ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1 [2]
ฉันมองเงินก้อนสุดท้ายในกระเป๋าสตางค์ของฉันอย่างอเนจอนาถใจ เอิ่ม.. จะเรียกก้อนก็ไม่ถูก จะมีใครเค้านับแบงค์ยี่สิบสามใบเป็นเงินก้อนกันมั้ยค่ะ.. อ่อ ไม่ใช่สิ ฉันยังมีเหรียญห้าอีกหนึ่งเหรียญ เหรียญบาทอีกตั้งสองเหรียญ!!
"เฮ้อ......" เสียงทอดถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวันดังขึ้นอีกครั้ง.. ทำไมนะ ทั้งๆที่เกรดเฉลี่ยสะสมของฉันก็ไม่ได้น่าเกลียด ออกจะพอเชิดหน้าชูตาได้ไม่อายใคร ก็ฉันน่ะ จบมาพร้อมเกียรตินิยมอันดับสองจากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังเชียวนะคะ แต่ทำไม๊ ทำไมงานสมัยนี้ถึงได้หายากหาเย็นนัก
ตอนที่ฉันไปสัมภาษณ์งาน ตอนแรกก็เหมือนจะราบรื่นดีแท้ๆ แต่ต้องมีเหตุอะไรมาทำให้ล่มอยู่เรื่อย.. ฉันก็แค่เผลอปัดแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะหล่นแตกที่บริษัทแรก และเผอิญว่าน้ำมันดันหกใส่เครื่องคอมพิวเตอร์ตรงนั้นเข้าก็แค่นั้นเอง.. ส่วนบริษัทที่สองฉันก็แค่ลืมเอกสารสำคัญบางอย่างที่ทางบริษัทเค้าต้องการ ทำไมนะ ฉันเอากลับมาให้ทีหลังก็ได้นี่นา.. อืมมมม ว่าแต่บริษัทที่สามนี่ฉันทำอะไรลงไปแล้วนะ อ้อใช่ ฉันก็แค่เผลอสะดุดเท้าผู้จัดการใหญ่จนหกล้มหน้าคว่ำต่อหน้าพนักงานนับร้อย.. แค่นี่ถึงกับไม่รับฉันเลยรึไง!
"เฮ้อ......" เอิ่ม... อย่าเพิ่งรำคาญนะคะ ถ้าจะได้ยินเสียงถอนหายใจของฉันบ่อยหน่อย
เอ่อ.. ลืมบอกเรื่องที่น่ารันทดของฉันอีกเรื่องไปเลยค่ะ คือว่าวันนี้น่ะ เป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่ในหอพักแห่งนี้ หลังจากป้าเจ้าของหอพยายามจะผัดผ่อนให้ฉันอยู่หลายเดือน.. จนฉันรู้สึกละอายใจจนต้องขอย้ายออกมาเอง..
"มาแอป พี่เนสช่วย" พี่เนสรุ่นพี่ที่แสนดียิ้มกว้างให้ฉัน เขาพยายามจะช่วยฉันยกกระเป๋าออกจากห้องพัก
"ขอบคุณค่ะพี่เนส" ฉันพยักหน้าขอบคุณพี่ชายสุดหล่อคนนี้เบาๆ
ฉันรู้ดีว่าพี่เนสคนนี้คิดยังไงกับฉัน.. แต่ฉันให้เขาเป็นได้แค่พี่ชายของฉันเท่านั้นล่ะค่ะ.. และฉันก็คิดว่าเขาเองก็รู้ดีในเรื่องนี้ แต่มีเรื่องนึงที่เขาไม่มีวันรู้.. เรื่องที่ว่าคนที่ฉันรักน่ะ.. คือน้องสาวของเขาต่างหาก
ค่ะ ได้ยินไม่ผิดหรอก.. ฉันรักน้องสาวของพี่เนส .. เธอเป็นผู้หญิง..
พี่มุก.. น้องสาวคนสวยของพี่เนส ฉันสนิทกับเธอตั้งแต่เล็กๆ เราโตมาด้วยกัน เพราะเมื่อก่อนแม่ฉันเคยทำงานอยู่กับบริษัทที่บ้านของเธอก่อนจะย้ายกลับไปอยู่ที่กำแพงเพชร ส่วนฉันก็เรียนต่อที่นี่จนถึงตอนนี้ นั่นทำให้เรายิ่งสนิทกันมากขึ้น เพราะฉันเองก็ไม่มีญาติที่นี่มากนัก และฉันคงไม่เข้าข้างตัวเองมากไปถ้าจะบอกว่าเรารักกัน.. ไม่ใช่สิ.. เคยรัก เราเคยรักกัน.. เธอเคยรักฉัน.. แต่ฉันยังรักเธออยู่..
