คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Paranoid : BAEKCHEN
Title : Paranoid
Pairing : BAEKCHEN
เพราะจงแดเป็นคนบาปที่ไปแย่งแบคฮยอนมาจากคนรัก
ตอนนี้เลยต้องรับผลกรรมด้วยการอยู่อย่างหวาดระแวง
“นี่เมื่อวานฉันเห็นพี่ชานยอลกับพี่แบคฮยอนนั่งรถออกไปด้วยกันแหละแก
เขากลับมาคบกันหรือเปล่า?”เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบกาย
มันเป็นเรื่องปกติของสังคมนักศึกษาที่จะจับกลุ่มพูดถึงเรื่องคนนั้นคนนี้
ปกติจงแดก็จะแค่ยัดหูฟังแล้วเปิดเพลงเสียงดังๆเพื่อกลบเสียงน่ารำคาญเหล่านั้น
แต่ทว่าวันนี้เขากลับทำอย่างนั้นไม่ได้
“เมื่อวานตอนเลิกเรียนใช่ไหม
เห็นว่าพี่ชานยอลมายืนรอนี่นา”
มือเล็กเผลอกำปากกาในมือแน่น
ทั้งๆที่เหตุการณ์ที่ตกมาเป็นหัวข้อสนทนาของคนที่อยู่รอบข้าง
เขาเองก็รู้ว่ามันเป็นมายังไง แต่พอได้มาฟังจากปากคนอื่นแบบนี้
ความมั่นใจที่สร้างมาทั้งหมดกลับสั่นคลอนได้ง่ายๆ
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ยินชื่อ
ปาร์ค ชานยอล นอกจากความรู้สึกผิดแล้ว จงแดยังรู้สึกระแวง
“กลับมาคบกันก็ดีสิ
พวกพี่เขาน่ะเหมาะสมกันจะตาย”
“นั่นสิ
ไม่เหมือนกับคนแถวนี้”ปลายเสียงผ่อนลงราวกับกลัวเขาจะได้ยิน
แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาที่ฉายแววเยาะเย้ยนั่นก็ส่งมาที่เขาอย่างปิดไม่มิด
จงแดได้แต่ก้มหน้า เพราะไม่สามารถตอบโต้อะไรออกไปได้
มันเป็นความจริงที่ทั้งแบคฮยอนและชานยอลเหมาะสมกันมากขนาดนั้น
แต่กลับต้องมาเลิกกัน เพียงเพราะเขาเป็นต้นเหตุ เพราะความไม่คิดหน้าคิดหลังของเขา
ไม่คิดถึงผลเสียที่ตามมา
จนทำให้ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้
คนที่ฉวยโอกาสทำร้ายความรักของคนอื่นอย่างจงแดน่ะ
สมควรแล้วที่จะต้องอยู่แบบนี้
สมควรแล้วที่จะต้องมาระแวงอยู่อย่างนี้
เขายังจำได้
วันนั้นเขาไม่ได้เมามายจนไร้สติ เขาจำได้ว่าแบคฮยอนทำอะไรไปบ้าง
รวมถึงเขาปล่อยตัวปล่อยใจยังไงบ้าง ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่า แบคฮยอนมีชานยอลเป็นแฟนอยู่แล้ว
ทั้งคู่คบกันมานานแค่ไหน คนที่เอาแต่เฝ้ามองแบคฮยอนข้างเดียวมาตลอดอย่างเขารู้ดี
แต่ก็ยังเห็นแก่ตัว
ใช้ความเมามายไร้สติเป็นข้ออ้างว่าไม่ตั้งใจ ทั้งๆที่ตอนนั้นหากเขาจะหยุดก็ทำได้
แต่เพราะตอนนั้นจงแดก็แค่คิดว่าขอแค่ได้อยู่ในอ้อมกอดของแบคฮยอนสักครั้ง
ให้คนที่เขาแอบรักโอบกอดเขาไว้สักครั้งก็คงจะดี จนลืมนึกไปถึงความผิดชอบชั่วดี
มือถือที่สั่นครืนเรียกสติของคนที่นั่งเหม่อให้กลับมา
จงแดมองหน้าจอก่อนจะกดรับ เขาไม่เคยให้ปลายสายตาต้องรอนานเลยสักครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่า”จงแดเป็นฝ่ายเอ่ยถามทันทีที่กดรับ
เขาได้ยินเสียงแบคฮยอนถอนหายใจ ก่อนจะมีเสียงโวยวายแทรกเข้ามาเป็นระยะ
[วันนี้กลับเองได้ใช่ไหม?]
“อือ
ได้สิ”จงแดตอบรับปลายสายอย่างว่าง่าย
เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยถามต่อว่าทำไมแบคฮยอนถึงไม่มารับกลับ ทั้งๆที่ปกติพวกเขากลับด้วยกันแทบทุกวัน
ก็แค่ไม่อยากทำตัวให้น่ารำคาญ
[เป็นอะไรหรือเปล่า
ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้น] เสียงเรียบๆนั่นถามขึ้นมา
เป็นอีกครั้งที่จงแดโดนแบคฮยอนจับความรู้สึกไม่สบายใจได้
ทั้งๆที่เขาก็พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดแล้วแท้ๆ
“ป่ะ...เปล่า
ไม่มีอะไรหรอกน่า...เอาไว้... “ จงแดเงียบลงกะทันหัน
เมื่อได้ยินเสียงแบคฮยอนหันไปตะโกนเรียกชื่อใครบางคน
ชื่อของคนที่จงแดจำมันไม่ได้ดี
ปาร์ค ชานยอล
มือเล็กกดตัดสายทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกลา
ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกช้าๆ อาการจุกแน่นกำลังเล่นงานเสียจนเขาเหมือนจะหายใจไม่ออก
ทั้งๆที่จงแดก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบคฮยอนต้องอยู่ทำงานดึกๆกับชานยอล
เพราะแบคฮยอนไม่เคยปิดบังเขา แบคฮยอนไม่เคยโกหก ทั้งๆที่เขาควรจะชินได้แล้ว
และเชื่อใจแบคฮยอนได้แล้ว
แต่เขากลับทำไม่ได้
คนที่เป็นฝ่ายรักมากกว่าย่อมอ่อนแอกว่า
แล้วยิ่งยังไม่เคยได้รับคำว่ารักกลับมา
จะให้เอาความเชื่อใจมากมายอย่างนั้นมาจากที่ไหน
จะให้เชื่อได้ยังไงในเมื่อพวกเขาอยู่ใกล้กันขนาดนั้น
4
วันแล้วที่เราแทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน เขาเคยนั่งรอแบคฮยอนแต่สุดท้ายก็หลับไปก่อน
พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าแบคฮยอนก็ไม่อยู่แล้ว เหลือไว้เพียงกลิ่นของอีกคนที่เบาบางเพียงพอให้รู้ว่าเมื่อคืนกลับมานอนที่นี่ จนกระทั่งเช้าวันนี้ที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าแบคฮยอนกำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าลวกๆ
ตาเรียวคู่นั้นที่ดูอิดโรยหันมามองหน้าเขาก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างทุกที
“ขอโทษนะ
ทำให้ตื่นงั้นหรอ?”
