คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : -บทที่4-
แฮะ แฮะ เดินกลับบ้านด้วยกันกับผู้หญิงนี่มันเหมือนกับฝันเลยแฮะ แถมผู้หญิงคนที่ว่ายังเป็นสาวแว่นสุดน่ารักอีก ขอบคุณมากครับ พระผู้เป็นเจ้า ....เอ๊ะ! ไม่ได้เสียใจซักหน่อย แต่ทำไมน้ำตามันถึงจะไหลออกมานะ อย่าร้องไห้น่าดนัย วันที่ดีๆอย่างนี้ มันไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะ
ผมพยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“ฉะ ฉันน่ะจะไม่ลืมวันนี้ไปตลอดชีวิต”
“เอ๋ ดนัยคุงเมื่อกี้นี้พูดว่าอะไรนะคะ”
“อะ ปะ ป่าวครับ ไม่มีอะไร”
คานะเค้าหูดีขนาดนี้เลยรึเนี่ย ขนาดผมพึมพำเบาๆขนาดนี้ยังได้ยินอีกแฮะ
“อะ โอ้ว ดนัย อ๊ะ...”
เสียงของผู้ชายคนนึง เรียกผมมาจากด้านหลัง ทั้งผมและคานะรีบหันกลับไปมองทันที และคนๆนั้นก็คือ....ไซโตะ
“นะ นี่ฉันตาฝาดไป หรือว่าโลกนี้มันผิดเพี้ยนไปแล้วเนี่ย”
ไซโตะมองพวกผมสองคนด้วยสายตาที่เหมือนมองคนที่หลงไปในลัทธิพิสดารยังไงยังงั้นพร้อมกับขยี้ตาไปๆมาๆหลายครั้ง
“โอ้ว ว่าไงวะไซโตะ”
ผมรีบทักทายมันทันทีที่เห็น
“เฮ้ย ฉันขอโทษนะว้อย ที่มาขัดขวางคู่รักอย่างพวกแกน่ะ”
หลังจากมันเห็นพวกผมแล้ว มันรีบเดินหันหลังกลับไปทันที แต่ มันเข้าใจผิดแบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ
“เอ๋ คาตายามะคุง มะ มา ได้ยังไงคะ แล้ว”
“ฉันขอโทษที่มาขัดเวลาของคู่ใหม่ปลามันของพวกเธอนะ คนอย่างฉันมันหน้าจะไปอยู่ในโลกคู่ขนานซะให้รู้แล้วรู้รอด”
“เอ๋ ฮาตายามะคุง เรื่องนั้นมัน ไม่ใช่นะคะ คือว่า...เอ่อ”
หลังจากที่เจอคำพูดยั่วเล่นของไอ้ไซโตะ ทำเอาคานะหน้าตาแดงกร่ำไปหมด
“ว่าแต่บ้านแกไม่ได้อยู่ทางนี้นี่นา มาทำไรตรงนี้วะ”
ผมรีบพูดกับไซโตะไปทันทีก่อนที่เรื่องมันจะเลวร้ายไปกว่านี้น่ะ
“เออ ก็พอดีฉันรู้สึกเหมือนว่าจะมีคู่รักน้ำเน่าอยู่แถวนี้น่ะ เลยลองมาดูซะหน่อย”
“แกนี่น้า......”
