ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : MF :: Full stop [3] [NoteApp]
MF :: Full stop [3]
....
'แอปเปิ้ล วันนี้พี่อยู่เวรไม่ต้องรอกินข้าวเย็นนะ' ฉันกรอกเสียงลงโทรศัพท์ สองตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงผลทางห้องปฏิบัติการออกมาเป็นตัวเลขยั๊วเยี๊ยะเต็มตาราง
ทุกวันนี้เตียงของฉันในห้องนอนที่หอพักนักเรียนแพทย์กลายเป็นเตียงร้างไปแล้ว เพราะฉันกลับคอนโดแทบจะทุกคืน แม้จะอยู่เวรดึกดื่นขนาดไหน ก็ต้องถ่อสังขารกลับไปที่นั่นจนได้ โดยเหตุผลที่ฉันใช้อ้างทุกครั้งเวลาที่มีคนมาถามก็คือ คอนโดสบายกว่า และอยู่ใกล้แค่นี้เอง ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว.. ส่วนบ้านก็อยู่ไกล ขี้เกียจแหกขี้ตาตื่นมาตอนเช้า.. แต่ถึงจะให้เหตุผลไปแบบนั้นก็ยังมีเพื่อนผู้ชาญฉลาดจนเกินไปอย่างไอ้มุก ที่พยายามจะซักไซ้ไล่เลียงถึงเหตุผลที่แท้จริง โดยบอกว่า ปกติฉันก็เห็นแกนอนหอได้สบายดี..
และแน่นอนว่าฉันไม่มีทางบอกเหตุผลที่แท้จริงกับมันไปหรอก ก็จะให้ฉันบอกได้ไงว่าที่คอนโดมีสาวน้อยแสนสวย เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งรอกินข้าวด้วยกันทุกวัน แม้ฉันจะกลับเย็นย่ำค่ำแค่ไหนเธอก็จะมานั่งรอกันตลอด คืนไหนที่ฉันไม่กลับ ก็จะมีเสียงโทรศัพท์เข้ามาไม่หยุดหย่อนจนกว่าเธอจะแน่ใจว่าหัวของฉันถึงหมอนอย่างปลอดภัยนู่นแหละถึงจะยอมเลิกรา
'พี่นทอยากได้มื้อดึกมั้ย เดี๋ยวแอปจะได้ทำไว้ให้' แอปเปิ้ลเอ่ยถามกันอย่างน่ารัก.. เอิ่ม... ความจริงแล้วฉันก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ฉันกลับไปหาเด็กน้อยสุดป่วนคนนี้ทุกวันมันเป็นเพราะอะไรกันแน่
'ไม่ต้อง แอปนอนไปเลยไม่ต้องรอพี่แล้วนะ' ฉันบอกเธอ เพราะไม่อยากให้เธอต้องมาถ่างตารอดึกดื่นเที่ยงคืนเหมือนที่เธอทำเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่าฉันเคยบอกเธอไปหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเป็นผล โดยจอมป่วนได้ให้เหตุผลว่า เธอไม่ชอบเข้านอนคนเดียว พอฉันกลับไปถึงแม้ว่าจะอยู่คนละห้องเธอก็ยังมั่นใจได้ว่าเธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
ไม่รู้ว่าเป็นลูกคุณหนูขี้เหงา หรือว่าเด็กป่วนกลัวผีกันแน่.. อันนี้ฉันยังไม่ได้พิสูจน์..
"พี่เก่ง ผล culture ยังไม่ออกเลยอะ ให้นทโทรไปตามที่แลปมั้ยคะ" ฉันเอามือปิดโทรศัพท์ไว้ ก่อนจะหันไปถามแพทย์ประจำบ้านที่นั่งสรุปชาร์ทผู้ป่วยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทันทีที่เลื่อนเคอร์เซอร์ลงมาจนเห็นว่าผลการเพาะเชื้อยังไม่แสดงขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
พี่เก่งส่ายหน้าสองสามทีเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ไม่ได้เร่งด่วนอะไรนัก ฉันจึงลดมือที่ปิดโทรศัพท์เมื่อครู่ลง
'ยุ่งหรอคะพี่นท.. ตั้งใจทำงานนะ อยู่เวรเสร็จแล้วรีบกลับมานะคะ แอปจะรอ' ปลายสายพูดเร็วๆก่อนจะกดวางสายไป ซึ่งอันนี้ฉันก็เดาใจเธอไม่ถูกอีกแล้วว่ามันเป็นเพราะว่าเธอไม่อยากรบกวนการทำงานของฉัน หรือเป็นเพราะเธอไม่อยากจะให้ฉันปฏิเสธการรอคอยของเธอในคืนนี้กันแน่
ฉันบอกแล้ว.. คุณหนูคนนี้น่ะ ฉันบังคับเธอได้ซะที่ไหนล่ะ..
.
.
.
ฉันรีบร้อนวิ่งกระหืดกระหอบมายังร้านอาหารญี่ปุ่นราคาแพง ไม่รู้ว่าทำไมชีวิตช่วงนี้ถึงต้องรีบเร่งตลอดเวลา.. เอิ่ม จะว่าไป ความจริงก็รู้อยู่นะว่าเป็นเพราะใคร.. ก็ถ้าเมื่อเที่ยงฉันไม่มัวทะเลาะกับยัยคนสวยเอาแต่ใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันก็คงได้ออกมาจากคอนโดได้เร็วกว่านี้
"ขอโทษนะพี่แกรนด์ นทออกมาจากบ้าน รถติดมากกกกกกกกกกกกกกกกก" ทันทีที่มาหยุดอยู่หน้าสาวสวยออร่าเปร่งประกายราวกับอยู่ท่ามกลางแสงไฟตลอดเวลา ฉันก็เดินหอบหายใจถี่ๆไปนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามเธออย่างรวดเร็ว
ออกมาจากบ้าน.. ค่ะ ฉันโกหก.. ก็ฉันเพิ่งทะเลาะกับเด็กป่วนที่คอนโดมาได้ยังไม่ทันจะถึงยี่สิบนาทีเลยด้วยซ้ำ
"อ่าว ก็วันนั้นนทบอกจะออกมาจากคอนโดหรือคณะนี่นา เราถึงได้นัดใกล้ๆแถวนี้ไงคะ" รุ่นพี่หน้าตาดียื่นกระดาษมาซับเหงื่อให้กันเบาๆ ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เลยได้แต่นั่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก
กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง!
