ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] My Sunshine ,it’s U < All*Chen>

    ลำดับตอนที่ #9 : Paranoid : BAEKCHEN

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.55K
      89
      26 ธ.ค. 58





    Title :  Paranoid

    Pairing : BAEKCHEN




     

     

     



    เพราะจงแดเป็นคนบาปที่ไปแย่งแบคฮยอนมาจากคนรัก ตอนนี้เลยต้องรับผลกรรมด้วยการอยู่อย่างหวาดระแวง

     

     



    “นี่เมื่อวานฉันเห็นพี่ชานยอลกับพี่แบคฮยอนนั่งรถออกไปด้วยกันแหละแก เขากลับมาคบกันหรือเปล่า?”เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบกาย มันเป็นเรื่องปกติของสังคมนักศึกษาที่จะจับกลุ่มพูดถึงเรื่องคนนั้นคนนี้ ปกติจงแดก็จะแค่ยัดหูฟังแล้วเปิดเพลงเสียงดังๆเพื่อกลบเสียงน่ารำคาญเหล่านั้น แต่ทว่าวันนี้เขากลับทำอย่างนั้นไม่ได้

    “เมื่อวานตอนเลิกเรียนใช่ไหม เห็นว่าพี่ชานยอลมายืนรอนี่นา”

    มือเล็กเผลอกำปากกาในมือแน่น ทั้งๆที่เหตุการณ์ที่ตกมาเป็นหัวข้อสนทนาของคนที่อยู่รอบข้าง เขาเองก็รู้ว่ามันเป็นมายังไง แต่พอได้มาฟังจากปากคนอื่นแบบนี้ ความมั่นใจที่สร้างมาทั้งหมดกลับสั่นคลอนได้ง่ายๆ

    เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ยินชื่อ ปาร์ค ชานยอล นอกจากความรู้สึกผิดแล้ว จงแดยังรู้สึกระแวง

     

    “กลับมาคบกันก็ดีสิ พวกพี่เขาน่ะเหมาะสมกันจะตาย”

    “นั่นสิ ไม่เหมือนกับคนแถวนี้”ปลายเสียงผ่อนลงราวกับกลัวเขาจะได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาที่ฉายแววเยาะเย้ยนั่นก็ส่งมาที่เขาอย่างปิดไม่มิด จงแดได้แต่ก้มหน้า เพราะไม่สามารถตอบโต้อะไรออกไปได้

    มันเป็นความจริงที่ทั้งแบคฮยอนและชานยอลเหมาะสมกันมากขนาดนั้น แต่กลับต้องมาเลิกกัน เพียงเพราะเขาเป็นต้นเหตุ เพราะความไม่คิดหน้าคิดหลังของเขา ไม่คิดถึงผลเสียที่ตามมา

    จนทำให้ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้

    คนที่ฉวยโอกาสทำร้ายความรักของคนอื่นอย่างจงแดน่ะ สมควรแล้วที่จะต้องอยู่แบบนี้

    สมควรแล้วที่จะต้องมาระแวงอยู่อย่างนี้

     

    เขายังจำได้ วันนั้นเขาไม่ได้เมามายจนไร้สติ เขาจำได้ว่าแบคฮยอนทำอะไรไปบ้าง รวมถึงเขาปล่อยตัวปล่อยใจยังไงบ้าง ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่า แบคฮยอนมีชานยอลเป็นแฟนอยู่แล้ว ทั้งคู่คบกันมานานแค่ไหน คนที่เอาแต่เฝ้ามองแบคฮยอนข้างเดียวมาตลอดอย่างเขารู้ดี

    แต่ก็ยังเห็นแก่ตัว ใช้ความเมามายไร้สติเป็นข้ออ้างว่าไม่ตั้งใจ ทั้งๆที่ตอนนั้นหากเขาจะหยุดก็ทำได้

    แต่เพราะตอนนั้นจงแดก็แค่คิดว่าขอแค่ได้อยู่ในอ้อมกอดของแบคฮยอนสักครั้ง ให้คนที่เขาแอบรักโอบกอดเขาไว้สักครั้งก็คงจะดี จนลืมนึกไปถึงความผิดชอบชั่วดี

     

     

    มือถือที่สั่นครืนเรียกสติของคนที่นั่งเหม่อให้กลับมา จงแดมองหน้าจอก่อนจะกดรับ เขาไม่เคยให้ปลายสายตาต้องรอนานเลยสักครั้ง

    “มีอะไรหรือเปล่า”จงแดเป็นฝ่ายเอ่ยถามทันทีที่กดรับ เขาได้ยินเสียงแบคฮยอนถอนหายใจ ก่อนจะมีเสียงโวยวายแทรกเข้ามาเป็นระยะ

    [วันนี้กลับเองได้ใช่ไหม?]

    “อือ ได้สิ”จงแดตอบรับปลายสายอย่างว่าง่าย เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยถามต่อว่าทำไมแบคฮยอนถึงไม่มารับกลับ ทั้งๆที่ปกติพวกเขากลับด้วยกันแทบทุกวัน

    ก็แค่ไม่อยากทำตัวให้น่ารำคาญ

     

    [เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้น] เสียงเรียบๆนั่นถามขึ้นมา เป็นอีกครั้งที่จงแดโดนแบคฮยอนจับความรู้สึกไม่สบายใจได้ ทั้งๆที่เขาก็พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดแล้วแท้ๆ

    “ป่ะ...เปล่า ไม่มีอะไรหรอกน่า...เอาไว้... “  จงแดเงียบลงกะทันหัน เมื่อได้ยินเสียงแบคฮยอนหันไปตะโกนเรียกชื่อใครบางคน ชื่อของคนที่จงแดจำมันไม่ได้ดี

    ปาร์ค ชานยอล

     

    มือเล็กกดตัดสายทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกลา ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกช้าๆ อาการจุกแน่นกำลังเล่นงานเสียจนเขาเหมือนจะหายใจไม่ออก ทั้งๆที่จงแดก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบคฮยอนต้องอยู่ทำงานดึกๆกับชานยอล เพราะแบคฮยอนไม่เคยปิดบังเขา แบคฮยอนไม่เคยโกหก ทั้งๆที่เขาควรจะชินได้แล้ว และเชื่อใจแบคฮยอนได้แล้ว

    แต่เขากลับทำไม่ได้

    คนที่เป็นฝ่ายรักมากกว่าย่อมอ่อนแอกว่า แล้วยิ่งยังไม่เคยได้รับคำว่ารักกลับมา จะให้เอาความเชื่อใจมากมายอย่างนั้นมาจากที่ไหน จะให้เชื่อได้ยังไงในเมื่อพวกเขาอยู่ใกล้กันขนาดนั้น

     

     

     

     

    4 วันแล้วที่เราแทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน เขาเคยนั่งรอแบคฮยอนแต่สุดท้ายก็หลับไปก่อน พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าแบคฮยอนก็ไม่อยู่แล้ว เหลือไว้เพียงกลิ่นของอีกคนที่เบาบางเพียงพอให้รู้ว่าเมื่อคืนกลับมานอนที่นี่ จนกระทั่งเช้าวันนี้ที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าแบคฮยอนกำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าลวกๆ  ตาเรียวคู่นั้นที่ดูอิดโรยหันมามองหน้าเขาก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างทุกที

     

    “ขอโทษนะ ทำให้ตื่นงั้นหรอ?”

