คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Will protect with heart : 2
:; ถ้ามันจะเป็นแบบนี้อ่ะนะ ;:
การครอบครองไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำ เมื่อคนที่เรารักเขาไม่ได้รักเรา
“น่ารัก!”
O[ ]O
(o/////o)
น่ารักบ้าบออะไรกัน!! มาชมแบบนี้ผมก็เขินนะเฮ๊ย!!
ผมอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกเมื่อไอ้บ้าพี่ธันวามันพูดแบบนั้นหับผม ผมนั่งมองหน้าพี่มันนิ่งๆ ไม่แม้แต่จะขยับหรือเดินหนีออกจากห้อง(ก็นี่มันห้องผม)
“เงียบทำไม? ผมแค่จะบอกว่าชุดที่คุณใส่อยู่น่ะมันน่ารักดี คิดไปไหนเนี่ย หน้าแดงซะ” พี่ธันวามันพูดแล้วหัวเราะเบาก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ผมมองตามแผ่นหลังแกร่งไปจนประตูปิดสนิท บ้าเอ๊ย!!! ผมอยากฆ่าไอ้บ้านั่นที่สุดเลย!!
“อ้าวธาร เมื่อกี้กูเห็นพี่ธันเดินหัวเราะยิ้มหน้าบานออกจากห้องมึงทำอะไรพี่มันวะ!”
ผมมองหน้าไอ้วาอย่างหาเรื่อง ยังเจ็บใจจากเรื่องเมื่อครู่ไม่หายไอ้นี่ก็มาพูดให้เจ็บใจยิ่งกว่าเดิมอีก บ้าเอ๊ย!!
หน้าแตกไม่เหลือชิ้นดีเลย หมอที่ไหนจะรับเย็บวะแบบนี้!
“พอเลยมึง ไม่ต้องไปพูดถึงพี่มันเลย มึงรู้มั้ยว่าก่อนหน้านี้มันทำอะไรไว้กับกูบ้าง”
“พี่มันทำอะไร??” ไอ้วาถามด้วยสีหน้างงงวย
พลาดแล้วที่พูดแบบนี้กับมัน แต่ถ้าผมไม่บอกซะอย่างมันก็ไม่รู้หรอก จริงมั้ย?
“เอ่อ...ช่างมันเถอะ ว่าแต่มึงอ่ะ ไปห้องน้ำยังไงนานจังวะ!”
“โว๊ะ อย่าไปพูดถึงมันเลย กูกลับมาแล้ว และตอนนี้กูง่วงมากเลย เอาเป็นว่าพี่เขาเรียกเมื่อไหร่ปลุกกูด้วยแล้วกัน!”
พูดจบมันก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟาข้างๆผม พร้อมกับเอาตักผมเป็นหมอนหนุนนอนเรียบร้อย คือ คนที่น่าจะง่วงมันควรเป็นผมป่ะ ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อมาแต่ตัว แล้วไหนจะต้องไปประกวดอะไรนั่นอีก แล้วนี้อะไร ตื่นก็สายกว่าผม แถมยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง แล้วมันจะมาง่วงเพื่อ??
“นาธาร!”
งื้อออ เสียงอะไรน่ารำคาญที่สุดเลย รบกวนเวลานอนซะจริงๆ
“นาธาร ตื่นได้แล้ว นี่ก็ใกล้เวลาแล้วนะ”
“อื้อออ” ผมครางอือในลำคอเบาๆ อย่ารำคาญแต่ก็ยอมลืมตาตื่นตามที่เสียงทุ่มพูดบอก ว่าแต่ใครปลุกผมอ่ะ แล้วผมเผลอหลับไปตอนไหน??
ผมหันมองหาคนที่ปลุกผม ก็เจอเข้ากับพี่ธันวาที่น้องอยู่ตรงหน้าพอมองดีๆ ก็ไม่เห็นวาเลนไทน์อยู่ในห้องแล้ว หน๊อยยย! ไอ้เพื่อนบ้าไปไม่ปลุก!
