ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    School Story

    ลำดับตอนที่ #6 : -บทที่6-

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 54


    -บทที่6-
     
        “คะ คานะ”
    สิ่งที่ผมเห็นก็คือ คานะ นอนหมดสติอยู่ตรงหน้าเต็นท์ของเรานั่นเอง
      “คะ คานะ เป็นอะไรน่ะ”
        “เฮ้ย ตัวร้อนจี๋เลยนี่นา”
    ไม่สิ ไม่ใช่ตัวร้อนธรรมดาแล้ว น่าจะมีไข้ซัก40องศาได้
      “คานะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้น่ะ คานะ…”
      “...ดนัย อืม...อา ความแตกซะแล้วหรอเนี่ย ที่จริงฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายมาตั้งแต่วันสองวันแล้วล่ะ”
      “งั้นทำไมไม่บอกฉันละ เราอยู่บ้านเดียวกันนะ”
      “เอ๊ะ นะ นี่พวกแกสองคนอยู่บ้านเดียวกันหรอ”
      “อ๊ะ...”
     รุ่นพี่เค้ายังไม่รู้เรื่องของพวกผมนี่นา แต่ช่างเหอะ ไม่มีเวลาจะมาอธิบายแล้ว ต้องรีบพาคานะเค้าไปหาหมอก่อนให้ได้
      “คานะ..... โธ่ว้อย”
     มัน มันน่าโมโหจริงๆ ทั้งที่ผมอยู่กับคานะเค้าตลอดทั้งวันแท้ๆ แต่ผมกลับไม่สังเกตเห็น มันน่าโมโหจริงๆ ทั้งตอนที่ยืนอยู่ที่หน้าสถานี ทั้งตอนนี้ให้ขี่-หลัง ทั้งตอนที่กอดกัน ผมน่าจะสังเกตเห็นบ้างสิ
      “อะ...อา”
     ใช่แล้ว นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งโทษตัวเองซักหน่อย ต้องพาคานะไปหาหมอ แต่นี่มันอยู่กลางภูเขานะ ท่ายังไงดีล่ะ ทำยังไงดี
      “...รุ่นพี่ครับ โทรศัพท์โทรไม่ได้หรอครับ”
      “กะ แกจะบ้าหรอนี่อยู่กลางภูเขานะ มันจะมีสัญญาณได้ยังไง...เอ๊ะ มีแฮะ ดนัยมีสัญญาณแล้ว”
      “รีบโทรแจ้งเลยครับ”
      “อะ อืม”
     ทันทีที่รุ่นพี่พูดเสร็จรุ่นพี่เค้าก็โทรแจ้งหน่วยกู้ภัยกับโรงพยาบาลทันที
      “คะ คานะ ฉะ ฉัน ขอโทษนะ ทั้งๆที่ฉันอยู่กับเธอตลอดเวลาแต่กับไม่รู้สึกตัว ฉัน ฉัน...”
      “ไม่เป็นไรหรอก...ฉัน....”
      จู่ๆคานะก็เงียบเสียงไป ขืนปล่อยให้คานะพูดมากกว่านี้ อาจจะไม่ดีต่อร่างกายเอาได้ ผมจึงนิ่งเงียบพลางกุมมือพร้อมกับพูดว่า “ไม่เป็นไรนะ” “รออีกนิดนะ”สลับไปมาไม่หยุดราวกับคนบ้า

        “สวะดนัย หน่วยกู้ภัยเค้าบอกว่าจะมาภายใน1ชั่วโมง อย่างเร็วสุดก็ครึ่งชั่วโมงน่ะแหละ”
        “ครับๆ คานะรอแป๊บนะ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
      ผมพูดพลางกุมมือคานะเอาไว้แนบกายไม่มีห่าง
    .....หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หน่วยกู้ภัยก็มาถึงจุดที่พวกผมอยู่กัน
        “คะ คานะเค้า ตัวร้อนมากเลยครับ คานะเค้า....”
