คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter: 1 พบเจอ
1ปีก่อน หลังจากที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการส่งคนขึ้นไปสำรวจดาวอังคาร
ด้วยความร่วมมือจากหลายๆประเทศ บนเกาะที่เงียบสงบของผมก็ได้มีการตั้งศูนย์อวกาศที่ใหญ่ที่สุดของประเทศขึ้นมา...
ส่วนผม หลังจากที่เสียพ่อแม่ไปในอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ผมก็อยู่ได้ด้วยความเชื่อที่แม่ของผมพูดไว้ก่อนจะเสียว่า
“อย่าอ้อนขอ จงไขว่คว้ามา ไม่งั้นก็ไม่มีทางสำเร็จ” ผมจึงไม่ย่อท้อ หางานทำ ส่งตนเองเรียนจนสามารถมาถึงชั้นม.ปลายได้
หลังจากนี้ผมก็จะพยายามต่อไปเพื่อทำให้เกาะนี้ น่าอยู่ขึ้นให้ได้
“....อรุณสวัสดิ์ครับ...”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะกิต... ขยันแต่เช้าเลยนะ...”
คุณตาคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากริมรั้วที่ทำด้วยต้นไม้ ก่อนที่จะหยิบหนังสือพิมพ์จากมือของผมไป
“งั้นผมไปก่อนนะครับ...”
ผมพูดลาคุณตา ก่อนที่จะรีบออกวิ่งไปทันที
“♩♪♬♭♪♫♩♬♫♪♩♫♬♭♫♪♩”
“เอ๊ะ... เพลงนั่นอีกนั่นอีกแล้วหรอ...”
หลังจากที่มีอุกกาบาตลูกหนึ่งตกลงมาบนเกาะนี้ เพลงนี้ก็เริ่มดังขึ้นมา แต่พวกผมก็ไม่สามารถที่จะหาคนร้องได้ จนมีคนลือกันไปต่างๆนานาว่า มนุษย์ต่างดาวเป็นคนร้องเพลงนี้บ้างล่ะ เป็นคลื่นเสียงของUFOบ้างล่ะ แต่ทุกครั้งที่ผมได้ยินเพลงนี้ มันจะรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด ผมจึงคิดว่า ไม่ต้องไปหาต้นตอของเสียง ปล่อยให้ร้องไปอย่างนี้น่าจะดีกว่า
“ลัล ลา ลัล ลา....เอ๊ะ
”
จู่ๆก็มีร่างของคนๆหนึ่งวิ่งมาทางผมอย่างไม่คิดชีวิต
“ระ...ระวัง อ๊ะ”
ผมพูดไม่ทันขาดคำ ร่างของคนๆนั้นก็วิ่งเข้ามาชนกับผมอย่างจัง ทำเอาผมล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
“....อูย หัดดูตาม้าตาเรือบ้างเซ่ ...เอ๊ะ...”
ร่างของคนที่วิ่งเข้ามาชนของผมเป็นเด็กผู้หญิง เธอกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนถนนต่อหน้าต่อตาผม
“ฮะ เฮ้... ไม่เป็นไรนะ...เอ๊ะ”
จู่ๆก็มีสิ่งๆหนึ่งเข้ามาสะดุดตาผม ทหารจำนวนมาก กำลังถือปืนพร้อมกับหันปากกระบอกมาทางพวกผมสองคน
“............................”
มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ซ้อมรบ อพยพผู้คน หรือว่าไล่จับฆาตกร ทำไมทหารมันถึงมาเยอะขนาดนี้ล่ะ
“อย่าขยับ นี่ไม่ใช่การซ้อม ออกห่างจากผู้หญิงคนนั้นซะ...”
ทหารคนหนึ่งออกปากตะโกนใส่ผม
สงสัยสมองผมยังออกจากอาการงงไม่ได้ ผมยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างนั้น จนถึงวินาทีที่ผมรวบรวมสติกับมาได้อีกครั้งหนึ่ง...
“แฮะ..แฮะ ท่าทางแลจะงานเข้าว่ะ...? โอ้ย!!!”
