คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ++เด็กหญิงกําพร้า++
++SerefinaA **AnD** The door of Over lanD++
**เซเรฟีน่า กับ ประตูลับแห่งโอเวอร์แลนด์**
__________________________________________________________________________
++บทที่1++
...ถ้าหากคุณลองมองจากหน้าปากซอยของซอย เบอร์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ คุณลองมองไปที่บ้านหลังสุดของซอย คุณอาจจะเห็นบ้านหลังหนึ่งที่มีลักษณะใหญ่ กึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ ถ้าหากคุณมองอยู่ คุณอาจจะคิดว่าบ้านหลังนี้มีแต่ความสุขสบาย ทุกคนในบ้านคงจะรํารวยมีทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ต้องการ ในบ้านคงจะมีคนรับใช้ซัก100คนได้
แต่ดิฉันขอบอกได้เลยว่า คุณคิดผิดถนัด! เพราะบ้านหลังนี้ล้วนแต่มีความทุกข์ เศร้าหมอง จะมีคนมีความสุขก็แต่ นายและนาง เคอร์เซอร์ เจ้าของบ้านหลังนี้ และเด็กหญิงมองลลี่ เคอร์เซอร์ สามคนนี้มักจะได้อะไรที่ต้องการ มีอะไรที่อยากได้ ตามที่บอกไว้ข้างต้น
แต่บุคคลที่มีความทุกข์ ก็คือ..เซเรฟีน่า เกรเทอร์.. หรือแม่หนูน้อยเซเรเฟียเด็กหญิงกําพร้าที่ต้องจําใจมาอยู่กับป้า พี่สาวของแม่ผู้โหดร้ายทารุณ หลังจากที่แม่ของเธอตายไปตั้งแต่เธอยังแบเบาะ
ครอบครัวนายและนางเคอร์เซอร์และเด็กหญิงมอลลี่มักมีทีท่าจงเกลียดจงชังในตัวของเซเรเฟีย ไม่มีใครเต็มใจนักที่ต้องนับเด็กหญิงผู้นี้เป็นสมาชิกคนหนึ่งในบ้าน ทุกคนในบ้านต่างแต่งตัวหรูหรา สวยงาม ยกเว้นแต่เซเรเฟียที่ต้องแต่งตัวมอซอเปรอะเปื้อน เสื้อทุกตัวที่เด็กหญิงคนนี้มีก็มักจะเป็นของตกทอดของเหลือของเด็กหญิงมอลลี่ทั้งสิ้น นับได้ว่าของทุกอย่างในตัวของเธอจะมาจากมอลลี่ ลูกพี่ลูกน้องจอมเกเรของเธอทั้งหมด
ไม่มีใครสนใจเด็กหญิงคนนนี้มากนัก และคนทั้งสามตระกูลเคอร์เซอร์ ก็มักจะสั่งใช้งานเซเรเฟียทุกอย่างเท่าที่จะมีกําลังสั่ง!
เซเรเฟียมักจะเบื่อมากที่ต้องมาอยู่กับครอบครัวนี้ แต่แม้เธอจะคิดอย่างไรก็ตามครอบครัวนี้ก็เป็นครอบครัวสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ ในใจของเธอมักคิดว่าไม่ยุติธรรมเลยที่ต้องมาอยู่กับครอบครัวนี้หลังแม่และพ่อตายไป และเธอยังเคยแอบหวังว่าถ้าได้ไปอยู่บ้านสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้าคงยังจะดีกว่าที่นี่หลายล้านเท่า!
และในหน้าร้อนนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอม ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้วที่เธอจะต้องทํางานหนักในช่วงนี้ และเช้าวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เธอต้องออกแรงทํางานบ้านต่างๆให้ครอบครัวนี้
"เคร้งๆๆ!" เสียงเคาะหม้อดังมาจากหน้าประตูห้องนอนของเซเรฟีน่า ซึ่งห้องนอนของเธออยู่ที่ห้องใต้หลังคา และที่ห้องนี้เสียงต่างๆก็มักจะชัดแจ๋วมาก เนื่องจากข้างบนนี้ไม่ค่อยมีเสียงดังมากมายเท่ากับชั้นล่างนัก และเซเรเฟียก็ต้องทนรับฟังเสียงต่างๆเหล่านั้นให้ลอดเข้ามาอยู่ในรูหูของเธออย่างไม่เต็มใจ
เธอลุกจากเตียงนอน และบิดขี้เกียจอย่างอ่อนล้า ในใจคิดไว้ว่าเสียงนั้นต้องมาจากป้าลิลลี่ที่แสนใจร้ายแน่นอน!