    คงเป็นเพราะผมรู้สึกโล่งใจที่คานะนั้นถึงมือหมอแล้วละมั้ง ทำให้ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างหมดสภาพทันที
      “สวะดนัย...”
      “คะ ครับ...”
     คนที่เรียกผมนั้นคือรุ่นพี่ชิสะที่ยืนอยู่ข้างๆผมนั่นเอง
      “พอไปถึงโรงพยาบาลแล้ว แกต้องเล่าเรื่องของแกกับคานะให้ฉันฟังทุกเรื่องเลยนะ ตั้งแต่เรื่องที่แกอยู่บ้านเดียวกับคานะและทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพวกแกสองคนให้ฉันฟัง เข้าใจมั๊ย...”
      “คะ ครับผมจะเล่าให้ฟังหมดทุกเรื่องเลย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาเล่านะครับ เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวคานะเค้าจะเป็นหนักกว่านี้อีกนะครับ”
      “อะ อืม”
    ทันทีที่ผมพูดจบ ผมกับรุ่นพี่ก็รีบขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของหน่วยกู้ภัยเพื่อไปโรงพยาบาลทันที

    หลังจากนั้น
    ระหว่างที่คานะนั้นเข้าไปนอนในห้องเพื่อให้หมอตรวจดูอาการ ผมและรุ่นพี่ก็ได้ถูกนำไปตรวจสภาพร่างกายว่ามีอะไรผิดปกติมั๊ย แต่ก็ไม่มีใครเป็นอะไรมาก มีแค่ผมที่มีไข้นิดหน่อย แต่ก็ไม่หนักจนถึงขั้นที่ต้องนอนโรงพยาบาล
    ตอนแรกก็น่าเป็นห่วงคานะเค้าเพราะเธออาจจะเป็นปอดบวมก็ได้ แต่หลังจากดูอาการแล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่น่าเป็นห่วงอะไร ถึงแม้จะมีไข้สูงจนต้องดูแลอย่างใกล้ชิดก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีอันตรายจนถึงชีวิต แต่ว่า...
    ถึงแม้ผมจะรอนานอีกซักแค่ไหนก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่พบใครที่จะมาแสดงตัวเป็นผู้ปกครองของคานะเลยซักคน สงสัยเรื่องที่คานะบอกผมนั้นมันคงจะเป็นเรื่องจริงแฮะ
        “เอาล่ะ สวะดนัย แกเล่าเองของแกกับคานะมาให้ฉันฟังได้แล้ว”
    รุ่นพี่เค้าพูดกับผมด้วยท่าทางที่อ่อนลง แต่ถึงแม้คำพูดจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะนะ
        “แต่ว่า รุ่นพี่ครับ คานะเค้าบอกผมว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครน่ะครับ เพราะฉะนั้นเอ่อ...”
        “นายบ้าเอ๊ย!!!!!!”
    รุ่นพี่ตะโกนออกมาพร้อมกับกระชากคอเสื้อเข้าไปหาตัวเธอทันที
        “เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว แกยังจะปิดบังฉันอีกหรอฮะ อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนนอกแบบนั้นสิ....ฉันน่ะ......ฉันน่ะ”
    ในที่สุดรุ่นพี่ก็ปล่อยมือออกจากคอเสื้อผม แต่เธอกลับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา
        “รุ่นพี่...”
    ในที่สุดผมก็คงต้องเล่าแล้วสินะ แต่ช่างเถอะ สำหรับรุ่นพี่น่ะ ไม่ใช่คนนอกนี่นา คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
        “...ผมจะเล่าเรื่องของผมกับคานะให้ฟังครับ”
    ผมเริ่มเล่าตั้งแต่เมื่อตอนที่เราเจอกันครั้งแรก จนถึงวันนี้ให้รุ่นพี่ฟังอย่างหมดเปลือก รุ่นพี่เค้าก็ตั้งใจฟังอย่างดี จนผมเล่าจบผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที
        “....เรื่องมันเป็นอย่างนี้เองหรอเนี่ย นายกับคานะคบกันอยู่สินะ งั้นหรอ”
        “รุ่นพี่ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะครับ ผมไม่อยากให้คานะเค้าลำบากน่ะครับ”
        “อืม ฉันไม่บอกใครอยู่แล้วล่ะ”
        “งั้นหรอครับ...เฮ้อ”
      ค่อยโล่งอกหน่อย เรื่องนี้ตกลงจบได้ง่ายๆเลยสินะ รุ่นพี่เค้าเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่าที่คิดแฮะ
       “ว่าแต่......”
