ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Vol.4 Helping
หลังจากนั้น...
พวกผมก็กลายเป็นครูสอนโลโคโค่เรียบร้อยแล้วทุก ๆคน - -;
วันนี้เป็นวันที่ 6 ที่ผมอยู่ที่เกาะชิชิลีก่อนอีก 2 วันจะกลับที่อิตาลีของแท้แล้ว - -; ผมนึกว่าช่วงนี้จะซ้อมฟุตบอลแทน ๆ เลยเชียว - -;
“นั้นอะไร”
“เปลือกหอย - -;”
“มันมีไว้ทำอะไร”
“บ้างก็ไปเอาเป็นเครื่องใช้ของคน... แต่เอาความจริงหล่ะนะมันมีไว้เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตแหล่ะ”ผมต้องมานั่งสอนโลโคโค่ในวันนี้... เพราะมันเป็นคิวผมแล้วไง - -;
ย้อนกลับไปที่โรงพยาบาล
“ดีใจจังเลยโลโคโค่ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ^^”>>>ลูเซ
“อืม... แล้วจะพาผมไปไหนหรอ... ลูเซ่จัง”>>>โลโคโค่
“ก็... ตอนนี้เราอยู่เกาะชิชิลีก็ไปเที่ยวเล่นกันก่อนแล้วกันนะ ^^”หลังจากนั้นลูเซก็พาโลโคโค่ออกไปปล่อยให้ผมอยู่กับพวกกัปตันไป
“ฉันว่าแบ่งกันดูแลโลโคโค่แล้วกัน”จิจิเสนอขึ้นมา
“อืม... เห็นด้วย”ผมตอบกลับไป
“งั้นวันนี้ลูเซกับฉันแล้วกัน... ส่วนวันอื่น ๆ พวกนายคุยกันเอาเอง”หลังจากนั้นกัปตันก็วิ่งออกไปทันที...
บอกมาตรง ๆ เถอะว่ากัปตันไปหาลูเซเพื่อชิ้งการสนทนา - -^
...
..
.
หลังจากนั้นผมก็ได้เวรต่อจากจิจิที่ทำไปเมื่อวานนั่นเอง...
“พื้นทรายละเอียดจัง”>>>โลโคโค่
“อืม... ก็พื้นทรายมันเป็นดินชนิดหนึ่งที่มีความร่วนอย่างมาก”ผมอธิบาย
“หรอ... ฟิดิโอ้คุง”
“เรียกฉันว่าฟิดิโอ้เฉย ๆ ก็ได้ ^^;”
“หืม? ฟิดิโอ้”
“นั่นแหล่ะ... นายเรียกฉันอย่างนั้นแหล่ะ”
“ว่าแต่คนอื่นไปไหนหมด”
“อ๋อ... คงไปเล่นน้ำทะเล”ผมตอบไป
“น้ำทะเล ?”
“ก็นั่นไง...”
ครืน...
ซ่า...
ผมชี้ไปทางทะเลให้โลโคโค่ดูแต่...
หมับ!
“หืม ?”ผมหันไปมองเมื่อมีใครบางคนมาบีบแขนผมด้วยแรงที่เยอะพอสมควร... โลโคโค่นั่นเอง
“โลโคโค่... นายเป็นอะไร”
“กลัว...”
“หืม!?”
“กลัว... ไอ้นั่น”พูดเสร็จโลโคโค่ก็เอาหน้าซบลงกับแขนของผมอย่างหวาดกลัว... หมอนั่นกลัวทะเล!?
“ทำไมหล่ะ...”ผมถามอย่างสงสัยพรางเอามือของผมค่อย ๆ วางลงมือของหมอนั่น... เย็นเชียบ ผมคิด
“ไม่รู้... แต่จู่ ๆ ก็มีอะไรบางอย่างวูบมาที่หน้าของผมแล้ว... ฮึก! กลัว!!!”พูดเสร็จโลโคโค่ก็ยิ่งมาซบหน้าผมจนแทบจะแนบติดกัน... และผมก็สัมผัสได้ถึงชื้นแชะที่แขนของผม... โลโคโค่ร้องไห้!?
