ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF [กอล์ฟฐา] by whiztle

    ลำดับตอนที่ #7 : [ เส้นด้ายสีขาว ] - 6 - [ Present IV ]

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 56


    กิตติได้แต่หยิบประวัติของบุศรินออกมาเปิดอ่านอีกครั้ง รายละเอียดทุกอย่างตรงตามที่เขาต้องการจนน่าแปลกใจ แต่เพราะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนของคุณพิชิต จึงไม่เคยสงสัยเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

     

     

     

    “ฉันจะเชื่อใจเธอได้แค่ไหนกัน. . .” หลับตาลงอย่างอ่อนแรง หลังจากได้สนทนากับคนปลายสายจนจบ แม้จะรู้สึกโกรธในตอนแรกแต่มันก็ไม่สำคัญเลยสักนิด เหลือบมองรูปถ่ายบนโต๊ะ แม้ว่ามันจะเลือนลางแต่ก็ยังชัดเจนอยู่เสมอ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ‘ก๊อกๆ’


     

     

    เสียงเคาะประตูด้านนอกปลุกให้ณัฐภัสสราลืมตาขึ้น แม้ว่าจะตกใจกับสภาพของคนตัวเล็กที่กำลังนอนขดอยู่ในอ้อมกอด แต่นั่นคงไม่น่ากลัวเท่าคนข้างนอกเปิดมาเจอภาพๆนี้ มีหวังเขาคงถูกยิงแน่ๆ

     

     

     

     

    “นายมีอะไรหรือเปล่าคะ” แง้มประตูออกเล็กน้อย ก่อนจะแทรกตัวออกมาให้ไวที่สุด พยายามที่จะไม่ให้ผู้ชายตรงหน้าได้เห็นสภาพของเตียงในห้องนอน

     

     

     

     

    “ผมมีเรื่องจะขอร้องหน่อย” กิตติลูบใบหน้าตนเองอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา “ฝากดูแลลูกสาวผมด้วย”

     

     

     

    “รับทราบค่ะ” รับปากอย่างเต็มปากเต็มคำ คำสั่งนั่นถึงไม่มีเขาก็ต้องทำด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว 

     

     

     

    “ไม่ใช่. . .” เงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างอ่อนแรง “ผมไม่ได้หมายถึงตามหน้าที่”

     

     

     

    “คะ? . . .” รู้สึกแปลกใจกับคำพูดเหล่านั้น แต่ยังไม่เท่ากับประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของคนตรงหน้า คำแทนตัวที่ทำให้เขาแทบจะทรุดลงกับพื้น

     

     

     

    “ลุง. . .จะฝากให้” กิตติค่อยๆบีบไหล่ของคนตรงหน้าอย่างอ้อนวอน เพราะรู้สึกผิดกับอดีตที่เคยตวาดเด็กน้อยตรงหน้า ผิดที่ไปลงกับเด็กที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ทั้งๆที่นั่นเป็นความหวังดีของเพื่อนตัวเองแท้ๆ

     

     

     

    “กอล์ฟช่วยดูแลฐาได้ไหม” 

     

     

     

    “คุณลุง. . .” หยดน้ำตาใสๆ ค่อยๆเอ่อล้นออกมา

     

     

     

     

    “รับปากลุงได้ไหมกอล์ฟ” กิตติแทบจะลงไปคุกเข่ากับคำขอร้อง แต่ติดตรงที่ว่าผู้หญิงตรงหน้าฉุดให้เขาลุกขึ้นมาเสียก่อน “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น. . .”

     

     

     

     

    “ฝากดูแลฐาด้วยนะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “นี่คุณลุกได้แล้ว” สะกิดเรียกหญิงสาวที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวใดใด “วันนี้คุณต้องเข้าบริษัทนะ”

     

     

     

    “ฮะ นายว่าอะไรนะ” กิตติ์ลภัสรีบดีดตัวเองขึ้นจากเตียง ถ้อยคำแสลงหูที่ไม่คิดว่าจะได้ยินเร็วขนาดนี้ ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก เธอยังพักผ่อนและใช้ชีวิตคุณหนูไม่เต็มที่เลยนะ

     

     

     

    “ไปได้แล้วน่า” ฉุดอีกคนขึ้นมา ก่อนจะยื่นชุดที่เขาเตรียมไว้ให้แต่เช้า “เสร็จแล้วลงมาเจอกันข้างล่างนะ”

