ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF [กอล์ฟฐา] by whiztle

    ลำดับตอนที่ #8 : [ เส้นด้ายสีขาว ] - 7 - [ Present V ]

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 56


    พอมองเห็นเป้าหมายอยู่ไกลๆ ณัฐภัสสราตัดสินใจเหยียบคันเร่งจนมิด ก่อนจะถอนออก แล้วจัดการปาดหน้าโดยไม่ให้คนที่ถูกจู่โจ่มได้ทันตั้งตัว

     

     

     

     

    "เธอจะหนีไปไหน" ณัฐภัสสรารีบพุ่งเข้าหาหญิงสาวทันที เมื่อรถคันดังกล่าวหักหลบข้างทาง  พอประชิดตัวได้ก็กระชากแขนโดยไม่สนว่าคนที่ถูกกระทำจะเจ็บปวดยังไง 

     

     

     

     

     

    "มานี่เลยนะ!"

     

     

     

     

     

    "ช่วยด้วย...ใครก็ได้!" หญิงสาวปัดป้องและตะโกนก้อง เพื่อให้ความสนใจจากคนแถวนั้น แต่ก็เปล่าประโยชน์ เมื่อไม่มีใครสักคนสนใจ เพราะมุมที่หักหลบมามันช่างลับตาคน. . .

     

     

     

     

    แม้กิตติ์ลภัสจะพยายามขืนตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของคนที่ตัวสูงกว่าได้ สุดท้ายเลยต้องพึ่งตัวช่วยที่เอาติดมือมาด้วย

     

     

     

    "ถ้านายไม่ปล่อย. . .ฉันยิงแน่"

     

     

     

    ณัฐภัสสราผ่อนแรงที่ขืนอีกคนไว้ เมื่อได้ยินคำพูดและรู้สึกถึงปืนที่ถูกจ่อตรงสีข้าง ก่อนจะระบายยิ้มออกมา เมื่อสัมผัสได้ถึงความสั่นเทา ท่าทางแบบนี้ไม่มีทางเหนี่ยวไกปืนได้หรอก

     

     

     

     

    "เธอจะยิงฉัน. . . งั้นสิ. . ." ลากเสียงอย่างกวนอารมณ์ เพื่อเบี่ยงเบียนความสนใจ ก่อนจะถือโอกาสใช้ความชำนาญแย่งชิงอาวุธประจำกาย พร้อมกับหยิบกุญแจมือที่เหน็บไว้ข้างตัวออกมาคล้องข้อมือของคนตัวเล็กทันที

     

     

     

    "นี่...ฉันไม่ใช่นักโทษนะ"

     





     

    "ช่างเธอสิ ไปขึ้นรถได้แล้ว ยัยคุณหนูตัวแสบ"

     

     

     

     

     













     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "นายครับ...ให้ขับตามไปมั้ย" ลูกน้องคนสนิทเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อเห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ตีหน้าขรึมใช้ความคิดอยู่อยู่เบาะหลัง ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็เห็นการฉุดกระชากลากถูตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กลับไม่ทำอะไร

     

     

     

     

    "ยังไม่ต้อง..." เขาฉีกยิ้มเล็กน้อย เมื่อมองเห็นสัญญาณติดตามตัวของอีกคนผ่านทางโทรศัพท์ของตนเอง ซึ่งตอนนี้จุดเขียวๆนั่นกำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตก นี่คงจะพาหนีลงไปแถวภาคใต้สินะ 

     

     

     

     

    "มันยังไม่ถึงเวลา"

     

     

     

     

    "ครับ..."

     

     

     

     

    "เออฝากหาข้อมูลของไอบอดี้การ์ดนั้นด้วย" โยนซองสีน้ำตาลขึ้นไปไว้ด้านหน้า ก่อนชายหนุ่มจะเปิดประตูออกไปเพื่อจัดการกับรถที่ถูกจอดทิ้งไว้ทั้งๆที่กุญแจยังคาอยู่ แม้จะพยายามรื้อหาหลักฐานที่น่าจะหลงเหลือไว้ แต่ก็ไม่เจออะไรที่เป็นประโยชน์เลย เว้นแต่ของชิ้นเล็กๆ

     

     

     

     

    "แล้วอย่าลืมจัดการพวกสินค้าให้เรียบร้อยนะ" คริสเปิดกระจกสั่งงานลูกน้อง ก่อนจะขับรถออกไปทันที 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     