พี่มุกเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ฉันรักอย่างคนรัก เราแอบคบกันเพราะเธอไม่อยากให้ใครรู้.. อืม.. ฉันก็พอจะเข้าใจล่ะนะว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆเท่าไหร่หากเราสองคนจะบอกใครๆว่าเรารักกันแบบไหน.. ไม่เล็กเลยสำหรับคนเพรียบพร้อมอย่างเธอ.. พี่มุกบอกให้ฉันรอเธอ รอวันที่เธอพร้อม.. ฉันรอ.. จนกระทั่งพี่มุกคนเก่งของฉันไปเรียนต่อโทที่ประเทศอังกฤษ.. เธอก็คุยกับฉันน้อยลงทุกวัน ทุกวัน.. จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่เธอบอกเลิกฉัน..
ค่ะ เรื่องน่ารันทนที่สุดอีกเรื่องของฉันคือ ฉันเพิ่งอกหัก.. สดๆร้อนๆ.. แผลยังไม่ทันจะแห้ง เลือดยังไหลซิกๆอยู่เลย
"แอปมาทำงานกับที่บ้านพี่เถอะนะ พอยัยมุกรู้เรื่อง ก็โทรมาคะยั้นคะยอพี่ให้มาพูดกับแอปให้ได้" พี่เนสกล่าวพลางยกกระเป๋าฉันวางไว้ที่เบาะด้านหลังรถของเขา
"แล้ว ทำไมพี่มุกไม่โทรมาบอกแอปเองล่ะคะ..." ฉันพูดเบาๆ.. มันน่าน้อยใจมั้ยล่ะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนน่ะ เราคุยกันแทบจะทุกเรื่อง.. แต่ก็นั่นแหละ มันจบไปแล้วนี่นา แถมตอนนี้เธอก็อยู่ซะไกลคนละซีกโลก.. แต่ยังไงซะ ฉันก็คงไม่ทำงานที่นั่นหรอกคะ.. เป็นคุณจะทำมั้ยล่ะ? ก็เพิ่งโดนลูกสาวเจ้าของบริษัทที่เคยรักกันมาตั้งแต่เด็กๆหักอกเอาแบบนั้นน่ะ
.
.
"แล้วแอปจะไปไหนดีล่ะ" พี่เนสหันมาถามฉัน .. เอิ่ม.. นั่นสิ ฉันจะเอาไงต่อดีล่ะเนี่ย.. หรือฉันจะกลับไปเกาะแม่กินที่กำแพงเพชรดีนะ?? .. โอ้ยยย ไม่ได้ ยัยแอปเปิ้ล แกสู้อุตส่าห์เรียนจนจบเกียรตินิยม! ต้องทำให้แม่ภูมิใจสิถึงจะถูก!!
ฉันเอื้อมมือไปควานหาสมุดโน้ตเล่มโตที่ฉันจดรายชื่อบริษัทที่เปิดรับสมัครงานมากมายเอาไว้ในนั้น
หืมมม.. อะไรเนี่ย? สงสัยจะติดมาตอนที่เก็บห้อง..
ฉันก้มลงหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆที่หล่นออกมาจากกระเป๋าแผ่นนั้นขึ้นมาดู
.
.
.
เอ๊ะ! นี่มัน?!?!
.
.
.
"เฮ้ย! เธอ!!!!" ประตูห้องเปิดขึ้นพร้อมใบหน้าของนักร้องสาวชื่อดังของเมืองไทยที่กำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาอึ้งๆ
ค่ะ ทันทีที่ฉันหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู.. หน้าของยัยนักร้องขี้เก๊ก เจ้าอารมณ์คนนี้ก็ลอยขึ้นมาในความคิดฉันทันที..
.
.
.
"อะนี่.. ถ้าเรียนจบแล้วหางานไม่ได้ อยากจะมาทำงานให้ฉันก็ได้นะ.. เปิ่นๆแบบเธอคงหางานยากน่าดู"
.
.
.
ประโยคที่เธอเคยปรามาสฉันเอาไว้วันนั้น ผ่านมาหนึ่งปีแล้วฉันก็ยังจำได้ขึ้นใจ.. เคยคิดว่ายังไงซะ ฉันก็ไม่มีวันแบกหน้าไปหาเธอคนนี้อีกครั้งแน่ๆ แต่สุดท้ายฉันก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง.. ทำไงได้ ก็ฉันหาทางไปไม่ได้แล้วจริงๆนี่นา
"เอ่อ.. สวัสดีค่ะคุณนท คือ..ฉัน.." ฉันอ้ำๆอึ้งๆ ยืนใบ้รับประทาน เส้นประสาทสมองพิการนึกอะไรไม่ออกขึ้นมาทันทีที่เจอหน้าเธอ.. เอิ่ม.. นี่ฉันจะเริ่มพูดยังไงดีเนี่ย.. อย่าว่าแต่ผ่านมาปีนึงเลย แค่ชั่วโมงเดียวยัยคุณนทนี่ก็คงลืมคนอย่างฉันจนหมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือแล้วล่ะ
"สมองเสื่อมแล้วรึไง! มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาสิ" นักร้องดังขึ้นเสียงใส่ฉัน.. เออะ... คุณว่ามันแรงไปมั้ยคะเนี่ย?
