ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียเก็บมาเฟีย ซีรี่ย์ชุด เทพบุตรมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 4-1

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 59


    ตอนที่ 4

    “ลูกหยี อาจารย์ขานชื่อเธอแล้วนะ”

    เสียงเตือนเบาๆ ของลินดาที่นั่งอยู่ข้างๆ กันทำให้ยาหยีที่กำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานสะดุ้งโหยง หญิงสาวหันมองเพื่อนด้วยความตกใจ

    “เธอว่าไงนะลินดา”

    “อาจารย์ขานชื่อเธอแน่ะ รีบขานสิ เดี๋ยวอาจารย์ก็ไม่เช็กชื่อให้หรอก”

    ลินดาเตือนเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมากับท่าทางเหม่อลอยของเพื่อนสนิท ยาหยีนั่งใจลอยแบบนี้มาตั้งแต่คาบเรียนตอนเช้าแล้ว ตอนแรกนึกว่าแม่คุณง่วงนอน แต่คงไม่ใช่แล้วล่ะ เพราะนี่มันปาเข้าไปจะสี่โมงเย็นอยู่แล้ว แม่เจ้าประคุณก็ยังนั่งตาลอยใจลอยอยู่เช่นเดิม มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ยาหยีไม่เคยมีท่าทางแบบนี้มาก่อน ลินดาพยายามครุ่นคิดแต่ก็คิดไม่ออกจึงต้องเอ่ยถามออกไปเมื่อเพื่อนสนิทขานชื่อกับอาจารย์เสร็จแล้ว

    “นี่ถามจริงๆ เถอะลูกหยี เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมเช้านี้เธอถึงดูใจลอยชอบกล”

    ยาหยีหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรักลงมองหนังสือเรียนตรงหน้า ก่อนจะตอบออกไปเสียงตะกุกตะกักแสนมีพิรุธ

    “ไม่มีนี่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย...ฉันแค่นอนน้อย...”

    “ฉันไม่เชื่อหรอก เมื่อคืนเธอก็กลับดึกด้วย กลับก่อนหอปิดแค่ไม่กี่นาทีเอง” ลินดายังคาดคั้นไม่เลิก หล่อนใช้สองมือประคองหน้าของยาหยีให้เงยขึ้นมาสบตา

    “บอกมานะว่าเกิดอะไรขึ้น”

    หล่อนจะบอกไปได้ยังไงว่าหล่อนกำลังจะต้องสละเนื้อหนังมังสาเพื่อแลกกับลมหายใจของผู้มีพระคุณท่วมหัว ยาหยีน้ำซึมด้วยความขมขื่น กัดปากแน่นจนเลือดออก ข่มความอดสูเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มบางๆ

    “ฉันแค่...”

    “ทะเลาะกับกิ๊กหนุ่มใช่ไหมล่ะ อย่าปิดเลยน่า เวลาฉันทะเลาะกับโกวิท ฉันก็ใจลอยแบบนี้แหละ”

    ลินดาสรุปเนื้อหาใจความเสียเองเสร็จสรรพ ยาหยีลอบถอนใจออกมาด้วยความโล่งอกที่สามารถทำให้ลินดาเข้าใจไปอีกทางหนึ่งได้

    “ใช่ไหม เงียบๆ แบบนี้ใช่แน่เลย”

    ยาหยีพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะก้มหน้าลงมองหนังสือเรียนนิ่ง ทำราวกับกำลังตั้งใจเรียนเสียเต็มประดา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วในสมองของหล่อนตอนนี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องเรียนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่มันกำลังนึกถึงคำพูดของผู้ชายนัยน์ตาดุคนนั้นต่างหาก

    “ผมให้เวลาคุณตัดสินใจหนึ่งคืน”

    “ฉันต้องการหนึ่งอาทิตย์”

    “นานไป”

    ก็คืนนี้แล้วสินะที่เขาจะมารอฟังคำตอบของหล่อน แล้วหล่อนล่ะจะทำยังไงดี ยินยอมพร้อมใจให้ผู้ชายหล่อระเบิดคนนั้นทำลายความสาวของตัวเองโดยที่เขาไม่เห็นค่าเห็นราคาของมันสักนิดได้อย่างนั้นหรือ หล่อนทำได้จริงๆ หรือเปล่า

    สาวน้อยส่ายศีรษะไปมาด้วยความเคร่งเครียด เซลล์ประสาทบีบเกร็งอย่างรุนแรงจนสมองแทบแตก แค่คิดว่าต้องไปแก้ผ้าให้ผู้ชายมอง หล่อนก็แทบจะสิ้นลมอยู่แล้ว แต่นี่...หล่อนต้องยอมให้เขาทำทุกอย่างตามอำเภอใจ

    ไม่! หล่อนทำไม่ได้ หล่อนยอมเป็นของเล่นของผู้ชายคนไหนไม่ได้ทั้งนั้น หล่อนหวง หวงความสาวของตัวเอง ไม่มีทาง...แล้วพ่อของหล่อนล่ะ?’