    จู่ๆรุ่นพี่ก็ดึงคอเสื้อผมเข้าไปใกล้ตัวเธออีกครั้ง
        “ฉันกับคานะรู้จักกันมานาน ถ้าเกิดแกทำเธอร้องไห้หรือเสียใจล่ะก็ แกเตรียมตัวจองหลุมฝังตัวเองได้เลย เข้าใจมั๊ย”
        “คะ ครับ”
        “ดีมาก แล้วอีกอย่าง.....เอ่อ....คือ...”
        “เอ๊ะ อะไรหรอครับ???”
        “คือว่า.....เอ่อ...”
        “อะไรหรอครับ...”
        “มะ ไม่มีอะไรหรอก ถือว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”
        “ไหงงั้นอะครับ...”
        “เอาเหอะน่า ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน งั้นฉันกลับล่ะ ฝากลาคานะเค้าด้วยนะ”
        “เดี๋ยวก่อนครับ...”
    คราวหน้าที่รุ่นพี่พูดถึง ผมว่ามันไม่มีโอกาสมาถึงจนชั่วกัลปาวสานแน่ๆเลย
    ฟู่...........ผมได้แต่ถอนหายใจที่มีคนอย่างนี้เป็นรุ่นพี่น่ะ แต่เอาเถอะนะ...

    หลังจากนั้นไม่นาน หมอก็ออกมาบอกกับผม ว่าคานะนั้นถึงแม้จะเป็นแค่ไข้หวัดตาม แต่ก็ควรเฝ้าดูอาการซัก2-3วันก่อนถึงจะกลับบ้านได้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น ผมเป็นคนจ่ายทั้งหมดตั้งแต่ค่ายายันค่าห้อง ซึ่งไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมเลยให้คานะเค้านอนห้องเดี่ยวซะเลย จะได้ไม่มีคนมายุ่ง ซึ่งก็เรียกตังก์จากผมไปได้เยอะเหมือนกัน ทำเอากระเป๋าตังก์ผมแฟ่บไปไม่น้อยเลยทีเดียว
       
        “อะ อืม...”
        “อ้าว ตื่นแล้วหรอ”
      ทันทีที่คานะเค้าลืมตาขึ้น ผมก็เดินไปหาเธอทันที
        “ดนัย...ที่นี่ที่ไหนหรอ”
        “โรงพยาบาลน่ะ เธอเป็นไข้จนต้องหยุดโรงเรียนไปตั้งสองวันเลย รู้รึเปล่าเนี่ย”
      ไม่ได้เป็นแค่ไข้ด้วย เกือบจะปอดบวมซะด้วยสิ แต่ผมไม่บอกเธอไปน่าจะดีกว่า
        “นี่มัน ห้องเดี่ยวไม่ใช่หรอ ใครเป็นคนจ่ายค่าห้องหรอ”
        “ฉันเองแหละ”
        “ดนัยนี่เธอ...มันแพงไม่ใช่หรอ ให้ฉันนอนห้องรวมก็ได้นี่นา”
        “ห้องรวมมันวุ่นวายน่ะ ฉันเลยให้เธอมานอนห้องเดี่ยวน่าจะดีกว่านะ แล้วอีกอย่าง เงินแค่นี้ มันไม่เท่าไหร่หรอก”
    ใช่สิ มันไม่เท่าไหร่หรอก มันเล่นดูดซะจนกระเป๋าตังก์ผมแบนแฟ่บเลยนะเนี่ย
