คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Ruffian : LAYCHEN
Title : RUFFIAN
Pairing : LAYCHEN
ตามติดมาด้วยคู่ที่ชอบที่สุดคู่นี้ ไม่รู้ว่างอนอะไรกันหรือเปล่าช่วงนี้ถึงไม่เห็นบอสจางเต๊าะน้องเลย 555 ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
“โอ๊ย มันเจ็บนะ ปล่อยกู ปล่อยยยยยย”ร่างผอมดีดดิ้น
ร้องแหกปากโวยวายมากกว่าเดิม
ยิ่งเมื่อโดนฝ่ามือของคนที่ถือวิสาสะแบกร่างของเขาไว้บนบ่า
ราวกับเขาเบานักเบาหนานั่น ฟาดมือลงบนก้นเขาไม่ยั้ง
“ตีแค่นี้มันจะไปเจ็บได้ยังไง ทีไปตีไปต่อยกับคนอื่นไม่เห็นเจ็บ
อย่าสำออย”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะฟาดมือเข้าที่ก้นนิ่มของคนบนบ่าอีกครั้ง
เจ้าตัวยังคงส่งเสียงฮึดฮัด พ่นคำหยาบออกมานับไม่ถ้วน
แต่แค่นั้นไม่ได้ทำให้อี้ชิงกลัวแม้แต่นิดเดียว
ก็คิม จงแดน่ะ ถึงจะต่อยตีเก่งแค่ไหน
แต่เมื่อเข้ามาในบ้านตระกูลจางแล้วก็เหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ที่ต้องเชื่อฟังเขา
ตุบ
ร่างทั้งร่างถูกโยนลงบนโซฟา
จงแดจับก้นที่โดนตีไปหลายทีของตน ก่อนจะตวัดสายตาไปมองคนที่ยืนจังก้า
หรี่ตามองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตรงหน้า
คนตัวผอมที่ตอนนี้ใบหน้าบวมช้ำส่งเสียงเหอะในลำคอก่อนจะหันหน้าหนี
ไม่อยากสบตา
เดี๋ยวก็กดดันให้เขารู้สึกผิดอีก
อี้ชิงถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นดันทุรังของคนตรงหน้าก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ลูกน้องคนสนิทอย่างจื่อเทาที่ในมือถือกล่องปฐมพยาบาลเดินเข้ามาได้
บรรยากาศในห้องเงียบสงัดเมื่อจื่อเทายื่นกล่องปฐมพยาบาลให้ผู้เป็นนายแล้วกลับออกไปเคลียร์งานด้านนอกต่อ
นั่นแหละ
อี้ชิงถึงได้เวลามาสนใจเด็กดื้อ
“จงแด หันหน้ามา”เอ่ยเสียงเข้มเมื่อเห็นว่านอกจากจะไม่ยอมหันหน้ามามองเขาแล้วเจ้าตัวยังกล้าจิ้มมือถือในมืออย่างสบายใจอีก
ร่างสูงทรุดนั่งลงข้างกาย ก่อนจะคว้าเอามือถือเครื่องบางในมือเจ้าตัวโยนไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นพรมด้านล่าง
“ย๊าส์
กล้าดียังไงมาโยนของคนอื่นเขาทิ้งแบบนี้”คิม จงแดแว๊ดใส่เสียงเขียว
แต่อี้ชิงก็ยังลอยหน้าลอยตาซ้ำยังกดไหล่ของคนที่ทำท่าจะลุกไปเก็บมือถือเครื่องนั้นให้นั่งลงตามเดิม
“นั่งนิ่งๆ”
“ไม่ต้องมายุ่งกับกู
