ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมShort Fic_K-pop

    ลำดับตอนที่ #1 : SF-Jo twins_เช้าที่ตื่นมาไม่มีนาย

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 55


    [SF-BF] เช้าที่ตื่นมาไม่มีนาย KMxYM
     
    ผมตื่นขึ้นจากฝันร้ายมันทำให้ผมรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมปวดตุบๆเลย เหงื่อก็ไหลมออกมาอย่างกับผมไปวิ่งมาแหนะ ภาพในฝันยังคงติดตาจะลบยังไงก็ไม่ออกเลย ผมไม่สามารถลืมมันได้ จะข่มตาให้หลับต่อก็ทำไม่ได้ ผมจึงเลือกที่จะลุกขึ้นมาเปิดไฟดวงเล็กๆที่หัวนอนของผมและหยิบ เจ้าipadลูกรักของผมที่วางอยู่ไม่เคยห่างตัวขึ้นมา มันเปรียบเสมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของผมเลยนะ
    ผมเลือกที่จะเขียนไดอารี่เล่าเรื่องราวที่ทำให้ผมไม่สามารถนอนหลับต่อไปได้ ผมเหลือบมองผ่านความมืดไปยังทิศทางที่มีใครบางคนที่อยู่ในห่วงความคิดของผม แม้จะมืดสักเพียงใดแต่ผมได้รับรู้ว่าเขายังอยู่ ผมก็รู้สึกโล่งใจแล้ว
    ผมหันกลับมายังลูกรักของผมแล้วเริ่มกดพิมพ์ตัวหนังสือร้อยเรียงเป็นเรื่องราว
    ‘สวัสดี ไดอารี่ของยองมิน ฉันมีเรื่องมากมายอยู่ในหัวของฉันตอนนี้ ทั้งที่มันดึกมากแล้วแต่ฉันกลับข่มตานอนไม่ได้เพราะฝันร้ายที่ทำให้ฉันตื่นขึ้นมา มันทำให้ฉันรู้สึกหดหู่แล้วอ้างว้างอย่างที่สุด น้ำตาก็ไหลไม่หยุดเลย เพราะสิ่งที่ฉันฝันมันทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความทรมาณ หัวใจของฉันตอนนี้ยังเจ็บอยู่เลย
    ฉันฝันว่า ฉันอยู่กับกวังมินเรากำลังเดินข้ามถนน แต่อยู่ๆก็มีรถยนต์วิ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็ว ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เพียงยืนมองแสงไฟจากตัวรถที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาที่พวกเรา ฉันไม่ได้หันไปมองที่กวังมินเลย แต่ได้ยินเสียงของเขากำลังเอ่ยชื่อฉัน “ยองมินๆ” น้ำเสียงของเขาบอกถึงความตกใจไม่แพ้กัน ‘ โค่ม ’ เสียงกระแทกดังลั่น นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยิน แล้วจากนั้นฉันก็มารู้สึกตัวตอนที่ตัวของฉันกระแทกกับพื้นถนนข้างฟุตบาท หูของฉันเหมือนจะบอดเสียแล้ว ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แสงไฟจากรถยนต์ยังคงสาดแสงอาบไปทั่วร่าง เจ้าของรถวิ่งลงมาเพื่อดูร่างที่จมกองเลือดบนพื้นถนน เจ้าของรถเป็นชายวัยรุ่นเมื่อเขาเห็นร่างตรงหน้าสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นซีดสนิท เขามองมาที่ผมเพียงแว๊บเดียวเท่านั้นก็รีบวิ่งขึ้นรถแล้วขับถอยหลัง และเลี้ยวหลบร่างบนพื้นถนนไป ฉันมองดูร่างตรงหน้าร่างที่มีแต่เลือดฉาบ ร่างน้องชายของฉัน ‘กวังมิน’
    แล้วฉันก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยอาการกระตุกของหัวใจ ขอบตาร้อนผ่าวแต่ใบหน้ากลับเย็นวาบ ด้วยน้ำตาที่ไหลอาบข้างแก้ม
    สิ่งที่เกิดขึ้นในฝันมันทำให้ฉันรู้แล้วว่า ถ้าต้องสูญเสียนายไปฉันคงต้องคลั้งตายเป็นแน่ วันนั้นฉันคงเจ็บเจียบตาย ขนาดเป็นเพียงความฝันฉันยังเสียน้ำตาขนาดนี้ นายคงเดาไม่ออกหรอกว่ามันมากขนาดไหน แต่มันก็เทียบไม่ได้กับความรู้สึกทรมาณที่มันกำลังบีดหัวใจของฉันตอนนี้
    กวังมิน ,โจ กวังมิน แฝดของฉัน แล้วนายยังเป็นน้องชายของฉันอีกด้วย แม้นายจะไม่เคยยอมรับมันก็เถอะ แต่นายรู้ไหมว่าฉันดีใจที่มีนายเป็นน้องชายของฉัน จริงๆนะ ถึงฉันอาจจะไม่ได้พูดหรือแสดงออกบ่อยๆแต่ฉันก็เป็นห่วงนายมากนะ แม้ว่าบ้างครั้งอาจจะเป็นนายซะอีกที่เป็นฝ่ายดูแลฉัน ใครๆอาจดูไม่ออกแต่ฉันก็รับรู้ได้ว่านายคอยเฝ้ามองฉันอยู่ห่างๆ คอยส่งกำลังใจให้ฉันอย่างเงียบๆ ฉันรู้สึกถึงมันได้ ขอบคุณนะที่คอยอยู่เคียงข้างกันเสมอ และฉันหวังว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
    ยองมิน
    วันที่??/??/????’
     