     

     

    "ทำไมไม่ยิงฉันเลยล่ะ" ตะโกนเสียงดังใส่คนที่ขับรถอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แม้ว่าเธออยากจะกระโดดลงให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อมือทั้งสองข้างถูกจองจำ แถมยังรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องโดนคาดด้วยเข็มขัดนิรภัยอีกชั้น 

     

     

     

     

    "ไหนๆนายก็ฆ่าพ่อแม่ฉันไปแล้ว"

     

     

     

     

    "ฉันไม่ได้ทำ" เอ่ยเสียงเรียบระหว่างตบเกียร์และหยิบคันเร่งจนมิด แต่คำตอบนั่นกลับทำให้กิตติลภัสถึงกับอารมณ์ขึ้น ก็เห็นอยู่ว่ารูปถ่ายและตัวอักษรเหล่านั้นมันระบุชัดเจนว่าคือบิดาและมารดาของเธอ

     

     

     

     

    "แล้วไอกระดาษบ้าๆนั่นคืออะไร"

     

     

     

     

    "ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ" จ้องหน้าคนข้างกายเขม็ง เมื่อได้ยินประโยคยียวนนั่น ก่อนจะตั้งตัวแทบไม่ทัน เมื่อรถหักเลี้ยวกระทันหันจากถนนสายหลัก เบี่ยงเข้าถนนสองเลนที่มีวิวทิวทัศน์รอบข้างต่างไปจากเดิม เส้นทางผ่าหุบเขาที่ขนาบข้างไปด้วยป่าไม้สูงทืบที่ดูร่มรื่นจนน่ากลัว

     

     

     

     

    "เฮ้ย! ขับภาษาอะไร แล้วนี่...นายจะพาฉันไปไหน"

     

     

     

     

    "พูดมากจริงนะเธอเนี่ย . . .เดี๋ยวก็รู้" เพราะอดทนกับเสียงสิบแปดหลอดนั่นไม่ไหว เลยคว้าเอาผ้าเช็ดหน้าโปะยาสลบที่เตรียมไว้โปะหน้ายัยคุณหนูขี้โวยวายให้เงียบเสียงลง ก่อนจะเปิดเพลงกลบความเงียบที่เกิดขึ้น "คนอะไร วุ่นวายจริงๆ"

     

     

     

     

     

     

     

     

     










     

    ราวกับกิจวัตรประจำวันสำหรับคุณนมที่ต้องทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ด้วยความเคยชิน แต่กลับแปลกใจเมื่อเห็นว่าห้องของคุณบุศรินที่เธอรู้จักนั้น กลับมีเสื้อผ้าข้าวของวางอยู่กระจัดกระจายไม่เรียบร้อยเหมือนอย่างที่ผ่านมา

     

     


     

    "วันนี้. ..รกเชียว"

     


     

     

    หลังจากเก็บเสื้อผ้าจนหมด สายตาก็เหลือบเห็นไดอารี่สีดำหล่นอยู่ใต้โต๊ะ แม้จะพยายามไม่เปิดออกดู แต่รูปถ่ายสองสามรูปก็หล่นออกมา ภาพโพลาลอยด์สีซีดของเด็กสาวสองคน คนตัวเล็กที่อุ้มเจ้าตุ๊กตาหมีไว้ในอ้อมกอด และเด็กอีกคนที่ยืนพิงจักรยานคันสีแดง

     

     

     


    "นี่มัน...คุณหนูกอล์ฟ"

     


     

     

    เสียงโทรศัพท์ของตัวบ้านดังขึ้นเรียกหญิงสูงวัยให้หลุดออกจากภวังค์ ระหว่างรับสาย ก่อนแหวกม่านริมหน้าออกดู ถึงได้เห็นรถยนต์คันคุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้าน รีบเก็บรูปถ่ายและไดอารี่ไว้ในเสื้อทันที ก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง จนไม่หลงเหลือเอกสารใดๆในห้อง

     

     

     

    "สวัสดีค่ะ...บ้านกรสุทธิ์ไรวรรณค่ะ"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     







     

     

