ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : SF :: save my heart, chart my life [NoteApp]
SF :: save my heart, chart my life
....
เสียงผู้คนดังเซ็งแซ่อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับเสียงตะโกนโหวกเหวกที่ดังแทรกขึ้นมาเป็นระยะ บ่งบอกถึงสภาพความวุ่นวายของสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี..
เปล่าเลย.. ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสด.. ไม่ใช่ลานเปิดท้ายขายของ.. ไม่ใช่กลางท้องถนนที่มีรถราวิ่งขวักไขว่.. ไม่ใช่ผับบาร์.. ไม่ใช่ช่วงเวลาไพร์มไทม์ในการทำงานของใครๆ ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น... นอกซะจากห้องฉุกเฉินในยามวิกาลของโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็กแห่งหนึ่งในจังหวัดที่ซ่อนอยู่ในซอกหลืบเล็กๆของแผนที่ประเทศไทย
ฉันชื่อนทค่ะ เป็นแพทย์ intern จบใหม่จากมหาวิทยาลัยมีชื่อใจกลางเมืองกรุง แพทย์ใช้ทุนเดือนแรกที่ชีวิตต้องพลิกผันเพียงเพราะลูกปิงปองสองลูกที่จับขึ้นมาได้คะแนนน้อยกว่าใครๆ ทำให้ต้องแหวกอากาศบินไกลมาถึงจังหวัดเล็กๆที่ฟังชื่อแล้วไม่คุ้นหูเป็นที่สุด... ไม่ใช่สิ.. เจ้านกเหล็กพาฉันมาหยุดได้แค่จังหวัดใหญ่ๆที่ยังอยู่ห่างไกลกับที่แห่งนี้หลายร้อยกิโลเมตร หลังจากนั้นฉันก็ต้องต่อรถโดยสาร ดั้นด้นบุกป่าฝ่าดงมาถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยตัวเอง...
ไม่ใช่ว่าไม่สู้งานหนัก แต่ปัญหามันอยู่ที่ฉันฝากหัวใจไว้กับใครบางคนในกรุงเทพแล้วต่างหาก..
.
.
"หมอนทคะ มีเคสใหม่ตอนนี้ BP drop เหลือ 80/50 แล้ว เตรียม resuscitate เลยมั้ยคะ" เสียงพยาบาลสาวตะโกนดัง ทำเอาฉันที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการเย็บแผลเคสผู้ป่วยเด็กน้อยที่ลื่นล้มหัวแตกต้องชะงักมือลง แล้วชะโงกหน้าขึ้นมองทันที
"เปิด IV สองเส้น load normal saline rate 80 รอไว้ก่อนเลย เดี๋ยวหมอตามไป" ฉันตะโกนสั่ง พลางตวัดมือผูกไหมเข็มสุดท้าย ยกมือเรียกผู้ช่วยมาทำความสะอาดบาดแผลเจ้าหนูตัวเล็กคนนี้ต่อ ก่อนจะรีบสาวเท้าไปยังเคสผู้ป่วยใหม่ที่มีความดันโลหิตต่ำจนน่ากลัว
"hypovolemic shock.. stop bleed แล้วขอ FASTให้หมอด้วย!, ใครอยู่ข้างนอกฝากโทร consult trauma ถ้ามาไม่ได้ภายในห้านาทีนี้เตรียมรถ refer ไปโรงพยาบาลจังหวัดเดี๋ยวนี้เลย!" ฉันแหวกม่านขาวสะอาดตาเข้ามาพบกับผู้ป่วยวัยหนุ่มนอนกึ่งหมดสติอยู่บนเตียง เลือดไหลชะโลมกาย ตามตัวมีรอยชกช้ำเต็มไปหมด เห็นอย่างนั้นก็รีบตะโกนสั่งเซทเย็บแผลเพื่อห้ามเลือดภายนอก ก่อนจะถามหาเครื่องอัลตร้าซาวน์เพื่อมองหาจุดเลือดออกจากภายในร่างกาย..