ผมพูดไม่ทันขาดคำ หมัดของเด็กผู้หญิงคนที่นอนนิ่งอยู่บนถนน ก็ได้พุ่งเข้าใส่ข้างแก้มของผมเต็มๆ พร้อมกับเข้ามารัดคอผมและหยิบเศษไม้ปลายแหลมมาจ่อคอผมอย่างไม่รอช้า
“...อะไรฟะเนี่ย เฮ้ย เธอ ปล่อยฉันนะ”
“อย่าขยับนะ ไม่งั้นฉันฆ่ามนุษย์โลกคนนี้แน่”
“ฮะ...เฮ้ยๆ อะไรวะเนี่ย”
นี่ผมกลายเป็นตัวประกันไปซะแล้วเรอะ แล้วผู้หญิงคนนี้กับทหารพวกนั้นมันอะไรกันเนี่ย สมองผมตีพันกันยุ่งเหยิงซะแล้วสิ
“....หัวหน้า เธอจับเด็กผู้ชายคนหนึ่งเป็นตัวประกันครับ เอาไงดี...”
“...อะไรนะ ชิ งั้นก็ช่วยไม่ได้ เอางี้แล้วกัน”
ทหารคนหนึ่งพูดคุยกับผู้ชายอีกคนหนึ่งผ่านทางวิทยุสื่อสาร จะเอาไงก็เถอะครับ ช่วยผมก่อนเถ๊อะ...
“...เราพยายามจะช่วยเด็กผู้ชายคนนั้นแล้ว แต่ว่าเป้าหมายกลับชิงลงมือสังหารไปเสียก่อน...”
“ฮ๊า!!!!!!!!”
อะ อะไรฟะเนี่ย ทหารเดี๋ยวนี้มันไร้ความรับผิดชอบขาดนี้เลยเรอะ ทหารมันมีหน้าที่คอยปกป้องประชาชนไม่ใช่เรอะ แล้วไหงถึงจะมาเก็บผมซะล่ะครับ...
“ชิ! แกนี่มันไม่มีประโยชน์เล๊ย...”
“....................”
คำพูดที่ชวนให้ผมโมโหขึ้นมาตะหงิดๆ กำลังพลั่งพรูออกมาจากปากของเด็กผู้หญิงคนนั้น
...แต่ไหงเรามากลายเป็นตัวประกันไปได้ล่ะฟะเนี่ย เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันนะ แล้วยังไอ้พวกทหารก็อดแดมนี่อีก ตายแน่ ตายแน่ผม ใช่แล้ว ผมต้องหนี ข้างหลังก็เป็นทะเลอีก ผมว่ายน้ำไม่แข็งซะด้วยสิ เอาไงล่ะฟะทีนี้...
“ทำไงดีเนี่ย...”
“...เอ๊ะ”
ในขณะที่ผมกำลังสับสนอยู่นั้น จู่ๆร่างของผมก็รู้สึกเบาหวิวพิกล ผมรีบหันหน้ามองไปข้างหลังทันที ผมก็พบกับน้ำทะเลอยู่ข้างล่าง
“แว้ก...อะไรอีกฮะเนี่ย...”
“...หนวกหูน่า กลั้นหายใจไว้ซะ”
“ทำได้ไงล่ะเจ๊ เรากำลังตกลงทะเลด้วยความเร็ว9.8m/sอยู่นา ถึงตายเลยน้า...”
“หนวกหู...”
“จ๊ากกกกก!!!”
ตูม!!! เสียงนี้คือเสียงที่ผมได้ยินก่อนที่โลกทั้งใบของผมจะกลายเป็นสีดำไป
“..............”
ภาพที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้า คือภาพรถยนต์คันหนึ่งพลิกตะแคงข้างพร้อมกับมีไฟลุกท่วมอยู่รอบคัน
“คุณแม่...”
“พอเถอะน่าเจ้าหนู อยากตายรึไงหา”
“ปล่อยฉันนะว้อย ฉันจะไปช่วยคุณแม่ คุณแม่!!!”
“...คุณแม่...”
“เอ๊ะ...”