ผมหันไปมองคานะทันที คานะก็ยังหน้าแดงเหมือนเดิม แต่คราวนี้กลับแดงไปถึงหูเลยทีเดียว
“ล้อเล่นน่า เออฉันไม่กวนพวกแกและ ไปล่ะ”
มันหันมายิ้มใส่พวกผม ก่อนที่จะเดินเลี้ยวไปอีกทางทันที ผมรอให้ไอ้ไซโตะมันเดินไปจนลับตา ก่อนที่จะหันมาบอกคานะเค้าทันที
“เอ่อ ผมขอโทษแทนไซโตะมันเลยละกันนะครับ มันเป็นคนอย่างนี้แหละ อย่าไปถือสาอะไรมันเลยนะครับ”
“คะ ค่ะ”
คานะหันมาบอกผมทันที ถ้าเกิดมองดีๆแล้ว หน้าของเธอยังแดงอยู่เลยนะเนี่ย
ทันทีที่ไซโตะมันเดินกลับไปจนผมมองไม่เห็นมันแล้ว ผมจึงเดินกับคานะต่อไปทันที
“เอ่อ ดนัยคุงคะ”
“ครับ มีอะไรหรอครับ”
ผมถามกลับไปด้วยความรู้สึกที่โล่งใจ ตอนแรกผมนึกว่าคานะเค้าจะโกรธผมซะแล้วสิ
“ทะ ทำไมถึงย้ายมาเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นหรอคะ”
“เอ๊ะ....”
เพราะผมไม่นึกว่าคานะเค้าจะถามถึงเรื่องนี้ ทำเอาผมงงจนทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“อะ เอ่อ ถ้าเกิดไม่เล่าก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ถือสาอยู่แล้วค่ะ”
ท่าทางเธอแลจะเสียใจมากเลยสินะ ที่ผมไม่ได้เล่าให้เธอฟังน่ะ เพราเธอเอาแต่ยืนก้มหน้านิ่งไม่ยอมหันมาสบตาผมเลยน่ะ
“เอ่อ ก็ปัญหาทางครอบครัวนิดหน่อยน่ะครับ...”
“เอ๊ะ...”
สงสัยเธอคงจะตกใจสินะที่ผมเล่าให้เธอฟังน่ะ แต่ก็เอาเถอะ...
“ครอบครัวผมน่ะ มันไม่ดีเอาซะเลยน่ะครับ ทะเลาะกันแทบทุกวัน พ่อแม่ก็ไม่ยอมปล่อยผมไปไหน พ่อแม่เค้าทำเหมือนผมเป็นทาสของครอบครัวเค้าน่ะครับ มีอะไรผมก็โดนเป็นคนแรก ผมน่ะเบื่อกับครอบครัวแบบนั้นมากเลยล่ะครับ ผมเลยเก็บเงินทีล่ะเล็กทีละน้อย เอ่อ อันที่จริง ในบัญชีผมก็มีเงินอยู่พอสมควรอยู่แล้ว ผมก็เลยตัดสินใจ หนีออกจากบ้านมา ตอนแรกก็กะว่า จะอยู่ที่ประเทศไทยแหละครับ แต่ผมคิดว่า ถ้าเกิดอยู่ที่ประเทศนั้นต่อไป ซักวัน พ่อแม่ผมก็ต้องตามตัวผมเจอในซักวัน ผมเลยตัดสินใจย้ายมาเรียนต่อและอยู่ที่ประเทศนี้น่ะครับ
”
ผมเล่าให้คานะฟังจนหมดทุกเรื่อง ทุกสาเหตุที่ทำให้ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ ท่าทางคานะเค้าจะตกใจกับเรื่องของผมอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังตั้งใจฟังจนจบ แต่ เอ๊ะ! ทำไมผมถึงต้องเล่าเรื่องนี้ให้คานะเค้าฟังด้วยนะ เพราะอะไรกัน
“เอ่อ ฉันขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องเล่าเรื่องแย่ๆแบบนี้ให้ฉันฟังน่ะค่ะ”
“เอ๊ะ คะ ครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ผมสั่นสะท้านหรอกครับ”
ผมพูดด้วยสีหน้าที่เป็นมิตรที่สุด แต่อันที่จริงมันก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกันแฮะ ที่ผมเราเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังน่ะ
“เอ่อ แล้วเวลาคุณทานอาหารล่ะคะ ทำเองหรือว่ายังไง”
“อ๋อ ผมมีชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหารกระป๋องแหละครับ”
“อ๋อ หรอคะ ถ้ายังงั้น เอ่อ....”
