ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Neuter_Boy_L{The Forget Memmory}ความทรงจำที่ถูกลืม

    ลำดับตอนที่ #6 : Vol.4 Helping

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 54


    หลังจากนั้น...
     
     

    พวกผมก็กลายเป็นครูสอนโลโคโค่เรียบร้อยแล้วทุก ๆคน - -;
     
     
    วันนี้เป็นวันที่ 6 ที่ผมอยู่ที่เกาะชิชิลีก่อนอีก 2 วันจะกลับที่อิตาลีของแท้แล้ว - -; ผมนึกว่าช่วงนี้จะซ้อมฟุตบอลแทน ๆ เลยเชียว - -;

    “นั้นอะไร”

    “เปลือกหอย - -;”

    “มันมีไว้ทำอะไร”

    “บ้างก็ไปเอาเป็นเครื่องใช้ของคน... แต่เอาความจริงหล่ะนะมันมีไว้เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตแหล่ะ”ผมต้องมานั่งสอนโลโคโค่ในวันนี้... เพราะมันเป็นคิวผมแล้วไง - -;
     


     
    ย้อนกลับไปที่โรงพยาบาล

    “ดีใจจังเลยโลโคโค่ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ^^”>>>ลูเซ

    “อืม... แล้วจะพาผมไปไหนหรอ... ลูเซ่จัง”>>>โลโคโค่

    “ก็... ตอนนี้เราอยู่เกาะชิชิลีก็ไปเที่ยวเล่นกันก่อนแล้วกันนะ ^^”หลังจากนั้นลูเซก็พาโลโคโค่ออกไปปล่อยให้ผมอยู่กับพวกกัปตันไป

    “ฉันว่าแบ่งกันดูแลโลโคโค่แล้วกัน”จิจิเสนอขึ้นมา

    “อืม... เห็นด้วย”ผมตอบกลับไป

    “งั้นวันนี้ลูเซกับฉันแล้วกัน... ส่วนวันอื่น ๆ พวกนายคุยกันเอาเอง”หลังจากนั้นกัปตันก็วิ่งออกไปทันที...

    บอกมาตรง ๆ เถอะว่ากัปตันไปหาลูเซเพื่อชิ้งการสนทนา - -^


     

    ...

    ..

    .

     

    หลังจากนั้นผมก็ได้เวรต่อจากจิจิที่ทำไปเมื่อวานนั่นเอง...

    “พื้นทรายละเอียดจัง”>>>โลโคโค่

    “อืม... ก็พื้นทรายมันเป็นดินชนิดหนึ่งที่มีความร่วนอย่างมาก”ผมอธิบาย

    “หรอ... ฟิดิโอ้คุง”

    “เรียกฉันว่าฟิดิโอ้เฉย ๆ ก็ได้ ^^;”

    “หืม? ฟิดิโอ้”

    “นั่นแหล่ะ... นายเรียกฉันอย่างนั้นแหล่ะ”

    “ว่าแต่คนอื่นไปไหนหมด”

    “อ๋อ... คงไปเล่นน้ำทะเล”ผมตอบไป

    “น้ำทะเล ?”

    “ก็นั่นไง...”

    ครืน...

    ซ่า...

    ผมชี้ไปทางทะเลให้โลโคโค่ดูแต่...

    หมับ
    !

    “หืม ?”ผมหันไปมองเมื่อมีใครบางคนมาบีบแขนผมด้วยแรงที่เยอะพอสมควร... โลโคโค่นั่นเอง

    “โลโคโค่... นายเป็นอะไร”

    “กลัว...”

    “หืม!?”

    “กลัว... ไอ้นั่น”พูดเสร็จโลโคโค่ก็เอาหน้าซบลงกับแขนของผมอย่างหวาดกลัว... หมอนั่นกลัวทะเล!?