ทันทีที่ผมรู้สึกตัวด้วยอาการที่มึนงง ผมค่อยๆสอดส่องสายตา มองไปรอบๆทันที
“...นี่มันห้องอาบน้ำบ้านเรานี่หว่า”
ประสาทสัมผัสของผมค่อยๆกลับมาอย่างช้า ผมค่อยๆทบทวนความทรงจำทีละน้อย ตั้งแต่ตอนที่ผมไปส่งหนังสือพิมพ์ เดินชนกับผู้หญิงคนหนึ่ง โดนจับเป็นตัวประกัน โดนทหารสั่งเก็บ และตกลงไปในทะเล
“....ฝันเรอะ...เอ๊ะ”
สายตาผมไปหยุดอยู่กับร่างกายของคนๆหนึ่งเข้า
“...เรื่องจริงนี่หว่า”
จริงสิ ผมตกลงไปในทะเลพร้อมกับเด็กคนนี้นี่นา แถมโดนเธอจับเป็นตัวประกันอีก ถ้าเป็นยังงั้น แล้วไหงพวกผมถึงมาโผล่ที่นี่ได้หว่า...
“....................”
...สายตาของผมจ้องไปที่ร่างของผู้หญิงคนนั้น โดยที่ผมไม่ได้รู้ตัว
เอ่อ... จะว่าไงดีล่ะ ถ้าเกิดมองหน้าของเธอดีๆแล้ว ผมว่า เธอก็หน้าตาน่ารักเหมือนกันนะ แถมอายุก็น่าจะประมาณผมนี่แหละมั้ง
“...............................”
ในบ้านสองต่อสอง เสื้อผ้าที่เปียกแนบเนื้อ ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ ร่างกายที่สั่นเทาเล็กน้อยแต่บางเบา หลังจากนั้นเราสองคนก็...
“....................อ๊ะ...!!!”
ฮะ เฮ้ย นี่มันเรื่องเล่าต่อจากนิยายของใครกันฟะ บอกผมมาทีดิ ใครมันเป็นคนคิดคำพูดสองแง่สามง่ามพวกนี้ขึ้นมากัน...
...มะ ไม่ไหว ถ้าเกิดผมคิดอย่างนั้น มันก็จะเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของผมซะเปล่าๆ...
“อะ อืม...”
“อ๊ะ...”
ร่างกายที่สั่นของเธอเหมือนจะปลุกผมให้ขึ้นมาจากภวังค์อีกครั้ง
“...จะ จริงสิ ต้องรีบทำให้ตัวเธอแห้งก่อน”
ผมรีบยกตัวของเธอขึ้นมาบนหลังผมทันที
“อ๊ะ...”
แต่ว่า ตัวของเธอช่างเบาอย่างน่าตกใจเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะเป็นคนเดียวกันกับยัยเถื่อนที่จับผมเป็นตัวประกันเมื่อกี้นี้น่ะ...
“...เอ๊ะ...”
แต่คงเป็นเพราะชุดที่เปียกน้ำล่ะมั้ง มันทำให้ผมรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มบนแผ่นหลังอย่างแปลกประหลาด
“.............................”
มันคืออะไรกันนะ ผมไม่รู้เลยแฮะ ไม่สิ... มันไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ แต่ผมทำใจให้ตัวเองรู้ไม่ได้แทนต่างหาก...
“...มะ ไม่ได้ ไม่ได้นะ ห้ามคิดฟุ้งซ่าน...”
ผมรู้สึกสับสนกับความคิดชั่ววูบของผมซักพัก ก่อนที่ผมจะค่อยๆเริ่มดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง พร้อมกับรีบเดินออกไปจากห้องน้ำทันที.....
“....อะ อืม”
“อะ อ้าว ฟื้นแล้วเรอะ”
“....อืม นายคือ”
เธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ แต่ทันทีที่เธอรู้ว่าใครเรียกเธอเมื้อกี้ เท่านั้นแหละ...
“.....อ๊ะ”
ดูเหมือนว่าเธอจะกลับมาเป็นคนเก่าได้อีกครั้ง เพราะว่าเธอรีบ-กระโดดหนีผมออกไปซุกอยู่ทางมุมห้องทันที
“...อะ อะไรเนี่ย คนเค้าอุตส่าห์ช่วย ไหงทำตัวแบบนี้อ่ะ...”
