ตอนที่ 26 : ตอนที่ 15
๑๕
คอร์เนลทำตามที่สัญญาเอาไว้จริงๆ นั่นก็คือลุกขึ้นจากเตียงแต่เช้ามืดเพื่อขับรถมาส่งหล่อนที่มหาวิทยาลัย ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจะได้นอนจริงๆ แค่สองสามชั่วโมงก่อนรุ่งสางนี่เอง สาวน้อยแก้มแดงก่ำเมื่อนึกถึงค่ำคืนร้อนระอุที่ผ่านมา เตียงนอนของคอร์เนลคงแทบหักเลยทีเดียวเพราะถูกเขากับหล่อนใช้งานยาวนานสี่ห้าชั่วโมงติดต่อกัน
“ทำข้อสอบให้ได้ล่ะ คุณแทบไม่ได้อ่านหนังสือเลย”
คอร์เนลที่นั่งอยู่ข้างๆ ก้มลงฝังปลายจมูกโด่งแบบผู้ดีของตัวเองลงบนแก้มนวลของสาวน้อยหน้าใสที่ทำให้เขาติดตาตรึงใจจนไม่สามารถแข็งใจแยกจากได้หนักหน่วง และก็ทำท่าจะเลยเถิดไปถึงกลีบปากถ้ายาหยีไม่ดันตัวออกห่างเสียก่อน
“อย่าค่ะ เดี๋ยวฉันเข้าสอบสายพอดี”
หนุ่มหล่ออมยิ้มบางๆ
“นั่นสินะ ผมก็ไม่ชอบเซ็กส์แบบรีบร้อนเหมือนกัน ไว้รอคุณสอบเสร็จ แล้วเราค่อยมาสานต่อในสิ่งที่เรายังทำไม่จบดีกว่านะ บนเตียงของผม...”
ยิ่งฟังคำตัวโตพูดยาหยีก็ยิ่งหน้าร้อนผ่าว อยากจะกระโดดหนีลงจากรถแต่ร่างกายเจ้ากรรมกลับไม่ยอมเคลื่อนไหว มันนั่งให้มือใหญ่อบอุ่นลูบไล้อย่างเต็มอกเต็มใจ จนเมื่อเขาลูบจากต้นแขนวกมาที่เต้างามที่พุ่งดันชุดนักศึกษาออกมานั่นแหละ หล่อนถึงรู้สึกตัวขยับร่างหนี
“ใครว่าฉันจะกลับไปหาคุณที่เตียงล่ะคะ ฉันจะกลับหอพักต่างหาก”
“ถ้าไม่มา ผมจะขึ้นไปลากคุณลงมาเองนั่นแหละน่า คุณรู้นี่ว่าผมทำได้ทุกอย่าง”
มือบางกำลังจะเปิดประตูและก้าวหนีไป แต่ก็ถูกมือใหญ่ของคอร์เนลเอื้อมมากุมเอาไว้เสียก่อน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอยู่ห่างแค่เส้นด้ายลอดผ่าน ลมหายใจของเขาช่างหอมหวานเหมือนเช่นทุกครั้ง และหล่อนก็มีปฏิกิริยาขานรับต่อเสน่ห์แห่งบุรุษของเขาอย่างรุนแรงจนน่าตกใจ
“ก็คุณมันคนบ้าอำนาจนี่คะ”
อ้อมแอ้มตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ร่างสาวกำลังร้อนระอุเมื่อพ่อตัวดีเอาแต่จ้องปากของหล่อนไม่ยอมเคลื่อนสายตาไปไหน
“ผมอยากจูบคุณจัง.”
“ไม่ได้นะคะ นี่มันในมหาวิทยาลัยนะคะ”
“แต่ผมทนไม่ไหว คุณสวยเหลือเกิน”
และเขาก็ทำอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ นั่นก็คือจูบปากหล่อนจนแทบชอกช้ำ และก็ต้องเป็นหล่อนอีกนั่นแหละที่เป็นฝ่ายยุติ
“พะ...พอก่อนเถอะค่ะ”
“ก็ได้ แต่สอบเสร็จแล้วต้องไปกับผม ห้ามกลับหอพักเด็ดขาด เข้าใจไหม”
‘ถ้าตอบว่าไม่เข้าใจมีหวังถูกปล้ำในรถแน่ๆ เลย’ ยาหยีคิดอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับความเผด็จการของคนตัวโต ก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆ
“ทราบแล้วค่ะเจ้านาย คราวนี้ให้ฉันลงไปทำเพื่ออนาคตได้หรือยังคะ”
คอร์เนลปล่อยมือจากเนื้อตัวของยาหยี ก่อนจะยักไหล่น้อยๆ
“ไปสิ ตามสบาย แต่อย่าผิดคำพูดที่ให้กับผมไว้ก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นน่าดู”
ยาหยีนั่งฟังคนตัวโตคาดโทษจนจบประโยค จากนั้นก็ก้าวลงจากรถลีมูซีนสีดำคันยาวเฟื้อยไปด้วยหัวใจพองโต ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อวานกับวันนี้มันจะห่างกันแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง และเวลาแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงแค่นี้ทำไมถึงเปลี่ยนซาตานให้กลายเป็นเทพบุตรได้นะ
สาวน้อยยิ้มหวาน ยกมือโบกให้กับรถคันงามที่แล่นจากไป กำลังจะหมุนตัวเดินขึ้นตึกเพื่อไปยังห้องสอบ แต่ก็จ๊ะเอ๋กับลินดาที่ยืนยิ้มกริ่มรู้ทันเสียก่อน
“โอ้...ลินดาน่ะ ฉันตกใจหมดเลย!”
