คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : -บทที่5-
ในที่สุดก็มาถึงซักที วันอาทิตย์ที่แสนหดหู่ก็ได้มาถึงซักที ทำไมน้า วันหยุดทั้งที กลับต้องมาอยู่กับรุ่นพี่สุดชิสะเค้าเนี่ย อ้าก อยากบ้าตาย!!
“เอ่อ ดนัยคุงเป็นอะไรไปคะ”
“อ๊ะ เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
แต่ก็ได้ใช้เวลากับคนน่ารักๆอย่างนี้แทน มันก็ไม่เลวนักหรอกนะเนี่ย
“เอ่อ ดนัยคุงคะ เรื่องที่ฉันอยู่บ้านคุณน่ะ ช่วยเก็บเป็นความลับจะได้ไหมคะ”
“เอ๊ะ อะ อ๋อ ได้ครับ”
ตั้งแต่ที่คานะเค้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านผมก็ผ่านไปได้ประมาณ3วันแล้ว แต่คนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่ไซโตะคนเดียวสินะ ถ้าเกิดใครเผลอรู้เข้า ผมว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
“โอโหเฮะ มาเดทกันตั้งแต่เช้าเลยแฮะ ไม่ใช่ย่อยเหมือนกันนี่หว่า”
เสียงนี้เป็นเสียงของคนที่ผมรู้จักอย่างดีเลยทีเดียว.......มันคือ ไอ้ไซโตะนั่นเอง พูดถึงมันปุ๊บมันโผล่มาปั๊บเลยนะเนี่ย
“อ้าว ไซโตะ มาได้ไงวะเนี่ย”
“เออ ก็พอดีฉันรู้สึกเหมือนว่าจะมีคู่รักน้ำเน่าโผล่มาแถวนี้ เลยกะจะมาดูหน้าหน่อยน่ะ”
“เอ๊ะ มะ ไม่ใช่นะคะ คือว่า แบบว่า....”
คานะปฏิเสธด้วยสีหน้าที่แดงกล่ำ อย่าปฏิเสธแบบนั้นสิครับ ผมใจเสียนา
“เออ จริงสิ ดนัย แกมานี่หน่อยดิ........”
“โอ้ย.....”
จู่ๆมันก็มาดึงคอเสื้อผม มันเดินไปได้ประมาณ10เมตร มันก็หยุดเดิน
“อะไรของแกวะเนี่ย...”
ผมถามมันไปด้วยอารมณ์ที่เสียพอตัว ก็แหงแหละ จู่ๆก็มีคนมาลากคอไป ใครมันจะไม่โกรธล่ะ
“เดี๋ยวนี้ข่าวลือเรื่องของพวกแกมันเริ่มดังขึ้นมาเรื่อยๆแล้วนา”
“เอ๊ะ เรื่องไรวะ......”
“ก็เรื่องของแกกับคานะนะสิ...”
หลังจากที่มันหยุดไปไม่กี่วินาที มันก็กลับมาพูดต่อทันที
“...มันมีข่าวลือมาต่างๆนานาน่ะแหละ บางข่าวก็บอกว่าแกข่มขู่คานะเค้า บางข่าวก็บอกว่าแกกำลังร่วมมือกับคานะเพื่อวางแผนการร้ายอะไรบางอย่าง บ้างก็ว่าแกกับคานะร่วมมือกันเพื่อที่จะจัดตั้งองค์กรชั่วร้ายขึ้นมาเพื่อทำลายล้างโลก...”
โอ้แม่เจ้า พวกมันเห็นผมเป็นคนยังไงกันแน่ฟะเนี่ย
“แต่ทุกข่าวลือมันก็มีที่มาเหมือนกันคือ มันเห็นแกไปไหนกับคานะประจำ”
“หรือว่า......”
หรือว่า พวกมันจะรู้กันแล้วว่า ผมอยู่บ้านเดียวกันกับคานะ
“เรื่องที่แกอยู่บ้านเดียวกันกับคานะน่ะ ฉันว่ามันยังไม่รู้กันหรอก เพราะไม่มีข่าวลือเรื่องไหนที่บอกว่าแกอยู่บ้านเดียวกันกับคานะเลย ส่วนฉันเก็บเป็นความลับแน่ๆไม่บอกใครหรอก สิ่งที่เหลือก็คือแกต้องพยายามด้วยตัวเอง ถ้าเกิดแกไม่อยากให้คานะคนที่แกชอบต้องลำบากน่ะ...”
“อืม เฮ้ย ไม่ใช่...”
“แกไม่ต้องปฏิเสธหรอก ฉันรู้น่า แต่เอาเถอะ ฉันช่วยแกได้แค่นี้แหละ ที่เหลือแกพยายามด้วยตัวเองละกัน ฉันไปล่ะ....”
“เออ....”
ทำไมมันเป็นคนงี้ฟะ ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อย แต่ก็เอาเถอะ เห็นมันเป็นอย่างนี้แต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีของผมนะ ผมสามารถเรียกมันว่าเพื่อนได้อย่างเต็มปากเลยล่ะ
ทันทีที่ไอ้ไซโตมันเดินไปจนลับตาแล้ว ผมจึงได้เดินกลับไปหาคานะเค้าทันที
“คุยเรื่องอะไรกันหรอคะ”
“อะ อ๋อ ไม่มีไรมากหรอกครับ”
“หรอคะ”
เรื่องข่าวลือ ผมคิดว่าเก็บเป็นความลับไม่ให้คานะเค้ารู้มันจะดีกว่า ผมไม่อยากให้เธอมาเครียดในเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ
“ว่าแต่ รุ่นพี่เค้ามาช้าจังเลยนะคะ นัดกันไว้ตอน10โมงนี่นา”
“ครับ จริงด้วยครับ”
ผมรีบมองที่นาฬิกาข้อมือของผมทันที นี่มัน10โมงครึ่งแล้วนี่นา สงสัยรุ่นพี่จะเป็นพวกที่ไม่รักษาเวลาละมั้ง
ในเมื่อรุ่นพี่ยังไม่มาผมกับคานะจึงได้รอกันต่อไปเรื่อยๆ
รอต่อไปเรื่อยๆ...
