ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Planet Synopsis

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter:5 แยกจาก

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 53


     “นี่นาย ตื่นได้แล้ว ถึงแล้วล่ะ...”
        “อะ อืม...”
    ผมค่อยๆลืมตาตื่นอย่างช้าๆ หลังจากที่ได้ยินเสียงปลุกของใครคนหนึ่ง
      “นี่นาย ถึงแล้วล่ะ...”
      “เอ๊ะ...”
    สงสัยสมองของผมยังไม่กลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ผมค่อยๆชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่างรถทันที
      “เอ๊ะ นี่มัน บนเรือเฟอร์รี่นี่นา...”
      “อืม ใช่แล้วล่ะ ถึงแล้วนะ เกาะของนายไง...”
      “อืม รู้แล้วล่ะ ว่าแต่ พี่เค้าหายไปไหนของเค้าน่ะ...”
      “พี่นายเค้าออกไปที่ดาดฟ้าน่ะ เห็นบอกว่าอยากจะเห็นเกาะที่ตนเองจากไปนานอีกครั้งน่ะ อ๊ะ นั่นไง มาแล้วน่ะ...”
    ศิณารีบชี้ไปที่ตัวของพี่ ที่กำลังเดินมาตรงรถอย่างไม่รอช้าทันที
      “อ้าว ตื่นแล้วหรอฟะ เอาล่ะ จะไปแล้วนะ เทียบท่าแล้วล่ะ...”
      “อ๋อหรอครับ ว่าแต่นี่มันตอนไหนแล้วเนี่ยครับ ผมหลับไปนานซะจนจำอะไรไม่ได้เลยเนี่ย...”
      “ตอนกลางคืนน่ะ ประมาณ4ทุ่มล่ะมั้ง เรียกได้ว่าพวกเรามากันได้เร็วมากๆเลยนะเนี่ย...”
      “หรอครับ...”
    ผมตอบรับพี่ไปอย่างเรียบง่าย
    หลังจากนั้น พวกเราทั้งสามคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย...

    ต่อจากนั้น ทันทีที่พวกเราออกมาจากเรือเฟอร์รี่ พวกเราทั้งสามก็รีบไปกันที่ชายหาดที่ศิณาได้มาครั้งแรก ตามคำบอกเล่าของเธอทันที
    พวกเราขับรถกันมาประมาณ15นาทีก็ได้มาถึงจุดหมาย ที่เป็นเพียงแค่หาดทรายขาวสะอาดหลังเกาะนั่นเอง
      “เอาล่ะ...เธอรีบทำพิธีอะไรของเธอเร็วๆเข้าสิ...”
       “พิธีอะไรไม่ทราบหรอครับ...”
      “เอ๊ะ...”
    เสียงของผู้ชายที่คุ้นหู กำลังดังอยู่ในโสตประสาทของพวกผมทั้งสามคน ทำให้พวกผมรีบหันกลับไปมองพร้อมกันทันที
    ผู้ชายใส่ชุดนักวิจัยท่าทางภูมิฐานกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม
      “กะ แก มาอีกจนได้สินะ...”
      “หัวหน้า...”
    ทันทีที่ศิณาเธอรู้สึกถึงอันตราย เธอรีบเข้ามาหลบอยู่ข้างหลังผมอย่างรวดเร็วทันที
      “อยู่กันครบเลยนะครับ คุณกิตติ เครื่องมือทดลองหมายเลข1 คุณประวิทย์ คุณก็ด้วย ตอนนั้น เล่นเอาซะผมกับพวกเกือบตายเลยนะครับสนุกมากเลยล่ะครับ...”
      <b>“ชิ!...”</b>
    พี่ผมจ้องมองหัวหน้าของพี่อย่างไม่กระพริบตาเลยทีเดียว
    ...ผมจำได้ว่า ตั้งแต่เหตุการณ์ตอนนั้น ผมก็ยังไม่ได้เอาปืนออกจากข้างหลังเลยนี่นา ทันทีที่ผมนึกได้ ผมรีบเอามือล้วงไปหยิบอย่างรวดเร็วทันที
      “อ๊ะ อย่าขยับนะครับ คุณกิตติ ถ้าเกิดยังไม่อยากตายน่ะครับ...”
