ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2
ฉันมองดูตารางงานแน่นเอี๊ยดในมือแล้วแทบจะอยากบินกลับไปอิตาลีซะตอนนี้เลย.. ให้ตายสิ! นี่ยัยซิลกะจะไม่ให้ฉันได้นอนหลับพักผ่อนเลยใช่มั้ยเนี่ย!
แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่ ก็พอฉันได้อ่านรายละเอียดของงานแต่ละงาน มันยิ่งทำให้ฉันอยากจะจับยัยผู้จัดการตัวดีที่นั่งจมอยู่ในโซฟาตรงข้ามกันตรงนี้ต้มกินซะให้รู้แล้วรู้รอด ไหนใครที่เดือดร้อนนักหนาตอนที่ฉันเป็นข่าวกับพี่แอมป์ ใครกันที่คะยั้นคะยอให้ฉันออกไปแก้ข่าวให้ได้ ไม่ใช่ยัยหมูที่นั่งไม่ทุกข์ไม่ร้อนอยู่ตรงนี้รึไง!
"ไหนแกบอกไม่ชอบที่พี่เป็นข่าวกับพี่แอมป์หน้าเต้าหู้นั่น แล้วทำไมถึงให้พี่รับงานคู่กับเขาเยอะขนาดนี้! หมายความว่าไงยัยซิล!" ฉันเอ่ยถามซิลวี่อย่างหัวเสีย นึกอยากจะขว้างแฟ้มงานตรงนี้ทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด ถึงฉันจะไม่ปฏิเสธว่าพี่แอมป์เป็นรุ่นพี่ที่น่าคบคนนึงในวงการ แต่ฉันก็เบื่อที่จะต้องมาคอยตอบคำถามสื่อที่วันๆไม่มีอะไรจะทำ จ้องแต่จะจับคู่ให้คนโน้นทีคนนี้ที ไม่มีมูลก็ปั้นกันได้เป็นเรื่องเป็นราว.. แค่คิดก็อยากจะบ้าตาย!
"ซิลก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่ทางผู้ใหญ่เค้าอยากจะให้พี่ช่วยดันพี่แอมป์ พี่นทก็รู้ว่าช่วงที่พี่แอมป์หายไปเรียนต่อ งานน้อยลงขนาดไหน เปิดตัวใหม่อีกทีก็ไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่คิด ทางค่ายคงอยากจะใช้ข่าวระหว่างพี่กับพี่แอมป์ให้เป็นประโยชน์.."
"เห็นฉันเป็นตัวอะไร! เรื่องอะไรฉันต้องไปเดินตามเกมส์ที่ใครวางไว้ด้วย" ฉันพูด ก่อนจะสบถขึ้นมาอย่างสุดจะทน
"พี่นท.. ใจเย็นๆสิ ซิลก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่พี่ก็รู้ดีว่าวงการนี้มันเป็นยังไง ถ้าเราไม่ผ่อนตาม ไม่เคารพการตัดสินใจของทางผู้ใหญ่ต้นสังกัด เราเองก็จะอยู่ไม่ได้เหมือนกัน" ซิลวี่พยายามบอกฉันอย่างใจเย็น.. ฉันก็พอจะเข้าใจในแผนการตลาดของทางค่ายดี แต่ฉันก็แค่อยากให้พวกเขาเคารพในการตัดสินใจของฉันบ้าง.. ลำพังแค่ฉันคนเดียว ถ้าเพียงแค่เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวพันกับคนอื่น ฉันก็จะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่นี่มีซิลวี่พ่วงมาด้วยอีกคน ถ้าขืนฉันเอาแต่ใจตัวเองในเรื่องนี้ ซิลวี่ก็คงจะพลอยซวยไปด้วย
"เอาเหอะ.. ยังไงก็ดีกว่าต้องทำงานกับนายตูมตามสินะ" ฉันปลอบใจตัวเอง ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ ซิลวี่เองก็รับงานมาแล้ว.. อย่างน้อยๆทำงานกับพี่แอมป์ก็ยังสบายใจกว่าทำงานกับพ่อพระเอกมือไว ปลาไหลเรียกพ่ออย่างนายตูมตามนั่นเยอะเลย
"เอ่อ... พี่นท.. ซิลมีอีกเรื่องจะสารภาพ.."
"อะไร?" ฉันขมวดคิ้วถามเธอคนที่นั่งหงอยราวกับเด็กน้อยสำนึกผิด
"คือว่า... mv ตัวใหม่ของพี่น่ะ เขาวางตัวให้พี่ตามมาเล่นเป็นพระเอก.."
"อะไรนะ?!?!"
.
.
.
"กลับมาแล้วหรอคะ" ฉันขับรถกลับคอนโดตอนเกือบๆห้าทุ่ม ทั้งเหนื่อย ทั้งเซ็งแทบตาย แต่พอเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับเสียงหวานๆที่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มจางๆที่ส่งมาทักทายกัน ทำเอาอารมณ์มืดๆมัวๆของฉันหายไปจนหมด ราวกับมีใครเปิดสวิตช์ไฟให้สว่างจ้าขึ้นมาอย่างนั้นแหละ มันรู้สึกอิ่มเอมแปลกๆ..
สงสัยฉันคงใกล้จะบ้าเต็มที ช่วงนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆง่ายเหลือเกิน.. หรือฉันจะทำงานมากไปจนเพี้ยนวะเนี่ย
"ก็เห็นอยู่ว่ากลับมาแล้ว จะถามทำไม หรือว่าตาบอด" ฉันตอบยัยแม่บ้านหน้าสวยคนนี้เบาๆ ทำเอาเธองอนตุ๊บป่องในคำตอบที่แสนจะกวนประสาทของฉัน แต่ทำไงได้ ก็ฉันเป็นคนแบบนี้.. บางทีปากฉันมันก็ไปไวกว่าความคิด.. อืมมม พอเห็นเธองอนแล้วก็อยากเข้าไปง้อเหมือนกันแฮะ..
เฮ้ย! เป็นบ้าอะไรเนี่ย! แกเคยคิดจะง้อใครที่ไหนกันยัยนท กะอีแค่แม่บ้านจำเป็น ทำไมต้องไปใส่ใจด้วย!!
.
.
.
"นี่คุณจะเอายังไงกับฉันเนี่ย" ยัยเปิ่นถามฉันทันทีที่กลับขึ้นมาบนห้อง หลังจากที่ฉันเป็นคนลากกระเป๋าใบโตของเธอขึ้นมา
ไม่รู้ทำไมนะคะ อยู่ๆก็รู้สึกฉุนกึกขึ้นมาตอนเห็นนายหน้าจืดนั่นจับมือ ส่งยิ้มหวานให้ยัยเปิ่นนี่.. สงสัยจะไม่ถูกชะตา..
