ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sorry, I love you ขอโทษ...ที่กูรักมึง!!

    ลำดับตอนที่ #2 : We do not likely know

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 57








    :; We do not likely know ;:

     

     

     

            “ไม่ต้องมายุ่งได้มั้ยห๊ะ!!”

     

            เสียงร้องโวยวายดังมาจากหน้าร้าน ผมเดินไปหน้าร้านเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่...

            

            “เกิดอะไรขึ้นน่ะ” 

            ผมร้องถามเดีร์ยรุ่นน้องที่มาทำงานพาทไทม์ที่เดียวกับผม ผมเห็นน้องเขายืนก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้าชายคนหนึ่ง ที่ยืนทำหน้าโหด โกรธหัวฟัดหัวเหวียงอยู่ ผมไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เท่าที่ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจเดีร์ยสักเท่าไหร่

            “นายเป็นใคร?” ชายคนนั้นถามผมเสียงเย็นชา ผมมองหน้าเขาก่อนจะตอบไป

            “ผมเป็นพนักงานที่ร้านครับ...ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นเดีร์ยผมพูดกับชายคนนั้น แล้วหันไปถามเดีร์ย ผมมองหน้าผมอย่างสำนึกผิด ก่อนจะตอบคำถาม

            “คือว่า....เดีร์ยเดินเข้ามาหาผมใกล้ๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟัง ผมพยักหน้ารับ แล้วบอกให้เดีร์ยไปทำงานอย่างอื่นแทน เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง

            “เอ่อ ขอโทษแทนน้องเขาด้วยนะครับ พอดีเขาพึ่งมาทำงานที่นี่ เลยไม่ค่อยรู้เรื่องนักผมพูดกับชายตรงหน้าอย่างสุภาพๆ เขามองหน้าผมนิ่งๆ แต่ไม่รู้อะไรนอกจากจะเดินเข้ามาใกล้ๆผม

            “นายชื่ออะไร?” เขาถาม ผมมองหน้าเขางง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะถามชื่อผมไปทำม แต่ก็นะในเมื่อเขาถามมา ผมก็จะบอกให้

            “ผมชื่อคิทครับผมตอบออกไป เขายกยิ้มที่มุมปากนิด แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก นอกจากจะเดินออกจากร้านไป โดยที่ไม่หันกลับมาอีกเลย ผมมองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างงง

     

            อะไรของเขา?

     

            ผมกลับไปทำงานของตัวเองต่อ อ่า ผมลืมบอกไป ผมทำงานที่ร้านหนังสือครับ หึหึ^^

     

    ---------------------+++++++++++---------------------

     

             คอนโด

     

             “ไปไหนมาวะ?”

     

             เสียงร้องถามดังขึ้น เมื่อร่างสูงเดินกลับเข้ามา เพลย์เยอร์มองไปยังเพื่อนสนิทที่นั่งดูทีวีไปด้วยกินขนมไปด้วย ด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกว่าเพื่อนเขาตอนนี้ดูจะสวยและน่ารักขึ้นมากว่าเดิมหลายเท่าเลย

             “มึงสวยขึ้นนะ” ร่างสูงพูดออกมาเสียงเรียบ แต่ก้ทำเอาคนฟังถึงกับสำลักเบียร์ที่พึ่งดื่มเข้าไป

     

             “แค่ก แค่ก มึงพูดว่าไรนะ?!” ฟลุ๊คไอไปด้วยถามไปด้วย ดวงหน้าหวานแดงกำเพราะสำลักอย่างหนัก จนคนที่เป็นต้นเหตุต้องเดินเข้ามาลูบหลังให้

     

             “กูบอกว่ามึงสวยขึ้น!!”

     

             หึ แน่นอนสิ อย่างกู ต้องสวยขึ้นเท่านั้น ถึงจะมีคนมาจีบเยอะ” ฟลุ๊คพุดด้วยรอยยิ้มที่เปรี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันมามองเพื่อนร่างสูงที่นั่งอยู่โซฟาตัวเดียวกัน

     

             “เพราะการที่จะทำให้มึงสนใจกูเนี่ย มันยากยิ่งกว่าให้กูไปทำตัวให้หล่อซะอีก”

             “หึหึ มึงนี่ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะจับกูอีกนะ ไปจับไอ้พีนู้นไป๊!!” เพลย์เยอร์พูดด้วยเสียงที่ไม่จริงจังนัก ก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

             “ชื่อคิทงั้นหรอ?...น่าสนใจดีนี่ หึ!”