“เปล่า”จงแดส่ายหน้าเบาๆ
ตากลมจดจ้องมือเรียวที่กำลังยัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าอย่างไม่เร่งรีบ
จนกระทั่งแบคฮยอนหยุดมือแล้วหันมาสบตา
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“...”จงแดส่ายหน้าอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าหนีสายตาของอีกคน
ทำไมจะไม่รู้ว่าแบคฮยอนไม่เชื่อ นั่นเพราะจงแดน่ะเก็บอาการไม่เก่งเอาเสียเลย จงแดไม่เคยโกหกแบคฮยอนได้สำเร็จสักครั้ง
รวมถึงครั้งนี้ด้วย
ร่างของเขาถูกสวมกอดโดยร่างโปร่งของอีกฝ่าย
ความอบอุ่นของอ้อมกอดที่แบคฮยอนมอบให้ยังอุ่นเหมือนเดิม
มือเรียวที่ลูบผมเขาแผ่วเบานั่นเผลอทำให้น้ำตารื้นขึ้นมา
แบคฮยอนก็ยังเหมือนเดิม
แสดงออกทุกอย่างเหมือนเดิม มีแต่เขานี่แหละที่งี่เง่าคิดไปเอง
“ถ้าอยากเจอก็ไปหาได้
เข้าใจมั๊ย?”แบคฮยอนเอ่ยบอกคนในอ้อมแขน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคิม จงแดคิดอะไรอยู่ เอาแต่ห่วงนั่นห่วงนี่
ไม่กล้าพูดไม่กล้าถามเพียงเพราะกลัวว่าเขาจะรำคาญ
“โทรมาหาก็ต้องรับสาย
อย่าทำให้ต้องเป็นห่วงเข้าใจไหมจงแด”พูดต่อในสิ่งที่คิดเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรเลยนอกจากพยักหน้ากับอกเขา
จงแดมักจะเป็นแบบนี้ไม่เคยโทรหาเขาก่อน
แบคฮยอนยังจำได้ดีที่จงแดเคยนั่งรอเขาเพียงเพราะเขาลืมนัดเกือบสองชั่วโมงโดยที่ไม่ยอมโทรมาเตือน
เหตุผลเพียงแค่ว่า
กลัวว่าจะรบกวนเขาหากเขากำลังทำธุระอย่างอื่นอยู่
ทำให้เขารู้สึกผิดเกือบสามวันที่ปล่อยให้อีกคนรอนานขนาดนั้น
เพราะจงแดเป็นแบบนี้
ไม่ยอมพูดอะไรออกมาแบบนี้ แบคฮยอนถึงต้องเป็นฝ่ายพูดทุกอย่างออกมาเอง
เพราะรู้ว่าจงแดจะเชื่อฟังทุกอย่างที่เขาบอก
“ช่วงนี้ก็กลับพร้อมกับเซฮุนไปก่อนเข้าใจใช่ไหม”
กดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา สูดกลิ่นหอมอ่อนๆของคนในอ้อมแขน เพื่อเป็นกำลังใจก่อนที่เขาจะต้องหอบตัวเองไปเคลียร์งานที่คณะ
“แล้วก็อย่าไปฟังที่คนอื่นพูดกันนักเลย”
~~~~~~~~ paranoid
~~~~~~~~
ไม่น่ามาเลย
นี่คือประโยคที่ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด
พร้อมๆกับที่แขนเล็กกอดแขนรุ่นน้องตัวสูงไว้แน่น เพราะเมื่อเช้าบังเอิญเปิดเข้าไปในเฟสบุ๊คของแบคฮยอนแล้วเห็นภาพที่ถูกถ่ายพร้อมกับแท็กชื่อมา
แฟนของเขามีท่าทางอิดโรยจนน่าเป็นห่วง แม้ว่าแบคฮยอนจะโทรมาบอกว่าไม่เป็นอะไร
และกำลังเร่งมือให้งานชิ้นใหญ่นี่เสร็จลงเพื่อจะได้กลับมาเจอเขา
แต่จงแดก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ อีกฝ่ายต้องอดหลับอดนอนเกือบทุกวัน
จะได้กินอะไรที่ถูกปากเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกันหรือเปล่า แต่พอต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้
“ฮยอง
โอเคไหม?”น้องรหัสตัวสูงเอ่ยถามเมื่อเห็นรุ่นพี่ตัวเล็กเงียบไป
เสียงซุบซิบนินทาที่ดังขึ้นตลอดระยะทางที่พวกเขาก้าวเข้ามาในคณะวิศวะดูท่าทางจะไม่ลดลง
แถมยังดูเหมือนจะทวีความดังขึ้นกว่าเดิม ก็รู้อยู่หรอกว่าปาร์ค ชานยอลกับบยอน
แบคฮยอนน่ะเป็นคนดังของคณะ รวมถึงเป็นคู่รักที่เรียกได้ว่า เหมาะสมกัน จนเป็นขวัญใจประชากรคณะนี้
ขนาดไหน
แต่บางทีมันก็มากเกินไป
“เรารีบไปหาแบคฮยอนเถอะ”จงแดฝืนยิ้มให้น้องชายตัวสูง
ก่อนจะกระตุกแขนเซฮุนให้เดินไปยังทิศทางที่แบคฮยอนจะอยู่
เมินสายตาไม่พอใจที่ได้รับมาตั้งแต่ตอนที่คบกับแบคฮยอนใหม่ๆราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร
ทั้งๆที่ความจริงแล้ว
คำพูดพวกนั้นน่ะ
มันก็เหมือนมีดคมๆดีๆนี่เอง
กรีดซ้ำทับรอยแผลแห่งความรู้สึกผิด
จนไม่สามารถสมานให้เรียบเนียนเช่นเดิม
บริเวณห้องด้านในสุดยังได้ยินเสียงดังมาเป็นระยะ
เซฮุนเดินตามจงแดเข้ามาส่วนด้านในที่มีข้าวของวางระเกะระกะ
ตรงกลางมีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งอยู่
จงแดเอ่ยบอกให้น้องหาที่วางของแล้วตัวเองจะเป็นฝ่ายไปเรียกแบคฮยอนที่อยู่ด้านในเอง
เพราะจำได้ว่าข้างในห้องไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไป
“วางไว้ตรงนี้จะดีหรอครับฮยอง
ผมว่า..”เซฮุนเผลอหยุดชะงัก ก่อนจะทำหน้างุนงงเมื่อจู่ๆรุ่นพี่ตัวเล็กก็หยุดเดินเสียดื้อๆก่อนที่จะหมุนตัวกลับ
ทั้งๆที่เมื่อกี้บอกว่าจะเดินเข้าไปดูพี่แบคฮยอนแท้ๆ แต่ทำไมจู่ๆถึงได้...