รอมาเกินกว่า30นาทีแล้ว
“ชะ ช้าเกินไปแล้วนะเนี่ย”
ช้าเกินไปแล้วนะเนี่ย ท่าทางคานะเค้าก็คงจะรอไม่ไหวแล้ว เธอจึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที สงสัยจะโทรไปบ่นรุ่นพี่แหงเลย แต่คานะเธอบ่นคนอื่นเป็นด้วยหรอเนี่ย ผมอยากเห็นยังไงไม่รู้แฮะ
ในวินาทีนั้นเอง ตึ้งๆๆๆๆ
....ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงใครกำลังวิ่งมาจากทางด้านหลัง เสียงนั้นวิ่งผ่านสถานีรถไฟมาและมาหยุดอยู่ตรงพวกผมสองคนทันที เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมา
“ขอโทษนะ.....รอนานไหม”
รุ่นพี่ชิสะ เธอมาในชุดวันพีซสีชมพู
...น่ารักแฮะ จู่ๆความคิดนั้นก็โผล่ขึ้นมาในหัวผม ไม่ว่ามองจากมุมไหนก็คงบอกได้คำเดียวเท่านั้นแหละ
“ก็รู้สึกว่า....รอนานเหมือนกันนะครับ”
ผมพูดตอบออกไป
“เอ๋???”
จู่ๆแววตาของรุ่นพี่ก็สว่างวาบขึ้นมาทันที พร้อมกับกระชากคอเสื้อของผมยกขึ้น
“ปกติแล้ว กับสาวสวยน่ารักอย่างฉันแกต้องบอกว่า [ไม่หรอก ผมก็เพิ่งมาเหมือนกัน] ไม่ใช่หรอฮะ นี่แกเป็นแค่เศษสวะกล้าพูดจาสามหาวกับฉันงั้นเรอะ ไอ้เศษสวะดนัย”
อะไรเนี่ย ทะ ทำไมปฏิบัติตัวกับคนอื่นอย่างไร้เหตุผลแบบนี้นะ...
...หลังจากรุ่นพี่ด่าผมจนพอจนพอใจแล้ว รุ่นพี่ก็ปล่อยมือจากคอเสื้อของผม
“กะ เกือบตายซะแล้วมั้ยล่ะชั้น”
“ฮะ เมื่อกี้แกบอกว่าอะไรนะ”
“ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
ผู้หญิงมันเป็นอย่างงี้กันทุกคนเลยรึเปล่านะเนี่ย
“รุ่นพี่คะ นี่มัน11โมงแล้วนะคะ ทำไมมาสายอย่างงี้ล่ะคะ”
“อ๋อ ฉันตื่นสายนิดหน่อยนะ ตอนที่ฉันตื่นมาก็ปาเข้าไป10โมงแล้ว ฉันเลยต้องรีบเตรียมของ เลยลืมของมาตั้งเยอะเลยนะเนี่ย”
รุ่นพี่พูดพลางชี้นิ้วไปที่กระเป๋าเป้ที่เธอสะพายมาข้างหลัง
“เอาล่ะ งั้นไปกันเลยละกัน เกินกำหนดการมาตั้งเยอะแล้วนะเนี่ย”
เพราะใครกันล่ะ ที่ดันตื่นสายน่ะ
“เออ ไอ้สวะดนัย สะพายกระเป๋าแทนฉันทีดิ มันหนักน่ะ”
“อ๊ะ...”
รุ่นพี่พูดเสร็จก็โยนกระเป๋าเป้ของเธอมาให้ผมทันที
“หนักชิบ!”
มันหนักจริงๆนะเนี่ย ข้างในมันมีอะไรมั่งนะ นี่รุ่นพี่เค้าสะพายมาตลอดทางตั้งแต่บ้านเลยอ่ะนะ
“อย่าถือสากับรุ่นพี่เค้าเลยนะคะ เค้าเอาแต่ใจแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะ”
“เอ๊ะ นี่คุณรู้จักกับรุ่นพี่มาตั้งแต่ตอนเด็กเลยหรอครับ”
“ค่ะ เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะ แต่เห็นเค้าเป็นอย่างนี้ แต่เค้าเป็นคนดีมากเลยนะคะ”
เรื่องนั้นผมรู้ครับ เพราะถึงแม้รุ่นพี่เค้าจะเอาแต่ใจแบบนี้ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ารุ่นพี่เค้าไม่ใช่คนที่ไม่ดีแน่ๆ ผมเชื่ออย่างนั่นนะ
“คานะกับสวะดนัย เร็วๆสิ รถไฟจะมาแล้วนะ”
“คะ ค่า”
“คร๊าบ”
ฮึ จริงๆเลยนะ รุ่นพี่คนนี้เนี่ย.......
