คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [ เส้นด้ายสีขาว ] - 7 - [ Present V ]
พอมองเห็นเป้าหมายอยู่ไกลๆ ณัฐภัสสราตัดสินใจเหยียบคันเร่งจนมิด ก่อนจะถอนออก แล้วจัดการปาดหน้าโดยไม่ให้คนที่ถูกจู่โจ่มได้ทันตั้งตัว
"เธอจะหนีไปไหน" ณัฐภัสสรารีบพุ่งเข้าหาหญิงสาวทันที เมื่อรถคันดังกล่าวหักหลบข้างทาง พอประชิดตัวได้ก็กระชากแขนโดยไม่สนว่าคนที่ถูกกระทำจะเจ็บปวดยังไง
"มานี่เลยนะ!"
"ช่วยด้วย...ใครก็ได้!" หญิงสาวปัดป้องและตะโกนก้อง เพื่อให้ความสนใจจากคนแถวนั้น แต่ก็เปล่าประโยชน์ เมื่อไม่มีใครสักคนสนใจ เพราะมุมที่หักหลบมามันช่างลับตาคน. . .
แม้กิตติ์ลภัสจะพยายามขืนตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของคนที่ตัวสูงกว่าได้ สุดท้ายเลยต้องพึ่งตัวช่วยที่เอาติดมือมาด้วย
"ถ้านายไม่ปล่อย. . .ฉันยิงแน่"
ณัฐภัสสราผ่อนแรงที่ขืนอีกคนไว้ เมื่อได้ยินคำพูดและรู้สึกถึงปืนที่ถูกจ่อตรงสีข้าง ก่อนจะระบายยิ้มออกมา เมื่อสัมผัสได้ถึงความสั่นเทา ท่าทางแบบนี้ไม่มีทางเหนี่ยวไกปืนได้หรอก
"เธอจะยิงฉัน. . . งั้นสิ. . ." ลากเสียงอย่างกวนอารมณ์ เพื่อเบี่ยงเบียนความสนใจ ก่อนจะถือโอกาสใช้ความชำนาญแย่งชิงอาวุธประจำกาย พร้อมกับหยิบกุญแจมือที่เหน็บไว้ข้างตัวออกมาคล้องข้อมือของคนตัวเล็กทันที
"นี่...ฉันไม่ใช่นักโทษนะ"
"ช่างเธอสิ ไปขึ้นรถได้แล้ว ยัยคุณหนูตัวแสบ"
"นายครับ...ให้ขับตามไปมั้ย" ลูกน้องคนสนิทเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อเห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ตีหน้าขรึมใช้ความคิดอยู่อยู่เบาะหลัง ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็เห็นการฉุดกระชากลากถูตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กลับไม่ทำอะไร
"ยังไม่ต้อง..." เขาฉีกยิ้มเล็กน้อย เมื่อมองเห็นสัญญาณติดตามตัวของอีกคนผ่านทางโทรศัพท์ของตนเอง ซึ่งตอนนี้จุดเขียวๆนั่นกำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตก นี่คงจะพาหนีลงไปแถวภาคใต้สินะ
"มันยังไม่ถึงเวลา"
"ครับ..."