    “เปล่า”จงแดส่ายหน้าเบาๆ ตากลมจดจ้องมือเรียวที่กำลังยัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าอย่างไม่เร่งรีบ จนกระทั่งแบคฮยอนหยุดมือแล้วหันมาสบตา

    “มีอะไรหรือเปล่า?”

    “...”จงแดส่ายหน้าอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าหนีสายตาของอีกคน ทำไมจะไม่รู้ว่าแบคฮยอนไม่เชื่อ นั่นเพราะจงแดน่ะเก็บอาการไม่เก่งเอาเสียเลย จงแดไม่เคยโกหกแบคฮยอนได้สำเร็จสักครั้ง

    รวมถึงครั้งนี้ด้วย

    ร่างของเขาถูกสวมกอดโดยร่างโปร่งของอีกฝ่าย ความอบอุ่นของอ้อมกอดที่แบคฮยอนมอบให้ยังอุ่นเหมือนเดิม มือเรียวที่ลูบผมเขาแผ่วเบานั่นเผลอทำให้น้ำตารื้นขึ้นมา

    แบคฮยอนก็ยังเหมือนเดิม แสดงออกทุกอย่างเหมือนเดิม มีแต่เขานี่แหละที่งี่เง่าคิดไปเอง

     

     

    “ถ้าอยากเจอก็ไปหาได้ เข้าใจมั๊ย?”แบคฮยอนเอ่ยบอกคนในอ้อมแขน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคิม จงแดคิดอะไรอยู่ เอาแต่ห่วงนั่นห่วงนี่ ไม่กล้าพูดไม่กล้าถามเพียงเพราะกลัวว่าเขาจะรำคาญ

    “โทรมาหาก็ต้องรับสาย อย่าทำให้ต้องเป็นห่วงเข้าใจไหมจงแด”พูดต่อในสิ่งที่คิดเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรเลยนอกจากพยักหน้ากับอกเขา จงแดมักจะเป็นแบบนี้ไม่เคยโทรหาเขาก่อน แบคฮยอนยังจำได้ดีที่จงแดเคยนั่งรอเขาเพียงเพราะเขาลืมนัดเกือบสองชั่วโมงโดยที่ไม่ยอมโทรมาเตือน

    เหตุผลเพียงแค่ว่า กลัวว่าจะรบกวนเขาหากเขากำลังทำธุระอย่างอื่นอยู่ ทำให้เขารู้สึกผิดเกือบสามวันที่ปล่อยให้อีกคนรอนานขนาดนั้น

    เพราะจงแดเป็นแบบนี้ ไม่ยอมพูดอะไรออกมาแบบนี้ แบคฮยอนถึงต้องเป็นฝ่ายพูดทุกอย่างออกมาเอง

    เพราะรู้ว่าจงแดจะเชื่อฟังทุกอย่างที่เขาบอก

     

    “ช่วงนี้ก็กลับพร้อมกับเซฮุนไปก่อนเข้าใจใช่ไหม” กดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา สูดกลิ่นหอมอ่อนๆของคนในอ้อมแขน เพื่อเป็นกำลังใจก่อนที่เขาจะต้องหอบตัวเองไปเคลียร์งานที่คณะ

    “แล้วก็อย่าไปฟังที่คนอื่นพูดกันนักเลย”

     

     

     

     

    ~~~~~~~~ paranoid ~~~~~~~~

     

     

     

     

    ไม่น่ามาเลย

    นี่คือประโยคที่ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด พร้อมๆกับที่แขนเล็กกอดแขนรุ่นน้องตัวสูงไว้แน่น เพราะเมื่อเช้าบังเอิญเปิดเข้าไปในเฟสบุ๊คของแบคฮยอนแล้วเห็นภาพที่ถูกถ่ายพร้อมกับแท็กชื่อมา แฟนของเขามีท่าทางอิดโรยจนน่าเป็นห่วง แม้ว่าแบคฮยอนจะโทรมาบอกว่าไม่เป็นอะไร และกำลังเร่งมือให้งานชิ้นใหญ่นี่เสร็จลงเพื่อจะได้กลับมาเจอเขา แต่จงแดก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ อีกฝ่ายต้องอดหลับอดนอนเกือบทุกวัน จะได้กินอะไรที่ถูกปากเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกันหรือเปล่า  แต่พอต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้

    “ฮยอง โอเคไหม?”น้องรหัสตัวสูงเอ่ยถามเมื่อเห็นรุ่นพี่ตัวเล็กเงียบไป เสียงซุบซิบนินทาที่ดังขึ้นตลอดระยะทางที่พวกเขาก้าวเข้ามาในคณะวิศวะดูท่าทางจะไม่ลดลง แถมยังดูเหมือนจะทวีความดังขึ้นกว่าเดิม ก็รู้อยู่หรอกว่าปาร์ค ชานยอลกับบยอน แบคฮยอนน่ะเป็นคนดังของคณะ รวมถึงเป็นคู่รักที่เรียกได้ว่า เหมาะสมกัน จนเป็นขวัญใจประชากรคณะนี้ ขนาดไหน

    แต่บางทีมันก็มากเกินไป

     “เรารีบไปหาแบคฮยอนเถอะ”จงแดฝืนยิ้มให้น้องชายตัวสูง ก่อนจะกระตุกแขนเซฮุนให้เดินไปยังทิศทางที่แบคฮยอนจะอยู่ เมินสายตาไม่พอใจที่ได้รับมาตั้งแต่ตอนที่คบกับแบคฮยอนใหม่ๆราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร ทั้งๆที่ความจริงแล้ว

    คำพูดพวกนั้นน่ะ มันก็เหมือนมีดคมๆดีๆนี่เอง

    กรีดซ้ำทับรอยแผลแห่งความรู้สึกผิด จนไม่สามารถสมานให้เรียบเนียนเช่นเดิม

     

     

    บริเวณห้องด้านในสุดยังได้ยินเสียงดังมาเป็นระยะ เซฮุนเดินตามจงแดเข้ามาส่วนด้านในที่มีข้าวของวางระเกะระกะ ตรงกลางมีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งอยู่ จงแดเอ่ยบอกให้น้องหาที่วางของแล้วตัวเองจะเป็นฝ่ายไปเรียกแบคฮยอนที่อยู่ด้านในเอง

    เพราะจำได้ว่าข้างในห้องไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไป

    “วางไว้ตรงนี้จะดีหรอครับฮยอง ผมว่า..”เซฮุนเผลอหยุดชะงัก ก่อนจะทำหน้างุนงงเมื่อจู่ๆรุ่นพี่ตัวเล็กก็หยุดเดินเสียดื้อๆก่อนที่จะหมุนตัวกลับ ทั้งๆที่เมื่อกี้บอกว่าจะเดินเข้าไปดูพี่แบคฮยอนแท้ๆ แต่ทำไมจู่ๆถึงได้...