“มีอะไรหรือเปล่าครับฮยอง...”รุ่นพี่ตัวเล็กไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามแต่กลับรีบสาวเท้าออกไปด้านนอก
เซฮุนขมวดคิ้วใจหนึ่งก็อยากจะตามพี่รหัสตัวเองออกไปด้วยความเป็นห่วง แต่เขาก็อยากรู้สาเหตุของเรื่องเมื่อครู่
“อ่าว เซฮุน?”กำลังจะโผล่หน้าเข้าไปก็เจอพี่ชายข้างบ้านอย่างจงอินที่กำลังจะเดินออกมาเสียก่อน
เซฮุนโค้งหัวให้รุ่นพี่ก่อนจะมองเลยไหล่ของอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง
รุ่นพี่แบคฮยอนกำลังนอนหลับพิงไหล่รุ่นพี่ชานยอลอยู่
ราวกับภาพวาด
เพราะสองคนเหมาะสมกันอย่างนี้นี่เอง พี่รหัสของเขาถึงได้เอาแต่คิดว่าตัวเองไม่คู่ควรอยู่อย่างนั้น
“ฝากนี่ให้พี่แบคฮยอนหน่อยนะครับ
ผมขอตัว”ยื่นถุงที่บรรจุอาหารคาวหวานที่รุ่นพี่ตัวเล็กลากเขาไปช่วยเลือกตั้งแต่บ่ายให้จงอิน
ก่อนจะหมุนตัววิ่งออกไป ไม่รอให้จงอินเอ่ยอะไรด้วยซ้ำ
เซฮุนเลยไม่ได้เห็นใบหน้างอๆของอีกฝ่ายที่มองตามหลัง
“แล้วนายไม่คิดจะซื้อมาฝากพี่บ้างเลยหรือไง
”
ไม่น่ามาเลยจริงๆ
จงแดชะลอฝีเท้าลงเมื่อคิดว่าตัวเองออกห่างจากที่นั่นพอสมควร
ผ่อนลมหายใจออกมาเผื่อว่ามันจะช่วยลดความอึดอัดในใจลง ภาพทุกอย่างมันยังคงติดตา มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องมาเห็นภาพเหล่านี้
มันเป็นเพียงแค่อิริยาบถธรรมดาๆ แต่สำหรับจงแดมันไม่ใช่เลย
แค่เห็นเขาสองคนยืนข้างกัน
ยิ้มให้กัน ใจเขาก็เจ็บไปหมดแล้ว
เพราะไม่อยากงี่เง่าให้แบคฮยอนรู้สึกไม่ดี
ถึงได้เดินหนีออกมา ทำเป็นไม่สนใจอะไร ไม่ต้องรับรู้อะไรเสียดีกว่า ทำเหมือนมองไม่เห็นความสัมพันธ์ที่ถูกลดลงมาเหลือเพียงแค่สถานะเพื่อน
เพียงเพราะต้นเหตุมาจากเขา
ทำเหมือนรับได้กับสถานะที่เป็นอยู่ทั้งๆที่ความจริงแล้ว...เขาไม่เคยทำได้เลย
“ฮึก..”สุดท้ายความอดทนก็หมดลง
ความอึดอัดที่สะสมไว้ถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตา กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องแอบมาร้องไห้คนเดียวอยู่อย่างนี้
ทั้งๆที่ได้อยู่เคียงข้างแบคฮยอนตามที่ฝันมาตลอด แล้วทำไมถึงได้เจ็บปวดอยู่อย่างนี้
เพราะเขาได้โอกาสนั้นมาด้วยความผิดพลาดงั้นหรือ
หมับ
“ฮยอง มันไม่มีอะไรหรอก
เชื่อผมสิ”อ้อมแขนที่โอบรัดร่างเขาพร้อมกับคำพูดปลอบที่ดังอยู่ข้างหู
ยิ่งเหมือนตอกย้ำความงี่เง่าของตัวเอง
จงแดสะอื้นเมื่อได้รับความอบอุ่นจากน้องชายตัวสูง ซ้ำยังอยากจะขอโทษที่ปฏิเสธความรู้สึกเซฮุนไปแบบนั้น
ทั้งๆที่เซฮุนดีกับเขามากแท้ๆ แต่เพราะเขายึดมั่นกับคนๆเดียว และรักคนๆเดียวมาตลอด
แต่ถึงจะโดนปฏิเสธไปแบบนั้น แต่เซฮุนก็ยังอยู่ข้างๆเขาตลอด
“ฮยองขอโทษนะ
เซฮุน ฮึก..ขอโทษ”จงแดกอดร่างของน้องชายไว้แน่นพร่ำขอโทษในสิ่งที่ผ่านมาแล้วซ้ำๆ
ขอโทษทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ผิดอะไรเลย
เพราะชอบคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของตัวเองแบบนี้
เพราะจงแดฮยองเป็นแบบนี้
เซฮุนถึงไม่กล้าทิ้งไปไหน ถึงแม้จะยอมปล่อยให้คนเป็นพี่ไปยืนเคียงข้างใครอีกคน
ยอมลดสถานะตัวเองลงมาในตำแหน่งที่สามารถอยู่เคียงข้างได้อย่างไม่อึดอัดใจ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เจ็บปวดที่ต้องมาเห็นน้ำตาคนที่ตัวเองรัก
แม้มันจะไม่ใช่
รัก ในความหมายเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม
“ผมไม่ได้ปล่อยมือฮยอง
เพื่อมานั่งดูฮยองร้องไห้หรอกนะ”
“...ฮึก”เซฮุนลูบผมอีกฝ่ายแผ่วเบา
ทั้งๆที่ตั้งใจจะปลอบแต่เหมือนยิ่งทำให้คนเป็นพี่ร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“พูดมันออกไปสิครับ
บอกแบคฮยอนฮยองออกไปว่าฮยองไม่ชอบ...”
“...”
“...ไม่อยากให้แบคฮยอนฮยองทำ”
“บอกให้แบคฮยอนฮยองรู้ว่าฮยองของผมเจ็บปวดแค่ไหน”ผละออกมามองหน้าคนเป็นพี่ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
และก็เป็นอีกครั้งที่จงแดไม่มั่นใจในตัวเอง ใบหน้าหม่นหมองนั่นก้มต่ำ
ตอบคนเป็นน้องออกมาอย่างแผ่วเบา
ไร้ความมั่นใจ
“แต่ฮยองไม่อยากให้แบคฮยอนรำ...”
