คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter:4ไล่ล่า
...หลังจากที่ผมมาอยู่ที่กรุงเทพนี้ ก็ผ่านไปได้ประมาณ3อาทิตย์แล้ว ในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี
“นี่ นายเอาจริงงั้นหรอฮะ เรื่องที่จะออกจากบ้านนี้ไปน่ะ...”
“...อื้อ”
ผมตอบรับศิณาไปด้วยความมุ่งมั่น
...ผมตัดสินใจว่า จะออกจากบ้านนี้ไป และไปอยู่ที่บ้านเก่าที่จ.ชลบุรีซักพัก รอให้เหตุการณ์มันเงียบสงบลงก่อน ถึงค่อยกลับมาอยู่ที่นี่อีกที
“...นายจะเอายังไงต่อก็แล้วแต่นะ แต่ฉันถามอีกทีนึงนะ เอาจริงหรอ”
ศิณาถามผมด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
“อื้ม...ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป อีกไม่นานป้าก็ต้องรู้เรื่องของพวกเราแน่ แล้วเดี๋ยวคนในบ้านนี้ก็อาจจะอยู่ในอันตรายก็ได้ แถมไอ้พี่บ้านั่นก็ยังอยู่ฝั่งนั้นอีก ฉันไม่อยากให้ใครเป็นอะไรไปเพราะฉันน่ะ...”
ผมนั่งลงบนเตียงอย่างหมดอารมณ์ ทำไงดีล่ะ ผมไม่อยากให้ศิณาต้องมาลำบากเพราะผมเลย จริงๆนะ
“เธอจะเอายังไงล่ะ ถ้าเกิดจะอยู่ที่นี่ต่อ ฉันก็จะอยู่กับเธอ หรือจะไปกับฉันก็แล้วแต่เธอนะ ฉันให้เธอตัดสิน...”
“...................”
ศิณานั่งครุ่นคิดอย่างหนัก ความเงียบของเธอครั้งนี้ทำให้ผมหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก
“...เอาล่ะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่ ไปก็ไปสิ”
“เอ๊ะ...”
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่ ไปไหนก็ไปกันสิ ฉันอยู่ฝั่งนายเสมอนะ นายตัดสินใจยังไง ฉันก็คิดอย่างนั้นแหละ เอาล่ะ งั้นฉันไปจัดของก่อน
นะ.....”
พอศิณาพูดเสร็จ เธอก็เดินออกจากห้องไป
“.......................”
คราวนี้คนที่เอาแต่นิ่งเงียบกลับกลายมาเป็นผมแทน
“...ฮึ เอาไงก็เอากันหรอฮะ ยัยบ้าเอ๊ย...”
ผมบ่นพึมพำกับตนเองกับตนเองเบาๆ ก่อนที่จะค่อยๆเผยยิ้มออกมาทีละเล็กทีละน้อย
“มันเป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆด้วยสินะ...”
“เอ๊ะ...”
ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงประตู ค่อยเดินเข้ามาในห้องผมอย่างช้าๆ
“พะ พี่...”
“ไปคุยกันในห้องฉันสิ...”
................................................
“.........................”
ความเงียบคั่นอยู่ระหว่างกลางของผมและพี่ ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่กดดันขนาดที่ความดันของร่องน้ำมาเรียน่ายังเทียบไม่ติดฝุ่น...
“...ผู้หญิงคนนั้นสินะ ที่เป็นร่างทดลองหมายเลข1ของสถาบันวิจัยหลักน่ะ”
พี่พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับหยิบแก้วกาแฟมานั่งจิบอย่างเย็นใจ
“...แล้วจากนี้พวกนายจะทำยังไงกันต่อล่ะ”
“เอ๊ะ... อะ อ๋อ ผมกะว่าจะอาศัยไปกับเรือประมงแล้วไปอยู่แถวๆทะเลแดงซะหน่อยน่ะ...”
ผมแถพี่ออกไปอย่างหน้าด้านๆ ขนาดที่เด็กอนุบาลยังจับไต๋ออก
“...อ๋อหรอ”
พี่ตอบกลับมาอย่างสั้นๆได้ใจความ แต่เอ๊ะ...นี่จะไม่สงสัยคำพูดของผมมั่งเลยเรอะเนี่ย
“...งั้นแกรออยู่ที่นี่แป๊บนึง”
“เอ๊ะ...”