"ฉันจะจ้างเธอทำงาน เป็นคนบากหน้ามาหาฉันเองถึงที่ ยังจะสงสัยอะไรอีก"
"แล้วต้องลากกระเป๋าฉันขึ้นมาแบบนี้ด้วยรึไง.. บอกฉันดีๆก็ได้" เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นยัยเด็กจอมเปิ่นคนนี้มีปากมีเสียงขึ้นมาบ้าง อย่างนี้สิ ค่อยพอสมน้ำสมเนื้อกับฉันหน่อย
"ก็ฉันจะให้เธออยู่กับฉันที่นี่" ฉันยืนกอดอกตอบคำถามเธอ.. ทั้งๆที่เป็นคนขี้รำคาญ ทั้งๆที่เป็นคนรักอิสระ ทั้งๆที่โลกส่วนตัวของฉันมันสูงเฉียดฟ้า.. แต่แค่ฉันเห็นแววตาของยัยนี่ตอนที่เธอเอ่ยปากของานจากฉันอย่างตะกุกตะกัก ฉันก็พอจะรู้ว่าเธอลำบากใจแค่ไหนที่ต้องมาขอร้องฉันถึงที่นี่ ฉันไม่รู้ว่าเธอมีปัญหาอะไร แต่ฉันปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันอยากช่วยเธอ..
ยิ่งพอฉันได้เห็นจำนวนเงินในกระเป๋าสตางค์เก่าๆใบนั้น กับกระเป๋าเดินทางข้างๆกาย มันยิ่งย้ำชัดว่าเธอจะต้องมีปัญหาแน่ๆ อาจจะกำลังหาที่อยู่ใหม่.. แต่ให้ตายเถอะ แค่เงินหกสิบเจ็ดบาทจะไปนอนที่ไหนได้... เอิ่ม.. ถ้าไม่ใช่บ้านนายหน้าจืดนั่นอะนะ ..
"คุณไม่คิดจะถามฉันสักคำหรอคะคุณนท"
"ไม่ต้องถาม ฉันรู้ว่าเธอเองก็ไม่มีที่ไป.. หรือว่าไม่จริง?" คำพูดที่แสนจะตรงไปตรงมาของฉันคงจะไปแทงใจดำของเธอเข้า ถึงได้ยืนหน้าจ๋อยพร้อมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ดูสงบเสงี่ยมลงทันตาเห็น
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่ได้ใจร้ายขนาดจะให้เธอนอนพื้นแน่ๆ" ฉันพูดพลางลากกระเป๋าใบโตของเธอไปยังห้องนอนที่ว่างอยู่อีกห้อง จะว่าไปห้องนี้ฉันแทบไม่เคยจะได้เหยียบเข้ามาสักเท่าไหร่ ให้ยัยเปิ่นนี่อยู่ก็คงไม่เป็นไร
ฉันเห็นเธอมีท่าทีอ้ำๆอึ้งๆ เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดสักที ถ้าให้เดา ฉันคิดว่ายัยเปิ่นนี่คงกำลังเกรงใจฉัน ก็อย่างว่า ห้องนี้น่ะ ถ้าเทียบกับห้องในหอพักเก่าๆของเธอที่ฉันเคยไปส่ง มันคงจะดีกว่ากันเยอะโข เรียกว่าเทียบกันไม่ติดก็คงจะได้
"ฉันก็ไม่ได้อะไรหรอก แค่สงสาร กลัวคนแถวนี้จะหาที่ซุกหัวนอนไม่ได้ มีเงินอยู่แค่นั้น อย่าทำเป็นเก่งนักเลยน่า" ฉันลากกระเป๋าของเธอเข้าไปในห้องนั้นทันที.. ขืนปล่อยยัยนี่กลับไป ที่นอนคืนนี้ของเธอคงหนีไม่พ้นบ้านนายหน้าจืดนั้นแน่ๆ รู้สึกไม่ชอบขี้หน้านายนั่นเลยจริงๆ ให้ตายสิ! สงสัยจะเป็นไฟลัมเดียวกับนายตูมตาม หึ มองยัยเปิ่นนี่ซะระยิบระยับเป็นดาวล้านดวงเชียว! หมั่นไส้โว้ยยยยย!!
"แล้ว.. คุณจะให้ฉันทำงานอะไรล่ะคะ" เธอถามขึ้นหลังจากที่ปล่อยเงียบมาสักพัก.. แต่นั่นสิ ลืมนึกไปเลย ฉันมีงานให้ยัยนี่ทำซะที่ไหนกันเล่า!
"เอ่อ.. อ้อ แม่บ้านไง ฉันให้เธอเป็นคนดูแลที่นี่แล้วกัน" ฉันอ้ำๆอึ้งๆอยู่พักใหญ่ก่อนจะคิดตำแหน่งงานใหม่ขึ้นมาสดๆร้อนๆ ถึงจะแอบรู้สึกว่าตำแหน่งมันดูไม่เหมาะสมเอาเสียเลยกับวุฒิการศึกษาของเธอ.. แต่ทำไงได้ คุณคิดตำแหน่งงานอื่นที่ดีกว่านี้ได้มั้ยล่ะ?
"นี่คุณ! ฉันไม่ได้จบนิเทศฯมาเพื่อมาเป็นคนรับใช้ใครนะ" เธอพูดอย่างมีอารมณ์นิดหน่อย ก่อนจะพาตัวมาจับกระเป๋าเดินทางแล้วพยายามจะลากมันออกไปจากห้อง
"อย่าอวดเก่งเลย คนอย่างเธอไม่มีทางเลือกนักหรอก!" ฉันขึ้นเสียงดัง แต่พอพูดจบก็อยากตบปากตัวเองแรงๆสักที เอิ่ม.. มันแรงไปรึปล่าวเนี่ย.. แต่ช่างเถอะ เพราะมันก็ทำให้เธอหยุดจังหวะการก้าวเดินนั้นในทันที
"เอาเป็นว่า.. ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกว่ามีอะไรที่คนเปิ่นๆอย่างเธอพอจะช่วยฉันได้บ้าง.. ตอนนี้เธอก็อยู่ที่นี่ คอยดูแลห้องให้ฉันไปก่อน เมื่อไหร่ที่ฉันคิดออก ฉันจะเปลี่ยนงานให้เธอแล้วกัน"
.
.
ทั้งๆที่ฉันไม่เคยแคร์ใคร แต่ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงต้องมาสนใจ ใส่ใจยัยเปิ่นนี่ขนาดนี้.. ฉันก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน..
.
.
.