“ไม่รำคาญหรอกครับ
เชื่อผมสิ” เซฮุนส่ายหน้าเอ่ยดักก่อนที่รุ่นพี่ตัวเล็กจะพูดจบ จุดรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ
เพราะแบคฮยอนฮยองน่ะ ก็รักฮยองไม่ต่างจากผมหรอก
ต่อ
~~~~~~~~ paranoid
~~~~~~~~
มันจะผิดหรือเปล่าถ้าเขากำลังรู้สึกว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
“ขอโทษนะจงแด”น้ำเสียงเจือความรู้สึกผิดเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
จงแดทำได้แค่เพียงยิ้ม บีบมืออีกคนเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ยังเอ่ยขอโทษเขาซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
ทุกอย่างที่เกิดในวันนั้นถูกทำให้เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
จงแดแค่เลิกร้องไห้ แล้วกลับมาเป็นจงแดคนเดิม คนที่เหมือนไม่คิดอะไรเหมือนเดิม
แต่เพราะวันนี้แบคฮยอนเกิดมีธุระด่วน และเป็นอีกครั้งที่จงแดไม่ได้เอ่ยถามว่าธุระที่ว่านั่นมันคืออะไร
เพราะหลังจากที่แบคฮยอนเคลียร์โปรเจ็คชิ้นใหญ่นั่นเสร็จ พวกเราก็ยังเหมือนเดิม
ที่ไม่เหมือนเดิมคือ เวลาที่แบคฮยอนมีให้เขา มันเหมือนจะลดลง
อีกฝ่ายชอบกลับห้องดึก
และไม่ยอมโทรมาบอกเหมือนอย่างทุกครั้ง และทุกครั้งที่แบคฮยอนหายไป เขาก็มักจะได้ยินข่าวลือจากพวกแฟนคลับของเจ้าตัวว่า
แบคฮยอนไปกับชานยอล
ทั้งๆที่พยายามตัดความหวาดกลัวและคิดตามสิ่งที่เซฮุนบอกแล้วว่าระหว่างคนทั้งคู่ไม่มีอะไร
แต่ก็เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบข้างจะตรงกันข้าม
ความสัมพันธ์ที่แสนเปราะบางของเขากับแบคฮยอนเหมือนใกล้จะจบลง
บทลงโทษของคนบาปอย่างเขามันใกล้เข้ามาทุกทีแล้วใช่ไหม
“รีบไปเถอะ แล้วเจอกันที่ห้องนะ”เพราะเห็นท่าทางไม่สบายใจของอีกฝ่ายจงแดเลยเลือกที่จะฝืนยิ้มและเป็นฝ่ายผลักแผ่นหลังของอีกฝ่ายให้ออกเดินนำหน้า
ขอแค่ไม่ให้แบคฮยอนเห็นหน้าเขาตอนนี้ก็พอ เขาไม่อยากให้แบคฮยอนคิดมาก
เพราะเขารู้ว่าตัวเองไม่เคยเก่งในเรื่องการควบคุมสีหน้าเลย
แล้วคนอย่างแบคฮยอนจะไม่รู้ได้ยังไง
ว่าเขากำลังรู้สึกไม่ดี
“เดี๋ยวสิ จงแด”แบคฮยอนร้องห้ามพยายามจะดึงดันหันมาเสียให้ได้
เขาก็เลยกอดอีกฝ่ายจากข้างหลัง ซบใบหน้าที่ฉายแววเจ็บปวดนั่นลงบนไหล่อีกฝ่าย นั่นแหละแบคฮยอนถึงได้หยุดดึงดัน
พร้อมกับทีมือเรียวคู่นั้นยกขึ้นมาทาบทับที่มือเขา
“รีบไปรีบกลับนะ”
“อือ” แบคฮยอนครางรับในลำคอ
แม้ว่าหัวคิ้วจะขมวดเข้าหากัน เหลือบมองกลุ่มผมสีดำที่อยู่ติดกับใบหน้าด้านข้างของตัวเองด้วยความไม่สบายใจ
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า
อีกฝ่ายกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง
แต่ถ้าจงแดไม่อยากบอก
เขาก็จะไม่เซ้าซี้ แม้จะเป็นห่วงอีกคนมากแค่ไหนก็ตาม
“นั่นไง เขาขึ้นรถไปด้วยกันอีกแล้ว”เสียงซุบซิบดังขึ้นทั่วบริเวณ
แต่ถึงจะไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น จงแดก็รับรู้ทุกอย่างด้วยตาของเขาอยู่แล้ว
“เมื่อวันก่อนก็เหมือนกัน
เดี๋ยวนี้กลับมาตัวติดกันอีกแล้ว”
“นั่นสิ หรือว่าจะกลับมาคบกันอีก”
“บ้าหรือไงเธอ..พี่แบคฮยอนยังไม่เลิกกับคนนั้นเลย”
“กับคนแบบนั้นจะคบกันได้นานแค่ไหนกันเชียว”
“ก็แค่...”
“หุบปากสักทีได้มั๊ยวะ!!!”เสียงตวาดที่ดังขึ้นทำให้จงแดที่กำลังก้มหน้าอยู่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ
ตากลมกระพริบไล่หยดน้ำตาที่กำลังก่อตัวขึ้น ก่อนจะหันไปเจอร่างสูงของรุ่นน้องรหัสที่เดินเคียงคู่มากับใครอีกคน
คนที่เป็นเจ้าของประโยคเมื่อครู่
เซฮุนเดินตรงเข้ามาหารุ่นพี่ตัวเล็กในขณะที่จงอิน
กวาดสายตาไปทั่วจนทุกอย่างเงียบลง
“ทำไมฮยองมาอยู่ที่นี่ละครับ”เซฮุนเอ่ยถามเสียงเบา
จ้องใบหน้าที่คล้ายจะร้องไห้ของอีกฝ่ายด้วยความเห็นใจ
ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ทำไมถึงต้องมาทำให้ตัวเองเจ็บด้วยนะ
“ฮยองก็แค่อยากมาดูให้เห็นกับตาน่ะ”ถึงจะพูดอย่างนั้น
พูดพร้อมกับยิ้มบางๆให้น้อง แต่เพียงครู่เดียวก็ต้องก้มหลบ
เพราะแววตาที่ห่วงใยของเซฮุนกำลังจะทำให้เขาร้องไห้อีกแล้ว
“ฮยอง...”
“ฮยองไม่เป็นไรหรอกน่า
เหมือนอย่างที่เซฮุนเคยบอกไง... ว่ามันไม่มีอะไรหรอก”
นั่นแหละคือสิ่งที่จงแดพยายามจะบอกตัวเอง
ถึงแม้สิ่งที่เขาเพิ่งเห็นเมื่อครู่มันจะทำให้ความคิดเหล่านั้นสั่นคลอนไปแค่ไหนก็ตาม
“มันไม่มีอะไรหรอก
จงแด อย่าคิดมากเลย”จงอินที่เมื่อครู่ได้แต่ยืนมองร่างเล็กตรงหน้าเอ่ยขึ้นมาบ้าง
รอยยิ้มจริงใจถูกส่งไปให้ จนจงแดได้แต่เอ่ยขอบคุณเบาๆ
ดวงตากลมที่รื้นไปด้วยน้ำตานั่นทำให้จงอินรู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเหลือบมองร่างสูงของน้องชายข้างบ้านก็ยิ่งเข้าใจ
ไม่แปลกเลยถ้าเซฮุนจะคอยปกป้องอยู่อย่างนี้
เพราะคิม จงแดน่ะไม่เหมาะกับน้ำตาจริงๆ
เวลาเศร้าทุกอย่างจะถูกส่งผ่านออกมาทางแววตาจนคนรอบข้างพลอยรู้สึกเศร้าไปด้วย