หลังจากหย่อนก้นลงนั่งยังไม่ทันจะหายเหนื่อย เสียงร้องกระจองอแงน่ารำคาญของเจ้าโทรศัพท์มือถือคู่กายก็ดังขึ้น ฉันพยักหน้าขออนุญาตพี่แกรนด์หนึ่งที ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าโดยไม่ได้ลุกออกไปไหน เพราะเธอเคยบอกฉันว่ามันเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อกันอย่างนึง... ซึ่งจริงๆฉันก็ไม่ค่อยชอบแบบนี้เท่าไหร่หรอกนะ.. ก็คนมันมีชนักติดหลังเยอะนี่นา
'พี่นท! ไม้กวาดอยู่ไหน โหยยย ห้องพี่นทรกมากอยู่เข้าไปได้ไงเนี่ย!' ปลายสายแว้ดเสียงดังจนฉันต้องถอยใบหูออกห่างมาเล็กน้อย เมื่อกี้ก็เพิ่งทะเลาะกันเรื่องฉันรีบร้อนไปราวน์โดยไม่ยอมกินขนมปังที่เธอทำไว้ให้ตอนเช้า คราวนี้เรื่องใหม่มาอีกแล้ว..
ยัยคุณหนูอนามัย ! ยัยเด็กโหด ! ยัยคนเจ้าระเบียบ !!
'รกก็ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ เดี๋ยวพี่กลับไปทำเอง..' ฉันป้องปากส่งเสียงเบาๆผ่านโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าพี่แกรนด์จะได้ยินอะไรที่ไม่ควรจะได้ยิน.. ก็ขืนเธอรู้ว่ามีสาวสวยมาตั้งหลักปักฐานอยู่ด้วยกันแล้วล่ะก็ เป็นเรื่อง!
'แล้วทำไมพี่นทต้องกระซิบด้วยเนี่ย พูดดังๆสิแอปไม่ค่อยได้ยิน' ปลายสายส่งเสียงกลับมาดังกว่าเดิมราวกับว่ามันจะสามารถทดแทนเสียงเบาๆของฉันได้อย่างนั้นแหละ โอ้ยยยย เธอไม่ได้ยินก็ไม่ได้ยินสิ ทำไมต้องตะโกนกลับมาด้วยเนี่ย กะจะให้พี่แกรนด์ฟังด้วยรึงายยยยยยย!!
"นทคุยกับใครคะ" รุ่นพี่คนสวยเอ่ยถามเสียงเรียบ ถ้าให้ไล่เรียงความขี้หึงของบรรดาสาวๆในสต็อกทั้งหมดแล้วล่ะก็ ฉันขอยกให้พี่แกรนด์เป็นที่หนึ่ง เรียกว่าแซงหน้าหนูนามาแบบไม่ติดฝุ่นเลยทีเดียว
"แอปเปิ้ล" ฉันตอบพี่แกรนด์ทันทีโดยที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ของสมอง แต่แล้วฉันก็ต้องชะงักเมื่อค้นพบว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
"อ๋อ.. นทหมายถึงคนขายแอปเปิ้ล.. โอ้ย เนี่ย เดี๋ยวนี้เจ้าของสวนเค้าทันสมัยใหญ่แล้วเนอะพี่แกรนด์ มีโทรมาถามกันด้วย ห่ะๆๆๆ" ฉันยกมือปิดโทรศัพท์เอาไว้ ก่อนจะแต่งเรื่องราวปัญญาอ่อนมาแก้ตัวทันที
โอ้ยยยยยย แอปเปิ้ลลลลลลลล ยัยเด็กป่วนนนนนนนนน !
'พี่แกรนด์ไหนคะพี่นท คนเมื่อวานที่พี่นทคุย skype ด้วยชื่อเต้ยไม่ใช่หรอ.. เอ๊ะ! นี่พี่นทควบสองหรอ!!!!' สงสัยฝ่ามือของฉันมันจะไม่หนาพอที่จะใช้ในการกั้นเสียง มันจึงหลุดรอดไปถึงหูของปลายสายได้ ทีเรื่องที่อยากให้ได้ยินล่ะไม่ได้ยิน พอเรื่องที่ไม่อยากจะให้รับรู้ล่ะหูดีนักเชียว!
'เฮ้ย! ไม่ใช่!' ฉันปฏิเสธเสียงดัง จนเมื่อพี่แกรนด์กดหัวคิ้วลงต่ำอย่างสนอกสนใจฉันจึงได้ปรับโทนเสียงเป็นปกติตามเดิม..
จะบ้าตาย! ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนเดียวจะก่อกวนฉันได้มากมายขนาดนี้!! โอ้ยยยยยยย นทจะเข็ดหลาบกับผู้หญิงก็เพราะยัยคนสวยตัวอันตรายคนนี้นี่แหละ!!
.
.
.
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ในห้องพักแพทย์ในหอผู้ป่วยอายุรกรรม เป็นเพราะวันนี้เวรไม่เยินเท่าไหร่ ฉันถึงได้มีเวลานั่งเงียบๆอ่านหนังสือเล่มโตอย่างคนอื่นเขาบ้าง
เอิ่ม... อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ.. ฉันก็มีความรับผิดชอบในระดับนึงล่ะน่า...
.
.
