คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER 6 [100% Complete]
Chapter 6
ตอนที่ 6
“ทำไมนายถึง..รู้ล่ะว่าฉันออกไปเจอกับทงเฮมา..” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากที่เขาคลายอ้อมกอดของเขาออก ใบหน้าของฉันไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไปเคลวินก็เช่นกัน “ละ..แล้วทำไมนายจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วย”
“มีอะไรเกี่ยวกับเธอที่ฉันไม่รู้บ้างล่ะ? ฉัน..เคลวินวู เป็นถึงคู่หมั้นของ เจสสิก้าจอง ทำไมเรื่องแค่นี้ฉันจะไม่รู้ล่ะ แล้วที่ฉันโกรธเธอเพราะอะไรรู้ไหม..เธอรู้ตัวรึเปล่าว่าการที่เธอไปพบเจอกับมันก็เท่ากับเธอน่ะกำลังนอกใจฉัน..”
เคลวินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับมือหนาของเขาที่ส่งมาลูบผมของฉันเบาๆ ฉันก็อยากจะพูดเหมือนกันว่าเคลวินวู คนที่หน้าไหว้หลังหลอกอย่างเขา ก็แอบมีใครคนอื่นลับหลังฉันเหมือนกัน! ไม่รู้ว่าเขาไม่กระดากปากบ้างรึไงนะ..กล้าพูดออกมาได้..ว่าฉันนอกใจ
“ทำไมนายถึงไม่มีความเชื่อใจในตัวฉันบ้างล่ะ? นายก็รู้..ว่าฉันนั้นมั่นคงต่อนายแค่ไหน..ฉันคิดว่าคงจะเป็นนายมากกว่า..” ฉันไล่มือไปตามแผงอกกว้างของเขา ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่เน็กไทสีดำเรียบ ฉันออกแรงดึงเบาๆพอให้เขารู้สึกตัว “ที่กำลังนอกใจ..” ใบหน้าคมของเขาเข้าใกล้ฉันมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ
..มีฉันคนเดียวยังไม่พอหรือยังไงกัน..ถึงได้ไปคว้าเอาเพื่อนสนิทของฉันมาด้วย..
“ไม่มีทาง..ไม่มีทางที่ฉันจะทำแบบนั้นแน่นอน ฉันขอให้เธอวางใจได้เลย..” ปลายจมูกของฉันและเขาเกือบจะแตะกัน แต่ฉันดันไหล่แกร่งของเขาเอาไว้เสียก่อน ฉันยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ
“ฉันหิวน้ำ..นายช่วยหยิบน้ำให้ฉันหน่อยได้ไหม?” ฉันพูดขึ้นก่อนจะเสหน้าไปทางอื่น เคลวินขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันอย่างหงุดหงิดแล้วผละออก ฉันมองตามแผ่นหลังของเขาพลางแสยะยิ้มออกมาอย่างสะใจ เคลวินหยิบเหยือกน้ำใสขึ้นก่อนจะบรรจงเทน้ำที่อยู่ข้างในเหยือกลงไปในแก้ว..
“อีกสามวัน..เธอต้องเตรียมตัวกลับเกาหลีกับฉัน กลับบ้านของเรา..” เคลวินพูดพลางส่งแก้วที่มีน้ำอยู่ครึ่งมาให้ฉัน คำพูดของเขาทำให้ฉันชะงักไปชั่วครู่ ทำไมต้องให้ฉันกลับไปที่นั้น! ที่ที่มันมีแต่ความทรงจำแย่ๆ! ที่ที่เคลวินมีคนอื่น! มีคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน! ฉันเกลียดที่นั้น!
“ทำไม..”
“ฉันปล่อยให้เธออยู่ที่นี้คนเดียวไม่ได้..ถ้าอาการปวดหัวของเธอกำเริบขึ้นมาอีก แล้วจะทำยังไง?” ฉันไม่อยากจะกลับไปที่นั้น ไม่อยากเลย..ทำไมต้องให้ฉันกลับไปอยู่ในที่ที่มีแต่ความทรงจำแย่ๆ พอฉันกลับไปที่นั้น ฉันเกลียด..เกลียด! เกลียดที่สุด!
เพล้ง!
