ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : MF :: Full stop [Apple's special part]
MF :: Full stop [Apple's special part]
ฟูล สตอป ภาคพิเศษ ต้องกลืนน้ำลายตัวเองที่บอกว่าจะไม่แต่งพาร์ทน้องแอป เพราะมีคนขอกันมาเยอะ ถ้าไม่จัดกลัวจะโดน (จริงๆก็ไม่เยอะเท่าไหร่ 55)
....
ลานกว้างเต็มไปด้วยเหล่านักศึกษามากมายที่พากันจับจองพื้นที่บนโต๊ะไม้ร่มรื่นน่านั่ง.. โต๊ะกรุ๊ปยามบ่ายของคณะบัญชีฯ น้อยครั้งที่จะว่างโล่ง ไร้ซึ่งผู้คนที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เล่าเรื่องราวต่างๆที่ดูเหมือนจะไม่หมดไม่สิ้น
"นี่ยัยแอป เมื่อคืนวันศุกร์แกทำฉันแทบแย่ เมาเหล้าประชดแม่แล้วหายตัวไป โทรติดต่อก็ไม่ได้ แม่แกแทบจะตามมาฉีกอกฉันถึงบ้าน เกือบตายแล้วมั้ยล่ะยะ" เพื่อนสาวหน้าตาดีโวยวายเสียงดังขึ้นทันทีที่ฉันทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเธอ
"ฉันก็ยังเห็นแกสบายดีนี่" ฉันเอ่ยเสียงเรียบ วางสัมภาระไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบนิตยสารแฟชั่นมาเปิดอ่านฆ่าเวลาระหว่างรอเรียนเลคเชอร์
ไม่ใช่ว่าฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่ฉันเบื่อเรื่องนี้เต็มทน เมื่อตอนกลับบ้านก็ทะเลาะกับแม่ซะใหญ่โต ก็เรื่องอะไรจะให้ฉันย้ายภาคไปเรียนบริหาร ฉันน่ะอยู่ปีสองแล้วนะ แม่พูดอย่างกับว่าฉันเรียนบัญชีแล้วจะกลับไปช่วยงานที่บ้านไม่ได้อย่างนั้นแหละ ที่สำคัญ พวกพวกสาวๆภาคนั้นเขม่นฉันอย่างกับอะไร ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้นักหนานะคะ ถึงได้ขัดหูขัดตากันนัก
"โอ้ย จะบ้าตาย! เออ แล้วนี่เมื่อเช้าก็อีกนะ แม่แกโทรมาถามว่าแกย้ายเข้าไปอยู่กับฉันรึเปล่า เรื่องมันเป็นยังไงยะ นี่แกออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นรึไง" แนทพูดพลางเอื้อมมือมาดึงนิตยสารออกไปให้พ้นจากสายตา ก่อนจะจ้องหน้าฉันเขม็งอย่างคาดคั้น
"อืม" ฉันพยักหน้าตอบรับเบาๆราวกับว่าเรื่องมันไม่ได้หนักหนาใหญ่โตอะไรขนาดนั้น ก็ฉันไม่อยากให้ใครมาเป็นห่วงอะไรฉันนักหรอก ถึงฉันกับยัยแนทจะสนิทกันมากก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะดึงเธอมาปวดหัวด้วยกันสักหน่อย
"แค่เนี้ยะ? แกเห็นฉันเป็นเพื่อนรึเปล่าเนี่ย!" เธอเปล่งเสียงสูง ดึงแก้วน้ำสีหวานในมือฉันออกไปถือไว้เพื่อไม่ให้อะไรก็ตามมาเบนสายตาฉันออกจากเธอ
"ก็ทะเลาะกันเรื่องเดิม ฉันก็เลยย้ายออกมา" ฉันตอบยาวขึ้น ยัยนี่เอะอะอะไรก็ยกความเป็นเพื่อนขึ้นมาเป็นเหตุผลให้ฉันต้องยอมเธอทุกที
"แล้วแกไปอยู่ที่ไหน! เมื่อคืนนั้นด้วย ฉันจะโทรไปถามก็ปิดมือถืออยู่นั้นแหละ บอกฉันมาเลยนะยัยแอป!"
"ก็อยู่กับรุ่นพี่ในมหาลัยนี่แหละ" ฉันกระอ้อมกระแอ้มตอบเบาๆ เลี่ยงที่จะพูดถึงรายละเอียดที่มากกว่านั้นเผื่อว่ายัยเพื่อนสุดสวยคนนี้จะเลิกสาวความยาวต่อความยืด ถึงจะรู้ว่ามันยากก็เถอะ
"ใครวะ! รุ่นพี่คนไหน! เฮ้ย นี่แกอย่าบอกนะว่าแกย้ายเข้าไปอยู่คอนโดที่ครอบครัวพี่สิงโตเค้าเป็นเจ้าของอยู่อะ!" แนทเลิกตาโต ยื่นใบหน้าสวยเข้ามาหากันอย่างตกใจ ก็ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันนึกอยากจะซื้อคอนโด พี่สิงโตคนนี้แหละที่เข้ามายื่นออฟชั่นให้ฉันซะดิบดี แถมบอกว่าให้อยู่ฟรี แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยอมให้เค้าไปรับไปส่งทุกวันอีกแหนะ แล้วฉันจะเข้าไปอยู่ได้ไงล่ะคะ แบบนั้นน่ะ!