“แกไม่ต้องมายุ่งกับฉัน มนุษย์โลกก็เหมือนกันทุกคนแหละ....อ๊ะ”
จ๊อก...
“เสียงท้องร้องของใครล่ะฟะ ไม่สิ ไม่ต้องบอกก็รู้ ของเธอสินะ...” ผมค่อยๆใช้สายตามองเธออย่างช้าๆ ผมก็ได้พบกับเธอที่กำลังยืนก้มหน้างุดๆอย่างขวยเขิน
“...ไม่ไหวๆ เอานี่ เสื้อผ้า เอาไปเปลี่ยนซะ แล้วค่อยมากินข้าว เดี๋ยวฉันเตรียมไว้ให้”
ผมพูดพลางโยนเสื้อผ้าไปให้เธอ เธอรับพร้อมกับมองเสื้อผ้าอย่างขลาดๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่งทันที...
“...เร็วๆซะล่ะ”
“...หนวกหูน่า”
เธอตอบกลับมาด้วยคำพูดที่เสียดแทงผม ก่อนที่เธอจะรีบเดินเข้าห้องไปและปิดประตูทันที
“....ไม่ไหวๆ”
ผมพูดพลางส่ายหัวไปมาด้วยความหน่ายกับกิริยาท่าทางของเธอ...
“เอ้านี่ กินซะ...”
เธอจ้องมองสิ่งที่ผมส่งให้เธออย่างไม่ละสายตา
“...มันคืออะไรเนี่ย”
“เค้กไง ไม่เคยกินเรอะ กินไปเหอะน่า ไม่ได้ใส่ยาพิษไว้หรอก”
เธอค่อยๆบรรจงตักเค้กขึ้นมาทีละนิด ก่อนที่จะค่อยๆตักกินอย่างระมัดระวัง
“รสชาติก็พอกินได้ล่ะนะ...”
“...เหรอ...”
ว้าว... ท่าทางเธอแลจะชอบกินแฮะ เพราะเห็นกินอย่างไม่หยุดหย่อนเลยนี่นะ
“...ว่าแต่ นายจ้องฉันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ มีปัญหาเรอะไง”
“เอ๊ะ เปล่า ไม่มีอะไร”
ทันทีที่เธอรู้สึกตัว ผมจึงต้องรีบหลบสายตาเธออย่างร้อนรน
...ดูท่าทางแล้ว เธอคงไม่ได้เป็นคนร้ายกาจหรอกมั้ง
“ฮึ ดูท่าทางนายจะไม่เหมือนพวกป่าเถื่อนที่ไล่ตามฉันมาสินะ กล้าเอาเสื้อผ้ากับของกินมาให้คนอย่างฉัน ต้องเรียกว่าซื้อบื้อหรือโง่กันนะ”
“...............”
ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้นี้จะทันไหมล่ะเนี่ย...
“...จะยังไงก็เถอะ ทำยังไงถึงไปโดนไอ้พวกทหารก็อดแดมพวกนั้นไล่ตามเอาล่ะ”
“...เพราะฉันเป็นมนุษย์ต่างดาวน่ะสิ....”
“................”
สงสัยเป็นเพราะผมงงกับคำตอบที่ได้รับละมั้ง มันเลยทำให้ผมมีแต่เครื่องหมายจุดๆ ผุดขึ้นอยู่บนหัวผมเต็มไปหมด
“...ฉันมีชื่อว่าSynopsis บ้านเกิดฉันอยู่ที่ดาวเคราะห์ดวงที่7ของหมู่ดาวเซนทารัส ระหว่างที่ฉันกำลังหลบหนีจากสงครามของดาวบ้านเกิดอยู่นั้น เครื่องของฉันเกิดอาการขัดข้องจึงต้องลงฉุกเฉินที่ดาวดวงนี้ และคนพวกนั้นก็คือพวกคนต้องการตัวฉัน”
“.....................”