     

     

     

     

    “แล้วคุณพ่อจะไปไหนคะ” รวบช้อนส้อมตรงหน้าอย่างอารมณ์เสีย เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่อีตาขี้เก็กนั่นบอกเป็นเรื่องจริง “ทำไมต้องให้น้องฐา ดูแลบริษัทแทนด้วย”

     

     

     

    “ธุระน่ะ คราวนี้จะไปนานหน่อย อาจจะแวะไปรับแม่เรากลับมาด้วย” จิบน้ำเล็กน้อยระหว่างตอบคำถาม เหลือบมองคนข้างๆอย่างขอความช่วยเหลือ “ไฟล์ทบินผมกี่โมงนะ สิบเอ็ดโมงใช่ไหม”

     

     

     

     

    “ใช่ค่ะท่าน” ณัฐภัสสราได้แต่เออออไปอย่างนั้น จริงๆเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คุณลุงจะทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ . . .แต่เท่าที่รู้คือห้ามเปิดเผยตัวตนของตนเอง นั่นมันหมายความว่า เขายังจะต้องปลอมตัวเป็นบุศรินต่อไปเรื่อยๆ 

     

     

     

    “งั้นไปสนามบินก่อน แล้วค่อยไปส่งลูกสาวผมที่บริษัท”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “งานบ้าอะไรเนี่ย เคลียร์มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ” ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนให้กับกองเอกสารตรงหน้า ก่อนกิตติ์ลภัสจะกวักมือเรียกอีกคนให้มาแบกเจ้าพวกนี้ออกไป “นี่คุณ. . .เอาไปเลขาหน้าห้องทีสิ”

     

     

     

     

    “เรียกให้เขามาเอาก็ได้หนิ” ณัฐภัสสราส่ายหัวปฏิเสธก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านข้อมูลบนแทปเลตต่อ แต่ไม่วายต้องรีบปิดหน้าจอที่กำลังดูอยู่ ก่อนจะสลับเอาอย่างอื่นขึ้นมาแทน

     

     

     

     

    “นี่คุณ! แมนๆหน่อยได้ป่าว” กิตติ์ลภัสรีบดึงเทปเลตนั่นออกมาดู ก่อนจะรีบโวยวาย “ไอเราก็นึกว่าทำงาน มัวแต่ขายผัก ขายพายอยู่นั่นแหละ”

     

     

     

     

    “ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยสิ” 

     

     

     

     

    “นี่ฐา!” เริ่มแย้งอย่างมีอารมณ์ แต่ความสนิทสนมนั่นทำให้หญิงสาวถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย จนณัฐภัสสรารีบแก้เกมส์แทบไม่ทัน “นี่ถ้า. . . ไม่ใช่เพราะพ่อคุณนะ”

     

     

     

     

    “จะทำไมไม่ทราบคะ คุณบุศริน” กิตติ์ลภัสลอยหน้าลอยตาอย่างกวนประสาท แถมยังจ้องหน้าแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หญิงสาวได้แต่เดินไปเดินมาอย่างตื่นเต้น เพราะวันนี้ครอบครัวของเธอจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที ส่วนคุณนมก็เตรียมกับข้าวไว้เสียเต็มโต๊ะ ในขณะที่ใครอีกคนออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า เพื่อไปรับบิดาและมารดาของเธอมาจากสนามบิน

     

     

     

    “คุณพ่อคะ น้องฐาคิดถึง . . .ฮะ นี่นายหมายความว่าไง” กิตติ์ลภัสถึงกับหน้าซีดแทบจะเป็นลมทันทีเมื่อได้ยินเสียงของคนปลายสาย จนคุณนมต้องรีบเข้าพยุงคุณหนูก่อนจะรับโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ

     

     

    “อะไรนะคะ คุณท่านเสียแล้ว”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “รถของคุณแม่คุณถูกตัดสายเบรก” ณัฐภัสสรารีบอธิบายให้หญิงสาวตรงหน้าฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าตัวเองจะต้องมีบาดแผลเต็มตัวมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็รอดมาได้เพราะถุงลมนิรภัยด้านหน้าของคนขับ ซึ่งผู้โดยสารด้านหลังไม่มีมัน

