คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : FIGHT 7 : วิชามารเมะ!
FIGHT 7 : วิชามารเมะ!
ชายคนนึงกำลังนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนภายใต้อากาศที่เย็นสบาย แม้อากาศจะเย็นกำลังดีแค่ไหนแต่เขากลับมีสีหน้าที่เครียดๆ จ้องกระดาษที่ถืออยู่อย่างตัดสินใจอะไรบางอย่าง ทำเอาชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่ตรงข้าม มองเขาด้วยสายตาเอือมๆ
“จะคิดอะไรนักหนา มึงก็แค่โทร ยากอะไร?”
พี่คุณมองแล้วผม แล้วทำหน้าเซ็ง
ผมกับพี่คุณนั่งตรงนี้กันมาเกือบสองชั่วโมง เพราะเพื่อนๆผมติดงานและหายไปกันหมด ส่วนไอ้นายก็ต้องไปทำงานกลุ่มกับกลุ่มของมัน มันเลยส่งพี่คุณมาอยู่เป็นเพื่อน เพื่อป้องกันบรรดาแฟนคลับที่หน้ามืดตามัว มองไม่เห็นรัศมีเมะของผมนั่งเอง
ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ผมจะปรึกษาพี่คุณ ถึงเรื่องเบอร์ที่ได้มา
“โหว แต่มายเดียร์มีแฟนแล้วนะ”
“ผูกสัมพันธ์ไว้ไม่เสียหาย นี่คือหลักการของคาสโนเมะ” พี่คุณบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
เออจริงผมลืมคิดไปได้ไงวะ
“งั้นโทรแล้วนะ”
“เออ สักทีเหอะมึง” มันมองหน้าผมอย่างดีใจ
สงสัยจะนั่งตรงนี้จนเมื่อยแล้วมั้ง?
ผมหลับตาปี๋ ทำท่าจะกดโทรศัพท์
“เห้อ ไม่ได้ว่ะ พี่”
โป๊ก!
“โอ้ย! ตบหัวทำไมเนี่ย” พี่คุณตบหัวผมก่อนแย่งโทรศัพท์ไปจากมือ
“เห้ย! เอาคืนมานะ” ผมยืดตัวหวังจะหยิบโทรศัพท์ แต่พี่คุณก็แขนยาวเกินไป ทำให้ผมต้องลุกขึ้นเดินไปหยิบ แต่มีเรอะ พี่คุณจะยอม ร่างสูงออกตัววิ่งหนีผม
‘ไอ้บ้านี่ เล่นไรวะเนี่ย ให้กุเหนื่อยอีกแล้ว’
ถึงจะบ่น แต่ก็วิ่งตามไปเอาโทรศัพท์อย่างไม่ลดละ เราวิ่งวนรอบโต๊ะม้าหิน แต่มีเรอะผมจะโง่วิ่งไปวิ่งมา ผมกระโดดเหยียบม้าหินอ่อนอย่างไม่กลัวตก แล้วพุ่งใส่พี่คุณเต็มแรง แต่เขาก็ไหวตัวทัน หักหลบ ทำให้ผมหน้าทิ่ม แต่ก็ไม่ยอมแพ้วิ่งตามโทรศัพท์ต่อไป เห็นอย่างงี้ผมก็หวงโทรศัพท์สุดตีนนะครับ กว่าจะกราบม่าม๊ามาได้ รายนั้นเค็มยิ่งกว่าเกลือ
ถ้าพี่คุณทำพังน๊า...น่าดู!
แต่อยู่ร่างสูงก็หยุดวิ่งซะดื้อๆ ทำเอาผมเกือบเบรกไม่ทัน เขาหันมายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ แม้จะมีเสน่ห์ดึงดูดแค่ไหน แต่ผมก็ไม่หลงกลมันง่ายๆหรอก ยิ้มแบบนี้ทีไร พาผมซวยทุกที ขอตั้งชื่อยิ้มนี้ว่า
รอยยิ้มพาฉิบหาย!