"เฮ้ย บ้า! ฉันบอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ได้ชอบพี่เค้า จะให้ฉันเข้าไปอยู่ได้ไงล่ะ" ฉันขมวดคิ้วลงอย่างหัวเสีย ถ้าเป็นพี่สิงโตจริง แม่ฉันคงไม่ตามไปฉีกอกแกถึงบ้านหรอกย่ะ รายนั้นน่ะเผลอๆจะเข้าขากับแม่ยิ่งกว่าพี่อ๊อฟ พี่ชายแท้ๆของฉันเสียอีก
"แล้วใคร?" แนทเบี่ยงหน้ากลับตามเดิม แต่สายตายังจับจ้องมองมาที่ฉันไม่กระพริบ
"พี่นท ปี 4 คณะเดียวกับพี่สิงโตนั่นแหละ.." ฉันตอบพลางนึกถึงใบหน้าเหวอๆที่มองฉันตอนที่เข้าไปอยู่ด้วยกันใหม่ๆแล้วก็ต้องหลุดขำออกมาเบาๆ
"เดี๋ยวนะแก พี่นท.. พี่หมอนทหรอ! โอ้ย ยัยแอป นี่แกย้ายเข้าไปอยู่กับพี่หมอนทหรอเนี่ย!!" แนทเบิกตาโตกว่าเดิม ตกใจราวกับฉันหอบผ้าหอบผ่อนย้ายเข้าไปอยู่กับแฟนมันอย่างนั้นแหละ เอิ่ม.. จริงสิ แล้วยัยแนทนี่รู้จักพี่นทด้วยรึไงนะ
"อืม.. ไมอะ พี่เค้าเป็นกิ๊กแกรึไง ทำไมต้องหน้าแดงด้วยยะ" ฉันย่นหัวคิ้วถามแนทอย่างหมั่นไส้ แค่พูดชื่อพี่นทก็ทำหน้าเคลิ้มฝันอย่างกับได้เจอดาราในดวงใจอย่างนั้นแหละ
"นี่ยัยแอป! แกเป็นดาวซะเปล่า ไม่รู้จักพี่นทได้ยังไงยะ! พี่นทน่ะคนดังของมหาลัยเชียวนะเว้ย โอ้ยยย คนอะไรก็ไม่รู้ เก่งก็เก่ง หน้าตาก็น่ารัก ร้องเพลงก็เพราะ สาวคลั่งกันทั้งมอ ลองใครได้อยู่ใกล้ๆพี่เค้าก็ต้องหลงเสน่ห์กันทั้งนั้นแหละ ขนาดพี่สาวยัยแกรนท์ นิเทศ ยังมีข่าวกับพี่เค้าอยู่เลย แกไปอยู่ไหนมายะ"
"ขนาดนั้นเลย?" ฉันเลิกคิ้วถามยัยเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้หลุดเข้าไปอยู่ในภวังค์ของตัวเองเสียแล้ว ก็รู้อยู่ว่ายัยแนทนี่ชอบแบบไหน แต่แหม ไม่ต้องแสดงออกเยอะขนาดนี้ก็ได้นะ!
ความจริงแล้วพี่นทก็น่ารักอยู่หรอก.. เอ๊ะ จริงสิ หรือพี่สาวแกรนท์ จะเป็นคนเดียวกับพี่แกรนด์ที่พี่นทอยู่ด้วยเมื่อวันอาทิตย์นะ? เอิ่ม.. แล้วก็มีพี่เต้ย แล้วไหนจะน้องพลอยอีก โอ้ยย เจ้าชู้ขนาดนั้น ทำไมคนถึงได้หลงเสน่ห์กันนักหนาเนี่ย!
"เออสิยะ! ฉันยังจำตอนที่พี่เค้ายิ้มให้วันที่มาทำงานฝ่ายปฐมพยาบาลงานกีฬาเฟรชชี่ได้อยู่เลยแก วันนั้นฉันแทบจะคุมน้องๆหลีดต่อไม่ได้เลย โอ้ยยยย ใจละลาย" ยัยแนทระบายยิ้มชวนฝัน ทำฉันต้องหยิบนิตยสารที่วางอยู่บนโต๊ขึ้นมาตีหัวมันเบาๆอย่างหมั่นไส้เต็มที
"นี่ ทำมาเฉยๆไม่สนใจ อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกเปลี่ยนใจจากหนุ่มๆมาหลงเสน่ห์พี่นทของฉันอีกคนน่ะ!" แนทย่นจมูกใส่กัน พลางยกมือขึ้นปัดทรงผมให้เข้าที่ตามเดิม
"ย่ะ! เมื่อไหร่ฉันชอบพี่นทของแก วันนั้นฉันยอมแกติดป้ายป่าวประกาศให้ทั่วมหาลัยเลยดีมะ!"
.
.
.
'แม่คะ แอปว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ!' ฉันเปล่งเสียงดังผ่านโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ร้อน เรื่องเดิมๆที่สร้างปัญหาให้เราไม่จบไม่สิ้น คราวนี้ถูกเติมเรื่องใหม่เมื่อฉันไม่ยอมกลับบ้าน แม่เลยพยายามจะบังคับให้ฉันย้ายไปอยู่คอนโดในเครือของครอบครัวของพี่สิงโตเสียให้ได้ เพื่อจะได้อยู่ในสายตาของเธอ
'เรื่องย้ายภาคยังไงแอปก็ไม่ย้าย ส่วนเรื่องคอนโด ถ้าแม่อยากอยู่แม่ก็ย้ายเข้าไปอยู่เองสิคะ แล้วฝากบอกพี่เค้าด้วยว่าเลิกโทรมาหาแอปได้แล้ว!' ฉันพูดก่อนจะกดตัดสายทิ้งทันที ก็รู้อยู่หรอกว่าทำตัวไม่ดี ไม่ใช่ไม่รู้ว่าฉันเป็นใจร้อน แต่ครั้งนี้แม่บังคับฉันมากเกินไปแล้วรึเปล่า ถึงจะรู้ว่าเธอเป็นห่วง แต่ชีวิตของฉัน ฉันก็ควรจะได้มีส่วนในการตัดสินใจบ้างไม่ใช่รึไง
ฉันทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า รู้สึกเบื่อจนไม่อยากจะทำอะไร ทำไมการเกิดเป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่โตถึงได้จำกัดชีวิตส่วนตัวของฉันเหลือเกินนะ ขนาดเรื่องอนาคตฉันยังเลือกเองไม่ได้ กะอีแค่เรื่องเรียนฉันยังต้องตามใจคนอื่นด้วยรึไง ตลอดเวลาฉันก็ทำตัวอยู่ในกรอบมาตลอด ถึงจะเจ้าอารมณ์ ถึงจะเอาแต่ใจแต่สุดท้ายฉันก็ไม่เคยขัดใจแม่สักครั้ง แต่นี่มันมากไป มากไปจริงๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วหรือว่าอะไร น้ำตามันถึงได้พากันไหลลงมาฟ้องความอ่อนแอของตัวเองได้มากมายขนาดนี้ ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี บ้านก็ยังไม่อยากกลับไป จะอยู่ที่นี่ต่อก็เกรงใจ ก็พี่นทไม่ยอมรับเงินจากฉันสักบาท จะย้ายออกก็ลำบาก เพราะจะว่าไปคอนโดใกล้มหาลัยไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่นอกจากที่นี่แล้วก็เป็นธุรกิจของบ้านพี่สิงโตทั้งนั้น
.