“ถ้าง่วง ไว้จบรอบแรกก่อนค่อยนอนก็ได้ เพราะกว่าจะเริ่มรอบสองก็บ่าย นี่พุ่งจะ 8 โมงเช้าเอง เอาเป็นว่าคุณไปล้างหน้าก่อนแล้วกัน” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาใกล้ ผมพร้อมกับฉุดตัวผมให้ยืนขึ้น แล้วลาก(ขอย้ำว่า ลาก จริงๆ)ผมไปห้องน้ำชายที่อยู่อีกฟากของตึก
“อื้อ พอแล้ว” ผมร้องห้ามเมื่อพี่ธันวามันเอาน้ำมาล้างหน้าผมจนตอนนี้ แทบจะเรียกได้ว่าเอาน้ำมาอาบหน้ามากกว่า
“ล้างออกให้หมดไปเลยยิ่งดี ไอ้เครื่องสำอางเนีย!”
“อะไรกันเล่า”
ผมร้องอย่างขัดใจ แต่ก็ยอมให้พี่มันล้างหนให้อยู่อย่างนั้น และตามด้วยการเช็ดหน้าให้ผม จนตอนนี้หน้าผมไม่เหลือเครื่องสำอางของผู้หญิงติดอยู่เลย เฮ้อออ พอล้างออกไปแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมามากเหมือนกันแฮะ^^
“ทำไมต้องล้างออกด้วย??” ผมถามพี่ธันวาด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมพี่มันต้องมาล้างเครื่องสำอางที่หน้าผมออก
“เพราะคุณไม่เหมาะกับเครื่องสำอางพวกนี้ไง!” พี่มันพูดแค่นั้น ก็เดินหนีผมออกจากห้องน้ำไป
ผมเลยต้องรีบวิ่งตาม แต่ลืมอะไรไปมั้ย? ผมอยู่ในชุดของผู้หญิง และร้องเท้าก็เป็นของผู้หญิงอีกด้วย ถึงส้นจะไม่สูงมาก แต่ผมเป็นผู้ชายไง ถึงส้นมันจะแค่เซนเดียวผมก็สามารถล้มไปกองกับพื้นได้สบายๆเลย
และผมก็กำลังจะล้มมันจริงๆแล้ว!!
“เหวออออ...” ผมร้องเสียงหลงเมื่อวิ่งตามพี่ธันวามาทัน แต่ก็สะดุดรองเท้าที่ตัวเองใส่จนเกือบจะล้มหัวทิ้มไปข้างหน้า แต่ดีที่พี่ธันวามันช่วยรับตัวผมไว้ได้ก่อน และดึงผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดพี่มันเฉยเลย////
“อ๊ะ!”
“ไม่เป็นไรนะ?”
“ขอบคุณที่ช่วยครับ” ผมบอกขอบคุณพี่มันไป แต่...
“รู้ว่าตัวเองใส่ร้องเท้าแบบนี้ยังจะวิ่งอีกนะ เกิดล้มขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง!!” พี่ธันวาจ้องหน้าผมเขม็ง พร้อมกับดุผมอีกด้วย
“อะไรกันเล่า แค่นี้ทำไมต้องดุด้วย!” ผมงอแงใส่พี่มัน ก่อนจะขืนตัวออกจากอ้อมกอดของพี่ธันวาแล้วเดินหนีพี่มันกลับห้องพักทันที
ไอ้บ้า! แค่จะวิ่งให้ตามทันแค่นี้ทำไมต้องมาดุกันด้วย ไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย ทำตัวอย่างกับเป็นแฟนกันแบบนี้ได้ไง
เกลียดที่สุดเลย!!