"แผลที่เท้าหายดีรึยังคะ" ยัยเปิ่นอิษฎ์อาณิกเดินเข้ามาหาฉัน ก่อนจะก้มตัวลงไปนั่งมองแผลที่เธอฝากไว้ให้ฉันเมื่อไม่กี่วันก่อน.. เธอแกะผ้าก๊อซที่ปิดไว้อย่างระมัดระวังก่อนจะเผยยิ้มออกมาอย่างพอใจ
"จะหายแล้วนี่นา ดีจัง" เธอหันมายิ้มกว้างให้ฉัน …
อีกแล้ว... เห็นรอยยิ้มของยัยนี่ทีไร หัวใจฉันมันก็เต้นผิดจังหวะทุกที ฉันนึกว่ามันหายดีแล้วซะอีก ผ่านไปตั้งหนึ่งปี แต่พอมาเจอหน้ากันอีกที ฉันก็กลับมาเป็นแบบเดิมอีกจนได้ ที่สำคัญ เดี๋ยวนี้อาการแปลกๆของฉันชักจะกำเริบบ่อยขึ้นเรื่อยๆ.. เอ๊ะ หรือเราจะเป็นโรคหัวใจ?
สงสัยว่างๆต้องไปปรึกษาไอ้พี่หมอริทดูสักที..
"หายที่ไหน ยังเจ็บอยู่เลย" ฉันโกหก.. ก็แค่.. อยากให้ยัยเปิ่นนี่รับผิดชอบนานๆหน่อย..
"หืมมม จริงหรอคะ แต่ฉันว่า.."
"ฉันบอกว่าเจ็บก็เจ็บสิ หนังสือเธอเล่มใหญ่ขนาดนั้น นี่สงสัยมันจะอักเสบนะเนี่ย เจ็บมากเลยเนี่ย วันนี้เดินไม่ค่อยได้ด้วย" ฉันสำออยเกินจริงไปซะหลายเท่าตัว.. หึ รับผิดชอบมาซะดีๆยัยเปิ่น
"เว่อร์ไปป่ะ ฉันเห็นคุณก็เดินอยู่ได้ทั้งวันจนกระทั่งฉันมาดูมันนี่แหละ" เออะ ยัยเปิ่นนี่ชักจะกล้าต่อปากต่อคำกับฉันมากขึ้นทุกวันๆแล้วนะ
"ก็มันเจ็บสะสมไง ไม่โดนไม่รู้หรอก! ทำหนังสือตกใส่ฉันแล้วจะไม่รับผิดชอบรึไง!!" เหอะ.. เจ็บสะสม พูดออกมาได้ไงวะ..
"เอาเป็นว่าฉันขอโทษจริงๆ แต่แค่แผลถลอก กับแผลฉีกขาดนิดหน่อย ฉันไม่คิดว่ามันจะเจ็บอะไรขนาดนั้น.. อีกอย่่างแผลคุณก็ดูดี ไม่เห็นจะมีบวม รอยแดง แผลก็ไม่ได้ร้อน ไม่เห็นจะเหมือนแผลอักเสบตรงไหน ที่สำคัญฉันก็เป็นคนล้างแผลปิดแผลดูแผลให้คุณเกือบทุกวัน สะอาดขนาดนี้คงไม่ติดเชื้อให้แผลมันอักเสบได้หรอกมั้งคะ" ยัยเปิ่นมองดูแผลที่เท้าของฉัน ก่อนจะร่ายยาวเป็นชุด.. เอ่อ.. เหมือนฉันจะประเมินความรู้ความสามารถของยัยนี่ผิดไปหน่อย
"ไม่รู้แหละ!!" ฉันทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างคนหัวเสีย.. ในเมื่อไม่รู้จะไปต่อยังไง ก็แกล้งฉุนมันแบบนี้เลยล่ะกัน
"แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ แผลก็แทบจะไม่มีแล้วเนี่ย"
"อืมมมม งั้นช่วยหยิบหนังสือตรงนู้นให้หน่อยสิ ฉันอยากได้หนังสืออ่านก่อนนอนสักเล่ม แต่เดินไม่ไหว" ฉันชี้นิ้วไปที่กองนิตยสารกองโตบนโต๊ะ ไม่รู้หรอกว่ามันมีอะไรบ้าง.. ก็ฉันไม่ได้อยากอ่าน แค่..อยากแกล้งยัยนี่เล่นๆ
ยัยเปิ่นแอบเบี่ยงหน้าหนีไปเบ้ปากหนึ่งที แต่เผอิญว่าไม่รอดพ้นสายตาของฉัน แต่ช่างเถอะ เพราะจริงๆฉันก็ชอบมองเธอทำท่าทีหมั่นไส้ ขัดใจฉันอยู่เหมือนกัน มันตลกดีนะ..
"จะเอาเล่มไหนคะคุณผู้หญิง" เธอพูดประชดประชันกันหลังเดินไปหยุดอยู่หน้ากองนิตยสารมากมายตามที่ฉันสั่ง
"เลือกๆมาเหอะ สักเล่ม" ฉันตะโกนสั่งเธอ.. เห็นเธอเลือกอยู่สักพัก ก่อนจะหยิบนิตยสารบันเทิงที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นมาให้ฉันเล่มนึง
"ฉันไม่อ่านเล่มนี้ ไปเลือกมาใหม่" ...'ไม่อ่านแล้วซื้อมาตั้งบูชารึไงยะ'.. นั่นคือเสียงเบาๆที่หลุดออกมาจากปากของเธอ.. ฉันว่าเธอคงไม่อยากให้ฉันได้ยินเท่าไหร่.. แต่แปลกที่ฉันได้ยินแล้วไม่รู้สึกฉุน กลับรู้สึกว่ามันน่ารักดีซะอีก
"เล่มนี้ฉันอ่านจบแล้ว" ฉันพูดเสียงเรียบหลังจากเหลือบตามองนิตยสารเล่มใหม่ที่เธอเพิ่งไปหยิบมาให้.. ความจริงฉันยังไม่ได้อ่านหรอกนะเล่มนั้นน่ะ.. พอเห็นยัยอิษฎ์อาณิกถลึงตาแบบเคืองๆ ฉันก็หลุดยิ้มออกมาหนึ่งที แทบจะหุบยิ้มไม่ทันกันเลยทีเดียว
เธอเดินไปเดินมาอยู่หลายเที่ยว จนกระทั่งครั้งสุดท้าย ที่เธอโกยหนังสือทุกเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาโอบไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะเดินมาเทลงข้างๆกายของฉันทั้งหมด
"เลือกเองแล้วกันนะคะเจ้านายยยยย" เธอทิ้งหางเสียงยานๆเพื่อประชดฉัน ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปยังห้องนอนของเธอ
"เดี๋ยวสิยัยเปิ่น! ฉันยังไม่บอกให้เธอไปเลย!!" ฉันเรียกเธอเสียงดัง พลางดันกองหนังสือที่เธอเพิ่งจะวางไว้บนโซฟาตัวเดียวกับที่ฉันนั่งจนหล่นลงพื้น แล้วสั่งให้เธอมานั่งในตำแหน่งนั้นแทน เห็นยัยเปิ่นมองดูการกระทำของฉันอย่างสุดจะเคือง ก่อนจะหันหน้ามามองฉันนิ่งๆ..