    “ทำไมหล่ะ...”ผมถามอย่างสงสัยพรางเอามือของผมค่อย ๆ วางลงมือของหมอนั่น... เย็นเชียบ ผมคิด

    “ไม่รู้... แต่จู่ ๆ ก็มีอะไรบางอย่างวูบมาที่หน้าของผมแล้ว... ฮึก! กลัว!!!”พูดเสร็จโลโคโค่ก็ยิ่งมาซบหน้าผมจนแทบจะแนบติดกัน... และผมก็สัมผัสได้ถึงชื้นแชะที่แขนของผม... โลโคโค่ร้องไห้!?

    “โลโคโค่... นายไม่เป็นไรนะ...”ผมถามพรางเอามือออกจากมือของโลโคโค่แล้วมาทาบที่หัวแล้วลูบหัวเบา ๆ แทน

    “ฮึก... ฟิดิโอ้สัญญานะ...”

    “หืม?”

    “สัญญาว่า... ฟิดิโอ้จะปกป้องผมน่ะ... ผมไว้... ใจคุณ... ทะ... ที่สุด”สิ้นเสียงโลโคโค่ก็เงียบลงก่อนจะพลอยหลับไป...

    ‘สัญญาว่า... จะปกป้องผม...’

    ผมมองหน้าโลโคโค่สักพักหนึ่งก่อนจะเอามือไปเช็ดน้ำตาที่ยังคงค้างอยู่ที่หน้าช้า ๆ... จะว่าไป... โลโคโค่... นายดูน่ารักเหมือนกันแหะ...
     

    เดี๋ยว...

     

    ผมคิดอะไรไปฟร่ะ!!!! = =;;;;

    ชั่งมัน ๆ ผมคิด

    ผมจึงหันมามองโลโคโค่ใหม่อีกรอบ... ตอนนี้หลับไปแล้ว...
     
     
     

    “ฉันสัญญา... โลโคโค่”
     

    เวลาต่อมา...

    “ฟิดิโอ้! ตื่น... ผมหิวแล้วนะ... อย่านอนอย่างเดียวสิ”เสียงใครบางคนดังมาจากหูของผม
    อืม... ผมเผลอหลับไปหรอเนี่ย - -;

    “อืม... ตื่นแล้วหรอ โลโคโค่”ผมถามพรางเอามือขยี้ตาเพื่อแก้ง่วง

    “ตะกี้น่ะ... ฟิดิโอ้กอดผมอยู่น่ะครับ”

    “อืม... กอด?”

    “อื้ม! ฟิดิโอ้ยังกอดผมอยู่เลย”สิ้นเสียงโลโคโค่ผมก็มองตัวโลโคโค่ทันที...
     
     



    เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    หลังจากนั้นผมก็รีบคลายกอดโลโคโค่ทันทีก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วบิดขี้เกียจแปปหนึ่งเพื่อแก้เขิน - -;///(หรืออีกคำคือ... ทำเนียน)ก่อนจะหันมามองโลโคโค่ทันที

    กอดไปได้ไง - -;; คนตัวเตี้ยอย่างผมไปกอดคนตัวสูงอย่างโลโคโค่คงแปลกน่าดู - -;

    “หิวยัง”ผมถาม

    “อือ...”

    “กินอะไรดี...?”

    “เมื่อวานจิจิพาฉันไปร้านที่มีแผ่นแป้งใหญ่ ๆ ใส่ชีสแล้วเอาไปอบน่ะ... ผมอยากกินอันนั้นน่ะ...”โลโคโค่บอกผม

    “อืม... แผ่นแป้งใส่ชีส... อ๋อ! พิซซ่าใช่มะ”ผมถาม

    “อืม”

    “งั้นไปกินกัน”หลังจากนั้นผมก็เดินคู่ไปกับโลโคโค่เพื่อไปกินข้าวกลางวัน

     

    ระหว่างทาง...

    ตอนนี้ผมกำลังมองหาร้านพิซซ่าโดยมีโลโคโค่ที่เดินข้าง ๆ ผมแล้วสายตาของหมอนั่นก็มองไปมองมา...