-------------------+++++++++++-----------------
เวทีการประกวด
ตั้งแต่ตอนนั้น ผมก็ไม่คุยกับพี่ธันวาเลยถึงจะต้องมองหน้าเหรืออยู่ด้วยกันตลอดแต่ผมก็ไม่ปริปากพูดกับใครนอกจากไอ้วาคนเดียว เพื่อนผมหรือเพื่อนพี่ธันวาผมก็ไม่คุยด้วย ไม่ได้หยิ่งอะไรหรอกนะครับ เพียงแต่อายที่พวกนั้นต้องมาเห็นผมในสภาพแบบนี้เท่านั้นเอง
“นี่ตกลงจะไม่คุยกับผมใช่มั้ย?” พี่ธันวามันถามผมเสียงเบา ผมเหลือบไปมองหน้าพี่มันนิ่งๆ แล้วหันกลับไปเหมือนเดิมไม่พูดตอบคำถามของพี่มัน
“เฮ่ออ” พี่ธันวาถอนหายใจเบาๆ...ผมได้ยิน แต่ก็ไม่พูดอะไรนอกจากจะยืนนิ่งส่งยิ้มไปให้คนอื่นบ้างเล็กน้อย พอเป็นพิธี
“ผมขอโทษ” พี่ธันวาพูดขอโทษผมด้วยเสียงไม่เบานัก(พูดเสียงดังนั่นแหละ) ทำให้คนอื่นๆ ที่ทั้งส่งยิ้มทั้งโปรยเสน่ห์ของตัวเองอยู่ต่างหันมามองผมกับพี่ธันด้วยสีหน้างุนงง
ตอนนี้ผมกับพี่ธันตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครพูดอะไร ต่างเงียบเพื่อรอดูสถานการณ์ตอนนี้มากกว่า ผมมองหน้าพี่ธันวานิ่งๆ พี่มันเองก็จ้องมองผมตลอดเวลา และไม่พูดอะไร
สายตาทุกคนกำลังจ้องมองผมเพียงคนเดียว เพราะพี่ธันวามันไปร่วมวงจ้องด้วย แล้วแบบนี้ใครมันจะทนต่อสายตานับร้อยที่จ้องมองตัวเองไหว!!
“นี่ รุ่นพี่ ถ้าผมจะถอนตัวตอนนี้ยังทันมั้ย?” ผมไม่สนใจที่จะพูดพี่ธันวา แต่กลับหันไปพูดกับพี่ที่เป็นพิธีกรแทน พี่เขาอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก จนกรรมการที่คอยตัดสินต้องพูดอะไรขึ้นมาแทน
“ไม่ได้แล้วครับ เพราะนี่ก็หมดรอบแรกแล้ว ถอนตัวไม่ได้แล้วครับ” พี่เขาพูดแบบนั้น ผมมองตรงไปหาไอ้วา แล้วส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้มัน แต่มันก็เพียงส่งสายตาแบบที่ผมทำกลับมาให้ผม เฮ่อ แบบนี้มันก็เหมือนกับบังคับกันชัดๆนะ
“งั้นหรอ? จบรอบแรกแล้วสินะ”
ผมพูดแค่นั้นก็เดินลงจากเวทีกลับไปยังห้องพกของตัวเองเลย ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เพราะผมก็เป็นของผมแบบนี้ ใครจะมองว่า ผมไม่ดียังไงก็ช่าง ผมไม่สนใจอยู่แล้ว ผมเป็นตัวของผม ผมไม่ได้ใส่หน้ากากทำตัวเป็นคนดีของสังคม เพียงเพราะต้องการชื่อเสียงหรือมีคนมาชอบ ผมแสดงตัวตนของผม เพราะผมต้องการให้คนอื่นมองผมในแบบที่ผมเป็นมากกว่า
เหอะ!
คิดดีเนอะ แต่ผลลับของสายตาและความคิดของแต่ล่ะคนมันเหมือนซะที่ไหน? ผมไม่รู้นิสัย แล้วผมจะไปรู้สันดานของคนอื่นได้ยังไง ขนาดตัวผมเอง ผมยังไม่รู้เลยว่านิสัยหรือสันดานของตนเองเป็นยังไง?(ขอโทษแล้วกันถ้าคำพูดมันแรงไป)
“หนีมาทำไม?” ผมสะดุ้ง ตื่นจากความคิดของตัวเองแล้วหันไปหาต้นเสียงที่ยืนพิงประตูห้องอยู่
“.......” ผมไม่พูดอะไรตอบนองจากดึงผ้าคลุมผืนไม่ใหญ่นักที่แอบหยิบติดมือมาด้วย คลุ่มส่วนล่างแล้วล้มตัวลงนอนไปกับโซฟา และหลับตาลงทันทีแต่ก็ใช่ว่าผมจะหลับจริงนะ แค่หลับตาไว้เท่านั้น
ตึก ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาใกล้ๆทำให้ผมรู้ได้เลยว่าพี่ธันวากำลังเดินเข้ามาหาผม ความเคลื่อนไหวของโซฟาเหนือหวของผม เป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าพี่ธันวานั่งอยู่ตรงนั้น
“ถ้าคุณไม่ได้หลับจริง...ก็ฟังสิ่งที่ผมจะพูดด้วยแล้วกัน” เขาไม่พูดเปล่า พี่ธันวามันเอามือมาซ้อนหัวผม แล้วยกขึ้นไปวางไว้ที่ตักของพี่มัน
ผมก็อยากจะลุกขึ้นไป โวยวายอยู่หรอกนะ แต่เพราะผมแกล้งทำเป็นหลับ ผมจึงทำได้เพียงกำมือตัวเองที่อยู่ใต้ผ้าคลุมแน่นจนเล็บจิกกับเนื้อตัวเอง รู้สึกแสบนิดๆแฮะ!