บนเกาะแห่งนี้ ถึงแม้มันจะไม่มีอะไรเลย แต่ก็ยังมีศูนย์อวกาศที่ใหญ่ที่สุดอยู่ มันเลยทำให้ชาวบ้านมีความฝันที่จะได้ไปอวกาศสักครั้ง แต่ไหง ถึงมีเด็กที่คลั่งไคล้มากขนาดไม่ลืมหูลืมตาได้ขนาดนี้อยู่ด้วยนะ
“....ไหงทำหน้าอย่างนั้นล่ะ นายน่ะ”
“...คงไม่เชื่อสินะ แต่ก็เอาเถอะ ด้วยอารยธรรมประมาณนี้ก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะ ก็อย่างที่บอก ฉันโดนพวกนั้นไล่ล่าอยู่ก็เลยต้องหลบหนีน่ะ...”
ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เธอพูดซักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ท่าทางเรื่องที่โดนไล่ล่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะ
“...คุณกิตติครับ มีพัสดุมาส่งครับ...”
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งกำลังเรียกผมอยู่ข้างหน้าบ้าน เมื่อเลี่ยงไม่ได้ผมจึงต้องรีบออกไปหาอย่างไม่รอช้า
“เอ๊ะ คะ ครับ เอ่อ เธอรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันมา”
“..........”
เธอไม่ตอบรับผมกลับมา แต่ผมไม่ได้ถือสาอะไรจึงได้เดินออกไปทางประตูบ้านทันที
“คร๊าบๆ....เอ๊ะ...”
“.............................”
“นี่นาย ทำไมช้าจังฮะ เอ๊ะ...”
“แฮะ แฮะ ท่าทางจะไม่ใช่จดหมายแฮะ”
ผมจ้องมองหน้าของเธออย่างไม่กระพริบตาด้วยสีหน้าที่มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
ทหารกลุ่มที่เคยจะฆ่าผม กำลังยืนออกันเต็มหน้าบ้านผมไปหมด
“ขอรบกวนหน่อยนะครับ...”
ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกมัน เดินเข้ามาในบ้านผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผมด้วยท่าทางที่เป็นมิตร แต่ตอนนี้ใครผูกมิตรกับมันได้ ผมนับถือเลยล่ะ
“ตามที่ผมดูตามฐานข้อมูลประชากรพร้อมกับสืบถามชาวบ้านดู ผมก็ทราบว่าเป็นคุณครับ คุณกิตติ สิริไพศาลครับ แล้วเธอที่อยู่ข้างหลังล่ะครับ เกิดและเติบโตที่ดาวดวงไหนกัน...”
“เอ๊ะ...”
ดาวดวงอื่น งั้นเรื่องที่เธอพูดเมื่อกี้นี้ก็เรื่องจริงอ่ะดิ เพราะงั้น พวกมันถึงจับผมเป็นตัวประกันอีกครั้งสินะ ถะ ถ้างั้น เธอจะยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ รีบหนีไปสิ
“ผมจะพูดอีกครั้งนะครับ ไปกับพวกเราเถอะครับ”
เอ๊ะ จริงสิ ถ้าโดนจับ เธอก็ไม่เป็นอิสระน่ะสิ....
ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจผมเต้นดังโครมครามไม่หยุด ราวกับจะหลุดออกมา ผมต้องช่วยเธอ ผมต้องช่วยเธอให้ได้ แล้วจะทำไงล่ะ ทำไงดี
“เอ๊ะ...”
สายตาผมไปกระทบกับน้ำแข็งแห้งที่ใส่มาในกล่องใส่เค้ก ผมรีบมามองตรงเท้าตัวเองทันที
“.................”
แก้วน้ำใบหนึ่งใส่น้ำอยู่เต็มแก้ว มันได้ถูกวางอยู่ตรงเท้าผมพอดี
“โป๊ะเช้ะ...”
ผมค่อยๆใช้เท้าขยับแก้วมาให้ตรงกับเท้าของผม ก่อนที่ผมจะออกแรงเตะไปอย่างสุดแรงเกิดทันที
“...เอาล่ะ ฮึบ!!!”