    “มีอะไรหรือเปล่าครับฮยอง...”รุ่นพี่ตัวเล็กไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามแต่กลับรีบสาวเท้าออกไปด้านนอก เซฮุนขมวดคิ้วใจหนึ่งก็อยากจะตามพี่รหัสตัวเองออกไปด้วยความเป็นห่วง แต่เขาก็อยากรู้สาเหตุของเรื่องเมื่อครู่

     

    “อ่าว เซฮุน?”กำลังจะโผล่หน้าเข้าไปก็เจอพี่ชายข้างบ้านอย่างจงอินที่กำลังจะเดินออกมาเสียก่อน เซฮุนโค้งหัวให้รุ่นพี่ก่อนจะมองเลยไหล่ของอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง

    รุ่นพี่แบคฮยอนกำลังนอนหลับพิงไหล่รุ่นพี่ชานยอลอยู่

    ราวกับภาพวาด เพราะสองคนเหมาะสมกันอย่างนี้นี่เอง พี่รหัสของเขาถึงได้เอาแต่คิดว่าตัวเองไม่คู่ควรอยู่อย่างนั้น

    “ฝากนี่ให้พี่แบคฮยอนหน่อยนะครับ ผมขอตัว”ยื่นถุงที่บรรจุอาหารคาวหวานที่รุ่นพี่ตัวเล็กลากเขาไปช่วยเลือกตั้งแต่บ่ายให้จงอิน ก่อนจะหมุนตัววิ่งออกไป ไม่รอให้จงอินเอ่ยอะไรด้วยซ้ำ

    เซฮุนเลยไม่ได้เห็นใบหน้างอๆของอีกฝ่ายที่มองตามหลัง

    “แล้วนายไม่คิดจะซื้อมาฝากพี่บ้างเลยหรือไง ”

     

     

    ไม่น่ามาเลยจริงๆ

    จงแดชะลอฝีเท้าลงเมื่อคิดว่าตัวเองออกห่างจากที่นั่นพอสมควร ผ่อนลมหายใจออกมาเผื่อว่ามันจะช่วยลดความอึดอัดในใจลง ภาพทุกอย่างมันยังคงติดตา มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องมาเห็นภาพเหล่านี้ มันเป็นเพียงแค่อิริยาบถธรรมดาๆ แต่สำหรับจงแดมันไม่ใช่เลย

    แค่เห็นเขาสองคนยืนข้างกัน ยิ้มให้กัน ใจเขาก็เจ็บไปหมดแล้ว

    เพราะไม่อยากงี่เง่าให้แบคฮยอนรู้สึกไม่ดี ถึงได้เดินหนีออกมา ทำเป็นไม่สนใจอะไร ไม่ต้องรับรู้อะไรเสียดีกว่า ทำเหมือนมองไม่เห็นความสัมพันธ์ที่ถูกลดลงมาเหลือเพียงแค่สถานะเพื่อน เพียงเพราะต้นเหตุมาจากเขา

    ทำเหมือนรับได้กับสถานะที่เป็นอยู่ทั้งๆที่ความจริงแล้ว...เขาไม่เคยทำได้เลย

     

    “ฮึก..”สุดท้ายความอดทนก็หมดลง ความอึดอัดที่สะสมไว้ถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตา กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องแอบมาร้องไห้คนเดียวอยู่อย่างนี้ ทั้งๆที่ได้อยู่เคียงข้างแบคฮยอนตามที่ฝันมาตลอด แล้วทำไมถึงได้เจ็บปวดอยู่อย่างนี้

    เพราะเขาได้โอกาสนั้นมาด้วยความผิดพลาดงั้นหรือ

     

     

    หมับ

    “ฮยอง มันไม่มีอะไรหรอก เชื่อผมสิ”อ้อมแขนที่โอบรัดร่างเขาพร้อมกับคำพูดปลอบที่ดังอยู่ข้างหู ยิ่งเหมือนตอกย้ำความงี่เง่าของตัวเอง จงแดสะอื้นเมื่อได้รับความอบอุ่นจากน้องชายตัวสูง ซ้ำยังอยากจะขอโทษที่ปฏิเสธความรู้สึกเซฮุนไปแบบนั้น ทั้งๆที่เซฮุนดีกับเขามากแท้ๆ แต่เพราะเขายึดมั่นกับคนๆเดียว และรักคนๆเดียวมาตลอด แต่ถึงจะโดนปฏิเสธไปแบบนั้น แต่เซฮุนก็ยังอยู่ข้างๆเขาตลอด

    “ฮยองขอโทษนะ เซฮุน ฮึก..ขอโทษ”จงแดกอดร่างของน้องชายไว้แน่นพร่ำขอโทษในสิ่งที่ผ่านมาแล้วซ้ำๆ ขอโทษทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ผิดอะไรเลย

    เพราะชอบคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของตัวเองแบบนี้

    เพราะจงแดฮยองเป็นแบบนี้ เซฮุนถึงไม่กล้าทิ้งไปไหน ถึงแม้จะยอมปล่อยให้คนเป็นพี่ไปยืนเคียงข้างใครอีกคน ยอมลดสถานะตัวเองลงมาในตำแหน่งที่สามารถอยู่เคียงข้างได้อย่างไม่อึดอัดใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เจ็บปวดที่ต้องมาเห็นน้ำตาคนที่ตัวเองรัก

    แม้มันจะไม่ใช่ รัก ในความหมายเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม

     

    “ผมไม่ได้ปล่อยมือฮยอง เพื่อมานั่งดูฮยองร้องไห้หรอกนะ”

    “...ฮึก”เซฮุนลูบผมอีกฝ่ายแผ่วเบา ทั้งๆที่ตั้งใจจะปลอบแต่เหมือนยิ่งทำให้คนเป็นพี่ร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

    “พูดมันออกไปสิครับ บอกแบคฮยอนฮยองออกไปว่าฮยองไม่ชอบ...”

    “...”

    “...ไม่อยากให้แบคฮยอนฮยองทำ”

    “บอกให้แบคฮยอนฮยองรู้ว่าฮยองของผมเจ็บปวดแค่ไหน”ผละออกมามองหน้าคนเป็นพี่ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา และก็เป็นอีกครั้งที่จงแดไม่มั่นใจในตัวเอง ใบหน้าหม่นหมองนั่นก้มต่ำ ตอบคนเป็นน้องออกมาอย่างแผ่วเบา ไร้ความมั่นใจ

     

    “แต่ฮยองไม่อยากให้แบคฮยอนรำ...”

    “ไม่รำคาญหรอกครับ เชื่อผมสิ” เซฮุนส่ายหน้าเอ่ยดักก่อนที่รุ่นพี่ตัวเล็กจะพูดจบ จุดรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ

     เพราะแบคฮยอนฮยองน่ะ ก็รักฮยองไม่ต่างจากผมหรอก





    ต่อ



    ~~~~~~~~ paranoid ~~~~~~~~

     

     

     

     

    มันจะผิดหรือเปล่าถ้าเขากำลังรู้สึกว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม

     

     

    “ขอโทษนะจงแด”น้ำเสียงเจือความรู้สึกผิดเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง จงแดทำได้แค่เพียงยิ้ม บีบมืออีกคนเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ยังเอ่ยขอโทษเขาซ้ำๆอยู่อย่างนั้น

    ทุกอย่างที่เกิดในวันนั้นถูกทำให้เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น จงแดแค่เลิกร้องไห้ แล้วกลับมาเป็นจงแดคนเดิม คนที่เหมือนไม่คิดอะไรเหมือนเดิม

    แต่เพราะวันนี้แบคฮยอนเกิดมีธุระด่วน และเป็นอีกครั้งที่จงแดไม่ได้เอ่ยถามว่าธุระที่ว่านั่นมันคืออะไร เพราะหลังจากที่แบคฮยอนเคลียร์โปรเจ็คชิ้นใหญ่นั่นเสร็จ พวกเราก็ยังเหมือนเดิม ที่ไม่เหมือนเดิมคือ เวลาที่แบคฮยอนมีให้เขา มันเหมือนจะลดลง