จู่ๆคานะก็หน้าแดงพลางก้มหน้างุดๆ เหมือนคนที่กำลังรวบรวมความกล้าเพื่อสารภาพรักยังไงยังงั้นเลยแฮะ เธอจะพูดเรื่องอะไรกับผมกันแน่นะ
“ถะ ถ้าไม่รังเกียจ เย็นนี้ฉันไปทำอะไรให้ทานมั๊ยคะ”
ในที่สุดเธอก็พูดออกมาได้ซักที แต่ เอ๊ะ!!! ทำกับข้าว เฮ้ย เอาจริงดิ นี่ตกลงคานะ เธอเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย ขี้อาย ใจกล้า หรือว่าอะไรกันแน่เนี่ย
ตกลงนักเรียนหญิงม.ปลาย มีจิตใจที่แปรเปลี่ยนได้ง่ายเหมือนการกดปุ่มเปิดปิดสวิตซ์ไฟงั้นเหรอเนี่ย โอ้! แม่เจ้า
“แต่ว่า มะ มันจะดีหรอครับ ไปบ้านของผู้ชายสองต่อสองนี่มันออกจะ...”
ผมอยากรู้จริงๆว่าตอนนี้ผมทำสีหน้ายังไงอยู่กันแน่นะ
“ดะ ดีค่ะ ฉันอยากตอบแทนเรื่องที่คุณช่วยเล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟัง ละ แล้วอีกอย่าง.........”
“เอ๊ะ มีอะไรหรอครับ อีกอย่างที่ว่าน่ะ...”
“อ๊ะ มะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ รีบไปเถอะค่ะ เรายังต้องไปซื้อกับข้าวมาทำอีกนะคะ”
“เอ๊ะ รอผมด้วยสิครับ”
พูดจบคานะเค้าก็รีบวิ่งไปทันที ผมจึงได้แต่ต้องรีบวิ่งตามเธอไปทันที แต่....
อีกอย่างที่คานะเค้าว่าน่ะมันคืออะไรกันนะ เป็นคนที่มีความลับเยอะจังนะ คนๆนี้เนี่ย ชิ! แต่ก็เอาเถอะนะ...
....หลังจากที่ผมกับคานะไปซื้อกับข้าวมาแล้ว พวกเราสองคนก็ได้มากันที่บ้านของผมทันที บ้านของผมเป็นแค่อพาร์ทเมนท์หลังไม่เก่าไม่ใหม่มากเท่านั้นเอง ถ้าเกิดเอาไปเทียบกับบ้านของคานะละก็ เทียบได้เพียงห้อง2ห้องเท่านั้นเองล่ะมั้ง แต่ว่า...ผมไม่เคยนึกเลยนะเนี่ย ว่าจะมีวันที่พาผู้หญิงมาที่บ้านได้น่ะแถม ผมจะไม่ลืมวันนี้ไปชั่วชีวิตจริงๆ วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับผมวันหนึ่งเลยทีเดียว
“เอ่อ ดนัยคุงคะ ไม่เข้าไปซะทีล่ะคะ”
“เอ๊ะ คะ ครับ”
หลังจากที่ผมได้ยินคำพูดของคานะผมจึงรีบไขกุญแจเพื่อเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที บ้านผมนั้นเพิ่งจัดมาได้ไม่นานนี้เอง ดังนั้นบ้านผมในตอนนี้จึงอยู่ในสภาพสะอาดเอี่ยมไม่อายใคร
“เชิญครับ”
ผมถือถุงกับข้าวด้วยมือหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งก็เอื้อมไปเปิดประตู
“คะ ค่ะ”
คานะเดินเข้าไปข้างในก่อนที่จะถอดรองเท้าออกและเดินเข้าไปในบ้านของผม ส่วนผมนั้นหลังจากที่วางถุงกับข้าวแล้วก็ได้เดินไปเปิดสวิตซ์ไฟทันที
“เอ่อ เดี๋ยวฉันไปเตรียมกับข้าวในห้องครัวก่อนนะคะ รอสักพักนึงนะคะ”
“คร๊าบบบบบบ”