พี่ผมพูด พลางเดินไปทางตู้เก็บเสื้อผ้าตู้หนึ่งที่ตั้งอยู่ริมห้อง ก่อนที่จะหยิบของบางอย่างมาให้กับผม
“เอานี่ ถ้าเกิดแกจะไปจริงๆล่ะก็ แกเอาของพวกนี้ไปด้วย...”
“เอ๊ะ อะไรหรอครับ...”
“ดูเอาเองเหอะน่า...”
เมื่อพี่ไม่ยอมตอบคำถามของผมมา ผมจึงต้องเปิดกระเป๋าใบนั้นดูอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เอ๊ะ...นี่มัน”
ผมอึ้งกับภาพที่เห็นไปชั่วขณะ สิ่งที่อยู่ในกระเป๋านั้นมันคือ เงินปึกใหญ่ปึกหนึ่ง และปืนสีดำเมี่ยมอีกกระบอก พร้อมกระสุนอีกกล่องใหญ่กล่องหนึ่ง
“...นี่มัน”
“ถ้าเกิดแกอยากจะหนีพวกเบื้องบนพ้นล่ะก็ แกก็ต้องใช้ของพวกนี้นี่แหละ...”
พี่พูดกับผมด้วยสีหน้าที่เย็นชา พร้อมกับหยิบบุหรี่จากกระเป๋ามาใส่ปากพร้อมกับจุดสูบอย่างไม่กลัวใครเห็น
“... แล้วพี่มีใช้หรอครับ”
“นี่ไง...”
พี่พูดพลางใช้มือขวาเปิดชายเสื้อขึ้นมา ผมก็เห็นปืนอีกกระบอกหนึ่งเหน็บอยู่ที่เอวของเขา
“...หึ ถ้างั้นผมไม่เกรงใจนะครับ ขอรับเงินนี่กับปืนไปก่อนนะ”
“เออ จะทำอะไรก็ระวังด้วยล่ะ พวกเบื้องบนมันไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่ ขืนทำอะไรให้พวกมันรู้ตัวล่ะก็ ถึงตายนะ...”
พี่พูดกับผมด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้พี่จะไม่ได้พูดออกมา แต่ผมก็สามารถรู้ได้ ด้วยความรู้สึกของผมเอง
“...ครับๆ ผมจะไม่ทำให้มันครึกโครมแน่ๆครับ...”
“เออ...”
...ถึงแม้พี่จะเป็นคนที่แปลกแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ยังเป็นพี่ชายที่ผมไว้ใจได้อยู่ดี...
ขอบคุณมากครับ พี่.....
“นี่ จะไปกันจริงๆหรอ...”
“ทำไงได้ล่ะครับ แม่ของศิณาเค้าป่วย เค้าก็เลยต้องกลับไปบ้าน แล้วผมก็ต้องกลับไปทำเรื่องย้ายมาเรียนที่กรุงเทพด้วยนะครับ...”
ป้าผมพูดออกมาทั้งน้ำตาราวกับเด็กยังไงยังงั้น ทำเอาผมต้องเข้าไปปลอบอย่างช่วยไม่ได้
“...ขอบคุณมากนะคะ สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา หนูซาบซึ้งใจมากๆเลยล่ะค่ะ...”
“ฮือ หนูศิณา...”
ป้าผมเข้าไปโผกอดศิณาไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมกับปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่น
“เอ๊ะ อ๊ะ เอ๋...”
ศิณาตาโต กระพริบตาปริบๆอยู่หลายครั้ง พร้อมกับจ้องมองป้าของผมที่กอดเธอเอาไว้แน่นอย่างงุนงง
ศิณาเอียงคอเล็กน้อย พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองผม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ คุณศิณา...
“...ไอ้กิต”
“เอ๊ะ ครับ”
พี่ที่เอาแต่นิ่งเงียบไปเมื่อซักครู่ ในที่สุดก็ได้เปิดปากพูดซักที
“...ระวังด้วยล่ะ ไอ้พวกนั้นนอกจากเป้าหมายแล้ว มันทำได้ทุกอย่างแหละ แกต้องระวังตัวให้มากๆนะว้อย ถ้าเกิดมีอะไรก็ใช้ของที่ฉันให้ไปละกัน...”
“...พี่น่ะแหละ ปล่อยให้เป้าหมายลอยนวลไปอย่างนี้ ระวังจะโดนเด้งนะ...”
“หึ... พูดได้ขนาดนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วสินะ เออ จริงสิ แกเอาไอ้นี่ไปอีกอย่างก็แล้วกัน...”
