ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียเก็บมาเฟีย ซีรี่ย์ชุด เทพบุตรมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่ 13

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.99K
      7
      23 พ.ย. 59

    ตอนที่ 13

     

     

     

     

     

    ตูม!

    เรือนกายกำยำที่พุ่งลงกระทบกับผิววารีในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่แผดเสียงกึกก้องเป็นวงกว้าง กระแสน้ำสาดกระเซ็นเป็นละอองเล็กๆ ไปรอบขอบสระ ร่างกายสูงใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดลำลองราคาแพงดำผุดดำว่ายอยู่ในสายธารนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ช่วงแขนกำยำจ้วงลงสู่ผืนน้ำสุดแรงเกิด รอบแล้วรอบเล่าจนครบยี่สิบรอบแต่คอร์เนลก็ยังไม่หยุดว่ายน้ำ

    ไม่เหนื่อย...เขายังไม่เหนื่อยเลยสักนิด ให้ตายเถอะ เขาอยากให้พลังงานที่มีเหลือเฟือในกายเหือดหายไปกับการว่ายน้ำนี้ให้หมด จะได้ไม่ต้องมีแรงไปยุ่งเกี่ยวกับแม่ผู้หญิงแพศยาที่คิดจะใช้ร่างกายของตัวเองแลกอิสรภาพของบิดาอย่างยาหยี

    เขาเกลียดหล่อน ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากเห็นหน้า...

    ไม่จริงหรอก เขาไม่ได้เกลียดเจ้าหล่อนเลยสักนิด เพราะถ้าหากเขาเกลียดชังหล่อน เขาคงไม่กระหายอยากที่ครอบครองเจ้าหล่อนมากมายแบบนี้หรอก เมื่อกี้เขาก็แทบจะถาโถมเข้าใส่หล่อนกับพื้นพรมกลางห้องทำงานอยู่แล้ว ดีนะที่สามารถหักห้ามใจเอาไว้ได้ แต่ร่างกายก็เจ็บปวดรวดร้าวทรมานสุดแสน

    เขาคิดถึงยาหยี อยากจะครอบครองหล่อนให้หายคลั่ง อยากจะจูบปากอิ่มๆ ที่เผยอรับเขาอย่างเต็มใจคู่นั้น อยากจะดูดดื่มเต้าสวยเต็มมือ และก็อยาก...

    คอร์เนลสบถในใจอย่างเดือดดาล ที่ทุกความนึกคิดของตัวเองพุ่งตรงไปหาแต่แม่ยาหยีสาวสวยที่ลีลาทางเพศแสนจะเงอะงะคนนั้นแต่เพียงผู้เดียว

    ระยำ! ทำไมเขาต้องรู้สึกย่ำแย่แบบนี้ด้วยนะ ทำไมสมองถึงนึกวนเวียนอยู่แต่กับภาพเร่าร้อนที่เขากับหล่อนร่วมกันสร้างขึ้นมาด้วยนะ ทำไมถึงลืมมันไม่ได้สักที

    “โธ่เว้ย!”

    เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คอร์เนลไม่สามารถควบคุมร่างกายและสมองของตัวเองได้ ลำแขนทรงพลังจ้วงใส่ผิวน้ำแรงขึ้นและเร็วขึ้นเพื่อดับความกระหายอยากในกายหนุ่ม แต่มันช่วยไม่ได้เลยให้ตายสิ ร่างกายของเขายังร้อนผ่าวอย่างรุนแรง แม้น้ำในสระจะเย็นจัดแค่ไหนก็ตาม

    และในที่สุดชายหนุ่มก็ต้องยอมพ่ายแพ้ให้แก่ร่างกายของตัวเอง เขาหยุดว่ายน้ำ กระโดดขึ้นมาบนขอบสระทันที มือใหญ่หยิบผ้าขนหนูที่สาวใช้นำมาวางไว้ให้ขึ้นมาเช็ดศีรษะ ก่อนจะก้าวยาวๆ ตรงไปยังเรือนพักที่ตัวเองใช้จองจำยอดชายเอาไว้ทันที

    ‘เพราะมันนั่นแหละ เขาถึงต้องมาเข้าตาจนแบบนี้’

    คอร์เนลกล่าวโทษยอดชายอย่างดุเดือดภายในอก โทสะแรงกล้ากำลังครอบงำเขาอย่างรุนแรง ถ้าไอ้ยอดชายมันไม่ขโมยเพชรสีทองของเขาไป เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น และเขาก็คงไม่ต้องมาติดแหง็กอยู่ในบ่วงเสน่หาของแม่ยาหยีแสนหวานจนถอนตัวไม่ขึ้นแบบนี้หรอก คอยดูเถอะ เขาจะอัดมันให้เละเลย!