หนักเอาการ.. ถ้าโทรตามหมอจากแผนกผู้ป่วยวิกฤตของศัลยกรรมไม่ได้ในตอนนี้ ท่าจะไม่ไหวแน่ๆ..
.
.
"ชินรึยังคะหมอ อยู่เวร ER ร.พ.ชุมชนก็เยินแบบนี้แหละ" พยาบาลสาวคนเดิมยื่นน้ำในถ้วยกระดาษเล็กๆให้กัน หลังจากที่ร่วมมือกันส่งต่อผู้ป่วยหนักถึงมือแพทย์ในโรงพยาบาลใหญ่ในตัวจังหวัดได้อย่างปลอดภัย
"ขอบคุณค่ะ" ฉันยิ้มบางๆ ยื่นมือไปรับแก้วน้ำจากมือขาวนั้นมาถือไว้ ก่อนจะกระดกใส่ปากอย่างกระหาย
"อีกครึ่งชั่วโมงก็ลงเวรแล้ว สู้ๆนะคะหมอนท!" พยาบาลคนสวยยิ้มยิงฟัน ชูกำปั้นให้กำลังใจกันอย่างน่ารัก ฉันยิ้มตอบเธอหนึ่งที ก่อนจะหันมองนาฬิกาที่ฝาผนัง
โห... เยินตั้งแต่เที่ยงคืนยัน 7 โมงกว่า เพิ่งจะได้นั่งพัก... ลาออกจากการเป็นหมอ ไปวางระบบฝังเมืองใหม่ หรือลงสมัครรับเลือกตั้งไปวางนโยบายป้องกันอุบัติเหตุจราจรแทนดีมั้ยเนี่ยเรา.. อะไรมันจะเยอะแยะมากมายขนาดนี้เนี่ย ให้ตายสิ ประเทศไทย!!!
ฉันประสานมือบิดกายอย่างเหนื่อยอ่อน อ้าปากหาวหวอดๆอย่างง่วงนอนเต็มที่.. เอาเถอะ อีกแป๊บเดียวก็จะลงเวรแล้ว.. ไปหยิบกระเป๋ารอไว้เลยดีกว่า...
เตียงนอนจ๋า รอนทก่อนน้าาาาาาาาาาาาาาาาา
ฉันเดินยิ้มกริ่มไปหยิบกระเป๋าสะพายที่โต๊ะแพทย์ แค่นึกว่าพรุ่งนี้กับมะรืนจะได้หยุดทำงานก็แทบจะก้มลงไปกราบขอบคุณสวรรค์ซะตรงนี้เลย.. วันหยุดติดกันสองวันที่ฉันได้มาอย่างยากลำบาก กว่าจะได้วันหยุดแบบนี้ฉันต้องตามเก็บเวร แลกเวร อัดเวรอยู่มันไปหลายวันติดกัน เหนื่อยสายตัวแทบขาด.. อย่างว่า แพทย์ใช้ทุนจบใหม่ คุณภาพชีวิตแย่ซะยิ่งกว่าอะไร ทำงานทุกวันแทบจะไม่ได้พัก พอได้มีเวลาว่างสักที ถึงจะแค่วันสองวัน ก็อยากจะหลั่งน้ำตาแบบปลื้มปิติสุดๆ!
ยกมือขึ้นมองนาฬิกาอีกครั้ง.. โอ้ววววว เหลืออีกสองนาที... ลุกขึ้นกระโดดตรงนี้ได้มั้ยเนี่ย!!!
.
.
"หมอนท! มีเคสใหม่ค่ะ dyspnea มา สงสัย pneumothorax" เสียงใสตะโกนดังขึ้นมาอีกครั้ง ดับความหวังอันเรืองรอง ความหวังที่จะได้หลับตานอนบนเตียงนอนนุ่มในห้องแอร์เย็นฉ่ำของฉันลงในทันที
โอ้ พระเจ้า! ให้ตายเถอะ!!!