    “นี่... มองฉันด้วยนะโลโคโค่ เดี๋ยวหลงทาง - -;”

    “หืม? อืม”

    “ฟังนะ... นายจะคุยกับคนอื่นไม่ได้หรอกนะรู้ไหม”

    “ทำไมหล่ะ”

    “เพราะเครื่องที่นายใส่มันไม่ได้ทำให้คนอื่นเขาเข้าใจสิ่งที่นายพูด... มีแต่นายที่เข้าใจสิ่งที่หมอนั่นพูดเท่านั้นเดี๋ยวยกตัวอย่างให้”ผมอธิบายก่อนจะถอดหูฟังแปลภาษาออก

    “ฉันถอดหูฟังออกแล้ว นายยังเข้าใจที่ฉันพูดอยู่ป่าว ?”ผมถาม

    “Am… juiotreyoui”ผมก็ได้ยินโลโคโค่พูดภาษาประหลาด(อีกแล้ว - -;)

    “แต่รู้ไหมสิ่งที่นายพูดฉันไม่เข้าใจ”

    “Poul? Mutouiyo”

    “งั้นฉันลองใส่หูฟังนะ... แล้วนายลองเอาออกบ้าง”หลังจากนั้นผมก็ใส่หูฟังกลับไป

    “หืม? ถอดออกแบบคุณตะกี้หรอ”

    “อืม”หลังจากนั้นโลโคโค่ก็ถอดออกตามผม

    “เป็นไงบ้างโลโคโค่...”

    “คุณพูดอะไรน่ะ... ผมไม่เข้าใจสักนิด - -;”

    “งั้นนายใส่กลับเหมือนเดิมเถอะ - -;;”

    “นายกำลังจะบอกอะไร... ให้ทิ้งหรอ”เฮ้ย!!!!!!ๆๆๆๆๆๆ จะบ้าหรอ = =;;;;;

    “ไม่ใช่ๆๆๆๆๆๆๆ เอาไอ้ที่ที่นายเอาออกใส่กลับไปใหม่”ผมพูดพรางทำท่าเอาหูฟังออกแล้วใส่กลับไปใหม่

    “หืม... ใส่ใหม่?”หลังจากนั้นโลโคโค่ก็เอาหูฟังไปใส่ใหม่อีกรอบ

    “เข้าใจยัง”

    “อืม... ถ้าฉันถอดหูฟังนี่... ฉันก็ฟังนายไม่ออก... ถ้าฉันคุยกับคนอื่นโดยที่คน ๆ นั้นไม่มีหูฟังเขาก็ฟังฉันไม่ออก”

    “เข้าใจอย่างนั้นก็ดี... เพราะฉะนั้นกินข้าวเสร็จเดี๋ยวเราจะไปเรียนภาษาอังกฤษกัน”

    “ภาษา... อังกฤษ ?”

    “ก็อย่างนี้ไง... Hi Lococo now, I say English (สวัสดี... ตอนนี้ฉันพูดภาษาอังกฤษ)… แต่นายไม่รู้หรอกว่าเป็นไงตราบใดที่นายยังใส่เครื่องแปลภาษา... เดี๋ยวเราจะถอดหูฟังแล้วพูดตามดูนะ โอเคไหม”ผมอธิบาย

    “อืม... เข้าใจแล้ว”หลังจากนั้นผมก็เดินต่อไปเลื่อย ๆ แล้ว...

    “หวัดดี ฟิดิโอ้!!! โลโคโค่!!!!!”เสียงใครบางคนเรียกผมและโลโคโค่... เมื่อผมหันไปก็พบผู้ชายผมสีฟ้าอ่อนยาวถึงกลางหลังแล้วมีผมบางส่วนปิดตาข้างขวาโดยมีผู้ชายสีเหลืองเข้มกับอ่อนที่ใส่แว่นทรงประหลาดเดินมาทางผม

    “เอดการ์ ดีแลน... มาร์ค!?”ผมเรียกชื่อทั้งสามอย่างตกใจ

    “โย่ว!~ ว่าไง... ฟิดิโอ้... ไม่คิดเลยนะว่านายจะอยู่ที่นี่น่ะ”ดีแลนถามเป็นภาษาอิตาลี