“ใจลอยไปหาคนในรถสีดำคันนั้นใช่ไหมล่ะ ไหนดูสิ หัวใจยังอยู่หรือเปล่า เอ่อ...ก็ยังอยู่นี่นา แล้วทำไมใจลอยนักนะ”
ลินดาแกล้งเย้าเสียงขบขัน ขณะยื่นมือไปแตะที่เนินอกข้างซ้ายของเพื่อนสนิท ยาหยีรีบเบี่ยงตัวหนีทันควัน ใบหน้างามของหล่อนแดงจัดจนคนมองอย่างลินดาอดยิ้มกว้างไม่ได้
“มีความสุขใช่ไหมล่ะ บอกแล้วว่าอย่าปากแข็ง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ฉันก็แค่...” เมื่อเห็นยาหยีตั้งท่าจะค้าน ลินดาจึงแย่งพูดขึ้น
“อย่าโกหกเพื่อนรักของเธอคนนี้เลยน่า ดูใบหน้าของเธอสิ ใครมองก็รู้ว่ากำลังอินเลิฟแค่ไหน” ลินดาพล่ามต่อ ขณะสำรวจใบหน้าของเพื่อนรักอย่างละเอียดยิบ
“แล้วเมื่อกี้ก่อนลงจากรถก็คงถูกเขาจูบเอาใช่ไหมล่ะ ดูสิปากช้ำหมดเลย น่าอิจฉาจัง”
ยาหยีหน้าแทบไหม้กับความขัดเขิน รีบยกมือขึ้นปิดปากของตัวเอง ขณะก้าวเท้าหนีทันที ลินดาหัวเราะร่วน รีบเดินตาม
“เอ่อ...แล้วนี่เมื่อคืนพ่อเทพบุตรตาเขียวคนนั้นปล่อยให้เธอได้หลับได้นอนบ้างหรือเปล่านะ เอ๋...แต่จากที่เห็นคงไม่ยอมให้พักเลยแน่ๆ แม่ลูกหยีแสนหวานของฉันถึงได้ดูอิดโรยแบบนี้”
ยาหยีหยุดเดิน หันใบหน้าแดงๆ ของตัวเองออกมาวิงวอนเพื่อนสนิทที่เดินตามมาข้างหลังฃ
“ขอร้องเถอะลินดา อย่าล้อฉันเลยนะ แค่นี้ฉันก็อายจะแย่อยู่แล้ว”
ลินดาหัวเราะคิกคัก
“ไม่เห็นต้องอายเลย มันน่าอิจฉามากๆ ต่างหาก ที่มีผู้ชายหล่อยิ่งกว่าเทพบุตรมาคอยพะเน้าพะนอ เป็นฉันนะไม่ยอมมาสอบหรอก จะนอนให้เทพบุตรตาเขียวฟัดต่อข้ามวันข้ามคืนเชียวแหละ”
“บ้า...”