“อ้าย! ไม่กลับ! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น! ได้ยินไหม! ฮึก..ไม่กลับ..ไม่ไป”
ฉันปาแก้วไปกระทบกับพนังสีขาวสะอาดของโรงพยาบาลด้วยความโมโห เศษแก้วกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ฉันมองเศษแก้วนั้นพลางยิ้มออกมา แก้วใบนั้นช่างเหมือนความรักของฉันและเคลวินเสียจริง..เป็นแก้วที่แตกกระจัดกระจาย ไม่มีทางที่จะกลับมาเป็นรูปร่างเดิมได้อีก..
“เจสสิก้า..” ร่างสูงมองฉันแบบอึ้งๆ ก่อนจะรีบเข้ามาสวมกอดฉันเอาไว้ “อย่าเป็นแบบนี้สิ..” มือหนาของเขาลูบที่แผ่นหลังของฉันอย่างแผ่วเบา ฉันจิกเล็บลงไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างแรง..แต่เคลวินกลับยังคงกอดฉันเอาไว้อยู่..ไม่มีทีท่าว่าจะคลายอ้อมกอดของเขาออกจากฉัน
“ไม่! ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น! ฮึก! ฉันจะไม่ไป..ฮึก..ไหนทั้งนั้น!” ฉันทุบตีที่อกกว้างของเขาอย่างแรง ฉันจะไม่มีทางกลับไปเหยียบที่นั้นอีกแล้ว..ที่ที่มันตอกย้ำว่าฉันเป็นคนแพ้..
ถ้าให้ฉันกลับไปที่นั้นยอมให้ฉันกัดลิ้นตายเสียดีกว่า!!
“กลับบ้านของเราเถอะนะ..กลับไปอยู่กันสองคน..”
ฮึ..บ้านงั้นเหรอ..ไอ้บ้านที่มันมีแต่ฉันที่นั่งเฝ้าอยู่คนเดียวอย่างนั้นสินะที่เรียกว่า..บ้าน..บ้านที่คนอย่างเคลวินไม่เคยคิดจะกลับมา! เขาไม่เคยทำให้ฉันมั่นใจเลยว่าเขาจะแต่งงานกับฉัน..เขาไม่เคยทำให้ฉันมั่นใจว่าเขารักฉัน ไม่เคย ไม่มีครั้งไหนที่ฉันจะไม่ร้องไห้หลังจากที่รอทานข้าวเย็นกับเขาทุกวัน..แต่ทุกครั้งก็ไม่มีแม้แต่เงาของเขา..สุดท้ายก็เหลือแค่ฉันที่กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ตัวหนึ่งภายในบ้าน..
“ฮึก! ถ้าให้ฉันกลับไปที่นั้น! ให้ฉันตายที่นี้ตรงนี้ยังจะดีกว่า! ฮึก” ฉันพูดพร้อมกับผลักเคลวินออก..ฉันดึงสายน้ำเกลือออกอย่างแรง โลหิตสีแดงที่ไหลออกมาจากแขนของฉันทำให้เคลวินมีสีหน้าอึ้งไปไม่น้อย มือหนาของเขารีบกอบกุมที่ข้อมือของฉันไว้ แต่ฉันไม่รับความหวังดีจากเขาพร้อมทั้งยังสะบัดข้อมือออกอย่างแรง “อย่ามายุ่งกับฉัน! ฮึก..ถอยออกไปไกลๆจากฉัน!”
“พอได้แล้วเจสซี่..อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้ พอได้แล้ว..หยุดสักที ไม่กลับก็ไม่กลับหยุดร้องไห้เถอะนะครับ..ไม่ร้องไห้นะครับ..พอเถอะนะ ไม่ต้องกลับไปไหนแล้ว..เธอไม่ต้องไปที่ไหนอีกแล้ว”
[ต่อคะ]
“...”
“ทานยาเถอะนะ..ทานยาแล้วพักผ่อน..ฉันจะไม่กวนเธอแล้วแหละ” เคลวินหยิบแก้วใบเล็กที่บรรจุยามายื่นให้ฉัน ก่อนจะเดินไปรินน้ำในแก้วใหม่มายื่นให้ฉัน ฉันมองยาสองสามเม็ดที่อยู่ในมือสักพักหนึ่งก่อนจะโยนมันเข้าปากไปแล้วดื่มน้ำตาม..