    “ไม่อยู่ได้ไงฉันคนอิตาลี - -;”

    “ก็นี่มันเกาะชิชิลีหนิ... นายไม่ได้อยู่กรุงโรมหรอ”มาร์คเริ่มเข้าประเด็นขึ้นอีก - -;

    “ก็เพื่อน ๆ ฉันอยากมาลองซ้อมและพักผ่อนที่นี่บ้างมันก็ไม่แปลก”ผมตอบคำถามไป

    “ว่าแต่โลโคโค่มาได้ไงหน่ะ”สะ... ซวยแล้วไง = =;; เอดการ์ถามคำถามที่ผมแทบจะไม่รู้จะบอกยังไงดี

    “ฟิดิโอ้... นายเป็นอะไร... หน้าซีดเชียว...”>>>เอดการ์

    ทำไงดีว่ะ = =;;;;;;;

    “ฟิดิโอ้... พวกนี้เป็นใครน่ะ”

    “^^;”>>>มาร์ค

    “: ) ;;;”>>>ดีแลน

    “=__=;;;”>>>เอดการ์

    โลโคโค่... แกจะพูดทำไม!!!!!!!

    “ฟิดิโอ้... โลโคโค่พูดอะไรน่ะ...ทำไมฉันไม่เห็นเข้าใจเลย - -;”ถ้าแกเข้าใจก็แสดงว่าแกมันบ้าแล้วไอ้ดีแลน - -;

    “นั่นสิ... นายเข้าใจป่าวเนี่ย ฟิดิโอ้ - -^”อย่าพึ่งซ้ำเติม!!! ฉันยังตั้งตัวไม่ทัน = =;;;

    “ฟิดิโอ้... เป็นอะไรไปหน่ะ”นายก็อย่าพึ่งด้วย โลโคโค่!!!!! (อยู่ในภาวะพูดออกมาเป็นทำพูดไม่ได้ - -;)

    “โลโคโค่พูดอะไรหน่ะ... ฟิดิโอ้... แกเข้าใจป่าว?”

    “โอ๊ย!!!!!!!!!!!!!! พวกแกอย่ามารุมถามได้ไหมเนี่ย!!!!!!! =[      ]=;;;;;;;; นี่โลโคโค่!!! ฟังนะ... ตอนนี้ฉันขอคุยกับเพื่อนฉันแปป เดี๋ยวระหว่างรอนายไปซื้อขนมมากินก่อนไป นี่ 10 ยูโรนะ ซื้ออะไรก็ได้ที่มันไม่เกินจากนี้เข้าใจมะ = =;;;”

    “อืม”

    “ส่วนพวกนาย... มานี่!!!!!!!!!”หลังจากนั้นผมก็จับคอเสื้อของทั้งสามคนแล้วลากออกไปจากตรงนี้ทันที

    “เฮ้ย!!!!! ฟิดิโอ้ แกใจเย็น ๆ ก่อนนะ = =;;”>>>ดีแลน

    “ห้ามไปก็ไม่ได้หรอก มันฟิวขาดแล้ว = =;;;”>>>เอดการ์

    ...

    ..

    .


     

    เวลาต่อมา...

    ตอนนี้ผมพาพวกเอดการ์มาอยู่ตรงแถว ๆ ร้านที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมา

    “Asssssssss… Why did
    you drag me Fideo - -;(โอย... นายลากฉันมาทำไมหน่ะ ฟิดิโอ้ - -;)”>>>มาร์ค(ตอนนี้พูดเป็นภาษาอังกฤษ)

    Yeah ...
    just a moment ago you said he did not know, but why should I listen to him speak. (นั้นสิ... ตะกี้โลโคโค่ก็เหมือนรู้เรื่องที่นายพูดด้วยแต่ทำไมฉันฟังเจ้านั่นพูดไม่ออก)”>>>ดีแลน

    And
    do not look good.(และนายดูไม่ค่อยดีด้วย)”>>>เอดการ์

    I
    was scared of you! They asked me questions that I answered this time = =;;;(ก็พวกนายเล่นมาตอนนี้ใคร ๆ ก็ตกใจสิฟ่ะ!!! แถมคำถามที่ถามมาเนี่ยฉันตอบทันไหมฟร่ะ = =;;;)”ผมพูดออกไปอย่างอารมณ์เสียสุด ๆ ก่อนจะเอามือของผมปาดเหงื่อตัวเองแล้วเอามาทาบที่อกของผมเพื่อให้หายเหนื่อยมากขึ้น

    Well
    ... I'll tell you ...(เฮ้ย... เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะ...)”
     