“โลโคโค่... นายไม่เป็นไรนะ...”ผมถามพรางเอามือออกจากมือของโลโคโค่แล้วมาทาบที่หัวแล้วลูบหัวเบา ๆ แทน
“ฮึก... ฟิดิโอ้สัญญานะ...”
“หืม?”
“สัญญาว่า... ฟิดิโอ้จะปกป้องผมน่ะ... ผมไว้... ใจคุณ... ทะ... ที่สุด”สิ้นเสียงโลโคโค่ก็เงียบลงก่อนจะพลอยหลับไป...
‘สัญญาว่า... จะปกป้องผม...’
ผมมองหน้าโลโคโค่สักพักหนึ่งก่อนจะเอามือไปเช็ดน้ำตาที่ยังคงค้างอยู่ที่หน้าช้า ๆ... จะว่าไป... โลโคโค่... นายดูน่ารักเหมือนกันแหะ...
เดี๋ยว...
ผมคิดอะไรไปฟร่ะ!!!! = =;;;;
ชั่งมัน ๆ ผมคิด
ผมจึงหันมามองโลโคโค่ใหม่อีกรอบ... ตอนนี้หลับไปแล้ว...
“ฉันสัญญา... โลโคโค่”
เวลาต่อมา...
“ฟิดิโอ้! ตื่น... ผมหิวแล้วนะ... อย่านอนอย่างเดียวสิ”เสียงใครบางคนดังมาจากหูของผม
อืม... ผมเผลอหลับไปหรอเนี่ย - -;
“อืม... ตื่นแล้วหรอ โลโคโค่”ผมถามพรางเอามือขยี้ตาเพื่อแก้ง่วง
“ตะกี้น่ะ... ฟิดิโอ้กอดผมอยู่น่ะครับ”
“อืม... กอด?”
“อื้ม! ฟิดิโอ้ยังกอดผมอยู่เลย”สิ้นเสียงโลโคโค่ผมก็มองตัวโลโคโค่ทันที...
เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หลังจากนั้นผมก็รีบคลายกอดโลโคโค่ทันทีก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วบิดขี้เกียจแปปหนึ่งเพื่อแก้เขิน - -;///(หรืออีกคำคือ... ทำเนียน)ก่อนจะหันมามองโลโคโค่ทันที
กอดไปได้ไง - -;; คนตัวเตี้ยอย่างผมไปกอดคนตัวสูงอย่างโลโคโค่คงแปลกน่าดู - -;
“หิวยัง”ผมถาม
“อือ...”
“กินอะไรดี...?”
“เมื่อวานจิจิพาฉันไปร้านที่มีแผ่นแป้งใหญ่ ๆ ใส่ชีสแล้วเอาไปอบน่ะ... ผมอยากกินอันนั้นน่ะ...”โลโคโค่บอกผม
“อืม... แผ่นแป้งใส่ชีส... อ๋อ! พิซซ่าใช่มะ”ผมถาม
“อืม”
“งั้นไปกินกัน”หลังจากนั้นผมก็เดินคู่ไปกับโลโคโค่เพื่อไปกินข้าวกลางวัน
ระหว่างทาง...
ตอนนี้ผมกำลังมองหาร้านพิซซ่าโดยมีโลโคโค่ที่เดินข้าง ๆ ผมแล้วสายตาของหมอนั่นก็มองไปมองมา...