.
.
.
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบบ่าย กระพริบตาถี่ๆหลายทีเพื่อปรับโฟกัสภาพรับแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามา
"เฮ้ย! ทำไมห้องสะอาดจังวะ" ทันทีที่ตื่นเต็มตาก็ต้องเผลออุทานออกมาอย่างตกใจ.. ห้องนอนที่รกอย่างกับรังหนูของฉันเป็นระเบียบสวยงามราวกับไม่ใช่ห้องของตัวเอง..
เออะ.. หรือเมื่อเช้าเบลอมากจนเข้าห้องผิด...
ฉันสอดส่ายสายตาไปมาอย่างแปลกใจกับสภาพห้องใหม่ที่ดูดีกว่าเดิมเป็นสิบเท่า.. ดูยังไงก็เป็นห้องตัวเองชัดๆ.. เอ๊ะ หรือเราจะละเมอขึ้นมาทำความสะอาด.. แต่ช่างเหอะ.. แบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องเสียเงินจ้างแม่บ้านเข้ามาทำให้ตอนสิ้นเดือน
.
.
"พี่นท.. ตื่นแล้วหรอคะ" เสียงหวานนุ่มเรียกหากัน ก่อนจะโผล่หน้าสวยๆที่แสนจะคิดถึงเข้ามาหากันช้าๆ
"แอปเปิ้ลลลลลลลลลล!!!!" ฉันถีบตัวออกจากเตียงนอนทันทีราวกับติดสปริง เรียกชื่อหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีตรงหน้าเสียงดัง ก่อนจะโผเข้ากอดเธอซะเต็มแรง
เกือบหนึ่งเดือนเต็มที่ฉันไม่ได้เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่ฉันยินยอมให้ขโมยหัวใจไปดูแลโดยไม่อิดออด.. ฉันอยู่ที่นี่ แทบจะไม่มีเวลาปลีกตัวไปไหนได้ เธออยู่ที่นู่นก็ต้องทำงานหนักไม่แพ้กัน ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้เธอจะมายืนอยู่ตรงนี้.. แอปเปิ้ลตัวเป็นๆกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของฉันจริงๆ.. ไม่ใช่ในความฝันเหมือนทุกๆครั้ง..
.
.
.
"3 ปี.." ฉันตอบคำถามของแอปเปิ้ลเบาๆ.. 3 ปีเป็นระยะเวลาตามปกติที่กำหนดไว้ให้แพทย์จบใหม่ใช้ทุนจนครบ..
"โห 3 ปีเลยหรอพี่นท! 3 ปีเชียวนะ!!! แล้วแอปจะอยู่ยังไงคะ.." แอปเปิ้ลอุทานเสียงดัง ก่อนที่น้ำใสๆจะค่อยไหลลงมาจากดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างนั้นช้าๆ เธอซุกใบหน้าเข้ากับหัวไหล่ของฉันแล้วร้องไห้อย่างน่าสงสาร
"3 ปีคือเวลาที่เค้ากำหนด แต่พี่ขอปีเดียว.. พี่ขอหาประสบการณ์ที่ต่างจังหวัดแค่ปีเดียว แล้วพี่จะกลับมาเรียนต่อในกรุงเทพ เราจะได้อยู่ใกล้ๆกันไง ดีมั้ย.." ฉันตอบพลางยกมือขึ้นลูบผมเด็กน้อยขี้แงเบาๆ ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าอยากจะหาประสบการณ์จากการใช้ทุนสักปี แล้วออกมาเรียนต่อเฉพาะทางในมหาวิทยาลัยแพทย์สักแห่งในกรุงเทพ
"ปีเดียวก็ยังนานอยู่ดี.." ลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ยกมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แววตาเศร้าสร้อยเริ่มจะดูสดใสขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังคงงอแงเป็นเด็กน้อย เธอขยับกายชิดใกล้ขึ้น ซุกตัวอย่างออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขน
"เอาน่าแอปเปิ้ล.. ปีเดียว.. ถ้าเธอคิดถึงพี่ ถ้าเราคิดถึงกันก็ยังไปเจอกันได้นี่นา.. พี่ไม่ได้ทิ้งแอปไปไหนไกลสักหน่อย.." ฉันปลอบใจเธอเบาๆ จริงๆก็คล้ายกับกำลังปลอบใจตัวเองอยู่เหมือนกัน หนึ่งปีมันจะยาวนานขนาดไหนกันนะ หนึ่งปีในที่ที่ไม่มีแอปเปิ้ลคงจะทรมานหัวใจน่าดู
.