หึ หึ ตอนนี้จิตใจของผมเหมือนกำลังได้วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งดอกไม้ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว ทำไงได้ล่ะ ใครจะนึกว่าจะมีวันที่ผู้หญิงมาทำกับข้าวให้กินได้น่ะ พระเจ้าครับ ผมจะไม่ลืมคุณเลยครับ ขอบคุณมากครับ
...เอ๊ะ แต่จะให้ผมมานั่งรอกินอย่างนี้มันแลไม่ดีแฮะ ผมคิดดังนั้น ผมจึงตัดสินใจเดินไปช่วยคานะทำกับข้าวที่ห้องครัวทันที
“เอ่อ คานะ ผมว่าผมมาช่วยคุณจะดีกว่านะครับ อยู่เฉยๆให้คุยทำคนเดียวมันแลจะไม่ดีน่ะครับ”
คานะทำหน้างงเล็กน้อย แต่หลังจากที่ฟังผมพูดเสร็จแล้ว รอยยิ้มก็ค่อยๆปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของคานะทีละน้อย
“ค่ะ”
แต่ถึงแม้จะเรียกว่าช่วย แต่ที่ผมทำได้ก็คือ ช่วยยกจานไปจัดเรียงกับหุงข้าวเท่านั้นเอง
ในที่สุด อาหารฝีมือของคานะก็เสร็จเรียบร้อย ซึ่งผมเป็นคนจัดเรียงไว้บนโต๊ะอาหารเองทั้งหมด อะ อะไรเนี่ย มีทั้งสเต็กหมูที่หั่นไว้ให้ทานพอดีคำ ปลาแซลมอนชุบเกล็ดขนมปังทอด แกง และอะไรอีกตั้งมากมาย
อะ อาหารมันหรูและน่ากินซะจนผมอยากจะกระโดดลงไปซัดซะให้พุงกางซะแล้วนะเนี่ย กินได้จริงๆหรอ พวกนี้เนี่ย
“เอาล่ะ เชิญทานให้เต็มที่เลยนะคะ”
“เอ๊ะ ถ้างั้น”
ผมค่อยคีบสเต็กหมูที่วางอยู่ใกล้ที่สุดมาใส่ปากทันที เอ๊ะ นะ นี่มัน....อะ อร่อย อร่อยจนน้ำตาแทบไหลเลยนะเนี่ย
ผมหันไปมองหน้าคนทำทันที ผมก็พบกับคานะที่นั่งจ้องหน้าผมอย่างไม่กระดิกเลยซักนิด
“เอ๊ะ อ๋อ อะ อร่อยมากเลยครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของผมนั้น สีหน้าของเธอก็สว่างสดใสขึ้นมาทันที
“ค่ะ”
.....หลังจากจบมื้ออาหารค่ำ และช่วยกันเก็บจัดการโต๊ะอาหารแล้ว ผมก็ไปนั่งเปิดทีวีดู ส่วนคานะก็เข้าไปล้างจานเพียงคนเดียว อันที่จริงผมก็จะไปช่วย
คานะล้างจานเหมือนกัน แต่เธอกับบอกว่าไม่ต้องก็ได้ดังนั้นผมจึงมานั่งเปิดทีวีดูอย่างนี้แหละ
หลังจากนั้นไม่นานคานะก็เดินเข้ามาในส่วนของห้องกลางที่ผมกำลังนั่งดูทีวีอยู่นั่นเอง
“อ้าว ล้างจานเสร็จแล้วหรอครับ”
“ค่ะ”
คานะเค้าค่อยๆเดินมาตรงโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ และก็ค่อยๆนั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆ และเธอก็ทอดสายตามองไปที่ทีวีอย่างช้าๆ ทำเอาผมมองเธออย่างไม่รู้ตัว และผมก็ได้รู้ว่าเธอไม่ใช่แค่น่ารักอย่างเดียว คานะเค้ายังเป็นคนสวยอีกด้วย
“มีอะไรติดหน้าฉันอยู่งั้นเหรอคะ”
คานะพูดออกมาพลางเอามือคลำหน้าคลำตาไปด้วย
“เอ๊ะ ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