“นี่... มองฉันด้วยนะโลโคโค่ เดี๋ยวหลงทาง - -;”
“หืม? อืม”
“ฟังนะ... นายจะคุยกับคนอื่นไม่ได้หรอกนะรู้ไหม”
“ทำไมหล่ะ”
“เพราะเครื่องที่นายใส่มันไม่ได้ทำให้คนอื่นเขาเข้าใจสิ่งที่นายพูด... มีแต่นายที่เข้าใจสิ่งที่หมอนั่นพูดเท่านั้นเดี๋ยวยกตัวอย่างให้”ผมอธิบายก่อนจะถอดหูฟังแปลภาษาออก
“ฉันถอดหูฟังออกแล้ว นายยังเข้าใจที่ฉันพูดอยู่ป่าว ?”ผมถาม
“Am juiotreyoui”ผมก็ได้ยินโลโคโค่พูดภาษาประหลาด(อีกแล้ว - -;)
“แต่รู้ไหมสิ่งที่นายพูดฉันไม่เข้าใจ”
“Poul? Mutouiyo”
“งั้นฉันลองใส่หูฟังนะ... แล้วนายลองเอาออกบ้าง”หลังจากนั้นผมก็ใส่หูฟังกลับไป
“หืม? ถอดออกแบบคุณตะกี้หรอ”
“อืม”หลังจากนั้นโลโคโค่ก็ถอดออกตามผม
“เป็นไงบ้างโลโคโค่...”
“คุณพูดอะไรน่ะ... ผมไม่เข้าใจสักนิด - -;”
“งั้นนายใส่กลับเหมือนเดิมเถอะ - -;;”
“นายกำลังจะบอกอะไร... ให้ทิ้งหรอ”เฮ้ย!!!!!!ๆๆๆๆๆๆ จะบ้าหรอ = =;;;;;
“ไม่ใช่ๆๆๆๆๆๆๆ เอาไอ้ที่ที่นายเอาออกใส่กลับไปใหม่”ผมพูดพรางทำท่าเอาหูฟังออกแล้วใส่กลับไปใหม่
“หืม... ใส่ใหม่?”หลังจากนั้นโลโคโค่ก็เอาหูฟังไปใส่ใหม่อีกรอบ
“เข้าใจยัง”
“อืม... ถ้าฉันถอดหูฟังนี่... ฉันก็ฟังนายไม่ออก... ถ้าฉันคุยกับคนอื่นโดยที่คน ๆ นั้นไม่มีหูฟังเขาก็ฟังฉันไม่ออก”
“เข้าใจอย่างนั้นก็ดี... เพราะฉะนั้นกินข้าวเสร็จเดี๋ยวเราจะไปเรียนภาษาอังกฤษกัน”
“ภาษา... อังกฤษ ?”
“ก็อย่างนี้ไง... Hi Lococo now, I say English (สวัสดี... ตอนนี้ฉันพูดภาษาอังกฤษ) แต่นายไม่รู้หรอกว่าเป็นไงตราบใดที่นายยังใส่เครื่องแปลภาษา... เดี๋ยวเราจะถอดหูฟังแล้วพูดตามดูนะ โอเคไหม”ผมอธิบาย
“อืม... เข้าใจแล้ว”หลังจากนั้นผมก็เดินต่อไปเลื่อย ๆ แล้ว...