“...”
“ฉันจะไปตามพยาบาลมาทำแผลให้เธอเอง..เธอก็นอนพักผ่อนรอไปก่อนนะ” เคลวินพูดพร้อมกับเดินหันหลังออกจากห้องไป หลังจากที่ทานยาเข้าไปแล้วรู้สึกเพลียแปลกๆ สงสัยยาที่ทานเข้าไปคงจะเป็นยาที่มีฤทธิ์ของยานอนหลับผสมอยู่ด้วย ถึงทำให้ฉันง่วงได้ถึงขนาดนี้..
“...”
ฉันเอนตัวลงนอน ก่อนจะปิดเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งนี้ลงช้าๆ หวังว่าวันพรุ่งนี้จะดีขึ้นกว่าเดิม..ดีขึ้นกว่าวันนี้..ฉันหลับตาลงทั้งๆที่เลือดยังไหลอยู่ เหนื่อยเหลือเกิน..ช่างเหน็ดเหนื่อยกับการที่ต้องรับรู้ความจริงอะไรหลายๆอย่าง
Kris’s part
“ฉันจัดการทำแผลที่ข้อมือของคุณเจสซี่ให้แล้วนะคะ,เอ่อ..แล้วก็คุณหมอขอพบกับคุณด้วยนะคะ”
คุณพยาบาลละสายตาจากเจสซี่ ก่อนจะหันหน้ามาพร้อมกับยิ้มๆให้ผม ข้อมือข้างซ้ายของเจสซี่มีผ้าก็อซสีขาวสะอาดพันอยู่นั้นเลยทำให้ไม่สามารถเจาะสายน้ำเกลือได้ คุณพยาบาลจึงต้องย้ายมาเจาะสายน้ำเกลือที่ข้อมือข้างขวาแทน
“พบผมเหรอครับ?” ผมรู้สึกงงนิดๆที่อยู่ดีๆคุณหมอประจำตัวของเจสซี่ก็มาขอพบ ทั้งๆที่เจสซี่ก็ปลอดภัยดีอยู่แล้วหนิ “มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือครับ?”
“เอาเป็นว่า..ดิฉันแนะนำให้คุณไปพบกับคุณหมอเป็นการส่วนตัวจะดีกว่านะคะ คุยกันตรงนี้ดิฉันคิดว่าคงจะไม่สะดวกสักเท่าไหร่.."
คุณพยาบาลยิ้มให้ผมก่อนจะเดินนำผมไปที่ห้องส่วนตัวของคุณหมอประจำตัวเจสซี่ ผมเดินไปอย่างอยากรู้อยากเห็น..ผมมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูสีขาวสะอาดตา หน้าประตูบานใหญ่มีป้ายชื่อติดอยู่ ชื่อของเขาทำให้ผมรู้สึกดีใจนิดๆที่เจอเพื่อนสนิทสมัยเรียนอยู่ที่แคนาดา
Henry L.
แอ๊ด..