    "ตื่นได้แล้ว" แม้จะหมดสติเพราะฤทธิ์ยา แต่ระยะเวลาที่ยาวนานเกือบ 8 ชั่วโมง คนข้างกายก็สมควรที่จะตื่นขึ้นมาเสียที แต่คนที่ถูกปลุกกลับทำท่าทางราวกับรำคาญเสียเต็มประดา แถมยังพลิกตัวหนีอีก สุดท้ายณัฐภัสสราเลยเปลี่ยนใจช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาในอ้อมกอดเสียแทน ขืนรอให้ตื่นเองคงจะต้องรออีกเป็นวัน

     

     



     

    "เฮ่อ. . .ยัยขี้เซา"



     

     

     

    "ไอบ้า! ปล่อยฉันนะ" พอเริ่มรู้สึกตัว คนที่กำลังสะลืมสะลือ ก็เริ่มใช้กำปั้นทุบไหล่กว้างนั่นอย่างประท้วง แม้ว่าขนาดตัวจะต่างกันเยอะ แต่แรงที่มีอยู่กลับตรงกันข้าม จนคนที่ถูกกระทำถึงกับเบ้หน้าหนี แม้จะไม่ได้หนักอะไรมาก แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งลำบาก

     


     

     

    "อยู่เฉยๆเถอะน่า"

     


     

     

    "ปล่อยนะ! แล้วถอดไอกุญแจมือบ้าๆนี่ด้วย"

     

     

     

    "ไม่" ได้แต่ขบกรามแน่น ระหว่างแข็งใจประคองคนตัวเล็ก พร้อมกับใช้หลังดันประตูเข้าไปในตัวบ้าน เขาแทบจะกระโจนไปยังโซฟาในห้องรับแขกทันที อยากจะปล่อยเด็กดื้อลงเพราะยิ่งหญิงสาวขัดขืนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้แผลเดิมของเขาเอง ค่อยๆอักเสบมากขึ้น 

     

     

     

     

     

     

     











     

     

     

    "เกิดอะไรขึ้นคะ"

     

     

    หญิงสูงวัยรีบสอบถามทันที หลังจากรับสายจากคนตรงหน้า ผนวกกับท่าทางร้อนรนแบบนั้นก็อดคิดไปในทางลบไม่ได้ เพราะรถที่ขับมาเป็นของคุณหนู แต่กลับไม่มีวี่แววของเจ้าของรถเลยสักนิด

     

     

    "น้องฐาน่าจะถูกจับตัวไปน่ะครับ" 

     

     

     

    ส่งของบางอย่างให้กับคุณนมก่อนจะเอ่ยข้อสงสัยของตนเองออกมา ข้อสงสัยที่เขาเองเห็นมากับตา ...แต่ก็ยังตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง

     

     

     

    "ผมเจอมันตกอยู่..ไม่แน่ใจว่าของ"

     

     

     

    "คุณบุศรินค่ะ ...นมจำได้" 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

    "นี่มันอะไรกันน่ะ" ก้มลงมองกุญแจมือที่ตอนนี้กลายเป็นสิ่งเชื่อมสัมพันธ์ที่คล้องข้อมือเธอไว้กับใครอีกคน คนถามได้แต่สั่นหัวไปมาอย่างไม่ใส่ใจหลังจากนั่งพักเหนื่อยอยู่สักพัก ก่อนจะลากให้คนอีกคนเข้าไปในครัว

     

     

     

    "นี่คุณ! ฉันถามก็ตอบสิ" ขืนตัวเองเอาไว้ตามประสาของคนที่ชอบดื้อดืง แต่ก็ไม่ได้ผลเมื่อเจอแรงกระชากของคนข้างๆ

     

     

     

    "ตอบสิ ไม่ใช่เอะอะก็ลากอยู่ได้"

     

     

     

    "ก็ฉันปล่อยกุญแจเธอแล้วไง" ใช้มือชี้ไปยังแขนของหญิงสาวที่ว่างอยู่ กิตติ์ลภัสมองตามก่อนจะใช้มือนั่นฟาดเข้าเต็มๆตัวของคนข้างกาย 

     

     

     

    "ปล่อยบ้าบออะไร มันก็ยังคล้องกับคุณอยู่ดี"

     

     

     

    "ฉันกลัวเธอหนี แล้วฉันไม่อยากจะล่ามโซ่เธอหรอกนะ" ณัฐภัสสราได้ลอบถอนหายใจ เมื่อได้ยินเสียงตะพ้อของหญิงสาวข้างกายว่าที่ทำอยู่มันก็ไม่ได้ต่างสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เปลี่ยนไปใช้มือข้างที่ว่าง ค่อยๆหยิบข้าวกล่องแช่แข็งในตู้เย็นออกมา

     

     

     

    "ว่าแต่เธอเหอะ" มือติดกันแบบนี้ทำอะไรไม่ค่อยจะสะดวกเลยแฮะ สงสัยต้องมีผู้ช่วย. . .