.หลังจากที่นั่งรถไฟมาประมาณ1ชั่วโมงก็มาถึงภูเขาที่รุ่นพี่เค้าวางแผนไว้
“เอาล่ะทุกคน มารวมตัวกันตรงนี้”
“คร๊าบๆ”
ผมตอบไปอย่างไม่มีอารมณ์ แต่จู่ๆรุ่นพี่ก็ส่งสายตาอันคมกริบมาที่ผม
“ไอ้บ้าดนัย แกต้องมีน้ำเสียงที่สดใสกว่านี้สิ เอาใหม่ ไหนแกลองตอบรับมาสิ”
“ทะ ทำไมผมถึงต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะครับ”
“ฮะ นี่แกไม่พอใจกับการตัดสินใจของฉันเรอะ ฉันบอกอย่างไหนแกก็ต้องทำอย่างนั้นสิ”
โอ้แม่เจ้า นี่มันไม่ใช่เอาแต่ใจเฉยๆแล้วนะเนี่ย
“คร๊าบๆ ผมดีใจมากเลยคร๊าบ ที่ได้มาทัวร์ป่าเขาแสนทุรกันดารแบบนี้คร๊าบ”
ทั้งที่วันหยุดทั้งที มันต้องไปเที่ยวที่ที่ดีกว่านี้หน่อยสิ ผมรู้สึกไม่ค่อยถูกกับสถานที่แบบนี้เท่าไหร่แฮะ
“นี่แกหลงไปกับโลกที่ศิวิไลซ์ซะแล้วเรอะ เพราะมีคนอย่างแกน่ะแหละ ป่าไม้ ธรรมชาติทั้งหลายถึงโดนทำลายน่ะ แกขอโทษซะเลยนะ ขอโทษพระเจ้าที่เสกสรรธรรมชาติมาให้พวกเราน่ะ”
“เอ๊ะ นี่ผมผิดขนาดนั้นเลยหรอครับเนี่ย”
“ฉันบอกว่าแกผิดแกก็ต้องผิดเซ่”
เมื่อผมเห็นสายตาอันคมกริบของรุ่นพี่ผมจึงต้องทำตามนั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้งทันที แต่ถึงแม้ผมจะมีข้อโต้แย้งยังไงก็ตาม แต่รุ่นพี่เค้าก็คงไม่ฟังผมอยู่ดีน่ะแหละ
“เฮ้อ... พระเจ้าครับ ผมขอโทษครับที่ผมดูถูกธรรมชาติที่ท่านได้สรรสร้างขึ้นมา ผมขอโทษครับที่ผมเถียงรุ่นพี่เค้า ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยนะคร๊าบบบบ”
โอ้แม่เจ้า ผมพูดออกมาได้ยังไงเนี่ย อยากจะร้องไห้จริงๆ
“ดีมาก”
รุ่นพี่ตอบรับสั้นๆ ก่อนที่หันไปหยิบกระดาษจำนวนหนึ่งจากในกระเป๋าเป้มาส่งให้ผมกับคานะทันที
“กระดาษที่ฉันส่งไปเมื่อกี้นั้น เป็นภาระหน้าที่ที่พวกเราทั้งสามคนต้องแบ่งกันทำ พวกเธอทั้งสองคนต้องทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งนะ เข้าใจมั้ย”
“เอ๊ะ นี่หรือว่า คุณซาโอริจะมาค้างพักแรมกันหรอคะ”
“อืม ก็ใช่น่ะสิ”
“ฮะ....”
เฮ้ย เอาจริงดิ พรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนอีกนะ แถมต้องเข้าไปในป่าลึกแบบนั้นด้วย เกิดหลงขึ้นมาก็ซวยอะดิ ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกนะ แต่คานะเค้าน่ะสิ ผมรีบหันไปมองที่คานะทันที คานะกำลังยืนตัวสั่นอยู่อย่างที่ผมคิด ท่าทางเธอแลจะกลัวมากเลยแฮะ
“รุ่นพี่เอาจริงๆหรอครับ นี่มันไม่ใช่ป่าแบบที่เค้าเดินพักแรมกันนะ นี่มันป่าดงดิบชัดๆเลยนะครับ ป่าดงดิบเลยนะ”
“นี่แกคิดว่าฉันจะพาพวกแกไปที่ธรรมดาๆอย่างนั้นรึไง มันต้องเป็นที่แบบนี้สิ มันถึงจะมีเรื่องราวอะไรที่แปลกๆพิสดารให้เราเห็นน่ะ”
จู่ๆตาของรุ่นพี่ก็มีประกายขึ้นมาทันที
“เอาล่ะ ถ้าเกิดไม่มีปัญหาแล้ว ชมรมค้นคว้าเริ่มกิจกรรมได้”
รุ่นพี่ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดีใจพอสมควร ไม่สิ ต้องเรียกว่าดีใจสุดๆ ผมเพิ่งเคยเห็นรุ่นพี่เป็นแบบนี้แฮะ รุ่นพี่เวลายิ้มนี่.....
.......น่ารักสุดๆไปเลยแฮะ
“เอ่อ คานะ เธอไม่เป็นไรใช่ปะ จู่ๆก็มาเข้าป่าลึกแบบนี้ ถ้าเกิดกลัวล่ะก็ กลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมบอกรุ่นพี่ให้”
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่จริง ฉันก็กลัวอยู่นิดๆเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“อย่าฝืนเลยนะครับ”
ผมถามไปด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ถ้าเกิดมีคุณอยู่ด้วยล่ะก็.......”
“เอ๊ะ เมื่อกี้เธอบอกว่าอะไรนะครับ...”
“มะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ระ รีบไปกันเถอะคะ เดี๋ยวรุ่นพี่เค้าก็โกรธเอาหรอกค่ะ”
เธอพูดก่อนที่จะวิ่งนำหน้าผมไปทันที
“อ๊ะ คะ ครับ”
ผมเห็นดังนั้นจึงต้องรีบตามเธอไปทันที แต่.... ตอนนั้นเธอบอกว่าอะไรกันนะ ตอนนี้ผมรู้สึกโกรธหูตัวเองตะหงิดๆแฮะ
....หลังจากเดินมาได้พักหนึ่ง ผมเริ่มรู้สึกได้ว่าป่ามันชักจะเริ่มหนาขึ้นทุกทีแฮะ เสียงสัตว์ป่าก็เริ่มดังขึ้นทุกระยะ รุ่นพี่เค้าไม่กลัวมั่งหรอนะเนี่ย ผมคิดว่ารุ่นพี่เค้าจะกลัวจนหยุดเดินซะอีก แต่รุ่นพี่เค้าก็ยังไม่หยุดเดิน ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆไม่หยุดพัก สงสัยรุ่นพี่เค้าจะเป็นพวกมีพละกำลังสูงเหลือเชื่อ เพราะขนาดผมยังเริ่มเหนื่อยขึ้นมาแล้วเลยนะเนี่ย แล้วคานะล่ะ ผมคิดได้จึงรีบหันมองหาเธอทันที เธอนั่งพักอยู่ตรงข้างทางข้างหลังผมนั่นเอง ท่าทางเธอแลจะเหนื่อยมากเลยนะเนี่ย เหงื่อแตกพลั่กเต็มตัว ผมเห็นดังนั้นจึงไม่รอช้า วิ่งเข้าไปหาเธอทันที
“เอ่อ คานะ เป็นไรรึป่าวเนี่ย เห็นเหนื่อยเชียว”
เมื่อคานะได้ยินเสียงเรียกของผม เธอก็ตกใจซักเล็กน้อยแต่เมื่อมองเห็นเป็นผม เธอก็ยิ้มออกมา
“เป็นไรป่าวครับ”
“คือ ฉันไม่ค่อยถูกกับเรื่องอย่างนี้เท่าไหร่นะค่ะ ที่ฉันบอกว่าไม่เป็นไรน่ะ ที่จริงฉันแล้ว ฉันก็กลัวค่ะ แล้วอีกอย่าง ที่เท้าฉันมันก็...”