โอ๊ย”ไม่ได้อยากยอมง่ายๆ แต่เมื่ออี้ชิงบีบไหล่อย่างแรงจงแดก็เผลอร้องออกมา ก่อนจะรีบหุบปากฉับเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมที่เริ่มฉายแววไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม
ตายแน่ คิม จงแดตายแน่
“ถอดเสื้อออก”จงแดกระถดถอยหลังแทบจะทันทีที่ได้ยินคำสั่ง
แต่ก็ช้ากว่ามือขาวๆของเจ้าของบ้านที่ตามมาคว้าแขนเขาเอาไว้
จงแดเชื่อว่าตัวเองไม่ได้แรงน้อยแต่เขากลับหลุดออกจากมือนุ่มๆที่ดูเหมือนไม่มีแรงของอี้ชิงไม่ได้
“ไม่เอานะ
ปล่อยกู”ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งไม่มีประโยชน์
รู้ว่าถ้ายิ่งดื้อด้านต่อต้านเท่าไหร่จาง อี้ชิงก็จะยิ่งโกรธมากเท่านั้น
แต่จงแดก็ห้ามนิสัยดื้อด้านอยากเอาชนะของตัวเองไม่ได้สักที
ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็ไม่มีวันสู้ได้
แคว่ก
ดิ้นได้ไม่ทันไรชุดนักเรียนสีขาวก็ถูกกระชากจนขาด
ไหล่ขาวนวลที่มีรอยช้ำสีม่วงคล้ำปรากฏต่อสายตา
จงแดกัดริมฝีปากหันหน้าหนีสายตาดุๆนั่นพร้อมกับหยุดดิ้น ได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย
ก่อนที่ฝ่ามือจะแตะลงบนบริเวณนั้นอย่างแผ่วเบา
“นายนี่มันขยันหาเรื่องใส่ตัวจริงๆเลย”
“...”
“นี่ถ้าไม่เห็นเองก็คงจะไม่ยอมบอกใช่มั๊ยว่าเจ็บตรงไหนบ้าง”อี้ชิงขยับตัวเข้าหาดึงเด็กแสนดื้อด้านเข้ามาใกล้
โชคดีที่ครั้งนี้เจ้าตัวยอมง่ายๆ มือเรียวจัดการปลดเสื้อสีขาวที่ขาดด้วยฝีมือเขานั่นออกจากตัวผอมๆของคนตรงหน้า
ก่อนจะยกมือขึ้นลูบเบาๆบนหัวไหล่ คิม จงแดก้มหน้างุด
จากเด็กที่มีปากเสียงเถียงแว๊ดๆ
และไม่ยอมใครเมื่อครู่กลับเงียบและไม่ทำตัวน่าขัดใจอะไร อี้ชิงยกยิ้มอย่างพอใจ
ก่อนจะยิ้มกว้างกว่าเดิม เมื่อสายตาพลางเหลือบไปเห็น ร่องรอยสีแดง
สองสามจุดที่เขาเป็นคนทิ้งไว้บนหน้าท้องแบนราบ
“จะทำแผลก็รีบทำสิ
อยากนอนพักจะแย่แล้ว”โวยวายขึ้นกลบเกลื่อนอาการขัดเขินเมื่อรู้ถึงสายตาของอี้ชิงว่าจับจ้องไปตรงไหน
จงแดกัดปากก้มหน้าหลบ ไม่ยอมให้อี้ชิงเห็นเด็ดขาดว่าตัวเองหน้าแดงแค่ไหน
ใบหน้าน่ารักเห่อร้อนเมื่อสัมผัสของฝ่ามือนวดคลึงเนื้อยาไปตามรอยช้ำในร่างกาย ก่อนจะแตะเบาๆที่หน้าท้องแบนราบที่เผลอหดเกร็งทันทีที่ถูกสัมผัส
"สงสัยพี่คงยังลงโทษเราไม่มากพอสินะ ถึงได้มีแรงไปต่อยตีกับคนอื่นแบบนี้"จงแดเบิกตากว้าง แก้มขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงลามไปถึงใบหู ความรู้สึกเหมือนกับน้ำท่วมปาก ยิ่งเมื่อเลยหน้าสบกับดวงตาเจ้าเล่ห์นั่นจงแดก็แทบอยากจะหายตัวไปให้ไกลจากตรงนี้