"คือ ฉันเป็นนักศึกษาฝึกงานที่เคยสัมภาษณ์คุณเมื่อปีที่แล้ว.. คือว่า..." พูดไปสิยัยแอป บอกไปสิว่าเธอมาของานที่ยัยคุณนทนี่เคยสัญญาไว้ไง!
"ฉันจำไม่ได้!" ยัยนักร้องขี้เก๊กพูดแทรกฉันขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆ.. ทำเอาฉันยืนตัวแข็งทื่อราวกับถูกจับแช่ในช่องฟรีซ ให้ตายเถอะ.. ยัยคุณนทนี่เป็นที่รักใคร่ของปวงประชามากมายขนาดนั้นได้ยังไง นี่ถ้าคนพวกนั้นมาเป็นฉันในตอนนี้ คงต้องร่วมลงชื่อถอดถอนตัวเองออกจากการเป็นแฟนคลับของเธอแน่ๆ
หนอยยยยย ก็แค่สวย รวย เก่ง เครดิตดี ร้องเพลงเพราะ... คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสนักรึไง! เชอะ!!
"คือ ฉันจะมาทำงาน.. ตามที่คุณเคยบอก.." ฉันทำใจกล้าหน้าด้านบอกจุดประสงค์ที่ฉันบากหน้ามาถึงที่นี่ ก่อนจะยื่นนามบัตรของเธอให้เธอดู.. ก็ฉันไม่ได้โกหกจริงๆนี่นา ถึงเธอจะจำไม่ได้ก็เถอะ..
ฉันเห็นเธอจ้องกระดาษแผ่นนึกอยู่พักใหญ่ และถ้าตาฉันมันไม่ฝาด ฉันว่าฉันเห็นเธออมยิ้มเล็กๆ.. เอ่อ.. หรือฉันจะตาฝาด?
"ลายมือฉันหรอ?" นักร้องดังเงยหน้าขึ้นมองฉันอีกครั้ง ก่อนจะเปล่งเสียงเรียบๆที่ทำเอาฉันแทบขาดสติ.. ให้ตายสิ! คนแบบนี้ก็มีด้วย!
"ตุ๊บ!/โอ้ยยยยยย!" ยัยคุณนทร้องครวญเสียงดัง ก่อนจะก้มตัวลงไปกุมเท้าขวาของตัวเองเอาไว้ และทันทีที่ฉันก้มมองตามเธอก็ทำให้ฉันแทบทรุด .. หนังสือเล่มโตขนาดปาหัวคนแตกของฉันเพิ่งจะหล่นตามแรงโน้มถ่วงของโลกไปโดนเท้าของคนขี้เก๊กคนนี้พอดิบพอดี ราวกับรู้ว่าเจ้าของมันกำลังคิดอยากจะทำแบบนั้นแต่ทำไม่ได้อย่างนั้นแหละ
แต่เอ๊ะ มันหล่นไปได้ยังไงนะ? .. ฉันหันมองกลับมาที่กระเป๋า.. โอ้ พระเจ้า! ให้ตายสิ นี่ฉันลืมรูดซิบกระเป๋าหรอเนี่ย?!?!
โอ้ยยยย ยัยแอป เอาอีกแล้ววววว! ซุ่มซ่ามจนได้เรื่องอีกจนได้!!
คนขี้เก๊กเงยหน้าขึ้นมามองที่กระเป๋าถือของฉัน ก่อนจะเปลี่ยนมาจ้องหน้าฉันด้วยสายตาอาฆาตสุดๆ .. ทำเอาฉันแทบจะกลืนน้ำลายเหนียวๆที่คอนี่ไม่ลง
"เอ่อ.. คือฉันขอ.."
ปังงงงงงงงงง!!!!!
ฉันพูดขอโทษไม่ทันจบประโยค เธอก็ลุกขึ้นยืนเป๋ๆแล้วปิดประตูใส่หน้าฉันอย่างแรง..
.
.
.
ฉันลงมานั่งหงอยพร้อมกระเป๋าเดินทางใบโตอยู่ที่โถงล็อบบี้ของคอนโดสุดหรู.. ฉันกำลังนั่งรอพี่เนสที่ย้ำนักย้ำหนาว่าจะมารับฉัน ทั้งๆที่ฉันก็บอกหลายครั้งว่าไม่เป็นไร
แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อกี้แล้วก็รู้สึกแย่เป็นบ้า โอ้ยยยย คนอะไรกวนประสาทชะมัด!
.
.
"นี่เธอ!!" เอ๊ะ! เสียงคุ้นๆ..
"ยัยเปิ้นอิษฎ์อาณิก!!" เออะ ชัดเจน! ก็คนที่เรียกฉันแบบนี้น่ะมีแต่.. เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ไหนเมื่อกี้บอกว่าจำฉันไม่ได้ไงยะ?