     












     

             “ว๊ากกกกก!! อย่าเข้ามาน๊าาาา!!!”

     

             ฮื้ออออ ทำไงดี น่ากลัวที่สุดเลย

     

             ผมกำลังหนีอยู่ ใช่นั่นแหละ ผมกำลังหนีอยู่....ผมกำลังหนีไอ้คินอยู่ ไอ้บ้านี้ในเวลานี้โคตรน่ากลัวเลยครับ ก็ผมเผลิอไปเจอฉากที่ไม่สมควรดูเข้าน่ะสิครับ คือแบบนี้ ผมกำลังเดินผ่านหน้าห้องของไอ้คินมัน 

     

             แล้วเกิดได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ เลยเปิดประตูเข้าไปดู แล้วก็เจอเข้ากับ....ไอ้คินมันกำลังนัวเนียกับเมอมีนอยู่บนเตียง ซึ่งผมคิดว่าผมไม่น่าเปิดประตูหรือเดินผ่านมาเลย!!

     

             และตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้ไอ้คินมันก็ยังไม่เลิกที่จะไล่ล่าตามฆ่าผม คงเพราะตั้งแต่วันตอนนั้น เมอมีนก็ไม่เจอกับมันอีกเลยบวกกับที่ผมเข้าไปขัดจังหวะมันด้วย

     

             “ไอ้เจ๊คิท!!”

             ถ้ามึงจะเรียกกูไอ้ แล้วมึงจะเติมเจ๊มาด้วยทำมายยยย><”

             หยุดวิ่งหนีรอบโซฟาได้แล้ว ผมตาลายไปหมดแล้วเนี่ย!!”

             มึงก็หยุดไล่กูสักทีสิวะ!” 

     

             ผมกับไอ้คินพูดกัน ก็อย่างที่มันพูกแหละครับ ผมกำลังวิ่งหนีมันรอบโซฟากลางบ้านอยู่ โดยที่มันก็ทั้งเดินทั้งวิ่งตามผมด้วย และมีสายตาเอือมๆจากไอ้คิมส่งมาให้เป็นพักๆ

             “ผมหยุดแล้ว เจ๊นั่นแหละหยุดสักทีสิ!”

             เออๆ” ผมยอมหยุด เมื่อเห็นว่ามันหยุดและนั่งลงบนโซฟาไปแล้ว ผมนั่งลงโซฟาตัวเดียวกับมัน แต่นั่งคนละฝั่ง

             “เพราะเจ๊แหละ ไอ้มีนมันเลยไม่คุยกับผม!!”

             ไปทำอะไรตอนไหน!!” ผมพูดทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ

             แต่ก็นะ ใครบอกให้มันไม่ปิดประตูให้สนิทกันล่ะ ล็อกก็ไม่ล็อกอ่ะ!!

     

    --------------------------+++++++++++++---------------------

     

             “โหดร้ายทีสุดเลยไอ้คินบ้า กูเป็นพี่มึงนะผมพูดไปก็ก้มหน้าก้มตาจัดของไป ฮึ๊ย!

             “บ่นอะไรพี่ เห็นนั่งบ่นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะเสียงเดีร์ยถามผม ผมมองหน้ามันนิดๆ ก่อนจะตอบ

             “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก

             “คร๊าบบบบ อ๊ะ!” ไอ้เดีร์ยมันตอบรับคำผม แล้วร้องเสียงดังเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

             “เป็นไรวะ เดีร์ย ร้องเสียงดังเกินไปแล้ว นี่ร้านหนังสือนะผมเลยดุมัยไปซะ

             “โทษทีพี่ คือผมพึ่งนึกออก ก่อนที่จะถึงกะของพี่อ่ะ มีลูกค้ามาถามหาพี่แหละ

             “ใครวะ??”

     

             ผมถามมันด้วยความไม่เข้าใจ เพราะผมก็ไม่ได้สนิทอะไรกับลุกเป็นพิเศษอยู่ แล้วจะมีก็แต่ที่คุยกันถูกคอเท่านั้นแหละครับ เพราะชอบหนังสือแนวเดียวกันเลยคุยกันได้นานกว่าคนอื่นๆ

     

             “ก็ลูกค้าคนเมื่อวานแหละครับ เข้าบอกมีเรื่องที่จะต้องคุยกับพี่อ่ะ

             “อ่า แล้วเขาจะมาคุยกับพี่ทำไมอ่ะ?”