     


    The
    conclusion is that memory loss ...(สรุปก็คือเจ้านั่นความจำเสื่อม...)”>>>มาร์ค

    Well
    ... he did not know what that memory loss - -;(อืม... เสื่อมแบบว่าไม่รู้อะไรเลย - -;)”>>>ผม

    “What ?(ยังไง ?)”>>>เอดการ์

    เวรตรงนี้แหล่ะ - -;

    I
    now have a few inches ... - -;(เฮ้อ... นี่กี่นิ้ว - -;)”

    “2 finger.Why? (2 ทำไม)”>>>ดีแลน

    He
    did not know what is - -;(มันไม่รู้ว่านี่คืออะไรเลย - -;)”

    Oagoh
    !!!!!! I can not believe = =;(โอ้โห!!!!!! ไม่น่าเชื่อ = =;)”

    May
    I now, and they're helping me get back to the same  ... Lococo, now I know what I was going to teach me the language before.(ตอนนี้ฉันและพวกเพื่อน ๆ ฉันกำลังช่วยให้โลโคโค่กลับมาเป็นเหมือนเดิม... ตอนนี้โลโคโค่พอรู้อะไรบ้างแล้วฉันจึงจะสอนภาษาก่อนไง)”ผมอธิบายให้พวกเอดการ์ฟัง

    Yep
    ... just like this.(อ๋อ... อย่างนี้นี่เอง)”

    That
    I can help you with O <.(งั้นพวกฉันช่วยนายด้วยนะ O <)”มาร์คขยับตาให้ผม

    “Thank you. (ขอบใจ)”

    But
    we will also talk with Lo Coco?(ว่าแต่พวกเราจะคุยกับโลโคโค่ยังไง ?)”เอดการ์ถาม

    Now
    I'm going to make sure that you know what ... That's because I put my headphones in my translation.(เดี๋ยวฉันจะแปลให้ว่าเจ้านั่นพูดอะไร... เพราะเจ้านั่นใส่หูฟังแปลภาษาแบบฉันน่ะ)”ผมอธิบายอีกที

    I
    understand ... He came back.(เข้าใจแล้ว... เจ้านั่นมาแล้วนิ)”สิ้นเสียงเอดการ์ผมก็หันไปมองทันที

    ร่างผู้ชายตัวสูงโปร่งในชุดไปเวทธรรมดากำลังเดินถือไอศรีมโคนสองอันข้างหนึ่งคือรสสตรอเบอรี่ส่วนอีกอันเป็นรสช็อคโกแลตกำลังเดินมาทางพวกผม... โลโคโค่นั่นเอง

    “ฟิดิโอ้อยู่นี่เอง... เดินหาอยู่ตะกี้น่ะ”โลโคโค่ว่า

    “โทษที... นี่เพื่อนของฉันเองนะ... นี่เอดการ์ มาจากอังกฤษ ส่วนนี่ก็มาร์คและดีแลนมาจากอเมริกา”ผมกลับมาพูดภาษาอิตาลีเหมือนเดิมแล้วแนะนำพวกเอดการ์ให้โลโคโค่รู้จัก

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

    “เจ้านั่นบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักกับพวกนาย”ผมแปลให้พวกเอดการ์ฟัง

    “ว่าแต่ซื้อไอศรีมมาทำไมตั้ง 2 อัน”มาร์คถามอย่างสงสัย... นั่นสิ - -;

    “อ๊ะ”จู่ ๆ โลโคโค่ก็ยื่นไอศรีมรสช็อคโกแลตให้ผม

    “เอ๊ะ? ให้ฉันหรอ”ผมถาม

    “(‘ ‘)(_ _)(‘ ‘)”หมอนั่นพยักหน้าเบา ๆ

    “ขะ... ขอบใจ”ผมพูดตะกุกตะกักก่อนจะรับมาอย่างช้า ๆ

    “นายรู้ได้ไงว่าฉันชอบกินรสช็อคโกแลต”ผมถามอย่างสงสัย... ผมชอบรสนี้สุด ๆ เลย

    “ลูเซ่จัง...”