    สิ้นเสียงมินวู เขาก็ยื่นลูกรักของยองมินมาให้ผม จริงๆควรจะเรียกว่ากระแทกใส่หน้าอกของผมท่าจะถูกกว่า
    “นายรู้สึกยังไงบ้าง” พี่ดงฮยอนเป็นคนเริ่มเปิดบทสนทนา หลังจากที่มินวูอ่านไดอารี่จากipadจบ
    “รู้สึกอะไรเหรอครับ” ผมตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ
    “รู้สึกอะไรเหรอครับ หึ” พี่จองมินย้อนคำพูดของผมอย่างไม่พอใจ
    “กวังมิน ทำไมนายเป็นคนแบบนี้นะ” มินวูพูดก่อนจะปาดน้ำตาที่เริ่มคลอออกมาที่ขอบตาของเขา
    “อย่าไปพูดกับคนแบบนี้เลย” พี่ดงฮยอนพูดก่อนจะดึงมือของมินวูออกไปจากห้องนอนของผม ตามไปด้วยพี่จองมิน และพี่ฮยอนซองที่ตบไหล่ของผมเบาๆแล้วเดินออกไป ผมปิดประตูแล้วนั่งลงบนเตียงของยองมินที่อยู่ข้างประตูห้อง
    ตอนนี้จึงเหลือเพียงผมกับเจ้าipadลูกรักของยองมินเท่านั้น ผมมองดูวันที่ในไดอารี่ของยองมินมันทำให้ผมนึกขึ้นได้
     
    ว่าวันนั้น...
     
    “ยองมิน กวังมิน ตื่นได้แล้ว มันสายแล้วนะ” พี่ฮยอนซองเป็นคนเข้ามาปลุกพวกเราทั้งคู่ ผมลุกก่อนจึงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว พอออกมาก็เห็นว่าคนขี้เซ้ายังไม่ยอมขยับตัว
    “ยองมิน ตื่นสิ อยากโดนดุอีกหรือไงกัน” ผมพูดแล้วเขย่าตัวเขาไปมา คนขี้เซ้าจึงยอมลุกไปอาบน้ำแต่งตัว
    พวกพี่ๆกับมินวูเตรียมตัวกันเรียบร้อยก็ไปรอกันที่รถ ในระหว่างทางที่ผมกับยองมินเดินไปรถผมก็สังเกตเห็นดวงตาของเขา
    “ยองมิน ตานายบวม” ผมบอกเขาแต่พอมองดูดีแล้ว “มันแดงด้วยนะ”
    “คงนอนมากไปมั้ง” เขาตอบแบบไม่ใส่ใจนักผมเลยไม่ได้ติดใจอะไร
    “อย่างนั้นเลย” ผมพูดขึ้นลอยๆขณะที่ยังมองเขาอยู่ เขาเองก็มองตอบผมเช่นกัน วันนี้สายตาที่เขามองผมมันอ่านยากกว่าทุกที ผมไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป แต่ผมก็จะคอยมองเขาอยู่ห่างๆ และบางครั้งสายตาเขาก็สบกลับมาเช่นกัน...มันไม่ปกติเลย 
                 แต่ใช้เวลาเพียงไม่นาน ที่เขาได้อยู่กับเหล่าสมาชิกคนอื่นๆ เขาก็กลับมาร่าเริงสดใสเหมือนเดิม
     