"ลุกได้แล้ว ยัยขี้เกียจ" ถูกเผง!ตามที่เธอคาดไว้ป้าลิลลี่จริงๆด้วย เซเรเฟียจึงไม่รอช้า รีบวิ่งออกไปเปิดประตูห้องนอนทันที
เธอบิดลูกบิดเปิดออก มองร่างที่ยืนคําอยู่เบื้องหน้าที่ในมือข้างขวาถือหม้อสแตนเลสไว้ใบหนึ่งพร้อมตะหลิวสีเงินไว้ทางมือซ้าย สายตาอันร้ายกาจจ้องมาทางเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้
"มีอะไรคะป้าลิลลี่" เซเรเฟียส่งเสียงทีกทายอรุณสวัสดิ์ยามเช้า และเธอก็มักจะทักทายป้าลิลลี่เช่นนี้ทุกครั้งไป
"รีบอาบนําซะ แล้วลงมาทอดเบคอนกับไข่ดาวให้แม่หนูน้อยของฉันด้วย วันนี้วันเกิดของเขา เธอต้องทําให้อร่ยอย่างสุดฝีมือ!" ป้าลิลลี่พูดเสียงเข้ม เธอมักจะเรียกลูกสาวของเธอเช่นนี้ทุกครั้ง(ซึ่งมันจะเป็นคําที่ทําให้เซเรเฟียเลี่ยนหูก็ตามที!)เธอมองเซเรเฟียอย่างเกรี้ยวกราด แล้วปิดประตูดังปังจากไปอย่างไม่ใส่ใจเด็กน้อยเซเรฟีน่าเลย
เซเรเฟียรีบอาบนําและลงมาจากห้องใต้หลังคาอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าไม่รีบล่ะก็ป้า และลุงทอมมัสต้องบ่นเป็นอันแน่
เธอเดินดุ่มๆเข้ามาในครัวแล้วมองซ้ายมองขวาไปรอบๆห้องไม่มีใครอยู่ในครัวเลยสักคน สายตาของเด็กน้อยไปจับจ้องกับกระดาษที่อยู่หน้าตู้เย็นใบหนึ่ง เธอจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆอย่างอยากรู้
กระดาษแผ่นนั้นถูกติดด้วยแถบสก็อตเทปและแปะไว้ที่ประตูตู้เย็น เซเรฟีน่าไม่รอช้า รีบดึงกระดาษออกมาแล้วตั้งใจอ่านข้อความในนั้นทันที
'ฉัน มอลลี่ กับทอมมัส จะออกไปซื้อของขวัญให้อีหนูข้างนอกจะกลับมาซักราวๆชั่วโมงหนึ่ง อย่าลืมทําอาหารตามที่ฉันบอกไว้ด้วย อย่าทําให้อีหนูของฉันเสียใจในวันที่แสนพิเศษนี้ ไม่งั้นเธอตาย! ..ลิลลี่..'