    อีกฝ่ายชอบกลับห้องดึก และไม่ยอมโทรมาบอกเหมือนอย่างทุกครั้ง และทุกครั้งที่แบคฮยอนหายไป เขาก็มักจะได้ยินข่าวลือจากพวกแฟนคลับของเจ้าตัวว่า แบคฮยอนไปกับชานยอล

     

    ทั้งๆที่พยายามตัดความหวาดกลัวและคิดตามสิ่งที่เซฮุนบอกแล้วว่าระหว่างคนทั้งคู่ไม่มีอะไร แต่ก็เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบข้างจะตรงกันข้าม

    ความสัมพันธ์ที่แสนเปราะบางของเขากับแบคฮยอนเหมือนใกล้จะจบลง

    บทลงโทษของคนบาปอย่างเขามันใกล้เข้ามาทุกทีแล้วใช่ไหม

     

    “รีบไปเถอะ แล้วเจอกันที่ห้องนะ”เพราะเห็นท่าทางไม่สบายใจของอีกฝ่ายจงแดเลยเลือกที่จะฝืนยิ้มและเป็นฝ่ายผลักแผ่นหลังของอีกฝ่ายให้ออกเดินนำหน้า ขอแค่ไม่ให้แบคฮยอนเห็นหน้าเขาตอนนี้ก็พอ เขาไม่อยากให้แบคฮยอนคิดมาก

    เพราะเขารู้ว่าตัวเองไม่เคยเก่งในเรื่องการควบคุมสีหน้าเลย

    แล้วคนอย่างแบคฮยอนจะไม่รู้ได้ยังไง ว่าเขากำลังรู้สึกไม่ดี

     

    “เดี๋ยวสิ จงแด”แบคฮยอนร้องห้ามพยายามจะดึงดันหันมาเสียให้ได้ เขาก็เลยกอดอีกฝ่ายจากข้างหลัง ซบใบหน้าที่ฉายแววเจ็บปวดนั่นลงบนไหล่อีกฝ่าย นั่นแหละแบคฮยอนถึงได้หยุดดึงดัน พร้อมกับทีมือเรียวคู่นั้นยกขึ้นมาทาบทับที่มือเขา

     

    “รีบไปรีบกลับนะ”

    “อือ” แบคฮยอนครางรับในลำคอ แม้ว่าหัวคิ้วจะขมวดเข้าหากัน เหลือบมองกลุ่มผมสีดำที่อยู่ติดกับใบหน้าด้านข้างของตัวเองด้วยความไม่สบายใจ

    ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า อีกฝ่ายกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง

    แต่ถ้าจงแดไม่อยากบอก เขาก็จะไม่เซ้าซี้ แม้จะเป็นห่วงอีกคนมากแค่ไหนก็ตาม

     

     

    “นั่นไง เขาขึ้นรถไปด้วยกันอีกแล้ว”เสียงซุบซิบดังขึ้นทั่วบริเวณ แต่ถึงจะไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น จงแดก็รับรู้ทุกอย่างด้วยตาของเขาอยู่แล้ว

    “เมื่อวันก่อนก็เหมือนกัน เดี๋ยวนี้กลับมาตัวติดกันอีกแล้ว”

    “นั่นสิ หรือว่าจะกลับมาคบกันอีก”

    “บ้าหรือไงเธอ..พี่แบคฮยอนยังไม่เลิกกับคนนั้นเลย”

    “กับคนแบบนั้นจะคบกันได้นานแค่ไหนกันเชียว”

    “ก็แค่...”

    “หุบปากสักทีได้มั๊ยวะ!!!”เสียงตวาดที่ดังขึ้นทำให้จงแดที่กำลังก้มหน้าอยู่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ ตากลมกระพริบไล่หยดน้ำตาที่กำลังก่อตัวขึ้น ก่อนจะหันไปเจอร่างสูงของรุ่นน้องรหัสที่เดินเคียงคู่มากับใครอีกคน คนที่เป็นเจ้าของประโยคเมื่อครู่

    เซฮุนเดินตรงเข้ามาหารุ่นพี่ตัวเล็กในขณะที่จงอิน กวาดสายตาไปทั่วจนทุกอย่างเงียบลง

     

    “ทำไมฮยองมาอยู่ที่นี่ละครับ”เซฮุนเอ่ยถามเสียงเบา จ้องใบหน้าที่คล้ายจะร้องไห้ของอีกฝ่ายด้วยความเห็นใจ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ทำไมถึงต้องมาทำให้ตัวเองเจ็บด้วยนะ

    “ฮยองก็แค่อยากมาดูให้เห็นกับตาน่ะ”ถึงจะพูดอย่างนั้น พูดพร้อมกับยิ้มบางๆให้น้อง แต่เพียงครู่เดียวก็ต้องก้มหลบ เพราะแววตาที่ห่วงใยของเซฮุนกำลังจะทำให้เขาร้องไห้อีกแล้ว

    “ฮยอง...”

    “ฮยองไม่เป็นไรหรอกน่า เหมือนอย่างที่เซฮุนเคยบอกไง... ว่ามันไม่มีอะไรหรอก” นั่นแหละคือสิ่งที่จงแดพยายามจะบอกตัวเอง ถึงแม้สิ่งที่เขาเพิ่งเห็นเมื่อครู่มันจะทำให้ความคิดเหล่านั้นสั่นคลอนไปแค่ไหนก็ตาม

    “มันไม่มีอะไรหรอก จงแด อย่าคิดมากเลย”จงอินที่เมื่อครู่ได้แต่ยืนมองร่างเล็กตรงหน้าเอ่ยขึ้นมาบ้าง รอยยิ้มจริงใจถูกส่งไปให้ จนจงแดได้แต่เอ่ยขอบคุณเบาๆ ดวงตากลมที่รื้นไปด้วยน้ำตานั่นทำให้จงอินรู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเหลือบมองร่างสูงของน้องชายข้างบ้านก็ยิ่งเข้าใจ

    ไม่แปลกเลยถ้าเซฮุนจะคอยปกป้องอยู่อย่างนี้ เพราะคิม จงแดน่ะไม่เหมาะกับน้ำตาจริงๆ

    เวลาเศร้าทุกอย่างจะถูกส่งผ่านออกมาทางแววตาจนคนรอบข้างพลอยรู้สึกเศร้าไปด้วย ตอนที่มีความสุขก็คงจะทำให้คนรอบข้างยิ้มตามได้ง่ายๆ เหมือนอย่างที่เขาเห็นแบคฮยอนเป็นอย่างนั้น

    ยิ้มอย่างมีความสุขเพียงเพราะนั่งมองรูปของคิม จงแด

     

    “นายอาจจะไม่เข้าใจ และกำลังสับสนอยู่...”จงอินขยับเข้าไปใกล้วางมือลงบนไหล่เล็กของอีกฝ่ายพร้อมกับบีบให้กำลังใจเบาๆ “แต่อย่าไปฟัง อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็นนักเลย เชื่อใจแบคฮยอนเถอะ”

    จงแดพยักหน้ารับ เขายังอยากจะเชื่อใจแบคฮยอน แม้มันจะยากเต็มที

    ในขณะที่เซฮุนได้แต่ยืนมองพี่ชายข้างบ้านกับพี่รหัสนิ่ง เผลอกำมือแน่นเมื่อเห็นอาการของพี่ชายตัวเล็ก

     

    ไม่ใช่แค่จงแดหรอกที่ไม่เข้าใจ เพราะโอเซฮุนเองก็ไม่เข้าใจ บยอน แบคฮยอนเหมือนกัน

     