ตอนที่มีความสุขก็คงจะทำให้คนรอบข้างยิ้มตามได้ง่ายๆ
เหมือนอย่างที่เขาเห็นแบคฮยอนเป็นอย่างนั้น
ยิ้มอย่างมีความสุขเพียงเพราะนั่งมองรูปของคิม
จงแด
“นายอาจจะไม่เข้าใจ
และกำลังสับสนอยู่...”จงอินขยับเข้าไปใกล้วางมือลงบนไหล่เล็กของอีกฝ่ายพร้อมกับบีบให้กำลังใจเบาๆ
“แต่อย่าไปฟัง อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็นนักเลย เชื่อใจแบคฮยอนเถอะ”
จงแดพยักหน้ารับ
เขายังอยากจะเชื่อใจแบคฮยอน แม้มันจะยากเต็มที
ในขณะที่เซฮุนได้แต่ยืนมองพี่ชายข้างบ้านกับพี่รหัสนิ่ง
เผลอกำมือแน่นเมื่อเห็นอาการของพี่ชายตัวเล็ก
ไม่ใช่แค่จงแดหรอกที่ไม่เข้าใจ
เพราะโอเซฮุนเองก็ไม่เข้าใจ บยอน แบคฮยอนเหมือนกัน
จงแดปิดหนังสือในมือลง
เหลือบมองนาฬิกาข้างหัวเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
วันนี้แบคฮยอนก็ไม่อยู่อีกเหมือนเดิม คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาอีกรอบคล้ายกับทำใจยอมรับมัน
ก่อนจะหยัดกายลุกจากที่นอน สาวเท้าเข้าไปในส่วนครัวก็พบว่าที่ตู้เย็นมีโพสอิสสีเหลืองติดอยู่
ลายมือหวัดๆของแบคฮยอนทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา
“อย่าลืมกินข้าว”
ความห่วงใยเล็กๆน้อยๆที่ยังคงเหมือนเดิมทำให้ดวงใจดวงน้อยพองโตขึ้นบ้างแม้มันจะไม่มาก
แต่อย่างน้อยก็ยังทำให้จงแดรู้ว่ามันยังไม่ใช่เร็วๆนี้
ที่ทุกอย่างจะจบลง
ยกยิ้มให้กำลังใจตัวเองเช่นทุกครั้ง
แต่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นทำอะไร เสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น เผลอขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นเมื่อนึกไม่ออกว่าจะมีใครมาหาเขา
เพราะจงแดแทบจะไม่มีเพื่อนสนิทที่นี่ จะมีก็แค่เซฮุน
อีกอย่างน้องรหัสตัวสูงก็ไม่เคยย่างกรายมาที่นี่เลยสักครั้ง
เท้าเล็กพาตัวเองออกไปยังหน้าประตู
ก่อนมือเล็กจะเอื้อมไปหมุนลูกบิดให้เปิดออก พร้อมกับร่างของใครบางคนที่ทำให้จงแดตัวเย็นเฉียบราวกับถูกฉาบด้วยน้ำแข็ง
คนที่จงแดพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ามาตลอด
ปาร์ค
ชานยอล
“ได้เจอกันจริงๆสักทีนะ
จงแด”
บางที เวลาของเขามันอาจจะหมดลงแล้วจริงๆ
ต่อ
~~~~~~~~ paranoid
~~~~~~~~
“ทำตัวให้มันร่าเริงหน่อยสิครับ
ฮยอง” เซฮุนก้มลงกระซิบข้างใบหูของพี่รหัสตัวเล็ก ใบหน้าน่ารักนั่นยังหม่นหมอง
แม้แต่รอยยิ้มที่กำลังวาดอยู่บนใบหน้ายังดูฝืนเสียจนคนมองอย่างเขาเจ็บปวดไปด้วย
จงแดฮยองน่ะ
เหมาะกับรอยยิ้ม แต่ต้องเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขเท่านั้น
ที่จริงเขาอยากยกเลิกนัดเลี้ยงสายรหัสวันนี้เสียด้วยซ้ำ
แต่ก็เพราะคนเป็นพี่ที่เกรงใจพี่มินซอกถึงได้ตกลงมา ทั้งๆที่ตัวเองควรจะพักผ่อนอยู่ที่ห้องแท้ๆ
คนตัวเล็กถูกดันให้เข้ามานั่งด้านในสุดของโต๊ะ
โค้งทักทายรุ่นพี่ก่อนดวงตากลมจะกลับมามองมือตัวเองที่ถูกกุมไว้ด้วยมือของเซฮุน
รุ่นน้องตัวสูงไม่ยอมปล่อยมือเขาเลยตั้งแต่เดินเข้ามา
“ถ้าไม่ไหวต้องรีบบอกผมนะฮยอง”
“รู้แล้วน่า
ไปสนุกกับคนอื่นเถอะ” เอ่ยบอกน้องให้หายห่วง
ที่เขามาที่นี่ก็เพราะไม่อยากผิดนัดพี่มินซอก
แต่เขาก็ไม่อยากให้เซฮุนต้องมาคอยกังวลกับเขาแบบนี้
“ไปเถอะ
เซฮุนเดี๋ยวพี่นั่งเป็นเพื่อนจงแดเอง”
มินซอกโบกมือไล่เมื่อเห็นหลานรหัสทำสีหน้าอึกอัก
ใครๆก็ดูออกว่าเจ้าเด็กตัวสูงนี่ห่วงจงแดขนาดไหน
แต่ก็เพราะรู้นิสัยน้องรหัสตัวเองดีนั่นแหละ
คงรู้สึกไม่ดีแน่ๆที่ทำตัวเหมือนเป็นภาระคนอื่น
“อ่า..งั้นผมฝากด้วยนะครับฮยอง”สุดท้ายเซฮุนก็ยอม
เขาเหลือบมองหน้ารุ่นพี่ตัวเล็กอีกรอบก่อนจะลุกออกจากที่นั่งเมื่อเพื่อนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่งกวักมือเรียก
“ดื่มสักหน่อยไหม
เผื่อจะดีขึ้น” แก้วเล็กๆที่บรรจุน้ำสีใสถูกเลื่อนมาตรงหน้า พร้อมกับที่มินซอกเดินอ้อมมาหย่อนก้นลงข้างๆน้อง
แววตาที่แสนสดใสของจงแดที่ทำให้มินซอกเอ็นดูตั้งแต่วันเปิดสายรหัส
หม่นหมองเสียจนเขารู้สึกใจหาย ไหนจะร่างกายที่เหมือนจะผ่ายผอมลงกว่าเดิม
ทั้งๆที่ปกติจงแดก็เป็นคนผอมมากอยู่แล้วแท้ๆ
“เรื่องแบคฮยอนอีกแล้วหรอ?”
“...”
“พี่คิดว่านายจะมีความสุขซะอีก”
“ผม...”เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่ลำคอ
จงแดเม้มริมฝีปากแน่นทั้งๆที่อยากจะบอกออกไปเหลือเกินว่าตอนนี้เขาก็กำลังมีความสุขดี
แต่เขาก็ไม่สามารถโกหกได้
จะโกหกคนที่รู้เรื่องทุกอย่างในคืนนั้นดีอย่างมินซอกได้ยังไง
“พี่เคยบอกนายแล้วจงแด...”มือเรียววางลงบนกลุ่มผมของน้องรหัสที่เอาแต่ก้มหน้า
แววตาห่วงใยถูกส่งผ่านออกมา ตั้งแต่วันนั้นมินซอกก็นึกโทษตัวเองมาตลอดที่ไม่ยอมห้ามน้อง
เขาเอาแต่เตือนแต่ในคืนนั้นกลับเป็นคนปล่อยน้องให้ไปกับแบคฮยอนเอง
ทั้งๆที่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เพราะแววตาของบยอน
แบคฮยอนที่มองจงแดในวันนั้นทำให้เขาตัดสินใจทำแบบนั้น
“ถ้ามันเหนื่อยก็ถอยออกมาเถอะจงแด..”