ฉันหันมองต้นเสียงทันที ภาพผู้หญิงตัวเล็กเดินกระเพกๆตรงมาที่ฉัน ทำฉันเกือบหลุดขำ แต่พอสำนึกได้ว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ฉันจึงต้องรีบปรี่ไปประคองเธอมานั่งด้วยกัน
"เอานี่.. ทำหล่น! ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเธออยู่มาได้ไงจนโตขนาดนี้ ยัยเปิ่นโก๊ะเอ้ย! โก๊ะได้โล่จริงๆ" เธอยื่นกระเป๋าสตางค์ให้ฉัน ก่อนจะก้มลงไปจับที่เท้าขวานั่นอีกครั้ง..
"ขอโทษนะคะ เจ็บมากมั้ย" ฉันเอ่ยถามเธอ ก็ดูเธอทำหน้าเข้าสิ น่าเป็นห่วงจัง คงเจ็บมากล่ะสิท่า.. ฉันขอโทษนะคะคุณนท..
"เจ็บสิ! เอ่อ..." ฉันก้มตัวลงนั่งข้างหน้าเธอ ก่อนจะจับข้อเท้าของเธอไว้เบาๆ .. ดูสิ ใครสอนทำแผลกันแบบนี้นะ.. แผลถลอกใครเค้าพันผ้าซะหนาเตอะขนาดนี้.. แล้วจะหายมั้ยเนี่ย? ฉันมองผ้าที่เธอพันเท้าลวกๆอยู่สักพัก.. ก่อนจะค่อยๆแกะมันออกอย่างเบามือ
ฉันหยิบผ้าก๊อซออกมาจากกระเป๋าเล็กๆด้านหน้าของกระเป๋าเดินทาง ดีนะที่ฉันเตรียมจะย้ายที่อยู่ใหม่ในวันนี้ เลยมีไอ้ของพวกนี้อยู่ด้วย..
"แผลถลอกไม่ต้องพันผ้ายืดหรอกนะคะ ฉันปิดแผลไว้ให้คุณก่อน เดี๋ยวพอคุณขึ้นไปข้างบนค่อยเปิดล้างแผลแล้วปิดใหม่อย่างที่ฉันปิดไว้ให้นะ" ฉันเงยหน้ายิ้มบอกเธอ ก่อนจะกลับขึ้นมานั่งใกล้ๆกันอีกครั้ง.. แอบเห็นเธอหน้าแดงนิดหน่อย.. นี่คงไม่ได้เขินฉันใช่มั้ยเนี่ย.. แต่จะว่าไปพอยัยนี่เก๊กหลุดแล้วก็น่ารักดีนะคะ
"เรียนหมอรึไง ทำเป็นรู้ดี" เอิ่ม.... ฉันขอถอนคำพูดเมื่อกี้นะคะ.. ไม่ต้องเรียนหมอ ใครเค้าก็รู้ย่ะ เรื่องแค่นี้น่ะ!
"แล้วนี่จะย้ายบ้านรึไง หอบอะไรซะมากมายขนาดนี้" เธอถามฉัน พลางหันมองที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ข้างๆกายของฉันตอนนี้ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบอะไร เสียงทุ้มนุ่มของพี่เนสก็ดังขึ้นเสียก่อน
.
"แอปเปิ้ล ไปกันเถอะ" พี่เนสยิ้มหวานเรียกฉัน พลางเดินมาฉุดมือฉันเบาๆให้ลุกขึ้นตามกัน
"ค่ะ" ฉันยิ้มตอบพี่เนส ก่อนจะหันไปหาคนขี้เก๊กเพื่อจะเอ่ยคำลา.. เออะ ไปซะแล้ว.. แต่เฮ้ย! ยัยคุณนทนั่นจะแบกกระเป๋าฉันไปไหนนนนน!!!!
"เดี๋ยวคุณ! โอ้ยยย จะเอากระเป๋าฉันไปไหนเนี่ย!!"
"ก็อยากทำงานกับฉันนักไม่ใช่รึไง! แล้วไอ้เงินหกสิบเจ็ดบาทในกระเป๋าสตางค์เธอน่ะ ลำพังจะหาหมอนมาหนุนนอนสักใบจะทำได้รึปล่าวก็ไม่รู้!" เธอหันหน้ามาพูดกับฉัน แต่ยังคงลากกระเป๋าใบโตของฉันต่อไปเรื่อยๆ
เออะ เดี๋ยวนะคะ.. นี่แอบเปิดดูกระเป๋าสตางค์ของฉันด้วยหรอเนี่ย!!!! ที่สำคัญ ยัยนี่จะให้ฉันอยู่กับเธอที่นี่อีก นี่ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะ ขืนอยู่กับยัยขี้เก๊กนี่ทั้งวันทั้งคืน ฉันต้องประสาทเสียแน่ๆ โอ้ยยยยย ดูสิ ลากกระเป๋าฉันไปที่ลิฟท์เฉยเลยอะ!!!
"ฉันให้เธอเริ่มงานได้ตั้งแต่วินาทีนี้ และถ้าเธอยังยืนนิ่งอยู่กับนายหน้าจืดนั่นอีกแค่แป๊บเดียว ฉันจะตามไปลากเธอมาตรงนี้เอง!"
.
.
.
โอ้ยยยยยยยย ยัย..เผด็จการเอ้ย!!