“เอ๊ะ...”
ผมรีบถอดรองเท้าและถุงเท้าของคานะออกมาทันที
“นี่มัน...”
ผมตกใจกับภาพที่เห็นไปชั่วครู่ เท้าของคานะนั้นโดนรองเท้ากัดซะจน ไม่สิ ไม่ใช่รองเท้ากัด นี่มันเป็นการที่เดินมากเกินไปเท้าเลยเป็นแบบนี้
“คานะ....”
ผมรู้สึกสงสารคานะขึ้นมาจับใจ เพราะเธอกลัวรุ่นพี่คานะเค้าโกรธและไม่อยากให้กิจกรรมชมรมหยุดสินะ เธอจึงยอมมาและเมื่อเธอเจ็บเธอก็ทนฝืนเพราะเธอไม่อยากจะเป็นตัวถ่วงสินะ ทั้งๆที่เธอไม่ได้บอกมา แต่ผมก็สามารถรู้ได้จากสีหน้าของเธอนั่นเอง
“เฮ้ย คานะกับสวะดนัย แกแอบอู้เรอะ”
เมื่อรุ่นพี่เห็นผมกับคานะหยุดพัก เธอจึงเดินเข้ามาหาอย่างไม่ยั้งคิดทันที
“รุ่นพี่ครับ คานะเค้าไม่ไหวแล้วนะครับ หยุดพักซักแป๊บได้รึป่าวครับ”
“ไม่ได้หรอก....”
“เอ๊ะ...”
“นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว เกิดหยุดพักอีกล่ะก็มีหวัง... ไปถึงจุดพักไม่ทันกันพอดีน่ะสิ”
“แต่ว่า...”
“เอาเหอะน่า ตามฉันมาดีๆ อย่าขัดขืนละกัน...”
“รุ่นพี่...”
จู่ๆผมก็โกรธขึ้นมาทันที ไม่รู้ทำไมแต่ แบบนี้ ผมคงปล่อยไว้อีกไม่ได้อีกแล้ว
“รุ่นพี่ จะเอาแต่ใจก็ให้มันน้อยกว่านี้หน่อยได้มั๊ยครับ คานะเค้าไปไม่ไหวก็ยังจะฝืนเค้าอีก”
“ดนัย..... นี่แก”
ท่าทางรุ่นพี่เค้าก็คงโกรธผมเหมือนกัน แต่ผมไม่สนแล้ว ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น
“คานะเค้าไม่ไหวแล้วนะครับ ถ้าเกิดยังจะฝืนเธออีกผมคงต้องพาเธอกลับไปเท่านั้นแหละครับ”
“นี่แก กล้าขัดคำสั่งของฉันเรอะ...”
“ทำไมล่ะครับ...”
“หยุดทะเลาะกันเถอะค่ะ...”
คนที่มาห้ามผมไว้ก็คือคานะนั่นเอง
“ดนัยคุง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันยังไหว ไปต่อเถอะค่ะ”
“แต่....”
“ดีมาก ถ้าเกิดเข้าใจแล้วก็ตามฉันมาดีๆละกัน”
รุ่นพี่พูดออกมาก่อนที่จะเดินกลับไปทันที
“ทำไมล่ะครับ เธอไม่ไหวแล้วนะ ขืนเดินต่อไป เธอต้อง...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“เอ๊ะ...”
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรที่ไหนกัน เธอไม่ไหวแล้วนะ
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันยังไหวค่ะ แค่นี้เอง”
คานะเดินออกไป แต่เธอก็เดินไม่นานเธอก็ต้องไปยืนพิงต้นไม้ทันที
“เฮ้อ ไม่ไหวๆ”
ผมบ่นพึมพำ ก่อนที่จะเดินไปทางคานะและตัดสินใจพูดคำนี้ออกมา
“คานะ เธอไม่ไหวแล้วนะ มาขี่หลังผมก็ได้นะ ไม่สิ มาขี่หลังผมเถอะ เธอไม่ไหวแล้วนะ ขืนเดินต่อไปมีหวัง...”
“แต่ว่า...ตัวฉัน เหงื่อออกเต็มตัวเลยนะคะ แถมยัง เอ่อ...”
คานะพูดออกมาด้วยสีหน้าที่แดงพลางก้มหน้างุดๆอย่างน่ารัก
“เอาเถอะครับ ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นมาเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวตามรุ่นพี่เค้าไม่ทันนะ”
“เอ๊ะ เอ่อ งั้น รบกวนหน่อยนะคะ”
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจขึ้นหลังผมซักที ตัวของคานะนั้นเบาจนน่าตกใจเลยทีเดียว ทันทีที่คานะขึ้นมาบนหลังผมเสร็จ ผมก็รีบออกวิ่งไปโดยที่มีคานะอยู่บนหลังทันที
........พวกผมเดินกันมาได้ซักพัก จู่ๆรุ่นพี่เค้าก็หยุดเดินกระทันหัน
“เอ๊ะ รุ่นพี่ มีอะไรหรอครับ”
“คือ จะพูดยังไงดีล่ะ”
“มีอะไรหรอคะรุ่นพี่”
“คือ มันหลงทางแล้วอ่ะนะ”
หลงทางสินะ แฮะ แฮะ หลงทาง เอ๊ะ หลงทาง หลงทาง!!!!!!!!!!!