.
ยอมรับว่าตั้งแต่วันนั้น ตั้งแต่วันที่ฉันจากเธอมา ฉันก็ยังไม่มีเวลากลับไปหาเธอสักครั้ง เวลาจะโทรศัพท์คุยกันยังแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ.. คิดถึงใจจะขาด แต่ก็ทำได้แค่บอกรักสั้นๆผ่านมือถือ และนอนหลับฝันถึงกันก็แค่นั้นเอง..
.
.
.
"พี่คิดถึงแอป/แอปคิดถึงพี่นท" หญิงสาวในอ้อมกอดพูดซ้อนขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน แค่ได้สัมผัสความอบอุ่นก็แผ่ซ่านถึงหัวใจ มันรู้สึกเต็มตื้นมากมายจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก เหมือนเธอคนนี้กำลังดูดกลืนความเหนื่อยล้าทางร่างกายของฉันออกไปทีละน้อยด้วยหัวใจของเธอเอง
"เหนื่อยมากมั้ยคะคุณหมอคนเก่งของแอปเปิ้ล" แอปเปิ้ลดันตัวฉันออกมาเบาๆ ระบายยิ้มหวานหยด ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเรียวยาวข่วนแก้มของฉันเบาๆอย่างหยอกล้อ
"เห็นหน้าแอปก็หายเหนื่อยแล้ว!" ฉันฉีกยิ้มกว้างอย่างจริงใจ เมื่อก่อนฉันใช้คำหวานสิ้นเปลืองกับผู้หญิงหลายๆคนในเวลาเดียวกันโดยไม่เคยสักครั้งที่จะรู้สึกลึกซึ้งจริงจังอย่างที่ปากพูด.. จนกระทั่งผู้หญิงคนนี้ก้าวเข้ามาในชีวิต.. หัวใจที่เต้นสะเปสะปะซวนเซ กับชีวิตที่สุดแสนจะเสเพลในด้านความรักก็ถูกปฏิวัติ จัดระเบียบซะใหม่หมด
จนตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างของฉันมันมองใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากเธอ.. ร่างกายของฉันมันก็มีไว้ให้เธอคนเดียว.. หัวใจนี่ก็เหมือนกัน.. นอกจากเธอคนนี้ฉันก็นึกไม่ออกแล้วจริงๆว่าจะใช้มันไปกับใครได้อีก..