"หมอคะ คนไข้เตียงสี่ arrest!" และในขณะที่ฉันกำลังนั่งทำสมาธิอยู่กับตัวอักษรบนหน้ากระดาษ พี่พยาบาลในชุดสีขาวก็วิ่งแตกตื่นเข้ามาในห้อง ตะโกนเสียงดังทำสมาธิของฉันวิ่งหนีหายไปทันที แต่นั่นก็ไม่เท่าความตื่นเต้นที่แทรกเข้ามาแทนที่เมื่อสมองของฉันมันเริ่มประมวลผลได้ว่า มีคนไข้หัวใจหยุดเต้นในวอร์ด!
"ให้นทวิ่งไปตามพี่เก่งมั้ยคะพี่ริท" ฉันเอ่ยถามพี่ริท พี่ extern หรือนักเรียนแพทย์ปีหก ที่ตอนนี้กลายเป็นคนที่พึ่งพาได้มากที่สุดในทีมแพทย์ เพราะว่าพี่เก่งซึ่งเป็นแพทย์เวรวันนี้ถูกตามออกไปรับเคสด่วนที่อีกตึกหนึ่ง
"ไม่ทันแล้วนท! เตรียมช่วยพี่ CPR , พี่พยาบาลผมขอ EKG ให้คนไข้ด้วย แล้วก็ฝากคนว่างช่วยโทรตามพี่เก่งหรือพี่เด๊นท์คนไหนก็ได้ที่อยู่ใกล้ๆแถวนี้มาให้เร็วที่สุดเลยนะครับ!" พี่ริทออกคำสั่งอย่างฉะฉาน เขาบอกให้ฉันใส่ถุงมือเพื่อเตรียมตัวช่วยปั๊มหัวใจ และสั่งพี่พยาบาลให้เตรียมเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้คนไข้ ก่อนจะรีบรุดออกไปยังเตียงนั้นในทันที
นี่ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันได้อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินขนาดนี้ มือไม้มันสั่น เหงื่อก็ไหลชะโลมกายไปหมด.. ยิ่งได้อยู่ในสถานการณ์คับขันมากขึ้นเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่านักเรียนแพทย์ปี 4 อย่างฉันมันช่างตัวเล็ก และอ่อนประสบการณ์เสียเหลือเกิน..
ทันทีที่วิ่งมาถึงตัวคนไข้ที่นอนนิ่งไม่ขยับ พี่ริทก็ปรายตาไปทางท่อช่วยหายใจชั่วครู่ ก่อนจะใช้หูฟังกดเข้าที่ตำแหน่งของปอดทั้งสองข้าง มือขวาคลำชีพจร สองตามองคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ฉายอยู่บนจอมอนิเตอร์ สายตาและสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริงเอาจังผิดกับบุคลิกขี้เล่นน่ารักของเขาในยามปกติราวกับคนละคน
"นทมาอยู่ใกล้ๆพี่! ฝากพี่พยาบาลเช็คความดันให้ผมด้วยนะครับ!" พี่ริทพูดเสร็จก็รีบกระโจนขึ้นไปบนเตียง ใช้สองมือประสานกันก่อนจะกดแรงๆเข้าที่หน้าอกของคนไข้เป็นจังหวะสม่ำเสมออย่างเร็วในทันที
ฉันยืนมองความวุ่นวายตรงหน้าอย่างร้อนรน หันมองจอมอนิเตอร์เป็นครั้งคราว เสียงให้จังหวะหลุดออกจากปากของพี่ริทเป็นระยะ เหงื่อที่ไหลอาบทั้งร่างของชายหนุ่มร่างเล็กในชุดกาวน์สั้นบ่งบอกว่าตอนนี้เขาใกล้จะหมดแรงกับการกดจังหวะหนักๆด้วยความถี่เร็วๆนี้เต็มที
"นท! พี่ไม่ไหวแล้วว่ะ ต่อที เดี๋ยวพี่ให้จังหวะเอง!" พี่ริทพาตัวลงจากเตียง ก่อนจะให้ฉันขึ้นไปช่วยปั๊มหัวใจต่อในทันที
ฉันกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียง พยายามใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนในการช่วยกู้สัญญาณชีพของคนไข้กลับมาอย่างเต็มที เวลาผ่านไปสักพักจนฉันเริ่มรู้สึกว่าแขนมันล้าไปหมด เรี่ยวแรงแทบจะไม่เหลือ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะดึงผู้ป่วยเคสนี้กลับมาได้เสียที
.
.
"นท.. พอเถอะ.." เสียงทุ้มๆดังขึ้นใกล้ๆหู ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นเสียงของใคร ฉันรู้แค่ว่าคุณลุงที่เพิ่งจะยิ้มบางๆให้ฉันเมื่อเย็นยังไม่ตื่นขึ้นมาเสียที ฉันเงยหน้ามองมอนิเตอร์อีกที เห็นเส้นยาวราบเรียบของคลื่นไฟฟ้าหัวใจเหมือนเดิม ก็ยิ่งพยายามกดจังหวะให้แรงขึ้น ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์สักนิด
กลับมาเถอะลุง.. นทช่วยลุงอยู่.. กลับมานะคะ..
"นท! พอแล้ว!!" เสียงทุ้มที่เปลี่ยนจากการพูดเบาๆเป็นการเปล่งเสียงดังขึ้น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่ค่อยๆเอื้อมมาจับตัวฉันลงจากเตียงคนไข้ช้าๆ
"23 นาฬิกา 5 นาที ฝากพี่พยาบาลลงเวลาให้ด้วยนะครับ, ริท พี่ฝากโทรตามญาติด้วยนะ" พี่เก่งที่มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าไม่แพ้กันเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ฝาผนัง เอ่ยปากสั่งพี่พยาบาลและพี่ริทเบาๆ
"ทำดีแล้วนท กลับไปพักได้แล้วนะ วันนี้พี่ให้ลงเวรก่อน" พี่เก่งยกมือขึ้นลูบหัวฉันเบาๆสองสามที ตอนนี้ไม่มีคำพูดไหนที่ผ่านเข้าไปประมวลผลในสมองฉันสักอย่าง ทุกเสียงได้แค่ผ่านหูแล้วออกไปโดยไม่ได้มีผลอะไรกับฉันทั้งนั้น
ฉันยืนมองพี่ๆพยาบาลและผู้ช่วยชุดสีฟ้าวุ่นวายกับการถอดเครื่องมือต่างๆออกจากตัวคนไข้ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหนักๆบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนใครเอาของแข็งมากระแทกที่หัวอย่างแรงอย่างนั้นแหละ ขอบตามันก็ร้อนไปหมด นี่เป็นครั้งแรก.. ครั้งแรกที่มีคนตายลงไปต่อหน้าต่อตาของฉัน..