“อ้าว..ไอ้เคลวิน มึงมาที่นี้ได้ไงวะ? กูก็นึกว่ามึงนอนตายคาอกสาวๆอยู่ที่เกาหลีซะแล้ว” คำทักทายคำแรกก็เอาซะความเป็นมิตรของผมกับมันแทบหดหาย เป็นคำทักทายที่โคตร..จะดีเลยครับ “มาๆนั่งก่อน มึงไม่ได้เอาตูดมารึไงว่ะ? นั่งก่อนๆ”
“มึงย้ายมาเป็นหมออยู่ที่นี้เหรอว่ะ? กูไม่เห็นยักรู้เรื่องอะไรเลย” ผมเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้นวมสีครีมอ่อนที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของไอ้เฮนรี่ “กูอยากรู้จริงๆเลยว่ะ..ว่ามึงทำคนไข้ตายไปกี่คนแล้วว่ะ?” ผมพูดปนหัวเราะเบาๆ
“สัส! มึงเจอเพื่อนแล้วมึงปากหมาใส่อย่างนี้เหรอว่ะ? เดี๋ยวปั๊ดเตะก้านคอหักซะเลย”
“อย่างมึงเตะก้านคอกูถึงด้วยเหรอว่ะ? มึงเตี้ยกว่ากูตั้งเยอะ..สงสัยมึงคงต้องกินนมเยอะๆหน่อยว่ะ ต้องทำใจนะครับ..ก็คนมันสูงว่ะช่วยไม่ได้” ผมยิ้มอย่างมีชัยชนะ..ก่อนจะยักคิ้วใส่มันอย่างวินๆ ก็ช่วยไม่ได้นะครับ..กรรมพันธุ์มันเพอร์เฟ็คอะไรมันก็เลยเพอร์เฟ็คไปหมดน่ะครับ
“หยุดพูดเรื่องนี้ให้กูช้ำใจเหอะว่ะ..ว่าแต่..ที่มึงมาพบกูเนี่ยอย่าบอกนะว่ามึงเป็นญาติกับคุณเจสซี่..” เฮนรี่ยังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเจสซี่ในตอนนี้ เพราะช่วงที่ผมหมั้นกับเจสซี่มันไปเป็นหมออาสาประจำหมู่บ้านในชนบทอยู่ที่แอฟริกา ผมก็เลยไม่ได้ส่งข่าวอะไรให้มันเลยเพราะความเจริญไปไม่ถึงหมู่บ้านนั้นจริงๆ ไม่เจริญถึงขั้น..ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์
“กูไม่ได้เป็นแค่ญาติ..แต่กูเป็นคู่หมั้น..แล้วก็กำลังขยับมาเป็นสามี”
“ไอ้เชี้ย! มึงหมั้นแล้วทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลยว่ะ” เฮนรี่มีสีหน้าตกใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม ก็แน่สิคนหมั้นกันถ้าไม่ให้ยิ้มดีใจจะให้ร้องไห้แสดงความยินดีหรืออย่างไร
“ก็ตอนที่กูหมั้นกับเจสซี่ มึงก็ไปเป็นหมออาสาอยู่ที่แอฟริกาไง กูจะส่งข่าวให้มึงยังไงว่ะ แมร่งส่งไปก็ไม่ถึง แล้วจะให้กูจะส่งไปทำซากอะไรวะ”
“เออวะ..มึงก็พูดถูก..แต่มึงดูแลคู่หมั้นมึงอีท่าไหนเนี่ย? คู่หมั้นของมึงถึงได้มานอนอ่วมอยู่โรง’บาลแบบนี้” เฮนรี่เริ่มมีสีหน้าจริงจัง
“กูคิดว่ามึงดูแลคู่หมั้นของมึงได้ไม่ดีเท่าที่ควรเท่าไหร่ว่ะ” คำพูดของเฮนรี่เหมือนมีดแหลมคมที่แทงลงมากลางหัวใจของผม ที่เจสซี่ต้องมานอนป่วยอยู่ที่นี้ก็เพราะผม..แถมเธอยังระเบิดอารมณ์ออกมาเหมือนคนเก็บกดในวันนี้อีก..ผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าผมก็มีส่วนผิดอยู่ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้
“...”
“กูจะเข้าเรื่องเลยละกันนะ..” น้ำเสียงของมันดูจริงจังมากกว่าทุกครั้ง ใบหน้าตี๋ของมันก็ดูเครียดจนผมรู้สึกอึดอัดแทน คิ้วเข้มของมันขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นปมได้อยู่แล้วนั้นน่ะ “มึงรู้ไหมว่าคุณเจสซี่เป็นอะไร..”
“ก็เป็นไมเกรนไง ทำไมกูถึงจะไม่รู้ว่าคู่หมั้นกูเป็นอะไรว่ะ ถามแปลกๆ” ผมตอบไปแบบไม่คิดอะไรมาก ก็จริงที่เจสซี่ต้องมานอนที่นี้เพราะโรคไมเกรนซึ่งเป็นโรคประจำตัวของเธอกำเริบขึ้นมา “ทำไมมึงต้องทำหน้าเครียดอย่างนั้นด้วยวะ?”
“ถ้ามันไม่ใช่แค่ไมเกรนล่ะ..มึงจะทำยังไง?”
“..มึงหมายความว่ายังไงว่ะ? ไม่ใช่แค่ไมเกรนอะไรของมึงว่ะ? แล้วทำไมกูต้องทำอะไรด้วยว่ะ?”