"แอปเปิ้ล! เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกกลับดึกๆ อยากได้อะไรรึเปล่า เดี๋ยวจะแวะซื้อมาฝาก" เสียงเปิดประตู ตามด้วยเสียงใสๆที่เรียกกันอย่างอารมณ์ดีทำฉันต้องรีบพลิกตัวหนีพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ
"พี่นทจะไปก็ไปเถอะ แอปปวดหัว ไม่สบาย จะนอน!!" ฉันตะโกนไล่เธอเสียงดัง มันอาจจะดูแย่ที่อารมณ์เสียแล้วพาลคนนู้นคนนี้ไปทั่ว แต่ขืนเธอเข้ามาใกล้กว่านี้เธอก็รู้สิว่าฉันกำลังร้องไห้อยู่น่ะ
"เอ่อ.. ขอโทษๆ.. งั้นอยู่คนเดียวได้มั้ย ให้พี่เอายามาให้รึเปล่า" พี่นทพูดเสียงอ่อย ฉันโบกมือไปมาเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงปิดประตูห้องเบาๆ
ฉันพลิกตัวกลับมาตามเดิม ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยล้า ไว้ค่อยขอโทษเธอทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วจริงๆ
.
.
เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงแต่ฉันก็ยังข่มตาหลับไม่ลง พอเวลารู้สึกแย่มันก็เหมือนจะมีเรื่องราวแย่ๆถูกขุดขึ้นมาคิดจนรกสมองไปหมด ฉันแหงนมองนาฬิกาที่หัวเตียงหลายรอบอย่างอารมณ์เสีย จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูอย่างระมัดระวังดังขึ้นเบาๆอีกครั้ง ฉันถึงได้ชะโงกหน้าขึ้นไปดู
"ขอโทษนะ แต่พี่เห็นว่าแอปยังไม่ได้กินอะไรเลย แล้วก็ไม่สบายด้วยก็เลยคิดว่า.." พี่นทเดินเข้ามาหากันช้าๆ ในมือถือถ้วยใบใหญ่ส่งกลิ่นหอมอวบอวน ซึ่งฉันคิดว่าถ้าไม่ใช่โจ๊กก็คงจะเป็นข้าวต้มอะไรสักอย่างนี่แหละ
"แล้วพี่นทไม่ไปเที่ยวแล้วหรอคะ" ฉันพูดแทรกเธอขึ้นมาเบาๆ ก็เมื่อกี้เธอบอกว่าจะไปข้างนอกนี่นา เบี้ยวนัดแบบนี้เดี๋ยวสาวเจ้าก็บ่นอีกหรอก
"พี่เพิ่งโทรไปยกเลิกเมื่อกี้เอง ความจริงเรียนหมอมันก็มีข้ออ้างให้ใช้เยอะแบบนี้แหละ แต่ช่างเหอะ พี่กลัวแอปจะแย่ ก็เลยไปต้มข้าวต้มมาให้ พี่ทำอาหารอร่อยนะจะบอกให้ กินนะ จะได้กินยา" พี่นทพูดพลางหัวเราะเบาๆ ถึงเหตุผลที่เธอหยิบยกมาพูดในตอนแรกจะทำให้หมั่นไส้นิดหน่อย แต่เพราะสายตาอ่อนโยน กับรอยยิ้มบางๆบนใบหน้ามันทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนต้องระบายยิ้มตามเธอ
จะว่าไป เธอก็เหมาะจะเป็นคุณหมออยู่เหมือนกัน..
"ถ้าสาวๆรู้ต้องอิจฉาแอปแน่ๆ ปกติพี่ไม่ทำให้ใครขนาดนี้หรอกนะ" พี่นทประคองตัวฉันขึ้นนั่งเบาๆ ก่อนจะเป่าลมผ่านช้อนเพื่อลดความร้อนของข้าวต้ม แล้วป้อนให้กันอย่างใจเย็น
ก็อย่างที่รู้ จริงๆฉันก็ไม่ได้ไม่สบายตรงไหน แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมพอเห็นรอยยิ้มแบบนั้นแล้วฉันก็นึกอยากจะป่วยแล้วออดอ้อนเธอขึ้นมาซะเฉยๆ
"ปวดหัวใช่มั้ย คราวนี้ก็กินยาได้แล้ว อืม.. จริงๆมันก็ไม่ใช่ยาหลังอาหารหรอกนะ แต่พี่แค่อยากให้แอปกินข้าวบ้าง" เธอยิ้มหวาน ยื่นแก้วใสขนาดเล็กที่มีเม็ดยานอนในนั้นอยู่สองเม็ดให้กันทันทีหลังจากที่ฉันกินข้าวเสร็จ
"เอ่อ.. แอปไม่ค่อยปวดแล้ว ขอบคุณนะคะ" ฉันก้มหน้าตอบเธอเบาๆ ก็จะให้กินได้ไง ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนี่นา
"อ้าวหรอ ไม่ปวดแล้วจริงอะ ไม่ใช่ไม่ชอบกินยานะหนูน้อย" พี่นทก้มตัวลงต่ำ แล้วช้อนตามองฉันอย่างเป็นห่วงเป็นใย เอิ่ม.. ไม่ใช่ ฉันว่าเธอตั้งใจจะกวนฉันอยู่ด้วยนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังต้องหลุดยิ้มออกมาอยู่ดี ก็ดูทำหน้าเข้าสิ.. น่ารักดีจัง..
"จริงสิ แอปจะโกหกพี่นททำไม กะอีแค่กินยาแค่นี้แอปไม่กลัวหรอก อีกอย่างแอปก็ไม่ใช่หนูน้อยด้วย!" ฉันเบ้ปากใส่เธอ ความจริงถึงฉันจะเป็นรุ่นน้อง แต่ก็อายุน้อยกว่ากันแค่ไม่กี่ปี แล้วเธอก็ยังหน้าเด็ก และตัวเล็กกว่าฉันตั้งเยอะ ยังจะมาเรียกกันว่าหนูน้อยอีก!