    หัวหน้าของพี่ผม ทันทีที่มันเห็นผมยึกยัก มันก็ได้รีบหยิบปืนอีกกระบอกหนึ่งมาจากข้างเอวมันทันที
      “เอาล่ะครับ คุณหุ่นทดลองหมายเลข1 ไปกับผมเถอะครับ ถ้าเกิดยอมไปดีๆล่ะก็ ผมอาจจะปล่อยพวกเขาไปก็ได้นะครับ...”
      “............................”
    ศิณายืนก้มหน้านิ่ง ไม่พูดไม่จาด้วยสีหน้าที่วิตกกังวลอยู่ข้างหลังผม
      “....เฮอะ เสียใจเหอะ ฉันไม่ยอมไปไหนหรอก ถึงแม้ฉันจะมีวิวัฒนาการที่ไปไกลขนาดไหนแล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาไปให้พวกแกใช้ทำตำราสวะๆของพวกบ้านนอกอย่างแกหรอกนะ...”
    ศิณาพูดออกมา ทันทีที่เธอพูดเสร็จเธอก็แลบลิ้นออกมาอย่างเย้ยหยัน
     “...ว้า ถ้ายังงั้นก็น่าเสียดายนะครับ...”
    <b>ปัง..........</b>
    ทันใดนั้นก็ได้เกิดเสียงบางอย่างที่แปลกประหลาดขึ้นมา มันเป็นเสียงที่ผมได้ยินไม่บ่อยนัก พร้อมกับกลิ่นที่เห็นไหม้เหมือนกับเรากำลังจุดไม้ขีดไฟ มันเสียงและกลิ่นอะไรกันนะ ผมพยายามมองไปรอบๆเพื่อหาสาเหตุของเสียงนั้น ทันใดนั้น สายตาผมก็ได้ไปสะดุดอยู่กับสิ่งๆหนึ่งเข้า ศิณากำลังล้มกองอยู่บนพื้น พร้อมกับเอามือกุมที่หัวไฟล่ด้วยสีหน้าที่ทรมาน...
      “อะ เอ๊ะ ปะ เป็นอะไรไปน่ะ ศิณา...”
    ผมไม่รอช้า รีบวิ่งเข้าไปหาเธอทันที ทันทีที่ผมไปถึง ผมรีบพยุงร่างของเธอขึ้นมา ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกถึงได้ถึงน้ำอุ่นๆที่ไหลออกมาเต็มมือของผม ผมรีบชักมือขึ้นมาดูทันที
      “เอ๊ะ เลือด...”
    ท้องของศิณาถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงข้น เลือดของเธอยังคงไหลออกมาต่อเนื่องอย่างไม่ขาดสาย
      “ฮะ เฮ้ ศิณา อะไรอีกเนี่ย เฮ้ย เป็นอะไรไปน่ะ ศิณา ศิณา...”
    ผมรีบเขย่าตัวเธอไปมาหลายครั้ง แต่ก็ไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบ แต่ผมก็รู้ได้ว่า เธอยังไม่ได้จากผมไปไหน เพราะสีหน้าเธอของเธอนั้นยังขยับไปมาอย่างอึดอัดและเจ็บปวด
      “...ยัยนี่ถูกหัวหน้าฉันยิงยังไงล่ะ...”
    พี่ของผมพูดออกมาด้วยสีหน้าที่มีเม็ดเหงื่อผุดออกมาอย่างไม่ขาดสาย
    ...แต่เอ๊ะ ถูกยิง มะ ไม่จริงน่า ผมรีบหันไปมองทางที่ที่หัวหน้าของพี่ผมยืนอยู่ทันที ภาพที่ผมเห็นคือ หัวหน้าของผมกำลังเอาปากกระบอกปืนจ่อมาที่พวกผมสองคน พร้อมกับมีควันขาวๆพุ่งออกมาจากปากกระบอกอย่างไม่ขาดสาย
    สมองผมหยุดลงทันที ผมค่อยๆรวบรวมสติกลับมาเพื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อีกครั้ง โดนยิง ยิงทำไมล่ะ  ไม่จริงใช่มั้ย ถ้าเกิดพลาดพลั้งไปล่ะก็ ศิณาอาจจะตายได้เลยนะ
      “เป็นอะไรไปล่ะครับ ไม่เห็นต้องทำหน้าอย่างนั้นเลยนี่ครับ ถ้าเกิดของที่มันหมดประโยชน์ ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกแล้วล่ะก็ สู้ทำลายมันไปให้หายไปจะดีกว่านะครับ...”