     

     

    "อะไร. . ." 

     

     

     

    "ทำกับข้าวเป็นบ้างไหม"

     

     

     

    "ไม่!" ปฏิเสธเสียงแข็งทันที ส่วนคนที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ พอได้ยินเข้าก็อดที่จะเย้าแหย่คนข้างกายไม่ได้ ไหนถูกพ่อแม่จับส่งไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปี ไม่ได้ทำอะไรเองเลยหรือไงนะ หรือจริงๆแล้ว แค่ไม่อยากช่วยทำ

     

     

     

    "ยัยคุณหนูเอ๊ยยย!"

     

     

     

     

    "คุณหนูแล้วไง มีปัญหาอะไรไม่ทราบ ไอมือปืนตาตี่ ไอคนขี้ฉวยโอกาส ไอคนนิสัยเสีย ไอ. . ."

     

     

     

     

    "พอๆ งั้นอยู่นี่ก็กินแต่ข้าวกล่องไปแล้วกัน" ใช้นิ้วชี้หน้าคนตัวเล็กที่ตอบคำถามอย่างกวนอารมณ์ ขนาดเจ้าตัวคิดว่าเขาเป็นมือปืน แต่ยังไม่วายต่อล้อต่อเถียงราวกลับไม่เกรงกลัวอะไรจนเขารู้สึกเหนื่อยใจ ยิ่งนึกถึงอดีตก็ต่างกันสุดขั้ว เด็กผู้หญิงคนนั้น ไม่มีเค้าของคนในปัจจุบันเลยสักนิด

     

     

     

     

    "ให้ตายสิ. . . ตอนเด็กๆเธอนิสัยดีกว่านี้อีกนะ" 

     

     

     

    "นี่นาย. . ." คำสบประมาทที่ทำให้เกิดคำถามขึ้นเต็มหัว  "อย่ามาพูดเหมือนว่าเรารู้จักกันได้มั้ย"

     

     

     

     

     

    "เรา. . . "

     

     

     

     

    นึกถึงคำพูดของนายตัวเองที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว "ถ้าภารกิจยังไม่สำเร็จ ห้ามเปิดเผยตัวเองนะ เข้าใจมั้ยครับ. . .คุณบุศริน"

     

     

     

     

     

     

    "เออๆ. . .เราไม่เคยรู้จักกัน" 

     

     

     

     

     







     

     

     

    "นายครับ ผมสืบข้อมูลมาคร่าวๆแล้วครับ" ลูกน้องคนสนิทรีบเข้ารายงานทันที เมื่อเจอข้อน่าสงสัยของบอดี้การ์ดมือฉมัง

     

     

     

    "แต่ไม่เจอประวัติอะไรเลยครับ" คำตอบที่ทำให้คริสถึงกับเลิกคิ้วสูง เป็นไปไม่ได้ที่กิตติจะจ้างคนไม่มีคนนอนปลายเท้าเข้ามาทำงาน 

     

     

     

    "แกแน่ใจนะ?"

     

     

     

    "ครับ. . ." ขณะเตรียมจะเอ่ยถึงข้อแม้ แต่คริสกลับตอบกลับได้โดยไม่ต้องคิดอะไร

     

     

     

    "บุศริน คงจะเป็นชื่อปลอม. . .หรือไม่ก็" ข้อสังเกตที่สองที่ชายหนุ่มคิดออก "มีคนใหญ่คนโต ออกปากรับรองประวัติให้"

     

     

     

    "หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่าง. . ."

     

     

     

    "ไปสืบมาซะ ว่าใครเป็นคนแนะนำคนๆนี้ให้กับคุณกิตติ" เอ่ยเสียงเรียบระหว่างครุ่นคิดหาทางออกกับเรื่องที่เกิดขึ้น 

     

     

     

    "แล้วเราจะได้เห็นดีกัน คุณบุศริน!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×