"โอเคๆ หนูไม่น้อยแล้วก็ได้ หนูเยอะใช้ได้เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ" พี่นทพูดพลางระเบิดหัวเราะเสียงดัง ใจความในประโยคทำฉันต้องถลึงตามองเธอทันที นี่หาว่าฉันเยอะรึไง! เหอะ.. ฉันขอดึงความคิดที่ว่าเธอน่ารักกลับไปทิ้งให้หมดเลยนะคะ โอ้ยย นอกจากจะเจ้าชู้ กะล่อน แล้วยังกวนจริงๆเลย คนอะไรก็ไม่รู้
"ขอโทษๆ ปากไวไปหน่อย ไม่กินแล้วก็ได้ พี่วางไว้ตรงนี้แล้วกัน ถ้าปวดมากๆก็กินได้นะ เป็นยาแก้ปวดไว้กินเวลามีอาการ" เธอกลั้นหัวเราะ ก่อนจะกลับมาส่งยิ้มหวานละมุนให้กันอีกครั้ง และมันก็เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นมาได้ง่ายๆซะอย่างนั้น
"เออะ.. ขอบคุณนะคะ" ฉันเอ่ยขอบคุณเบาๆ ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกเหมือนจะทำตัวไม่ถูกเวลาเธอส่งยิ้มแบบนั้นมาให้กันซะทุกที
"หลับตาสิแอปเปิ้ล" พี่นทวางแก้วลงกับโต๊ะ มองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ยอมรับว่าคำพูดแบบนั้นมันทำให้ฉันหวาดระแวงเธออยู่นิดหน่อย ก็รู้อยู่ว่าเธอเป็นเสือผู้หญิง แต่ก็เพราะอีรอยยิ้มของเธออีกนั่นแหละที่ทำให้ฉันต้องยอมทำตามอย่างที่เธอว่า .. ไม่เป็นไรหรอกมั้ง.. เครื่องช็อตไฟฟ้าก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง ถ้าเธอเกิดเล่นไม่ซื่อ แม่จะจับช็อตซะให้เข็ด!
ฉันค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วอุ่นๆที่วางลงใต้หัวคิ้วทั้งสองข้าง กดรีดไปจนถึงหางคิ้ว แล้วหยุดคลึงอยู่ที่ขมับ หมุนวนเป็นวงกลมเล็กๆ และกดเน้นน้ำหนักค้างไว้แบบนั้นจนรู้สึกผ่อนคลาย
"ไม่ค่อยปวดแสดงว่ายังปวดอยู่.. ไม่อยากกินยาไม่เป็นไร แต่พี่นวดให้แล้วดีขึ้นมั้ย" ฉันเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้รอยยิ้มหวานๆกับใบหน้าของเธออยู่ใกล้ฉันแค่คืบ ใกล้จนกลัวว่าเธอจะได้ยินเสียงหัวใจที่เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆอย่างควบคุมไม่อยู่ มันเหมือนเลือดลมปั่นป่วนไปหมด ใบหน้าร้อนผะผ่าวราวกับจะเป็นไข้ขึ้นมาจริงๆ
ฉันรีบเบี่ยงหน้าออกมาทันที ยกสองมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง ก่อนจะปิดตาลงแน่นอีกครั้ง แล้วสะบัดหน้าไล่ความรู้สึกแปลกๆที่เริ่มก่อกวนหัวใจกันตอนนี้ออกไป
ถึงฉันจะไม่ได้ช่ำชองเชี่ยวชาญในเรื่องความรัก แต่ก็ไม่ได้ไม่ประสีประสาถึงขนาดไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของฉันบ้าง..
แต่เออะ.. ไม่ๆ เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่แบบนี้สิ.. บางทีแกอาจจะพลาดไปก็ได้แอปเปิ้ล!
"แอปเป็นอะไรรึเปล่า" เสียงใสเรียกกันอีกครั้ง ทำให้ฉันต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ และนั่นก็ยิ่งทำให้ฉันหน้าแดงหนักขึ้นกว่าเดิมเมื่อเธอยื่นหน้าเข้ามาหากันมากกว่าเมื่อกี้เสียอีก!
"หน้าแดงจัง ไข้ขึ้นป่ะเนี่ย พี่ว่าแอปกินยาดีกว่านะ" ฉันนั่งตัวแข็งทื่ออย่างคนทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้คนตรงหน้ายื่นมือมาแตะที่หน้าผากกันเบาๆแบบนั้นโดยไม่คิดจะขัดขืน
"ตัวร้อนๆนิดหน่อยด้วยแฮะ กินยานะแอปเปิ้ล"
"เอ่อ.. ไม่เป็นไร พี่นทไปเถอะ แอปไม่เป็นไรจริงๆ นอนแล้วนะคะ" ฉันพูดเร็วๆก่อนจะทิ้งตัวลงนอน พลิกตัวออกจากพี่นท แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิดร่าง รู้สึกได้ถึงแรงสะกิดเบาๆและคำถามว่าไม่เป็นไรแน่นะสองสามที ก่อนที่เธอจะปิดประตูออกจากห้องไปในที่สุด
ฉันลดระดับผ้าห่มที่ปิดหน้าลงมาอีกครั้ง กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ แล้วอยู่ๆคำพูดของยัยแนทที่ฉันเกือบจะลืมมันไปแล้วก็ลอยกลับมาในมโนสำนึกของฉันอีกครั้ง
.
.
"...ลองใครได้อยู่ใกล้ๆพี่เค้าก็ต้องหลงเสน่ห์กันทั้งนั้นแหละ..."
/////////////////////////
พาร์ทนี้คงได้เห็นความเอาแต่ใจแบบน่ารักๆของคุณหนูแอปมากขึ้นนิดนึง
ปล. แหม จริงๆนางเอกเราหลงเสือมานานแล้วนะเนี่ย ระวังโดนปักป้ายรอบมหาลัยนะ 5555
ปล2 มันเกิดการเกี่ยวพันระหว่างเพื่อนพี่นท กับคนที่เข้ามาจีบน้องแอปซะอย่างนั้น ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่นึกชื่ออื่นไม่ออก เอาเป็นว่าเราข้ามเรื่องนี้ไปแล้วกัน 555555
ฟูล สตอป ภาคพิเศษ ต้องกลืนน้ำลายตัวเองที่บอกว่าจะไม่แต่งพาร์ทน้องแอป เพราะมีคนขอกันมาเยอะ ถ้าไม่จัดกลัวจะโดน (จริงๆก็ไม่เยอะเท่าไหร่ 55)
....