     

     

    ระตูห้องพักที่ถูกดัดแปลงมาเป็นที่ควบคุมตัวของยอดชายถูกเปิดออกแรงๆ พร้อมๆ กับร่างสูงใหญ่เปียกชุ่มของคอร์เนลที่ก้าวเดินเข้ามา โดยมีเซอร์เก อีวาน และบอดี้การ์ดอีกสามสี่คนเดินตามมาข้างหลัง

    ยอดชายกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความหวั่นเกรง ขณะเงยหน้าสบตากับผู้ชายที่หน้าบูดหน้าบึ้งราวกับถูกใครขัดใจมาอย่างรุนแรงตรงหน้าด้วยสายตาสำนึกผิด

    “ผมขอโทษครับ”

    “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการจะฟัง บอกมาว่าเพชรของฉันอยู่ที่ไหน”

    “ผมไม่รู้ครับ โอ๊ย!

    ยอดชายร้องครางออกมาเมื่อถูกหมัดหนักๆ ของคอร์เนลเสยเข้าใส่เต็มหน้า คอร์เนลกระชากร่างที่ผอมบางกว่าตัวเองของยอดชายด้วยมือใหญ่เพียงมือเดียว ก่อนจะเค้นเสียงคำรามลอดไรฟันขาวสะอาดออกไป

    “จะบอกดีๆ หรือว่าอยากเห็นศพของลูกสาวก่อนล่ะ คอร์เนลคำรามติดๆ กันออกมา ขณะโยนร่างของยอดชายลงไปกองกับพื้นห้องแรงๆ

    “ยาหยี! อย่านะครับ อย่าทำเธอ เธอไม่รู้เรื่อง...ยอดชายร้องขอชีวิตลูกสาวลั่น แต่คอร์เนลก็เหี้ยมโหดเหลือเกิน

    “ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะรู้เรื่องหรือไม่ แต่เพชรของฉันมันหายไปเพราะแกไม่ใช่หรือ?นัยน์ตาสีเขียวเข้มจัดด้วยโทสะแรงกล้า กรามกระด้างของคอร์เนลขบกันแน่นจนปูดเป่ง ก่อนที่ริมฝีปากหยักสวยจะคลี่ยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา

    “ฉันจะส่งแขนขาของแม่ยาหยีใส่กล่องมาเป็นของขวัญในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

    “อย่าครับ อย่าทำลูกสาวผม อย่าทำยอดชายคลานเข้าไปกราบแทบเท้าของหนุ่มหล่ออดีตเจ้านายของตัวเองอย่างวิงวอน น้ำตาลูกผู้ชายไหลทะลักออกมาอย่างสิ้นความละอาย แต่คอร์เนลใจแข็งเกินกว่าจะยอมให้อภัย

    “ไม่มีอะไรหยุดยั้งฉันได้คอร์เนลเค้นเสียงกร้าวออกมา

    “นอกจากแกจะบอกว่าเพชรของฉันอยู่ที่ไหน”

    “ผม...ไม่รู้จริงๆ ครับนายน้อย ผมไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้เพชรสีทองนั้นอยู่ที่ไหน”

    ชายหนุ่มกัดฟันแน่นใกล้หมดความอดทนเต็มที่

    “แกจะไม่รู้ได้ยังไงไอ้ระยำ! ในเมื่อแกเป็นคนขโมยมันไปจากฉัน”

    “ผมขโมยไปจริงๆ ครับ แต่ผมก็ถูกปล้นไปซะก่อน”

    “อะไรนะ ถูกปล้น!อีวานอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพูดต่อด้วยความไม่ไว้ใจในตัวยอดชาย

    “โกหกกันหรือเปล่านายยอดชาย คำพูดของนายเคยเชื่อได้ที่ไหนกันล่ะ”

    “หุบปากอีวาน ให้นายน้อยเป็นคนถามมันเถอะเซอร์เกปรามหลานชายเสียงดุ จนอีวานจำต้องสงบปากสงบคำและยืนฟังเงียบๆ ตามเดิม ยอดชายเห็นสายตาของคอร์เนลไม่มีวี่แววที่จะเชื่อคำพูดของตัวเอง เขาจึงรีบยืนยันขึ้นอีกครั้ง

    “ผมพูดเรื่องจริงนะครับ ผมถูกปล้นจริงๆ หลังจากที่ออกมาจากคฤหาสน์ซีร์ยานอฟได้ไม่นาน”

    “แล้วใครเป็นคนจ้างแก”

    คอร์เนลเค้นเสียงถาม เขาสังเกตเห็นไอ้คนทรยศนิ่งเงียบไปหลายอึดใจทีเดียวกว่าจะยอมเปิดปากออกมา

    “พวกเซอร์คอฟครับ”

    และทุกอย่างก็เงียบกริบลงอย่างสิ้นเชิง เซอร์เกมองร่างสูงใหญ่ของคอร์เนลที่ก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องคุมขังนักโทษด้วยสายตาเป็นกังวล นายน้อยของเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำเมื่อได้ยินคำสารภาพของนายยอดชาย

    ‘เห็นทีจะเกิดศึกใหญ่ระหว่างตระกูลเสียแล้วล่ะมั้ง’

    เซอร์เกถอนใจแรงๆ อีกครั้ง ขณะหันมาสั่งให้อีวานคุมตัวยอดชายไว้ให้แน่นหนา ก่อนที่ตัวเองจะเดินตามคอร์เนลออกไป

     

     