'ไม่อ่านแล้วให้ฉันเดินไปเดินมาทำไมตั้งหลายรอบยะ'.. นี่คือสิ่งที่ฉันอ่านได้จากสีหน้าและแววตาของเธอตอนนี้
.
.
"เธอชื่ออะไร" ฉันถามเธอที่นั่งอยู่ข้างๆกัน ก็อยู่ด้วยกันตั้งหลายวันแล้วฉันยังไม่เคยถามชื่อเล่นของเธอสักครั้ง ถึงฉันจะเคยได้ยินนายหน้าจืดนั่นเรียกเธอว่าแอปเปิ้ล แต่ฉันก็อยากได้ยินเธอบอกฉันเองมากกว่า
"อิษฎ์อาณิก.. คุณก็รู้อยู่แล้วนี่" เธอบอกทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้าฉัน คงยังไม่หายอารมณ์บูดที่รู้ว่าฉันแกล้งเธอเมื่อกี้
"ฉันหมายถึงชื่อเล่น"
"แอปเปิ้ล.." เธอตอบฉันเบาๆ
"หืมมม อะไรนะ แอปเปิ่นหรอ?" ฉันยิ้มถามคนที่ไม่ยอมหันมามองกันสักที.. ก็แน่ล่ะ ถ้าเธอมองฉันอยู่ ฉันคงไม่ยิ้มให้เธอแบบนี้แน่ๆ... แต่ยังไงฉันก็ยังอยากเห็นหน้ายัยนี่มากกว่าเห็นผมยาวๆของเธออยู่ดี..
"แอปเปิ้ลย่ะ ฉันชื่อแอปเปิ้ล" ได้ผล! เธอหันหน้าขวับมามองฉันทันที ฮ่าๆๆ ยัยนี่ขึ้นง่ายชะมัด
"ฉันชื่อนท ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะแอปเปิ่น เอ้ย แอปเปิ้ล" ฉันยื่นมือให้เธอจับแต่เธออ้ำๆอึ้งๆไม่ยอมจับ ฉันก็เลยไปดึงมือเธอมาจับซะเอง แต่ทันทีที่ฉันสัมผัสมือยัยนี่ ฉันก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งปรู๊ดจากปลายนิ้วต่อมายังก้อนเนื้อที่หน้าอกด้านซ้ายของฉันทันที หัวใจของฉันมันเต้นแรงจนฉันต้องรีบชักมือออกมาจากเธอเพื่อไม่ให้อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นมันมากไปกว่านี้
เอ๊ะ หรือฉันควรไปหาไอ้พี่หมอริทวันพรุ่งนี้เลยนะ..?
กริ๊งงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงง! เสียงน่ารำคาญดังทำลายความเงียบขึ้นมา ก่อนที่คนที่นั่งอยู่ข้างๆฉันจะลุกขึ้นไปคุยโทรศัพท์ในบริเวณที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากฉันมากนัก
'ค่ะ พี่เนส' เธอตอบปลายสายเสียงหวานหยด.. หรือจะคิดไปเองว่าหวาน ไม่หรอก.. เออะ แล้วจะยิ้มทำไม โทรศัพท์นะ ไม่ใช่วีดีโอคอล!!!!
'อื้ม แอปยังไม่นอน แล้วพี่เนสล่ะคะ โทรมามีอะไรรึ..' ฉันไม่รอให้ยัยเปิ่นได้คุยจบ รีบเดินไปดึงโทรศัพท์ออกจากมือเธอ ก่อนจะพามันมาแนบหูของฉันแทน ไม่สนใจเธอที่ยืนอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆในการกระทำอันไร้เหตุผลของฉันในตอนนี้
'ก็พี่เนสคิดถึงแอปเปิ้ล.. แอปเป็นไงบ้าง' เสียงนายหน้าจืดจริงๆด้วย!!!! หึ แค่ชื่อก็เสี่ยวแล้ว นายเนสกาแฟ กลับไปตามหาคอฟฟี่เมทที่อื่นไป๊!!!
'แอปเปิ้ลอยู่กับฉัน สบายดีมากกกกก ไม่ต้องเป็นห่วง! แล้วก็ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายไม่ต้องโทรมาแล้วนะ!!!' ฉันตอบยาวๆ ท้ายประโยคขึ้นเสียงดัง ก่อนจะกดวางโทรศัพท์ทิ้งทันที
"อะไรของคุณเนี่ย!!!" เธอถามฉันเสียงดังทันทีที่ฉันวางสาย พยายามเอื้อมมือมาแย่งโทรศัพท์คืนจากฉัน แต่ฉันก็ใส่มันลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองเสียก่อน
"เธอคุยโทรศัพท์ในเวลางาน" ฉันพูดเสียงเรียบ จริงๆฉันก็ไม่คิดจะห้ามหรอกถ้าเธอจะคุยโทรศัพท์หรือจะทำอะไร แต่กับนายนี่น่ะยกเว้น!
"นี่มันห้าทุ่มแล้วนะคุณนท อีกอย่างมันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล"
"แต่มันรบกวนฉัน!" เธอทำตาโตใส่ฉันทันทีที่ฉันพูดจบประโยค นี่ถ้าเธอตะโกนด่าฉันว่า'ไอ้คนเอาแต่ใจ ไร้เหตุผล'ได้ เธอคงจะทำไปแล้วแน่ๆ
"ไปนอนได้แล้ว!! ส่วนไอ้โทรศัพท์เครื่องนี้..ฉันขอ" ฉันพูดพลางเดินไปเปิดประตูเข้าห้องนอนของตัวเอง.. สงสัยพรุ่งนี้ฉันต้องหาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ซิมใหม่ เบอร์ใหม่ให้ยัยเปิ่นนี่สักเครื่องจะได้เลิกติดต่อกับนายเนสอะไรนั่นซะที แต่หวังว่ายัยนี่คงไม่จำหมายเลขสิบตัวของนายหน้าจืดนั่นได้อีกนะ..
.
.
.
โอ้ยยยยยย ยัยเปิ่นเอ้ย! เธอกำลังทำให้ฉันเป็นบ้าเพราะเธอแท้ๆเลยยยย!!
/////////////////////////////////////
แอมป์นท ตามนท เนสแอป มุกแอป โอ้ยยยย เยอะว่ะ -"-
ป.ล. บทนี้ฝ่ามรสุมชีทมาอัพให้เบาๆ... ไปแระนะ :)
ป.ล.2 พี่นทผู้เก่งกาจทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องหัวใจ... เด็กน้อยเอ้ยยยยยยย อ่อนจริงๆ
ราวกับโดนมนต์แม่มดสะกดพลัน นาทีนั้น.. ฉันรักเธอทันใด ...
แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่ ก็พอฉันได้อ่านรายละเอียดของงานแต่ละงาน มันยิ่งทำให้ฉันอยากจะจับยัยผู้จัดการตัวดีที่นั่งจมอยู่ในโซฟาตรงข้ามกันตรงนี้ต้มกินซะให้รู้แล้วรู้รอด ไหนใครที่เดือดร้อนนักหนาตอนที่ฉันเป็นข่าวกับพี่แอมป์ ใครกันที่คะยั้นคะยอให้ฉันออกไปแก้ข่าวให้ได้ ไม่ใช่ยัยหมูที่นั่งไม่ทุกข์ไม่ร้อนอยู่ตรงนี้รึไง!
"ไหนแกบอกไม่ชอบที่พี่เป็นข่าวกับพี่แอมป์หน้าเต้าหู้นั่น แล้วทำไมถึงให้พี่รับงานคู่กับเขาเยอะขนาดนี้! หมายความว่าไงยัยซิล!" ฉันเอ่ยถามซิลวี่อย่างหัวเสีย นึกอยากจะขว้างแฟ้มงานตรงนี้ทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด ถึงฉันจะไม่ปฏิเสธว่าพี่แอมป์เป็นรุ่นพี่ที่น่าคบคนนึงในวงการ แต่ฉันก็เบื่อที่จะต้องมาคอยตอบคำถามสื่อที่วันๆไม่มีอะไรจะทำ จ้องแต่จะจับคู่ให้คนโน้นทีคนนี้ที ไม่มีมูลก็ปั้นกันได้เป็นเรื่องเป็นราว.. แค่คิดก็อยากจะบ้าตาย!
"ซิลก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่ทางผู้ใหญ่เค้าอยากจะให้พี่ช่วยดันพี่แอมป์ พี่นทก็รู้ว่าช่วงที่พี่แอมป์หายไปเรียนต่อ งานน้อยลงขนาดไหน เปิดตัวใหม่อีกทีก็ไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่คิด ทางค่ายคงอยากจะใช้ข่าวระหว่างพี่กับพี่แอมป์ให้เป็นประโยชน์.."
"เห็นฉันเป็นตัวอะไร! เรื่องอะไรฉันต้องไปเดินตามเกมส์ที่ใครวางไว้ด้วย" ฉันพูด ก่อนจะสบถขึ้นมาอย่างสุดจะทน
"พี่นท.. ใจเย็นๆสิ ซิลก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่พี่ก็รู้ดีว่าวงการนี้มันเป็นยังไง ถ้าเราไม่ผ่อนตาม ไม่เคารพการตัดสินใจของทางผู้ใหญ่ต้นสังกัด เราเองก็จะอยู่ไม่ได้เหมือนกัน" ซิลวี่พยายามบอกฉันอย่างใจเย็น.. ฉันก็พอจะเข้าใจในแผนการตลาดของทางค่ายดี แต่ฉันก็แค่อยากให้พวกเขาเคารพในการตัดสินใจของฉันบ้าง.. ลำพังแค่ฉันคนเดียว ถ้าเพียงแค่เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวพันกับคนอื่น ฉันก็จะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่นี่มีซิลวี่พ่วงมาด้วยอีกคน ถ้าขืนฉันเอาแต่ใจตัวเองในเรื่องนี้ ซิลวี่ก็คงจะพลอยซวยไปด้วย
"เอาเหอะ.. ยังไงก็ดีกว่าต้องทำงานกับนายตูมตามสินะ" ฉันปลอบใจตัวเอง ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ ซิลวี่เองก็รับงานมาแล้ว.. อย่างน้อยๆทำงานกับพี่แอมป์ก็ยังสบายใจกว่าทำงานกับพ่อพระเอกมือไว ปลาไหลเรียกพ่ออย่างนายตูมตามนั่นเยอะเลย
"เอ่อ... พี่นท.. ซิลมีอีกเรื่องจะสารภาพ.."
"อะไร?" ฉันขมวดคิ้วถามเธอคนที่นั่งหงอยราวกับเด็กน้อยสำนึกผิด
"คือว่า... mv ตัวใหม่ของพี่น่ะ เขาวางตัวให้พี่ตามมาเล่นเป็นพระเอก.."
"อะไรนะ?!?!"
.
.
.
"กลับมาแล้วหรอคะ" ฉันขับรถกลับคอนโดตอนเกือบๆห้าทุ่ม ทั้งเหนื่อย ทั้งเซ็งแทบตาย แต่พอเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับเสียงหวานๆที่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มจางๆที่ส่งมาทักทายกัน ทำเอาอารมณ์มืดๆมัวๆของฉันหายไปจนหมด ราวกับมีใครเปิดสวิตช์ไฟให้สว่างจ้าขึ้นมาอย่างนั้นแหละ มันรู้สึกอิ่มเอมแปลกๆ..
สงสัยฉันคงใกล้จะบ้าเต็มที ช่วงนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆง่ายเหลือเกิน.. หรือฉันจะทำงานมากไปจนเพี้ยนวะเนี่ย
"ก็เห็นอยู่ว่ากลับมาแล้ว จะถามทำไม หรือว่าตาบอด" ฉันตอบยัยแม่บ้านหน้าสวยคนนี้เบาๆ ทำเอาเธองอนตุ๊บป่องในคำตอบที่แสนจะกวนประสาทของฉัน แต่ทำไงได้ ก็ฉันเป็นคนแบบนี้.. บางทีปากฉันมันก็ไปไวกว่าความคิด.. อืมมม พอเห็นเธองอนแล้วก็อยากเข้าไปง้อเหมือนกันแฮะ..
เฮ้ย! เป็นบ้าอะไรเนี่ย! แกเคยคิดจะง้อใครที่ไหนกันยัยนท กะอีแค่แม่บ้านจำเป็น ทำไมต้องไปใส่ใจด้วย!!
.
.
.
"นี่คุณจะเอายังไงกับฉันเนี่ย" ยัยเปิ่นถามฉันทันทีที่กลับขึ้นมาบนห้อง หลังจากที่ฉันเป็นคนลากกระเป๋าใบโตของเธอขึ้นมา
ไม่รู้ทำไมนะคะ อยู่ๆก็รู้สึกฉุนกึกขึ้นมาตอนเห็นนายหน้าจืดนั่นจับมือ ส่งยิ้มหวานให้ยัยเปิ่นนี่.. สงสัยจะไม่ถูกชะตา..