"ปากหวานแบบนี้ แอปไม่อยู่ด้วยแอบไปซุกซนกับสาวที่ไหนรึเปล่า ฮึ!" แอปเปิ้ลย่นจมูกใส่กัน คำพูดทีเล่นทีจริงถูกส่งผ่านน้ำเสียงที่ฟังดูไม่จริงจังนัก ก่อนจะเลื่อนมือมาบีบปลายจมูกกันอย่างมันเขี้ยว
"โหยยย แอปเปิ้ล พี่ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตขนาดนี้จะเอาเวลาไหนไปจีบสาวได้" ฉันบ่นอุบ พอนึกถึงภาระงานที่ทำในทุกวันนี้ก็ต้องแอบผ่อนลมหายใจเบาๆ
นี่ถ้าวันนึงมีมากกว่า 24 ชั่วโมง ฉันก็คงไม่มีทางมีเวลาพักผ่อนมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่ๆ.. หมอต๊อกต๋อยตัวเล็กๆที่ถูกใช้งานหนักเยี่ยงทาส.. คิดแล้วก็สงสารตัวเองไม่น้อย.. แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ฉันก็ยังเลือกที่จะทำงานนี้ต่อไป.. เพราะมันเป็นงานที่ฉันรัก.. ฉันหลงรักรอยยิ้มของคนไข้ที่ส่งมาให้กันตอนที่ทำให้เขาหายจากความทรมาน.. หลงรักวินาทีที่ทำให้หัวใจของใครสักคนกลับมาเต้นได้อีกครั้ง.. มันเป็นความรู้สึกสุดวิเศษที่ไม่ว่าจะร่ำรวยแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้..
ฉันหลงรักวิชาชีพนี้.. ถึงจะเหนื่อย ถึงจะหนัก แต่ฉันก็รักการเป็นหมอที่สุด..
"ตอบแบบนี้แสดงว่าถ้ามีเวลาจะจีบล่ะสิ!" แอปเปิ้ลทำตาโต ออกแรงบีบเข้าที่จมูกฉันแรงขึ้นกว่าเดิม จนฉันก็หลุดเสียงร้องโอดครวญเบาๆ
ดูสิ.. คิดไปได้..
"โอยยย แอปเอิ้นนนนน อี่อ๋ายใอไอ่ออกกก" เสียงแหลมเล็กที่ฟังไม่เป็นภาษาเพราะถูกเธอคนนี้บีบจมูกกันไว้หลุดออกมาจากปากอย่างยากลำบาก.. โอยยย หายไม่ออกอะ แอปเปิ้ลลลล
เธอปล่อยมือก่อนจะหัวเราะขำที่เห็นฉันย่นหัวคิ้วใส่กันอย่างงอนๆ
"แล้วนี่แอปมานี่ได้ไง มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้ไม่ต้องทำงานหรอ แล้วใครมาส่ง" พอนึกขึ้นได้ ฉันก็รีบยิงคำถามใส่เธอเป็นชุด เมื่อกี้ความคิดถึงทำให้สมองเบลอคิดอะไรไม่ออกนอกจากใบหน้าสวยๆของเธออย่างเดียว ก็เลยลืมที่จะถามไถ่ถึงการมาหากันของเธอไปซะสนิท
"ถามเยอะขนาดนี้จะเอาข้อมูลไปวินิจฉัยเป็นโรคได้มั้ยคะเนี่ย คุณหมอนท" แอปเปิ้ลระบายยิ้มน่ารัก ก่อนจะเริ่มอธิบายต่ออย่างอารมณ์ดี
"ที่บริษัทกำลังทำโครงการใหม่.. แม่ให้แอปดูแลงานนี้โดยตรง.." เธอพูดก่อนจะหยุดมองกันด้วยนัยตาหวานซึ้ง.. ทำเอาฉันเกือบจะหลอมละลายลงไปกับพื้นห้อง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า เอิ่ม.. แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ฉันถามไปเมื่อกี้หว่า?
"บริษัทเรากำลังขยายสาขา และแอปก็เลือกมาเปิดที่จังหวัดนี้โดยเฉพาะ.. เอ่อ.. พี่นทอย่าหาว่าแอปทำตัวเป็นเด็กๆตามแฟนมาถึงนี่นะคะ นี่แอปเก็บข้อมูลตั้งนานกว่าจะตัดสินใจเลือกที่นี่น่ะ ถึงจะลำเอียงนิดหน่อย แต่มันก็ผ่านมติที่ประชุมน้าาา" แอปเปิ้ลพยายามอธิบายอย่างเคอะเขิน แต่ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเสียเท่าไหร่ ความรู้คิดของฉันมันหยุดลงตั้งแต่จบประโยคที่สองแล้ว
นี่แอปจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่หรอเนี่ย!!! โอ้ยยยยยย ดีใจอ่ะ!!!!!!!