คุณลุงที่เพิ่งยิ้มทักทายกันเมื่อเย็น.. คุณลุงที่ยังพยักหน้าตอบรับเวลาฉันมาคุยเล่นด้วยเพิ่งจากไปในมือของฉันเมื่อกี้นี้เอง...
ฉันยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมามองดูอีกครั้ง.. มือที่ตอนนี้ทั้งสั่นและชื้นไปด้วยเหงื่อ.. มันเป็นมือที่ไร้ประโยชน์.. และช่วยอะไรใครไม่ได้สักอย่าง...
.
.
.
ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสามารถพาร่างของตัวเองกลับมาที่ห้องนี้ได้ยังไง รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก สมองมันตื้อไปหมด ตอนนี้มีแต่ความคิดโทษตัวเองกับภาพเมื่อกี้วิ่งวนฉายซ้ำไปซ้ำมาจนฉันแทบจะทรมานกับความรู้สึกผิดนี้จนเหมือนจะตายลงไปอยู่แล้ว
ถ้าเพียงแต่คนที่ขึ้นไปปั๊มหัวใจไม่ใช่ฉัน.. ถ้าเป็นคนอื่น.. คุณลุงอาจจะไม่จากไปก็ได้..
"พี่นทกลับมาแล้วหรอคะ แอปรอตั้งนานแหนะ.. อ้าว แล้วทำไมพี่นทไม่ยอมถอดเสื้อกาวน์ออกเนี่ย!" เสียงของใครบางคนดังขึ้น แต่ในตอนนี้สมองฉันล้าเกินกว่าจะรับรู้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธอพูดอะไร ฉันไม่รู้อะไรสักอย่าง..
"พี่นท.." เธอเรียกชื่อกันอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้ามาหากันเร็วๆ แล้วใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของฉันเอาไว้จนเราประสานสายตากันได้พอดี
"แอปเปิ้ล.." ฉันเรียกชื่อคนตรงหน้าเบาๆ สายตาอ่อนโยนที่ทอดมาให้กันทำให้น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจและความรู้สึกผิดมากมายพากันไหลกรูออกมาในทันที
เธอเลิกคิ้วสูงอย่างตกใจที่เห็นน้ำตาของฉัน ก่อนจะดึงตัวฉันเข้าไปกอดไว้ทั้งตัวโดยไม่ได้เอ่ยปากถามกันสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับโอบกอดฉันไว้แน่นๆแบบนั้น
"ไม่เป็นไรนะคะพี่นท.. ไม่เป็นไรนะ.." เธอปลอบประโลมพลางใช้มือลูบแผ่นหลังของฉันเบาๆ ฉันทำได้แค่ยืนร้องไห้จนตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเธอ อ้อมกอดอบอุ่นที่เหมือนมีพลังวิเศษกำลังค่อยๆดูดกลืนหัวใจที่อ่อนล้าของฉันทีละน้อย
"คุณลุงเค้า.. ผู้ป่วยที่วอร์ด.. เมื่อกี้.. เค้าเพิ่งจากไปเองแอป.. คามือพี่เลย.." ฉันเค้นคำพูดออกมาจากริมฝีปากสั่นเทาอย่างยากลำบาก น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด แค่นึกถึงก็รู้สึกเหมือนมีใครมาบีบหัวใจกันไว้จนเจ็บปวดทุรุนทุรายไปหมด
เธอนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร แต่กลับกระชับอ้อมกอดไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม.. แน่นราวกับเธอกำลังจะดึงเอาความรู้สึกไม่ดีออกจากตัวของฉัน แล้วถ่ายโอนกำลังใจกลับมาให้กันอย่างนั้นแหละ..
.
"พี่นททำเต็มที่แล้วนะคะ พี่นททำดีที่สุดแล้ว.. คุณลุงคนนั้นจะต้องขอบคุณพี่นทอยู่ข้างบนโน้นแน่ๆ.." เธอพูดประโยคแรกขึ้นมาเบาๆหลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบและความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเธอช่วยบรรเทาอาการทางใจของฉันจนค่อยๆทุเลาลงเรื่อยๆ
"สำหรับแอปน่ะ พี่นทเก่งที่สุดเลยนะคะ" แอปเปิ้ลดันตัวฉันออกมาเบาๆ ระบายยิ้มอ่อนๆก่อนจะประทับสัมผัสเบาๆลงที่หน้าผากของฉัน.. เป็นสัมผัสเบาๆที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย สัมผัสเบาๆที่หน้าผากแต่กลับแผ่กระจายความรู้สึกดีๆผ่านไปทั่วทั้งร่าง รวมถึงหัวใจที่เจ็บปวดของฉันในตอนนี้ด้วย..
นับว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่ต้องมีอะไรที่ลึกซึ้งไปกว่านี้ แต่ก็ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นหัวใจได้มากมายอย่างน่าประหลาด..
///////////////////////////////////
ศัพท์แพทย์บทนี้แปลให้หมดแล้วในช่วงความคิดของพี่นทจ่ะ .. แต่ถ้าเด็กเห็ดคนไหนยังงงถามได้นะ คือพยายามแล้วจริงๆ 55
ปล. แบบนี้สิเสือนท ค่อยดูเป็นนักเรียนแพทย์ขึ้นมาหน่อย! แอบเห็นคนเหน็บแนมเสือซะหลายคน 5555
ปล.2 พี่นทไม่ได้ควบสองค่ะน้องแอป แต่เยอะกว่านั้น 55555
....