ร่างสูงยื่นโทรศัพท์มาใส่หูผม ทำให้ผม งง มาก แต่เมื่อได้ยินเสียงในโทรศัพท์ ก็ทำให้ผมตกใจปนประหม่า ก็เบอร์ที่มันโทรไปหา คือเบอร์ที่ผมลังเลอยู่ตั้งนาน
....มายเดียร์
‘ฮัลโหล ใครครับ?’ เสียงดังออกมานอกโทรศัพท์เนื่องจากพี่คุณกดเปิดลำโพงไว้ ให้ตัวเองได้ยินด้วย
“เอ่อ...” ผมลังเลที่จะพูดดีไหม แต่พอไปเห็นสายตาพี่คุณที่มองผมอย่างเยาะๆ เป็นสายตาที่มองก็รู้ว่าหมายถึงอะไร มันกำลังบอกผมว่า ...แค่นี้มึงป๊อดเรอะ...
เรื่องไรกูจะยอมให้ดูถูก
เมะระดับโลก แค่เคะคนสองคนจะไปกลัวอะไร!
คิดได้ดังนั้น ผมก็กดความประหม่าทั้งหมดทิ้งไป ก่อนจะกรอกเสียงลงในโทรศัพท์อย่างมั่นใจมากขึ้น หึ แล้วมึงจะเห็นว่ากูกล้าแค่ไหน
“ฮัลโหล เรา มินนะ จำได้ไหม ที่เจอกันที่ผับเมื่อวาน”
‘อ๋อ มิน จำได้สิ เพราะนายเราเลยคืนดีกับแฟนไง’
จึก! ปลายสายเอ่ยอย่างมีความสุข โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดนั้นมันแทงใจผมเต็มๆ ผมแม่งโคตรโง่เลยวะ ทำร้ายตัวเองชัดๆ ไม่น่าชวนมันไปเต้นเลย พับผ่าสิ ผมคิดในใจเงียบๆอย่างตัวร้ายในละคร ซึ่งตอนนี้ผมก็รู้สึกตัวเองก็ไม่ต่างจากตัวร้ายเท่าไหร่
‘แล้วมีอะไรเหรอ?’
“คือว่า...” ผมหันไปมองพี่คุณอย่างขอความเห็น ร่างสูงคิดนิดนึง ก่อนจะขยับปากอย่างไร้เสียงว่า …กินข้าว…
“เย็นนี้ว่างไหม? กินข้าวกันไหมเราเลี้ยง”
‘อ๋อ...’ ถ้าผมเป็นมายเดียร์ ผมคงคิดว่าไอ้บ้านี่จะโทรมาทำไม กูเพิ่งรู้จักมึงเมื่อวานไรงี้ แต่ต้องมองโลกในแง่ดีไว้ครับ มายเดียร์ไม่น่าใช่คนอย่างงั้นด้วย แต่เพื่อความปลอดภัยผมเลยพูดสำทับไปนิดหน่อย เพื่อรักษาภาพพจน์ตัวเอง
“คือ..เราอยากเป็นเพื่อนกับนายน่ะ เรารู้จักกันไว้ก็ดีนะ วันหลังจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน” พยายามแถสุดชีวิตจนสีข้างแถบถลอก การแถแบบดื้อๆของผมทำให้พี่คุณแอบหัวเราะเบาๆ
อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะ
“โอ้ย!” พี่คุณร้องเสียงดัง แต่ดีที่ผมปิดโทรศัพท์ไว้ พยายามให้มายเดียร์ไม่ได้ยิน
ก่อนจะหันไปเยาะเย้ยพี่คุณมั่ง
มันหันมามองผมอย่างแค้นๆ
ก็น่าแค้นอยู่หรอก ก็ผมเหยียบเท้าเขาไปเต็มแรงซะขนาดนั้น แต่มันหมันไส่นี่หว่า มาหัวเราะเยาะผมอยู่ได้ ต้องโดนซะมั่ง มันทำท่าจะเดินมาแก้แค้นผม แต่ผมโชว์โทรศัพท์ให้มันดูเป็นเชิงว่า อย่ากวนกูนะ กูทำตามที่มึงบอกอยู่
เพื่อไม่ให้เขามาทำอะไรผม ก็นะ พี่คุณรักศักดิ์ศรีตัวเองจะตาย การที่ลูกศิษย์จีบใครไม่ติดก็อาจจะไปกระทบต่อชื่อเสียงคาสโนเมะที่สั่งสมมาเป็นชาติของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะมากวนผม ได้แต่นั่งลงเขม็งผมประมาณว่า
...รอคุยเสร็จนะมึง เจอกูแน่!...