      หัวหน้าของพี่ผมพูดออกมาด้วยท่าทางและสายตาที่เหยียดหยาม ศิณา
      “ไม่ใช่...”
      “เอ๊ะ อะไรหรอครับ...?”
       <b>“ศิณาไม่ใช่ของที่พวกแกจะเอามาใช้ประโยชน์นะว้อย!!!”</b>
    ผมตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนที่หมัดขวาของผมจะเข้าไปที่หน้าของมันอย่างไม่รู้ตัว
      <b>อั่ก...</b> หัวหน้าของพี่ผมกระเด็นออกไปข้างหลังทันที พร้อมกับมีเลือดไหลออกมาจากจมูกมันไม่หยุด
      “ศิณาเค้าเป็นคน เค้ามีร่างกายและจิตใจเหมือนพวกแก แกอย่าทำเหมือนเธอเป็นของที่จะเอาไปทำอะไรก็ได้ตามใจชอบนะ พวกแกอย่ามาดูถูกเธอให้มันมากเกินไปนะว้อย ไอ้งั่ง...”
    ...หมัดซ้ายและหมัดขวาของผม พุ่งเข้าใส่ที่ใบหน้าของไอ้ชั่วสลับไปมาอย่างไม่มีหยุด ทำให้แว่นที่มันใส่อยู่นั้นกระเด็นหลุดออกไปโดยที่ผมไม่ได้รู้ตัว เลือดที่ไหลออกมาจากปาก จมูก และคิ้วของมัน กระเด็นเลอะเปรอะเปื้อนเสื้อของผมเต็มไปหมด...
    สุดท้าย ผมชักปืนออกมาจากข้างเอว ก่อนที่จะเอาปากกระบอกจ่อเข้าที่ขมับมันอย่างไม่รอช้า
      “คนอย่างแกมันต้องตาย ต้องตายเท่านั้น...”
       “เฮ้ย ไอ้กิต ใจเย็นๆสิวะ...”
    ผมไม่ฟังแม้แต่เสียงของพี่ที่เรียกผม ผมรีบขึ้นลำปืนอย่างไม่รอช้า ก่อนที่จะเอาไปจ่อที่หัวของมันอีกครั้งหนึ่ง
       “..........................”
    เงียบ... ไม่ได้เกิดเสียงอะไรขึ้นแม้แต่น้อย ผมพยายามมองลงไปที่นิ้วมือของผม ผมไม่สามารถที่จะกดไกปืนลงได้ นิ้วของผมมันแข็งไปหมด สมองของผมไม่ยอมสั่งงานมือและนิ้วของผมให้ทำตามหน้าที่
      “...ชิ คนอย่างแกยิงไปก็เปลืองลูกกระสุนเปล่าๆ... คนอย่างแกมันโดนแค่นี้ก็สาสมแล้วล่ะ...”
    ผมเปลี่ยนไปจับที่ปลายกระบอกปืนทันที ก่อนที่จะง้างแขนอย่างฟูลสวิง ทันใดนั้น ด้ามปืนของผมก็ได้ไปกระทบเข้าที่หน้าผากของมันอย่างเต็มแรง ทำให้หน้าผากของมันแตกเป็นแนวยาวทันที
    ...ใช่แล้ว ถึงผมจะฆ่ามันไป มันก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวมันคลี่ปมออกมาได้ ศิณาเธอก็คงอยากให้ผมทำแบบนี้ด้วยสินะ
      “พี่ครับ ไปเรียกรถพยาบาลมาทีสิครับ เดี๋ยวทั้งไอ้หมอนี่กับศิณาก็ม่องกันทั้งคู่พอดีนะครับ...”
      “โอ๊ะ โอ้ว งั้นเดี๋ยวฉันมานะ...”
    ทันทีที่ผมพูดจบ พี่ของผมก็ได้รีบวิ่งกลับไปที่รถพร้อมกับรีบขับไปที่โรงพยาบาลทันที
      “เอ๊ะ จริงสิ ศิณา...”
    ...ทันทีที่ผมนึกถึงศิณาขึ้นมาได้ ผมก็ได้รีบวิ่งไปหาศิณาที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว...
    ผมรีบจับตัวเธอเขย่าไปมาหลายๆครั้ง เพื่อที่จะเตือนสติไม่ให้เธอหลับไป
      “อะ อืม...”