"เออฝากหาข้อมูลของไอบอดี้การ์ดนั้นด้วย" โยนซองสีน้ำตาลขึ้นไปไว้ด้านหน้า ก่อนชายหนุ่มจะเปิดประตูออกไปเพื่อจัดการกับรถที่ถูกจอดทิ้งไว้ทั้งๆที่กุญแจยังคาอยู่ แม้จะพยายามรื้อหาหลักฐานที่น่าจะหลงเหลือไว้ แต่ก็ไม่เจออะไรที่เป็นประโยชน์เลย เว้นแต่ของชิ้นเล็กๆ
"แล้วอย่าลืมจัดการพวกสินค้าให้เรียบร้อยนะ" คริสเปิดกระจกสั่งงานลูกน้อง ก่อนจะขับรถออกไปทันที
"ทำไมไม่ยิงฉันเลยล่ะ" ตะโกนเสียงดังใส่คนที่ขับรถอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แม้ว่าเธออยากจะกระโดดลงให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อมือทั้งสองข้างถูกจองจำ แถมยังรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องโดนคาดด้วยเข็มขัดนิรภัยอีกชั้น
"ไหนๆนายก็ฆ่าพ่อแม่ฉันไปแล้ว"
"ฉันไม่ได้ทำ" เอ่ยเสียงเรียบระหว่างตบเกียร์และหยิบคันเร่งจนมิด แต่คำตอบนั่นกลับทำให้กิตติลภัสถึงกับอารมณ์ขึ้น ก็เห็นอยู่ว่ารูปถ่ายและตัวอักษรเหล่านั้นมันระบุชัดเจนว่าคือบิดาและมารดาของเธอ
"แล้วไอกระดาษบ้าๆนั่นคืออะไร"
"ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ" จ้องหน้าคนข้างกายเขม็ง เมื่อได้ยินประโยคยียวนนั่น ก่อนจะตั้งตัวแทบไม่ทัน เมื่อรถหักเลี้ยวกระทันหันจากถนนสายหลัก เบี่ยงเข้าถนนสองเลนที่มีวิวทิวทัศน์รอบข้างต่างไปจากเดิม เส้นทางผ่าหุบเขาที่ขนาบข้างไปด้วยป่าไม้สูงทืบที่ดูร่มรื่นจนน่ากลัว
"เฮ้ย! ขับภาษาอะไร แล้วนี่...นายจะพาฉันไปไหน"
"พูดมากจริงนะเธอเนี่ย . . .เดี๋ยวก็รู้" เพราะอดทนกับเสียงสิบแปดหลอดนั่นไม่ไหว เลยคว้าเอาผ้าเช็ดหน้าโปะยาสลบที่เตรียมไว้โปะหน้ายัยคุณหนูขี้โวยวายให้เงียบเสียงลง ก่อนจะเปิดเพลงกลบความเงียบที่เกิดขึ้น "คนอะไร วุ่นวายจริงๆ"
ราวกับกิจวัตรประจำวันสำหรับคุณนมที่ต้องทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ด้วยความเคยชิน แต่กลับแปลกใจเมื่อเห็นว่าห้องของคุณบุศรินที่เธอรู้จักนั้น กลับมีเสื้อผ้าข้าวของวางอยู่กระจัดกระจายไม่เรียบร้อยเหมือนอย่างที่ผ่านมา
"วันนี้. ..รกเชียว"
หลังจากเก็บเสื้อผ้าจนหมด สายตาก็เหลือบเห็นไดอารี่สีดำหล่นอยู่ใต้โต๊ะ แม้จะพยายามไม่เปิดออกดู แต่รูปถ่ายสองสามรูปก็หล่นออกมา ภาพโพลาลอยด์สีซีดของเด็กสาวสองคน คนตัวเล็กที่อุ้มเจ้าตุ๊กตาหมีไว้ในอ้อมกอด และเด็กอีกคนที่ยืนพิงจักรยานคันสีแดง
"นี่มัน...คุณหนูกอล์ฟ"
เสียงโทรศัพท์ของตัวบ้านดังขึ้นเรียกหญิงสูงวัยให้หลุดออกจากภวังค์ ระหว่างรับสาย ก่อนแหวกม่านริมหน้าออกดู ถึงได้เห็นรถยนต์คันคุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้าน รีบเก็บรูปถ่ายและไดอารี่ไว้ในเสื้อทันที ก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง จนไม่หลงเหลือเอกสารใดๆในห้อง