////////////////////////////////////////////
พี่นทโหดไปนะ...
ปล ขออนุญาตลากันด้วยบทนี้ เนื่องด้วยไอ้ไรเตอร์ใกล้สอบ ขอตัวลาไปยาวๆเลย...
"เฮ้อ......" เสียงทอดถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวันดังขึ้นอีกครั้ง.. ทำไมนะ ทั้งๆที่เกรดเฉลี่ยสะสมของฉันก็ไม่ได้น่าเกลียด ออกจะพอเชิดหน้าชูตาได้ไม่อายใคร ก็ฉันน่ะ จบมาพร้อมเกียรตินิยมอันดับสองจากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังเชียวนะคะ แต่ทำไม๊ ทำไมงานสมัยนี้ถึงได้หายากหาเย็นนัก
ตอนที่ฉันไปสัมภาษณ์งาน ตอนแรกก็เหมือนจะราบรื่นดีแท้ๆ แต่ต้องมีเหตุอะไรมาทำให้ล่มอยู่เรื่อย.. ฉันก็แค่เผลอปัดแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะหล่นแตกที่บริษัทแรก และเผอิญว่าน้ำมันดันหกใส่เครื่องคอมพิวเตอร์ตรงนั้นเข้าก็แค่นั้นเอง.. ส่วนบริษัทที่สองฉันก็แค่ลืมเอกสารสำคัญบางอย่างที่ทางบริษัทเค้าต้องการ ทำไมนะ ฉันเอากลับมาให้ทีหลังก็ได้นี่นา.. อืมมมม ว่าแต่บริษัทที่สามนี่ฉันทำอะไรลงไปแล้วนะ อ้อใช่ ฉันก็แค่เผลอสะดุดเท้าผู้จัดการใหญ่จนหกล้มหน้าคว่ำต่อหน้าพนักงานนับร้อย.. แค่นี่ถึงกับไม่รับฉันเลยรึไง!
"เฮ้อ......" เอิ่ม... อย่าเพิ่งรำคาญนะคะ ถ้าจะได้ยินเสียงถอนหายใจของฉันบ่อยหน่อย
เอ่อ.. ลืมบอกเรื่องที่น่ารันทดของฉันอีกเรื่องไปเลยค่ะ คือว่าวันนี้น่ะ เป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่ในหอพักแห่งนี้ หลังจากป้าเจ้าของหอพยายามจะผัดผ่อนให้ฉันอยู่หลายเดือน.. จนฉันรู้สึกละอายใจจนต้องขอย้ายออกมาเอง..
"มาแอป พี่เนสช่วย" พี่เนสรุ่นพี่ที่แสนดียิ้มกว้างให้ฉัน เขาพยายามจะช่วยฉันยกกระเป๋าออกจากห้องพัก
"ขอบคุณค่ะพี่เนส" ฉันพยักหน้าขอบคุณพี่ชายสุดหล่อคนนี้เบาๆ
ฉันรู้ดีว่าพี่เนสคนนี้คิดยังไงกับฉัน.. แต่ฉันให้เขาเป็นได้แค่พี่ชายของฉันเท่านั้นล่ะค่ะ.. และฉันก็คิดว่าเขาเองก็รู้ดีในเรื่องนี้ แต่มีเรื่องนึงที่เขาไม่มีวันรู้.. เรื่องที่ว่าคนที่ฉันรักน่ะ.. คือน้องสาวของเขาต่างหาก
ค่ะ ได้ยินไม่ผิดหรอก.. ฉันรักน้องสาวของพี่เนส .. เธอเป็นผู้หญิง..
พี่มุก.. น้องสาวคนสวยของพี่เนส ฉันสนิทกับเธอตั้งแต่เล็กๆ เราโตมาด้วยกัน เพราะเมื่อก่อนแม่ฉันเคยทำงานอยู่กับบริษัทที่บ้านของเธอก่อนจะย้ายกลับไปอยู่ที่กำแพงเพชร ส่วนฉันก็เรียนต่อที่นี่จนถึงตอนนี้ นั่นทำให้เรายิ่งสนิทกันมากขึ้น เพราะฉันเองก็ไม่มีญาติที่นี่มากนัก และฉันคงไม่เข้าข้างตัวเองมากไปถ้าจะบอกว่าเรารักกัน.. ไม่ใช่สิ.. เคยรัก เราเคยรักกัน.. เธอเคยรักฉัน.. แต่ฉันยังรักเธออยู่..
พี่มุกเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ฉันรักอย่างคนรัก เราแอบคบกันเพราะเธอไม่อยากให้ใครรู้.. อืม.. ฉันก็พอจะเข้าใจล่ะนะว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆเท่าไหร่หากเราสองคนจะบอกใครๆว่าเรารักกันแบบไหน.. ไม่เล็กเลยสำหรับคนเพรียบพร้อมอย่างเธอ.. พี่มุกบอกให้ฉันรอเธอ รอวันที่เธอพร้อม.. ฉันรอ.. จนกระทั่งพี่มุกคนเก่งของฉันไปเรียนต่อโทที่ประเทศอังกฤษ.. เธอก็คุยกับฉันน้อยลงทุกวัน ทุกวัน.. จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่เธอบอกเลิกฉัน..