“หวัดดี ฟิดิโอ้!!! โลโคโค่!!!!!”เสียงใครบางคนเรียกผมและโลโคโค่... เมื่อผมหันไปก็พบผู้ชายผมสีฟ้าอ่อนยาวถึงกลางหลังแล้วมีผมบางส่วนปิดตาข้างขวาโดยมีผู้ชายสีเหลืองเข้มกับอ่อนที่ใส่แว่นทรงประหลาดเดินมาทางผม
“เอดการ์ ดีแลน... มาร์ค!?”ผมเรียกชื่อทั้งสามอย่างตกใจ
“โย่ว!~ ว่าไง... ฟิดิโอ้... ไม่คิดเลยนะว่านายจะอยู่ที่นี่น่ะ”ดีแลนถามเป็นภาษาอิตาลี
“ไม่อยู่ได้ไงฉันคนอิตาลี - -;”
“ก็นี่มันเกาะชิชิลีหนิ... นายไม่ได้อยู่กรุงโรมหรอ”มาร์คเริ่มเข้าประเด็นขึ้นอีก - -;
“ก็เพื่อน ๆ ฉันอยากมาลองซ้อมและพักผ่อนที่นี่บ้างมันก็ไม่แปลก”ผมตอบคำถามไป
“ว่าแต่โลโคโค่มาได้ไงหน่ะ”สะ... ซวยแล้วไง = =;; เอดการ์ถามคำถามที่ผมแทบจะไม่รู้จะบอกยังไงดี
“ฟิดิโอ้... นายเป็นอะไร... หน้าซีดเชียว...”>>>เอดการ์
ทำไงดีว่ะ = =;;;;;;;
“ฟิดิโอ้... พวกนี้เป็นใครน่ะ”
“^^;”>>>มาร์ค
“: ) ;;;”>>>ดีแลน
“=__=;;;”>>>เอดการ์
โลโคโค่... แกจะพูดทำไม!!!!!!!
“ฟิดิโอ้... โลโคโค่พูดอะไรน่ะ...ทำไมฉันไม่เห็นเข้าใจเลย - -;”ถ้าแกเข้าใจก็แสดงว่าแกมันบ้าแล้วไอ้ดีแลน - -;
“นั่นสิ... นายเข้าใจป่าวเนี่ย ฟิดิโอ้ - -^”อย่าพึ่งซ้ำเติม!!! ฉันยังตั้งตัวไม่ทัน = =;;;
“ฟิดิโอ้... เป็นอะไรไปหน่ะ”นายก็อย่าพึ่งด้วย โลโคโค่!!!!! (อยู่ในภาวะพูดออกมาเป็นทำพูดไม่ได้ - -;)
“โลโคโค่พูดอะไรหน่ะ... ฟิดิโอ้... แกเข้าใจป่าว?”
“โอ๊ย!!!!!!!!!!!!!! พวกแกอย่ามารุมถามได้ไหมเนี่ย!!!!!!! =[ ]=;;;;;;;; นี่โลโคโค่!!! ฟังนะ... ตอนนี้ฉันขอคุยกับเพื่อนฉันแปป เดี๋ยวระหว่างรอนายไปซื้อขนมมากินก่อนไป นี่ 10 ยูโรนะ ซื้ออะไรก็ได้ที่มันไม่เกินจากนี้เข้าใจมะ = =;;;”
“อืม”
“ส่วนพวกนาย... มานี่!!!!!!!!!”หลังจากนั้นผมก็จับคอเสื้อของทั้งสามคนแล้วลากออกไปจากตรงนี้ทันที
“เฮ้ย!!!!! ฟิดิโอ้ แกใจเย็น ๆ ก่อนนะ = =;;”>>>ดีแลน
“ห้ามไปก็ไม่ได้หรอก มันฟิวขาดแล้ว = =;;;”>>>เอดการ์
...
..
.
เวลาต่อมา...
ตอนนี้ผมพาพวกเอดการ์มาอยู่ตรงแถว ๆ ร้านที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมา
“Asssssssss Why did you drag me Fideo - -;(โอย... นายลากฉันมาทำไมหน่ะ ฟิดิโอ้ - -;)”>>>มาร์ค(ตอนนี้พูดเป็นภาษาอังกฤษ)
“Yeah ... just a moment ago you said he did not know, but why should I listen to him speak. (นั้นสิ... ตะกี้โลโคโค่ก็เหมือนรู้เรื่องที่นายพูดด้วยแต่ทำไมฉันฟังเจ้านั่นพูดไม่ออก)”>>>ดีแลน
“And do not look good.(และนายดูไม่ค่อยดีด้วย)”>>>เอดการ์
“I was scared of you! They asked me questions that I answered this time = =;;;(ก็พวกนายเล่นมาตอนนี้ใคร ๆ ก็ตกใจสิฟ่ะ!!! แถมคำถามที่ถามมาเนี่ยฉันตอบทันไหมฟร่ะ = =;;;)”ผมพูดออกไปอย่างอารมณ์เสียสุด ๆ ก่อนจะเอามือของผมปาดเหงื่อตัวเองแล้วเอามาทาบที่อกของผมเพื่อให้หายเหนื่อยมากขึ้น
“Well ... I'll tell you ...(เฮ้ย... เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะ...)”