“มือน่ะ ถ้าจะจิกเนื้อตัวเองแบบนั้น ทำไมถึงไม่ลืมตามาคุยกับผมดีๆเลยล่ะ” พี่ธันวามันรู้ได้ไง?? แถมพี่มันยังจับมือผมออกจากผ้าคลุ่มและคลายมันออก
ผมลืมตามองพี่มัน แต่ผมคงคิดผิดมากที่ลืมตาขึ้น เพราะตอนนี้หน้าของพี่ธันวาอยู่ห่างจากหน้าผม แค่คืบ สายตาที่พี่มันมองผม ก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ด้วย เพราะไม่เคยเห็นพี่มันมองผมแบบนี้มาก่อน แล้วยิ่งแววตาที่สื่อออกมาชัดเจนเลยว่ากังวนเรื่องผมอยู่ ยิ่งทำให้อัตราการเต้นของหัวใจผมผิดปกติ มันเต้นแรงและเร็วมาก ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“ถะ..ถอย ถอยออกไป” ผมพูดติดขัด และจะลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องกลับไปนอนเหมือนเดิม เมื่อถูกพี่ธันวามันกดตัวให้นอนลงตามเดิม ผมมองหน้าพี่มันอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“เงียบแล้วฟังผม” พี่ธันพูดเสียงจริงจังมากจนผมไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร
“...ขอโทษ...ผมผิดเองที่พูดใส่คุณแบบนั้น และผมก็ผิดเองที่ทำตามใจตัวเองจนเกินไป และผมผิดเองที่เป็นห่วงคุณจนเผลอทำตัวแบบนั้นกับคุณ ทั้งที่คุณเองไม่ชอบ และเราก้ไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมนอนนิ่ง พูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าพี่ธันวามันจะมาพูดอะไรแบบนี้กับผม ที่พี่มันพูดมาก็ถูกทุกอย่าง ผมเป็นอย่างที่พี่มันบอก แต่ไอ้คำที่บอกว่าห่วงผมจนเกินไปนี่มันหมายความว่ายังไง?
“เราหยุดพูดเรื่องนี้ โอเค้ ผมกับพี่เป็นแค่พี่รหัสน้องหรัส และคนรู้จักกันเท่านั้น” ผมพูดออกมานิ่งๆ
ก็ผมพูดจริงอ่ะ เราเป็นแค่นั้นกันจริงๆ ที่มาพูดกันดีๆแบบนี้ได้ก็ถือว่าแปลกมากแล้ว รู้จักกันมาจะครบปีแล้วแท้ๆ แต่ไม่เคยเลยที่เราจะคุยกันดีๆ มีแต่ทะเลาะกัน ไม่ก้ไม่คุยกันเลย ถ้าไม่มีใครหาเรื่องก่อน ผมกับพี่ธันวาคงไม่คุยกันไปตลอดจนกว่าจะจบแน่!
“ผมไม่อยากจะเป็นแค่นั้น! ผมอยากจะปะ...”
ก็อก ก็อก ก็อก
เสียงเคราะประตูขัดจังหวะที่พี่ธันวากำลังพูดอยู่ เลยกลายเป็นว่าพี่มันพูดประโยคนั้นไม่จบ ผมก็เลยไม่รู้ว่าพี่มันกำลังจะพูดอะไรต่อจากนั้น
“พี่เขาคงมาตามแล้วมั้ง” ผมพูดแล้วลุกขึ้นนั่ง พี่ธันวามองผมนิดหน่อยแล้วลุกเดินไปเปิดประตู
“ได้เวลาแล้วพี่” เสียงไอ้พันต์พูดบอก พี่ธันมันพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไป ผมเลยลุกขึ้น เดินไปหาไอ้พัตน์ที่ยืนงงอยู่หน้าประตู
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกมึงวะ?”