“มึงรู้จักโรคนิมโฟมาเนียไหม?”
“กูไม่ได้เป็นหมอกูจะไปรู้ได้ไงว่ะ..กูเป็นนักธุรกิจครับ รู้จักแค่เรื่องในตลาดหุ้นกับเรื่องของบริษัทของกู กูไม่สามารถตรัสรู้ได้หรอกนะครับ คุณหมอเฮนรี่ ว่าไอ้โรคเชี้ยนี้มันคือโรคอะไร”
“เฮ้อ..ถ้ามึงไม่รู้กูจะอธิบายให้มึงฟังก็ได้..โรคคือโรคที่ผู้ป่วยไร้ความสามารถที่จะระงับอารมณ์ในเรื่องเซ็กซ์ และมีความไม่สมบูรณ์ทางจิต จะต้องได้รับการตอบสนองทางเพศตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นกับใครก็ได้ และโดยไม่สนใจผลที่จะเกิดตามมา ถึงแม้ว่าจะได้รับการตอบสนองทางเพศหลายครั้งแล้ว ก็จะเกิดความต้องการทางเพศขึ้นอีก..”
อยู่ดีๆมันจะมาอธิบายเกี่ยวกับไอ้โรคนิมโฟมาเนียอะไรของมันให้ผมฟังทำซากอะไรเนี่ย ผมกอดอกก่อนจะยกขาอีกข้างหนึ่งขึ้นมาไขว่ห้างอย่างเซ็งๆ ตกลงมันจะเรียกผมมาทำไมเนี่ย น่าง่วงนอนชะมัด อย่างนี้ให้ผมกลับไปนั่งเฝ้าเจสซี่ยังดีกว่า..
“มึงจะเรียกกูมานั่งฟังมึงสาธยายรึยังไงว่ะ? กูไม่ใช่นักศึกษาแพทย์นะเว้ย เน้นย้ำ! กูเป็นนักธุรกิจครับ ดูแลแต่เรื่องธุรกิจไม่ได้มีหน้าที่รักษาคนครับ แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคู่หมั้นของกูด้วย”
“ถึงมึงไม่ได้รักษาคนแต่มึงก็ต้องฟัง ฟังให้จบแล้วมึงก็จะรู้เอง..ว่ามันเกี่ยวกันยังไง..สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้มีสาเหตุมาจากทางกายภาพ คือ ความผิดปกติของกลีบสมองในส่วนขมับซึ่งจะพบได้น้อยมาก หรืออาจจะมาจากการได้รับยาบางชนิดมากเกินไป อย่างเช่น แอมเฟตามีน* หรือติดสารเสพติด..”
“ต่อไปกูขอให้มึงฟังที่กูจะพูดให้ดีๆ มึงเคยรู้ไหมว่าคู่หมั้นของมึงเป็นโรคซึมเศร้ามาหลายปีแล้ว..” เฮนรี่มีสีหน้าเครียด..ผมก็เช่นกัน ผมรู้ว่ามันไม่ได้ล้อเล่น ท่าทางของมันดูจริงจังมาก ทำไมผมไม่เคยได้รู้เลยว่าเจสซี่เป็นโรคซึมเศร้า..ทำไมเธอถึงไม่เคยบอกอะไรผมเลย ทั้งๆที่ผมเป็นถึงคู่หมั้นของเธอแท้ๆ
..ตอนนี้หัวใจของผมแทบจะสลาย..
..ทำไมเธอต้องปิดบังผม..
“โรคซึมเศร้า..ไม่เคย..เจสซี่ไม่เคยบอกให้กูรู้เลย..กู..ไม่เคยรู้เลย” ผมส่ายหน้าเบาๆ
..ผมดูแลเธอได้ไม่ดีเลยจริงๆ..
“พอเธอไม่อยากให้มึงรู้ว่าเธอเป็นโรคนี้ เธอเลยรับยาประเภทแอมเฟตามีนมากเกินไป..และบวกกับที่เธอเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ด้วยแล้ว..นั้นก็เลยทำให้เกิดโรคนิมโฟมาเนีย..ที่กูเล่าให้มึงฟัง..” ผมแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เฮนรี่พูด..เหมือนกับสวรรค์กำลังเล่นตลกกับผม ไม่จริง! ทุกอย่างมันต้องเป็นเรื่องโกหก!