“ไหงงั้นอะครับรุ่นพี่ รุ่นพี่รู้ทางไม่ใช่หรอครับ”
“ก็ไอ้รู้มันก็รู้อยู่หรอก แต่เข็มทิศมันเป็นอะไรไม่รู้อ่ะ”
รุ่นพี่พูดพลางหยิบเข็มทิศมาให้ผมดู เข็มของเข็มทิศ มันหมุนติ้วๆยังกับกังหันลมยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
“ระ รุ่นพี่ ดนัยคุง ทำไมมันเป็นยังนี้ละคะ”
คานะพูดออกมาทั้งที่ยังขี่อยู่บนหลังของผม
“สงสัยสนามแม่เหล็กมันจะผันผวนน่ะครับ”
“เอ๊ะ สนามแม่เหล็กผันผวน มนุษย์ต่างดาวหรอ หรือว่า โลกมันหมุนกลับด้านกัน...”
จู่ๆตาของรุ่นพี่ก็ส่องประกายลุกวาวทันที
“อย่าทำเหมือนคำขอของฮารุฮิเป็นจริงอย่างนั้นสิครับ มันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติน่ะครับ”
ชิ! รุ่นพี่เดาะลิ้นเบาๆอย่างอารมณ์เสีย
“งั้นจะทำยังไงดีล่ะคะ ถ้าจะกลับนี่ก็เย็นแล้วด้วยสิคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พอดีผมได้ยินเสียงเหมือนมีน้ำตกอยู่แถวนี้ เราไปพักกันที่แถวน้ำตกน่าจะดีกว่ากลับออกไปตอนนี้นะครับ”
“เอ๋ ยังงั้นหรอ งั้นเอาตามที่เจ้าดนัยมันบอกก็ได้ เอาล่ะแก รีบนำทางไปซะสิ ฉันหิวข้าวแล้วนะ”
“คร๊าบๆ”
ผมรีบฟังเสียงของน้ำตกทันที ถ้าเกิดฟังดีๆแล้ว ก็จะได้ยินว่า มันดังอยู่แถวนี้นี่เอง
“เอ่อ ดนัยคุงคะ”
“เอ๊ะ คะ ครับ?”
“ขอบคุณนะคะ”
“เอ๊ะ เรื่องไรหรอครับ”
“ทุกเรื่องเลยล่ะคะ ทุกทีที่ฉันเจอปัญหาคุณก็จะมาช่วยฉัน ขอบคุณนะคะ”
“เอ๊ะ ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง”
มะ ไม่เป็นไรซะที่ไหนเล่า ร่างกายผมตอนนี้มันเกิดปรากฏการณ์โอเวอร์ฮีทซะแล้ว ขืนปล่อยไว้ร่างกายผมได้หลอมละลายกันพอดีแน่ๆ
“ฮิ ฮิ ขอบคุณนะคะ”
คานะพูดเสร็จเธอก็กลับมานั่งบนหลังผมอย่างเมื่อก่อน ซะที่ไหนล่ะ เธอมานอนแนบชิดอยู่บนหลังบนต่างหาก ผมรู้สึกถึงอะไรที่มันนุ่มๆ หยุ่นๆได้อย่างชัดเจน มะ ไม่ไหวแล้ว ร่างกายผมมันช่างมีความต้านทานน้อยซะจริง
“เฮ้ย สวะดนัย คานะ เจอน้ำตกแล้ว น้ำตกจริงๆด้วย”
“เอ๊ะ
..”
ทันทีที่ผมได้ยินคำพูดของรุ่นพี่ ผมก็รีบวิ่งไปหารุ่นพี่เค้าทันที
“เอ๊ะ น้ำตกจริงๆด้วย”
สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้านั้นมันเป็นน้ำตกที่มีความสูงไม่มากแต่ก็สวยพอตัวเลยทีเดียว
“เอาล่ะ สวะดนัย มากางเต็นท์เร็วๆเข้าสิ”
“เอ๊ะ มีเต็นท์ด้วยหรอครับ”
“ก็เออสิ แกคิดว่าคนระดับฉันจะพลาดเอาของสำคัญเช่นนั้นมาหรอฮะ”
รุ่นพี่พูดเสร็จ รุ่นพี่ก็ทำเสียง ฮึ...ขึ้นจมูกเบาๆ
“คร๊าบๆ เอ่อ คานะเดี๋ยวเธอลงไปนั่งตรงนั้นซักพักนะ ฉันกางเต็นท์โดยที่มีเธออยู่บนหลังไม่ได้หรอกนะ คานะ”
“เอ๊ะ อ๋อ คะ ค่ะ”
พูดเสร็จผมก็ค่อยๆพาคานะไปนั่งตรงก้อนหินข้างๆอย่างเบาแรงที่สุด
“เอาล่ะ ได้เวลาเราแสดงฝีมือแล้วสินะ”
ผมพูดเสร็จปุ๊บก็ได้ลงมือประกอบเต็นท์ทันที หยิบนั่นมาต่อนี่ หยิบอันนี้มาต่ออันนั้น ผมต่อไปต่อมาไม่นานนักมันก็เป็นรูปร่างขึ้นมาซักที แต่เอ๊ะ มันมีเต็นท์แค่หลังเดียวนี่นา มะ ไม่จริงน่า...
ทันทีที่ผมคิดได้ผมก็รีบไปค้นเป้ของรุ่นพี่ทันที ไม่มี ไม่มี ไม่มีจริงๆด้วย ไม่จริงน่า นะ นี่เราต่อนอนเต็นท์เดียวกับผู้หญิงสุดสวยสองคนน่ะนะ...
“...................”
[ดนัยคุงคะ ฉันนอนไม่หลับน่ะค่ะ]
[ฉันก็เหมือนกัน...]