“ไม่ได้บ้าสักหน่อย พูดเรื่องจริงย่ะ”
ยิ่งพูดกับลินดาก็ยิ่งถูกล้อหนักขึ้น ยาหยีจึงตัดสินใจเดินหนีอีกครั้ง แต่เสียงของลินดาก็ยังตามเข้ามาหลอกหลอนในหูจนได้
“แล้วเย็นนี้จะไปนอนเตียงไหนเหรอจ๊ะแม่ลูกหยีแสนหวาน”
“ลินดาบ้า ฉันไม่พูดด้วยแล้ว”
ยาหยีแบกหน้าแดงก่ำของตัวเองวิ่งหายเข้าไปในห้องสอบ ลินดาส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินตามเพื่อนรักเข้าห้องสอบไปเช่นกัน
“นายน้อยครับ มีโทรศัพท์ด่วนมาจากออฟฟิศที่มอสโกครับ”
คอร์เนลที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถเพื่อไปรับยาหยีตามที่ได้รับปากกับหญิงสาวเอาไว้ชะงักและหันกลับไปมองคนสนิทต่างวัยทันที
“ลอร่านี่ใช้ไม่ได้เลย ฉันสั่งแล้วว่าอย่าโทรมารบกวน”
หนุ่มหล่อบ่นงึมงำด้วยความไม่พอใจเมื่อเลขาฯ ประจำตัวของตนเองขัดคำสั่งโดยการโทรมารบกวนเขาอีกครั้ง
“เรื่องด่วนครับ มิสเตอร์ลีทวงถามสัญญาครับ” เซอร์เกยื่นโทรศัพท์ให้กับคอร์เนล ชายหนุ่มรับขึ้นมาถือเอาไว้
“แต่ฉันต้องไปรับยาหยีที่มหาวิทยาลัย” น้ำเสียงของคอร์เนลเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“ผมจะไปรับเธอมาให้เองครับ นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วง”
ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะรู้สึกว่างานตรงหน้าน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้มาก่อน ทำไมสมองของเขาในทุกๆ เซลล์ถึงได้มีแต่ชื่อและภาพของยาหยีมากมายเช่นนี้นะ
“ก็ได้ พาเธอมาหาฉันทันทีที่เธอสอบเสร็จเลยล่ะ”
“ครับนายน้อย”
เซอร์เกก้มหน้าน้อมรับคำสั่ง ขณะมองร่างสูงใหญ่ของคอร์เนลที่เดินคุยโทรศัพท์หายเข้าไปในตึกใหญ่ด้วยสายตาเป็นกังวล
‘นายน้อยของเขาเป็นหนักขึ้นทุกวันเลย ดูสิ ถึงขนาดลังเลเลือกไม่ได้ว่าจะไปรับเด็กยาหยีดีหรือจะคุยโทรศัพท์เรื่องงานดี ถ้าเป็นเมื่อก่อนคอร์เนลจะเลือกงานโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป และมันก็เปลี่ยนไปในทางลงสู่หายนะด้วย’
เซอร์เกพ่นลมออกจากปากหนักหน่วง ก่อนจะก้าวขึ้นรถและขับมันออกไปอย่างรวดเร็ว
ยาหยียกมือขึ้นโบกให้ลินดาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวขึ้นรถสีดำเงาวับที่จอดอยู่เบื้องหน้า รอยยิ้มหวานฉ่ำแต้มใบหน้างามเพราะคาดหวังว่าจะได้พบกับคอร์เนลในห้องผู้โดยสาร แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเห็นได้ความว่างเปล่า
สาวน้อยนั่งนิ่งไปเงียบๆ ตลอดทาง พยายามคิดว่าคอร์เนลอาจจะกำลังยุ่งเลยมารับหล่อนไม่ได้ตามสัญญา แต่หัวใจเจ้ากรรมมันก็ไม่ยอมรับฟังอยู่ดี เจ้าความโศกเศร้าความน้อยอกน้อยใจที่เพียรขังเอาไว้ในลิ้นชักจึงพุ่งโพลงขึ้นมาในอกทันที และน้ำตาก็ซึมไหลออกมา
‘ในที่สุดก็ต้องร้องไห้อีกครั้ง เพราะความรักที่มีต่อเขา’
หญิงสาวมัวแต่จมอยู่กับความเสียใจ จนไม่รู้เลยสักนิดว่ารถคันงามที่วิ่งอยู่นั้นได้เลี้ยวเข้ามาจอดสนิทในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มารู้ตัวก็ตอนที่เซอร์เกเปิดประตูรถฝั่งหล่อนนั่นแหละ
“ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณครับ”
มือบางรีบยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง มองผู้ชายที่เปิดประตูให้ด้วยความตื่นตกใจ
“ที่นี่ที่ไหน แล้วพาฉันมาทำไม?”
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่ได้คิดร้าย แค่อยากคุยกับคุณเท่านั้นเอง”
ยาหยีเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ก่อนจะก้าวลงไปจากรถ เซอร์เกพาหล่อนเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว ขณะที่เขายืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ความจริงถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น หล่อนคงจะขวัญหนีดีฟ่อไปแล้ว แต่นี่เป็นเซอร์เกผู้ชายที่ถึงแม้แต่จะทำหน้าบูดบึ้งยังไงก็ยังดูใจดีในสายตาของหล่อนไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณมีอะไรจะพูดกับฉันหรือคะ”
“ผมอยากพูดเรื่องนายน้อย”
เซอร์เกไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เขาเจาะตรงประเด็นทันที และนั่นก็ทำให้คนฟังถึงกับนั่งอ้าปากค้างด้วยความเคลือบแคลง
“เรื่องของคอร์เนล?”