     

     

     

     

    “คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณ พวกท่านทนพิษบาดแผลไม่ไหว” เหลือบมองไปด้านหลังก่อนจะเห็นชายหนุ่มใบหน้าคุ้นเคย รีบวิ่งมาตรงที่เขายืนอยู่อย่างรีบร้อน

     

     

     

     

    “พี่คริส. . .” กิตติ์ลภัสรีบโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว ชายหนุ่มได้แต่กอดปลอบใจคนตัวเล็กอย่างเป็นห่วงเป็นใย “ไม่เป็นไรนะครับน้องฐา”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ฮัลโหล นายนี่มันไปกันใหญ่แล้วนะ” ณัฐภัสสรารีบกดโทรศัพท์หาเจ้านายตัวจริงอย่างร้อนรน ทำไมเหตุการณ์ถึงได้กับตาลปัตรแบบนี้ก็ไม่รู้ “ทำไมมันเป็นแบบนี้”

     

     

     

    ‘ผมรู้เรื่องแล้ว ตอนนี้คุณแค่ดูแลกิตติ์ลภัสให้ดี เรื่องอื่นค่อยคุยกัน’

     

     

     

     

    “แต่. . .” เพราะมัวแต่สนใจกับบทสนทนาในโทรศัพท์ จนลืมไปแล้วว่าไม่ได้ล็อคประตู กิตติ์ลภัสพยายามสะกิดเรียกอีกคน แต่ก็ได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นรายละเอียดในซองเอกสารสีน้ำตาลที่หล่นอยู่แทบเท้า

     

     

     

     

    ‘และที่สำคัญอย่าให้เธอไปอยู่กับคริสเชียวนะ’

     

     

     

     

    “รับทราบค่ะ แล้ว. . .” มองโทรศัพท์ที่ถูกตัดไปอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้น กำกระดาษสีขาวไว้แน่น นั่นมันรายละเอียดภารกิจที่เธอได้รับมอบหมายให้จัดการกับครอบครัวกรสุทธิ์ไรวรรณ

     

     

     

     

    “ฐา. . .” 

     

     

     

     

    “คุณทำอย่างนี้ทำไม” หญิงสาวมองหน้าอีกอย่างหวาดระแวง ก่อนจะคว้าปืนที่ณัฐภัสสราวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ยกขึ้นมาป้องกันตนเอง “คุณฆ่าพ่อกับแม่ของฉันทำไม”

     

     

     

     

    “เดี๋ยวนะฐา ฟังฉันก่อน” ค่อยๆยกมือขึ้นห้าม ก่อนจะเดินหลบวิถีกระสุนที่อีกคน เล็งมาทางเขา “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด”

     

     

     

     

    “คุณมันเลวที่สุด ไอฆาตรกร” กิตติ์ลภัสยิงปืนออกไปหนึ่งนัด ก่อนจะวิ่งหนีโดยไม่คิดชีวิต คว้ากุญแจรถที่หยิบมาได้ตอนหยิบปืน จะรีบขับมันออกไปนอกบ้านอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

     

    “ฐา ทำไมเธอไม่ฟังกันบ้างเลย” 




     

    ณัฐภัสสราได้แต่กำตราประจำตัวไว้แน่น ถ้าใครอีกคนสังเกตของอีกอย่างที่วางทิ้งไว้ในเซฟเธอจะไม่มีวันวิ่งหนีฉันแน่ๆกิตติ์ลภัส  .​ . . หน่วยสืบราชการลับ

     

     


     

    “รับปากลุงได้ไหมกอล์ฟ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฝากดูแลฐาด้วยนะ”

     

     



    “อย่าให้เธอไปอยู่กับคริสเชียวนะ”

     


     

     

    คำพูดของคนสองคนทำให้เขารีบรื้อกุญแจรถที่เหลือออกมา ก่อนจะรีบขับตามหญิงสาวออกไป บางสิ่งบางอย่างเริ่มปะติดปะต่อกันทันที ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกเอะใจเลยนะ ถ้าวันนั้นคริสไม่พาฐาหนีเขาออกมาจากร้านอาหาร เหตุการณ์พวกนั้นก็คงไม่เกิด

     

     

     

     

    “บ้าเอ๊ยยย!  ฐา. . .เธอต้องปลอดภัยนะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×