"สวัสดีค่ะ...บ้านกรสุทธิ์ไรวรรณค่ะ"
"ตื่นได้แล้ว" แม้จะหมดสติเพราะฤทธิ์ยา แต่ระยะเวลาที่ยาวนานเกือบ 8 ชั่วโมง คนข้างกายก็สมควรที่จะตื่นขึ้นมาเสียที แต่คนที่ถูกปลุกกลับทำท่าทางราวกับรำคาญเสียเต็มประดา แถมยังพลิกตัวหนีอีก สุดท้ายณัฐภัสสราเลยเปลี่ยนใจช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาในอ้อมกอดเสียแทน ขืนรอให้ตื่นเองคงจะต้องรออีกเป็นวัน
"เฮ่อ. . .ยัยขี้เซา"
"ไอบ้า! ปล่อยฉันนะ" พอเริ่มรู้สึกตัว คนที่กำลังสะลืมสะลือ ก็เริ่มใช้กำปั้นทุบไหล่กว้างนั่นอย่างประท้วง แม้ว่าขนาดตัวจะต่างกันเยอะ แต่แรงที่มีอยู่กลับตรงกันข้าม จนคนที่ถูกกระทำถึงกับเบ้หน้าหนี แม้จะไม่ได้หนักอะไรมาก แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งลำบาก
"อยู่เฉยๆเถอะน่า"
"ปล่อยนะ! แล้วถอดไอกุญแจมือบ้าๆนี่ด้วย"
"ไม่" ได้แต่ขบกรามแน่น ระหว่างแข็งใจประคองคนตัวเล็ก พร้อมกับใช้หลังดันประตูเข้าไปในตัวบ้าน เขาแทบจะกระโจนไปยังโซฟาในห้องรับแขกทันที อยากจะปล่อยเด็กดื้อลงเพราะยิ่งหญิงสาวขัดขืนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้แผลเดิมของเขาเอง ค่อยๆอักเสบมากขึ้น
"เกิดอะไรขึ้นคะ"
หญิงสูงวัยรีบสอบถามทันที หลังจากรับสายจากคนตรงหน้า ผนวกกับท่าทางร้อนรนแบบนั้นก็อดคิดไปในทางลบไม่ได้ เพราะรถที่ขับมาเป็นของคุณหนู แต่กลับไม่มีวี่แววของเจ้าของรถเลยสักนิด
"น้องฐาน่าจะถูกจับตัวไปน่ะครับ"
ส่งของบางอย่างให้กับคุณนมก่อนจะเอ่ยข้อสงสัยของตนเองออกมา ข้อสงสัยที่เขาเองเห็นมากับตา ...แต่ก็ยังตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง
"ผมเจอมันตกอยู่..ไม่แน่ใจว่าของ"
"คุณบุศรินค่ะ ...นมจำได้"
"นี่มันอะไรกันน่ะ" ก้มลงมองกุญแจมือที่ตอนนี้กลายเป็นสิ่งเชื่อมสัมพันธ์ที่คล้องข้อมือเธอไว้กับใครอีกคน คนถามได้แต่สั่นหัวไปมาอย่างไม่ใส่ใจหลังจากนั่งพักเหนื่อยอยู่สักพัก ก่อนจะลากให้คนอีกคนเข้าไปในครัว
"นี่คุณ! ฉันถามก็ตอบสิ" ขืนตัวเองเอาไว้ตามประสาของคนที่ชอบดื้อดืง แต่ก็ไม่ได้ผลเมื่อเจอแรงกระชากของคนข้างๆ
"ตอบสิ ไม่ใช่เอะอะก็ลากอยู่ได้"
"ก็ฉันปล่อยกุญแจเธอแล้วไง" ใช้มือชี้ไปยังแขนของหญิงสาวที่ว่างอยู่ กิตติ์ลภัสมองตามก่อนจะใช้มือนั่นฟาดเข้าเต็มๆตัวของคนข้างกาย
"ปล่อยบ้าบออะไร มันก็ยังคล้องกับคุณอยู่ดี"
"ฉันกลัวเธอหนี แล้วฉันไม่อยากจะล่ามโซ่เธอหรอกนะ" ณัฐภัสสราได้ลอบถอนหายใจ เมื่อได้ยินเสียงตะพ้อของหญิงสาวข้างกายว่าที่ทำอยู่มันก็ไม่ได้ต่างสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เปลี่ยนไปใช้มือข้างที่ว่าง ค่อยๆหยิบข้าวกล่องแช่แข็งในตู้เย็นออกมา
"ว่าแต่เธอเหอะ" มือติดกันแบบนี้ทำอะไรไม่ค่อยจะสะดวกเลยแฮะ สงสัยต้องมีผู้ช่วย. . .