“เอ๊ะ...”
พอพี่พูดเสร็จก็ได้เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างรีบร้อน
“เอ้านี่...”
พอพี่พูดเสร็จ เขาก็ได้โยนของบางอย่างให้กับผม
“เอ๊ะ... นี่มันแหวนนี่ครับ แถมมีตั้งสองวง ให้ผมเอาไปทำอะไรล่ะ...”
แหวนสีเงินเข้มไม่มีลวดลาย มีอยู่สองวงที่มาพร้อมกับสายห้อยอย่างเสร็จสรรพ
“ขอแกกับศิณาไง...”
“เอ๊ะ...”
ผมยืนอึ้งอยู่กับที่อย่างไม่ขยับเขยื้อนตัวแม้แต่น้อย
“พอดีฉันทำงานวิจัยเกี่ยวกับธาตุอยู่น่ะ แล้วพอดีฉันเจอธาตุโลหะน่าสนใจอยู่ตัวนึง ฉันเลยเอาธาตุมาลองวิเคราะห์โมเลกุล แล้วลองเอามาทำเป็นของใช้บางอย่างน่ะ มันเลยได้แหวนสองวงนี่มาไง เอาไปปะ ฉันให้ ฉันคงไม่ได้ใช้หรอก...”
พอพี่ของผมพูดเสร็จเขาก็ค่อยๆหยิบบุหรี่มาสูบอย่างใจเย็น
“...ขอบใจมากนะครับ”
“เออ...”
พี่ตอบรับกลับมาอย่างสั้นๆเช่นเคย
“งั้นไปแล้วนะครับ/ค่ะ...”
ผมกับศิณาเดินออกจากบ้านไป โดยมีป้ากับพี่ของผมยืนมองอยู่ข้าง
หลังไม่ห่าง
“...ศิณา หยุดแป๊บดิ”
“หืม...”
ผมค่อยๆเดินอ้อมไปทางข้างหลังศิณา พร้อมกับจับผมเธอม้วนขึ้นอย่างไม่รอช้า
“อ๊ะ ทะ ทำอะไรของนายน่ะ...”
ศิณาตอบรับผมมาอย่างร้อนรน
“เหอะน่า จับผมเธอไว้ก่อนดิ...”
“...อะ อืม”
ศิณายอมผมแต่โดยดี พร้อมกับจับผมของตัวเธอเองอย่างร้อนรน
“...เอ้านี่ ฉันให้...”
“เอ๊ะ...”
ผมค่อยๆหยิบแหวนที่พี่ของผมให้มาจากในกระเป๋า ไปใส่ที่คอของศิณาอย่างไม่รอช้าทันที
“...มันมีสองวงน่ะ วงเล็กฉันให้เธอ ส่วนวงใหญ่ฉันจะเก็บไว้เองละกัน...”
พอผมพูดเสร็จ ผมก็ได้หยิบสร้อยมาใส่ไว้ที่คอมั่ง
“อะ...อืม ขอบใจมากนะ”
ศิณาตอบรับผมกลับมา โดยที่เธอยืนก้มหน้างุดๆอีกตามเคย สงสัยเธอจะเป็นพวกที่เวลาอายจะก้มหน้างุดๆอย่างนี้สินะ...
“...สนิทกันดีจังเลยนะครับ...”
“เอ๊ะ...”
เสียงที่คุณเคย มาพร้อมกับทำนองที่คุ้นหู ทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“...กะ แก ไอ้บ้านี่...”
ผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม คนๆนี้ต่อให้ผ่านไป50ปี ผมก็ไม่มีวันลืมแน่ๆ
“กะ แกมัน...อย่าเข้ามานะ”
พอศิณาเห็นพูดชายคนนั้น เธอก็รีบวิ่งเข้ามาหลบที่หลังผมทันที
“...ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะครับ สบายดีหรือป่าวครับ...”
“ไอ้บ้าเอ๊ย... แกมาที่นี่ทำไมฮะ ไอ้งั่ง...”
“ทำไมพูดจากับผู้ใหญ่แบบนั้นล่ะครับ...”
คนๆนี้ก็คือ คนๆเดียวกันกับที่มันบุกเข้ามาที่บ้านผมนั่นเอง
<b>“...ชิ!!!”</b>
“โอ๊ะ ไม่ดีนะครับ ไม่ดี...”