    การกระทำของผมมันได้ผล ศิณาเริ่มขยับตัวไปมา ก่อนที่ผมจะรีบพยุงตัวของเธอมาวางไว้บนตักอย่างไม่รอช้า
     “เจ็บ...”
    เธอพึมพำออกมาเบาๆราวกับเสียงของเด็กทารก แต่ถึงแม้เสียงของเธอจะเบาซักแค่ไหน แต่แค่ได้ยินเสียงของเธอ ผมถึงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ น้ำตาเริ่มค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาของผมช้าๆ
      “มะ เป็นไรนะ ศิณา รอเดี๋ยวนะ...”
    ผมพยายามยกตัวของเธอขึ้น แต่ไม่รู้เพราะอะไร ขาของผมถึงได้สั่นไม่หยุดอย่างนี้ ร่างกายของผมแข็งทื่อไปหมด ไม่ว่าจะทำอย่างไร ผมก็ไม่สามารถที่จะขยับร่างกายได้
      “ศิณา... ฉันขอโทษ”
      “...นะ นาย?”
    ศิณาที่หลับตานิ่งมาตลอด ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
      “นาย... ร้องไห้ทำไม?”
    ศิณาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
      “รอแป๊ปนะ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้วล่ะนะ”
    ผมค่อยฝืนยิ้มออกไปให้เธอเห็น ทั้งที่ในใจของผมนั้น มันร้าวระบมไปหมด
      “กิต...”
    ศิณาเงยหน้าขึ้นมองผมนิ่ง พร้อมกับลมหายใจที่หอบสะท้านอย่างน่าสงสาร
      “ขอโทษ นะ...”
      “เอ๊ะ...”
      “ที่ฉัน เอาแต่สร้างความ เดือดร้อนให้ นายน่ะ...”
      “...............”
    ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้ลำบากหรือเดือดร้อนอะไรซักหน่อย...
      “วันนี้ เธอทำตัวสงบเสงี่ยมมากเลยนะ...”
    ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง เพื่อกดกลั้นน้ำตาเอาไว้
        “แต่ว่า มันไม่เหมาะกับเธอเลยนะ น่าขนลุกสุดๆเลยว่ะ...”
        “อะไร...น่าขนลุกอะไร คนเขาอุตส่าห์...”
    ศิณาพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมาตบหน้าผม ไม่สิ ไม่ได้เรียกว่าตบ แต่มันเพียงแค่การสัมผัสอย่างแผ่วเบาต่างหาก
      “..........................”
    จู่ๆ ศิณาก็เงียบไปอีกครั้ง
    ขืนผมปล่อยให้เธอพูดอะไรไปมากกว่านี้ล่ะก็ อาจจะไม่ดีต่อตัวของเธอแน่ๆ ผมจึงกลับมานิ่งเงียบอีกครั้ง พร้อมกับรอความช่วยเหลือไปในทีเดียวกัน
    ในตอนนั้นเอง
      “................................ชอบนาย......”
    เสียงแหบพร่าของศิณาดังขึ้นแทรกผ่านเสียงของเกลียวคลื่น ให้ผมได้ยินได้อย่างแผ่วเบา
      “เอ๊ะ อะไรนะ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ...”
    ผมโน้มหน้าลงเพื่อเงี่ยหูฟัง
      “...การที่นายยอมทำอย่างเต็มความสามารถ การที่นาย ยอมช่วยคนอื่นอย่างเต็มที่...”
    เสียงของศิณาเบาราวกับเสียงเพ้อ
    แม้ร่างกายของเธอจะมาถึงขีดสุดแล้วก็ตาม แต่ศิณาเธอก็พยายามรวบรวมพลังทั้งหมดที่มีเปล่งเสียงพูดออกมา
      “.....คนที่ยอมทำอย่างเต็มความสามารถ นายคนที่ ยอมช่วยคนอื่นอย่างเต็มที่ นายคนนั้นนั่นแหละ คือคนที่ฉันชอบ...”
      “.............”
    ศิณายิ้มอย่างอ่อนโยนและบางเบาจ้องมองหน้าผมนิ่ง หลังจากนั้น เธอก็หลับตาลงอย่างอ่อนแรง
      “ศิณา...”