“The conclusion is that memory loss ...(สรุปก็คือเจ้านั่นความจำเสื่อม...)”>>>มาร์ค
“Well ... he did not know what that memory loss - -;(อืม... เสื่อมแบบว่าไม่รู้อะไรเลย - -;)”>>>ผม
“What ?(ยังไง ?)”>>>เอดการ์
เวรตรงนี้แหล่ะ - -;
“I now have a few inches ... - -;(เฮ้อ... นี่กี่นิ้ว - -;)”
“2 finger.Why? (2 ทำไม)”>>>ดีแลน
“He did not know what is - -;(มันไม่รู้ว่านี่คืออะไรเลย - -;)”
“Oagoh !!!!!! I can not believe = =;(โอ้โห!!!!!! ไม่น่าเชื่อ = =;)”
“May I now, and they're helping me get back to the same ... Lococo, now I know what I was going to teach me the language before.(ตอนนี้ฉันและพวกเพื่อน ๆ ฉันกำลังช่วยให้โลโคโค่กลับมาเป็นเหมือนเดิม... ตอนนี้โลโคโค่พอรู้อะไรบ้างแล้วฉันจึงจะสอนภาษาก่อนไง)”ผมอธิบายให้พวกเอดการ์ฟัง
“Yep ... just like this.(อ๋อ... อย่างนี้นี่เอง)”
“That I can help you with O <.(งั้นพวกฉันช่วยนายด้วยนะ O <)”มาร์คขยับตาให้ผม
“Thank you. (ขอบใจ)”
“But we will also talk with Lo Coco?(ว่าแต่พวกเราจะคุยกับโลโคโค่ยังไง ?)”เอดการ์ถาม
“Now I'm going to make sure that you know what ... That's because I put my headphones in my translation.(เดี๋ยวฉันจะแปลให้ว่าเจ้านั่นพูดอะไร... เพราะเจ้านั่นใส่หูฟังแปลภาษาแบบฉันน่ะ)”ผมอธิบายอีกที
“I understand ... He came back.(เข้าใจแล้ว... เจ้านั่นมาแล้วนิ)”สิ้นเสียงเอดการ์ผมก็หันไปมองทันที
ร่างผู้ชายตัวสูงโปร่งในชุดไปเวทธรรมดากำลังเดินถือไอศรีมโคนสองอันข้างหนึ่งคือรสสตรอเบอรี่ส่วนอีกอันเป็นรสช็อคโกแลตกำลังเดินมาทางพวกผม... โลโคโค่นั่นเอง
“ฟิดิโอ้อยู่นี่เอง... เดินหาอยู่ตะกี้น่ะ”โลโคโค่ว่า
“โทษที... นี่เพื่อนของฉันเองนะ... นี่เอดการ์ มาจากอังกฤษ ส่วนนี่ก็มาร์คและดีแลนมาจากอเมริกา”ผมกลับมาพูดภาษาอิตาลีเหมือนเดิมแล้วแนะนำพวกเอดการ์ให้โลโคโค่รู้จัก
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เจ้านั่นบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักกับพวกนาย”ผมแปลให้พวกเอดการ์ฟัง
“ว่าแต่ซื้อไอศรีมมาทำไมตั้ง 2 อัน”มาร์คถามอย่างสงสัย... นั่นสิ - -;
“อ๊ะ”จู่ ๆ โลโคโค่ก็ยื่นไอศรีมรสช็อคโกแลตให้ผม
“เอ๊ะ? ให้ฉันหรอ”ผมถาม
“(‘ ‘)(_ _)(‘ ‘)”หมอนั่นพยักหน้าเบา ๆ
“ขะ... ขอบใจ”ผมพูดตะกุกตะกักก่อนจะรับมาอย่างช้า ๆ
“นายรู้ได้ไงว่าฉันชอบกินรสช็อคโกแลต”ผมถามอย่างสงสัย... ผมชอบรสนี้สุด ๆ เลย
“ลูเซ่จัง...”