ทันทีที่ผมตั้งท่าจะวิ่งหนี ไอ้พวกทหารก็อดแดมนั่น ก็เข้ามาล้อมกรอบพวกผมทันที
“...ไอ้บ้าเอ๊ย”
อะไรกันเนี่ย หนีไม่พ้นงั้นหรอ... ไอ้บ้าเอ๊ย ทำไมกัน ทำไมผมถึงช่วยศิณาเธอไว้ได้กันนะ ผมมัน ผมมัน...
“ไอ้กิต...หมอบ”
“เอ๊ะ...”
ผมรีบหมอบลงทันทีที่ผมได้ยินคำพูดนั้น แสดงว่าสัญชาตญาณผมยังดีใช้ได้เลยแฮะ
<b>ปัง ปัง ปัง...</b> ทันทีที่ผมหมอบเสร็จ เสียงปืนก็ดังขึ้นมาทันทีทันใด
“ไอ้บ้าเอ๊ย แกรีบมาทางนี้เร็วๆเข้าสิ...”
คนที่มาช่วยผมเอาไว้ก็คือ พี่ชายของผมนั่นเอง
“...ศิณา ไปเร็ว”
ผมไม่รอช้า รีบจับมือศิณาวิ่งฝ่าวงล้อมของทหารไปทันที
“...นั่นมัน คุณประสิทธิ์ นักวิจัยระดับ3ของสถาบันเรานี่ครับ ทำไมถึง... ช่างมันเถอะ รีบวิ่งตามไปสิครับ...”
หัวหน้าของมันรีบสั่งให้พวกลูกน้องวิ่งตามพวกผมมาทันที
“มาหลบตรงนี้เร็ว...”
“ครับ...”
ผมรีบกระโดดเข้าไปตรงริมกองอิฐที่ตั้งอยู่ข้างๆทันที
“...เป็นไงล่ะ ไอ้บ้าเอ๊ย”
“ทำไมมันถึงรู้ล่ะครับ ว่าพวกผมอยู่ที่นี่น่ะ...”
“...เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตอนนี้พวกเราต้องหนีมันไปให้ได้ซะก่อน ถึงค่อยคิดเรื่องอื่นๆที่หลังน่ะ... แกเอาปืนออกมาสิ มาช่วยกันหน่อย”
“คะ ครับ...”
ผมไม่รอช้า รีบเปิดกระเป๋าสะพายออก ก่อนที่จะหยิบปืนออกมากด
เซพลงทันที
“เอ๊ะ ปืน นี่นายมีปืนด้วยหรอฮะ...”
ศิณาทำตาโต พร้อมกับจ้องมองผมอย่างไม่ลดละ
“เอาเหอะน่า ตอนนี้เราต้องหนีกันก่อนนะ...”
“อะ อื้ม...”
ศิณาตอบรับผม โดยที่ไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวฉันไปเอารถออกมาก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะมารับพวกแก...”
“...ครับ เอ๊ะ หรือว่าพี่จะไปกับพวกผมด้วยงั้นหรอ...”
“ก็เออดิ ใครจะอยู่รอให้พวกมันมาฆ่าล่ะ เอาเถอะ เดี๋ยวฉันมา พวกแกเชื่อใจฉันกันมั๊ย ว่าฉันจะไม่หนีไปน่ะ...”
“...ฮึ ใครจะไม่เชื่อพี่ตัวเองล่ะครับ”
ผมพูดพลางชูนิ้วโป้งให้พี่อย่างมั่นใจ
“เออ งั้นรอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันมา...”
“ครับ...”
ทันทีที่ผมตอบรับพี่เสร็จ พี่ก็รีบวิ่งกลับไปทางบ้านของพี่เค้าทันที หลังจากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาเป็นระยะๆตลอด
“อย่างเป็นอะไรนะเฟ้ย ไอ้พี่บ้า...”
“นาย...”
ศิณาจ้องมองผมด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย
“...ฉันขอโทษนะ เพราะฉันแท้ๆ นายกับครอบครัวถึงต้อง...”
ศิณานั่งก้มหน้านิ่ง ทำให้ผมค่อยๆเห็นหยดน้ำตาไหลออกมาจากตาเธอทีละน้อย
“ไม่เป็นไรหรอกน่า...”
“เอ๊ะ...”