ค่ะ เรื่องน่ารันทนที่สุดอีกเรื่องของฉันคือ ฉันเพิ่งอกหัก.. สดๆร้อนๆ.. แผลยังไม่ทันจะแห้ง เลือดยังไหลซิกๆอยู่เลย
"แอปมาทำงานกับที่บ้านพี่เถอะนะ พอยัยมุกรู้เรื่อง ก็โทรมาคะยั้นคะยอพี่ให้มาพูดกับแอปให้ได้" พี่เนสกล่าวพลางยกกระเป๋าฉันวางไว้ที่เบาะด้านหลังรถของเขา
"แล้ว ทำไมพี่มุกไม่โทรมาบอกแอปเองล่ะคะ..." ฉันพูดเบาๆ.. มันน่าน้อยใจมั้ยล่ะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนน่ะ เราคุยกันแทบจะทุกเรื่อง.. แต่ก็นั่นแหละ มันจบไปแล้วนี่นา แถมตอนนี้เธอก็อยู่ซะไกลคนละซีกโลก.. แต่ยังไงซะ ฉันก็คงไม่ทำงานที่นั่นหรอกคะ.. เป็นคุณจะทำมั้ยล่ะ? ก็เพิ่งโดนลูกสาวเจ้าของบริษัทที่เคยรักกันมาตั้งแต่เด็กๆหักอกเอาแบบนั้นน่ะ
.
.
"แล้วแอปจะไปไหนดีล่ะ" พี่เนสหันมาถามฉัน .. เอิ่ม.. นั่นสิ ฉันจะเอาไงต่อดีล่ะเนี่ย.. หรือฉันจะกลับไปเกาะแม่กินที่กำแพงเพชรดีนะ?? .. โอ้ยยย ไม่ได้ ยัยแอปเปิ้ล แกสู้อุตส่าห์เรียนจนจบเกียรตินิยม! ต้องทำให้แม่ภูมิใจสิถึงจะถูก!!
ฉันเอื้อมมือไปควานหาสมุดโน้ตเล่มโตที่ฉันจดรายชื่อบริษัทที่เปิดรับสมัครงานมากมายเอาไว้ในนั้น
หืมมม.. อะไรเนี่ย? สงสัยจะติดมาตอนที่เก็บห้อง..
ฉันก้มลงหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆที่หล่นออกมาจากกระเป๋าแผ่นนั้นขึ้นมาดู
.
.
.
เอ๊ะ! นี่มัน?!?!
.
.
.
"เฮ้ย! เธอ!!!!" ประตูห้องเปิดขึ้นพร้อมใบหน้าของนักร้องสาวชื่อดังของเมืองไทยที่กำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาอึ้งๆ
ค่ะ ทันทีที่ฉันหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู.. หน้าของยัยนักร้องขี้เก๊ก เจ้าอารมณ์คนนี้ก็ลอยขึ้นมาในความคิดฉันทันที..
.
.
.
"อะนี่.. ถ้าเรียนจบแล้วหางานไม่ได้ อยากจะมาทำงานให้ฉันก็ได้นะ.. เปิ่นๆแบบเธอคงหางานยากน่าดู"
.
.
.
ประโยคที่เธอเคยปรามาสฉันเอาไว้วันนั้น ผ่านมาหนึ่งปีแล้วฉันก็ยังจำได้ขึ้นใจ.. เคยคิดว่ายังไงซะ ฉันก็ไม่มีวันแบกหน้าไปหาเธอคนนี้อีกครั้งแน่ๆ แต่สุดท้ายฉันก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง.. ทำไงได้ ก็ฉันหาทางไปไม่ได้แล้วจริงๆนี่นา
"เอ่อ.. สวัสดีค่ะคุณนท คือ..ฉัน.." ฉันอ้ำๆอึ้งๆ ยืนใบ้รับประทาน เส้นประสาทสมองพิการนึกอะไรไม่ออกขึ้นมาทันทีที่เจอหน้าเธอ.. เอิ่ม.. นี่ฉันจะเริ่มพูดยังไงดีเนี่ย.. อย่าว่าแต่ผ่านมาปีนึงเลย แค่ชั่วโมงเดียวยัยคุณนทนี่ก็คงลืมคนอย่างฉันจนหมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือแล้วล่ะ
"สมองเสื่อมแล้วรึไง! มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาสิ" นักร้องดังขึ้นเสียงใส่ฉัน.. เออะ... คุณว่ามันแรงไปมั้ยคะเนี่ย?
"คือ ฉันเป็นนักศึกษาฝึกงานที่เคยสัมภาษณ์คุณเมื่อปีที่แล้ว.. คือว่า..." พูดไปสิยัยแอป บอกไปสิว่าเธอมาของานที่ยัยคุณนทนี่เคยสัญญาไว้ไง!