แต่บางที
มินซอกอาจจะมองผิดไป
จงแดเลี่ยงออกมาจากโต๊ะ
เบื้องหน้าเขาคือกระจกห้องน้ำบานใหญ่
มันกำลังสะท้อนภาพของผู้ชายตัวผอมบางที่มีผมสีดำสนิท ริมฝีปากบางที่มุมปากยกสูงขึ้น
ตากลมที่ใครคนนั้นชอบจ้องมองแล้วบอกว่ามันสวย ตอนนี้กลับคลอไปด้วยหยดน้ำใส
ก็รู้ว่าเป็นคนเลือกทางนี้เอง
คิดไว้อยู่แล้วว่าสุดท้ายวันเวลาที่ไปแย่งคนอื่นมาอาจจะต้องหวนกลับไปหาเจ้าของ
แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่ามันจะเร็วขนาดนี้
“เพิ่งจะได้เจอกันจริงๆ
นายก็น่ารักดี” ปาร์ค ชานยอลถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้อง
เจ้าของร่างสูงเดินสำรวจห้องของเขากับแบคฮยอนช้าๆ ในขณะที่จงแดกลับทำได้แค่ยืนนิ่ง
ทำอะไรไม่ถูก
“มันน่าน้อยใจเนอะ
ทีไอ้เตี้ยนั่นกีดกันไม่ให้ฉันกับนายพบกันสักที” ชานยอลหยุดมองรูปถ่ายที่วางอยู่บนชั้นหนังสือ
ก่อนจะหันกลับมาหาเขาช้าๆ รอยยิ้มที่แสนสดใสนั่นถูกส่งมายังเขา
พร้อมกับประโยคเรียบง่าย
“แต่เอาเถอะจากนี้เราคงได้เจอกันบ่อยๆ
ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ”มันไม่ได้มีคำพูดทำร้ายจิตใจประชดประชัน แต่สำหรับคิม จงแด
ทุกอย่างที่เป็นปาร์ค ชานยอล ต่อให้ไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่แค่เจอหน้า
เขาก็เหมือนโดนความรู้สึกผิดกดลึกเข้าที่บาดแผลอีกครั้ง
“ฉันย้ายมาอยู่ห้องข้างๆนี่เอง”
จงแดสะบัดหัวไล่ความรู้สึกไม่ดีที่เอาแต่คิดเรื่องเมื่อกลางวันซ้ำๆ
ออกไป ก่อนจะถอนหายใจ ยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็พบว่ามันเกือบจะเที่ยงคืน เรื่องที่ชานยอลย้ายเข้ามาอยู่ห้องข้างๆเขา
แบคฮยอนยังไม่ได้บอก และเขาไม่รู้ว่าแบคฮยอนจะรู้หรือยังว่าเขากับชานยอลเจอกันแล้ว
ทั้งๆที่อีกฝ่ายพยายามพาเลี่ยงตลอด
แบคฮยอนเดาไม่ผิดหรอก..การเผชิญหน้ากับปาร์ค
ชานยอลตรงๆ มันทำลายความมั่นใจหลายๆอย่างของเขาลงอย่างไม่มีชิ้นดี
แกร่ก
ประตูห้องน้ำด้านในเปิดออกมา
ก่อนร่างเล็กของคนที่จงแดเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเดินออกมา
เราสองคนสบตากันสักครู่ ก่อนที่จงแดจะเป็นฝ่ายก้มหัวให้เมื่อดวงตากลมโตคู่นั้นก็มองเขาอย่างไม่วางตาเหมือนกัน
“แฟนแบคฮยอน?”เสียงที่ติดทุ้มๆของอีกฝ่ายถามขึ้น
จงแดเลยได้แต่กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้ากลับไป
“จะไปหาแบคฮยอนไหมล่ะ
หมอนั่นก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”
“ที่นี่?”คิ้วบางขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
อีกฝ่ายเดินตรงไปล้างมือ ก่อนจะเดินเข้ามาหาเขา
ชั่ววินาทีนั้นจงแดก็เพิ่งจะนึกออกว่าเคยเห็นอีกคนที่ไหน
คนๆนี้ที่มักจะอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับแบคฮยอนตลอด
จงแดเดินตามร่างของอีกฝ่ายมาเงียบๆ
คยองซูคือชื่อที่อีกฝ่ายบอกเขาหลังจากที่เห็นเขายืนทำหน้านึกอยู่นาน
จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่ง ประตูห้อง
VIP ถูกเปิดออกด้วยมือของคยองซู
แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้จงแดคล้ายกับหัวใจหยุดเต้น
แบคฮยอนถูกกอดด้วยร่างสูงของชานยอล
ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบ ก่อนที่ชานยอลจะเป็นฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาหา
อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์อัลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป
จงแดถึงรู้สึกเหมือนสมองหยุดประมวลผลไปชั่วขณะ
ทั้งๆที่เวลาของจงแดหยุดอยู่ในช่วงขณะนั้น แต่ทำไมนะภาพตรงหน้าถึงได้ชัดขึ้น
ก่อนจะพร่ามัว
“ฮึก..”
หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเขามองมันผ่านม่านน้ำตา
บางทีอาจจะเป็นอย่างที่พี่มินซอกบอก
ถ้าเหนื่อยก็ถอยออกมาเถอะ...
กับบางสิ่งบางอย่างที่เราเป็นฝ่ายทุ่มเทไป
ถ้ามันไม่ได้รับอะไรกลับมาแต่กลับทำให้เราเจ็บอยู่ซ้ำๆ
ถ้ามันไม่ได้ทำให้เรามีความสุขขึ้นมา ก็ถอยออกมา
แล้วยืนมองมันไกลๆอย่างที่เคยทำมันคงดีกว่า...
“จงแด!!!”คยองซูตะโกนเรียกชื่อคนที่หันหลังออกไป
ในขณะที่แบคฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
แฟนของเขายืนอยู่ตรงนั้น...ด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
ผลั่ก
หมัดหนักๆถูกเสยเข้าที่ปลายคางของเพื่อนตัวสูงอย่างแรง
จนชานยอลเซออกห่าง คนตัวสูงที่หน้าตาตื่นไม่แพ้กันจับบริเวณที่โดนอัดแน่น
กำลังจะเอ่ยปากขอโทษที่เล่นไม่คิดแต่ก็ทันเห็นแค่แผ่นหลังของเพื่อนวิ่งออกไป
แถมหันมายังเจอเข้ากับดวงตากลมโตของคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องเมื่อครู่
“คยอง...”
ผลั่ว
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามแรงชกอีกรอบ
ใบหน้าที่มักจะนิ่งๆนั่นกลับมองเขาด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก
แต่ชานยอลกลับรู้สึกเหมือนเขาได้ทำเรื่องผิดพลาดที่สุดในชีวิตลงไป
“เล่นกับความรู้สึกคนอื่นน่ะสนุกมากมั๊ย?”
มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ทั้งๆที่รอบข้างมีผู้คนมากมาย แต่จงแดกลับเห็นเพียงความมืดมิดที่รายล้อม
ขาเล็กพาตัวเองวิ่งออกมา
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน แต่ตอนนี้เขาอยากไปให้พ้นๆ
ไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากเห็นอะไรแบบนั้นอีกแล้ว
ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองอดทนเก่งขนาดไหน
แต่พอเจอเข้าจริงๆ จงแดก็รู้
เขาไม่ได้เก่งอย่างที่คิด...ไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่คิด
“ฮึก...”
“จงแด หยุด.!!!”
“...”ยิ่งได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง
จงแดก็ได้แต่ยกมือขึ้นปิดหู เร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น ไม่เอาแล้ว
ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
“คิม จงแด
ฉันบอกให้หยุดไง!!!” แบคฮยอนเร่งฝีเท้าเมื่อเห็นรถยนต์คันหนึ่งวิ่งตรงมาคิม
จงแดที่เอาแต่หลับหูหลับตาวิ่งหนีเขาแทบจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเจ้าตัวไม่ปลอดภัย
แสงไฟจากหน้ารถสาดเข้ามาตรงหน้า เสียงแตรรถดังลากเป็นทางยาว
พร้อมกับที่แบคฮยอนถึงตัวอีกฝ่ายพอดี
“จงแด!!”แบคฮยอนตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจพร้อมกับที่มือเรียวดึงข้อแขนอีกฝ่ายสุดแรง
ร่างผอมบางของคนเป็นแฟนลอยเข้าสู่อ้อมกอด พลิกตัวหลบรถคันใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด กอดรัดร่างที่สะอื้นจนตัวโยนนั่นแน่น
ทำไมถึงทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้น
ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาแล้วเขาจะทำยังไง...ถ้าไม่มีจงแดอยู่แล้วเขาจะทำยังไง...