[งั้นจะให้ผมทำอะไรล่ะครับ]
[ถ้าเกิดจูบฉันก่อนนอนฉันอาจจะนอนหลับก็ได้นะคะ]
[ฉันก็เหมือนกัน วันนี้ฉันยอมให้แกซักวันก็ได้]
[ดะ ด้วยความยินดีคร๊าบ!!!]
เดี๋ยวนะ ทะ ทำไมผมถึงจินตนาการแบบนี้ล่ะเนี่ย ไม่น่า ไม่เป็นอย่างที่ผมคิดแน่ๆ แต่ถ้าเกิดมันเป็นงั้นขึ้นมาล่ะ มะ ไม่น้า!!!
“ระ รุ่นพี่ครับ ทำไมเต็นท์มันมีหลังเดียวล่ะครับ”
“อ๊ะ ไม่จริงน่า ฉันเตรียมไว้สองหลังนี่นา”
“ไม่มีครับ ผมหาจนทั่วแล้วด้วย”
“สงสัยฉันจะลืมเอามาซะแล้วมั้ง ไม่เป็นไร แกนอนเต็นท์เดียวกับพวกฉันก็ได้”
“มะ ไม่เป็นไรที่ไหนล่ะครับ ผู้ชายนอนเต็นท์เดียวกับผู้หญิงมันออกจะ....”
ทั้งที่ปากมันพูดไปแบบนั้น แต่ทำไมจิตใต้สำนึกผมมันกลับร้องออกมาว่า ยิบปี้ ยิบปี้ ตลอดเวลาเลยแฮะ
“เป็นไรของแกนะ แปลกคนชะมัด แต่ก็เอาเถอะ แกไปเตรียมอาหารซะไป ฉันจะอาบน้ำ ขืนแกมาแอบมองฉันล่ะก็ แกได้ไปเกิดใหม่แน่ เข้าใจมั้ย”
“คร๊าบๆ”
เป็นรุ่นพี่ที่แปลกคนจริงๆ ให้นอนเต็นท์เดียวกันได้ แต่ไปแอบมองไม่ได้ จะเอายังไงของเค้ากันแน่นะ แต่เอาเถอะ ผมยังมีภารกิจที่ต้องทำอยู่อีกนี่นา...
ผมรีบไปหาฟืนมาก่อกองไฟทันที ทันทีที่หาฟืนมาได้จำนวนหนึ่งแล้ว ผมจึงลงมือจุดไฟและตั้งอุปกรณ์วัสดุทันที แต่เอ๊ะ ผมทำอาหารได้ห่วยแตกสุดๆเลยนี่นา ครั้งสุดท้ายที่จำได้ผมก็ทำอาหารกินเองจนตัวเองยังต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้วครั้งนึงสินะ ยะ แย่แล้ว
“เป็นอะไรหรอคะ ดนัย”
คานะพูดกับผม ก่อนที่จะเดินมาทางผมกำลังยืนอยู่
“เท้าไม่เป็นไรแล้วหรอ”
“อือ ก็ดีขึ้นมาเยอะแล้วแหละค่ะ”
“อ๋อหรอ”
จริงสิ คานะเค้าทำอาหารได้อร่อยสุดๆไปเลยไม่ใช่เรอะ....งั้นดีล่ะ
“เออ คานะ ผมมีอะไรอยากให้เธอช่วยหน่อยน่ะ”
“อะไรหรอคะ”
“ช่วยทำอาหารแทนผมหน่อยได้ป่าวครับ ผมทำอาหารได้ห่วยแตกสุดๆไปเลยน่ะ”
“งั้นหรอคะ อ๊ะ จริงสิ ตอนอยู่บ้านคุณเลยกินแต่อาหารสำเร็จรูปสินะ อืม ก็ได้ค่ะ ฉันชอบทำอาหารอยู่แล้วด้วย”
“จริงหรอ ขอบใจมากนะ”
“เอ๊ะ มะ ไม่เป็นไรมากหรอกคะ ระ เรื่องแค่นี้เอง”
“เอ๊ะ คะ ครับ”
คานะเค้าเป็นอะไรของเค้านะ จู่ๆก็หลบหน้าผม แปลกคนดีแฮะ
.หลังจากที่ทำอาหารกันเสร็จแล้ว ผมก็มีหน้าที่นำอาหารไปจัดเรียงเช่นเคย
“โอ้โห นี่แกทำคนเดียวเลยหรอฮะ ดนัย”
“เอ๊ะ”
รุ่นพี่ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินมาทางผม
“อ๋อ ผมไม่ได้ทำหรอกครับ อันที่จริงผมทำกับข้าวไม่เป็นหรอก ที่เห็นอยู่นี่ ฝีมือของคานะเค้าทั้งนั้นแหละครับ”
“อ๋อ หรอ”
รุ่นพี่ตอบรับสั้นๆ แปลกแฮะ อันที่จริงถ้าเกิดผมไม่ทำตามที่รุ่นพี่เค้าบอก รุ่นพี่เค้าต้องกระชากคอเสื้อผมไปด่านี่นา แต่ทำไมคราวนี้รุ่นพี่ตอบรับแค่นี้นะ
“งั้น รุ่นพี่ครับ ผมไปหาฟืนมาเพิ่มนะครับ เดี๋ยวเราต้องก่อกองไฟกันอีก”
“อืม”
เอ๊ะ รุ่นพี่เค้าแปลกไปจริงๆด้วย แต่ก็ช่างเหอะ แบบนี้ก็ดีกว่าเป็นไหนๆเลยนะเนี่ย น่ารักขึ้นเป็นกองเลย
.....ผมเดินไปหาฟืนมาได้ประมาณหนึ่งแล้ว ผมจึงรีบเดินกลับมายังที่พักทันที
“อ้าว นี่กินข้าวกันหมดแล้วหรอเนี่ย ผมกะว่าจะกลับมาทันซะอีกนะเนี่ย...”