    ซอร์เกเดินตามคอร์เนลมาถึงห้องส่วนตัวริมระเบียงชั้นสองของตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความแคลงใจ

    “นายน้อยเชื่อคำพูดของนายยอดชายหรือครับ”

    “แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะคอร์เนลไม่ตอบ แต่เลือกที่จะถามคนสนิทกลับไป

    เซอร์เกถอนใจก่อนจะตอบออกมาตามความคิดของตัวเอง

    “ผมไม่เชื่อนายยอดชายเท่าไร บางทีหมอนั่นอาจจะโกหกเราเพื่อให้เราบาดหมางกับพวกเซอร์คอฟก็เป็นไปได้นะครับ”

    คอร์เนลที่ยืนหันหลังอยู่หันกลับมาระบายยิ้มบางๆ ให้กับคนสนิท

    “สมแล้วที่ฉันไว้ใจนายที่สุด แน่นอนว่าไอ้ระยำนั่นไม่มีทางบอกความจริงกับเราทั้งหมดหรอก แต่กระนั้นเราก็ไม่อาจจะมั่นใจได้ว่าสิ่งที่มันพูดจะไม่มีเค้าความจริง”

    ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองชุ่มชื้นเพราะหยาดน้ำในสระเดินมาทรุดกายลงนั่งบนโซฟานุ่ม ท่อนขากำยำตวัดขึ้นไขว้กันเอาไว้

    “บางทีอาจจะมีใครสักคนชักใยอยู่เบื้องหลังก็ได้ใครจะไปรู้ จริงไหมเซอร์เก”

    “นายน้อยกำลังสงสัยใครหรือครับเซอร์เกเอ่ยถามเสียงเครียด สมองนึกถึงใครบางคนทันที

    คอร์เนลระบายยิ้มหยัน ปรายตามองคนสนิทนิ่ง

    “ฉันรู้ว่านายรู้ว่าเป็นใคร แต่อย่าพึ่งกระโตกกระตากไปล่ะ เรายังไม่มีหลักฐาน”

    “ครับนายน้อย เอ่อ...แล้วเรื่องของพวกเซอร์คอฟล่ะครับ นายน้อยมั่นใจแล้วหรือครับว่าพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเพชรสีทองที่หายไป”

    ศีรษะแสนทระนงของคอร์เนลส่ายน้อยๆ

    “แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของไอ้ระยำนั่นสักเท่าไร แต่ฉันก็ไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองสงสัยอยู่อย่างนี้หรอกร่างกำยำผุดลุกขึ้นยืนตระหง่าน หันมาจ้องมองหน้าคนสนิทนิ่ง

    “ส่งคนของเราแฝงเข้าไปในเซอร์คอฟ สืบให้ได้ว่าพวกนั้นเกี่ยวข้องกับการหายไปของเพชรสีทองหรือเปล่า”

    “ครับนายน้อย ผมจะให้อีวานแฝงตัวเข้าไป”

    คำพูดของคนสนิททำเอาคอร์เนลต้องรีบเบรกความคิดนั้นเอาไว้ในเฉียบพลัน

    “งานนี้ไม่เหมาะกับผู้ชายหรอก ต้องเป็นผู้หญิง และก็ต้องเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและฉลาดด้วย นายคงจะรู้นะว่าฉันหมายถึงใคร

    คอร์เนลทิ้งปริศนาเอาไว้ก่อนจะเดินหายออกไปจากห้องพักผ่อนส่วนตัวของตนเอง ทิ้งให้เซอร์เกยืนอึ้งอยู่กับที่เมื่อสมองผุดภาพของผู้หญิงคนที่นายน้อยเอ่ยถึงขึ้นมาอย่างชัดเจน

    เมลิน่า ลูกสาวของเขานั่นเอง

     

     

    นนกว้างเบื้องหน้าเป็นทางมุ่งตรงไปยังหอไอเฟลซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งหนึ่งของโลก แต่หญิงสาวรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นกลับหันหลังให้มันเสียอย่างนั้น สาวน้อยเดินฝ่าคลื่นมหาชนจำนวนมหาศาลที่เดินกันขวักไขว่เต็มฟุตปาทมุ่งหน้าไปตามทางเดินที่มีต้นไม้ร่มรื่น

    หล่อนมาศึกษาในชั้นปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงปารีสด้วยความเอื้อเฟือของคอร์เนลเจ้านายที่มีหน้าตาถอดแบบมาจากเทพบุตรกรีกของบิดา และหล่อนไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตัวเองไม่ได้ตกหลุมรักคอร์เนล

    เมลิน่า อดามอฟ บุตรสาวเพียงคนเดียวของเซอร์เก อดามอฟ ระบายยิ้มอวดฟันขาวสะอาดของตัวเองออกมาเมื่อนึกถึงความเมตตาที่คอร์เนลมีให้ตนและบิดา นายน้อยของหล่อนใจดีและปรานีหล่อนในทุกๆ เรื่อง หากแต่ไม่ใช่แค่หล่อนกับพ่อเท่านั้นที่นายน้อยใจดีด้วย แต่เป็นกับลูกน้องทุกๆ คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ทุกๆ คนล้วนแต่จงรักภักดีต่อคอร์เนลกันทั้งนั้น ไม่มีใครเลยสักคนที่จะคิดคดทรยศ ยกเว้นก็แต่เพียงนายยอดชาย โรจน์มหามงคล คนเดียวเท่านั้น

    หญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้าอร่ามตัดกับเส้นผมสีเข้มระบายยิ้มจางๆ ออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของบิดาที่ดังผ่านสายโทรศัพท์มาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

    “นายน้อยต้องการให้ลูกแฝงตัวเข้าไปในเซอร์คอฟ ลูกทำได้ไหมลิน่า”

    “หนูตกลงค่ะพ่อ หนูยินดีทำเพื่อนายน้อย”

    และหล่อนก็ตอบตกลงไปในทันทีเมื่อได้ยินว่าเป็นความต้องการของคอร์เนล โดยไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว

    แม้รู้ดีว่าผู้ชายที่ตัวเองเทิดทูนสุดหัวใจจะไม่เคยมองหล่อนในแง่ชู้สาวเลยแม้แต่นิด ทว่าเมลิน่าก็ยังอดหวังไม่ได้ หวังว่าสักวันหนึ่งนายน้อยผู้ใจดีจะชายตาแลทาสผู้ภักดีเยี่ยงหล่อนสักครั้งหนึ่ง

    ปิ๊น!

    โอ้...พระเจ้านี่หล่อนเดินใจลอยลงมาอยู่ในเลนรถวิ่งตั้งแต่เมื่อไรกันนะ หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ รีบถอยหลังกลับขึ้นไปยืนอยู่บนฟุตปาท ก่อนจะรีบโค้งคำนับเพื่อขอโทษเจ้าของรถสปอร์ตสีดำคันงามด้วยความเสียใจที่ตัวเองไปกีดขวางการจราจรของเขาเอาไว้อย่างไร้มารยาท

    “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

    กระจกรถสีทึบถูกลดลงมาเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ทำให้หล่อนพอจะมองเห็นว่าคนขับรถที่สวมแว่นตาสีดำอันใหญ่ปิดใบหน้าอยู่นั้นเป็นผู้ชาย เขามองมาที่หล่อนอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะขับรถจากไปโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

    เมลิน่าถอนใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอกที่ตัวเองไม่ได้ถูกด่าแม้จะถูกจ้องมองนานไปสักหน่อยก็ตาม หญิงสาวกระชับกระเป๋าสะพายแน่น ขณะตั้งใจมองซ้ายมองขวาจนเห็นว่าไม่มีรถแล้วนั่นแหละจึงได้ตัดสินใจเดินข้ามถนนเพื่อมุ่งหน้าไปยังหอพักของตัวเอง

    อีกแค่สองวันเท่านั้นหล่อนก็จะปิดเทอม และนั่นก็จะเป็นการเริ่มต้นของภารกิจที่แสนอันตราย การปลอมตัวเข้าไปในตระกูลมาเฟียเก่าอย่างเซอร์คอฟไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยสักนิด

     

     

    ลังจากขจัดเจ้าเสื้อผ้าเปียกน้ำออกจากไปจากเรือนกายเรียบร้อยแล้ว คอร์เนลก็มุ่งหน้ากลับมาที่ห้องทำงานของตัวเองอีกครั้ง มือใหญ่กำลูกบิดทองเหลืองเอาไว้แน่น

    ‘ยาหยีคงกลับไปแล้วล่ะ ในเมื่อเวลามันผ่านมาตั้งสองสามชั่วโมงแล้วนี่’

    หนุ่มหล่อขั้นเทพถอนใจออกมาแรงๆ อีกครั้งก่อนจะกระชากบานประตูจนมันเปิดออก จากนั้นจึงก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไป เท้าใหญ่ดันเบาๆ ประตูไม้ก็ปิดสนิทลง แต่ระหว่างที่เขากำลังจะเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานนั้น หางตาก็รับภาพของสตรีคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับใหลอยู่บนโซฟาริมหน้าต่างห้อง

    ลมหายใจกระตุกแรงๆ ทันทีเมื่อเขาหันไปจ้องมองผู้หญิงคนนั้นเต็มๆ ตา

    จะเป็นใครไปได้ล่ะ ก็แม่ยาหยีแสนหวานของเขาไง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าหล่อนจะหน้าด้านหน้าทนถึงเพียงนี้ คงห่วงพ่อมากสินะถึงได้ยอมลดศักดิ์ศรีนอนรออยู่อย่างนี้

    ความปีติยินดีที่ได้เห็นว่าเจ้าหล่อนยังคงอยู่ที่นี่เปลี่ยนแปรเป็นความเดือดดาลและดูหมิ่นในพริบตา เมื่อสมองร้องบอกว่าที่ยาหยียังอยู่ที่นี่ก็เพราะว่าหล่อนห่วงบิดาเท่านั้นเอง แม่คุณทูนหัวไม่ได้รู้สึกรู้สาใดๆ กับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

    คอร์เนลกัดฟันแน่นขณะเดินเข้าไปกระชากร่างอรชรที่กำลังนอนหลับอยู่ให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้าด้วยกิริยาเหี้ยมเกรียมไร้ความปรานี

    “อยากให้ผมเอาทำเมียนักใช่ไหม ถึงได้ยังอยู่ที่นี่น่ะ!”