“ใช่ครับ เรื่องของนายน้อย”
หล่อนเห็นคนสนิทของคอร์เนลถอนใจออกมาแรงๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็จ้องหน้าหล่อนเขม็งราวกับต้องการจะอ่านความคิดของหล่อน
“ผมอยากให้คุณไปจากนายน้อยซะ”
ยาหยีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“หมายความว่ายังไงกันคะ? เขาให้คุณมาบอกฉันใช่ไหม”
ทุกความรู้สึกที่ไม่ดีในโลกนี้กำลังโจมตีหล่อนอย่างอำมหิต กัดปากของตัวเองจนไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว
“ไม่ใช่หรอกครับ นายน้อยไม่รู้เรื่องนี้หรอก แต่เป็นผมที่ต้องการให้คุณไปเอง”
“คุณกำลังจะพูดอะไรกับฉันกันแน่”
“ตั้งแต่ที่ผมรับใช้นายน้อยมา นายน้อยของผมไม่เคยวิ่งตามผู้หญิงคนไหนมาก่อน ในสายตาของนายน้อยผู้หญิงก็แค่วัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น แค่ค่ำคืนเดียวกับเงินจำนวนมาก ทุกอย่างก็จะยุติลง แต่กับคุณ...คุณอยู่กับนายน้อยนานเกินไป และนับวันก็จะยิ่งมีอิทธิพลกับนายน้อยมากจนผมอดเป็นห่วงไม่ได้”
‘นี่เซอร์เกอยากจะพูดอะไรกับหล่อนกันแน่นะ หล่อนงงไปหมดแล้ว’
“ฉันคิดว่า...”
คนสนิทวัยกลางคนเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเห็นยาหยีตั้งท่าจะแย้ง
“คุณทำให้นายน้อยเลือกไม่ได้ระหว่างงานแล้วก็คุณ ทั้งๆ ที่หากเป็นในอดีต นายน้อยจะเลือกงานโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยด้วยซ้ำไป คุณทำให้ตารางการดำเนินชีวิตของนายน้อยรวนจนพังยับเยิน และผมก็มั่นใจว่านายน้อยจะต้องพาคุณกลับไปที่มอสโกด้วย...” เซอร์เกหยุดพูดจ้องใบหน้าของยาหยีนิ่ง
“ซึ่งผมไม่อยากให้คุณไป”
“ฉัน...ฉันไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับเขาอย่างที่คุณคิดหรอก” ตอบออกไปปากคอสั่น เมื่อสมองนึกถึงวันที่จะไม่มีคอร์เนลห่างกาย
“คุณอาจจะมองไม่เห็นมัน แต่ผมอยู่กับนายน้อยมานาน ผมรู้ดีว่านายน้อยเปลี่ยนไป และคุณก็คือตัวการนั้น”
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจหรอก นายน้อยของคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันเลย เขาแค่ยังไม่เบื่อหน่ายในตัวของฉันเท่านั้นเอง” ยาหยีพยุงกายให้ลุกขึ้นยืนทั้งๆ ที่แขนขาอ่อนแรงเหลือเกิน
“ถ้าคิดอย่างนั้นก็ไปจากนายน้อยเสียสิครับ เดินจากไปซะ นายน้อยจะได้กลับมาเป็นผู้ชายคนเดิมสักที”
“ผู้ชายไร้หัวใจใช่ไหมที่คุณอยากให้คอร์เนลเป็น” หญิงสาวโพล่งออกไปทั้งน้ำตา กัดปากแน่นจนไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว
“เอาละ...ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนายน้อยของคุณอีก หากคุณทำให้พ่อของฉันเป็นอิสระจากกรงขังนั้นได้”
เซอร์เกจ้องมองใบหน้าของสาวน้อยที่สามารถเขย่าหัวใจกระด้างของเจ้านายหนุ่มของตนเองได้นิ่ง พลางถอนใจแรงๆ และพูดออกมา
“อีกไม่นานนายน้อยจะปล่อยพ่อของคุณ ซึ่งผมรับปากว่าจะช่วยให้วันแห่งอิสรภาพนั้นมันมาถึงเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คุณอย่าผิดคำพูดก็แล้วกัน”
ยาหยีพยักหน้าน้ำตาเอ่อซึมขอบตา
“ฉันจะไปจากคอร์เนลทันทีที่พ่อของฉันได้รับอิสรภาพ”
“ขอบคุณครับที่คุณเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด งั้นเรากลับกันเถอะครับ นายน้อยกำลังรอคุณอยู่อย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว”
เซอร์เกกำลังจะเดินนำหล่อนไปยังรถคันเดิมที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็มีรถคันยาวสีเดียวกันแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าเสียก่อน ร่างของคอร์เนลก้าวลงมาพร้อมๆ กับกระแสความเดือดดาล
“พายาหยีแวะที่นี่ทำไมเซอร์เก!”