"อะไร. . ."
"ทำกับข้าวเป็นบ้างไหม"
"ไม่!" ปฏิเสธเสียงแข็งทันที ส่วนคนที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ พอได้ยินเข้าก็อดที่จะเย้าแหย่คนข้างกายไม่ได้ ไหนถูกพ่อแม่จับส่งไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปี ไม่ได้ทำอะไรเองเลยหรือไงนะ หรือจริงๆแล้ว แค่ไม่อยากช่วยทำ
"ยัยคุณหนูเอ๊ยยย!"
"คุณหนูแล้วไง มีปัญหาอะไรไม่ทราบ ไอมือปืนตาตี่ ไอคนขี้ฉวยโอกาส ไอคนนิสัยเสีย ไอ. . ."
"พอๆ งั้นอยู่นี่ก็กินแต่ข้าวกล่องไปแล้วกัน" ใช้นิ้วชี้หน้าคนตัวเล็กที่ตอบคำถามอย่างกวนอารมณ์ ขนาดเจ้าตัวคิดว่าเขาเป็นมือปืน แต่ยังไม่วายต่อล้อต่อเถียงราวกลับไม่เกรงกลัวอะไรจนเขารู้สึกเหนื่อยใจ ยิ่งนึกถึงอดีตก็ต่างกันสุดขั้ว เด็กผู้หญิงคนนั้น ไม่มีเค้าของคนในปัจจุบันเลยสักนิด
"ให้ตายสิ. . . ตอนเด็กๆเธอนิสัยดีกว่านี้อีกนะ"
"นี่นาย. . ." คำสบประมาทที่ทำให้เกิดคำถามขึ้นเต็มหัว "อย่ามาพูดเหมือนว่าเรารู้จักกันได้มั้ย"
"เรา. . . "
นึกถึงคำพูดของนายตัวเองที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว "ถ้าภารกิจยังไม่สำเร็จ ห้ามเปิดเผยตัวเองนะ เข้าใจมั้ยครับ. . .คุณบุศริน"
"เออๆ. . .เราไม่เคยรู้จักกัน"
"นายครับ ผมสืบข้อมูลมาคร่าวๆแล้วครับ" ลูกน้องคนสนิทรีบเข้ารายงานทันที เมื่อเจอข้อน่าสงสัยของบอดี้การ์ดมือฉมัง
"แต่ไม่เจอประวัติอะไรเลยครับ" คำตอบที่ทำให้คริสถึงกับเลิกคิ้วสูง เป็นไปไม่ได้ที่กิตติจะจ้างคนไม่มีคนนอนปลายเท้าเข้ามาทำงาน
"แกแน่ใจนะ?"
"ครับ. . ." ขณะเตรียมจะเอ่ยถึงข้อแม้ แต่คริสกลับตอบกลับได้โดยไม่ต้องคิดอะไร
"บุศริน คงจะเป็นชื่อปลอม. . .หรือไม่ก็" ข้อสังเกตที่สองที่ชายหนุ่มคิดออก "มีคนใหญ่คนโต ออกปากรับรองประวัติให้"
"หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่าง. . ."
"ไปสืบมาซะ ว่าใครเป็นคนแนะนำคนๆนี้ให้กับคุณกิตติ" เอ่ยเสียงเรียบระหว่างครุ่นคิดหาทางออกกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"แล้วเราจะได้เห็นดีกัน คุณบุศริน!"
ความคิดเห็น