'แอปเปิ้ล วันนี้พี่อยู่เวรไม่ต้องรอกินข้าวเย็นนะ' ฉันกรอกเสียงลงโทรศัพท์ สองตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงผลทางห้องปฏิบัติการออกมาเป็นตัวเลขยั๊วเยี๊ยะเต็มตาราง
ทุกวันนี้เตียงของฉันในห้องนอนที่หอพักนักเรียนแพทย์กลายเป็นเตียงร้างไปแล้ว เพราะฉันกลับคอนโดแทบจะทุกคืน แม้จะอยู่เวรดึกดื่นขนาดไหน ก็ต้องถ่อสังขารกลับไปที่นั่นจนได้ โดยเหตุผลที่ฉันใช้อ้างทุกครั้งเวลาที่มีคนมาถามก็คือ คอนโดสบายกว่า และอยู่ใกล้แค่นี้เอง ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว.. ส่วนบ้านก็อยู่ไกล ขี้เกียจแหกขี้ตาตื่นมาตอนเช้า.. แต่ถึงจะให้เหตุผลไปแบบนั้นก็ยังมีเพื่อนผู้ชาญฉลาดจนเกินไปอย่างไอ้มุก ที่พยายามจะซักไซ้ไล่เลียงถึงเหตุผลที่แท้จริง โดยบอกว่า ปกติฉันก็เห็นแกนอนหอได้สบายดี..
และแน่นอนว่าฉันไม่มีทางบอกเหตุผลที่แท้จริงกับมันไปหรอก ก็จะให้ฉันบอกได้ไงว่าที่คอนโดมีสาวน้อยแสนสวย เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งรอกินข้าวด้วยกันทุกวัน แม้ฉันจะกลับเย็นย่ำค่ำแค่ไหนเธอก็จะมานั่งรอกันตลอด คืนไหนที่ฉันไม่กลับ ก็จะมีเสียงโทรศัพท์เข้ามาไม่หยุดหย่อนจนกว่าเธอจะแน่ใจว่าหัวของฉันถึงหมอนอย่างปลอดภัยนู่นแหละถึงจะยอมเลิกรา
'พี่นทอยากได้มื้อดึกมั้ย เดี๋ยวแอปจะได้ทำไว้ให้' แอปเปิ้ลเอ่ยถามกันอย่างน่ารัก.. เอิ่ม... ความจริงแล้วฉันก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ฉันกลับไปหาเด็กน้อยสุดป่วนคนนี้ทุกวันมันเป็นเพราะอะไรกันแน่
'ไม่ต้อง แอปนอนไปเลยไม่ต้องรอพี่แล้วนะ' ฉันบอกเธอ เพราะไม่อยากให้เธอต้องมาถ่างตารอดึกดื่นเที่ยงคืนเหมือนที่เธอทำเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่าฉันเคยบอกเธอไปหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเป็นผล โดยจอมป่วนได้ให้เหตุผลว่า เธอไม่ชอบเข้านอนคนเดียว พอฉันกลับไปถึงแม้ว่าจะอยู่คนละห้องเธอก็ยังมั่นใจได้ว่าเธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
ไม่รู้ว่าเป็นลูกคุณหนูขี้เหงา หรือว่าเด็กป่วนกลัวผีกันแน่.. อันนี้ฉันยังไม่ได้พิสูจน์..
"พี่เก่ง ผล culture ยังไม่ออกเลยอะ ให้นทโทรไปตามที่แลปมั้ยคะ" ฉันเอามือปิดโทรศัพท์ไว้ ก่อนจะหันไปถามแพทย์ประจำบ้านที่นั่งสรุปชาร์ทผู้ป่วยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทันทีที่เลื่อนเคอร์เซอร์ลงมาจนเห็นว่าผลการเพาะเชื้อยังไม่แสดงขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
พี่เก่งส่ายหน้าสองสามทีเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ไม่ได้เร่งด่วนอะไรนัก ฉันจึงลดมือที่ปิดโทรศัพท์เมื่อครู่ลง
'ยุ่งหรอคะพี่นท.. ตั้งใจทำงานนะ อยู่เวรเสร็จแล้วรีบกลับมานะคะ แอปจะรอ' ปลายสายพูดเร็วๆก่อนจะกดวางสายไป ซึ่งอันนี้ฉันก็เดาใจเธอไม่ถูกอีกแล้วว่ามันเป็นเพราะว่าเธอไม่อยากรบกวนการทำงานของฉัน หรือเป็นเพราะเธอไม่อยากจะให้ฉันปฏิเสธการรอคอยของเธอในคืนนี้กันแน่
ฉันบอกแล้ว.. คุณหนูคนนี้น่ะ ฉันบังคับเธอได้ซะที่ไหนล่ะ..
.
.
.
ฉันรีบร้อนวิ่งกระหืดกระหอบมายังร้านอาหารญี่ปุ่นราคาแพง ไม่รู้ว่าทำไมชีวิตช่วงนี้ถึงต้องรีบเร่งตลอดเวลา.. เอิ่ม จะว่าไป ความจริงก็รู้อยู่นะว่าเป็นเพราะใคร.. ก็ถ้าเมื่อเที่ยงฉันไม่มัวทะเลาะกับยัยคนสวยเอาแต่ใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันก็คงได้ออกมาจากคอนโดได้เร็วกว่านี้
"ขอโทษนะพี่แกรนด์ นทออกมาจากบ้าน รถติดมากกกกกกกกกกกกกกกกก" ทันทีที่มาหยุดอยู่หน้าสาวสวยออร่าเปร่งประกายราวกับอยู่ท่ามกลางแสงไฟตลอดเวลา ฉันก็เดินหอบหายใจถี่ๆไปนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามเธออย่างรวดเร็ว
ออกมาจากบ้าน.. ค่ะ ฉันโกหก.. ก็ฉันเพิ่งทะเลาะกับเด็กป่วนที่คอนโดมาได้ยังไม่ทันจะถึงยี่สิบนาทีเลยด้วยซ้ำ
"อ่าว ก็วันนั้นนทบอกจะออกมาจากคอนโดหรือคณะนี่นา เราถึงได้นัดใกล้ๆแถวนี้ไงคะ" รุ่นพี่หน้าตาดียื่นกระดาษมาซับเหงื่อให้กันเบาๆ ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เลยได้แต่นั่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก
กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง!