“เอ่อ...นายน้อย...”
เมื่อเห็นเซอร์เกผู้จงรักภักดีเหลือแสนอับจนคำพูด หญิงสาวจึงรีบแก้ตัวให้
“ฉันค่ะ...เอ่อ...ฉันอยากนั่งที่นี่สักพักก่อนไปหาคุณ”
ได้ผล คราวนี้สายตาคมกริบของคอร์เนลยอมละจากใบหน้าซีดเผือดของเซอร์เกมาจ้องหน้าของหล่อนแทน
“คุณหรือยาหยี”
“ใช่ค่ะ ฉันเห็นมันปลอดโปร่งดีก็เลย...อยากมานั่งเล่น”
คิ้วเข้มของคอร์เนลเลิกขึ้นสูงคล้ายกับยังไม่เชื่อ
“ที่บ้านผมก็มีที่ปลอดโปร่งแบบนี้ ทำไมไม่ไปที่นั่นล่ะ มีอะไรปิดบังผมหรือเปล่า”
“ไม่มี ไม่มีอะไรนี่คะ ฉันแค่อยากนั่งเล่นจริงๆ”
เมื่อเห็นแม่สาวน้อยที่ตัวเองนั่งคิดถึงทุกลมหายใจเข้าออกยืนกรานแข็งขัน คอร์เนลก็จำใจต้องเชื่อแม้ว่าใบหน้างามจะมีพิรุธก็ตาม
“คราวหน้าคราวหลังโทรรายงานฉันก่อนนะเซอร์เก ไม่ใช่ให้ฉันรอแหง็กอยู่แบบนั้น” คนตัวโตหันไปคำรามใส่คนสนิท ก่อนจะโอบประคองร่างอรชรของหล่อนให้เดินตรงไปที่รถอีกคันหนึ่งซึ่งเป็นคันที่เขานั่งมาเมื่อครู่นี้
“ไม่เห็นต้องมาเลยนี่คะ อีกเดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว” พูดกับชายที่เดินตามขึ้นมานั่งข้างๆ บนรถเสียงแผ่วเบา
“รอไม่ไหว...คิดถึงใจจะขาด” และเมื่อประตูรถถูกปิดลง ปากร้อนผ่าวของคอร์เนลก็ประกบลงมาบนกลีบปากของหล่อนด้วยความหิวกระหาย ดูดดื่ม เร่งเร้าให้ตอบสนองด้วยอารมณ์เดียวกัน จนหญิงสาวอดคล้อยตามไม่ได้
“ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันจะนานราวกับเป็นสิบๆ ปี”
ยาหยีกล้ำกลืนความขมขื่นที่เกิดจากคำสัญญาที่ตัวเองมอบให้ไว้กับเซอร์เกลงไปในอก ก่อนจะปั้นยิ้มหวานให้กับผู้ชายที่นั่งข้างๆ
“ปากหวานจังนะคะ แบบนี้ต้องอยากได้รางวัลแน่เลย จะรับเป็นหูฉลามน้ำแดง หรือว่าเป๋าฮื้อราคาเหยียบหมื่นดีคะ”
คอร์เนลระบายยิ้มกว้าง ก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นของยาหยีอย่างอดใจไม่ได้
“อยากกินคุณน่ะ”
สาวน้อยถึงกับหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินชื่ออาหารจากปากของคอร์เนล
“ดูพูดเข้าสิคะ น่าเกลียดจังเลย”
“น่าเกลียดที่ไหนกันล่ะ มันน่าหลงใหลต่างหาก นี่ผมแทบรอให้ถึงบ้านไม่ไหวแล้วนะ” มือใหญ่เพียงมือเดียวก็สามารถยกร่างยาหยีขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งของตัวเองได้อย่างง่ายดาย หญิงสาวหน้าร้อนเป็นไฟเมื่อรับรู้ถึงแรงปรารถนาของคอร์เนลถนัดถนี่
“รู้แล้วใช่ไหมว่าผมคิดถึงคุณมากแค่ไหน”
หล่อนไม่ได้ตอบ และไม่คิดจะตอบด้วย เพราะการนิ่งเงียบแล้วปล่อยให้พ่อสุดหล่อดื่มกินผิวสาวของตัวเองนั้นมันมีความสุขกว่ากันเยอะเลย
หลังจากสามารถทำให้ยาหยีรับปากว่าจะเดินออกไปจากชีวิตของคอร์เนลทันทีที่ยอดชายเป็นอิสระได้สำเร็จ เซอร์เกก็เริ่มแผนสองทันที
“น้าเซอร์เกจะไปหานายยอดชายหรือครับ” อีวานร้องถามเมื่อเห็นร่างของน้าชายกำลังจะเดินผ่านออกไปยังด้านนอกเรือนพัก
เซอร์เกชะงักเท้า ปรายตามองหลานชายเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ
“ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องปกป้องนายน้อยเสียที”
อีวานได้ยินคำพูดของน้าชายก็ดีดผึงลุกขึ้นยืนทันที
“นี่อย่าบอกนะว่าน้ามีแผนการอยู่ภายในใจเรียบร้อยแล้ว”
ผู้เป็นน้าพยักหน้ารับช้าๆ
“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้นายน้อยหลุดจากอุ้งมือของสองพ่อลูกนั่น และแก...” เซอร์เกมองหน้าอีวานเขม็ง
“ก็ต้องร่วมมือกับฉันด้วย เพื่อผู้มีพระคุณท่วมหัวของเรายังไงล่ะ”
อีวานพยักหน้าโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ผมช่วยเต็มที่อยู่แล้วครับน้าเซอร์เก แต่ก็อดสงสารคุณยาหยีไม่ได้ บางทีเธออาจจะรักนายน้อยจริงๆ ก็ได้นะครับ”
แม้จะสะดุดหูกับคำพูดของหลานชายแต่เซอร์เกก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ
“นายน้อยเคยอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งความรักจากผู้หญิง แล้วทำไมต่อจากนี้ไปถึงจะอยู่ไม่ได้ล่ะ อีกหน่อยเด็กยาหยีก็จะกลายเป็นแค่อดีตที่นายน้อยไม่อยากจดจำเท่านั้นเอ
เห็นด้วยน่ะก็เห็นด้วยอยู่หรอก แต่อีวานยังจำสายตาของยาหยีที่แอบมองคอร์เนลเมื่อวันก่อนได้เป็นอย่างดี ก็สายตาแบบนั้นมันบอกให้เขารู้ว่ายาหยีหลงรักนายน้อยของเขาสุดดวงใจนี่นา แล้วทำไมเซอร์เกถึงคิดว่ายาหยีไม่ได้รักนายน้อยล่ะ
“น้าเซอร์เกจะทำยังไงก็ทำเถอะครับ ผมช่วยเต็มที่”
“งั้นก็ไปหานายยอดชายกับฉัน เราจะต้องทำให้มันคายความลับเกี่ยวกับเพชรสีทองออกมาให้ได้”
“อ้าว...ก็มันบอกว่าเพชรถูกปล้นไปไม่ใช่หรือครับ”
“เชื่อคำพูดของโจรทั้งหมดไม่ได้หรอก ไปอีวาน ตามฉันมา”
เซอร์เกเดินดุ่มๆ ลงจากเรือนพักไปอย่างรวดเร็วโดยมีอีวานหลายชายเดินตามไปติดๆ มุ่งหน้าสู่เรือนคุมขังยอดชายในทันที
ยาหยีนั่งอ่านหนังสือสอบอยู่บนเตียง โดยข้างๆ ตัวก็มีคอร์เนลนอนอยู่ใกล้ๆ
“อ่านจบหรือยังลูกหยี ผมอยากนอนกอดคุณแล้วนะ” มือใหญ่เริ่มซุกซนไปตามผิวสาว
“ยังอีกนานค่ะ คุณนอนไปก่อนเถอะ”
“ไม่เอาน่ะ ผมจะรอนอนพร้อมคุณ...” น้ำเสียงของคนตัวโตเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย
ยาหยียิ้มบางๆ ขณะปลายตามองใบหน้าหล่อเหลากระชากใจของคอร์เนลด้วยความขบขัน ก่อนจะปิดหนังสือเรียนลงและวางมันลงข้างๆ ตัว
“ทำไมวันสองวันนี้ดีกับฉันจังล่ะคะ” ถามเพราะอย่างรู้จริงๆ คนตัวโตหันขวับมาจ้องหน้าหล่อน เขาเงียบไปนานกว่าจะตอบออกมา
“ผมคงเบื่อที่จะวิ่งไล่ตามคุณแล้วมั้ง เพราะเถียงกันทีไรคุณหนีผมทุกที”
จากที่เคยกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงก็เปลี่ยนมาเป็นลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ แถมยังดึงร่างของหล่อนให้ขึ้นมานั่งคร่อมตักไว้เสียอีกต่างหาก
“คุณทำให้ผมไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้ว รู้ไหมลูกหยี”
เขาก้มลงมาจูบปากหล่อนเบาๆ ยาหยีระบายยิ้มขมขื่นเมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ตัวเองให้ไว้กับเซอร์เกในสวนสาธารณะ
“ฉันจะไปจากคอร์เนลทันทีที่พ่อของฉันได้รับอิสรภาพ”
‘ซึ่งก็คงอีกไม่นาน...’