             “ผมจะไปรู้มั้ยเนี่ย แล้วก็นี่” เดีร์ยมันยื่นกระดาษแผ่นเล็กมาให้ผม คิดว่าน่าจะเป็นนามบัตรนะครับ

             “นามบัตร?” ผมคิดถูกจริงๆด้วยครับ ผมรับนามบัตรมา แล้วถามเดีร์ย แต่พอลองอ่านดูก็รู้แล้วว่ามันเป็นของผู้ชายคนนั้น อื้อออ

     

             เพลย์เยอร์  ชื่อนี่แบบ...

     

             อ่า แต่ก็นะ ชื่อกับหน้าตามันเข้ากันอยู่หรอก ชื่อก็ออกแนวต่างชาติหน้าตาก็ไปทางเดียวกัน อยากรู้จริงว่าเขาต้องการเจอเราทำไม?

     

     

             Rrrrr

             

             “ครับร่างสูงกดรับสาย แต่ก็ต้องสงสัยเมื่อเห็นเมื่อเห็นเบอร์ที่ไม่คุ้น

             [อ๊ะ คุณคือ คุณเพลย์เยอร์ใช่มั้ยครับ?] 

             ปลายสายตอบกลับมา ก็ยิ่งทำให้เพลย์เยอร์สงสัยยิ่งด้วยกว่าเดิม ว่าปลายสายรู้จักชื่อเขาได้ยังไง แถมเบอร์ที่โทรมาก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเบอร์จากร้านอะไรสักอย่างด้วยสิ

             “อ่าาา ใช่

             [ครับ ผมเป็นพนักงานจากร้าน ‘Story of my book’ ครับ รุ่นน้องที่ร้านบอกว่าคุณต้องการจะคุยอะไรกับผมครับ]

     

             อ่า งี้นี่เองสินะ ที่แท้ก็หมอนั้นนี่เอง ร่างสูงคิด รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่มุมปาก สร้างความความแปลกตให้กับเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันเป็นอย่างมาก

             “อ่า นายนี่เองสินะเพลย์เยอร์พูดอยู่อย่างเข้าใจ แต่กลับทำให้ปลายสายงงซะเอง

             [ครับ?]

             “ทำไมถึงใช้โทรศัพท์ร้านโทรมาล่ะ?” ร่างสูงถามเพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงใช้โทรศัพท์ของทางร้านโทรมาหาเขา

             [คุณหมายความว่าไงครับ?]

             “เอางี้นะ นายใช้โทรศัพท์ของนายโทรมา แล้วฉันจะบอกว่าฉันจะคุยอะไรกับนาย เพราะถ้าใช้โทรศัพท์คุยเกิดมีลูกค้าโทรมาสั่งจองหนังสือจะทำไงล่ะ?” 

             ในเมื่อถามไปแล้วอีกฝ่ายไม่เข้าใจเพลย์เยอร์เลยเลือกที่จพูดให้ปลายสายใช้โทรศัพท์ส่วนตัวโทรมาหาเขาแทน เหมือนเป็นการขอเบอร์โทรศัพท์ทางอ้อมอย่างไรอย่างนั้น

             [อะ เอางั้นก็ได้ครับ] 

             ร่างบางที่ไม่รู้อะไรก็ตอบรับคำ ไปแบบงง แต่ก็ยังแอบคิดอยู่เหมือนกันว่า อาจจะเป็นอย่างที่ร่างสูงพูดก็ได้ จึงตัดสายไป และสักพักเสียงโทรศัพท์ของร่างสูงก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

     

             ครั้งนี้ เพลย์เยอร์ไม่ลังเลที่จะกดรับเลย เพราะเขาคิดว่ายังไงก็ต้องเป็นคิทอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนความคิดของเขาจะพลาดซะแล้ว เพราะคนที่โทรมาไม่ใช่คนที่เขาต้องการจะคุยด้วเลย

     

     

              “ครับ” ร่างสูงกดรับสายด้วยรอยยิ้ม

              [พี่เพลย์ค่ะ] แต่เมื่อเสียงจากปลายสายตอบกลับมา ก็ทำให้รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากหายวับไปทันที

    “หืม? ใคร?” เพลย์เยอร์เอ่ยถาม เพราะเขาก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าให้เบอร์กับผู้หญิงไปมากแค่ไหน เลยจำเสียงของพวกเธอไม่ได้เลย

    [อะไรกัน ลืมจีจี้ไปแล้วหรอค่ะ น่าน้อยใจจริงๆเลย] น้ำเสียงน้อยใจถูกส่งกลับมา มันน่าจะทำให้ร่างสูงนึกออก แต่เปล่าเลย มันกลับทำให้เพลย์เยอร์รู้สึกรำคาณมากกว่า