    “ฉัน...ฉันแค่อยากให้คุณปล่อยพ่อไป แล้วฉันจะยอม...”

    ยาหยีพยายามอ้อนวอน แต่พอเห็นรอยยิ้มเลือดเย็นที่ผู้ชายตรงหน้าระบายออกมา หญิงสาวก็รู้ซึ้งเลยว่าคำขอร้องของหล่อนไม่มีทางสัมฤทธิผลอย่างแน่นอน ต่อให้หล่อนต้องแก้ผ้าทั้งตัวก็ตาม

    “ให้ผมเอาโดยไม่จำกัดจำนวนครั้งใช่ไหมล่ะ?”

    ทั้งน้ำเสียง คำพูด และสายตาของเขาที่มองมานั้น ทำให้หน้าของหล่อนลุกเป็นไฟ อับอาย อดสู แต่ก็ต้องกัดฟันทน

    “คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีทางเลือก และนี่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยพ่อได้”

    ยิ่งแม่คุณแสดงออกมาว่าที่ทำแบบนี้เพราะกตัญญูมากเท่าไร คอร์เนลก็ยิ่งเจ็บใจ เจ็บแค้น และยิ่งต้องการจะเอาชนะ

    “ก็ได้...เอาสิ ผมรับข้อเสนอของคุณนิ้วเรียวยาวกดลงบนต้นแขนกลมกลึงของหล่อนหนักกว่าทุกทีที่เขาแตะต้อง ใบหน้าคมสันก้มต่ำลงมาหา ลมหายใจร้อนระอุของคอร์เนลยังทำให้เลือดสาวของหล่อนร้อนผ่าวได้เช่นเดิม

    “แล้วอย่าร้องล่ะ ถ้าผมไม่ให้คุณพักผ่อนน่ะ”

    อุ๊ย! จะทำอะไรคะ”

    ร้องออกมาเมื่อร่างอรชรของตัวเองถูกคนตัวโตดันให้นอนหงายลงกับโซฟา ใบหน้าซีดสลับแดงเมื่อกายสาวของหล่อนถูกความแข็งแกร่งทรงพลังของคอร์เนลบดอัดลงมาหา

    ชายหนุ่มหัวเราะร่วนเหนือศีรษะสวยของยาหยี

    “ก็จะเริ่มยกแรกยังไงล่ะ”

    ปากร้อนผ่าวงับลงมาเบาๆ ที่กลีบปากล่างหวานหยดย้อยของหล่อน รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของคอร์เนลเขย่าโสตประสาทของหล่อนให้บ้าคลั่ง

    “ที่โซฟาก่อน จากนั้นก็ค่อยไปต่อกันที่พื้นพรม และหากผมยังไม่หมดแรงกับเซ็กส์ร้อนๆ ของคุณละก็ เราอาจจะได้ซ้ำอีกรอบบนโต๊ะทำงานตัวใหม่ของผม หรือว่าเป็นห้องน้ำ ในอ่าง หรือใต้ฝักบัว ผมจัดให้ได้ทุกที่นั่นแหละ”

    ยาหยีไม่สามารถโต้ตอบอะไรเขาออกไปได้เลยแม้แต่คำเดียว เพราะสมองของหล่อนตายดับไปตั้งแต่ตอนที่ถูกมือแกร่งร้อนผ่าวปลดเปลื้องเสื้อเชิ้ตออกไปจากตัวแล้ว

    “ผมพยายามแล้วนะที่จะไม่ทำแบบนี้กับคุณ แต่คุณดันหาเรื่องใส่ตัวเอง”

    ลมหายใจของคอร์เนลติดแหง็กอยู่แค่ลำคอทันทีเมื่อสายตาปะทะเข้ากับเนินอกสาวอวบใหญ่ที่ล้นทะลักบราเซียร์สีขาวออกมา สายตาของเขาประสานเข้ากับดวงตาหวานฉ่ำของเจ้าหล่อนเข้าโดยบังเอิญ และนั่นก็ทำให้กายหนุ่มรุ่มร้อนบ้าคลั่ง การควบคุมตัวเองแทบจะสะบั้นลงในพริบตา

    ‘ให้ตายเถอะ เขาคงยื้อเวลาเล้าโลมเจ้าหล่อนไม่ได้นานนักหรอก’

    และเมื่อสิ้นสุดความอดทน ใบหน้าหล่อเหลาก็ค่อยๆ ก้มลงไปหา ยาหยีครางออกมาด้วยความขัดใจเมื่อเขาก้มช้ากว่าปกติมากมายเหลือเกิน จนในที่สุดหล่อนเองต้องเป็นฝ่ายกระชากศีรษะทระนงนั้นลงมาจูบเสียเอง

    “อืม...”