แต่เรื่องไรจะอยู่ล่ะครับ โทรเสร็จผมก็ชิ่งแล้ว แต่ตอนนี้มันยังจำเป็นกับผมอยู่ เลยไปไหนไม่ได้ แอบสะใจ แต่ผมก็ละความสนใจจากมันไปหาโทรศัพท์
ไม่สนใจหรอก หามายเดียร์ของกูดีกว่า (เขาเป็นของแกตั้งแต่เมื่อไหร่???)
‘อ๋อ ได้ๆ แต่เดี๋ยวเราเลี้ยงเองดีกว่า นายช่วยเราไว้นี่นา’ จึก! อีกละกู
“อ่า โอเค…หืม” กำลังจะกดวาง แต่มือหนาของคนใกล้ตัวก็มากระตุกๆเสื้อผมอย่างเรียกร้องความสนใจทำให้ต้องหันไปมองอย่างสงสัย พี่คุณทำสายตาแล้วชี้นิ้วที่ตัวเอง ก่อนจะจิ้มๆไปทางโทรศัพท์ สื่อความหมายบางอย่างซึ่งก็แปลได้ไม่ยาก
“เอ่อ...เราพาเพื่อนไปอีกคนได้ไหม?”
‘ได้สิ เพื่อนมินก็เหมือนเพื่อนเรา’
พี่คุณได้ยินงั้น ก็ยิ้มแป้นแล้น จะได้กินข้าวฟรีทั้งที่บ้านตัวเองก็รวย
เห้อ ชีวิตกู ทำไมเจอแต่คนเค็มๆวะ
“งั้นเจอกันที่....โอเค..อืม...เจอกัน” ผมนัดแนะสถานที่กับมายเดียร์เสร็จสรรพก็วางสาย แต่เหมือนผมจะลืมอะไรบางอย่างไป...
ผมหันไปมองหน้าพี่คุณ เขามองผมด้วยบรรยกาศมาคุ
“เอ่อ.....คือผมไปก่อนนะ แหะๆ” พูดจบก็รีบหันหลังกลับบ้าน
หมับ!
“จะไปไหน??”
เอาแล้วครับ วิญญาณยักษ์สิงแล้ว เอาไงดีวะ
“เอ่อ.."
“มึงเหยียบเท้ากู คิดว่ากูจะปล่อยไปง่ายๆเรอะ”
เออ นั่นดิผมลืมไปได้ไง เอาแล้ว ตอนนั้นไม่น่าหมันไส้หาเหาใส่หัวเลย แล้วที่นี้จะเอาไงเนี่ย ผมหันไปมองพี่คุณแล้วยิ้มแห้งๆให้ ร่างสูงที่ปกติจะยิ้มตลอดเวลา พออยู่ในโหมดโหดขึ้นมา เชื่อว่าสาวๆคงหนีหายหมด เพราะเวลามันโกรธ มันก็ไม่ต่างจากไอ้นายดีๆนี่เอง
กูลืมไป ว่ามันพี่น้องกัน
เอาไวดีวะ
ลองใช้ไม้นี้ดูแล้วกัน!
“ตอนนั้นแมลงมันจะกัดเท้าพี่ ผมเลยช่วยต่างหาก” พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่สิ พยายามจริงจังให้ได้มากที่สุด
“กู ไม่ เชื่อ!”
เอาแล้วไง งี้ต้องใช้สูตรลับตระกูลผมซะแล้ว แถครับ แถไปเรื่อย แถเท่านั้นที่ครองโลก! การโกหกให้เก่งเป็นปลาไหลเป็นหนึ่งในเทคนิคที่คาสโนเมะควรมี เพื่อใช้สับราง ป่าป๊าผม เมะที่เก่งที่สุดในโลกสอนไว้
แม้จะมาถูกม่าม๊าสกัดความเจ้าชู้แล้วก็ตาม แต่วิชานี้ก็ยังคงถ่ายทอดมาถึงผม
ทั้งจากการที่ป่าป๊าสอนและสังเกตเอาเองด้วยแล้ว
ดังนั้น ผมจะเอามาลองใช้ดูนี่แหละ ได้ผลแน่นอน
….มั้งนะ
เฉไฉไปเรื่อยๆ แบบที่ป่าป๊าชอบทำเวลาแอบเอาตังค์ไปซื้อขนมแล้วม่าม๊าจับได้
แต่ป่าป๊าก็รอดมาได้ทุกทีด้วยวิชาประจำตัว
เอาวะ เอาก็เอา!