    “หืม?”

    “ตอนไปกับลูเซ่จัง... ลูเซ่จังเป็นคนบอกว่าฟิดิโอ้ชอบรสช็อคโกแลต...”โลโคโค่บอกก่อนจะยิ้มให้ผม...

    ผมจึงยิ้มกลับไป

     

    “ขอบใจนะ... โลโคโค่”

    “นี่! พวกนายกินข้าวกลางวันยัง”มาร์คถาม

    “ข้าวกลางวัน...!?”

    ลืมสนิทเลย = =;;;;;;

    “ฮะๆๆๆๆๆๆๆ สงสัยตอนที่ฉันมาทักนายกำลังจะไปกินข้าวใช่มะ”เอดการืถาม

    “อืม”ผมพูดอย่างเขิน ๆ นิดหน่อยก่อนจะมองโลโคโค่ที่ตอนนี้กำลังกินไอศรีมจนตอนนี้กินไปครึ่งอันแล้ว

    “งั้นฉันเลี้ยงเอง... จะกินอะไร”เอดการ์ถามพรางขยิบตาก่อนจะมองพวกผมทุกคน

    “ตะกี้โลโคโค่บอกอยากจะกินพิวว่า เอ๊ย! พิซซ่า... ใช่มะ”ผมหันไปถามพรางกินไอศรีมต่อไป

    “อือ”โลโคโค่ตอบกลับมา

    “งั้นไปกินกันเถอะ... แล้วฉันจะช่วยสอนภาษาโอเคนะ ฟิดิโอ้”

    “อืม...”หลังจากนั้นผมก็เดินตามพวกเอดการืไปโดยมีโลโคโค่เดินอยู่ข้าง ๆ

    “พวกเขาเป็นเพื่อนของฟิดิโอ้หรอ”โลโคโค่ถาม

    “อืม... (กินไอศรีมเข้าไป) ออนแอ่งอุดออนอ่ะ (ตอนแข่งฟุตบอลน่ะ)”

    “ฟุตบอล...?”

    “ตอนนั้นนายก็เล่นด้วยนะ... รองชนะเลิศเชียว”

    “…”จู่ ๆ โลโคโค่ก็เงียบไปผมจึงหันไปมอง

    ก็พบว่าหมอนั่นทำหน้าเคร่งเครียดแปลก ๆ

    “เป็นอะไรหรือป่าวโลโคโค่...”

    “รู้สึกแปลก ๆ”

    “แปลก ๆ?”

    “รู้สึกคุ้น ๆ... แต่นึกไม่ออก พอพยายามก็ไม่มีอะไรออกมา... ดูมืดมนไปหมด”โลโคโค่บอกก่อนจะมองออกไปทางอื่น

    ผมรู้สึกผิดชอบกล...

    เห็นหน้าหมอนั่นอย่างนั้น...

    หรือว่าผมฝืนนายไป... โลโคโค่

    “นี่”

    “หืม”

    “ถ้าไม่ไหวก็บอก... ฉันไม่ว่าหรอกนะ”ผมบอกไปเป็นการปลอบใจก่อนจะยื่นมือไปจับมือช้า ๆ

    “ฟิดิโอ้?”