“มึงว่ายังไงนะ!? เจสซี่เป็นไอ้โรคบ้านี้อย่างนั้นเหรอ!! มึงอย่ามาล้อกูเล่น! กูไม่ขำ! มึงบอกกูสิว่ามันไม่จริง! เจสซี่ไม่ได้เป็นโรคบ้าๆนี้ มึงบอกกูสิเฮนรี่ว่ามันไม่จริง! เจสซี่ไม่มีทางเป็นโรคนี้ไม่มีทาง!” ผมกระชากที่คอเสื้อของมันพร้อมกับเขย่าตัวของเฮนรี่แรงๆ มันต้องบอกผมสิว่ามันล้อเล่น..มันไม่จริง!
“ไอ้เคลวิน! ที่กูพูดมามันเป็นความจริง! ถ้ามึงไม่เชื่อมึงก็นึกถึงอาการของเธอเมื่อเช้าสิมันเป็นยังไง!? ไม่เห็นที่เธอระเบิดอารมณ์ออกมาเหรอ!? มึงก็อยู่ในเหตุการณ์หนิ! ทำไมมึงถึงไม่ลองเชื่อสายตาตัวเองดูล่ะ!”
“...” ผมปล่อยคอเสื้อของมันออก ก่อนจะใช้มือทึ้งผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ผมพูดไม่ออก..ทำไมทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้ ไม่! ผมไม่ได้ต้องการอะไรแบบนี้!
“แต่มึงยังไม่ต้องกังวลไป..ตอนนี้เธอยังเป็นแค่ระยะต้น..ถ้ามึงรีบพาเธอมารักษาบำบัดก็ยังพอมีวิธีที่เธอจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม..มึงอย่าเพิ่งคิดมากไป เชื่อกู” มือของเฮนรี่วางลงที่บ่าของผม ก่อนที่มันจะออกแรงบีบเบาๆ “แค่ตอนนี้..มึงอย่าเพิ่งบอกใคร..กูขอให้มึงเก็บเป็นความลับ”
“...” ผมพยักหน้า
“แล้วถ้าเธอมีอาการ..หรือแม้แต่มึงต้องการ กูขอให้มึงอดทน..อย่าสนองเธอ..เพราะถ้ามึงทำอย่างนั้นการรักษามันจะยิ่งยุ่งยากเข้าไปอีก..กูหวังว่ามึงคงเข้าใจ”
“กูไม่มีทางจะทำแบบนั้นกับคนที่กู ‘รัก’ หรอก”
“มึงคิดแบบนี้ได้ก็ดี..ตอนนี้มึงทิ้งเธอมาคุยกับกูนานแล้วหนิ..กูว่ามึงรีบกลับไปดูแลคุณเจสซี่เถอะ”
End Kris’s part
.............................................................................
*การออกฤทธิ์ของแอมเฟตามีนจะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งทำหน้าที่เก็บความจำความคิดและควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เช่นการเคลื่อนไหว การทรงตัว การถ่ายทอดความรู้สึกทำให้ตื่นตัว เคลิบเคลิ้ม ร่าเริง ไม่เหนื่อย ไม่ง่วง ตาแข็ง นอนไม่หลับคล้ายเป็นยาเพิ่มพลัง
มาต่อแล้วนะคะ หวังว่าท่านนักอ่านทั้งหลายจะคงยังไม่หายไปไหนนะคะ ใบตองจะบอกถึงความถี่ในการอัพฟิคคะ ใบตองจะหายไปประมาณ 2-3 วันถึงจะมาอัพตอนต่อไปนะคะจะทำเช่นนี้กับทุกตอน ช่วงนี้ขอบอกว่าการบ้านเยอะมว้ากก (วิบัติเพื่อเสียง) ครูสอนสังคมสั่งงานมาแบบอย่างกับจะลาไปราชการ 80 ล้านปีคะ อันที่จริงต้องส่งหลังสอบแต่แบบถ้าดองก็กระไรอยู่จริงไหมคะ? ฮ่าๆ ไปแล้วนะคะ อันยอง..
ความคิดเห็น