    คอร์เนลคำรามออกมาด้วยความถูกอกถูกใจกับความร้อนแรงของแม่สาวน้อยใต้ร่าง ตอนนี้ความรู้สึกขัดแย้งทุกอย่างถูกความปรารถนากลบทับจนมิดชิดทีเดียว

    ชายหนุ่มจูบตอบปากหวานๆ ที่ดูจะกระตือรือร้นตอบสนองอย่างล้นเหลือของยาหยีด้วยความเร่าร้อนหนักหน่วง และเขาก็ได้รับรางวัลเป็นลิ้นเล็กๆ ซุกซนที่แทรกเข้ามาในอุ้งปากของตัวเอง สติสตังของคอร์เนลบินหายไปในบัดดลเมื่อแม่สาวน้อยแอ่นกายขึ้นหา

    “คุณร้อนกว่าทุกครั้งเลยนะยาหยี”

    “คอร์เนล...ได้โปรด...”

    มือบางกระชากเสื้อผ้าของชายหนุ่มแรงๆ จนกระดุมหลุดออกไปหลายเม็ด จากนั้นก็ไล้ผิวเรียบตึงของเขาด้วยปลายนิ้วนุ่มๆ ของตัวเอง คอร์เนลคำรามออกมาด้วยความรัญจวน รู้สึกว่าโซฟามันคับแคบไปถนัดตา

    “ลงมานี่เถอะ”

    คนตัวโตพลิกกายลงนอนบนพื้นพรมโดยไม่ลืมดึงร่างงามระทดระทวยของยาหยีให้ตามลงมาทาบทับ ปากของทั้งคู่ยังประกบกันแน่น รสชาติจากปากของหล่อนทำให้เขาลุ่มหลงบ้าคลั่ง มือแกร่งเอื้อมไปด้านหลังปลดตะขอบราเซียร์ออก เต้างามดีดผึงออกมาสู่สายตา คอร์เนลสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ครั้งสองครั้ง ก่อนจะงาบงับปลายถันสีกุหลาบนั้นเอาไว้เต็มปากเต็มคำ

    ยาหยีดิ้นสะบัดอย่างรุนแรง เผยอปากร้องครางลั่น

    “คอร์เนล...ได้โปรด...”

    “ใจเย็นคนสวย...อีกนิดเดียว”

    คอร์เนลพลิกกายสาวสลักเสลาของยาหยีให้เปลี่ยนมาอยู่ด้านล่าง เขาขึ้นไปทาบทับเอาไว้ทั้งตัว มือใหญ่ข้างหนึ่งฟอนเฟ้นบีบขยำ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งกำลังปลดเปลื้องกางเกงยีนขายาวอย่างขะมักเขม้น

    และเพียงไม่นานร่างอวบอิ่มของยาหยีก็เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในตัวน้อยเท่านั้นที่ปกปิดร่างกาย คอร์เนลสูดหายใจแรงๆ อีกครั้งและอีกครั้งเมื่อสายตามองต่ำลงมาจากหน้าท้องแบนเรียบ เหมือนถูกสะกดด้วยเวทมนตร์ขลัง

    “สวยมาก...”

    คล้ายกับกำลังละเมอ ก่อนที่คอร์เนลจะก้มลงมอบความเสียวซ่านให้กับเต้าสาวอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มขบเม้มดูดดึงอย่างหิวกระหาย มือสากลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่วเรือนกายสาว บีบขยำบั้นท้ายอวบก่อนจะวกมาที่ด้านหน้า

    “คอร์เนล...”

    สาวน้อยสะอื้นฮักเป็นชื่อของเขาในทันทีเมื่อเพลิงสวาทโหมเข้าใส่กายสาวอย่างบ้าคลั่ง สะโพกกลมกลึงส่ายสะบัดรุนแรง

    “ได้โปรด คอร์เนล...”

    ร่างเปลือยสลักเสลาส่ายไปมากับพื้นพรม แล้วสองมือบางก็จิกเล็บลงบนไหล่กว้างทรงพลังเต็มแรงอย่างลืมตัวเมื่อคนตัวโตตอกย้ำความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของบนผิวกายของหล่อน

    “ยาหยี...ทูนหัว...”

    มันช่างเหมาะเจาะเหลือเกิน ทำไมเขาถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้นะ ทำไมต้องเป็นยาหยีด้วยที่ทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นเจ้าของโลกทั้งใบแบบนี้ คอร์เนลคิดอย่างมึนงงขณะพาตนเองและสาวน้อยใต้ร่างขยับเข้าใกล้ฝั่งฝันมากขึ้นทุกขณะ

    “คอร์เนล...”