"ฉันจะจ้างเธอทำงาน เป็นคนบากหน้ามาหาฉันเองถึงที่ ยังจะสงสัยอะไรอีก"
"แล้วต้องลากกระเป๋าฉันขึ้นมาแบบนี้ด้วยรึไง.. บอกฉันดีๆก็ได้" เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นยัยเด็กจอมเปิ่นคนนี้มีปากมีเสียงขึ้นมาบ้าง อย่างนี้สิ ค่อยพอสมน้ำสมเนื้อกับฉันหน่อย
"ก็ฉันจะให้เธออยู่กับฉันที่นี่" ฉันยืนกอดอกตอบคำถามเธอ.. ทั้งๆที่เป็นคนขี้รำคาญ ทั้งๆที่เป็นคนรักอิสระ ทั้งๆที่โลกส่วนตัวของฉันมันสูงเฉียดฟ้า.. แต่แค่ฉันเห็นแววตาของยัยนี่ตอนที่เธอเอ่ยปากของานจากฉันอย่างตะกุกตะกัก ฉันก็พอจะรู้ว่าเธอลำบากใจแค่ไหนที่ต้องมาขอร้องฉันถึงที่นี่ ฉันไม่รู้ว่าเธอมีปัญหาอะไร แต่ฉันปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันอยากช่วยเธอ..
ยิ่งพอฉันได้เห็นจำนวนเงินในกระเป๋าสตางค์เก่าๆใบนั้น กับกระเป๋าเดินทางข้างๆกาย มันยิ่งย้ำชัดว่าเธอจะต้องมีปัญหาแน่ๆ อาจจะกำลังหาที่อยู่ใหม่.. แต่ให้ตายเถอะ แค่เงินหกสิบเจ็ดบาทจะไปนอนที่ไหนได้... เอิ่ม.. ถ้าไม่ใช่บ้านนายหน้าจืดนั่นอะนะ ..
"คุณไม่คิดจะถามฉันสักคำหรอคะคุณนท"
"ไม่ต้องถาม ฉันรู้ว่าเธอเองก็ไม่มีที่ไป.. หรือว่าไม่จริง?" คำพูดที่แสนจะตรงไปตรงมาของฉันคงจะไปแทงใจดำของเธอเข้า ถึงได้ยืนหน้าจ๋อยพร้อมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ดูสงบเสงี่ยมลงทันตาเห็น
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่ได้ใจร้ายขนาดจะให้เธอนอนพื้นแน่ๆ" ฉันพูดพลางลากกระเป๋าใบโตของเธอไปยังห้องนอนที่ว่างอยู่อีกห้อง จะว่าไปห้องนี้ฉันแทบไม่เคยจะได้เหยียบเข้ามาสักเท่าไหร่ ให้ยัยเปิ่นนี่อยู่ก็คงไม่เป็นไร
ฉันเห็นเธอมีท่าทีอ้ำๆอึ้งๆ เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดสักที ถ้าให้เดา ฉันคิดว่ายัยเปิ่นนี่คงกำลังเกรงใจฉัน ก็อย่างว่า ห้องนี้น่ะ ถ้าเทียบกับห้องในหอพักเก่าๆของเธอที่ฉันเคยไปส่ง มันคงจะดีกว่ากันเยอะโข เรียกว่าเทียบกันไม่ติดก็คงจะได้
"ฉันก็ไม่ได้อะไรหรอก แค่สงสาร กลัวคนแถวนี้จะหาที่ซุกหัวนอนไม่ได้ มีเงินอยู่แค่นั้น อย่าทำเป็นเก่งนักเลยน่า" ฉันลากกระเป๋าของเธอเข้าไปในห้องนั้นทันที.. ขืนปล่อยยัยนี่กลับไป ที่นอนคืนนี้ของเธอคงหนีไม่พ้นบ้านนายหน้าจืดนั้นแน่ๆ รู้สึกไม่ชอบขี้หน้านายนั่นเลยจริงๆ ให้ตายสิ! สงสัยจะเป็นไฟลัมเดียวกับนายตูมตาม หึ มองยัยเปิ่นนี่ซะระยิบระยับเป็นดาวล้านดวงเชียว! หมั่นไส้โว้ยยยยย!!
"แล้ว.. คุณจะให้ฉันทำงานอะไรล่ะคะ" เธอถามขึ้นหลังจากที่ปล่อยเงียบมาสักพัก.. แต่นั่นสิ ลืมนึกไปเลย ฉันมีงานให้ยัยนี่ทำซะที่ไหนกันเล่า!
"เอ่อ.. อ้อ แม่บ้านไง ฉันให้เธอเป็นคนดูแลที่นี่แล้วกัน" ฉันอ้ำๆอึ้งๆอยู่พักใหญ่ก่อนจะคิดตำแหน่งงานใหม่ขึ้นมาสดๆร้อนๆ ถึงจะแอบรู้สึกว่าตำแหน่งมันดูไม่เหมาะสมเอาเสียเลยกับวุฒิการศึกษาของเธอ.. แต่ทำไงได้ คุณคิดตำแหน่งงานอื่นที่ดีกว่านี้ได้มั้ยล่ะ?
"นี่คุณ! ฉันไม่ได้จบนิเทศฯมาเพื่อมาเป็นคนรับใช้ใครนะ" เธอพูดอย่างมีอารมณ์นิดหน่อย ก่อนจะพาตัวมาจับกระเป๋าเดินทางแล้วพยายามจะลากมันออกไปจากห้อง
"อย่าอวดเก่งเลย คนอย่างเธอไม่มีทางเลือกนักหรอก!" ฉันขึ้นเสียงดัง แต่พอพูดจบก็อยากตบปากตัวเองแรงๆสักที เอิ่ม.. มันแรงไปรึปล่าวเนี่ย.. แต่ช่างเถอะ เพราะมันก็ทำให้เธอหยุดจังหวะการก้าวเดินนั้นในทันที
"เอาเป็นว่า.. ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกว่ามีอะไรที่คนเปิ่นๆอย่างเธอพอจะช่วยฉันได้บ้าง.. ตอนนี้เธอก็อยู่ที่นี่ คอยดูแลห้องให้ฉันไปก่อน เมื่อไหร่ที่ฉันคิดออก ฉันจะเปลี่ยนงานให้เธอแล้วกัน"
.
.
ทั้งๆที่ฉันไม่เคยแคร์ใคร แต่ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงต้องมาสนใจ ใส่ใจยัยเปิ่นนี่ขนาดนี้.. ฉันก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน..
.
.
.