“เรื่องนี้ถึงแม้ตนเหตุจะเป็นเธอก็จริง แต่ว่า ฉันก็สัญญาแล้วนี่ว่าจะไม่ปล่อยให้เด็กผู้หญิงอย่างเธอต้องเจอกับเรื่องร้ายๆเพียงคนเดียวน่ะ เพราะฉะนั้น เธอเชื่อในตัวฉันเถอะนะ ฉันจะพาเธอกลับไปที่ดาวบ้านเกิดเธอได้แน่ๆ เธอเชื่อฉันนะ...”
“....................”
จู่ๆศิณาเธอก็หยุดพูด พร้อมกับยืนก้มหน้านิ่งอยู่ลูกเดียว
“...อื้ม ฉันจะเชื่อนะ”
ทันทีที่ผมได้ยินคำตอบของเธอ ในใจของผมนั้นมันก็ได้เปลี่ยนแปรไปเป็นความกล้าพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างอัดแน่นเต็มไปหมด
“...เฮ้ย มาขึ้นรถได้แล้ว เร็วเข้า”
“เอ๊ะ พี่...”
พี่ผมมาพร้อมกับรถสปอร์ตสุดหรูคันหนึ่ง
“ไปเอารถคันนี้มาจากไหนเนี่ย...”
“เหอะน่า เร็วเข้า เดี๋ยวก็ตายกันหมดหรอก...”
“เอ๊ะ ครับ... เร็วเข้าศิณา”
ทันทีที่ผมได้ยินคำพูดของพี่ ทำให้ผมกลับมามีสติอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ผมจะรีบจับมือของศิณา พร้อมกับรีบวิ่งไปบนรถของพี่เค้าทันที
“เอาล่ะ...ไปล่ะนะ”
“เฮ้ย ไหงไปทางนั้นล่ะครับ ทางนั้นมัน...”
ทางที่พี่ของผมเลี้ยวไปนั้น เป็นทางที่พวกทหารดักพวกผมอยู่นั่นเอง
“...ขอเอาคืนซักหน่อยละกัน โทษฐานที่ทำให้ฉันต้องลำบากถึงขนาดนี้น่ะ”
พี่ของผมพูดเหตุผลที่สุดแสนจะไร้สาระออกมา
“แกเอาด้วยมั๊ยล่ะฮะ ไอ้กิต...”
“เอ๊ะ...”
พี่ของผมพูดพร้อมกับหยิบปืนขึ้นมาปลดเซพลงทันที เอาเถอะ ขอร่วมด้วยซักวันก็แล้วกันนะ...
“ใครจะปล่อยให้พี่ทำเท่อยู่คนเดียวล่ะครับ...”
ผมพูดพร้อมกับหันหน้าไปยิ้มให้พี่ด้วยสีหน้าที่เบิกบาน
“...เฮอะ ไอ้บ้า”
พี่ของผมตอบรับกลับมาด้วยวลีเพียงสั้นๆ ก่อนที่จะหันหน้าไปขับรถตามเดิมทันที
“ศิณา...ระวังตัวดีๆนะ ระวังลูกหลงด้วยล่ะ...”
“อื้ม...”
ศิณาพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนที่จะหันกลับไปนั่งก้มหน้านิ่งพร้อมกับทำหน้าเหมือนกับมีเรื่องอะไรกังวลใจ... ตกลงเธอเป็นอะไรไปหว่า...? ผมทำอะไรไม่ดีไปหรือป่าวนะ
“ศิณา...”
“เอ๊ะ...”
ศิณาหันมามองผมด้วยสีหน้าที่ตกใจ
“เป็นอะไรไปหรอฮะ...”
“เอ๊ะ อะ อืม ก็นิดหน่อยน่ะ ฉันคิดว่าถ้าเกิดเป็นอย่างนี้ไปมันจะดีหรอ สู้ปล่อยให้ฉันไปอยู่กับพวกมันจะดีกว่าหรือเปล่าน่ะ...”
<b>“ยัยบ้า...!”</b>
“เอ๊ะ...”
ผมตะโกนออกไปอย่างเหลืออด ทำเอาศิณาทำหน้าเหวอไปทันที
“รู้ไหม ทำไมฉันต้องทำอะไรแบบนี้ ทำไมฉันถึงต้องช่วยเธอหนีจากพวกนั้น ทำไมฮะ...”
