คุณค่าทางวรรณศิลป์(เสียงร้อง...ของแผ่นดิน) - คุณค่าทางวรรณศิลป์(เสียงร้อง...ของแผ่นดิน) นิยาย คุณค่าทางวรรณศิลป์(เสียงร้อง...ของแผ่นดิน) : Dek-D.com - Writer

    คุณค่าทางวรรณศิลป์(เสียงร้อง...ของแผ่นดิน)

    เป็นการวิเคราะห์คุณค่าทางวรรณศิลป์ของบทกลอนนี้

    ผู้เข้าชมรวม

    196

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    196

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 พ.ย. 57 / 12:54 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    วิเคราะห์เองนะค่ะ ผิดถูกประการใดติชมได้ค่ะ
    ต้องการให้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์คุณค่าทางวรรณศิลป์ของบทกลอนต่างๆค่ะ 
    อาจารย์ให้ลองวิเคราะห์เพราะว่าอยากรู้ความสามารถของตัวเอง ถ้าเพื่อนๆวิเคราะห์ได้แล้วเอามาให้อ่านมั้งนะค่ะ อิอิ>////<
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เสียงร้องของแผ่นดิน

      แผ่นดินเอื้อนเตือนย้ำความจำเจ็บ                    จึงต้องเหน็บเก็บไว้มิให้เผย

      มัดในห้วงดวงจินต์ทั้งสิ้นเลย                                        มิให้เปรยเอ่ยออกไปบอกใคร

      แต่คืน-วันผันผ่านร้าวรานหนัก                         ให้ที่กักทะลักเทพัดเพไหล

      สาดความจำช้ำชอกจากซอกใจ                                    ออกมาไห้โหยหวนเสียงครวญคราง

      ด้วยศึกในไล่ตีแบ่งสีเสื้อ                                เคยช่วยเหลือเกื้อกันพลันเหินห่าง

      มิตรภาพอาบทามาซาจาง                                            ถือบาดหมางอ้างสิทธิ์ความคิดตัว

      ศึกไกลก็ส่อว่าจะมาใกล้                                   ชายแดนไทยไอเศร้าคลุกเคล้าทั่ว

      ปราสาทฯเราเขาครองสุดหมองมัว                                 ละเลงรัวรอยช้ำยากอำลา

       เสียงดินโหยโรยแรงแจกแจงโศก                      ทุกข์โบยโบกโกรกเป่าพัดเข้าหา

      หรือจะให้ไทยสิ้นกินน้ำตา                                             ค่อยกลับมา สามัคคี…..เสื้อสีเดียว
       

      ผู้ประพันธ์                   นะโม กลอนชนะเลิศ ก.พ.53

      ลักษณะคำประพันธ์      กลอนสุภาพ

      เนื้อหา

      เสียงร้องของแผ่นดิน เป็นกลอนสุภาพที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแตกความสามัคคีของคนในประเทศ ซึ่งผู้ประพันธ์ต้องการให้เห็นความแตกสามัคคีที่ทำให้มิตรภาพ  ความดีงาม ความสามัคคี เกื้อหนุนกันของคนในประเทศเมื่อก่อนได้แปรเปลี่ยนไป ซึ่งเกิดจากการแบ่งแยกของคนในประเทศ และทำให้ประเทศชาติไม่เจริญก้าวหน้า

      วิเคราะห์วรรณศิลป์

      1.ด้านเสียง

      สัมผัสสระ

      แผ่นดินเอื้อนเตือนย้ำความจำเจ็บ                    จึงต้องเหน็บเก็บไว้มิให้เผย

      มัดในห้วงดวงจินต์ทั้งสิ้นเลย                                        มิให้เปรยเอ่ยออกไปบอกใคร

      สัมผัสพยัญชนะ

                  เสียงดินโหยโรยแรงแจกแจงโศก                      ทุกข์โบยโบกโกรกเป่าพัดเข้าหา

      หรือจะให้ไทยสิ้นกินน้ำตา                                             ค่อยกลับมา สามัคคี…..เสื้อสีเดียว

      สัมผัสระหว่างวรรค

      ด้วยศึกในไล่ตีแบ่งสีเสื้อ                                เคยช่วยเหลือเกื้อกันพลันเหินห่าง

      มิตรภาพอาบทามาซาจาง                                            ถือบาดหมางอ้างสิทธิ์ความคิดตัว

      ศึกไกลก็ส่อว่าจะมาใกล้                                   ชายแดนไทยไอเศร้าคลุกเคล้าทั่ว

      ปราสาทฯเราเขาครองสุดหมองมัว                                 ละเลงรัวรอยช้ำยากอำลา

      2.คำ-เล่นคำ

      การเล่นคำพ้อง 

      แผ่นดินเอื้อนเตือนย้ำความจำเจ็บ                    จึงต้องเหน็บเก็บไว้มิให้เผย

      มัดในห้วงดวงจินต์ทั้งสิ้นเลย                                        มิให้เปรยเอ่ยออกไปบอกใคร

      3.โวหารภาพพจน์

      อติพจน์  การกล่าวเกินจริง

      แผ่นดินเอื้อนเตือนย้ำความจำเจ็บ                    จึงต้องเหน็บเก็บไว้มิให้เผย

      มัดในห้วงดวงจินต์ทั้งสิ้นเลย                                        มิให้เปรยเอ่ยออกไปบอกใคร

      บุคลาธิษฐาน  การสมมุติให้สิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีความคิด สิ่งที่เป็นนามธรรม หรือสัตว์ให้มีสติปัญญา   อารมณ์หรือกิริยาอาการ เหมือนมนุษย์

      เสียงดินโหยโรยแรงแจกแจงโศก                      ทุกข์โบยโบกโกรกเป่าพัดเข้าหา

      หรือจะให้ไทยสิ้นกินน้ำตา                                             ค่อยกลับมา สามัคคี…..เสื้อสีเดียว

      4.รสวรรณคดี

      รุทรรส/เราทรรส  บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้ผู้ดูผู้อ่านขัดใจ ฉุนเฉียว ขัดเคืองบุคคลบางคนในเรื่อง บางทีถึงกับขว้างหนังสือทิ้ง หรือฉีกตอนนั้นก็มี เช่น

      ด้วยศึกในไล่ตีแบ่งสีเสื้อ                                เคยช่วยเหลือเกื้อกันพลันเหินห่าง

      มิตรภาพอาบทามาซาจาง                                            ถือบาดหมางอ้างสิทธิ์ความคิดตัว

      กรุณารส รสแห่งความเมตตากรุณาที่เกิดภายหลังความเศร้าโศก

      เสียงดินโหยโรยแรงแจกแจงโศก                      ทุกข์โบยโบกโกรกเป่าพัดเข้าหา

      หรือจะให้ไทยสิ้นกินน้ำตา                                             ค่อยกลับมา สามัคคี…..เสื้อสีเดียว

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×