“ไม่เป็นไรหรอกคะ ฉันยังเก็บส่วนของคุณไว้ให้นะคะ นี่ค่ะ”
“เอ๊ะ ขอบคุณมากครับ งั้นผมไม่เกรงใจล่ะนะ”
ทันทีที่ผมรับจานข้าวของคานะมา ผมก็รีบทานทันที อะ อร่อยเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย ถ้าเกิดคานะทำกับข้าวได้ขนาดนี้ผมว่า เธอทำขายได้สบายๆเลยนะเนี่ย...
...หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จแล้ว ผมก็รีบนำจานทั้งหมดไปล้างทันที อันที่จริงคานะเค้าจะไปล้างเอง แต่ผมคิดว่า ถ้าเกิดทำกับข้าวให้พวกผมกินแล้วยังต้องมาล้างจานอีกมันไม่ดีแน่ ผมเลยนำไปล้างเองซะเลย ตอนแรกคานะเค้าก็ทำหน้าลำบากใจเหมือนกัน แต่พอผมคะยั้นคะยอมากเข้า เธอก็ยอมผมแต่โดยดี ผิดกับรุ่นพี่ที่พอกินเสร็จก็หายตัวไปทันที ไม่รู้หายไปไหนของเขานะเนี่ย
“เอาล่ะ ล้างจานเสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรแล้ว ไปนอนดีกว่า”
ผมรีบกลับไปที่เต็นท์ทันที เมื่อผมกลับเข้าไปในเต็นท์ ผมก็พบกับคานะที่อยู่ข้างในอยู่แล้ว
“เอ๊ะ ทะ ทำไมดนัยคุง ถึง...”
“อ๋อ รุ่นพี่เค้าลืมเอาเต็นท์ของผมมาน่ะครับ เค้าเลยให้ผมมานอนเต็นท์เดียวกับเค้าได้ แต่มันคงไม่ดีสินะครับ งั้นผมไปนอนข้างนอกก็ได้ครับ ไม่เป็นไรหรอก”
ผมนี่มันโง่จริงๆ ถ้าเกิดผู้ชายไปนอนเต็นท์เดียวกับผู้หญิง ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ดีอยู่แล้ว
“.......”
ผมก้มหน้านิ่งอย่างเสียใจ
ผมนี่มันไม่ได้นึกถึงจิตใจคนอื่นมั่งเลย ไม่นึกระมัดระวังมั่งเลยนะเนี่ย
“ดนัยคะ....”
หลังจากที่คานะจ้องมองหน้าผมนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง เธอก็ค่อยๆส่ายหน้าอย่างช้าๆ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
.”
“เอ๊ะ ตะ แต่ว่า”
“อันที่จริงฉันก็กลัวอยู่เหมือนกัน แต่ว่า ถ้าเกิดเป็นดนัยล่ะก็ คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ...”
“เอ๊ะ.....”
“ถ้าเกิดเป็นดนัยล่ะก็....”
“............”
จู่ๆหน้าผมก็ร้อนผ่าวไปในทันที ทำไมกันนะ ความรู้สึกที่เวลาอยู่กับคานะสองต่อสองมันจะเป็นอย่างนี้เสมอ เธอไม่เหมือนกันผู้หญิงคนอื่น เธอน่ะ เธอน่ะ......
“คานะ....”
จู่ๆร่างกายผมก็ขยับเข้าไปใกล้คานะโดยที่ผมไม่ได้รู้ตัวเลยซักนิด
“ดนัยคุง...”
คานะตอบรับผมด้วยเสียงที่แผ่วเบา เธอค่อยๆหลับตาลงพร้อมขยับร่างกายเข้ามาใกล้ผมในเวลาเดียวกัน
กลิ่นอันหอมหวานของคานะลอยโชยเข้ามาใกล้ และแล้ว.....
ผมรับรู้ได้ถึงแรงสัมผัสที่แสนอ่อนนุ่มตรงบริเวณริมฝีปาก มันช่างหอมหวาน และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เป็นรสแห่งการสัมผัสที่แสนอ่อนโยนที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต ตัวผมสั่นขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความหวาดหวั่น สมองด้านชาจนคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป
“.........”
ในหัวของผมขาวโพลนไปหมด
มือทั้งสองข้างของผมค่อยๆไปวางบนเรียวไหล่ของคานะโดยอัตโนมัติ ร่างกายของคานะตอบรับโดยการสั่นเทา
ในตอนนี้ผมไม่สนสิ่งได้ทั้งสิ้น ขอแค่อยู่แบบนี้ตลอดไป อยู่กับคานะตลอดไป ในที่สุดผมก็รู้ตัวซะที ผมชอบคานะเค้า ชอบมาก สำหรับเธอ ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมห้อง ไม่ใช่เพื่อนร่วมชมรม แต่เธอเป็นคนสำคัญ คนสำคัญที่สุดในชีวิตของผม
ผมค่อยๆดึงตัวเธอมากอดอย่างช้าๆ ร่างกายของเธอก็ตอบรับโดยการกอดผมกลับเช่นกัน ถ้าเกิดสังเกตดีๆแล้วคานะนั้นตัวร้อนเล็กน้อยนะเนี่ย
หลายๆคนอาจจะหมั่นไส้กับการกระทำของผม แต่ผมไม่สน ผมขอแค่ได้อยู่กับเธอตลอดไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดผมก็ยอมทำ ขอแค่ได้อยู่กับเธอตลอดไป ตลอดไป....
. “คานะ ดูดาวสิ ถ้าเกิดอยู่ในเมืองคนไม่ได้เห็นอย่างนี้หรอกเนอะ”
เต็นท์นี้มันดีอย่างนึงคือ หลังคามันสามารถถอดออกได้ ทำให้มองเห็นทะเลดาวได้อย่างง่ายดาย
“อืม คิดถูกแล้วเนอะ ที่มาที่นี่น่ะ ต้องขอบคุณรุ่นพี่เค้านะ เอ๊ะ ว่าแต่ รุ่นพี่เค้าหายไปไหนนะ ตั้งแต่ตอนกินข้าว รุ่นพี่เค้าก็หายไปเลยนะ...”