    ผมกอดกระชับร่างของศิณาไว้ แน่นขึ้น แน่นขึ้นอีกไว้แนบอก
      “ไม่สมกับ...ที่เป็นเธอเลยนะ”
    ทันใดนั้น แสงประหลาดก็พุ่งขึ้นมาจากตัวของศิณาเป็นวงกว้าง
      “เอ๊ะ...”
    มันเป็นแสงที่สว่างมากเลยทีเดียว แต่ไม่รู้เพราะอะไร มันก็ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน
      “......เอ๊ะ จริงสิ ศิณา ปะ เป็นอะไรหรือเปล่า...”
    ผมค่อยๆก้มมองศิณาอย่างช้าๆ ก่อนที่ผมจะพบกับศิณาที่จ้องมองหน้าผมอย่างไม่ลดละอยู่ก่อนแล้ว
      “เป็นอะไรหรือเปล่าน่ะ เฮ้ ศิณา...”
      “ไม่เป็นไรหรอก...”
      “เอ๊ะ...”
    ศิณาตอบผมออกมาอย่างฉัดฉานผิดกับเมื่อกี้นี้ลิบลับ แต่สีหน้าของเธอก็ยังเจ็บปวดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
      “...ฉันส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังดาวแม่แล้ว ร่างกายที่เจ็บปวดเดี๋ยวก็หายไปเองแหละ แต่มันคงต้องใช้เวลาซักแป๊บนะ ฮึบ...”
    ศิณาค่อยๆดึงตัวของเธอขึ้น พร้อมกับนอนลงบนตักของผมอีกครั้ง
    ผมที่กำลังอึ้งอยู่กับเหตุการณเมื่อกี้ ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม จนถึงเมื่อตอนที่ศิณาส่งเสียงเรียกผม
      “...เอ๊ะ ดาวแม่ส่งคำตอบกลับมาแล้วล่ะ ตอนนี้กำลังคำนวณหาค่าเวลาที่ถูกต้องอยู่... เอ๊ะ...?”
    จู่ๆศิณาก็ได้เงียบเสียงไปไม่ยอมสบตากับผมอีก ก่อนที่ร่างกายของเธอจะสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
      “ปะ เป็นอะไรไปน่ะ... หรือว่า เธอยังเจ็บแผลอยู่...”
      “ดาวแม่ส่งสัญญาณคำตอบกลับมาแล้วล่ะ...”
      “เอ๊ะ..งะ งั้นก็ดีแล้วน่ะสิ เธอจะได้กลับบ้านเกิดซักทีไง...”
    ใช่แล้ว การที่ได้กลับดาวของเธอมันคือความฝันของศิณา ผมจำได้ และจะไม่มีวันลืมด้วย
      “...เค้าว่าจะมาช่วยได้อีกในเวลาประมาณ31,000วันน่ะ...”
      “เอ๊ะ...”
      “นี่กิต... 31,000วันนี่ มันนานขนาดไหนหรอ...”
      “...........................”
    ผมนิ่งเงียบ ก่อนที่จะตัดสินใจพูดความจริงออกไป
      “ประมาณ85ปีน่ะ...”
      “........................”
    ความนิ่งเงียบกลับมาครอบคลุมพวกเราอีกครั้ง ศิณาเธอนั่งนิ่งเงียบอยู่กับพื้นไม่ยอมขยับ
      “...ฉันรู้แล้ว”
      “เอ๊ะ...”
    จู่ๆ พูดขึ้นมาอย่างนี้ ผมตกใจเหมือนกันนะครับคุณศิณา ให้เวลาผมเตรียมใจซักนิดเซ่...
      “...ฉันรู้แล้ว ว่าทำไมคนที่มาโลกนี้แล้วถึงไม่ได้กลับดาวไปเลยซักคน”
    ทันใดนั้น ผมก็สังเกตเห็นบางอย่าง หยดน้ำจำนวนมากกำลังตกลงสู่พื้นทราย ใช่แล้ว ศิณา เธอกำลังร้องไห้อยู่นั่นเอง
      “...เวลานานขนาดนั้น ให้ฉันอยู่คนเดียวตลอดน่ะ... ไม่ไหวหรอก ฉันทำไม่ได้... ฉันไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นหรอกนะ”
    ศิณาก้มหน้านิ่ง มือทั้งสองข้างของเธอกุมอยู่ที่หน้าอกอย่างแน่น
      “อะ อา... คงไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวเขาก็ส่งหน่วยกู้ภัยมาช่วยนั่นแหละมั้ง เชื่อฉันดิ...”