    เสียงประตูเปิดเข้ามา ดึงสติของผมให้กลับออกมาจากห่วงของความคิด ให้กลับมาสู่ปัจจุบัน
     
    “กวังมิน พี่จะออกไปซื้อของเราจะเอาอะไรไหม” พี่ฮยอนซองถามเข้ามาจากหน้าประตู
    “ไม่ต้องไปถามหรอก คนแบบนั้นน่ะ” เสียงพี่จองมินดังแทรกเข้ามา
    “ไม่ครับ ขอบคุณครับ” ผมตอบกลับพี่ฮยอนซองและโค้งให้เล็กน้อย
    “หรือเราอยากออกไปด้วยกันไหม” สีหน้าพี่ฮยอนซองบอกความเป็นห่วงได้อย่างชัดเจน
    “ไม่ครับ” ผมส่ายหัวยิ้มตอบพี่ฮยอนซอง เพื่อให้เขาคลายความเป็นกังวล
    พี่ฮยอนซองจึงเพียงพยักหน้าแล้วปิดประตูกลับออกไป ถึงแม้จะปิดประตูแต่ก็ยังคงได้ยินเสียงเหล่าสมาชิกที่รวมตัวอยู่ห้องนั่งเล่นข้างนอก
    “ฮยอนซอง รีบไปรีบมานะ ระวังล่ะ” เป็นเสียงพี่ดงฮยอน เป็นอย่างนี้เสมอผมถึงบอกว่าพี่เขาเป็นลีดเดอร์ที่แท้จริง เพราะพี่เขาจะคอยเป็นห่วงดูแลทุกคนเสมอ
    “ครับ” เสียงพี่ฮยอนซองตอบกลับ แล้วทิ้งท้ายด้วยเสียงประตูซึ่งแสดงว่าพี่ฮยอนซองออกไปแล้ว
     
                พอเงียบได้สักพักก็มีบทสนทนาดังขึ้นอีก
     
    มินวู : พี่ว่ากวังมินจะเสียใจบ้างไหมฮ่ะ
    จองมิน : คนอย่างนั้นเหรอเสียใจ หึ! ฉันยังไม่เห็นน้ำตามันสักหยด
    ดงฮยอน : ทั้งที่ปกติก็เห็นร้องไห้ง่ายจะตาย
    มินวู : แต่ว่า
    ดงฮยอน : ทั้งที่ยองมิน...
    จองมิน : ฉันว่ายองมินน่ะดูมันผิดไปแล้ว
    ดงฮยอน : มินวู นายน่ะเข้าข้างเพื่อนมากไปแล้ว
    จองมิน:ฮยอนซองก็อีกคน เป็นคนดีตลอดเวลา
    บทสนทนาเงียบลงไปแล้ว
    “นายไม่มีหัวใจอย่างนั้นเหรอ กวังมิน” เสียงมินวูก็ดังขึ้นมาใกล้มากๆเหมือนว่าเขาอยู่ตรงประตูเลย
    ‘ไม่มีหัวใจ อย่างนั้นเหรอ!’ ผมคิดทวนประโยคนี้หลายครั้ง
    “ฉันอาจจะเป็นอย่างนั้นล่ะมั้ง มินวู” ผมตอบเขาเพียงในใจเท่านั้นไม่ได้เอ่ยบอกมันออกไป
    โดยปกติแล้วความคิดของผมก็เป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับสมาชิกทุกคนอยู่แล้ว ผู้จึงไม่รู้สึกอะไรมากมายนัก ถ้าใครๆจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ ผมไม่เคยสนใจว่าใครจะมองผมอย่างไร ผมรู้เพียงว่าไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็เป็นพอ ผมแสดงออกไม่เก่งและพูดไม่เก่งอย่างยองมิน เพราะผมเองเป็นคนแบบนี้เป็นประเภทที่คอยมองดูคนที่รักอยู่ห่างๆ คอยเป็นห่วงอยู่เงียบๆ ผมขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มและรับรู้ว่าเขามีความสุข เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
    ยองมิน ,โจ ยองมิน แฝดของฉัน ฉันไม่เคยเกลียดนายเลยนะ สิ่งที่ฉันแสดงออกไปอาจจะไม่ดีนัก พูดดีๆก็ไม่ค่อยเป็น ฉันคิดไปว่านายเข้าใจมัน ในบางทีฉันก็คิดว่าเราอาจจะไม่จำเป็นต้องแบ่งปันความสุขซึ่งกันและกัน แต่ฉันก็พร้อมจะรับความทุกข์ของนายนะ ฉันไม่อาจทนเห็นนายทุกข์ใจหรือเสียใจไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็ตาม เพราะนายคือทุกอย่างของฉัน นายคือความสุขของฉัน แม้ฉันจะไม่เคยพูดมันออกไปแต่ก็หวังว่านายจะเข้าใจได้ เรารูสึกถึงกันได้...ใช่ไหม...
    ผมเริ่มค้นหาปากกาและกระดาษขึ้นมาเขียนความรู้สึกของผมลงไป ก่อนที่ผมจะเข้านอนในราตรีนี้ ดำดิ่งสู่ห่วงนิทราเพื่อไปพบยองมิน
    ในเช้าวันรุ่งขึ้นคงเป็นมินวูที่เข้ามาปลุกผมให้ตื่นหรืออาจเป็นพี่ฮยอนซอง แต่ไม่ว่าจะเป็นใครนั่นมันก็ไม่ได้สำคัญเลย เพราะเพียงใครสักคนที่เข้ามาปลุกผมก็คงจะได้พบกระดาษโน็ตนี้
     