นั่นสิ ทำไมผมถึงต้องช่วยศิณาถึงขนาดนี้ด้วยนะ ขนาดผมยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย ยังจะมีหน้าไปถามคนอื่นอีกนะ แต่ทำไมไม่รู้ อารมณ์ของผมมันพุ่งพล่านไปหมดแล้ว ขืนปล่อยไว้แบบนี้ ผมต้องพูดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องไปแน่ๆ
“เพราะไอ้หมอนี่มันชอบเธอจริงๆยังไงล่ะ...”
“เอ๊ะ...”
พี่ที่เอาแต่นิ่งเงียบ กลับพูดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องออกมาจนได้
“ไอ้หมอนี่มันชอบเธอ มันเลยอยากที่จะช่วยเธอยังไงล่ะ เพราะอย่างนี้ไงล่ะ รู้รึยัง...”
“อะ อะ อะ อะ”
อะ ไอ้พี่ปากเปราะเอ๊ย เดี๋ยวก็ฆ่าซะหรอก พูดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องออกมาจนหมดเลยนะ ไอ้พี่บ้า
ทันที่พี่ของผมพูดเสร็จซักพัก ศิณาเธอก็เหมือนจะเพิ่งรวบรวมความคิดกลับมาได้ หน้าของเธอจึงค่อยๆแดงขึ้นมาทีละนิด และในที่สุดก็แดงจนลามไปถึงหู ศิณาเธอก็ค่อยๆขยับหน้ามามองผมอย่างช้าๆ
“...ชิ เออๆ จะยังไงก็ช่างเถอะ ผมจะชอบใครมันก็เรื่องของผมนะ ไอ้พี่บ้า แต่ก็เอาเถอะ ที่นี้เธอก็อย่าพูดไอ้เรื่องไร้สาระแบบนั้นออกมาอีกล่ะ เข้าใจมั๊ย...”
หัวของผมตอนนี้มันรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด จนผมทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไป
“เอ๊ะ ถึงแล้วว้อย...ไอ้กิต เปิดกระจกแล้วยิงมันเลย...”
“เอ๊ะ คะ ครับ...”
ในที่สุดพวกผมก็กลับมาถึงหน้าปากซอยอีกครั้ง ทันทีที่ผมมาถึง ผมก็ได้พบกับทหารจำนวนมากกำลังยืนประจันหน้าอยู่กับพวกผม ผมรีบกดปุ่มเปิดกระจก พร้อมกับปดเซฟปืนลง ก่อนที่จะกระหน่ำยิงใส่พวกมันทันที
<b>ปัง ปัง ปัง...</b> เสียงปืนดังขึ้นมาทั้งจากของฝั่งผมและจากฝั่งทหาร ทั้งพี่และผมต่างก็ไม่ยอมแพ้ กระหน่ำยิงใส่พวกมันอย่างไม่หยุดยั้งราวกับลูกกระสุนเป็นเม็ดกระจั๊วยังไงยังงั้น
“...ฮึ เหมือนกันเลยสินะ...”
“เอ๊ะ มีอะไรหรอฮะ ศิณา...”
เพราะเสียงของกระสุนปืนมันดังเกินไป ทำให้ผมได้ยินคำพูดของเธอไม่ค่อยถนัดซักเท่าไหร่
และในตอนนั้นเอง ศิณาก็ได้มีสีหน้าเหมือนกับว่ากลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
“ปะ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก...”
เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธผมด้วยสีหน้าที่แดงกร่ำขึ้นเรื่อยๆ
“มะ ไม่มีอะไรจริงๆนะ ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นแหละ...”
“อา เหรอ... เอาเถอะ หลบมาก่อนเร็วๆ เดี๋ยวก็ตายซะหรอก...”
ผมรีบจับหัวเธอกดลงกับเบาะคนนั่งทันที แต่ว่า เมื่อกี้นี้เธอพูดว่าอะไรกันหว่า หูผมไม่ได้ฝาดไปแน่ๆ ผมได้ยินจริงๆนะ เรื่องอะไรกันหว่า ใครที่รู้ช่วยบอกผมทีสิ
... แต่ก็เอาเถอะ ยังไงแบบนี้นี่แหละถึงจะเหมาะกันกับเธอที่สุด ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก จริงๆเลยน้า ไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ......
หลังจากนั้น....
พวกผมก็สามารถหนีรอดจากออกมาจากทหารพวกนั้นได้ ตอนแรกพวกนั้นมันก็ยังคงไล่ตามพวกผมมาติดๆ แต่ด้วยฝีมือการขับรถชั้นเซียนของพี่ผม บวกกับความเร็วของรถ ทำให้สามารถหนีออกมาจากพวกนั้นได้แบบไม่ยากนัก
“...ฮู่ว เกือบตายซะแล้วมั๊ยล่ะ...”