“ผมจะพาคุณไปมอสโกด้วยหลังจากที่คุณสอบเสร็จ”
หล่อนอยากไปกับคอร์เนล อยากไปในทุกที่ที่มีเขา แต่หล่อนไปไม่ได้ หล่อนเดินไปข้างๆ เขาไม่ได้ ความเจ็บช้ำกระหน่ำตีอยู่ในอกอย่างรุนแรง น้ำตาก็พานจะไหลเสียให้ได้
“เต็มใจไปกับผมไหมลูกหยี” เขาก้มลงมาหาจนปลายจมูกชนกัน ขณะกระชับอ้อมกอดแน่น
“เอ่อ...คือ...”
“ทำไมต้องอ้ำๆ อึ้งๆ ด้วยล่ะ ตอบมาสิว่าเต็มใจหรือเปล่า” นัยน์ตาสีเขียวจัดหรี่แคบจ้องหน้าหล่อนอย่างคาดคั้น สาวน้อยก้มหน้าซ่อนพิรุธเอาไว้ในใจอย่างสุดความสามารถ ขณะอ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงแผ่วเบา
“เต็ม... เต็มใจสิคะ...”
“รู้ไหมว่าผมดีใจแค่ไหนที่ได้ยินคำนี้จากปากของคุณ งั้นเราไปเที่ยวกันสักวันดีกว่าเนอะ แล้วค่อยบินไปมอสโกด้วยกัน” รอยยิ้มกว้างที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจของคอร์เนลทำให้ยาหยีไม่กล้าที่จะเอ่ยปฏิเสธมันออกไป ทำได้แค่นิ่งเงียบและตอบสนองสัมผัสเรียกร้องของคนตัวโตไปอย่างว่านอนสอนง่าย
“คุณน่ารักแบบนี้ อยากได้รางวัลอะไรจากผมบ้างหรือเปล่าลูกหยี”
ชายหนุ่มพูดกระซิบชิดกลีบปากหวานของสาวน้อย มือใหญ่ปลดเปลื้องอาภรณ์ของเจ้าหล่อนออกไปจนกายสาวเกลี้ยงเกลา
“คุณให้ได้แน่นะคะ”
“ว่ามาสิ ถ้าไม่ถึงขนาดต้องขายบ้านขายรถละก็ ผมทำให้ได้น่า” คอร์เนลยิ้มกว้าง มองร่างอรชรที่นั่งคร่อมอยู่บนตักแข็งแรงของตนเองด้วยความลุ่มหลงเข้าขั้นรุนแรง
“งั้นฉัน...”
เมื่อเห็นยาหยียังไม่กล้าพูดออกมา ชายหนุ่มก็เร่งเร้าขึ้นอีก
“พูดมาเถอะน่า ผมรับรองว่าจะให้ทุกอย่างที่คุณขอ”
“ฉันอยากพบพ่อค่ะ”
บรรยากาศรอบๆ ตัวตึงเครียดเข้าขั้นรุนแรงทันทีเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคอร์เนลเคร่งขรึมลง ก่อนที่น้ำเสียงไร้ความรู้สึกของเขาจะเล็ดลอดออกมา
“ผมคิดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วล่ะว่าคุณจะต้องขอสิ่งนี้”
“แล้วคุณโกรธฉันหรือเปล่าคะ”
ถามออกไปด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง เกลียดตัวเองเหลือเกินที่ยังแคร์ความรู้สึกนึกคิดของผู้ชายคนนี้ไม่ยอมเลิก ทั้งๆ ที่กำลังจะจากกันอยู่แล้ว
คนตัวโตยิ้มบางๆ ขณะยกร่างอรชรลงนั่งกับที่นอน
“ผมจะโกรธคุณทำไมล่ะ ในเมื่อมันเป็นข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเรา ผมนอนกับคุณในทุกครั้งที่ต้องการ แล้วคุณก็ได้พบกับพ่อ มันก็สมน้ำสมเนื้อกันแล้วนี่”
“แต่ท่าทางของคุณ...”