     

     

    จงแดปิดหนังสือในมือลง เหลือบมองนาฬิกาข้างหัวเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ วันนี้แบคฮยอนก็ไม่อยู่อีกเหมือนเดิม คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาอีกรอบคล้ายกับทำใจยอมรับมัน ก่อนจะหยัดกายลุกจากที่นอน สาวเท้าเข้าไปในส่วนครัวก็พบว่าที่ตู้เย็นมีโพสอิสสีเหลืองติดอยู่ ลายมือหวัดๆของแบคฮยอนทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา

    “อย่าลืมกินข้าว”

    ความห่วงใยเล็กๆน้อยๆที่ยังคงเหมือนเดิมทำให้ดวงใจดวงน้อยพองโตขึ้นบ้างแม้มันจะไม่มาก แต่อย่างน้อยก็ยังทำให้จงแดรู้ว่ามันยังไม่ใช่เร็วๆนี้

    ที่ทุกอย่างจะจบลง

     

    ยกยิ้มให้กำลังใจตัวเองเช่นทุกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นทำอะไร เสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น เผลอขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นเมื่อนึกไม่ออกว่าจะมีใครมาหาเขา เพราะจงแดแทบจะไม่มีเพื่อนสนิทที่นี่ จะมีก็แค่เซฮุน อีกอย่างน้องรหัสตัวสูงก็ไม่เคยย่างกรายมาที่นี่เลยสักครั้ง

    เท้าเล็กพาตัวเองออกไปยังหน้าประตู ก่อนมือเล็กจะเอื้อมไปหมุนลูกบิดให้เปิดออก พร้อมกับร่างของใครบางคนที่ทำให้จงแดตัวเย็นเฉียบราวกับถูกฉาบด้วยน้ำแข็ง

    คนที่จงแดพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ามาตลอด

     

    ปาร์ค ชานยอล

     

    “ได้เจอกันจริงๆสักทีนะ จงแด”

     

     

    บางที เวลาของเขามันอาจจะหมดลงแล้วจริงๆ


     

     ต่อ

     

    ~~~~~~~~ paranoid ~~~~~~~~

     

     

     

     

    “ทำตัวให้มันร่าเริงหน่อยสิครับ ฮยอง” เซฮุนก้มลงกระซิบข้างใบหูของพี่รหัสตัวเล็ก ใบหน้าน่ารักนั่นยังหม่นหมอง แม้แต่รอยยิ้มที่กำลังวาดอยู่บนใบหน้ายังดูฝืนเสียจนคนมองอย่างเขาเจ็บปวดไปด้วย

    จงแดฮยองน่ะ เหมาะกับรอยยิ้ม แต่ต้องเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขเท่านั้น

    ที่จริงเขาอยากยกเลิกนัดเลี้ยงสายรหัสวันนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะคนเป็นพี่ที่เกรงใจพี่มินซอกถึงได้ตกลงมา ทั้งๆที่ตัวเองควรจะพักผ่อนอยู่ที่ห้องแท้ๆ

    คนตัวเล็กถูกดันให้เข้ามานั่งด้านในสุดของโต๊ะ โค้งทักทายรุ่นพี่ก่อนดวงตากลมจะกลับมามองมือตัวเองที่ถูกกุมไว้ด้วยมือของเซฮุน รุ่นน้องตัวสูงไม่ยอมปล่อยมือเขาเลยตั้งแต่เดินเข้ามา

    “ถ้าไม่ไหวต้องรีบบอกผมนะฮยอง”

    “รู้แล้วน่า ไปสนุกกับคนอื่นเถอะ” เอ่ยบอกน้องให้หายห่วง ที่เขามาที่นี่ก็เพราะไม่อยากผิดนัดพี่มินซอก แต่เขาก็ไม่อยากให้เซฮุนต้องมาคอยกังวลกับเขาแบบนี้

    “ไปเถอะ เซฮุนเดี๋ยวพี่นั่งเป็นเพื่อนจงแดเอง” มินซอกโบกมือไล่เมื่อเห็นหลานรหัสทำสีหน้าอึกอัก ใครๆก็ดูออกว่าเจ้าเด็กตัวสูงนี่ห่วงจงแดขนาดไหน แต่ก็เพราะรู้นิสัยน้องรหัสตัวเองดีนั่นแหละ

    คงรู้สึกไม่ดีแน่ๆที่ทำตัวเหมือนเป็นภาระคนอื่น

    “อ่า..งั้นผมฝากด้วยนะครับฮยอง”สุดท้ายเซฮุนก็ยอม เขาเหลือบมองหน้ารุ่นพี่ตัวเล็กอีกรอบก่อนจะลุกออกจากที่นั่งเมื่อเพื่อนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่งกวักมือเรียก

     

    “ดื่มสักหน่อยไหม เผื่อจะดีขึ้น” แก้วเล็กๆที่บรรจุน้ำสีใสถูกเลื่อนมาตรงหน้า พร้อมกับที่มินซอกเดินอ้อมมาหย่อนก้นลงข้างๆน้อง แววตาที่แสนสดใสของจงแดที่ทำให้มินซอกเอ็นดูตั้งแต่วันเปิดสายรหัส หม่นหมองเสียจนเขารู้สึกใจหาย ไหนจะร่างกายที่เหมือนจะผ่ายผอมลงกว่าเดิม ทั้งๆที่ปกติจงแดก็เป็นคนผอมมากอยู่แล้วแท้ๆ

    “เรื่องแบคฮยอนอีกแล้วหรอ?”

    “...”

    “พี่คิดว่านายจะมีความสุขซะอีก”

    “ผม...”เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่ลำคอ จงแดเม้มริมฝีปากแน่นทั้งๆที่อยากจะบอกออกไปเหลือเกินว่าตอนนี้เขาก็กำลังมีความสุขดี แต่เขาก็ไม่สามารถโกหกได้

    จะโกหกคนที่รู้เรื่องทุกอย่างในคืนนั้นดีอย่างมินซอกได้ยังไง

    “พี่เคยบอกนายแล้วจงแด...”มือเรียววางลงบนกลุ่มผมของน้องรหัสที่เอาแต่ก้มหน้า แววตาห่วงใยถูกส่งผ่านออกมา ตั้งแต่วันนั้นมินซอกก็นึกโทษตัวเองมาตลอดที่ไม่ยอมห้ามน้อง เขาเอาแต่เตือนแต่ในคืนนั้นกลับเป็นคนปล่อยน้องให้ไปกับแบคฮยอนเอง

    ทั้งๆที่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  แต่เพราะแววตาของบยอน แบคฮยอนที่มองจงแดในวันนั้นทำให้เขาตัดสินใจทำแบบนั้น

    “ถ้ามันเหนื่อยก็ถอยออกมาเถอะจงแด..”