หลังจากหย่อนก้นลงนั่งยังไม่ทันจะหายเหนื่อย เสียงร้องกระจองอแงน่ารำคาญของเจ้าโทรศัพท์มือถือคู่กายก็ดังขึ้น ฉันพยักหน้าขออนุญาตพี่แกรนด์หนึ่งที ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าโดยไม่ได้ลุกออกไปไหน เพราะเธอเคยบอกฉันว่ามันเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อกันอย่างนึง... ซึ่งจริงๆฉันก็ไม่ค่อยชอบแบบนี้เท่าไหร่หรอกนะ.. ก็คนมันมีชนักติดหลังเยอะนี่นา
'พี่นท! ไม้กวาดอยู่ไหน โหยยย ห้องพี่นทรกมากอยู่เข้าไปได้ไงเนี่ย!' ปลายสายแว้ดเสียงดังจนฉันต้องถอยใบหูออกห่างมาเล็กน้อย เมื่อกี้ก็เพิ่งทะเลาะกันเรื่องฉันรีบร้อนไปราวน์โดยไม่ยอมกินขนมปังที่เธอทำไว้ให้ตอนเช้า คราวนี้เรื่องใหม่มาอีกแล้ว..
ยัยคุณหนูอนามัย ! ยัยเด็กโหด ! ยัยคนเจ้าระเบียบ !!
'รกก็ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ เดี๋ยวพี่กลับไปทำเอง..' ฉันป้องปากส่งเสียงเบาๆผ่านโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าพี่แกรนด์จะได้ยินอะไรที่ไม่ควรจะได้ยิน.. ก็ขืนเธอรู้ว่ามีสาวสวยมาตั้งหลักปักฐานอยู่ด้วยกันแล้วล่ะก็ เป็นเรื่อง!
'แล้วทำไมพี่นทต้องกระซิบด้วยเนี่ย พูดดังๆสิแอปไม่ค่อยได้ยิน' ปลายสายส่งเสียงกลับมาดังกว่าเดิมราวกับว่ามันจะสามารถทดแทนเสียงเบาๆของฉันได้อย่างนั้นแหละ โอ้ยยยย เธอไม่ได้ยินก็ไม่ได้ยินสิ ทำไมต้องตะโกนกลับมาด้วยเนี่ย กะจะให้พี่แกรนด์ฟังด้วยรึงายยยยยยย!!
"นทคุยกับใครคะ" รุ่นพี่คนสวยเอ่ยถามเสียงเรียบ ถ้าให้ไล่เรียงความขี้หึงของบรรดาสาวๆในสต็อกทั้งหมดแล้วล่ะก็ ฉันขอยกให้พี่แกรนด์เป็นที่หนึ่ง เรียกว่าแซงหน้าหนูนามาแบบไม่ติดฝุ่นเลยทีเดียว
"แอปเปิ้ล" ฉันตอบพี่แกรนด์ทันทีโดยที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ของสมอง แต่แล้วฉันก็ต้องชะงักเมื่อค้นพบว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
"อ๋อ.. นทหมายถึงคนขายแอปเปิ้ล.. โอ้ย เนี่ย เดี๋ยวนี้เจ้าของสวนเค้าทันสมัยใหญ่แล้วเนอะพี่แกรนด์ มีโทรมาถามกันด้วย ห่ะๆๆๆ" ฉันยกมือปิดโทรศัพท์เอาไว้ ก่อนจะแต่งเรื่องราวปัญญาอ่อนมาแก้ตัวทันที
โอ้ยยยยยย แอปเปิ้ลลลลลลลล ยัยเด็กป่วนนนนนนนนน !
'พี่แกรนด์ไหนคะพี่นท คนเมื่อวานที่พี่นทคุย skype ด้วยชื่อเต้ยไม่ใช่หรอ.. เอ๊ะ! นี่พี่นทควบสองหรอ!!!!' สงสัยฝ่ามือของฉันมันจะไม่หนาพอที่จะใช้ในการกั้นเสียง มันจึงหลุดรอดไปถึงหูของปลายสายได้ ทีเรื่องที่อยากให้ได้ยินล่ะไม่ได้ยิน พอเรื่องที่ไม่อยากจะให้รับรู้ล่ะหูดีนักเชียว!
'เฮ้ย! ไม่ใช่!' ฉันปฏิเสธเสียงดัง จนเมื่อพี่แกรนด์กดหัวคิ้วลงต่ำอย่างสนอกสนใจฉันจึงได้ปรับโทนเสียงเป็นปกติตามเดิม..
จะบ้าตาย! ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนเดียวจะก่อกวนฉันได้มากมายขนาดนี้!! โอ้ยยยยยยย นทจะเข็ดหลาบกับผู้หญิงก็เพราะยัยคนสวยตัวอันตรายคนนี้นี่แหละ!!
.
.
.
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ในห้องพักแพทย์ในหอผู้ป่วยอายุรกรรม เป็นเพราะวันนี้เวรไม่เยินเท่าไหร่ ฉันถึงได้มีเวลานั่งเงียบๆอ่านหนังสือเล่มโตอย่างคนอื่นเขาบ้าง
เอิ่ม... อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ.. ฉันก็มีความรับผิดชอบในระดับนึงล่ะน่า...
.
.