    เสียงครางเบาๆ ของยาหยีผลักดันให้เขาไปไกลเกินกว่าที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ และในที่สุดทุกอย่างก็แตกระเบิดเข้าใส่หน้า สะเก็ดดาวพร่างพรายเต็มสองตา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงแสนธรรมดาอย่างยาหยีจะทำให้เขามีความสุขจนแทบสิ้นสติแบบนี้ ไม่น่าเชื่อ มันเหลือเชื่อ แต่เจ้าหล่อนก็ทำให้เขาสุขสมอย่างรุนแรงในทุกครั้งที่ได้เมกเลิฟกัน

    คอร์เนลรอจนตัวเองสามารถหายใจได้ราบรื่นเป็นปกติจึงพลิกกายลงจากร่างอรชรที่ยังนอนนิ่งงันอยู่อย่างรวดเร็ว เขาลุกขึ้นจัดการกับเนื้อตัวของตนเองจนเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไปจากห้องทำงาน ที่หล่อนมานอนให้เขาตักตวงสวาทโดยไม่คิดจะพูดจาอะไรกับหล่อนเลยแม้แต่คำเดียว

    น้ำตาไหลซึมออกมาขณะพยุงกายให้ลุกขึ้นนั่ง ความหวานปะแล่มของรสรักที่คอร์เนลมอบให้เมื่อครู่นี้นั้นจากหายไปในพริบตา ท่าทางห่างเหินไม่แยแสของเขาช่างไม่ต่างจากคมมีดแหลมเลยแม้แต่นิดเดียว ทำไมนะ ทำไมเขาถึงใจร้ายกับหล่อนแบบนี้

    หล่อนอยากให้เขากอดหล่อนต่ออีกสักนิด จูบซับน้ำตาให้หล่อนอีกสักหน่อย แล้วพูดจาหวานๆ สักคำก่อนจะลุกหนีไป แต่ก็คงเป็นเพียงแค่ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงเท่านั้นแหละ

    มือบางยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ขณะกัดฟันลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นขึ้นมาสวมใส่ด้วยมือที่สั่นระริก กระดุมเม็ดสุดท้ายกำลังจะเข้าไปอยู่ในรังดุมแต่เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นมาซะก่อน จากนั้นมันก็ถูกเปิดออก ยาหยีหันไปมองด้วยสายตาหวั่นเกรง แล้วก็ต้องเป่าปากโล่งใจเมื่อเห็นว่าเป็นแม่บ้านร่างท้วมนามว่าเชอรี่

    ‘เขาคงสั่งให้ป้าเชอรี่มาไล่หล่อนล่ะมั้ง’

    ความเจ็บช้ำถล่มใส่หัวใจของยาหยีอย่างอำมหิต น้ำตาที่พึ่งเช็ดมันแห้งไปหมาดๆ ไหลทะลักออกมาอีกแล้ว

    “ฉันกำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละป้า”

    “อ้าว...คุณรู้แล้วหรือคะ ไหนนายน้อยบอกว่าคุณยังไม่รู้ ป้าล่ะงงจัง”

    ยาหยีพยักหน้ารับด้วยความขมขื่นที่ปิดไม่มิด

    “ฉันรู้ฐานะตัวเองดีค่ะว่าควรจะทำตัวยังไง ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ ฉันจำทางได้”

    “จำทางได้?คราวนี้เชอรี่อุทานออกมาเสียงสูงปรี๊ดเลยทีเดียว

    “แต่คุณยังไม่เคยไปห้องอาหารนี่คะ ทำไมถึงบอกว่าจำทางได้ล่ะ”

    คำพูดของคู่สนทนาทำเอาน้ำตาที่กำลังไหลอยู่หยุดไปชั่วขณะ ยาหยีจ้องหน้าแม่บ้านร่างท้วมนิ่ง ความข้องใจอัดแน่นเต็มกระแสเสียง

    “ห้องอาหาร? นี่ป้ากำลังหมายถึงอะไรกันคะ”

    “ก็นายน้อยให้ดิฉันมาเชิญคุณไปทานอาหารค่ำที่ห้องอาหารยังไงล่ะคะ เอ...ไหนคุณบอกว่ารู้แล้วยังไงล่ะคะ”

    ‘นี่เขาให้คนมาพาหล่อนไปทานอาหารด้วยอย่างนั้นหรือ เห็นชัดๆ ว่าใช่ ยาหยีถอนใจออกมา กัดปากแน่นจนเจ็บ ความน้อยใจเริ่มแผลงฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง และมันก็รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

    “ฉันไม่ไป ฉันจะกลับไปที่หอหญิงสาวก้าวผ่านธรณีประตูไป เชอรี่รีบวิ่งตามหน้าตาตื่น

    “ไม่ได้นะคะ คุณจะกลับไม่ได้ นายน้อยกำลังรอคุณอยู่”

    เชอรี่พยายามท้วงแต่ยาหยีไม่ยอมฟังแม้แต่นิดเดียว ยังคงเดินลิ่วๆ ไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมหนาสีสวยไม่ยอมหยุด

    “ก็ให้รอไปสิ รอให้ถึงสว่างเลยยิ่งดี”

    “แต่นายน้อยไม่ชอบให้ใครขัดใจนะคะ ได้โปรดอย่าหาเรื่องใส่ตัวเองเลยค่ะ ที่นายน้อยเชิญคุณให้ร่วมโต๊ะอาหารด้วยถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดแล้วนะคะ ผู้หญิงมากมายต่างรอโอกาสแบบคุณอยู่แต่ก็ไม่เคยได้รับสักคน”

    ยาหยีหยุดเดิน พร้อมๆ กับหันกลับไปจ้องหน้าเชอรี่เขม็ง

    “ฉันขอสละสิทธิ์ ให้เขาไปเรียกบรรดาอีหนูของตัวเองมากินด้วยเถอะ ฉันไม่ต้องการ”

    ความน้อยใจ ความเจ็บปวดจากท่าทางเย็นชาของเขา ทำให้ยาหยีเลือกที่จะไม่อ่อนข้อให้อีก หล่อนไม่อยากเห็นหน้าเขาในตอนนี้ ผู้ชายใจดำยิ่งกว่าอีกาอย่างคอร์เนล

    “แต่ว่า...”