        “เอาเถอะ ร่างกายเธอยังไม่ค่อยแข็งแรง นอนพักไปเฉยๆเหอะนะ เดี๋ยวก็กลับมาเป็นอีกครั้งนึงหรอกนะ”
    ผมพูดพลางกดคานะลงนอนแล้วหยิบผ้าห่มมาห่มให้เธอ มันแลอายๆยังไงไม่รู้แฮะ การเทคแคร์แฟนน่ะ ตอนแรกคานะก็ทำท่าเหมือนจะขัดขืน แต่เธอก็ยอมตัดใจแต่โดยง่าย ส่วนผมก็ลงไปนั่งตรงโซฟาข้างเตียงของคานะแล้วหยิบหนังสือการ์ตูนในกระเป๋ามาอ่านเล่น นี่เป็นกิจวัตรประจำวันของผมเวลาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ตอนแรกผมก็คิดที่จะหยุดโรงเรียนเหมือนกัน เพื่อที่จะได้คอยดูแลเธอได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าเกิดผมหยุดไปอีกคน เพื่อนๆคงต้องสงสัยพวกผมมากขึ้นกว่านี้แน่ๆ ผมเลยคิดว่าไม่หยุดเรียนน่าจะเป็นผลดีมากกว่า ทำให้ตลอดสองวันมานี่ ผมไม่ได้หยุดเรียนเลย แต่พอหลังจากเลิกเรียนแล้ว ผมจะมาที่โรงพยาบาลนี้กับรุ่นพี่ชิสะทุกวัน ส่วนผมนั้นจะนอนค้างอยู่ที่นี่ แต่รุ่นพี่เค้าจะกลับบ้านไป ทำให้เวลาตอนกลางคืนผมจะอยู่เฝ้าไข้คานะเค้าเพียงคนเดียว
    ทันใดนั้น ประตูห้องก็ค่อยๆเลื่อนเปิดอย่างช้าๆ
        “อ้าว ตื่นแล้วหรอ คานะ”
    รุ่นพี่ชิสะเดินมาพร้อมกับไซโตะ
      “อ้าว ไอ้ไซโตะ มาได้ไงวะเนี่ย”
        “ก็พอดีฉันเจอรุ่นพี่ชิสะเค้าพอดี พอดีฉันจำได้ว่าฮิรายูกิกับแก อยู่ชมรมเดียวกับรุ่นพี่เค้า ฉันเลยมาพร้อมกันกับเค้าเลย”
        “ไอ้เจ้าสวะนี่ รู้จักกับพวกแกด้วยหรอเนี่ย ฉันนึกว่ามันโกหกซะอีก”
    รุ่นพี่พูดด้วยประโยคที่รุนแรงเหมือนเดิม
        “ในที่สุด ฉันก็รู้ซักที ว่าทำไมหลังเลิกเรียนแกถึงหายตัวไปทุกที ฮั่นแน่ ไม่เบานี่นา มาเฝ้าไข้แฟนอะดิ”
        “ไอ้ไซโตะ....”
    ผมรีบหันไปมองคานะทันที เธอนั่งก้มหน้างุดๆด้วยความอาย แต่ทันใดนั้นรุ่นพี่ก็เข้าไปล็อกคอไซโตะมันทันที
      “อั่ก....”
        “ระ รุ่นพี่.....”
    ทั้งผมและคานะต่างงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำอะไรไม่ถูก
      “ไอ้สวะดนัย ไอ้หมอนี่มันรู้เรื่องของแกแล้ว จะให้ฉันจัดการกับมันยังไงดีล่ะ จะดิ่งตึก รึว่าจะรัดคอมันจนตายกันดีฮะ...”