“หืม?”
“ตอนไปกับลูเซ่จัง... ลูเซ่จังเป็นคนบอกว่าฟิดิโอ้ชอบรสช็อคโกแลต...”โลโคโค่บอกก่อนจะยิ้มให้ผม...
ผมจึงยิ้มกลับไป
“ขอบใจนะ... โลโคโค่”
“นี่! พวกนายกินข้าวกลางวันยัง”มาร์คถาม
“ข้าวกลางวัน...!?”
ลืมสนิทเลย = =;;;;;;
“ฮะๆๆๆๆๆๆๆ สงสัยตอนที่ฉันมาทักนายกำลังจะไปกินข้าวใช่มะ”เอดการืถาม
“อืม”ผมพูดอย่างเขิน ๆ นิดหน่อยก่อนจะมองโลโคโค่ที่ตอนนี้กำลังกินไอศรีมจนตอนนี้กินไปครึ่งอันแล้ว
“งั้นฉันเลี้ยงเอง... จะกินอะไร”เอดการ์ถามพรางขยิบตาก่อนจะมองพวกผมทุกคน
“ตะกี้โลโคโค่บอกอยากจะกินพิวว่า เอ๊ย! พิซซ่า... ใช่มะ”ผมหันไปถามพรางกินไอศรีมต่อไป
“อือ”โลโคโค่ตอบกลับมา
“งั้นไปกินกันเถอะ... แล้วฉันจะช่วยสอนภาษาโอเคนะ ฟิดิโอ้”
“อืม...”หลังจากนั้นผมก็เดินตามพวกเอดการืไปโดยมีโลโคโค่เดินอยู่ข้าง ๆ
“พวกเขาเป็นเพื่อนของฟิดิโอ้หรอ”โลโคโค่ถาม
“อืม... (กินไอศรีมเข้าไป) ออนแอ่งอุดออนอ่ะ (ตอนแข่งฟุตบอลน่ะ)”
“ฟุตบอล...?”
“ตอนนั้นนายก็เล่นด้วยนะ... รองชนะเลิศเชียว”
“ ”จู่ ๆ โลโคโค่ก็เงียบไปผมจึงหันไปมอง
ก็พบว่าหมอนั่นทำหน้าเคร่งเครียดแปลก ๆ
“เป็นอะไรหรือป่าวโลโคโค่...”
“รู้สึกแปลก ๆ”
“แปลก ๆ?”
“รู้สึกคุ้น ๆ... แต่นึกไม่ออก พอพยายามก็ไม่มีอะไรออกมา... ดูมืดมนไปหมด”โลโคโค่บอกก่อนจะมองออกไปทางอื่น
ผมรู้สึกผิดชอบกล...
เห็นหน้าหมอนั่นอย่างนั้น...
หรือว่าผมฝืนนายไป... โลโคโค่
“นี่”
“หืม”
“ถ้าไม่ไหวก็บอก... ฉันไม่ว่าหรอกนะ”ผมบอกไปเป็นการปลอบใจก่อนจะยื่นมือไปจับมือช้า ๆ
“ฟิดิโอ้?”