ผู้หญิงที่เพอร์เฟ็คต์แบบนี้ ผู้ชายคนไหนได้คบด้วย คงดีใจมากเลยสินะ แต่ใครคนนั้น.....มันจะเป็นผมได้มั๊ยนะ เธอจะเห็นผู้ชายอย่างผมในสายตามั่งมั๊ย เห็นไอ้ไซโตะมันบอกว่า คานะได้จดหมายรักไม่ขาดสาย ก็แสดงว่า เธอมีตัวเลือกมากมาย อาจจะมีคนที่ดีกว่าผมมาชอบเธอก็ได้ แต่ว่า... อีกใจหนึ่งก็อยากเธอหันมามองผมบ้างนะ ซักเล็กน้อยก็ยังดี
“เอ่อ คานะ ไม่สิ ฮิรายูกิซัง ยังไม่กลับบ้านอีกหรอครับ”
“เรื่องนั้น ถึงฉันกลับไปก็ไม่มีคนอยู่บ้านอยู่ดีแหละค่ะ”
“เอ๊ะ...”
“พ่อแม่ฉัน....เค้าหย่ากันตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเด็กน่ะค่ะ ฉันมาอยู่กับพ่อ แต่พ่อเค้าก็ คือส่วนมากเค้าจะกลับมาบ้านแค่1เดือนละครั้งสองครั้งเองแหละค่ะ เพราะฉะนั้น บ้านที่ไม่มีคนอยู่น่ะ ฉันไม่อยากกลับไปหรอกค่ะ เพราะฉะนั้น... เอ่อ ฉะ ฉันขออยู่ที่นี่ซักพักนะคะ”
“เอ๊ะ เอ่อ เรื่องนั้นมัน....”
“ไม่ได้หรอคะ ใช่สิ ฉันคงสร้างความเดือดร้อนให้เธอสินะคะ”
คานะจ้องมองผมด้วยแววตาที่มีน้ำตาอยู่คลอเบ้า ทำไงล่ะทีนี้ คนไหนที่ตอบได้อย่างทันทีล่ะก็ มาเปลี่ยนตัวกันแทนซักพักซิ
“แต่ว่า มาอยู่กับผู้ชายสองต่อสองมัน....”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
พูดจบเธอก็หันมายิ้มอย่างอ่อนโยน
“ถ้าเป็นดนัยล่ะก็........ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“...........”
ผมกลั้นลมหายใจไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว
หน้าผมร้อนผ่าวไปหมด หัวใจก็เต้นตึกตักๆไม่ยอมหยุด
“เอ๊ะ ดนัย เป็นอะไรหรอคะ”
“คะ คุณน่ะ ไม่สิ เธอน่ะ เวลาที่อยู่กับผู้ชายสองต่อสองน่ะ อย่าพูดอะไรแบบนี้ออกไปมันจะดีกว่านะ”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะคะ”
คานะเอียงคอด้วยความสงสัย จริงๆเลยน้า ยายนี่ ช่างซื่อบริสุทธิ์เสียจริงๆ ไม่ได้รู้อะไรกับเค้าเลย จริงๆเลยน้า จริงๆเลย
ผมรู้สึกละอายใจชะมัดที่หัวใจเต้นระรัวขนาดนี้ ผมจึงพยายามที่จะหลบหน้าของคานะ แต่ไม่รู้เพราะอะไรผมถึงทำแบบนั้นไม่ได้ และคานะก็จ้องมองผมไม่ไหวติงเช่นกัน ใบหน้าของเธอค่อยๆ กลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทีละน้อย ทำให้หัวใจผมยิ่งเต้นระรัวหนักขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราสองคนก็ยังไม่ละสายตาออกจากกัน ดวงตาที่กลมโตกำลังสั่นไหวระริกผ่านแว่นของคานะกำลังจ้องมองมาที่ผม ผมรู้สึกแปลกๆที่หัวใจมันเต้นแรงขนาดนี้ ราวกับว่าร่างกายกำลังจะเดือดพล่านไปทั่วทั้งตัว
ในตอนนั้นเอง...