    แต่บางที มินซอกอาจจะมองผิดไป

     

     

    จงแดเลี่ยงออกมาจากโต๊ะ เบื้องหน้าเขาคือกระจกห้องน้ำบานใหญ่ มันกำลังสะท้อนภาพของผู้ชายตัวผอมบางที่มีผมสีดำสนิท ริมฝีปากบางที่มุมปากยกสูงขึ้น ตากลมที่ใครคนนั้นชอบจ้องมองแล้วบอกว่ามันสวย ตอนนี้กลับคลอไปด้วยหยดน้ำใส

    ก็รู้ว่าเป็นคนเลือกทางนี้เอง คิดไว้อยู่แล้วว่าสุดท้ายวันเวลาที่ไปแย่งคนอื่นมาอาจจะต้องหวนกลับไปหาเจ้าของ แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่ามันจะเร็วขนาดนี้

     

     

    “เพิ่งจะได้เจอกันจริงๆ นายก็น่ารักดี” ปาร์ค ชานยอลถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้อง เจ้าของร่างสูงเดินสำรวจห้องของเขากับแบคฮยอนช้าๆ ในขณะที่จงแดกลับทำได้แค่ยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก

    “มันน่าน้อยใจเนอะ ทีไอ้เตี้ยนั่นกีดกันไม่ให้ฉันกับนายพบกันสักที” ชานยอลหยุดมองรูปถ่ายที่วางอยู่บนชั้นหนังสือ ก่อนจะหันกลับมาหาเขาช้าๆ รอยยิ้มที่แสนสดใสนั่นถูกส่งมายังเขา พร้อมกับประโยคเรียบง่าย

    “แต่เอาเถอะจากนี้เราคงได้เจอกันบ่อยๆ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ”มันไม่ได้มีคำพูดทำร้ายจิตใจประชดประชัน แต่สำหรับคิม จงแด ทุกอย่างที่เป็นปาร์ค ชานยอล ต่อให้ไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่แค่เจอหน้า เขาก็เหมือนโดนความรู้สึกผิดกดลึกเข้าที่บาดแผลอีกครั้ง

    “ฉันย้ายมาอยู่ห้องข้างๆนี่เอง”

     

     

    จงแดสะบัดหัวไล่ความรู้สึกไม่ดีที่เอาแต่คิดเรื่องเมื่อกลางวันซ้ำๆ ออกไป ก่อนจะถอนหายใจ ยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็พบว่ามันเกือบจะเที่ยงคืน เรื่องที่ชานยอลย้ายเข้ามาอยู่ห้องข้างๆเขา แบคฮยอนยังไม่ได้บอก และเขาไม่รู้ว่าแบคฮยอนจะรู้หรือยังว่าเขากับชานยอลเจอกันแล้ว ทั้งๆที่อีกฝ่ายพยายามพาเลี่ยงตลอด

    แบคฮยอนเดาไม่ผิดหรอก..การเผชิญหน้ากับปาร์ค ชานยอลตรงๆ มันทำลายความมั่นใจหลายๆอย่างของเขาลงอย่างไม่มีชิ้นดี

     

     

    แกร่ก

    ประตูห้องน้ำด้านในเปิดออกมา ก่อนร่างเล็กของคนที่จงแดเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเดินออกมา เราสองคนสบตากันสักครู่ ก่อนที่จงแดจะเป็นฝ่ายก้มหัวให้เมื่อดวงตากลมโตคู่นั้นก็มองเขาอย่างไม่วางตาเหมือนกัน

    “แฟนแบคฮยอน?”เสียงที่ติดทุ้มๆของอีกฝ่ายถามขึ้น จงแดเลยได้แต่กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้ากลับไป

    “จะไปหาแบคฮยอนไหมล่ะ หมอนั่นก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”

    “ที่นี่?”คิ้วบางขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย อีกฝ่ายเดินตรงไปล้างมือ ก่อนจะเดินเข้ามาหาเขา ชั่ววินาทีนั้นจงแดก็เพิ่งจะนึกออกว่าเคยเห็นอีกคนที่ไหน

    คนๆนี้ที่มักจะอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับแบคฮยอนตลอด

     

    จงแดเดินตามร่างของอีกฝ่ายมาเงียบๆ คยองซูคือชื่อที่อีกฝ่ายบอกเขาหลังจากที่เห็นเขายืนทำหน้านึกอยู่นาน จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่ง ประตูห้อง VIP ถูกเปิดออกด้วยมือของคยองซู แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้จงแดคล้ายกับหัวใจหยุดเต้น

    แบคฮยอนถูกกอดด้วยร่างสูงของชานยอล ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบ ก่อนที่ชานยอลจะเป็นฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาหา

    อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์อัลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป จงแดถึงรู้สึกเหมือนสมองหยุดประมวลผลไปชั่วขณะ ทั้งๆที่เวลาของจงแดหยุดอยู่ในช่วงขณะนั้น แต่ทำไมนะภาพตรงหน้าถึงได้ชัดขึ้น ก่อนจะพร่ามัว

     “ฮึก..”

    หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเขามองมันผ่านม่านน้ำตา

     

    บางทีอาจจะเป็นอย่างที่พี่มินซอกบอก

    ถ้าเหนื่อยก็ถอยออกมาเถอะ...

    กับบางสิ่งบางอย่างที่เราเป็นฝ่ายทุ่มเทไป ถ้ามันไม่ได้รับอะไรกลับมาแต่กลับทำให้เราเจ็บอยู่ซ้ำๆ ถ้ามันไม่ได้ทำให้เรามีความสุขขึ้นมา ก็ถอยออกมา แล้วยืนมองมันไกลๆอย่างที่เคยทำมันคงดีกว่า...

     

     “จงแด!!!”คยองซูตะโกนเรียกชื่อคนที่หันหลังออกไป ในขณะที่แบคฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

    แฟนของเขายืนอยู่ตรงนั้น...ด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา

     

    ผลั่ก

    หมัดหนักๆถูกเสยเข้าที่ปลายคางของเพื่อนตัวสูงอย่างแรง จนชานยอลเซออกห่าง คนตัวสูงที่หน้าตาตื่นไม่แพ้กันจับบริเวณที่โดนอัดแน่น กำลังจะเอ่ยปากขอโทษที่เล่นไม่คิดแต่ก็ทันเห็นแค่แผ่นหลังของเพื่อนวิ่งออกไป แถมหันมายังเจอเข้ากับดวงตากลมโตของคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องเมื่อครู่

    คยอง...

    ผลั่ว

    ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามแรงชกอีกรอบ ใบหน้าที่มักจะนิ่งๆนั่นกลับมองเขาด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก แต่ชานยอลกลับรู้สึกเหมือนเขาได้ทำเรื่องผิดพลาดที่สุดในชีวิตลงไป

    เล่นกับความรู้สึกคนอื่นน่ะสนุกมากมั๊ย?

     

     

     

     

    มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ทั้งๆที่รอบข้างมีผู้คนมากมาย แต่จงแดกลับเห็นเพียงความมืดมิดที่รายล้อม

    ขาเล็กพาตัวเองวิ่งออกมา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน แต่ตอนนี้เขาอยากไปให้พ้นๆ ไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากเห็นอะไรแบบนั้นอีกแล้ว

    ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองอดทนเก่งขนาดไหน แต่พอเจอเข้าจริงๆ จงแดก็รู้

    เขาไม่ได้เก่งอย่างที่คิด...ไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่คิด

    “ฮึก...”

    “จงแด หยุด.!!!

    “...”ยิ่งได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง จงแดก็ได้แต่ยกมือขึ้นปิดหู เร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น ไม่เอาแล้ว ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว

    “คิม จงแด ฉันบอกให้หยุดไง!!!” แบคฮยอนเร่งฝีเท้าเมื่อเห็นรถยนต์คันหนึ่งวิ่งตรงมาคิม จงแดที่เอาแต่หลับหูหลับตาวิ่งหนีเขาแทบจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเจ้าตัวไม่ปลอดภัย แสงไฟจากหน้ารถสาดเข้ามาตรงหน้า เสียงแตรรถดังลากเป็นทางยาว พร้อมกับที่แบคฮยอนถึงตัวอีกฝ่ายพอดี

    “จงแด!!”แบคฮยอนตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจพร้อมกับที่มือเรียวดึงข้อแขนอีกฝ่ายสุดแรง ร่างผอมบางของคนเป็นแฟนลอยเข้าสู่อ้อมกอด พลิกตัวหลบรถคันใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด กอดรัดร่างที่สะอื้นจนตัวโยนนั่นแน่น

    ทำไมถึงทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้น

    ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาแล้วเขาจะทำยังไง...ถ้าไม่มีจงแดอยู่แล้วเขาจะทำยังไง...