    “จีจี้....อ่าาา พี่ขอโทษครับ พอดีพี่จำเสียงจีจี้ไม่ได้น่ะ ขอโทษทีนะครับ” 

    ร่างสูงพยายามที่จะพูดดีๆกับหญิงสาวปลายสาย เพราะยังไงเขาก็ยังอยากจะเก็บผู้หญิงในต็อกไว้ควงเล่นๆแก้เซ็งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องตัดพวกเธอออกไปตอนนี้

    [ไม่เป็นไรค่ะ แต่พี่เพลย์ต้องมาหาจีจี้นะค่ะ]

    “ครับ พี่ไปแน่ แต่วันนี้ไม่ว่างเลยครับ เอาเป็นพรุ่งนี้แทนได้มั้ย?”

    [ก็ได้ค่ะ แต่ที่เดิมนะค่ะ]

    “ครับ อ่าาา จีจี้ครับ พี่ต้องรีบไปแล้วครับ แค่นี้นะ”

     

    พูดจบร่างสูงก็ตัดสายทิ้งมันที เรียกเสียงเยาะเย้อจากเพื่อนสนิทที่นั่งดูทีวี หรือ จะเรียกว่านั่งฟังเขาคุยโทรศัพท์มากว่าดี

     

    “หึหึ อะไรกันพ่อหนุ่มนักรัก ก่อนน่านี้ยังยิ้มมีความสุขอยู่เลย แต่ทำไมพอเด็กโทรมากลับทำหน้าเซ็งเป็ดแบบนั้นกันล่ะครับ” 

    เสียงแซวจากเพื่อนสนิททำให้ร่างสูงแทบจะขย้ำคอเพื่อนซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

     

    “ยุ่งน่า...ว่าแต่นี่ทำไมยังไม่โทรมาอีกวะ”

    “อะไรกันๆ เขาอาจจะโทรมาแล้ว แต่ติดสายที่มึงคุยกับเด็กมึงอยู่รึเปล่า เขาเลยไม่โทรมาน่ะ!!” จบคำพูดของเพื่อน เพลย์เยอร์ก็ตกอยู่ในภวงค์ของตัวเอง

    .........”

    ร่างสูงคิดได้แค่ ถ้าคนที่เขาอยากจะคุยด้วยไม่ทีมา เขาก็อาจจะไปหาอีกฝ่ายที่ร้านเลยก็ได้ แต่ว่าถ้าทำแบบนั้น มันจะดูไม่ดีน่ะสิ อ่าาาา....แล้วเขาจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย!!

     

    ---------------++++++++++++++----------------

     

    อ่าาาา....ไอ้บ้า บอกให้เราโทรไป แต่กลับติดสายอยู่เนี่ยนะ ไม่อยากจะเชื่อเลย!

     

    “อะไร? เป็นอะไรไปพี่ ทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนแล้วนั่น ไปโมโหอะไรมาเนี่ย??” ไอ้เดีร์ยมันถามผม ผมละสายตาจากสมุดรตรวจสต็อกสินค้า หันไปมองหน้ามันที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

    “ไม่มีอะไรหรอก แค่ร้อน!”

     

    “ห๊ะ!! ร้อน O[]O!!” เป็นใคร เข้าก็ไม่เชื่อหรอกครับที่ผมพูดน่ะ ยิ่งไอ้เดีร์ยแล้วด้วย ไม่มีทางเชื่อผมหรอก ก็ตอนนี้ผมอยู่ในร้านใช่มั้ย? และในร้านก็ใช่ว่าจะร้อนอะไร เผลอๆ อาจจะหนาวเลยด้วยซ้ำ แอร์นี่ แถบจะทุกมุมร้านเลย ใช่ตายสิ!!

     

    “ผมไม่เข้าใจพี่เลยวะ บอกตรงๆ ผมไม่ชอบเอาซะเลยไอ้นิสัยชอบเก็บเงียบไว้คนเดียวเนี่ย” เอิ่ม คือเดีร์ยครับ เรื่องที่กระผมไม่บอกคุณมึงมันไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลยนะครับ และอีกอย่างทำไมกูต้องบอกมึงว๊าาาา!!

     

     

    --------+++------

     

     70%

     

    ถ้าพี่คิทจะกลัวน้องได้น่ารักแบบนี้นะ!!

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×