    “นายไม่ต้องกังวลนะ... ฉันจะทำให้นายกลับมาเป็นแบบเดิม... หมายถึง... แบบว่าเราไม่ต้องใส่หูฟังแปลภาษาแบบนี้น่ะ... เราจะคุยด้วยกันแบบฉันคุยกับพวกเอดการ์ไง...”ผมอธิบายไป

    “อืม... เข้าใจแล้ว... ขอบคุณที่ห่วงผมนะ... ฟิดิโอ้”โลโคโค่บอกก่อนจะจับมือผมแน่นขึ้น
    รู้สึก... แปลก ๆ

    ใจมัน... อึดอัดเป็นบ้า

    ผม...
     


    เป็นอะไรไปนะ...
     
     
     
     
     
    อีกด้านหนึ่ง

    ร่างผู้หญิงผมสีเหลืองยาวถึงกลางหลังกำลังเดินเข้ามาอย่างหงุดหงิดโดยมีผู้ติดตามอยู่สองสามคนก่อนจะมาเจอผู้ชายผมสีเหลืองอ่อนที่มีผ้าโพกหัวสีแดง ผิวสีคล้ำแทน ดวงตาสีดำดูแล้วเซื่องซึมกำลังยืนพิงผนังอยู่หน้าห้องที่เขียนว่า ‘ห้องผู้ป่วย 1035’

    “Ryuu Muiopoyete Windy(วินดี้เป็นไงบ้าง ริว)”เธอถามเป็นภาษาคอทเอิลล์

    “Mokoimiuoyopottopguyo(เย็บแผลแล้ว... พ้นขีดอันตราย... รอการฟื้นตัว)”คนที่ชื่อริวบอกเธอ

    “Miokpoyouion!?(ตกลงพี่ชายจะตายจริง ๆ หรอ!?)”เธอถามอย่างโกรธเกรี้ยวแกมตกใจ

    “mlopoloiu buoiko(ไม่แน่ใจ 100 % แต่ส่วนใหญ่บอกว่าตายไปแล้ว)”

    “mo!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!(ไม่มีทาง!!!!!!!!!!!!!!!!!!)”สิ้นเสียงกรีดร้องเธอก็กระชากตัวริวขึ้นมาแล้วเหวี่ยงตัวฟาดลงกับพื้นจนเป็นรอยทางขนาดใหญ่ทำให้ร่างของริวเริ่มมีรอยเลือดเต็มตัวไปหมด

    “aasssss!(อรั่ก!)”ริวลุกขึ้นก่อนจะกระอักเลือดสีแดงฉาดออกมา

    “Ooupi juio(ใจเย็น ๆ ครับคุณหนู!!!)”ผู้ติดตามของเธอรีบรั้งตัวเธอไว้ทันที

    ดวงตาสีน้ำเงินครามที่ดูเย็นชาของเธอที่เต็มไปด้วยความโกรธค่อย ๆ คลายลงก่อนจะนิ่งลง

    “Lopo Ryuu nuiopey HP miouyokidy(ขอโทษริว... ฉันเผลอใช้พลัง HP โปรแกรมที่ท่านพ่อให้มา)”เธอบอกก่อนจะเดินมาช่วยพยุง

    “Ha ha mio… kiopoyoui(ฮะ ๆ ไม่เป็นไร... เป็นฉันก็ไม่ต่างจากเธอ)”ริวพูดก่อนจะยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน...

    สำหรับเธอ ริวเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด... ถึงแม้เธอจะทำเขายังไงก็ไม่เคยว่าแถมมีเหตุผลให้เสมอ

    “Juoipokgu…(หวานแหววกันจริง ๆ นะ...)”เสียงแหบแห้งของคน ๆ หนึ่งทำให้คิ้วของเธอกระตุกอย่างโกรธเคืองก่อนจะหันไปมองก็พบผู้ชายผมสีม่วงสั้นซอยเหมือนกับดวงตาสีม่วงของเขาในชุดนักฆ่าสีดำกริบที่มีขนเฟอร์แซม ๆ เล็กน้อยกับผิวสีแทนที่เรียบเนียนของเขาที่ทำให้เธอถึงกับไม่ซบอารมณ์ทันที