"ฉันจำไม่ได้!" ยัยนักร้องขี้เก๊กพูดแทรกฉันขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆ.. ทำเอาฉันยืนตัวแข็งทื่อราวกับถูกจับแช่ในช่องฟรีซ ให้ตายเถอะ.. ยัยคุณนทนี่เป็นที่รักใคร่ของปวงประชามากมายขนาดนั้นได้ยังไง นี่ถ้าคนพวกนั้นมาเป็นฉันในตอนนี้ คงต้องร่วมลงชื่อถอดถอนตัวเองออกจากการเป็นแฟนคลับของเธอแน่ๆ
หนอยยยยย ก็แค่สวย รวย เก่ง เครดิตดี ร้องเพลงเพราะ... คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสนักรึไง! เชอะ!!
"คือ ฉันจะมาทำงาน.. ตามที่คุณเคยบอก.." ฉันทำใจกล้าหน้าด้านบอกจุดประสงค์ที่ฉันบากหน้ามาถึงที่นี่ ก่อนจะยื่นนามบัตรของเธอให้เธอดู.. ก็ฉันไม่ได้โกหกจริงๆนี่นา ถึงเธอจะจำไม่ได้ก็เถอะ..
ฉันเห็นเธอจ้องกระดาษแผ่นนึกอยู่พักใหญ่ และถ้าตาฉันมันไม่ฝาด ฉันว่าฉันเห็นเธออมยิ้มเล็กๆ.. เอ่อ.. หรือฉันจะตาฝาด?
"ลายมือฉันหรอ?" นักร้องดังเงยหน้าขึ้นมองฉันอีกครั้ง ก่อนจะเปล่งเสียงเรียบๆที่ทำเอาฉันแทบขาดสติ.. ให้ตายสิ! คนแบบนี้ก็มีด้วย!
"ตุ๊บ!/โอ้ยยยยยย!" ยัยคุณนทร้องครวญเสียงดัง ก่อนจะก้มตัวลงไปกุมเท้าขวาของตัวเองเอาไว้ และทันทีที่ฉันก้มมองตามเธอก็ทำให้ฉันแทบทรุด .. หนังสือเล่มโตขนาดปาหัวคนแตกของฉันเพิ่งจะหล่นตามแรงโน้มถ่วงของโลกไปโดนเท้าของคนขี้เก๊กคนนี้พอดิบพอดี ราวกับรู้ว่าเจ้าของมันกำลังคิดอยากจะทำแบบนั้นแต่ทำไม่ได้อย่างนั้นแหละ
แต่เอ๊ะ มันหล่นไปได้ยังไงนะ? .. ฉันหันมองกลับมาที่กระเป๋า.. โอ้ พระเจ้า! ให้ตายสิ นี่ฉันลืมรูดซิบกระเป๋าหรอเนี่ย?!?!
โอ้ยยยย ยัยแอป เอาอีกแล้ววววว! ซุ่มซ่ามจนได้เรื่องอีกจนได้!!
คนขี้เก๊กเงยหน้าขึ้นมามองที่กระเป๋าถือของฉัน ก่อนจะเปลี่ยนมาจ้องหน้าฉันด้วยสายตาอาฆาตสุดๆ .. ทำเอาฉันแทบจะกลืนน้ำลายเหนียวๆที่คอนี่ไม่ลง
"เอ่อ.. คือฉันขอ.."
ปังงงงงงงงงง!!!!!
ฉันพูดขอโทษไม่ทันจบประโยค เธอก็ลุกขึ้นยืนเป๋ๆแล้วปิดประตูใส่หน้าฉันอย่างแรง..
.
.
.
ฉันลงมานั่งหงอยพร้อมกระเป๋าเดินทางใบโตอยู่ที่โถงล็อบบี้ของคอนโดสุดหรู.. ฉันกำลังนั่งรอพี่เนสที่ย้ำนักย้ำหนาว่าจะมารับฉัน ทั้งๆที่ฉันก็บอกหลายครั้งว่าไม่เป็นไร
แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อกี้แล้วก็รู้สึกแย่เป็นบ้า โอ้ยยยย คนอะไรกวนประสาทชะมัด!
.
.
"นี่เธอ!!" เอ๊ะ! เสียงคุ้นๆ..
"ยัยเปิ้นอิษฎ์อาณิก!!" เออะ ชัดเจน! ก็คนที่เรียกฉันแบบนี้น่ะมีแต่.. เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ไหนเมื่อกี้บอกว่าจำฉันไม่ได้ไงยะ?
ฉันหันมองต้นเสียงทันที ภาพผู้หญิงตัวเล็กเดินกระเพกๆตรงมาที่ฉัน ทำฉันเกือบหลุดขำ แต่พอสำนึกได้ว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ฉันจึงต้องรีบปรี่ไปประคองเธอมานั่งด้วยกัน
"เอานี่.. ทำหล่น! ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเธออยู่มาได้ไงจนโตขนาดนี้ ยัยเปิ่นโก๊ะเอ้ย! โก๊ะได้โล่จริงๆ" เธอยื่นกระเป๋าสตางค์ให้ฉัน ก่อนจะก้มลงไปจับที่เท้าขวานั่นอีกครั้ง..