เอ๊ะ จริงสิตั้งแต่ตอนที่กินข้าวเสร็จ ผมก็ยังไม่เจอรุ่นพี่เค้าเลยนะ หรือว่า....
“คานะ เดี๋ยวฉันมานะ ไปตามหารุ่นพี่ก่อนสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลยอ่ะ”
“เดี๋ยว ฉันไปด้วย”
คานะพูดพลางฉุดมือของผมไว้
“ไม่เป็นไรหรอก เธออยู่ที่นี่แหละ เผื่อมีอะไรเธอจะได้หนีไปคนเดียวได้”
“แต่ว่า....”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า...”
“อืม...”
ในที่สุดเธอก็ยอมปล่อยมือผมไปซักที แต่เมื่อกี้นี่ ผมคงเท่ห์ไม่หยอกเลยแฮะ เฮ้ย ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเก๊กหล่อนะ อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับรุ่นพี่เค้าก็ได้
“ฮึก ฮึก”
เอ๊ะ เสียงอะไรน่ะ ไม่สิ เสียงใครร้องไห้น่ะ ไม่น่า ในป่าอย่างนี้คงหูฝาดไปเองมั้ง ฮ่า ฮ่า ต้องหูฝาดแน่ๆ
“ฮึก ฮึก”
เอ๊ะ หะ หูไม่ได้ฝาดแล้ว ฝันแน่ผมต้องฝันอยู่แน่ๆ ใครก็ได้ช่วยปลุกผมให้ตื่นจากฝันทีเซ่!!!
“ฮึก ฮึก”
มะ ไม่ใช่ฝันแล้ว นะ นี่มัน เสียงนก พวกจิตทราม ระ หรือว่า ผีอำ
“ใครน่ะ...”
“เอ๊ะ...”
สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้า มันคือภาพที่รุ่นพี่กำลังนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวนั่นเอง
“เอ๊ะ ทะ ทำไม ดนัย กะ แกมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
รุ่นพี่พูดพลางปาดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าออก
“ทะ ทำไมรุ่นพี่ ถึงร้องไห้ล่ะครับ”
รุ่นพี่นิ่งเงียบไปซักพักหนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“...อันที่จริง ฉันก็กลัวอยู่เหมือนกันน่ะ ไม่สิ ฉันกลัวมากๆเลยล่ะ กลัวที่จะออกจากที่นี่ไปไม่ได้ เพราะตอนที่ฉันเด็กๆ ฉันเคยหลงป่ามาครั้งนึง กว่าที่คนจะมาช่วยฉันได้ก็ปาเข้า2วันน่ะ ตั้งแต่นั้นเป็นตนมาฉันเลยไม่กล้าที่จะเข้าป่าหรือขึ้นภูเขาอีกเลย แต่ฉันก็อยากจะหายจากอาการแบบนี้ เพราะฉะนั้นฉันเลยลองมาที่นี่อีกครั้งนึง แต่ว่า มันก็หลงอีกจนได้ ฉันกลัวมากเลยล่ะ ฉันน่ะ ฉันน่ะ...ฮึก ฮึก”
“รุ่นพี่....”
จริงสินะ ถึงรุ่นพี่เค้าจะร้ายกาจเหมือนยักษ์เหมือนมารแค่ไหนก็ตาม แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต้องร้องไห้ เสียใจ ผมต้องทำยังไงนะ น้ำตาเหล่านั้นมันถึงจะหยุดไหลน่ะ
“ไม่เป็นไรหรอกครับรุ่นพี่”
“เอ๊ะ...”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวก็คงมีใครมาช่วยเราเองแหละครับ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ รุ่นพี่ยังมีผมกับคานะอยู่นะครับ ไม่เป็นไรหรอก เชื่อผมสิ เราต้องออกไปจากป่านี้ได้แน่ๆ”
รู้สึกเหมือนกำลังปลอบเด็กที่กำลังร้องไห้เพราะหลงทางกับครอบครัวยังไงยังงั้นเลยแฮะ
“เอาล่ะครับ รุ่นพี่ เรากลับกันเถอะครับ คานะเค้าคงเป็นห่วงรุ่นพี่แย่แล้วล่ะมั้งครับ”
“.......”
“โอ๊ย...”
จู่ๆรุ่นพี่ก็กระโดดเตะเข้าที่กลางแผ่นหลังของผม
“ทะ ทำอะไรเนี่ยครับ”
“ฮึ...ไม่ต้องให้คนอย่างแกมาบอก ฉันก็ทำอยู่แล้วล่ะน่า”
ฮึ! รุ่นพี่ทำเสียงขึ้นจมูกทันที ก่อนที่จะเดินกลับไปโดยที่ไม่หันกลับมาอีกเลย
“ฮึ... รุ่นพี่ครับ รอผมด้วยสิครับ”
“แกก็รีบตามฉันมาเร็วๆสิ”
“คร๊าบๆ”
ผมเห็นรุ่นพี่กลับมาเป็นคนเดิมแบบนี้ มันแลรู้สึกโล่งใจยังไงไม่รู้แฮะ
“ฮึ ขอบใจนะ.....ดนัย”
“เอ๊ะ เมื่อกี้รุ่นพี่บอกว่าอะไรนะครับ ผมไม่ค่อยได้ยินเลยน่ะ”
“เรื่องของฉันน่า แกอย่ามายุ่ง รีบๆตามมาเถอะ”
“คร๊าบๆ”
เมื่อกี้รุ่นพี่เค้าบอกว่าอะไรกันแน่นะ แต่ก็ช่างเถอะ เห็นรุ่นพี่กลับมาเป็นคนเดิมอย่างนี้ ก็พอแล้วล่ะ
“เอ๊ะ...”
ทันทีที่ผมกลับไปถึงที่พักผมก็ต้องอึ้งกับภาพที่เห็นทันที
“คะ คานะ...”
-จบบทที่5-
ความคิดเห็น