ลานกว้างเต็มไปด้วยเหล่านักศึกษามากมายที่พากันจับจองพื้นที่บนโต๊ะไม้ร่มรื่นน่านั่ง.. โต๊ะกรุ๊ปยามบ่ายของคณะบัญชีฯ น้อยครั้งที่จะว่างโล่ง ไร้ซึ่งผู้คนที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เล่าเรื่องราวต่างๆที่ดูเหมือนจะไม่หมดไม่สิ้น
"นี่ยัยแอป เมื่อคืนวันศุกร์แกทำฉันแทบแย่ เมาเหล้าประชดแม่แล้วหายตัวไป โทรติดต่อก็ไม่ได้ แม่แกแทบจะตามมาฉีกอกฉันถึงบ้าน เกือบตายแล้วมั้ยล่ะยะ" เพื่อนสาวหน้าตาดีโวยวายเสียงดังขึ้นทันทีที่ฉันทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเธอ
"ฉันก็ยังเห็นแกสบายดีนี่" ฉันเอ่ยเสียงเรียบ วางสัมภาระไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบนิตยสารแฟชั่นมาเปิดอ่านฆ่าเวลาระหว่างรอเรียนเลคเชอร์
ไม่ใช่ว่าฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่ฉันเบื่อเรื่องนี้เต็มทน เมื่อตอนกลับบ้านก็ทะเลาะกับแม่ซะใหญ่โต ก็เรื่องอะไรจะให้ฉันย้ายภาคไปเรียนบริหาร ฉันน่ะอยู่ปีสองแล้วนะ แม่พูดอย่างกับว่าฉันเรียนบัญชีแล้วจะกลับไปช่วยงานที่บ้านไม่ได้อย่างนั้นแหละ ที่สำคัญ พวกพวกสาวๆภาคนั้นเขม่นฉันอย่างกับอะไร ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้นักหนานะคะ ถึงได้ขัดหูขัดตากันนัก
"โอ้ย จะบ้าตาย! เออ แล้วนี่เมื่อเช้าก็อีกนะ แม่แกโทรมาถามว่าแกย้ายเข้าไปอยู่กับฉันรึเปล่า เรื่องมันเป็นยังไงยะ นี่แกออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นรึไง" แนทพูดพลางเอื้อมมือมาดึงนิตยสารออกไปให้พ้นจากสายตา ก่อนจะจ้องหน้าฉันเขม็งอย่างคาดคั้น
"อืม" ฉันพยักหน้าตอบรับเบาๆราวกับว่าเรื่องมันไม่ได้หนักหนาใหญ่โตอะไรขนาดนั้น ก็ฉันไม่อยากให้ใครมาเป็นห่วงอะไรฉันนักหรอก ถึงฉันกับยัยแนทจะสนิทกันมากก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะดึงเธอมาปวดหัวด้วยกันสักหน่อย
"แค่เนี้ยะ? แกเห็นฉันเป็นเพื่อนรึเปล่าเนี่ย!" เธอเปล่งเสียงสูง ดึงแก้วน้ำสีหวานในมือฉันออกไปถือไว้เพื่อไม่ให้อะไรก็ตามมาเบนสายตาฉันออกจากเธอ
"ก็ทะเลาะกันเรื่องเดิม ฉันก็เลยย้ายออกมา" ฉันตอบยาวขึ้น ยัยนี่เอะอะอะไรก็ยกความเป็นเพื่อนขึ้นมาเป็นเหตุผลให้ฉันต้องยอมเธอทุกที
"แล้วแกไปอยู่ที่ไหน! เมื่อคืนนั้นด้วย ฉันจะโทรไปถามก็ปิดมือถืออยู่นั้นแหละ บอกฉันมาเลยนะยัยแอป!"
"ก็อยู่กับรุ่นพี่ในมหาลัยนี่แหละ" ฉันกระอ้อมกระแอ้มตอบเบาๆ เลี่ยงที่จะพูดถึงรายละเอียดที่มากกว่านั้นเผื่อว่ายัยเพื่อนสุดสวยคนนี้จะเลิกสาวความยาวต่อความยืด ถึงจะรู้ว่ามันยากก็เถอะ
"ใครวะ! รุ่นพี่คนไหน! เฮ้ย นี่แกอย่าบอกนะว่าแกย้ายเข้าไปอยู่คอนโดที่ครอบครัวพี่สิงโตเค้าเป็นเจ้าของอยู่อะ!" แนทเลิกตาโต ยื่นใบหน้าสวยเข้ามาหากันอย่างตกใจ ก็ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันนึกอยากจะซื้อคอนโด พี่สิงโตคนนี้แหละที่เข้ามายื่นออฟชั่นให้ฉันซะดิบดี แถมบอกว่าให้อยู่ฟรี แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยอมให้เค้าไปรับไปส่งทุกวันอีกแหนะ แล้วฉันจะเข้าไปอยู่ได้ไงล่ะคะ แบบนั้นน่ะ!