    หญิงสาวร้องถามตัวเองอยู่ในอกลั่น แล้วก็แทบน้ำตาซึมเมื่อคำพูดที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยของผู้เป็นบิดาดังก้องขึ้นในสมอง

    ลูกหยีคือแก้วตาดวงใจของพ่อนะ พ่อรักลูกหยีมากยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก พ่อยอมสละแม้แต่ลมหายใจเพื่อให้ลูกหยีมีความสุข

    ไม่ได้...หล่อนยอมให้ใครทำร้ายพ่อไม่ได้ หล่อนรักท่าน รักพ่อ

    น้ำตาไหลพรากออกมาจนเจ้าตัวต้องรีบป้ายมันทิ้งอย่างรวดเร็ว และยาหยีก็ไม่สามารถจะทนนั่งเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้ได้อีกต่อไป หญิงสาวรีบคว้าหนังสือและรีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปทันที ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นทุกคน โดยเฉพาะลินดาที่ถึงกับยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความงงงวย

    “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่วิ่งออกไปจากห้องเรียนอย่างไร้มารยาทเมื่อกี้นี้จะเป็นคนๆ เดียวกันกับยายลูกหยีผู้ที่คว้าเอมาทุกวิชาและทุกเทอม”

    ยาหยีวิ่งกระเซอะกระเซิงมาที่หน้ามหาวิทยาลัย ใบหน้างามซีดไม่ต่างจากกระดาษ ดวงตากลมโตมองหารถคันที่เคยมารับหล่อนเมื่อวานนี้ด้วยความกระวนกระวาย แต่ก็หาไม่เจอ ไม่มีรถคันนั้นหรือลักษณะนั้นจอดอยู่ในบริเวณนี้เลย

    เขาต้องการให้หล่อนเรียกรถแท็กซี่ไปเองสินะ

    หญิงสาวคิดอย่างเจ็บใจ แล้วก็ต้องกัดปากแน่นเมื่อนึกถึงฐานะของตัวเองในสายตาของผู้ชายหล่อระเบิดคนนั้น

    โสเภณี...

    นั่นแหละคือสิ่งที่เขามองเห็นว่าหล่อนเป็น น้ำตาไหลพรากออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว ยาหยีรีบป้ายมันทิ้ง ก่อนจะยื่นมือออกไปโบกรถแท็กซี่คันที่วิ่งผ่านมาพอดี หญิงสาวก้าวขึ้นในนั้น บอกจุดหมายด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น

    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความสาวสดที่เฝ้าหวงแหนมาตลอดยี่สิบกว่าปีจะต้องมาสูญสิ้นอย่างไร้ราคาแบบนี้

     

     

    ารประชุมกับหุ้นส่วนสำคัญผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในวันนี้ค่อนข้างหนักหนาเอาการเลยทีเดียว เริ่มประชุมตั้งแต่สิบโมงเช้าจนตอนนี้เกือบจะห้าโมงเย็นอยู่แล้ว หุ้นส่วนคนสุดท้ายก็ยังไม่เลิกออกความคิดเห็นเสียที

    หากเป็นในเวลาปกติเขาคงนั่งฟังด้วยความตั้งอกตั้งใจ แต่ตอนนี้...เวลานี้...สมองของเขาไม่ได้อยู่กับตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว มันบินข้ามฟ้าไปไกลอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยของแม่ลูกสาวคนสวยของศัตรูเสียแล้ว

    วันนี้สินะที่หล่อนต้องให้คำตอบกับเขา ว่าจะเลือกห่วงตัวเองหรือว่าห่วงบิดา

    เขาไม่ใช่คนดีเลยที่ใช้วิธีนี้มาบีบคั้นเพื่อให้แม่สาวน้อยคนนั้นยอมทอดร่างให้เชยชม แต่เขาไม่มีทางเลือก สมองและร่างกายร้องบอกว่าต้องการแม่นั่นแทบคลั่ง และเขาก็ไม่โง่พอที่จะปฏิเสธความต้องการของตัวเองเพราะความสงสารคนทรยศหรอก

    แต่มันต้องไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่คืนนี้ เขาจะต่อเวลาให้กับยาหยีอีกสักสองสามวัน ปล่อยให้หล่อนทุรนทุรายอยู่กับความหวาดกลัว ปล่อยให้หล่อนติดต่อกับพ่อของตัวเอง ซึ่งเขามั่นใจว่าหล่อนต้องติดต่อกับไอ้ยอดชายแน่หากเข้าตาจนจริง และเขาจะทำให้หล่อนต้องวิ่งแจ้นกลับมาขอขึ้นเตียงกับเขาเอง

    คอร์เนลระบายยิ้มด้วยความพึงพอใจ ลุกขึ้นและเดินอ้อมโต๊ะทำงานไม้มะฮอกกานีราคาแพงระยับออกไปยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง ทอดสายตามองสวนสวยเบื้องล่างนิ่ง พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาคนสนิททันที

    “ให้คนไปบอกยาหยีว่าวันนี้ไม่ต้องมา ผมให้เวลาคิดอีกสองสามวัน” กรอกเสียงเรียบลงไปตามสาย แล้วก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

    “ว่ายังไงนะ เธอมาแล้วเหรอ”

    “ครับ นั่งรออยู่ในห้องรับแขก ผมเห็นว่านายน้อยยังประชุมกับผู้ถือหุ้นไม่เสร็จก็เลยยังไม่ได้ขึ้นไปรายงาน เอ่อ...งั้นผมให้เธอกลับไปเลยนะครับนายน้อย”

    คอร์เนลกัดฟันแน่น ดวงตาสีเขียวเข้มจัดด้วยความรู้สึกมากมาย โดยเฉพาะความหิวกระหายอันแรงกล้า

    “ไม่ต้อง ฉันจะลงไปพบเธอเอง” หนุ่มหล่อตัดสายด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน

    “เธอโชคไม่ดีเองนะยาหยี”

    คนตัวโตก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องทำงานของตัวเองในทันที โดยไม่มีทีท่าจะกลับมาฟังผู้ถือหุ้นคนสุดท้ายที่ยังพล่ามไม่จบต่อแม้แต่นิดเดียว

     

     เดี๋ยวมาต่อวันพรุ่งนี้นะคะ
    ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
    baiboau

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×