สงสัยผมคงจะมีพรสวรรค์ในเรื่องฟุตบอลล่ะมั้ง เพราะแก้วที่ผมเตะไปนั้น มันตรงเข้าไปที่น้ำแข็งแห้งอย่างพอดิบพอดี
ฟู่ ฟู่ ฟองจำนวนมาก กำลังพุ่งขึ้นออกมาจากกล่องใส่น้ำแข็งแห้ง
“ตอนนี้แหละ...ไปเร็ว”
ผมรีบวิ่งไปจับมือของเธอทันที
“เอ๊ะ อืม”
“...อะไรกันครับเนี่ย ควันอะไรกัน”
พวกผมรีบวิ่งออกไป ปล่อยให้พวกมันยืนบื้อกันอยู่ตรงหน้าบ้านต่อไปทันที
“
เอาล่ะ เธอรีบหนีออกไปทางหน้าต่างซะสิ”
“....โดนล้อมไว้หมดแล้วล่ะ”
“อะไรนะ...”
ไอ้บ้าเอ้ย หนีไม่รอดหรอเนี่ย... แต่ว่า ทำไมผมถึงต้องช่วยผู้หญิงคนนี้อย่างเอาเป็นเอาตายด้วยล่ะนะ ยิ่งคิดยิ่งน่าสงสัยแฮะ แต่มันคงมาได้แค่นี้แหละ เอาเถอะ ผมขอยอมแพ้ละกัน...
“แต่ไม่เป็นไร ฉันสามารถหนีได้”
“เอ๊ะ...”
“พวกวิวัฒนาการแล้วอย่างพวกฉัน สามารถที่จะสลับสสารจากอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้...”
ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอก แต่ก็คงเหมือนกับการวาร์ปสินะ
“...งั้นโชคดีนะ”
“เอ๊ะ...”
ผมมีความรู้สึกว่าเหมือนกับเคยเห็นภาพนี้ที่ไหนมาก่อนนะ
[งั้นโชคดีนะ....]
“เอ๊ะ... คุณแม่”
จู่ๆ ภาพของคุณแม่ก็ผุดขึ้นมาในหัวผม
“รอก่อน...ผมไปด้วย”
“หา...”
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับนายเลยนะ
อยากตายหรือไงหา”
ก็จริงนะ ตั้งแต่ผมได้พบกับเธอ ผมก็เจอเรื่องประหลาดมากมาย แต่ถึงอย่างนั้น...
“...ก็คุณแม่เคยสอนผมว่า ให้ผมอย่ายอมแพ้ เพราะฉะนั้น ผมจะไม่ปล่อยให้เด็กผู้หญิงไปเจอเรื่องอันตรายแบบนี้คนเดียวแน่ๆ...”
ผมก็ปล่อยไว้ให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ...
“...แล้วอีกอย่างไอ้ชื่อว่าซิน ซิน อะไรนั่นน่ะ เรียกยากฉิบ ชื่อเธอเอาให้มันไทยๆหน่อยดีกว่า... อืม อ๊ะ ศิณาเป็นไง เรียกง่ายดีนา”
พอผมพูดจบ เธอก็เอาแต่ยืนก้มหน้านิ่งเงียบ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย...
“.......แบบนี้ดาวดวงนี้เค้าว่าอะไรนะ ทำเป็นเท่? หรือว่าบ้า?
แต่ก็เอาเถอะ กลั้นหายใจและหลับตาไว้ล่ะ...”
“อื้อ...”
จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น ผมเองก็ยังไม่รู้ แต่ผมกลับไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลเลยซักนิด แต่ผม...
“...จับมือฉันให้แน่นๆล่ะ...”
“โอ้ว...”
จะปกป้องศิณาเอง ความรู้สึกนี้ มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงแน่นอน...
ทันใดนั้น จู่ๆโลกก็เป็นสีขาวไปชั่วเวลาหนึ่งก็ที่จะกลับมาเป็นโลกเดิมเหมือนแต่ก่อน...
ตอนนั้น ผมมันช่างหลงลำพองตัวเองซะเหลือเกิน คิดเอาเองว่าด้วยพลังแค่นี้ จะปกป้องศิณาเอาไว้ได้ ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองที่เลื่อนลอย และความรู้สึกอันคลุมเครือที่มีต่อศิณา เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมก้าวเดินออกไป...ดังนั้นแล้ว ผมจึงไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยว่า... ตัวเองได้เข้ามาพัวพันในเรื่องที่อันตรายมากเสียแล้ว.......
-END CHAPTER1-
ความคิดเห็น