    ไซโตะได้ยินประโยคเหล่านั้นมันถึงกับยืนหน้าซีดเผือกทันที
        “ระ รุ่นพี่ มันเป็นเพื่อนผมเองครับ ปล่อยมันไปเถอะครับ อย่าให้มีคนตายในห้องนี้เลยนะครับ นะ นะ”
        “ชิ! อย่างนั้นก็ได้”
    รุ่นพี่ปล่อยตัวมันแต่โดยดี ทำให้ไอ้ไซโตะมันลงไปนั่งจับคอพร้อมทั้งเขยิบหนีออกจากรุ่นพี่ทันที
        “เฮ้อ เกือบตายซะแล้วมั๊ยล่ะ เออ ว่าแต่ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าแกสองคนกำลังคบกันอยู่น่ะ”
        “เหอะน่า เรื่องของพวกฉัน ว่าแต่แกมีเรื่องไรวะ ถึงมาหาพวกฉันน่ะ”
        “เออ เกือบลืมมั๊ยล่ะ เอ้า นี่ การบ้านของฮิรายูกิเค้า ครูเค้าฝากฉันให้เอามาน่ะ...”
    จริงสิ ไอ้ไซโตะมันเป็นหัวหน้าห้องนี่นา ทำให้เวลามีอะไรมันเลยโดนครูใช้งานเป็นประจำ
        “การบ้านของฉันหรอคะ...”
    คานะรีบหยิบการบ้านของเธอมาพร้อมกับเปิดดูทันที ท่าทางแลจะเยอะน่าดูเลยแฮะ เพราะมันเป็นปึกใหญ่เลยน่ะ
        “อืม ขอบคุณนะคะ คาตายามะคุง...”
        “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเป็นหัวหน้าห้องนี่นา”
        “เฮ้ยๆ หมดธุระก็กลับไปได้แล้วว้อย หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ไปไป”
    ผมรีบไล่มันออกจากห้องไปทันที เพราะผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ถ้าปล่อยไว้ คงมีเรื่องอะไรไม่ดีๆเกิดขึ้นแน่ๆ
        “อ้าว ดนัยหึงอะดิ หึงอะดิ”
         “เหอะน่า แกรีบไปได้แล้วปะ หมดเวลาเยี่ยมแล้วว้อย ไม่งั้นฉันถีบแกออกจากห้องไปแน่ๆ”
    นี่แหละนิสัยของมัน ชอบแกล้งคนเป็นชีวิตจิตใจ บางทีมันก็แกล้งผมซะจนทำให้ผมอยากฆ่ามันจริงๆแล้ว ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อย่างครั้งนี้ก็เช่นกัน
        “ดนัยล่ะก็ ไม่เห็นต้องไปไล่เค้าอย่างนั้นเลยนะ คาตายามะคุงมานั่งที่นี่ก่อนซักพักก็ได้นะคะ…”
        “ด้วยความยินดีคร๊าบบบบบบบบ”
        “ไม่ต้องเลยว้อย กลับไปได้แล้วไป ไม่งั้นฉันได้จับแกดิ่งลงไปชั้นล่างแน่ๆ”
        “ชิ! งั้นฉันไปก็ได้ ไปละนะคร๊าบ ฮิรายูกิซัง”
      “ไปได้แล้ว ไม่งั้นฉันฆ่าแกจริงๆแน่”
    พอผมพูดจบผมก็เลื่อนประตูปิดทันที สักวันผมต้องฆ่าไอ้หมอนี่จริงๆแน่
      “เค้าเป็นคนตลกดีนะ คาตายามะคุงเนี่ย ดนัย...เธอก็ว่าอย่างนั้นใช่ปะ”
        “ตลกกะผีอะไรล่ะ คานะ เธอยังไม่รู้ถึงนิสัยที่แท้จริงของมัน”
    ใช่ คานะ เธอยังไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของมัน ถ้าเกิดเธอรู้ล่ะก็ เธอต้องอยากฆ่ามันอย่างผมแน่ๆ
        “เอาเถอะ สวะดนัย ข้อนี้มันทำยังไงอ่ะ ฉันทำไม่เป็นแกมาสอนฉันหน่อยสิ”
    รุ่นพี่พูดพลางชี้ไปที่ชีสต์เลขใบหนึ่ง นี่รุ่นพี่เค้าเอาการบ้านมาทำด้วยเลยหรอเนี่ย
        “ไหนครับ อ๋อ ข้อนี้มันต้องเอาตรงนี้ไปหาค่ากับตรงนี้ แล้วเอาผลลัพธ์มาหาค่ากับตรงนี้ ก็จะได้คำตอบแล้วครับ...”