เขาดูเย็นชาขึ้นในฉับพลันจนยาหยีรู้สึกหวั่นใจ ยิ่งเห็นเขาก้าวลงจากเตียง และถอยออกห่างไปเรื่อยๆ หล่อนก็ยิ่งมั่นใจว่าคอร์เนลกำลังไม่พอใจ
‘นี่เขาคงไม่ได้กำลังคิดว่าที่หล่อนยอมมีเซ็กส์ร้อนๆ กับเขาโดยไม่ขัดขืนนั้นก็เพียงเพราะว่าหล่อนต้องการพบพ่อหรอกนะ’
แต่นั่นแหละคือสิ่งที่คอร์เนลกำลังคิดอยู่...
“ผมพึ่งคิดได้ว่ามีงานที่ต้องไปเคลียร์ให้จบในคืนนี้”
คนตัวโตที่พึ่งพร่ำพลอดใส่ผิวสาวของหล่อนว่าคิดถึงสุดใจขว้างความห่างเหินใส่หน้าหล่อนอย่างมหาศาล หล่อนอึ้งพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“คุณเดินลงไปที่หน้าตึก เซอร์เกจะรอรับคุณไปหาไอ้...เอ่อ...พ่อของคุณที่นั่น” และเขาก็เปิดประตูเดินลิ่วๆ หายไปในพริบตา ยาหยีน้ำตาคลอ กัดปากแน่นจนไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป
“ต่อให้ฉันรักคุณมากแค่ไหน ฉันก็ต้องเลือกพ่อ”
ลุกขึ้นจากเตียง จัดการแต่งเนื้อแต่งตัวจนเรียบร้อย จากนั้นก็เดินออกจากห้องนอนไปอีกคน หญิงสาวมุ่งหน้าลงไปที่หน้าตึกเพื่อไปหาเซอร์เกตามคำบัญชาของคอร์เนล
คอร์เนลกระฟัดกระเฟียดออกมาจากห้องนอนด้วยความหงุดหงิดขัดเคือง ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่ายาหยีมาอยู่ด้วยเพราะอะไร ทั้งๆ ที่คิดว่าจะทนมันได้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เขาก็แพ้ราบคาบ แค่คิดว่าทุกอย่างที่ยาหยีแสดงออกมานั้นเป็นแค่การหลอกลวง เขาก็แทบคลุ้มคลั่งแล้ว
‘ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงเป็นบ้าได้ถึงขนาดนี้นะ ทำไมถึงยอมให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาครอบงำความรู้สึกนึกคิดได้อย่างเบ็ดเสร็จอย่างนี้’
หนุ่มหล่อกระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังในห้องทำงานแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์เครียดเคร่งของตัวเอง พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาคนสนิท
“พายาหยีไปพบไอ้ยอดชาย แล้วก็ปล่อยให้อยู่กันตามลำพังครึ่งชั่วโมง”
หลังจากได้ยินเซอร์เกรับคำ ชายหนุ่มก็กดตัดสายทันที พลางเอนกายพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางอ่อนล้า สมองตายไม่ทำงานเอาซะดื้อๆ
‘แล้วคืนนี้เขาจะทำใจแข็งนอนคนเดียวได้ไหมนะ’
ชายหนุ่มยกมือขึ้นบีบขมับด้วยความเคร่งเครียด พลางถอนใจออกมาหนักๆ เมื่อคำตอบที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจร้องบอกว่าไม่ได้ เขาไม่มีทางนอนคนเดียวโดยที่ในอ้อมแขนไม่มียาหยีได้อีกแล้ว
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นนะ ทำไมเขาไม่สามารถบังคับร่างกาย บังคับสมอง และที่สำคัญบังคับหัวใจของตัวเองได้เหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมานะ ทำไมทุกความรู้สึกนึกคิดของเขาต้องมุ่งเจาะจงไปที่ผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียวด้วย
ยาหยี โรจน์มหามงคล แม่ลูกสาวของมหาโจร
คอร์เนลถอนใจแรงๆ ออกมาอีกครั้ง ปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่ตรงหน้าลง แล้วก็ผุดลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว เขาต้องไปที่ไหนก็ได้สักแห่งหนึ่งที่มันจะทำให้สมองของเขาปลอดโปร่ง และที่สำคัญ...ให้เขาสามารถเลิกคิดถึงแม่ยาหยีแสนหวานสักที! เขาขอแค่นี้จริงๆ
จบตอนที่ 15 ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
65 ความคิดเห็น
-
#48 kar1965 (@karfile1965) (จากตอนที่ 26)วันที่ 6 ธันวาคม 2559 / 14:43ต่างคน ต่างแยกย้ายๆๆๆไปซะ...เน้อ..#480