    ถึงลีดเดอร์ดงฮยอน พี่เป็นลีดเดอร์ที่แท้จริง ขอบคุณที่คอยดูแลผมมาเสมอ
    ถึงพี่จองมิน ผมนับถือพี่เสมอ พี่ยังคงเจ๋งที่สุดเลย
    ถึงพี่ฮยอนซอง ขอบคุนที่พี่ใจดีกับผมเสมอ พี่เป็นคนดีที่หนึ่งเลย
    ถึงนายมินวู ที่นายถามฉัน(ฉันได้ยินนะ) ฉันก็คงต้องตอบนายว่า ฉันคงไม่มีหัวใจอย่างที่นายว่านั่นแหละ ก็หัวใจของฉันอยู่ที่ยองมินเหมือนกับที่หัวใจของยองมินอยู่ที่ฉันเพราะเราเป็นแฝดกันยังไงล่ะ
    ถึงยองมิน ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะเขียนถึงนายทำไม เพราะเรากำลังจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปอย่างที่นายว่าแล้วนิ ถ้าอย่างนั้นที่เหลือฉันจะรอไว้บอกกับนายเองล่ะกัน (: คิดถึงนายที่สุด!
    กวังมิน 4D
     
     
    แล้ววันใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งพร้อมอรุณที่กำลังทอแสงแข่งกับหมู่เมฆที่ขุ่นมัว ดังกับว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะต้องมีพายุฝนเป็นแน่
                ชายร่างเล็กพ่วงตำแหน่งน้องเล็กประจำวงทำหน้าที่อย่างรู้งาน เขาเตรียมตัวเรียบร้อยเป็นคนแรกจึงอาสาไปปลุกแฝดน้องของวงให้ตื่นจากห่วงนิทราอย่างเคยทำเป็นประจำ แต่หากไม่เหมือนกับทุกวันที่เคยเป็น
                "พี่ๆ พี่ดงฮยอน พี่ๆ" เสียงแหลมเล็กดังวี๊ดดดแสบแก้วหู ทำให้ทุกคนวิ่งเข้ามาหาตัวต้นเสียงที่อยู่ภายในห้องนอนของแฝดน้อง แต่เมื่อทุกคนได้เห็นสภาพภายในห้อง ความเงียบก็เข้าปกคลุมอยู่อึดใจหนึ่งก่อนเสียงพี่ใหญ่จะดังขึ้นอีกครั้ง
                "โทรศัพท์ๆ โทรศัพท์เรียกรถพยาบาลเร็วววววว" พี่ใหญ่ของวงแฟดเสียงอย่างเรียกสติทุกคน ทำให้เหตุการณ์กลับมาชุลมุนอีกครั้ง ร่างทั้งหลายวิ่งวนสวนกันไปมาเหมือนคนสติแตก
                "รถพยาบาลๆ เร็วๆซี~~~" เสียงทุกคนตะโกนโวกเวกจนไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใคร
               
                แล้วพายุฝนก็สาดเทลงมาจริงๆดังคาด หยาดฝนไหลผ่านขอบหน้าต่างบดบังภาพเหตุการณ์ที่แสนวุ่นวาย เสียงฝนดังกลบเสียงหัวใจของเหล่าสมาชิกที่กำลังสับสน
                เมื่อไรกันที่สายฝนจะหยุดลงเสียที!!!
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×