"เฮ้ย บ้า! ฉันบอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ได้ชอบพี่เค้า จะให้ฉันเข้าไปอยู่ได้ไงล่ะ" ฉันขมวดคิ้วลงอย่างหัวเสีย ถ้าเป็นพี่สิงโตจริง แม่ฉันคงไม่ตามไปฉีกอกแกถึงบ้านหรอกย่ะ รายนั้นน่ะเผลอๆจะเข้าขากับแม่ยิ่งกว่าพี่อ๊อฟ พี่ชายแท้ๆของฉันเสียอีก
"แล้วใคร?" แนทเบี่ยงหน้ากลับตามเดิม แต่สายตายังจับจ้องมองมาที่ฉันไม่กระพริบ
"พี่นท ปี 4 คณะเดียวกับพี่สิงโตนั่นแหละ.." ฉันตอบพลางนึกถึงใบหน้าเหวอๆที่มองฉันตอนที่เข้าไปอยู่ด้วยกันใหม่ๆแล้วก็ต้องหลุดขำออกมาเบาๆ
"เดี๋ยวนะแก พี่นท.. พี่หมอนทหรอ! โอ้ย ยัยแอป นี่แกย้ายเข้าไปอยู่กับพี่หมอนทหรอเนี่ย!!" แนทเบิกตาโตกว่าเดิม ตกใจราวกับฉันหอบผ้าหอบผ่อนย้ายเข้าไปอยู่กับแฟนมันอย่างนั้นแหละ เอิ่ม.. จริงสิ แล้วยัยแนทนี่รู้จักพี่นทด้วยรึไงนะ
"อืม.. ไมอะ พี่เค้าเป็นกิ๊กแกรึไง ทำไมต้องหน้าแดงด้วยยะ" ฉันย่นหัวคิ้วถามแนทอย่างหมั่นไส้ แค่พูดชื่อพี่นทก็ทำหน้าเคลิ้มฝันอย่างกับได้เจอดาราในดวงใจอย่างนั้นแหละ
"นี่ยัยแอป! แกเป็นดาวซะเปล่า ไม่รู้จักพี่นทได้ยังไงยะ! พี่นทน่ะคนดังของมหาลัยเชียวนะเว้ย โอ้ยยย คนอะไรก็ไม่รู้ เก่งก็เก่ง หน้าตาก็น่ารัก ร้องเพลงก็เพราะ สาวคลั่งกันทั้งมอ ลองใครได้อยู่ใกล้ๆพี่เค้าก็ต้องหลงเสน่ห์กันทั้งนั้นแหละ ขนาดพี่สาวยัยแกรนท์ นิเทศ ยังมีข่าวกับพี่เค้าอยู่เลย แกไปอยู่ไหนมายะ"
"ขนาดนั้นเลย?" ฉันเลิกคิ้วถามยัยเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้หลุดเข้าไปอยู่ในภวังค์ของตัวเองเสียแล้ว ก็รู้อยู่ว่ายัยแนทนี่ชอบแบบไหน แต่แหม ไม่ต้องแสดงออกเยอะขนาดนี้ก็ได้นะ!
ความจริงแล้วพี่นทก็น่ารักอยู่หรอก.. เอ๊ะ จริงสิ หรือพี่สาวแกรนท์ จะเป็นคนเดียวกับพี่แกรนด์ที่พี่นทอยู่ด้วยเมื่อวันอาทิตย์นะ? เอิ่ม.. แล้วก็มีพี่เต้ย แล้วไหนจะน้องพลอยอีก โอ้ยย เจ้าชู้ขนาดนั้น ทำไมคนถึงได้หลงเสน่ห์กันนักหนาเนี่ย!
"เออสิยะ! ฉันยังจำตอนที่พี่เค้ายิ้มให้วันที่มาทำงานฝ่ายปฐมพยาบาลงานกีฬาเฟรชชี่ได้อยู่เลยแก วันนั้นฉันแทบจะคุมน้องๆหลีดต่อไม่ได้เลย โอ้ยยยย ใจละลาย" ยัยแนทระบายยิ้มชวนฝัน ทำฉันต้องหยิบนิตยสารที่วางอยู่บนโต๊ขึ้นมาตีหัวมันเบาๆอย่างหมั่นไส้เต็มที
"นี่ ทำมาเฉยๆไม่สนใจ อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกเปลี่ยนใจจากหนุ่มๆมาหลงเสน่ห์พี่นทของฉันอีกคนน่ะ!" แนทย่นจมูกใส่กัน พลางยกมือขึ้นปัดทรงผมให้เข้าที่ตามเดิม
"ย่ะ! เมื่อไหร่ฉันชอบพี่นทของแก วันนั้นฉันยอมแกติดป้ายป่าวประกาศให้ทั่วมหาลัยเลยดีมะ!"
.
.
.
'แม่คะ แอปว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ!' ฉันเปล่งเสียงดังผ่านโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ร้อน เรื่องเดิมๆที่สร้างปัญหาให้เราไม่จบไม่สิ้น คราวนี้ถูกเติมเรื่องใหม่เมื่อฉันไม่ยอมกลับบ้าน แม่เลยพยายามจะบังคับให้ฉันย้ายไปอยู่คอนโดในเครือของครอบครัวของพี่สิงโตเสียให้ได้ เพื่อจะได้อยู่ในสายตาของเธอ
'เรื่องย้ายภาคยังไงแอปก็ไม่ย้าย ส่วนเรื่องคอนโด ถ้าแม่อยากอยู่แม่ก็ย้ายเข้าไปอยู่เองสิคะ แล้วฝากบอกพี่เค้าด้วยว่าเลิกโทรมาหาแอปได้แล้ว!' ฉันพูดก่อนจะกดตัดสายทิ้งทันที ก็รู้อยู่หรอกว่าทำตัวไม่ดี ไม่ใช่ไม่รู้ว่าฉันเป็นใจร้อน แต่ครั้งนี้แม่บังคับฉันมากเกินไปแล้วรึเปล่า ถึงจะรู้ว่าเธอเป็นห่วง แต่ชีวิตของฉัน ฉันก็ควรจะได้มีส่วนในการตัดสินใจบ้างไม่ใช่รึไง
ฉันทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า รู้สึกเบื่อจนไม่อยากจะทำอะไร ทำไมการเกิดเป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่โตถึงได้จำกัดชีวิตส่วนตัวของฉันเหลือเกินนะ ขนาดเรื่องอนาคตฉันยังเลือกเองไม่ได้ กะอีแค่เรื่องเรียนฉันยังต้องตามใจคนอื่นด้วยรึไง ตลอดเวลาฉันก็ทำตัวอยู่ในกรอบมาตลอด ถึงจะเจ้าอารมณ์ ถึงจะเอาแต่ใจแต่สุดท้ายฉันก็ไม่เคยขัดใจแม่สักครั้ง แต่นี่มันมากไป มากไปจริงๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วหรือว่าอะไร น้ำตามันถึงได้พากันไหลลงมาฟ้องความอ่อนแอของตัวเองได้มากมายขนาดนี้ ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี บ้านก็ยังไม่อยากกลับไป จะอยู่ที่นี่ต่อก็เกรงใจ ก็พี่นทไม่ยอมรับเงินจากฉันสักบาท จะย้ายออกก็ลำบาก เพราะจะว่าไปคอนโดใกล้มหาลัยไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่นอกจากที่นี่แล้วก็เป็นธุรกิจของบ้านพี่สิงโตทั้งนั้น
.