คิม จงแดคนโง่
จงแดได้แต่ยืนร้องไห้เงียบๆปล่อยให้แบคฮยอนจับพลิกแขนซ้ายขวาสำรวจร่องรอยบาดเจ็บ
จงแดไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าออกไปอยู่ตรงถนนได้ยังไง
เขาเห็นก็ตอนที่แสงไฟหน้ารถอยู่ตรงหน้า จนกระทั่งร่างของเขาถูกฉุดไปอีกทาง
และถูกโอบกอดด้วยอ้อมกอดอันแสนคุ้นเคย
เท่านี้จงแดก็รู้แล้ว...เขาน่ะ
รักแบคฮยอนมากเหลือเกิน
แต่มันจะมีประโยชน์อะไร
ในเมื่อแบคฮยอนไม่ได้คิดแบบนั้น
~~~~~~~~ paranoid
~~~~~~~~
แบคฮยอนปล่อยอีกคนลงจากแผ่นหลัง
ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรมาประคบดวงตาบวมเบ่งที่เกิดจากการร้องไห้
ตาเรียวจ้องมองใบหน้าน่ารักที่แม้จะหยุดร้องไห้ไปแล้ว
แต่พอเจ้าตัวเงยหน้าสบตากับเขาน้ำตาหยดใสๆนั่นก็คลอรอบหน่วยตาเหมือนพร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อ
จงแดคงจะเจ็บปวดมากจริงๆ
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว..”แบคฮยอนนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าคนที่นั่งอยู่บนเตียง
จงแดก้มหน้าคางชิดอก ยิ่งได้ยินเสียงห่วงใยก็ยิ่งเหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้น้ำตาที่หยุดไหลกลับมาไหลอีกรอบ
ความห่วงใยที่จงแดได้รับมาตลอด
แค่คิดว่าอีกไม่นานก็จะไม่มีอีกแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนจะขาดใจ
คิม
จงแดเป็นคนไม่ดี เขาเห็นแก่ตัวที่แย่งแบคฮยอนมาแบบนั้น
แล้วตอนนี้ยังเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากปล่อยแบคฮยอนไปไหนอีก แต่จะให้ทำยังไง
ถ้าวันหนึ่งแบคฮยอนอยากจะกลับไปหาชานยอลจริงๆ จงแดจะทำยังไง
ถึงจะรักแบคฮยอนมากแค่ไหน แต่เขาไม่อยากอยู่อย่างรู้สึกผิดแบบนี้อีกแล้ว
“ร้องไห้ทำไม”แบคฮยอนประคองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของคนตัวผอมให้เงยขึ้นมาสบสายตา
ดวงตากลมที่มักจะส่อประกายดื้อรั้นนั่นหม่นหมองเสียจนแบคฮยอนใจหาย ไม่ชอบเลย
ไม่ชอบให้จงแดเป็นแบบนี้
“ฮึก..เสียใจหรือเปล่า
ฮึก นายอยากกลับไปคบกับชานยอลหรือเปล่า”
“คิม จงแด...”แบคฮยอนเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเข้ม
เขารู้ว่าสิ่งที่จงแดเห็นเมื่อครู่คงทำให้คิดไปต่างๆนาๆ
แต่เขาแค่ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้
ทำไมถึงต้องพูดเหมือนไล่ให้เขากลับไปคบกับชานยอลทั้งๆที่มันไม่มีวันเป็นไปได้
“ฮึก..เราขอโทษที่ทำให้แบคฮยอนไม่สบายใจ
เรา..ฮีก ขอโทษที่ทำให้นายเลิกกับชานยอล เรา..”
“เลิกร้องไห้แล้วก็เลิกคิดเองเออเองได้แล้ว”แบคฮยอนเอ่ยแทรกขึ้นมา
ลุกยืนก่อนจะรั้งร่างผอมบางของแฟนตัวผอมเข้ามากอดแนบอก จงแดสะอื้น
แถมยังกอดเขาไว้แน่น ท่าทางเหมือนไม่อยากปล่อยให้เขาไปไหน ทำให้แบคฮยอนเผลอยิ้มออกมา
แต่ทว่าเสียงสะอื้นที่ดังอยู่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจขึ้น
ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่รู้ว่าจงแดคิดมาก..
เขาเองก็พยายามแสดงออกให้จงแดเห็นแล้วว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับชานยอล
เขาแคร์คนตัวผอมขนาดไหน..
แต่เขาเองก็ลืมคิดไป
บางที่การกระทำเพียงอย่างเดียวมันก็ไม่เพียงพอ..
“นายคิดว่าคนอย่างฉันเป็นคนดีมากขนาดนั้นหรอ
คิดว่าที่ผ่านมามีแค่นายหรอที่ทำตัวไม่ดี..”
“...”
“จงแดยา...เรื่องของเราจริงอยู่ที่นายเป็นคนเริ่ม..แต่ถ้าฉันไม่สานต่อมันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น...รู้อะไรไหม
วันนั้นไม่ใช่แค่นายที่ยอมให้มันเกิด แต่ฉันเองก็ตั้งใจให้มันเกิดเหมือนกัน..”
“...”
“ไม่ใช่ความเหงา
ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ฉันอยู่กับนาย และฉันเลือกเอง”
“แต่ชานยอล...”ใบหน้าน่ารักผละออกมามองหน้าแบคฮยอนด้วยแววตาสับสน
แบคฮยอนพูดเหมือนเรื่องวันนั้นมันไม่ใช่เรื่องผิดพลาด
ทั้งๆที่ตอนนั้น...แบคฮยอนกับชานยอลยังคบกันอยู่
“ฉันกับชานยอลก็แค่พวกคิดอะไรตื้นๆ
แค่ทั้งชีวิตมีกันอยู่แค่นั้นเลยคิดว่าคงไม่มีใครดีกว่า ทั้งๆที่ความจริงมันไม่ใช่เลย”แบคฮยอนยิ้มก่อนจะกดจมูกลงบนขมับขาว
ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังแล้ว..เขาจะบอกทุกอย่างออกไปให้หมดถ้ามันทำให้จงแดสบายใจ
และเลิกร้องไห้
“และนายคงไม่รู้
สำหรับกับผู้ชายด้วยกันแล้ว นายคือคนแรก”คราวนี้ตากลมที่คลอไปด้วยน้ำตากระพริบปริบๆมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาแบคฮยอนถึงได้อมยิ้มแล้วพูดต่อ
“กับไอ้โย่งนั่นแค่นอนเฉียดกันก็แทบอยากจะถีบลงเตียงแล้ว...ไม่เหมือนนายหรอก
น่ารัก น่ากอด”
“...”
“หึ
ดีใจใช่มั๊ยล่ะ แล้วก็นะคิม จงแด...”
“..อือ”
“ฉันรักนาย...”
“...”
ให้ตายเถอะทั้งๆที่กะว่าจะบอกเรื่องทั้งหมดพรุ่งนี้แท้ๆ..