    เชอรี่ยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงห้าวของคอร์เนลก็ดังขึ้นซะก่อน ทั้งเชอรี่และยาหยีต่างหันไปมองยังต้นเสียงพร้อมๆ กัน

    “ไปทำงานอย่างอื่นเถอะเชอรี่ ทางนี้ฉันจะจัดการเอง”

    “ค่ะนายน้อย”

    เชอรี่รับคำและรีบเผ่นแน่บจากไปในทันที ทิ้งให้หล่อนต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายใจทมิฬเพียงลำพัง หญิงสาวถอยหลังหนีเมื่อคนตัวโตก้าวเข้ามาหา

    “อย่าเข้ามานะ”

    “นึกแล้วว่าต้องดื้อ ผมถึงต้องมาจัดการเอง”

    แม้จะพยายามถดถอยหนีเช่นไร แต่ในที่สุดเขาก็คว้าข้อมือของหล่อนไว้จนได้ พยายามดิ้นรน พยายามขัดขืน แต่สุดท้ายก็ถูกกอดรัดแน่นอยู่ดี

    “ปล่อยนะ ปล่อย...”

    คนตัวโตก้มลงมาหา นัยน์ตาสีเขียวดุจมรกตเนื้อดีที่จ้องมองมานั้นอัดแน่นไปด้วยความหิวกระหายรุนแรง จนคนถูกมองอย่างหล่อนหัวใจสะท้านสะเทือน

    “อย่าลืมสิว่าคุณอยู่ในฐานะอะไร ทำทุกอย่างเพื่อพ่อ แม้จะต้องนอนกับผมแบบอันลิมิตก็ตาม”

    คำเตือนนุ่มๆ ของเขาทำให้ความวาบหวามที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจสลายหายไปในทันที สาวน้อยเม้มปากแน่น และรีบเบี่ยงหน้าหนีปลายจมูกโด่งงามด้วยความน้อยอกน้อยใจ ที่แท้ก็เพราะไม่อยากขาดทุนนี่เองถึงได้มาทำดีแบบนี้กับหล่อน

    “ฉันไม่มีวันลืมหรอกค่ะ”

    “ไม่ลืมก็ดีแล้วนี่ งั้นไปกินข้าวกัน แล้วเราจะได้ไปทำกิจกรรมสนุกๆ กันต่อในห้องนอนของผม”

    จากกอดเปลี่ยนมาเป็นโอบประคองแบบบังคับแทน หญิงสาวพยายามขืนตัวเอาไว้ไม่ให้เดินตามเขาไป แต่ก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องมาหยุดที่หน้าห้องอาหารแสนโอ่อ่าจนได้ เขาพาหล่อนเข้ามาหยุดหน้าโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ที่มีอาหารมากมายเรียงรายอยู่ตรงหน้า

    “เราทานกันแค่สองคนหรือคะ”

    “ใช่...”

    คอร์เนลตอบเสียงราบเรียบ ขณะเลื่อนเก้าอี้ให้หล่อนนั่ง ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวติดกับหล่อนนั่นแหละ

    “ฉันกินเป็นปีเชียวนะเนี่ย สาวน้อยพูดติดตลกลืมความน้อยใจไปชั่วขณะ

    “แต่สำหรับผมแค่มื้อเดียว”

    เขาตอบเสียงโทนเดิมเปี๊ยบ จากนั้นก็เชื้อเชิญให้หล่อนตักนู่นชิมนี่จนเกือบครบทุกจาน ความจริงหล่อนก็อยากจะอิดออดแข็งข้อหรอกนะ แต่ท้องเจ้ากรรมมันไม่ยอมเห็นด้วยน่ะสิ มันร้องคร่ำครวญอยากสวาปามอาหารน่ากินทั้งหลายนี้จนหน้ามืดตามัวแล้ว ดังนั้นหล่อนจึงก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้าโดยไม่ปริปากพูดจาอะไรกับเจ้าของบ้านอีกเลยแม้แต่คำเดียว คอร์เนลเห็นก็อดอมยิ้มบางๆ ด้วยความเอ็นดูไม่ได้ เขากินไปพลางมองแม่สาวน้อยไปพลางอย่างสบายอารมณ์

    และในที่สุดชายหนุ่มก็ค้นพบว่าการนั่งกินข้าวคนเดียวมาตลอดชีวิตนั้นมันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดมหันต์เลยทีเดียว


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    จบตอนค่า (ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ติดแต่งนิยายเรื่องอื่นอยู่ แต่หลังจากนี้จะมาให้ตรงเวลาค่า)

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×