"แอปเปิ้ล! เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกกลับดึกๆ อยากได้อะไรรึเปล่า เดี๋ยวจะแวะซื้อมาฝาก" เสียงเปิดประตู ตามด้วยเสียงใสๆที่เรียกกันอย่างอารมณ์ดีทำฉันต้องรีบพลิกตัวหนีพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ
"พี่นทจะไปก็ไปเถอะ แอปปวดหัว ไม่สบาย จะนอน!!" ฉันตะโกนไล่เธอเสียงดัง มันอาจจะดูแย่ที่อารมณ์เสียแล้วพาลคนนู้นคนนี้ไปทั่ว แต่ขืนเธอเข้ามาใกล้กว่านี้เธอก็รู้สิว่าฉันกำลังร้องไห้อยู่น่ะ
"เอ่อ.. ขอโทษๆ.. งั้นอยู่คนเดียวได้มั้ย ให้พี่เอายามาให้รึเปล่า" พี่นทพูดเสียงอ่อย ฉันโบกมือไปมาเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงปิดประตูห้องเบาๆ
ฉันพลิกตัวกลับมาตามเดิม ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยล้า ไว้ค่อยขอโทษเธอทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วจริงๆ
.
.
เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงแต่ฉันก็ยังข่มตาหลับไม่ลง พอเวลารู้สึกแย่มันก็เหมือนจะมีเรื่องราวแย่ๆถูกขุดขึ้นมาคิดจนรกสมองไปหมด ฉันแหงนมองนาฬิกาที่หัวเตียงหลายรอบอย่างอารมณ์เสีย จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูอย่างระมัดระวังดังขึ้นเบาๆอีกครั้ง ฉันถึงได้ชะโงกหน้าขึ้นไปดู
"ขอโทษนะ แต่พี่เห็นว่าแอปยังไม่ได้กินอะไรเลย แล้วก็ไม่สบายด้วยก็เลยคิดว่า.." พี่นทเดินเข้ามาหากันช้าๆ ในมือถือถ้วยใบใหญ่ส่งกลิ่นหอมอวบอวน ซึ่งฉันคิดว่าถ้าไม่ใช่โจ๊กก็คงจะเป็นข้าวต้มอะไรสักอย่างนี่แหละ
"แล้วพี่นทไม่ไปเที่ยวแล้วหรอคะ" ฉันพูดแทรกเธอขึ้นมาเบาๆ ก็เมื่อกี้เธอบอกว่าจะไปข้างนอกนี่นา เบี้ยวนัดแบบนี้เดี๋ยวสาวเจ้าก็บ่นอีกหรอก
"พี่เพิ่งโทรไปยกเลิกเมื่อกี้เอง ความจริงเรียนหมอมันก็มีข้ออ้างให้ใช้เยอะแบบนี้แหละ แต่ช่างเหอะ พี่กลัวแอปจะแย่ ก็เลยไปต้มข้าวต้มมาให้ พี่ทำอาหารอร่อยนะจะบอกให้ กินนะ จะได้กินยา" พี่นทพูดพลางหัวเราะเบาๆ ถึงเหตุผลที่เธอหยิบยกมาพูดในตอนแรกจะทำให้หมั่นไส้นิดหน่อย แต่เพราะสายตาอ่อนโยน กับรอยยิ้มบางๆบนใบหน้ามันทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนต้องระบายยิ้มตามเธอ
จะว่าไป เธอก็เหมาะจะเป็นคุณหมออยู่เหมือนกัน..
"ถ้าสาวๆรู้ต้องอิจฉาแอปแน่ๆ ปกติพี่ไม่ทำให้ใครขนาดนี้หรอกนะ" พี่นทประคองตัวฉันขึ้นนั่งเบาๆ ก่อนจะเป่าลมผ่านช้อนเพื่อลดความร้อนของข้าวต้ม แล้วป้อนให้กันอย่างใจเย็น
ก็อย่างที่รู้ จริงๆฉันก็ไม่ได้ไม่สบายตรงไหน แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมพอเห็นรอยยิ้มแบบนั้นแล้วฉันก็นึกอยากจะป่วยแล้วออดอ้อนเธอขึ้นมาซะเฉยๆ
"ปวดหัวใช่มั้ย คราวนี้ก็กินยาได้แล้ว อืม.. จริงๆมันก็ไม่ใช่ยาหลังอาหารหรอกนะ แต่พี่แค่อยากให้แอปกินข้าวบ้าง" เธอยิ้มหวาน ยื่นแก้วใสขนาดเล็กที่มีเม็ดยานอนในนั้นอยู่สองเม็ดให้กันทันทีหลังจากที่ฉันกินข้าวเสร็จ
"เอ่อ.. แอปไม่ค่อยปวดแล้ว ขอบคุณนะคะ" ฉันก้มหน้าตอบเธอเบาๆ ก็จะให้กินได้ไง ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนี่นา
"อ้าวหรอ ไม่ปวดแล้วจริงอะ ไม่ใช่ไม่ชอบกินยานะหนูน้อย" พี่นทก้มตัวลงต่ำ แล้วช้อนตามองฉันอย่างเป็นห่วงเป็นใย เอิ่ม.. ไม่ใช่ ฉันว่าเธอตั้งใจจะกวนฉันอยู่ด้วยนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังต้องหลุดยิ้มออกมาอยู่ดี ก็ดูทำหน้าเข้าสิ.. น่ารักดีจัง..
"จริงสิ แอปจะโกหกพี่นททำไม กะอีแค่กินยาแค่นี้แอปไม่กลัวหรอก อีกอย่างแอปก็ไม่ใช่หนูน้อยด้วย!" ฉันเบ้ปากใส่เธอ ความจริงถึงฉันจะเป็นรุ่นน้อง แต่ก็อายุน้อยกว่ากันแค่ไม่กี่ปี แล้วเธอก็ยังหน้าเด็ก และตัวเล็กกว่าฉันตั้งเยอะ ยังจะมาเรียกกันว่าหนูน้อยอีก!