"นานเท่าไหร่แอป! แอปต้องมาดูงานที่สาขาย่อยนี่กี่วัน กี่เดือน! โอ้ยยย พี่ดีใจจัง แอปเปิ้ลลลลล" ฉันพาตัวเข้าไปกอดเธอแน่นอีกครั้ง ดีใจจนอยากจะอุ้มเธอวิ่งรอบบ้านสักสามสี่รอบ!
"ปีนึง.. แอปจะตามมาดูแลคุณหมอที่เอาแต่ดูแลคนอื่น จนลืมดูแลตัวเองจนครบปีเลย! ดูสิพี่นท.. ผอมลงเยอะเลย ไปกินข้าวกันนะคะ" แอปเปิ้ลระบายยิ้มอย่างมีความสุขไม่แพ้กัน จับแก้มของฉันหมุนซ้ายขวาไปมาสองสามทีอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะประทับสัมผัสเบาๆที่ริมฝีปาก
จูบความไวแสงแต่กลับมีเสน่ห์อย่างประหลาด จูบเบาๆแต่กลับมีอนุภาพร้ายแรง ขับดันให้ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นที่ฝังตัวอยู่ในหน้าอกข้างซ้ายของฉันเต้น ตึก ตัก ตึก ตัก เสียงดังขึ้นทุกที ทุกที
"งั้นไม่กินข้าวแล้วละกัน.. พี่ขอกินแอปเปิ้ลแทนนะ" ฉันยกยิ้มกรุ้มกริ่ม ยักคิ้วหลิ่วตาใส่เธออย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาใบหน้าขาวๆขึ้นสีเลือดทันที ก็ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอคุณหมอส่วนตัวตรวจร่างกายหน่อยนะที่รัก..
"พี่นทอะ!" แอปเปิ้ลผลแดงสะบัดเสียงใส่กัน ตามด้วยฝ่ามืออรหันต์ที่ถูกยกขึ้นมาตีเข้าที่หัวไหล่ของฉันด้วยความเขินอาย
แหม.. น่ารักจัง แฟนใครเนี่ย.. อิอิ
.
.
.
ไม่รู้ว่าจะต้องขอบคุณใครบ้างที่ส่งแอปเปิ้ลผลนี้มาให้ฉัน.. ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนกระทั่งวันนี้ วันที่แอปเปิ้ลเข้ามาทำให้หัวใจของฉันกลับมาเต้นเต็มจังหวะได้อีกครั้ง เธอทำให้พลังงานชีวิตที่เริ่มจะลดน้อยถอยลงเพราะความเหนื่อยล้ากลับมาเต็มเปี่ยมจนถ้าเปรียบตัวฉันเป็นแบตเตอรี่ ตอนนี้คงประจุไฟคงทะลุร้อยเปอร์เซ็นต์ไปไกลเลยทีเดียว
คงจะจริงอย่างที่เธอบอก.. ฉันอาจจะมัวแต่ดูแลคนอื่นมากเกินไป จนลืมดูแลตัวเอง.. ต้องขอบคุณแอปเปิ้ลสินะ.. ขอบคุณที่เธอเข้ามาช่วยเติมพลังกายพลังใจให้ชีวิตเดินต่อไปได้ในทุกๆวัน.. ขอบคุณจริงๆ..
///////////////////////////
จบจ่ะ.. ฟิคสั้นเวอร์ชั่นคุณหมอ.. ;)
ศัพท์ไหนไม่เข้าใจ ถามได้... แต่ไม่บอก... (ล้อเล่นนนนน 555)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น