เซเรฟีน่าฉีกกระดาษนั้นทิ้งแล้วโยนใส่ถังขยะอย่างอารมณ์เสีย เชอะ!วันเกิดของมอลลี่งั้นเหรอ เธออยากจะทํายําหัวปลาฉลามให้เธอกินซะด้วยซําให้มันติดคอตายไปได้ซะก็ดี ไม่ก็ข้าวผัดขี้นกกระจอกเทศ เฮอะ!คงจะอร่อยไม่น้อยเลยสินะมอลลี่ ขี้นกเหล่านั้นคงจะไปติดอยู่ที่กระเพาะของเธอที่ไหนสักแห่ง จนเธอกินอะไรอาหารเหล่านั้นก็จะถูกขี้นกเหนียวๆหนืดๆของนกกระจอกเทศดึงตัวไว้ และกระเพาะอาหารของเจ้าหล่อนคงจะต้องระเบิดเข้าสักวัน! เซเรฟีน่าคิดและหัวเราะกับความคิดนี้ แม้มันจะเป็นจริงไม่ได้ แต่เธอก็ยังดีใจที่ได้คิดในความคิดเหล่านั้น
เธอรีบทอดเบคอนและไข่ดาวอย่างไม่รอช้า พลางนึกถึงอาหารวันเกิดของเธอเมื่อปีที่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะสู้งานวันเกิดของมอลลี่ได้เลยด้วยซํา ปีที่แล้วเธอได้ของขวัญ2-3ชิ้นเป็นตุ๊กตาบาร์บี้รุ่นเก่าของมอลลี่ราคาประมาณ100กว่าบาท ที่มีคุณภาพไม่ดีนัก หัวของตุ๊กตาถูกดึงหลุดจนต้องแปะสก็อตเทปไว้ ไม่ให้หัวหลุด และของขวัญของเธออีกชิ้นหนึ่งก็คงไม่พ้นขนมทรัยเฟิลรสพริกขี้หนูที่ป้าลิลลี่ทําให้สองกล่อง แต่เซเรฟีน่าขอบอกได้เลยว่าขนมนั้นค้างคืนมาหลายเดือนแล้ว แถมรสชาติยังเห่ยและแย่มากๆจนเธอยังคิดว่าจะเอาไปทิ้งให้ได้สักวัน แต่เธอก็นึกถึงคําพูดของป้าลิลี่กับลุงทอมมัสที่เคยบอกว่า
'กินซะ ขนมนี้น่ะ ปีหนึ่งเธอถึงจะได้กินที เพราะถ้าไม่กิน เธอก็คงไม่มีอาหารที่ดีกว่านี้ให้กินในรอบศตวรรษแน่!'
คําพูดนี้เซเรฟีน่าจะจําได้ดีทีเดียวเพราะป้าลิลลี่จะพูดปีละหนจนเธอถึงกับเบื่อ และในลิ้นชักของเธอในห้องนอนนั้น เซเรฟีน่าไม่ได้เอาไว้เก็บของสัมภาระอะไรทั้งนั้น แต่เธอเก็บขนมทรัยเฟิลที่ป้าลิลลี่ทําให้กินในวันเกิดปีละหน เธอรับในรสชาติของขนมนั้นไม่ได้จริง เธอเคยคิดว่าจะเอาไปทิ้ง แต่ป้าลิลี่เคยจับได้ว่าเธอเอาไปทิ้งในงานวันเกิดของเธอเมื่อ2ปีก่อน เธอจึงต้องเก็บขนมเหลือๆเหล่านั้นไว้ในลิ้นชักห้องนอน หรือไม่เธอก็จะเอาไปแบ่งให้เจ้าบอมบี้ สุนัขบ้านตรงข้ามมันมักจะชอบกินขนมนี้ แต่ถ้าเธอกินล่ะก็เธอคงจะไม่ได้รู้สึกยินดีในรสชาติขนมนี้เหมือนเจ้าบอมบี้แน่แท้
แต่หลังจากนั้นเจ้าบอมบี้ก็ไม่ยอมกินขนมนี้อีกเลย เพราะหลังจากที่เซเรฟีน่าแบ่งให้มันกินได้ซัก2-3อาทิตย์ มันก็เริ่มจามและเป็นไข้ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะจัดการกับขนมนี้อย่างไร และก็ไม่มีทางเลือกเลยเธอจึงต้องเก็บไว้ในลิ้นชักของเธอในห้องนอนตามเดิม