พี่ของผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“นี่เป็นสถานการณ์อันตรายติดเบส10ของฉันเลยนา ขืนเมื่อกี้อยู่นานกว่านี้ละก็ ตายยกรถแน่ เชื่อมั๊ยล่ะ...”
“ฮะ ฮะ นั่นสิครับ แต่ว่ามันสนุกสุดๆไปเลยนะครับ...”
“ใช่มั๊ยล่ะ...”
ผมพูดคุยกับพี่ได้อย่างเข้าขากัน แต่เอ... ผมไม่ได้คุยกับพี่เค้าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน้า สมัยอนุบาลละมั้ง เพราะตั้งแต่ที่ผมขึ้นประถมมา พี่ก็เอาแต่แกล้ลงผมมาตลอดไม่เคยหยุดหย่อน พี่เค้าเปลี่ยนไปมากซะจนผมเผลอคิดว่าเค้าไม่ใช่พี่ของผมซะแล้วนะเนี่ย...
“ว่าแต่จะไปไหนกันต่อล่ะฮะ...”
“อ้าว พี่ไม่ได้วางแผนไว้หรอครับ...”
“ก็แหงสิฟะ มันไม่ใช่งานของฉันนี่หว่า ทำไมฉันต้องทำอะไรเกินหน้าที่ด้วยล่ะฮะ...”
ทันทีที่พี่ของผมพูดเสร็จ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างไร้ความรับผิดชอบ ไปตายซะไป ไอ้พี่งั่ง...
“อะ เอ่อ ถ้าเกิดไม่ลำบากล่ะก็ ช่วยไปส่งที่เกาะนั่นอีกทีได้ไหมคะ...”
ศิณาที่เอาแต่นิ่งเงียบ ในที่สุดเธอก็พูดออกมาซักที ว่าแต่...จะกลับไปทำไมล่ะคร๊าบเจ๊...
“คือฉันสามารถที่จะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังยานแม่ของพวกฉันได้น่ะค่ะ แต่ถ้าเกิดไม่ไปที่ที่มาครั้งแรกล่ะก็ จะไม่สามารถส่งสัญญาณไปได้น่ะค่ะ...”
“...........”
ความคิดในสมองของผมหยุดลงทันที ถ้าเกิดศิณาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปได้ เธอก็ต้องกลับไปยังดาวของเธอสินะ
ทำไมล่ะ ทำไมกัน เพราะอะไรถึงต้องกลับไปล่ะ ขณะนี้ในสมองผมเต็มไปด้วยคำพูดเหล่านี้วกวนอยู่ในหัวเต็มไปหมด ตอนแรกที่ผมตัดสินใจมาพร้อมกับเธอ ก็เพราะผมต้องการที่จะช่วยเธอให้กลับไปยังดาวบ้านเกิดของเธอ แต่ทำไมมันถึงกลายเป็นเหตุผลรองไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมก็แค่ ผมก็แค่...
“เป็นอะไรไปน่ะ กิต...”
“อ๊ะ...”
สิ่งที่มาฉุดผมขึ้นจากหลุมบ่อของคำว่าสิ้นหวังก็คือเสียงของศิณานั่นเอง
“ท่าทางสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ เป็นอะไรหรือป่าว นายน่ะ...”
“ปะ เปล่าหรอก ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ...”
ตอนนี้ผมไม่สามารถที่จะมองหน้าศิณาได้อีกแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน...
“เอาเถอะ ถ้าแค่เอาเธอส่งกลับไปยังดาวของเธอได้ แล้วมันทำให้เรื่องนี้จบลงล่ะก็ ฉันจะลองเดิมพันดูนะ...”
พี่ของผมออกปากพูดประโยคเด็ดๆออกมา อย่างเท่ห์เลยว่ะ ไอ้บ้านี่...
“อะ เอ๊ะ...”
ทันทีที่ศิณาได้ยินเค้าพูดของพี่ผม ก็ได้ทำให้เธอเปลี่ยนสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
“ขะ ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ...”
ศิณาพูดกับพี่ผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พร้อมกับใบหน้าที่มีน้ำตาไหลอยู่นองหน้า
“...............”