"โอเคๆ หนูไม่น้อยแล้วก็ได้ หนูเยอะใช้ได้เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ" พี่นทพูดพลางระเบิดหัวเราะเสียงดัง ใจความในประโยคทำฉันต้องถลึงตามองเธอทันที นี่หาว่าฉันเยอะรึไง! เหอะ.. ฉันขอดึงความคิดที่ว่าเธอน่ารักกลับไปทิ้งให้หมดเลยนะคะ โอ้ยย นอกจากจะเจ้าชู้ กะล่อน แล้วยังกวนจริงๆเลย คนอะไรก็ไม่รู้
"ขอโทษๆ ปากไวไปหน่อย ไม่กินแล้วก็ได้ พี่วางไว้ตรงนี้แล้วกัน ถ้าปวดมากๆก็กินได้นะ เป็นยาแก้ปวดไว้กินเวลามีอาการ" เธอกลั้นหัวเราะ ก่อนจะกลับมาส่งยิ้มหวานละมุนให้กันอีกครั้ง และมันก็เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นมาได้ง่ายๆซะอย่างนั้น
"เออะ.. ขอบคุณนะคะ" ฉันเอ่ยขอบคุณเบาๆ ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกเหมือนจะทำตัวไม่ถูกเวลาเธอส่งยิ้มแบบนั้นมาให้กันซะทุกที
"หลับตาสิแอปเปิ้ล" พี่นทวางแก้วลงกับโต๊ะ มองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ยอมรับว่าคำพูดแบบนั้นมันทำให้ฉันหวาดระแวงเธออยู่นิดหน่อย ก็รู้อยู่ว่าเธอเป็นเสือผู้หญิง แต่ก็เพราะอีรอยยิ้มของเธออีกนั่นแหละที่ทำให้ฉันต้องยอมทำตามอย่างที่เธอว่า .. ไม่เป็นไรหรอกมั้ง.. เครื่องช็อตไฟฟ้าก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง ถ้าเธอเกิดเล่นไม่ซื่อ แม่จะจับช็อตซะให้เข็ด!
ฉันค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วอุ่นๆที่วางลงใต้หัวคิ้วทั้งสองข้าง กดรีดไปจนถึงหางคิ้ว แล้วหยุดคลึงอยู่ที่ขมับ หมุนวนเป็นวงกลมเล็กๆ และกดเน้นน้ำหนักค้างไว้แบบนั้นจนรู้สึกผ่อนคลาย
"ไม่ค่อยปวดแสดงว่ายังปวดอยู่.. ไม่อยากกินยาไม่เป็นไร แต่พี่นวดให้แล้วดีขึ้นมั้ย" ฉันเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้รอยยิ้มหวานๆกับใบหน้าของเธออยู่ใกล้ฉันแค่คืบ ใกล้จนกลัวว่าเธอจะได้ยินเสียงหัวใจที่เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆอย่างควบคุมไม่อยู่ มันเหมือนเลือดลมปั่นป่วนไปหมด ใบหน้าร้อนผะผ่าวราวกับจะเป็นไข้ขึ้นมาจริงๆ
ฉันรีบเบี่ยงหน้าออกมาทันที ยกสองมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง ก่อนจะปิดตาลงแน่นอีกครั้ง แล้วสะบัดหน้าไล่ความรู้สึกแปลกๆที่เริ่มก่อกวนหัวใจกันตอนนี้ออกไป
ถึงฉันจะไม่ได้ช่ำชองเชี่ยวชาญในเรื่องความรัก แต่ก็ไม่ได้ไม่ประสีประสาถึงขนาดไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของฉันบ้าง..
แต่เออะ.. ไม่ๆ เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่แบบนี้สิ.. บางทีแกอาจจะพลาดไปก็ได้แอปเปิ้ล!
"แอปเป็นอะไรรึเปล่า" เสียงใสเรียกกันอีกครั้ง ทำให้ฉันต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ และนั่นก็ยิ่งทำให้ฉันหน้าแดงหนักขึ้นกว่าเดิมเมื่อเธอยื่นหน้าเข้ามาหากันมากกว่าเมื่อกี้เสียอีก!
"หน้าแดงจัง ไข้ขึ้นป่ะเนี่ย พี่ว่าแอปกินยาดีกว่านะ" ฉันนั่งตัวแข็งทื่ออย่างคนทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้คนตรงหน้ายื่นมือมาแตะที่หน้าผากกันเบาๆแบบนั้นโดยไม่คิดจะขัดขืน
"ตัวร้อนๆนิดหน่อยด้วยแฮะ กินยานะแอปเปิ้ล"
"เอ่อ.. ไม่เป็นไร พี่นทไปเถอะ แอปไม่เป็นไรจริงๆ นอนแล้วนะคะ" ฉันพูดเร็วๆก่อนจะทิ้งตัวลงนอน พลิกตัวออกจากพี่นท แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิดร่าง รู้สึกได้ถึงแรงสะกิดเบาๆและคำถามว่าไม่เป็นไรแน่นะสองสามที ก่อนที่เธอจะปิดประตูออกจากห้องไปในที่สุด
ฉันลดระดับผ้าห่มที่ปิดหน้าลงมาอีกครั้ง กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ แล้วอยู่ๆคำพูดของยัยแนทที่ฉันเกือบจะลืมมันไปแล้วก็ลอยกลับมาในมโนสำนึกของฉันอีกครั้ง
.
.
"...ลองใครได้อยู่ใกล้ๆพี่เค้าก็ต้องหลงเสน่ห์กันทั้งนั้นแหละ..."
/////////////////////////
พาร์ทนี้คงได้เห็นความเอาแต่ใจแบบน่ารักๆของคุณหนูแอปมากขึ้นนิดนึง
ปล. แหม จริงๆนางเอกเราหลงเสือมานานแล้วนะเนี่ย ระวังโดนปักป้ายรอบมหาลัยนะ 5555
ปล2 มันเกิดการเกี่ยวพันระหว่างเพื่อนพี่นท กับคนที่เข้ามาจีบน้องแอปซะอย่างนั้น ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่นึกชื่ออื่นไม่ออก เอาเป็นว่าเราข้ามเรื่องนี้ไปแล้วกัน 555555
ไม่มีเหตุผล คนจะรักก็รักง่ายดาย
อยากจะหักห้ามก็คงไม่ไหว..
มองตากันเพียงเล็กน้อย ใจฉันก็ลอยล่องไป
;)
อยากจะหักห้ามก็คงไม่ไหว..
มองตากันเพียงเล็กน้อย ใจฉันก็ลอยล่องไป
;)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น