"หมอคะ คนไข้เตียงสี่ arrest!" และในขณะที่ฉันกำลังนั่งทำสมาธิอยู่กับตัวอักษรบนหน้ากระดาษ พี่พยาบาลในชุดสีขาวก็วิ่งแตกตื่นเข้ามาในห้อง ตะโกนเสียงดังทำสมาธิของฉันวิ่งหนีหายไปทันที แต่นั่นก็ไม่เท่าความตื่นเต้นที่แทรกเข้ามาแทนที่เมื่อสมองของฉันมันเริ่มประมวลผลได้ว่า มีคนไข้หัวใจหยุดเต้นในวอร์ด!
"ให้นทวิ่งไปตามพี่เก่งมั้ยคะพี่ริท" ฉันเอ่ยถามพี่ริท พี่ extern หรือนักเรียนแพทย์ปีหก ที่ตอนนี้กลายเป็นคนที่พึ่งพาได้มากที่สุดในทีมแพทย์ เพราะว่าพี่เก่งซึ่งเป็นแพทย์เวรวันนี้ถูกตามออกไปรับเคสด่วนที่อีกตึกหนึ่ง
"ไม่ทันแล้วนท! เตรียมช่วยพี่ CPR , พี่พยาบาลผมขอ EKG ให้คนไข้ด้วย แล้วก็ฝากคนว่างช่วยโทรตามพี่เก่งหรือพี่เด๊นท์คนไหนก็ได้ที่อยู่ใกล้ๆแถวนี้มาให้เร็วที่สุดเลยนะครับ!" พี่ริทออกคำสั่งอย่างฉะฉาน เขาบอกให้ฉันใส่ถุงมือเพื่อเตรียมตัวช่วยปั๊มหัวใจ และสั่งพี่พยาบาลให้เตรียมเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้คนไข้ ก่อนจะรีบรุดออกไปยังเตียงนั้นในทันที
นี่ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันได้อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินขนาดนี้ มือไม้มันสั่น เหงื่อก็ไหลชะโลมกายไปหมด.. ยิ่งได้อยู่ในสถานการณ์คับขันมากขึ้นเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่านักเรียนแพทย์ปี 4 อย่างฉันมันช่างตัวเล็ก และอ่อนประสบการณ์เสียเหลือเกิน..
ทันทีที่วิ่งมาถึงตัวคนไข้ที่นอนนิ่งไม่ขยับ พี่ริทก็ปรายตาไปทางท่อช่วยหายใจชั่วครู่ ก่อนจะใช้หูฟังกดเข้าที่ตำแหน่งของปอดทั้งสองข้าง มือขวาคลำชีพจร สองตามองคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ฉายอยู่บนจอมอนิเตอร์ สายตาและสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริงเอาจังผิดกับบุคลิกขี้เล่นน่ารักของเขาในยามปกติราวกับคนละคน
"นทมาอยู่ใกล้ๆพี่! ฝากพี่พยาบาลเช็คความดันให้ผมด้วยนะครับ!" พี่ริทพูดเสร็จก็รีบกระโจนขึ้นไปบนเตียง ใช้สองมือประสานกันก่อนจะกดแรงๆเข้าที่หน้าอกของคนไข้เป็นจังหวะสม่ำเสมออย่างเร็วในทันที
ฉันยืนมองความวุ่นวายตรงหน้าอย่างร้อนรน หันมองจอมอนิเตอร์เป็นครั้งคราว เสียงให้จังหวะหลุดออกจากปากของพี่ริทเป็นระยะ เหงื่อที่ไหลอาบทั้งร่างของชายหนุ่มร่างเล็กในชุดกาวน์สั้นบ่งบอกว่าตอนนี้เขาใกล้จะหมดแรงกับการกดจังหวะหนักๆด้วยความถี่เร็วๆนี้เต็มที
"นท! พี่ไม่ไหวแล้วว่ะ ต่อที เดี๋ยวพี่ให้จังหวะเอง!" พี่ริทพาตัวลงจากเตียง ก่อนจะให้ฉันขึ้นไปช่วยปั๊มหัวใจต่อในทันที
ฉันกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียง พยายามใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนในการช่วยกู้สัญญาณชีพของคนไข้กลับมาอย่างเต็มที เวลาผ่านไปสักพักจนฉันเริ่มรู้สึกว่าแขนมันล้าไปหมด เรี่ยวแรงแทบจะไม่เหลือ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะดึงผู้ป่วยเคสนี้กลับมาได้เสียที
.
.
"นท.. พอเถอะ.." เสียงทุ้มๆดังขึ้นใกล้ๆหู ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นเสียงของใคร ฉันรู้แค่ว่าคุณลุงที่เพิ่งจะยิ้มบางๆให้ฉันเมื่อเย็นยังไม่ตื่นขึ้นมาเสียที ฉันเงยหน้ามองมอนิเตอร์อีกที เห็นเส้นยาวราบเรียบของคลื่นไฟฟ้าหัวใจเหมือนเดิม ก็ยิ่งพยายามกดจังหวะให้แรงขึ้น ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์สักนิด
กลับมาเถอะลุง.. นทช่วยลุงอยู่.. กลับมานะคะ..
"นท! พอแล้ว!!" เสียงทุ้มที่เปลี่ยนจากการพูดเบาๆเป็นการเปล่งเสียงดังขึ้น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่ค่อยๆเอื้อมมาจับตัวฉันลงจากเตียงคนไข้ช้าๆ
"23 นาฬิกา 5 นาที ฝากพี่พยาบาลลงเวลาให้ด้วยนะครับ, ริท พี่ฝากโทรตามญาติด้วยนะ" พี่เก่งที่มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าไม่แพ้กันเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ฝาผนัง เอ่ยปากสั่งพี่พยาบาลและพี่ริทเบาๆ
"ทำดีแล้วนท กลับไปพักได้แล้วนะ วันนี้พี่ให้ลงเวรก่อน" พี่เก่งยกมือขึ้นลูบหัวฉันเบาๆสองสามที ตอนนี้ไม่มีคำพูดไหนที่ผ่านเข้าไปประมวลผลในสมองฉันสักอย่าง ทุกเสียงได้แค่ผ่านหูแล้วออกไปโดยไม่ได้มีผลอะไรกับฉันทั้งนั้น
ฉันยืนมองพี่ๆพยาบาลและผู้ช่วยชุดสีฟ้าวุ่นวายกับการถอดเครื่องมือต่างๆออกจากตัวคนไข้ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหนักๆบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนใครเอาของแข็งมากระแทกที่หัวอย่างแรงอย่างนั้นแหละ ขอบตามันก็ร้อนไปหมด นี่เป็นครั้งแรก.. ครั้งแรกที่มีคนตายลงไปต่อหน้าต่อตาของฉัน..