“แบคฮยอนปล่อยก่อน”
คนตัวผอมเอ่ยเสียงไม่มั่นใจ
มือเล็กพยายามแกะมือที่ถูกจับประสานกันออกเมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างสนอกสนใจของคนรอบข้าง
เขาถูกแบคฮยอนลากมาที่คณะวิศวะฯ ทั้งๆที่ไม่คาบเรียน
ถามอะไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบเอาแต่อมยิ้มแล้วก็จับมือเขาไม่ยอมปล่อย
ไหนจะเสื้อคู่ที่ถูกจับแต่งตัวเมื่อเช้านี้อีก
แบบนี้ก็ยิ่งถูกคนที่ไม่ชอบใจนินทา
เขาไม่อยากให้แบคฮยอนต้องมาได้ยินอะไรแบบนั้น
“ทำไมต้องปล่อย
หรือว่าไม่ชอบที่ต้องเดินข้างฉัน”
“มะ
..ไม่ใช่แบบนั้น”เพราะน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจ จงแดถึงได้ก้มหน้าหลบ
แบคฮยอนถอนหายใจก่อนจะกระชับมือของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น ทำไมเขาจะไม่รู้ เขาได้ยินทั้งหมดนั่นแหละ
เรื่องที่คนทั้งคณะพูดกัน
ไอ้เรื่องที่ว่าจงแดเป็นมือที่สามระหว่างเขากับชานยอล
ทั้งๆที่ความจริงคนพวกนั้นไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ
แต่กลับเอาแต่ว่าคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างจงแด
คนที่ผิดจริงๆน่ะคือเขาต่างหาก..ถ้าจะให้พูดจริงๆ
เขาต่างหากที่เป็นคนนอกใจ..
ไม่สิ
ทั้งเขาทั้งไอ้โย่งนั่นต่างหากที่ต่างฝ่ายต่างก็นอกใจกัน
แถมเป็นการนอกใจในแบบที่ไม่มีการโกรธเคืองกันด้วยนี่สิ
“อ่ะ”มือเล็กถูกปล่อยออก
ก่อนที่จงแดจะมองเห็นว่าตรงหน้าเขาคือ ปาร์ค ชานยอล..กับคยองซู
จงแดเผลอก้มหน้ากัดริมฝีปากแน่นเมื่อพบว่าแบคฮยอนเดินเข้าไปหาชานยอล
แล้วทิ้งเขาไว้ข้างหลัง ก่อนเสียงเรียบจะเอ่ยออกมา
“รีบๆขอโทษแฟนกูซะ”มือของแบคฮยอนผลักชานยอลให้ขยับเข้ามาหาเขา
พร้อมกับคยองซูที่เดินกอดอกจ้องมองชานยอลไม่วางตา
“จงแด
ฉันขอโทษนะ เรื่องเมื่อวาน..”ชานยอลมองหน้าคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยสายตาสำนึกผิด
เมื่อคืนเขาวิ่งตามออกไปเพื่อจะขอโทษหลังจากที่รู้ว่าตัวเองทำเรื่องไม่สมควร
แต่ทว่าสิ่งที่เห็นกลับเป็นร่างผอมบางที่ถูกแบคฮยอนกอดไว้และใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอีกฝ่าย
และนั่นก็ยิ่งทำให้ชานยอลรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“ฉันทำอะไรไม่คิด
ขอโทษนายจริงๆ แต่ฉันสาบานได้ ว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ แบคฮยอนกับฉันน่ะ
เราเป็นแค่เพื่อนกัน..”จงแดมองดวงตาของคนตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ
แต่ทว่าสิ่งที่แสดงออกมากลับมีแค่ความจริงใจ
ความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนถูกลบเลือนหายไปจากหัวใจ
ยิ่งเมื่อแบคฮยอนเดินกลับมายืนข้างเขาพร้อมกับกุมมือเขาไว้แน่น
แค่นี้ก็พอแล้ว
“อื้อ
ช่างมันเถอะ”จงแดบอกพร้อมกับยิ้มกว้าง ยิ้มในแบบที่เขาไม่เคยคิดว่าจะสามารถยิ้มให้กับคนตรงหน้าได้
แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ชานยอลมองรอยยิ้มของจงแดก่อนจะมองเลยไปยังแบคฮยอนที่ยืนขนาบข้าง
วินาทีนั้นชานยอลถึงได้รู้
พวกเขาคิดผิดตั้งแต่แรกที่เปลี่ยนสถานะแบบนั้น
ทั้งๆที่ความจริงทั้งเขาและแบคฮยอนไม่สามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในสถานะ แฟน
ได้เลย
เพราะความสุขของพวกเรา
ไม่ใช่กันและกัน
ใบหน้าของจงแดประดับไปด้วยรอยยิ้ม
แบคฮยอนจ้องมองคนข้างๆอย่างไม่วางตา หลังจากบอกลาทั้งชานยอลและคยองซูเขาก็พาจงแดเดินออกมาจากคณะ
มือของเรายังกุมกันแน่น
สายตาของคนที่ผ่านไปมาจ้องมองมาที่เขาทั้งคู่แต่แบคฮยอนไม่ได้สนใจหรอก
รอยยิ้มของคนข้างๆน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ
“อ๊ะ
มีอะไรหรือเปล่าแบคฮยอน?”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อจู่ๆแบคฮยอนก็หยุดเดิน
มือซ้ายของเขาถูกแบคฮยอนจับไว้ ก่อนอีกฝ่ายจะล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
แหวนเงินวงเกลี้ยงปรากฏตรงหน้า
ก่อนที่มันจะถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาช้าๆ เสียงซุบซิบนินทาเริ่มดังขึ้น
แต่วินาทีนั้นจงแดไม่สามารถคิดอะไรได้เลย รอยยิ้มอบอุ่นของแบคฮยอนสามารถตัดขาดเขาออกจากโลกภายนอก
เสียงของคนเหล่านั้นแผ่วเบาราวกลับได้ยินมาจากที่ไกลๆ
แต่สิ่งที่ดังชัดที่สุดในตอนนี้คงจะเป็นเสียงหัวใจของเขา
และเสียงหัวใจของแบคฮยอน...
ร่างทั้งร่างถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดอบอุ่น
ตอนนั้นจงแดไม่ได้สนใจว่าคนจะอยู่เยอะมากแค่ไหน
เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เขาจะต้องได้ยินคำนินทาเรื่องเขากับแบคฮยอนว่ายังไง
เพราะแค่ได้ยินคำนี้จากปากแบคฮยอนเขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว
“ฉันรักนาย..”
“...”
“แล้วก็..สุขสันต์วันครบรอบสามเดือนนะ..ที่รัก”
END
จบแล้วค่าาาาา ขอบคุณที่อยู่รอกันมาเนอะ ช่วงนี้งานเข้า แต่ก็พยายามหาเวลามาแต่งนะคะ นี่แก้หลายรอบมากเพราะมันจบไม่ลง แต่สุดท้ายก็พยายามจะจบให้ได้ อาจจะถูกใจหรืออาจจะไม่ถูกใจ ติเตียนเราได้ค่ะ เรื่องต่อๆไปจะพยายามทำให้ดีขึ้นกว่านี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่เข้ามาอ่านฟิคกากๆของเรานะคะ
รักทุกคนเลยยยยย ^^
ความคิดเห็น