    ผมสอนรุ่นพี่ที่เอาการบ้านมาในเด็กรุ่นน้องสอน เท่าที่ผมรู้มารุ่นพี่เค้าเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่งด้านการเรียนซักเท่าไหร่ หรือจะพูดง่ายๆก็คือ โง่นั่นเอง ทำให้ผมต้องสอนการบ้านเค้าอยู่เรื่อยๆ โดยที่มีคานะคอยมองอยู่เงียบๆตลอด
        “เอาล่ะ การบ้านเสร็จแล้วงั้นฉันกลับก่อนล่ะนะ สวะดนัย คานะ”
    รุ่นพี่พูดพลางเก็บของที่รุ่นพี่เอามาไปจนหมด ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป แต่นี่......ตกลงรุ่นพี่เค้าจะมาเยี่ยมคานะหรือว่ามาให้ผมทำการบ้านให้กันแน่นะ แต่ช่างเหอะ ยังไงรุ่นพี่เค้าก็ยังมาหาคานะทุกวัน เรียกได้ว่ามีความห่วงใยรุ่นน้องมากๆเลยก็ว่าได้ ถึงแม้จะทำตัวแบบนี้ก็เถะ แต่ก็เป็นรุ่นพี่ที่เชื่อถือได้คนนึงเลยนะ
        “เอ่อ.......ดนัย”
        “เอ๊ะ อะไรหรอ”
    คานะที่เงียบไปเมื่อกี้ มีอะไรจะพูดกับผมกันแน่นะ
        “เธอกับรุ่นพี่น่ะ...ตอนที่ฉันหลับไป เธอ... เธอกับรุ่นพี่มีอะไรกันรึป่าวน่ะ”
        “ฮะ...”
    เพราะผมไม่นึกว่าคานะจะถามแบบนี้ทำเอาผมอึ้งไปชั่วขณะเลยทีเดียว
        “มะ ไม่ใช่แบบที่เธอคิดนะ คือว่า...ฉันเห็นเธอกับรุ่นพี่สนิทสนมกันเกินไปหรือป่าวน่ะ คือว่า...เอ่อ มะ ไม่มีอะไรหรอก ลืมที่ฉันพูดเมื่อกี้ไปซะนะ ไม่มีอะไรหรอก ฉันนอนล่ะ...”
        “.....ฮึ ไม่มีอะไรหรอก เธอสบายใจได้ นอนเถอะ ดึกมากและ”
        “อะ อืม”
    ทันทีที่คานะตอบรับเสร็จ ผมก็ค่อยๆเดินไปปิดไฟตรงหน้าห้องทันที ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนตรงโซฟาข้างๆทันที
    ไม่รู้เพราะอะไรแฮะ ผมอมยิ้มไม่หยุดเลยแฮะ คานะเค้าหึงผมเหมือนกันสินะ พอผมคิดอย่างนี้ที่ไร ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้สักครั้งเดียว คานะที่เอาแต่เงียบอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ผมไม่นึกว่าเธอจะหึงผมเหมือนกัน ผมไม่เคยนึกเลยนะเนี่ย
        “คานะ...”
         “หืม....”
    สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ผมคิดดีแล้ว คิดดีมากๆแล้วด้วย หลายคนอาจจะหมั่นไส้นะ แต่ผมไม่สน เพราะผมตัดสินใจอย่างดีแล้ว
        “ฉันรักเธอนะ....”
         “...........”
    โอ้แม่เจ้า พูดออกไปได้ยังไงฟะเนี่ย อายชิบ อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเลยนะเนี่ย
         “อะ อืม...”
    เธอตอบรับเพียงสั้นๆ แต่แค่ตอบรับเพียงสั้นๆแค่นี้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว....
    ผมรู้สึกเป็นสุข พร้อมกับเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมา
    -จบบทที่6-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×