คุณลุงที่เพิ่งยิ้มทักทายกันเมื่อเย็น.. คุณลุงที่ยังพยักหน้าตอบรับเวลาฉันมาคุยเล่นด้วยเพิ่งจากไปในมือของฉันเมื่อกี้นี้เอง...
ฉันยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมามองดูอีกครั้ง.. มือที่ตอนนี้ทั้งสั่นและชื้นไปด้วยเหงื่อ.. มันเป็นมือที่ไร้ประโยชน์.. และช่วยอะไรใครไม่ได้สักอย่าง...
.
.
.
ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสามารถพาร่างของตัวเองกลับมาที่ห้องนี้ได้ยังไง รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก สมองมันตื้อไปหมด ตอนนี้มีแต่ความคิดโทษตัวเองกับภาพเมื่อกี้วิ่งวนฉายซ้ำไปซ้ำมาจนฉันแทบจะทรมานกับความรู้สึกผิดนี้จนเหมือนจะตายลงไปอยู่แล้ว
ถ้าเพียงแต่คนที่ขึ้นไปปั๊มหัวใจไม่ใช่ฉัน.. ถ้าเป็นคนอื่น.. คุณลุงอาจจะไม่จากไปก็ได้..
"พี่นทกลับมาแล้วหรอคะ แอปรอตั้งนานแหนะ.. อ้าว แล้วทำไมพี่นทไม่ยอมถอดเสื้อกาวน์ออกเนี่ย!" เสียงของใครบางคนดังขึ้น แต่ในตอนนี้สมองฉันล้าเกินกว่าจะรับรู้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธอพูดอะไร ฉันไม่รู้อะไรสักอย่าง..
"พี่นท.." เธอเรียกชื่อกันอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้ามาหากันเร็วๆ แล้วใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของฉันเอาไว้จนเราประสานสายตากันได้พอดี
"แอปเปิ้ล.." ฉันเรียกชื่อคนตรงหน้าเบาๆ สายตาอ่อนโยนที่ทอดมาให้กันทำให้น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจและความรู้สึกผิดมากมายพากันไหลกรูออกมาในทันที
เธอเลิกคิ้วสูงอย่างตกใจที่เห็นน้ำตาของฉัน ก่อนจะดึงตัวฉันเข้าไปกอดไว้ทั้งตัวโดยไม่ได้เอ่ยปากถามกันสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับโอบกอดฉันไว้แน่นๆแบบนั้น
"ไม่เป็นไรนะคะพี่นท.. ไม่เป็นไรนะ.." เธอปลอบประโลมพลางใช้มือลูบแผ่นหลังของฉันเบาๆ ฉันทำได้แค่ยืนร้องไห้จนตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเธอ อ้อมกอดอบอุ่นที่เหมือนมีพลังวิเศษกำลังค่อยๆดูดกลืนหัวใจที่อ่อนล้าของฉันทีละน้อย
"คุณลุงเค้า.. ผู้ป่วยที่วอร์ด.. เมื่อกี้.. เค้าเพิ่งจากไปเองแอป.. คามือพี่เลย.." ฉันเค้นคำพูดออกมาจากริมฝีปากสั่นเทาอย่างยากลำบาก น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด แค่นึกถึงก็รู้สึกเหมือนมีใครมาบีบหัวใจกันไว้จนเจ็บปวดทุรุนทุรายไปหมด
เธอนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร แต่กลับกระชับอ้อมกอดไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม.. แน่นราวกับเธอกำลังจะดึงเอาความรู้สึกไม่ดีออกจากตัวของฉัน แล้วถ่ายโอนกำลังใจกลับมาให้กันอย่างนั้นแหละ..
.
"พี่นททำเต็มที่แล้วนะคะ พี่นททำดีที่สุดแล้ว.. คุณลุงคนนั้นจะต้องขอบคุณพี่นทอยู่ข้างบนโน้นแน่ๆ.." เธอพูดประโยคแรกขึ้นมาเบาๆหลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบและความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเธอช่วยบรรเทาอาการทางใจของฉันจนค่อยๆทุเลาลงเรื่อยๆ
"สำหรับแอปน่ะ พี่นทเก่งที่สุดเลยนะคะ" แอปเปิ้ลดันตัวฉันออกมาเบาๆ ระบายยิ้มอ่อนๆก่อนจะประทับสัมผัสเบาๆลงที่หน้าผากของฉัน.. เป็นสัมผัสเบาๆที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย สัมผัสเบาๆที่หน้าผากแต่กลับแผ่กระจายความรู้สึกดีๆผ่านไปทั่วทั้งร่าง รวมถึงหัวใจที่เจ็บปวดของฉันในตอนนี้ด้วย..
นับว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่ต้องมีอะไรที่ลึกซึ้งไปกว่านี้ แต่ก็ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นหัวใจได้มากมายอย่างน่าประหลาด..
///////////////////////////////////
ศัพท์แพทย์บทนี้แปลให้หมดแล้วในช่วงความคิดของพี่นทจ่ะ .. แต่ถ้าเด็กเห็ดคนไหนยังงงถามได้นะ คือพยายามแล้วจริงๆ 55
ปล. แบบนี้สิเสือนท ค่อยดูเป็นนักเรียนแพทย์ขึ้นมาหน่อย! แอบเห็นคนเหน็บแนมเสือซะหลายคน 5555
ปล.2 พี่นทไม่ได้ควบสองค่ะน้องแอป แต่เยอะกว่านั้น 55555
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น