    คิม จงแดคนโง่

     

    จงแดได้แต่ยืนร้องไห้เงียบๆปล่อยให้แบคฮยอนจับพลิกแขนซ้ายขวาสำรวจร่องรอยบาดเจ็บ จงแดไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าออกไปอยู่ตรงถนนได้ยังไง เขาเห็นก็ตอนที่แสงไฟหน้ารถอยู่ตรงหน้า จนกระทั่งร่างของเขาถูกฉุดไปอีกทาง และถูกโอบกอดด้วยอ้อมกอดอันแสนคุ้นเคย

    เท่านี้จงแดก็รู้แล้ว...เขาน่ะ รักแบคฮยอนมากเหลือเกิน

    แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อแบคฮยอนไม่ได้คิดแบบนั้น

     

     

     

     

    ~~~~~~~~ paranoid ~~~~~~~~

     

     

     

     

    แบคฮยอนปล่อยอีกคนลงจากแผ่นหลัง ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรมาประคบดวงตาบวมเบ่งที่เกิดจากการร้องไห้ ตาเรียวจ้องมองใบหน้าน่ารักที่แม้จะหยุดร้องไห้ไปแล้ว แต่พอเจ้าตัวเงยหน้าสบตากับเขาน้ำตาหยดใสๆนั่นก็คลอรอบหน่วยตาเหมือนพร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อ

    จงแดคงจะเจ็บปวดมากจริงๆ

     

    “เลิกร้องไห้ได้แล้ว..”แบคฮยอนนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าคนที่นั่งอยู่บนเตียง จงแดก้มหน้าคางชิดอก ยิ่งได้ยินเสียงห่วงใยก็ยิ่งเหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้น้ำตาที่หยุดไหลกลับมาไหลอีกรอบ

    ความห่วงใยที่จงแดได้รับมาตลอด แค่คิดว่าอีกไม่นานก็จะไม่มีอีกแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนจะขาดใจ

    คิม จงแดเป็นคนไม่ดี เขาเห็นแก่ตัวที่แย่งแบคฮยอนมาแบบนั้น แล้วตอนนี้ยังเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากปล่อยแบคฮยอนไปไหนอีก แต่จะให้ทำยังไง ถ้าวันหนึ่งแบคฮยอนอยากจะกลับไปหาชานยอลจริงๆ จงแดจะทำยังไง ถึงจะรักแบคฮยอนมากแค่ไหน แต่เขาไม่อยากอยู่อย่างรู้สึกผิดแบบนี้อีกแล้ว

    “ร้องไห้ทำไม”แบคฮยอนประคองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของคนตัวผอมให้เงยขึ้นมาสบสายตา ดวงตากลมที่มักจะส่อประกายดื้อรั้นนั่นหม่นหมองเสียจนแบคฮยอนใจหาย ไม่ชอบเลย ไม่ชอบให้จงแดเป็นแบบนี้

     

    “ฮึก..เสียใจหรือเปล่า ฮึก นายอยากกลับไปคบกับชานยอลหรือเปล่า”

    “คิม จงแด...”แบคฮยอนเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเข้ม เขารู้ว่าสิ่งที่จงแดเห็นเมื่อครู่คงทำให้คิดไปต่างๆนาๆ แต่เขาแค่ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ ทำไมถึงต้องพูดเหมือนไล่ให้เขากลับไปคบกับชานยอลทั้งๆที่มันไม่มีวันเป็นไปได้

    “ฮึก..เราขอโทษที่ทำให้แบคฮยอนไม่สบายใจ เรา..ฮีก ขอโทษที่ทำให้นายเลิกกับชานยอล เรา..”

     

    “เลิกร้องไห้แล้วก็เลิกคิดเองเออเองได้แล้ว”แบคฮยอนเอ่ยแทรกขึ้นมา ลุกยืนก่อนจะรั้งร่างผอมบางของแฟนตัวผอมเข้ามากอดแนบอก จงแดสะอื้น แถมยังกอดเขาไว้แน่น ท่าทางเหมือนไม่อยากปล่อยให้เขาไปไหน ทำให้แบคฮยอนเผลอยิ้มออกมา แต่ทว่าเสียงสะอื้นที่ดังอยู่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจขึ้น

    ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่รู้ว่าจงแดคิดมาก..

    เขาเองก็พยายามแสดงออกให้จงแดเห็นแล้วว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับชานยอล เขาแคร์คนตัวผอมขนาดไหน..

    แต่เขาเองก็ลืมคิดไป บางที่การกระทำเพียงอย่างเดียวมันก็ไม่เพียงพอ..

     

    “นายคิดว่าคนอย่างฉันเป็นคนดีมากขนาดนั้นหรอ คิดว่าที่ผ่านมามีแค่นายหรอที่ทำตัวไม่ดี..”

    “...”

    “จงแดยา...เรื่องของเราจริงอยู่ที่นายเป็นคนเริ่ม..แต่ถ้าฉันไม่สานต่อมันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น...รู้อะไรไหม วันนั้นไม่ใช่แค่นายที่ยอมให้มันเกิด แต่ฉันเองก็ตั้งใจให้มันเกิดเหมือนกัน..”

    “...”

    “ไม่ใช่ความเหงา ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ฉันอยู่กับนาย และฉันเลือกเอง”

    “แต่ชานยอล...”ใบหน้าน่ารักผละออกมามองหน้าแบคฮยอนด้วยแววตาสับสน แบคฮยอนพูดเหมือนเรื่องวันนั้นมันไม่ใช่เรื่องผิดพลาด ทั้งๆที่ตอนนั้น...แบคฮยอนกับชานยอลยังคบกันอยู่

    “ฉันกับชานยอลก็แค่พวกคิดอะไรตื้นๆ แค่ทั้งชีวิตมีกันอยู่แค่นั้นเลยคิดว่าคงไม่มีใครดีกว่า  ทั้งๆที่ความจริงมันไม่ใช่เลย”แบคฮยอนยิ้มก่อนจะกดจมูกลงบนขมับขาว

    ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังแล้ว..เขาจะบอกทุกอย่างออกไปให้หมดถ้ามันทำให้จงแดสบายใจ และเลิกร้องไห้

    “และนายคงไม่รู้ สำหรับกับผู้ชายด้วยกันแล้ว นายคือคนแรก”คราวนี้ตากลมที่คลอไปด้วยน้ำตากระพริบปริบๆมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาแบคฮยอนถึงได้อมยิ้มแล้วพูดต่อ

     

    “กับไอ้โย่งนั่นแค่นอนเฉียดกันก็แทบอยากจะถีบลงเตียงแล้ว...ไม่เหมือนนายหรอก น่ารัก น่ากอด”

    “...”

    “หึ ดีใจใช่มั๊ยล่ะ แล้วก็นะคิม จงแด...”

    “..อือ”

    “ฉันรักนาย...”

    “...”