"ขอโทษนะคะ เจ็บมากมั้ย" ฉันเอ่ยถามเธอ ก็ดูเธอทำหน้าเข้าสิ น่าเป็นห่วงจัง คงเจ็บมากล่ะสิท่า.. ฉันขอโทษนะคะคุณนท..
"เจ็บสิ! เอ่อ..." ฉันก้มตัวลงนั่งข้างหน้าเธอ ก่อนจะจับข้อเท้าของเธอไว้เบาๆ .. ดูสิ ใครสอนทำแผลกันแบบนี้นะ.. แผลถลอกใครเค้าพันผ้าซะหนาเตอะขนาดนี้.. แล้วจะหายมั้ยเนี่ย? ฉันมองผ้าที่เธอพันเท้าลวกๆอยู่สักพัก.. ก่อนจะค่อยๆแกะมันออกอย่างเบามือ
ฉันหยิบผ้าก๊อซออกมาจากกระเป๋าเล็กๆด้านหน้าของกระเป๋าเดินทาง ดีนะที่ฉันเตรียมจะย้ายที่อยู่ใหม่ในวันนี้ เลยมีไอ้ของพวกนี้อยู่ด้วย..
"แผลถลอกไม่ต้องพันผ้ายืดหรอกนะคะ ฉันปิดแผลไว้ให้คุณก่อน เดี๋ยวพอคุณขึ้นไปข้างบนค่อยเปิดล้างแผลแล้วปิดใหม่อย่างที่ฉันปิดไว้ให้นะ" ฉันเงยหน้ายิ้มบอกเธอ ก่อนจะกลับขึ้นมานั่งใกล้ๆกันอีกครั้ง.. แอบเห็นเธอหน้าแดงนิดหน่อย.. นี่คงไม่ได้เขินฉันใช่มั้ยเนี่ย.. แต่จะว่าไปพอยัยนี่เก๊กหลุดแล้วก็น่ารักดีนะคะ
"เรียนหมอรึไง ทำเป็นรู้ดี" เอิ่ม.... ฉันขอถอนคำพูดเมื่อกี้นะคะ.. ไม่ต้องเรียนหมอ ใครเค้าก็รู้ย่ะ เรื่องแค่นี้น่ะ!
"แล้วนี่จะย้ายบ้านรึไง หอบอะไรซะมากมายขนาดนี้" เธอถามฉัน พลางหันมองที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ข้างๆกายของฉันตอนนี้ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบอะไร เสียงทุ้มนุ่มของพี่เนสก็ดังขึ้นเสียก่อน
.
"แอปเปิ้ล ไปกันเถอะ" พี่เนสยิ้มหวานเรียกฉัน พลางเดินมาฉุดมือฉันเบาๆให้ลุกขึ้นตามกัน
"ค่ะ" ฉันยิ้มตอบพี่เนส ก่อนจะหันไปหาคนขี้เก๊กเพื่อจะเอ่ยคำลา.. เออะ ไปซะแล้ว.. แต่เฮ้ย! ยัยคุณนทนั่นจะแบกกระเป๋าฉันไปไหนนนนน!!!!
"เดี๋ยวคุณ! โอ้ยยย จะเอากระเป๋าฉันไปไหนเนี่ย!!"
"ก็อยากทำงานกับฉันนักไม่ใช่รึไง! แล้วไอ้เงินหกสิบเจ็ดบาทในกระเป๋าสตางค์เธอน่ะ ลำพังจะหาหมอนมาหนุนนอนสักใบจะทำได้รึปล่าวก็ไม่รู้!" เธอหันหน้ามาพูดกับฉัน แต่ยังคงลากกระเป๋าใบโตของฉันต่อไปเรื่อยๆ
เออะ เดี๋ยวนะคะ.. นี่แอบเปิดดูกระเป๋าสตางค์ของฉันด้วยหรอเนี่ย!!!! ที่สำคัญ ยัยนี่จะให้ฉันอยู่กับเธอที่นี่อีก นี่ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะ ขืนอยู่กับยัยขี้เก๊กนี่ทั้งวันทั้งคืน ฉันต้องประสาทเสียแน่ๆ โอ้ยยยยย ดูสิ ลากกระเป๋าฉันไปที่ลิฟท์เฉยเลยอะ!!!
"ฉันให้เธอเริ่มงานได้ตั้งแต่วินาทีนี้ และถ้าเธอยังยืนนิ่งอยู่กับนายหน้าจืดนั่นอีกแค่แป๊บเดียว ฉันจะตามไปลากเธอมาตรงนี้เอง!"
.
.
.
โอ้ยยยยยยยย ยัย..เผด็จการเอ้ย!!
////////////////////////////////////////////
พี่นทโหดไปนะ...
ปล ขออนุญาตลากันด้วยบทนี้ เนื่องด้วยไอ้ไรเตอร์ใกล้สอบ ขอตัวลาไปยาวๆเลย...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น