      <b>“อย่ามาทำเป็นเหมือนรู้อะไรดีนะ.!!!”</b>
    ศิณาหันมามองหน้าผมพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น
      “...............”
    ผมยืนนิ่งอยู่กับที่
      “สะ... ศิณา”
      “...เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมจู่ๆถึง... ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอนะ...”
      “พอแล้ว เธอไม่ต้องมาตอกย้ำให้ฉันเจ็บไปมากกว่านี้หรอก ฉันสิ้นหวังแค่นี้ก็พอแล้วนะ...”
    ศิณาพูดพร้อมกับเอามือปิดไว้ที่หูทั้งสองข้างไว้ด้วย... อะไรกันฟะ... ทำไมไม่ยอมรับฟังกันมั่งเลยเล่า
      “เออ เออ ถ้าเกิดฉันผิดก็ขอโทษละกัน... แต่ฉันมีเรื่องที่อยากบอกให้เธอรู้ก่อนน่ะ...”
      “เอ๊ะ...”
    ทันทีที่ผมพูดเสร็จ ศิณาเธอก็หันกลับมาจ้องหน้าผมนิ่ง เปลี่ยนท่าทีเร็วชะมัดเลยแฮะ ยัยนี่...
        “ฉะ ฉันน่ะ อายุยืนนะ...”
        “เอ๊ะ...”
        “ถ้าเกิดไม่รังเกียจล่ะก็ ช่วงเวลาแค่80กว่าปีน่ะ มันแค่แป๊ปเดียวเอง...เอ่อ... จะว่าไงดีล่ะ ถ้าเกิดไม่ว่าอะไรล่ะก็... มาอยู่บ้านฉันป่ะล่ะ รอให้ฉันเรียนจบก่อน แล้วเราค่อยแต่งงานกัน อย่างนี้คงไม่มีใครว่าแล้วสินะ อยู่กับฉันเหอะ ฉันอยากฟังเรื่องที่เธอเล่ามากๆเลยนะ ฉันชอบเธอนะ ศิณา....”
         “......................................”
    นะ นี่ผมพูดอะไรออกไปล่ะเนี่ย...
    มะ ไม่ไหว แย่ล่ะ ลนลานเกินไปแล้ว หัวผมมันตื้อไปหมด
      “เอ๊ะ...?”
    ศิณากระพริบตาไปมาหลายครั้ง... ก่อนที่เธอจะเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าแดงก่ำก้มหน้านิ่ง หน้าผากขอเธอเป็นสีแดง ราวกับจะลุกเป็นไฟอย่างนั้นแหละ
      “คะ คือว่า คือ...”
    หน้าผมมันร้อนผ่าวไปหมด
      “นะ นี่นาย...”
      “นาย...”
      “เอ๊ะ...”
       “นายมัน...”
    จู่ๆศิณาเธอก็โผเข้ากอดผมทันที
      “ศิณา...”
    ถึงแม้ว่าตัวของเธอจะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเลและเลือดตรงบริเวณหัวไหล่ แต่มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน ผมรับรู้ได้ถึงกายสัมผัสจากรางกายของเธอ มะ ไม่ได้ ห้ามคิดฟุ้งซ่าน บรรยากาศกำลังดีๆ จะทำเสียเรื่องไม่ได้เด็ดขาด
      “ศิณา... ฉัน....”
      “ตาบ้า...”
      “เอ๊ะ...”
      “ตาบ้า ตาบ้า ตาบ้า...”
    เธอพูดสลับไปมาราวกับเสียสติ แต่ผมรู้สึกได้ เธอกำลังพูดออกมาจากใจของเธออย่างแน่นอน เอาเถอะ จะปล่อยให้ด่าได้แบบไม่เกรงใจอีกซักวันละกัน...
      “ตาบ้า ตาบ้า ตาบ้า...”
      “คร๊าบ คร๊าบ ผมมันบ้า...”
    ใช่สิ ผมมันบ้านี่นา คนดีๆเขาคงไม่ทนเจอเรื่องแบบนี้ได้ตลอดแน่ๆ ผมรู้ รู้แล้ว ว่าตัวเองมันบ้าขนาดไหน... เอาเถอะ
      “ศิณา...”
      “หืม...”
    -END CHAPTER5-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×