“นายไม่ต้องกังวลนะ... ฉันจะทำให้นายกลับมาเป็นแบบเดิม... หมายถึง... แบบว่าเราไม่ต้องใส่หูฟังแปลภาษาแบบนี้น่ะ... เราจะคุยด้วยกันแบบฉันคุยกับพวกเอดการ์ไง...”ผมอธิบายไป
“อืม... เข้าใจแล้ว... ขอบคุณที่ห่วงผมนะ... ฟิดิโอ้”โลโคโค่บอกก่อนจะจับมือผมแน่นขึ้น
รู้สึก... แปลก ๆ
ใจมัน... อึดอัดเป็นบ้า
ผม...
เป็นอะไรไปนะ...
อีกด้านหนึ่ง
ร่างผู้หญิงผมสีเหลืองยาวถึงกลางหลังกำลังเดินเข้ามาอย่างหงุดหงิดโดยมีผู้ติดตามอยู่สองสามคนก่อนจะมาเจอผู้ชายผมสีเหลืองอ่อนที่มีผ้าโพกหัวสีแดง ผิวสีคล้ำแทน ดวงตาสีดำดูแล้วเซื่องซึมกำลังยืนพิงผนังอยู่หน้าห้องที่เขียนว่า ‘ห้องผู้ป่วย 1035’
“Ryuu Muiopoyete Windy(วินดี้เป็นไงบ้าง ริว)”เธอถามเป็นภาษาคอทเอิลล์
“Mokoimiuoyopottopguyo(เย็บแผลแล้ว... พ้นขีดอันตราย... รอการฟื้นตัว)”คนที่ชื่อริวบอกเธอ
“Miokpoyouion!?(ตกลงพี่ชายจะตายจริง ๆ หรอ!?)”เธอถามอย่างโกรธเกรี้ยวแกมตกใจ
“mlopoloiu buoiko(ไม่แน่ใจ 100 % แต่ส่วนใหญ่บอกว่าตายไปแล้ว)”
“mo!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!(ไม่มีทาง!!!!!!!!!!!!!!!!!!)”สิ้นเสียงกรีดร้องเธอก็กระชากตัวริวขึ้นมาแล้วเหวี่ยงตัวฟาดลงกับพื้นจนเป็นรอยทางขนาดใหญ่ทำให้ร่างของริวเริ่มมีรอยเลือดเต็มตัวไปหมด
“aasssss!(อรั่ก!)”ริวลุกขึ้นก่อนจะกระอักเลือดสีแดงฉาดออกมา
“Ooupi juio(ใจเย็น ๆ ครับคุณหนู!!!)”ผู้ติดตามของเธอรีบรั้งตัวเธอไว้ทันที
ดวงตาสีน้ำเงินครามที่ดูเย็นชาของเธอที่เต็มไปด้วยความโกรธค่อย ๆ คลายลงก่อนจะนิ่งลง
“Lopo Ryuu nuiopey HP miouyokidy(ขอโทษริว... ฉันเผลอใช้พลัง HP โปรแกรมที่ท่านพ่อให้มา)”เธอบอกก่อนจะเดินมาช่วยพยุง
“Ha ha mio kiopoyoui(ฮะ ๆ ไม่เป็นไร... เป็นฉันก็ไม่ต่างจากเธอ)”ริวพูดก่อนจะยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน...