“...” มินหลับตาลง ก่อนจะซูดหายใจเข้าลึกๆอย่างตัดสินใจอะไรบางอย่าง ทำให้พี่คุณเริ่มแปลกใจ ไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน แต่เหมือนมินจะตัดสินใจได้แล้ว คนตัวเล็กกว่าลืมตาขึ้น
ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนกับแสง ทำให้ดูวาวๆ ส่งผลให้คนตรงหน้าแลดูเจ้าเล่ห์กว่าปกติ มินช้อนตามองพี่คุณอย่างที่คุณป่าป๊าชอบทำ ก่อนจะกระพริบตาปริบๆแบบอ้อนๆ
“ก็ขอโทษอ่า…” มินมองคนตรงหน้าพร้อม ก่อนจะพยายามงัดทุกวิชาที่ป่าป๊าชอบทำ ผสมไปกับที่ม่าม๊าชอบทำด้วย
กลายเป็นวิชามารเมะ(?)ที่ไร้เทียมทาน
คนตัวเล็กจะรู้ตัวไหมว่าท่านั้นมันน่ารักซะจนถ้าแถวนั้นมีแฟนคลับของมิน รับรองได้ว่าคนตรงหน้าคงไม่รอดเงื้อมมือมารเป็แน่ แม้แต่เขาหรือนายก็คงช่วยอะไรไม่ได้
เพราะแม้แต่ตัวเอง...
ยังเกือบเผลอหลงไอ้เด็กแสบตรงหน้าเลย
แล้วใครมันจะไปรอดวะ??
“ถือว่าหายโกรธนะ” เมื่อเห็นพี่คุณไม่พูดอะไร มินก็สะกิดๆร่างสูง ก่อนจะสรุปเองเออเองเสร็จสรรพไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำ
“...อืม” อ้าวแล้วเขาเผลอตอบไปได้ไง ยอมได้เรอะที่โดนเหยียบเท้าแล้วไม่คิดจะแกล้งมันกลับ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร คนตัวเล็กกว่าก็วิ่งไปนู่นแล้ว พร้อมตะโกนกลับมาและยิ้มด้วยท่าทางสุดแสนจะภูมิใจในตัวเองที่หนีเขาพ้น
“โอเค งั้นเดี๋ยวกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อแล้ว เย็นๆเจอกัน” ว่าแล้วร่างเล็กก็รีบวิ่งกลับบ้านอย่างที่ชอบทำก่อนที่ร่างสูงจะเปลี่ยนใจแกล้งเขากลับ เนื่องจากหนีแฟนคลับตั้งแต่เด็ก ทำให้วิ่งเร็วกว่าปกติ เวลาจะไปไหนมักจะวิ่งจนติดเป็นนิสัย
‘หึ วิชาประจำตระกูลไม่มีใครรอดจริงๆด้วยป่าป๊า’
มินคิดในใจก่อนจะยิ้ม
หึหึ วิชานี้จะทำให้เขากลายเป็นเมะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแน่นอน
ต้องขอบคุณพี่คุณแล้วแหละที่ทำให้เขานึกได้
วิชาที่ไร้เทียมทานประจำตระกูล
วิชามารเมะ!
ระวังหัวใจพวกคุณเคะทั้งหลายไว้ให้ดีนะครับบบบ
ท่านมินเมะผู้ยิ่งใหญ่มาแล้ว!!! J
[น่ากลัวจัง - -]
เอิ่ม แต่งเพลินมาก แต่พอเริ่มอ่านไปเรื่อยๆ จนมาถึงประโยชน์สุดท้าย
คำพูดของน้องมิน อารมณ์แบบเรื่องมอนเตอร์ยูนิเวอซิตี้ที่เพิ่งดูมา อิอิ
‘โตขึ้นผมจะเป็นนักเขย่าขวัญที่เก่งที่สุดในโลก’ : ไมค์ วาคาสกี้
‘โตขึ้นผมจะเป็นเมะที่เก่งที่สุดในโลก’ : น้องมิน
เออ เหมือนกันดีแหะ 55555
พอๆ ออกทะเล กลับมาแล้วงับ ชอบจังวิชาก้นครัวของตระกูล
วิชามารเมะ ซึ่งคนจะกลายเป็นท่าไม้ตายของน้องมินไปอีกนาน >…<
ฝากติดตามด้วยนะงับ รักคนอ่านทุกคน
ความคิดเห็น