“เปล่าไม่มีอะไร” ผมพูดแค่นั้นก็เดินหนีมันไปอีกคน
“แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย??” เสียงบ่นเบาๆของไอ้พัตน์ ไม่ได้ทำให้ผมหันไปคุยหรือสนใจมันเลย ในหัวผมตอนนี้คิดเพียงแค่ว่าผมกำลังเป็นอะไรอยู่ แล้วที่ผมทำอยู่ตอนนี้มันคืออะไร?
พี่ธันวาต้องการจะบอกอะไรกับผม และเขาเป็นอะไร เพราะตั้งแต่ที่เราเริ่มคุยกันดีๆ เขาก็ค่อยแต่จะตามผมตลอดเวลา ไม่ยอมให้ผมทำอะไรโดยที่เขาไม่อยู่ด้วย
หรือว่า......
เขากำลังตามจีบผมอยู่!!!
--------------++++++++------------
รอบที่สองผ่านไปแล้วและรอบที่สามก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องมารู้ผลกันแล้วว่าใครจะได้เป็นดาว เดือนของคณะ เพื่อนที่จะส่งต่อไปเป็นตัวแทนของคณะ เข้าคัดเลือกเป็นดาว เดือนมหาลัยอีก
เหอะๆ น่าเบื่อที่สุด!!
“ผมจะบอกผลโหวตแล้วนะครับ รวมไปถึงการให้คะแนนของกรรมการด้วย” ผมยืนเงียบรอฟัง ไม่ใช่แค่ผมสิ ทุกคนเลยต่างหาก
“ผลโหวตของดาวที่ได้รับคะแนนมากที่สุดคือ....น้องนาธาร เบอร์สองครับ ได้รับ ผลโหวตทั้งหมด 10,234 คะแนนครับ” พี่เขาพูดจบ ก็ตามมาด้วยเสียงโฮ่ร้องแซว และเสียงกรี๊ด(ของผู้ชาย)
“ต่อไปดูทางเดือนบ้างครับ เดือนที่ได้รับผลโหวตมากที่สุดคือ พี่ธันวาครับ ได้รับ ผลโหวตทั้งหมด 10,233 คะแนน” หึหึ แอบดีใจนะครับ ที่ผมได้ผลโหวตเยอะกว่าพี่ธันวามันน่ะ ทั้งที่ตัวเองออกจะฮอตแท้ๆ
“ต่อไปดูคะแนนจากกรรมการบ้างนะครับ อ่า เอาแล้วสิทีนี้ เห็นทีคนที่จะได้ คงมีแค่พวกเขาแล้ว...” พี่ที่เป็นพิธีกรก็พูดให้ลุ้นมากอ่ะ พี่เขามองผมกับพี่ธันสลับกันไปมา ก่อนจะพูด
“คงไม่ต้องให้ผมพูดแล้วใช่มั้ยครับว่าใครได้ เพราะคะแนนที่นำไปไกลก็มีแค่สองคนนี้เท่านั้น” ภาพจากจอ แสดงใบรูปร่างหน้าตาของผมกับพี่ธันวาออกมาพร้อมกัน และเล่นซ้ำอยู่อย่างนั้นหลายรอบมาก
“ดีใจกับเดือนและดาวของคณะเราด้วยครับ” คือนี่ หมายความว่าผมกับพี่ธันวาใช่ป่ะ ที่ได้เป็นอ่ะ
โอ๊ยยยย จะบ้าตาย!!!
มันใช่เรื่องที่ผมต้องดีใจมั้ยเนี่ย!!!
-------------------++++++++++++--------------------
100%
หึหึ ทำใจมากเลยอ่า กว่าจะลงตอนนี้ได้ ไม่คิดว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้เลยแฮะ แต่พอแต่ไปแต่งมา ดันออกมาเป็นแบบนี้ซะนี่!!
ได้แค่นี้จริงๆอ่ะ เอาไปแค่นี้ก่อนนะ><
ความคิดเห็น