"แผลที่เท้าหายดีรึยังคะ" ยัยเปิ่นอิษฎ์อาณิกเดินเข้ามาหาฉัน ก่อนจะก้มตัวลงไปนั่งมองแผลที่เธอฝากไว้ให้ฉันเมื่อไม่กี่วันก่อน.. เธอแกะผ้าก๊อซที่ปิดไว้อย่างระมัดระวังก่อนจะเผยยิ้มออกมาอย่างพอใจ
"จะหายแล้วนี่นา ดีจัง" เธอหันมายิ้มกว้างให้ฉัน …
อีกแล้ว... เห็นรอยยิ้มของยัยนี่ทีไร หัวใจฉันมันก็เต้นผิดจังหวะทุกที ฉันนึกว่ามันหายดีแล้วซะอีก ผ่านไปตั้งหนึ่งปี แต่พอมาเจอหน้ากันอีกที ฉันก็กลับมาเป็นแบบเดิมอีกจนได้ ที่สำคัญ เดี๋ยวนี้อาการแปลกๆของฉันชักจะกำเริบบ่อยขึ้นเรื่อยๆ.. เอ๊ะ หรือเราจะเป็นโรคหัวใจ?
สงสัยว่างๆต้องไปปรึกษาไอ้พี่หมอริทดูสักที..
"หายที่ไหน ยังเจ็บอยู่เลย" ฉันโกหก.. ก็แค่.. อยากให้ยัยเปิ่นนี่รับผิดชอบนานๆหน่อย..
"หืมมม จริงหรอคะ แต่ฉันว่า.."
"ฉันบอกว่าเจ็บก็เจ็บสิ หนังสือเธอเล่มใหญ่ขนาดนั้น นี่สงสัยมันจะอักเสบนะเนี่ย เจ็บมากเลยเนี่ย วันนี้เดินไม่ค่อยได้ด้วย" ฉันสำออยเกินจริงไปซะหลายเท่าตัว.. หึ รับผิดชอบมาซะดีๆยัยเปิ่น
"เว่อร์ไปป่ะ ฉันเห็นคุณก็เดินอยู่ได้ทั้งวันจนกระทั่งฉันมาดูมันนี่แหละ" เออะ ยัยเปิ่นนี่ชักจะกล้าต่อปากต่อคำกับฉันมากขึ้นทุกวันๆแล้วนะ
"ก็มันเจ็บสะสมไง ไม่โดนไม่รู้หรอก! ทำหนังสือตกใส่ฉันแล้วจะไม่รับผิดชอบรึไง!!" เหอะ.. เจ็บสะสม พูดออกมาได้ไงวะ..
"เอาเป็นว่าฉันขอโทษจริงๆ แต่แค่แผลถลอก กับแผลฉีกขาดนิดหน่อย ฉันไม่คิดว่ามันจะเจ็บอะไรขนาดนั้น.. อีกอย่่างแผลคุณก็ดูดี ไม่เห็นจะมีบวม รอยแดง แผลก็ไม่ได้ร้อน ไม่เห็นจะเหมือนแผลอักเสบตรงไหน ที่สำคัญฉันก็เป็นคนล้างแผลปิดแผลดูแผลให้คุณเกือบทุกวัน สะอาดขนาดนี้คงไม่ติดเชื้อให้แผลมันอักเสบได้หรอกมั้งคะ" ยัยเปิ่นมองดูแผลที่เท้าของฉัน ก่อนจะร่ายยาวเป็นชุด.. เอ่อ.. เหมือนฉันจะประเมินความรู้ความสามารถของยัยนี่ผิดไปหน่อย
"ไม่รู้แหละ!!" ฉันทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างคนหัวเสีย.. ในเมื่อไม่รู้จะไปต่อยังไง ก็แกล้งฉุนมันแบบนี้เลยล่ะกัน
"แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ แผลก็แทบจะไม่มีแล้วเนี่ย"
"อืมมมม งั้นช่วยหยิบหนังสือตรงนู้นให้หน่อยสิ ฉันอยากได้หนังสืออ่านก่อนนอนสักเล่ม แต่เดินไม่ไหว" ฉันชี้นิ้วไปที่กองนิตยสารกองโตบนโต๊ะ ไม่รู้หรอกว่ามันมีอะไรบ้าง.. ก็ฉันไม่ได้อยากอ่าน แค่..อยากแกล้งยัยนี่เล่นๆ
ยัยเปิ่นแอบเบี่ยงหน้าหนีไปเบ้ปากหนึ่งที แต่เผอิญว่าไม่รอดพ้นสายตาของฉัน แต่ช่างเถอะ เพราะจริงๆฉันก็ชอบมองเธอทำท่าทีหมั่นไส้ ขัดใจฉันอยู่เหมือนกัน มันตลกดีนะ..
"จะเอาเล่มไหนคะคุณผู้หญิง" เธอพูดประชดประชันกันหลังเดินไปหยุดอยู่หน้ากองนิตยสารมากมายตามที่ฉันสั่ง
"เลือกๆมาเหอะ สักเล่ม" ฉันตะโกนสั่งเธอ.. เห็นเธอเลือกอยู่สักพัก ก่อนจะหยิบนิตยสารบันเทิงที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นมาให้ฉันเล่มนึง
"ฉันไม่อ่านเล่มนี้ ไปเลือกมาใหม่" ...'ไม่อ่านแล้วซื้อมาตั้งบูชารึไงยะ'.. นั่นคือเสียงเบาๆที่หลุดออกมาจากปากของเธอ.. ฉันว่าเธอคงไม่อยากให้ฉันได้ยินเท่าไหร่.. แต่แปลกที่ฉันได้ยินแล้วไม่รู้สึกฉุน กลับรู้สึกว่ามันน่ารักดีซะอีก
"เล่มนี้ฉันอ่านจบแล้ว" ฉันพูดเสียงเรียบหลังจากเหลือบตามองนิตยสารเล่มใหม่ที่เธอเพิ่งไปหยิบมาให้.. ความจริงฉันยังไม่ได้อ่านหรอกนะเล่มนั้นน่ะ.. พอเห็นยัยอิษฎ์อาณิกถลึงตาแบบเคืองๆ ฉันก็หลุดยิ้มออกมาหนึ่งที แทบจะหุบยิ้มไม่ทันกันเลยทีเดียว
เธอเดินไปเดินมาอยู่หลายเที่ยว จนกระทั่งครั้งสุดท้าย ที่เธอโกยหนังสือทุกเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาโอบไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะเดินมาเทลงข้างๆกายของฉันทั้งหมด
"เลือกเองแล้วกันนะคะเจ้านายยยยย" เธอทิ้งหางเสียงยานๆเพื่อประชดฉัน ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปยังห้องนอนของเธอ
"เดี๋ยวสิยัยเปิ่น! ฉันยังไม่บอกให้เธอไปเลย!!" ฉันเรียกเธอเสียงดัง พลางดันกองหนังสือที่เธอเพิ่งจะวางไว้บนโซฟาตัวเดียวกับที่ฉันนั่งจนหล่นลงพื้น แล้วสั่งให้เธอมานั่งในตำแหน่งนั้นแทน เห็นยัยเปิ่นมองดูการกระทำของฉันอย่างสุดจะเคือง ก่อนจะหันหน้ามามองฉันนิ่งๆ..