หลังจากที่เซเรฟีน่าทอดเบคอนและไข่ดาวเสร็จเรียบร้อย เธอก็กลับมานั่งรอเวลาที่ป้าลิลลี่ ลุงทอมนัส และมอลลี่กลับมาบ้านที่เก้าอี้โซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจ เธอไม่เคยรู้สึกสบายเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต เพราะถ้าเป็นปกติแล้ว เซเรฟีน่ามักจะไม่ได้ดูทีวี ไม่ได้ดูรายการโปรดของเธอ และเธอก็จะไม่มีโอกาสเลยที่จะได้มานั่งเหยียดกายลงบนโซฟาประจําตัวของมอลลี่ตัวนี้เป็นแน่
แต่ตอนนี้เซเรฟีน่าเป็นอิสระ ป้าและลุง และมอลลี่ไม่อยู่บ้าน เหลือเวลาอีกประมาณ20นาที ตอนนี้ไม่ว่าอะไรๆในบ้านก็จะเป็นของเธอแล้ว เซเรฟีน่าไม่รอช้า รีบหยิบรีโมต ที่วางไว้บนเก้าอี้ทางด้านขวาของโซฟาอย่างรวดเร็ว
เธอกดปุ่มทีวีเปิด และเลือกช่องตามที่ต้องการที่เธออยากดู เธอเปิดทีวีดูไปเรื่อยๆอย่างสนุกสนาน จนลืมไปว่าตอนนี้เวลาได้ผ่านล่วงเลยไป40นาทีแล้ว และในไม่กี่นาที ป้า มอลลี่และลุงทอมมัสต้องกลับมาถึงบ้าน!!!
และเธอกลับลืมสนิท!
"ปรี๊นนนนน!" เสียงบีบแตรของรถเก๋งคันงามสีดําเงางาม บีบร้องเป็นสัญญาณว่าเซเรฟีน่าต้องเดินออกไปเปิดประตูแล้ว
เมื่อเธอได้ยินเสียงนั้น เซเรเฟียน้อยรับลุกขึ้นจากโซฟา ตื่นจากห้วงเวลาภวังค์แห่งความสุข เธอรีบกดปิดทีวีทันทีและรีบออกไปที่หน้าบ้าน
เธอรีบเกิดประตูรั้วทันที เพื่อไม่ให้เสียเวลาและถูกด่าว่าจากป้าลิลลี่ รถเก๋งคันงามตรงรี่เข้ามาลานหน้าบ้าน และจอดสนิทที่หน้าสนามหญ้าโล่ง รถถูกจอดลง และบุคคลในรถก็เดินออกมา
มอลลี่รีบเดินออกมาคนแรกแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านก่อนพ่อและแม่ของหล่อน มอลลี่หยุดยืนที่เซเรฟีน่าแล้วยิ้มเยาะอย่างสมเพช ก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรีบร้อน
เซเรฟีน่ามองตามหลังอย่างเบื่อหน่ายในตัวของมอลลี่แล้วส่ายหัวอย่างระอา เซเรฟีน่ารีบเดินไปที่รถเมื่อเห็นป้าลิลลี่ และลุงทอมมัสเดินลงมาจากรถพร้อมด้วยสัมภาระเต็มห้วงแขนทั้งสองของลุงและป้า เซเรฟีน่ามองแล้วรีบเดินไปหยิบของขวัญจากในมือของป้าลิลลี่มาครึ่งหนึ่ง ในมือของลุงทอมมัสอีกครึ่งหนึ่งเพื่อช่วยถือ เซเรฟีน่าเดินปิดท้ายคนทั้งสอง ไม่มีใครสนใจเธอเลยว่าเธอจะหนักขนาดไหนที่ต้องแบกของเยอะแบบนี้ ไม่น่าล่ะมอลลี่จึงรับวิ่งเข้าบ้านเพราะไม่อยากช่วยถือของขวัญของตัวเองแน่นอน เซเรฟีน่าคิดแล้วเดินเข้าไปในบ้านพร้อมของในห้วงแขนเต็มมือ
ของขวัญของมอลลี่ช่างมากมายนัก มากเกินกว่าที่เซเรฟีน่าจะมีปัญญาซื้อ เซเรฟีน่ามองของขวัญในมือแล้วทําหน้าเศร้าใจ เธอแอบคิดว่า ถ้าแม่และพ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่นั้น รับรองว่าเธอจะต้องได้ของขวัญมากกว่ามอลลี่เป็นร้อยเท่าแน่!!!
********************
ความคิดเห็น