น ตอนนี้ฉันกลัวมากกลัวจนไม่อยากไปไหน ฉันนั่งร้องไห้จนน้ำตาของ
ฉันแทบจะไม่มี แต่ก็ไม่มีวี่แววของใครหลงเข้ามาในนี้เหมือนกับฉัน
“ฮึก…ฮื่อออ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วยมีใครอยู่แถวนี้ไหมค่ะ? ช่วยฉันด้วยใครก็ได้พาฉันออกไปจากที่นี้หน่อยค่ะ ฮึก”
ฉันพยายามกลั่นน้ำตาไม่ให้ร้องไห้ แต่ยิ่งกลั่น น้ำตามันก็ยิ่งไหล ฉันได้แต่ตะโกนขอความช่วยเหลือตะโกนจนแทบจะไม่มีเสียงตอนนี้ฉันไม่มีแรง และเหมือนแรงออกฉันเริ่มจะหมดไปเรื่อยๆ
“อย่าพึ่งหมดความหวังสิจ๊ะ สาวน้อย”
“เสียงใครค่ะ คุณมาช่วยฉันหรอค่ะ?”
ฉันรอดตายแล้ว ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
เสียงที่ฉันได้ยินมันเป็นเสียงของคนใช่ไหม? ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?
ฉันขยี้ตาฉันเบาๆ ตอนนี้สิ่งที่ฉันเห็นคือ ผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวดูหรูหราไฮโซ ดูเคารพนับถือ นั่งมองฉัน
ฉันก็เริ่มไม่แน่ใจว่า ผู้หญิงคนนี้จะมองฉัน ด้วยความสงสาร หรือความเอ็นดู
“ไม่ต้องตกใจนะสาวน้อย เธอกำลังจะเจอเนื้อคู่”
ผู้หญิงคนนั้นพูดว่าอะไรนะ เนื้อคู่งั้นหรอ?
“แต่โบราณเขาว่ากันว่า ฝันเห็นงู ถึงจะเจอเนื้อคู่ไม่ใช่หรอค่ะ แต่นี้ฉันยังไม่เห็นงูเลย?”
“จ๊ะๆ สาวน้อย”
ดูเธอจะยิ้มให้กับความไรเดียงสาออกฉัน เธอเอื้อมมือมาลูบหัวฉัน แล้วก็ส่งยิ้มหวานหยดให้กับฉัน
แล้วในพริบตา เธอก็หายไป
“นี้มันกุญแจ อะไร”
“มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง”
“นี้มันกุญแจอะไร”
เงียบ
“นี้หูหนวกหรอ ถามแล้วเงียบ”
เงียบ
“เป็นอะไรของเธออีก”
เงียบ
“ปัดโธ่! นี้น้องหูหนวก หรือ เป็นใบ้ ทำไมถามแล้วไม่ยอมตอบ”
ฉันรู้สึกเหมือนพี่เค้าจะเริ่มรำคาญฉันแล้ว เมื่อไหร่ที่ความอดทนของพี่เค้าหมด พี่เค้าจะทำยังไง
“กุญ แจ ห้อง พัก ค่ะ”
ฉันตอบด้วยน้ำเสียงช้า อืด อาด แฝงไปด้วยความไม่พอใจ
“ไม่พอใจพี่หรอ”
จากที่พี่เค้านั่งข้างฉัน เค้ากลับมานั่งตรงหน้าของฉันแล้วจับมือของฉัน
“พี่มีแฟนแล้ว” ฉันพูดพร้อมกับน้ำใสที่ไหลลงมาอาบแก้ม ตอนนี้ทุกคนที่มานั่งรอรถเมย์ต่างพากันหันมามองฉันกันหมด
“ไม่พอใจที่พี่มีแฟนหรอ” พี่เค้าถามฉันด้วยเสียงที่นุ่มและอ่อนโยนผิดปกติ ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจกับตัวเองว่า ในร่างนี้มีวิญญาณสิงอยู่รึเปล่า บ้างครั้งก็ยียวนกวนประสารท บ้างครั้งก็เย็นชาใส่ แล้วนี้ยังอ่อนโยนเทพบุตรก็ไม่ปาน
“น้องยังเด็กเกินไปนะ สำหรับความรักแบบนี้ และพี่บอกก่อนนะอย่าทำให้พี่รำคาญอีก” จากที่พี่เค้าจับมือฉันจนฉันแทบจะเคลิ้มไปกับพี่เค้า พี่เค้าก็สะบัดมือของฉันออกอย่างแรงแล้วก็ส่งสายตา น่าเวทนามาให้กับฉัน จนตอนนี้จากที่เคยเป็นคนเข็มแข็งฉันกับร้องร้องออกมา ฉันสับสน สบสนไปหมดแล้ว ตกลงสิ่งที่พี่เค้าทำ สิ่งที่พี่เค้าพูด มันอยู่ในสถานะอะไร ให้ความหวัง หรือ สมเพชเวทนาฉัน ฉันสับสน ฉันยกมือมาปิดหน้าพร้อมกับร้องไห้โฮออกมา อย่างไม่อายใคร
ความคิดเห็น