'ไม่อ่านแล้วให้ฉันเดินไปเดินมาทำไมตั้งหลายรอบยะ'.. นี่คือสิ่งที่ฉันอ่านได้จากสีหน้าและแววตาของเธอตอนนี้
.
.
"เธอชื่ออะไร" ฉันถามเธอที่นั่งอยู่ข้างๆกัน ก็อยู่ด้วยกันตั้งหลายวันแล้วฉันยังไม่เคยถามชื่อเล่นของเธอสักครั้ง ถึงฉันจะเคยได้ยินนายหน้าจืดนั่นเรียกเธอว่าแอปเปิ้ล แต่ฉันก็อยากได้ยินเธอบอกฉันเองมากกว่า
"อิษฎ์อาณิก.. คุณก็รู้อยู่แล้วนี่" เธอบอกทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้าฉัน คงยังไม่หายอารมณ์บูดที่รู้ว่าฉันแกล้งเธอเมื่อกี้
"ฉันหมายถึงชื่อเล่น"
"แอปเปิ้ล.." เธอตอบฉันเบาๆ
"หืมมม อะไรนะ แอปเปิ่นหรอ?" ฉันยิ้มถามคนที่ไม่ยอมหันมามองกันสักที.. ก็แน่ล่ะ ถ้าเธอมองฉันอยู่ ฉันคงไม่ยิ้มให้เธอแบบนี้แน่ๆ... แต่ยังไงฉันก็ยังอยากเห็นหน้ายัยนี่มากกว่าเห็นผมยาวๆของเธออยู่ดี..
"แอปเปิ้ลย่ะ ฉันชื่อแอปเปิ้ล" ได้ผล! เธอหันหน้าขวับมามองฉันทันที ฮ่าๆๆ ยัยนี่ขึ้นง่ายชะมัด
"ฉันชื่อนท ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะแอปเปิ่น เอ้ย แอปเปิ้ล" ฉันยื่นมือให้เธอจับแต่เธออ้ำๆอึ้งๆไม่ยอมจับ ฉันก็เลยไปดึงมือเธอมาจับซะเอง แต่ทันทีที่ฉันสัมผัสมือยัยนี่ ฉันก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งปรู๊ดจากปลายนิ้วต่อมายังก้อนเนื้อที่หน้าอกด้านซ้ายของฉันทันที หัวใจของฉันมันเต้นแรงจนฉันต้องรีบชักมือออกมาจากเธอเพื่อไม่ให้อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นมันมากไปกว่านี้
เอ๊ะ หรือฉันควรไปหาไอ้พี่หมอริทวันพรุ่งนี้เลยนะ..?
กริ๊งงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงง! เสียงน่ารำคาญดังทำลายความเงียบขึ้นมา ก่อนที่คนที่นั่งอยู่ข้างๆฉันจะลุกขึ้นไปคุยโทรศัพท์ในบริเวณที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากฉันมากนัก
'ค่ะ พี่เนส' เธอตอบปลายสายเสียงหวานหยด.. หรือจะคิดไปเองว่าหวาน ไม่หรอก.. เออะ แล้วจะยิ้มทำไม โทรศัพท์นะ ไม่ใช่วีดีโอคอล!!!!
'อื้ม แอปยังไม่นอน แล้วพี่เนสล่ะคะ โทรมามีอะไรรึ..' ฉันไม่รอให้ยัยเปิ่นได้คุยจบ รีบเดินไปดึงโทรศัพท์ออกจากมือเธอ ก่อนจะพามันมาแนบหูของฉันแทน ไม่สนใจเธอที่ยืนอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆในการกระทำอันไร้เหตุผลของฉันในตอนนี้
'ก็พี่เนสคิดถึงแอปเปิ้ล.. แอปเป็นไงบ้าง' เสียงนายหน้าจืดจริงๆด้วย!!!! หึ แค่ชื่อก็เสี่ยวแล้ว นายเนสกาแฟ กลับไปตามหาคอฟฟี่เมทที่อื่นไป๊!!!
'แอปเปิ้ลอยู่กับฉัน สบายดีมากกกกก ไม่ต้องเป็นห่วง! แล้วก็ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายไม่ต้องโทรมาแล้วนะ!!!' ฉันตอบยาวๆ ท้ายประโยคขึ้นเสียงดัง ก่อนจะกดวางโทรศัพท์ทิ้งทันที
"อะไรของคุณเนี่ย!!!" เธอถามฉันเสียงดังทันทีที่ฉันวางสาย พยายามเอื้อมมือมาแย่งโทรศัพท์คืนจากฉัน แต่ฉันก็ใส่มันลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองเสียก่อน
"เธอคุยโทรศัพท์ในเวลางาน" ฉันพูดเสียงเรียบ จริงๆฉันก็ไม่คิดจะห้ามหรอกถ้าเธอจะคุยโทรศัพท์หรือจะทำอะไร แต่กับนายนี่น่ะยกเว้น!
"นี่มันห้าทุ่มแล้วนะคุณนท อีกอย่างมันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล"
"แต่มันรบกวนฉัน!" เธอทำตาโตใส่ฉันทันทีที่ฉันพูดจบประโยค นี่ถ้าเธอตะโกนด่าฉันว่า'ไอ้คนเอาแต่ใจ ไร้เหตุผล'ได้ เธอคงจะทำไปแล้วแน่ๆ
"ไปนอนได้แล้ว!! ส่วนไอ้โทรศัพท์เครื่องนี้..ฉันขอ" ฉันพูดพลางเดินไปเปิดประตูเข้าห้องนอนของตัวเอง.. สงสัยพรุ่งนี้ฉันต้องหาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ซิมใหม่ เบอร์ใหม่ให้ยัยเปิ่นนี่สักเครื่องจะได้เลิกติดต่อกับนายเนสอะไรนั่นซะที แต่หวังว่ายัยนี่คงไม่จำหมายเลขสิบตัวของนายหน้าจืดนั่นได้อีกนะ..
.
.
.
โอ้ยยยยยย ยัยเปิ่นเอ้ย! เธอกำลังทำให้ฉันเป็นบ้าเพราะเธอแท้ๆเลยยยย!!
/////////////////////////////////////
แอมป์นท ตามนท เนสแอป มุกแอป โอ้ยยยย เยอะว่ะ -"-
ป.ล. บทนี้ฝ่ามรสุมชีทมาอัพให้เบาๆ... ไปแระนะ :)
ป.ล.2 พี่นทผู้เก่งกาจทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องหัวใจ... เด็กน้อยเอ้ยยยยยยย อ่อนจริงๆ
ราวกับโดนมนต์แม่มดสะกดพลัน นาทีนั้น.. ฉันรักเธอทันใด ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น