ผมรู้ดีว่า ถึงแม้ผมจะพูดอะไรไปตอนนี้ มันก็คงไม่เข้าหูของคนทั้งสองคนนี้เป็นแน่ เอาเป็นว่ารอไปซักพักก่อนก็แล้วกันนะ...
“นี่ศิณา...”
“เอ๊ะ... มะ มีอะไรหรอ”
ทันทีที่ศิณาได้ยินคำพูดของผม ทำให้เธอตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะหันมาจ้องหน้าผมอย่างร้อนรนทันที
“...เธอไม่ต้องกลับไปที่ดาวของเธอไม่ได้หรอ”
“เอ๊ะ...”
“เธออยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้วนี่นา ไม่เห็นต้องกลับไปอยู่ที่นั่นแล้วนี่นา...”
“.................”
ศิณาไม่ตอบรับผมกลับมา แต่เธอกลับจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มปนอยู่เล็กน้อย...
“ทำไมล่ะ...”
“เอ๊ะ...”
“ทำไมนายถึงต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้ด้วยล่ะ...”
“เรื่องนั้น...”
คำพูดนั้น ผมควรที่จะเอาไว้ถามตัวเองมากกว่า ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ และผมทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไรนั้น ผมก็ยังไม่รู้เป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองเหมือนกัน
“ฉันไม่กลับไปที่นั่นไม่ได้หรอกนะ ที่นั่นยังมีทั้งครอบครัวของฉัน เพื่อนของฉัน และคนที่สำคัญของฉันอยู่ที่นั่นอีกมากมาย ฉันต้องกลับไปนะ...”
“ตะ แต่ว่า...”
“ฉันว่าแกปล่อยเธอไปน่าจะดีกว่านะ ไอ้กิต...”
“เอ๊ะ...”
พี่ของผมหันมาพูดกลับพวกผม โดยที่มือทั้งสองข้างยังจับพวงมาลัยอยู่
“แกก็รู้นี่ว่า พวกนายสองคนไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกันได้ตลอด พวกแกสองคนอยู่ห่างกันไกลเกินไปนะ ระหว่างพวกแกสองคนยังมีช่องว่างที่เรียกว่าปีแสงคั่นอยู่ไม่รู้ตั้งกี่พันปีแสง ฉันว่าแกลองคิดดูใหม่ก่อนที่แกจะทำอะไรลงไปจะดีกว่านะ แกจะได้ไม่ต้องกลับมานึกเสียใจทีหลังน่ะ...”
“พี่...”
เรื่องนั้น ผมคิดว่า ผมรู้มาตั้งนานแล้วล่ะ ว่าผมมันไม่สามารถที่จะรักเธอได้จริงๆ เรื่องราวที่ผ่านมามันเป็นได้แค่เพียงภาพลวงตา ที่ซักวันผมก็ต้องทิ้งมันไป ทั้งเรื่องที่เราสองคนเคยสนุกด้วยกัน เรื่องที่เราสองคนเคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันเป็นแค่เพียงภาพลวงตา แต่ว่าผม... ผมต้องทำยังไงล่ะ จะให้ผมทำยังไงกัน...
“ศิณา... กลับไปดาวของเธอดีกว่านะ...”
“เอ๊ะ...”
ทั้งพี่และศิณาอุทานออกมาอย่างเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมกับหันหน้ามามองผมด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง แต่ผมไม่พูดตอบอะไรไป พร้อมกับนั่งนิ่งเงียบก่อนที่จะค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ
...ภายหลังเปลือกตานี้ ภาพต่างๆที่ผมได้จดจำลงบนหนังสือที่เรียกว่าความทรงจำนั้น กำลังค่อยๆออกมาให้ผมได้เห็นอย่างช้าๆ ทั้งรูปของแม่ผม ทั้งรูปของป้า ของพี่ และของศิณา ภาพที่ผมเห็นล้วนแต่เป็นสิ่งมีค่าของผมนั่นเอง ผมไม่อยากเสียมันไป ทั้งที่รู้แบบนั้น แต่ผมรู้สึกได้ว่า ถ้าเราปล่อยให้มันได้ไปพบเจอกับคำว่าประสบการณ์ใหม่ๆ มันน่าจะดีกว่าปล่อยให้มันจมปลักอยู่กับที่เดิมๆแห่งนี้ สิ่งที่ผมต้องการจะทำ มันคือสิ่งๆนี้ เป็นสิ่งนี้มาตั้งนานแล้วนั่นเอง...
-END CHAPTER4-
ความคิดเห็น