ประตูบ้านก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว จนทำให้พื้นสั่นสะเทือนอย่างเห็นได้ชัด
“โอ้ว ดนัย ฉันเอากับข้าวมาหะ-....”
ผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอึ้งอยู่ที่หน้าประตูห้อง
ผมกับคานะรีบหันกลับไปมองที่ประตูด้วยความตกใจสุดขีด และคนที่ยืนอยู่ตรงปากประตูนั่นก็คือ...ไซโตะนั่นเอง
ไอ้ไซโตะมันยืนอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้าที่ตกใจสุดขีด มือสองข้างของมันถือหม้อใบหนึ่งอยู่ กลิ่นของอาหารข้างในหอมจนมาเตะกับจมูกของผม
“ขะ ขอโทษที่มาขัดจังหวะคร๊าบบบบบบ”
เมื่อมันดึงสติกลับมาได้มันรีบวางหม้อกับข้าวเอาไว้ แล้วรีบวิ่งออกไปทางประตูทันที
“ไอ้ไซโตะ แกนะแก...”
เอ๋ ทำไมจู่ๆความคิดของผมก็มีแต่การฆ่านะ ผมรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่พุ่งออกมาจากแผ่นหลังของผมได้อย่างชัดเจน
“เอ๊ะ ทะ ทำไมคาตายามะคุงมาอยู่ที่นี่ได้หรอคะ”
สิ่งที่ปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากหลุมบ่อของการสังหารก็คือเสียงของคานะนั่นเอง
“เอ๊ะ อะ อ๋อ แม่มันชอบทำกับข้าวเยอะน่ะ มันเลยเอามาแบ่งให้ผมทุกวันเลยน่ะครับ ผมลืมไปเลยนะเนี่ย”
“อะ เอ๋ ถ้างั้นเรื่องที่ฉันมาอยู่ที่บ้านคุณล่ะคะ”
จู่ๆคานะก็มีท่าทางที่ร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ ไอ้ไซโตะเห็นมันเป็นแบบนี้ แต่มันเก็บความลับของเพื่อนเก่งนะครับ”
“อย่างนั้นหรอคะ เฮ้อ ค่อยโล่งอกหน่อย”
“เออ ถ้างั้น เรื่องห้องที่คุณจะนอน เอาเป็นห้องนั้นละกันนะครับ มันเป็นห้องว่างน่ะ ถึงมันจะไม่ใหญ่มากเหมือนบ้านคุณก็เหอะนะ”
“มะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาของมาจากที่บ้านก่อนนะคะ”
คานะพูดก่อนที่จะเดินออกไปทางหน้าบ้านทันที ผมเห็นดังนั้นจึงต้องรีบตามเธอไปทันที
“เฮ้ย รอผมด้วยสิครับ ผมไปช่วย”
“เร็วๆสิคะ ชักช้าชั้นไม่รอนะ”
คานะเอามือไพร่หลังไว้และมองทอดสายตามาทางผม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อผมเห็นดังนั้นทำให้ผมโล่งใจขึ้นมาทันที
“คร๊าบๆ”
ผมพูดออกไปก่อนที่จะวิ่งตามคานะไปทันที
.............ในที่สุดเรื่องราวบทใหม่ในรั้วโรงเรียนของผมก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบเสียที
-จบบทที่4-
ความคิดเห็น