    “Lo… Sasu(มีอะไร... ซาซู)”เธอถามอย่างเย็นชา

    “Kiouputduyoi(ไม่เอาน่า ๆ เธอพูดจาให้ไพเราะกับว่าที่เจ้าบ่าวของเธอหน่อยสิ)”

    “Juimonjiuoka!!!!!(ฉันไม่ใช่เจ้าสาวของแก!!!!)”เธอตะโกนลั่นอย่างโกรธแค้น

    “Ooupi letta(ใจเย็น ๆ เล็ตต้า)”ริวเรียกชื่อเธอพร้อมกับรั้งตัวเอาไว้

    “Polutedragoju(เธออยากรู้ไหมหล่ะว่าเจ้านั่นมีชีวิตอยู่ป่าว)”ซาซูถามอย่างมีเล่ห์นัย

    “drago… Miokpo!?(เจ้านั่น... พี่ชายหรอ!?)”เธอถามอย่างสงสัย

    “hui hui hui hui hui guoi bluetuodevriiiki(หึๆๆๆๆๆ คิดว่าใครหล่ะ... ไอ้หัวสีน้ำเงินทรงผมปีศาจแบบนั้น...)”

    “lokimiokpo (อย่าว่าพี่นะ!!!!)”เธอพูดอย่างโกรธเคืองแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะริวรั้งตัวไว้อยู่

    “Juionouita… Letta… mokase(ฉันขอร้องนะ... เล็ตต้า... อย่าเลยนะ)”ริวขอร้องจนในที่สุดเธอก็ค่อย ๆ เลิกดิ้นและหยุดความโกรธของตัวเองลง

    “Poliu buju hui hui hui(ดีมากที่รัก หึๆๆๆ)”ซาซูพูดก่อนจะเดินมาเชยคางของเธอก่อนจะประกบริมฝีปากของเธอและเขาทันที

    ริวได้แต่มองอย่างเอือมระอา... เขาไม่ชอบเลย... เขารู้สึกอย่างนั้น

    คนที่ควรจะทำกับเธอได้มีเพียงคนเดียว...

    และเป็นคนที่ถูกซาซูคนนั้นฆ่าตายเพื่อชิงเอาตัวของโอบาเล็ตต้ามา...
     
     

    วีนัส... ชายที่เธอรัก... เขาคนนั้นคนเดียวเท่านั้น


    “hui hui kiouyasedes(หึๆ รสเชอรี่หรอวันนี้... : ) )”ซาซูพูดก่อนจะเลียริวฝีปากตัวเองอย่างชอบใจ

    “mouitryuumiokpo(บอกมาได้ยังว่าพี่ชายฉันอยู่ที่ไหน)”

    “Juinjuokiefur kiotesdragonjuitedrafan mamasadesruyoikiodestea(ฉันติดเครื่องสะกดรอยไว้ที่ท้ายทอยหมอนั่น... มันเล็กมาก... เล้กจนต้องสังเกตนานถึง 10 นาทีถึงจะรู้... และนี่เป็นเครื่องตัวจับเคลื่อนที่ส่งมาจากเครื่องสะกดรอยของฉัน)”ซาซูอธิบายก่อนจะยื่นเครื่องตัวจับเครื่องให้โอบาเล็ตต้า

    “kiuoteas…(นี่มัน...)”

    “yeah…(ใช่แล้ว...)”
     
     


    “Lococo Orupha miokpoogoui chichilee muiot ma Italy!(โลโคโค่ อุรุปะ พี่ชายของเธออยู่ที่เกาะชิชิลีที่อิตาลี!)”


     
    สวัสดี... (ไม่รู้จะพูดยังไงดี...)ตั้งแต่ตอนนี้เป็นตั้งไปผมจะไม่มาลงแล้วนะ... เข้าในหน่อยนะ... โดนน้องรุมให้แต่งนิยายแล้วเรื่องเรียนที่มหาลัยอีก... เอาเป็นว่าช่วงปิดเทอมของผมจะมาลงนะครับ... เรื่องเป็นไงติชม(แบบมีความคิด)ด้วยนะครับ



    k_ cat
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×