     

    ให้ตายเถอะทั้งๆที่กะว่าจะบอกเรื่องทั้งหมดพรุ่งนี้แท้ๆ..

     

     

     

     

    “แบคฮยอนปล่อยก่อน” คนตัวผอมเอ่ยเสียงไม่มั่นใจ มือเล็กพยายามแกะมือที่ถูกจับประสานกันออกเมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างสนอกสนใจของคนรอบข้าง เขาถูกแบคฮยอนลากมาที่คณะวิศวะฯ ทั้งๆที่ไม่คาบเรียน ถามอะไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบเอาแต่อมยิ้มแล้วก็จับมือเขาไม่ยอมปล่อย ไหนจะเสื้อคู่ที่ถูกจับแต่งตัวเมื่อเช้านี้อีก

    แบบนี้ก็ยิ่งถูกคนที่ไม่ชอบใจนินทา เขาไม่อยากให้แบคฮยอนต้องมาได้ยินอะไรแบบนั้น

    “ทำไมต้องปล่อย หรือว่าไม่ชอบที่ต้องเดินข้างฉัน”

    “มะ ..ไม่ใช่แบบนั้น”เพราะน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจ จงแดถึงได้ก้มหน้าหลบ แบคฮยอนถอนหายใจก่อนจะกระชับมือของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น ทำไมเขาจะไม่รู้ เขาได้ยินทั้งหมดนั่นแหละ เรื่องที่คนทั้งคณะพูดกัน

    ไอ้เรื่องที่ว่าจงแดเป็นมือที่สามระหว่างเขากับชานยอล ทั้งๆที่ความจริงคนพวกนั้นไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ แต่กลับเอาแต่ว่าคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างจงแด

    คนที่ผิดจริงๆน่ะคือเขาต่างหาก..ถ้าจะให้พูดจริงๆ เขาต่างหากที่เป็นคนนอกใจ..

    ไม่สิ ทั้งเขาทั้งไอ้โย่งนั่นต่างหากที่ต่างฝ่ายต่างก็นอกใจกัน

    แถมเป็นการนอกใจในแบบที่ไม่มีการโกรธเคืองกันด้วยนี่สิ

     

     

    “อ่ะ”มือเล็กถูกปล่อยออก ก่อนที่จงแดจะมองเห็นว่าตรงหน้าเขาคือ ปาร์ค ชานยอล..กับคยองซู จงแดเผลอก้มหน้ากัดริมฝีปากแน่นเมื่อพบว่าแบคฮยอนเดินเข้าไปหาชานยอล แล้วทิ้งเขาไว้ข้างหลัง ก่อนเสียงเรียบจะเอ่ยออกมา

    “รีบๆขอโทษแฟนกูซะ”มือของแบคฮยอนผลักชานยอลให้ขยับเข้ามาหาเขา พร้อมกับคยองซูที่เดินกอดอกจ้องมองชานยอลไม่วางตา

    “จงแด ฉันขอโทษนะ เรื่องเมื่อวาน..”ชานยอลมองหน้าคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยสายตาสำนึกผิด เมื่อคืนเขาวิ่งตามออกไปเพื่อจะขอโทษหลังจากที่รู้ว่าตัวเองทำเรื่องไม่สมควร แต่ทว่าสิ่งที่เห็นกลับเป็นร่างผอมบางที่ถูกแบคฮยอนกอดไว้และใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอีกฝ่าย และนั่นก็ยิ่งทำให้ชานยอลรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่

    “ฉันทำอะไรไม่คิด ขอโทษนายจริงๆ แต่ฉันสาบานได้ ว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ แบคฮยอนกับฉันน่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน..”จงแดมองดวงตาของคนตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ แต่ทว่าสิ่งที่แสดงออกมากลับมีแค่ความจริงใจ ความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนถูกลบเลือนหายไปจากหัวใจ ยิ่งเมื่อแบคฮยอนเดินกลับมายืนข้างเขาพร้อมกับกุมมือเขาไว้แน่น

    แค่นี้ก็พอแล้ว

    “อื้อ ช่างมันเถอะ”จงแดบอกพร้อมกับยิ้มกว้าง ยิ้มในแบบที่เขาไม่เคยคิดว่าจะสามารถยิ้มให้กับคนตรงหน้าได้ แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ชานยอลมองรอยยิ้มของจงแดก่อนจะมองเลยไปยังแบคฮยอนที่ยืนขนาบข้าง วินาทีนั้นชานยอลถึงได้รู้

    พวกเขาคิดผิดตั้งแต่แรกที่เปลี่ยนสถานะแบบนั้น ทั้งๆที่ความจริงทั้งเขาและแบคฮยอนไม่สามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในสถานะ แฟน ได้เลย

    เพราะความสุขของพวกเรา ไม่ใช่กันและกัน

     

     

     

    ใบหน้าของจงแดประดับไปด้วยรอยยิ้ม แบคฮยอนจ้องมองคนข้างๆอย่างไม่วางตา หลังจากบอกลาทั้งชานยอลและคยองซูเขาก็พาจงแดเดินออกมาจากคณะ มือของเรายังกุมกันแน่น สายตาของคนที่ผ่านไปมาจ้องมองมาที่เขาทั้งคู่แต่แบคฮยอนไม่ได้สนใจหรอก

    รอยยิ้มของคนข้างๆน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ

     

    “อ๊ะ มีอะไรหรือเปล่าแบคฮยอน?”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อจู่ๆแบคฮยอนก็หยุดเดิน มือซ้ายของเขาถูกแบคฮยอนจับไว้ ก่อนอีกฝ่ายจะล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    แหวนเงินวงเกลี้ยงปรากฏตรงหน้า ก่อนที่มันจะถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาช้าๆ เสียงซุบซิบนินทาเริ่มดังขึ้น แต่วินาทีนั้นจงแดไม่สามารถคิดอะไรได้เลย รอยยิ้มอบอุ่นของแบคฮยอนสามารถตัดขาดเขาออกจากโลกภายนอก เสียงของคนเหล่านั้นแผ่วเบาราวกลับได้ยินมาจากที่ไกลๆ แต่สิ่งที่ดังชัดที่สุดในตอนนี้คงจะเป็นเสียงหัวใจของเขา

    และเสียงหัวใจของแบคฮยอน...

     

    ร่างทั้งร่างถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดอบอุ่น ตอนนั้นจงแดไม่ได้สนใจว่าคนจะอยู่เยอะมากแค่ไหน เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เขาจะต้องได้ยินคำนินทาเรื่องเขากับแบคฮยอนว่ายังไง

    เพราะแค่ได้ยินคำนี้จากปากแบคฮยอนเขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว

     

    “ฉันรักนาย..”

    “...”

    “แล้วก็..สุขสันต์วันครบรอบสามเดือนนะ..ที่รัก”

     

     

    END

     


    จบแล้วค่าาาาา ขอบคุณที่อยู่รอกันมาเนอะ ช่วงนี้งานเข้า แต่ก็พยายามหาเวลามาแต่งนะคะ นี่แก้หลายรอบมากเพราะมันจบไม่ลง แต่สุดท้ายก็พยายามจะจบให้ได้ อาจจะถูกใจหรืออาจจะไม่ถูกใจ ติเตียนเราได้ค่ะ เรื่องต่อๆไปจะพยายามทำให้ดีขึ้นกว่านี้ค่ะ

    ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่เข้ามาอ่านฟิคกากๆของเรานะคะ


    รักทุกคนเลยยยยย ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×