สำหรับเธอ ริวเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด... ถึงแม้เธอจะทำเขายังไงก็ไม่เคยว่าแถมมีเหตุผลให้เสมอ
“Juoipokgu (หวานแหววกันจริง ๆ นะ...)”เสียงแหบแห้งของคน ๆ หนึ่งทำให้คิ้วของเธอกระตุกอย่างโกรธเคืองก่อนจะหันไปมองก็พบผู้ชายผมสีม่วงสั้นซอยเหมือนกับดวงตาสีม่วงของเขาในชุดนักฆ่าสีดำกริบที่มีขนเฟอร์แซม ๆ เล็กน้อยกับผิวสีแทนที่เรียบเนียนของเขาที่ทำให้เธอถึงกับไม่ซบอารมณ์ทันที
“Lo Sasu(มีอะไร... ซาซู)”เธอถามอย่างเย็นชา
“Kiouputduyoi(ไม่เอาน่า ๆ เธอพูดจาให้ไพเราะกับว่าที่เจ้าบ่าวของเธอหน่อยสิ)”
“Juimonjiuoka!!!!!(ฉันไม่ใช่เจ้าสาวของแก!!!!)”เธอตะโกนลั่นอย่างโกรธแค้น
“Ooupi letta(ใจเย็น ๆ เล็ตต้า)”ริวเรียกชื่อเธอพร้อมกับรั้งตัวเอาไว้
“Polutedragoju(เธออยากรู้ไหมหล่ะว่าเจ้านั่นมีชีวิตอยู่ป่าว)”ซาซูถามอย่างมีเล่ห์นัย
“drago Miokpo!?(เจ้านั่น... พี่ชายหรอ!?)”เธอถามอย่างสงสัย
“hui hui hui hui hui guoi bluetuodevriiiki(หึๆๆๆๆๆ คิดว่าใครหล่ะ... ไอ้หัวสีน้ำเงินทรงผมปีศาจแบบนั้น...)”
“lokimiokpo (อย่าว่าพี่นะ!!!!)”เธอพูดอย่างโกรธเคืองแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะริวรั้งตัวไว้อยู่
“Juionouita Letta mokase(ฉันขอร้องนะ... เล็ตต้า... อย่าเลยนะ)”ริวขอร้องจนในที่สุดเธอก็ค่อย ๆ เลิกดิ้นและหยุดความโกรธของตัวเองลง
“Poliu buju hui hui hui(ดีมากที่รัก หึๆๆๆ)”ซาซูพูดก่อนจะเดินมาเชยคางของเธอก่อนจะประกบริมฝีปากของเธอและเขาทันที
ริวได้แต่มองอย่างเอือมระอา... เขาไม่ชอบเลย... เขารู้สึกอย่างนั้น
คนที่ควรจะทำกับเธอได้มีเพียงคนเดียว...
และเป็นคนที่ถูกซาซูคนนั้นฆ่าตายเพื่อชิงเอาตัวของโอบาเล็ตต้ามา...
วีนัส... ชายที่เธอรัก... เขาคนนั้นคนเดียวเท่านั้น
“hui hui kiouyasedes(หึๆ รสเชอรี่หรอวันนี้... : ) )”ซาซูพูดก่อนจะเลียริวฝีปากตัวเองอย่างชอบใจ
“mouitryuumiokpo(บอกมาได้ยังว่าพี่ชายฉันอยู่ที่ไหน)”
“Juinjuokiefur kiotesdragonjuitedrafan mamasadesruyoikiodestea(ฉันติดเครื่องสะกดรอยไว้ที่ท้ายทอยหมอนั่น... มันเล็กมาก... เล้กจนต้องสังเกตนานถึง 10 นาทีถึงจะรู้... และนี่เป็นเครื่องตัวจับเคลื่อนที่ส่งมาจากเครื่องสะกดรอยของฉัน)”ซาซูอธิบายก่อนจะยื่นเครื่องตัวจับเครื่องให้โอบาเล็ตต้า
“kiuoteas (นี่มัน...)”
“yeah (ใช่แล้ว...)”
“Lococo Orupha miokpoogoui chichilee muiot ma Italy!(โลโคโค่ อุรุปะ พี่ชายของเธออยู่ที่เกาะชิชิลีที่อิตาลี!)”
สวัสดี... (ไม่รู้จะพูดยังไงดี...)ตั้งแต่ตอนนี้เป็นตั้งไปผมจะไม่มาลงแล้วนะ... เข้าในหน่อยนะ... โดนน้องรุมให้แต่งนิยายแล้วเรื่องเรียนที่มหาลัยอีก... เอาเป็นว่าช่วงปิดเทอมของผมจะมาลงนะครับ... เรื่องเป็นไงติชม(แบบมีความคิด)ด้วยนะครับ
k_ cat
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น