"อ๊ะ จะทำอะไรน่ะ"ร้องขึ้นเสียงหลงเมื่อจู่ๆก็ถูกเจ้าของบ้านจับตรึงข้อมือไว้เนื้อหัวพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่ทาบทับลงมา ตากลมมองใบหน้าที่อยู่ห่างแค่คืบนั่นด้วยความหวาดหวั่น จะดิ้นก็ทำไม่ได้เมื่อเขาถูกดักไว้ทุกทางแบบนี้
"เขินหรอ?"รอยยิ้มที่จงแดเกลียดแสนเกลียดปรากฎขึ้นบนใบหน้า อี้ชิงยกยิ้มเมื่อได้รับเสียงแหลมๆนั่นตวาดใส่หน้า ทั้งๆที่หน้าแดงแถมอยู่ในสภาพเป็นรองแบบนี้ แต่คิม จงแดก็ยังเป็นเด็กดื้อรั้นอยู่วันยังค่ำ
"ปล่อยกูนะ ปล่อยยยยยยยยยย"
"พูดไม่เพราะ..."ไม่ได้สนใจอาการดีดดิ้นของคนใต้ร่าง อี้ชิงทำเพียงยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู "ต้องลงโทษคูณสองแล้วล่ะมั้ง"
"อ๊ากกกกกกกกกก ปล่อยยยยยยยยยยยยยย"
--------------------깡패--------------------
คิม
จงแดเป็นเด็กอันธพาล ใครๆเขาก็พูดแบบนั้น
ทั้งๆที่ตัวก็ออกเล็กมากเมื่อรวมอยู่ในกลุ่มเพื่อนของเจ้าตัว แต่คิม
จงแดกลับไม่ได้ดูเป็นภาระ เพราะเมื่อไหร่ที่มีเรื่องก็เจ้าตัวเล็กของแก๊งนี่แหละที่ออกโรงก่อนเพื่อน
แต่แค่วันนี้เพื่อนตัวเล็กของกลุ่มดูแปลกไป
“มึงเป็นอะไรวะเตี้ย?
เดินแปลกๆ”ปาร์ค ชานยอลหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด เมื่อเห็นท่าทางการเดินแปลกๆ
คิม จงแดตวัดสายตาเหวี่ยงๆใส่ก่อนจะหันสะบัดหน้าหนีเมื่อรับรู้ถึงอาการเขินอายที่พุ่งขึ้นมาบนใบหน้าเพียงเพราะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
“หรือว่าเมื่อคืนมึงกับเฮีย...”
“กูไม่ได้ทำอะไรกับมันนะ!!!”เจ้าตัวหันกลับมาแว๊ดใส่
จงอินที่เอ่ยล้อเลียน แม้ว่าหน้าจะยังแดงแจ๋จนเพื่อนๆต้องส่ายหัว
ว่าถ้ามันไม่ได้มีอะไรแล้วจะหน้าแดงทำไม
“ไม่ได้ทำอะไร
ก็ไม่ได้ทำอะไรมึงจะมองพวกกูตาขวางทำไมวะเตี้ย”
“ก็พวกมึงแม่ง..”บ่นงุบงิบๆก่อนจะหันหน้าหนี
คิม จงแดไม่ได้เขินที่โดนพวกเพื่อนแซวหรอก ก็เพราะว่าเมื่อคืนน่ะมันไม่มีอะไรจริงๆ
ก็แค่โดนไอ้คู่หมั้นบ้านั่นปล้ำจูบไปเกือบชั่วโมง
แต่ที่เดินกะเผลกๆนี่ก็เพราะว่าเขาตกเตียงระหว่างหาทางเอาตัวรอดไม่ให้เกินเลยนั่นแหละ
พูดแล้วก็อยากจะร้องไห้ให้ความโง่ของตัวเอง
แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่อี้ชิงยอมหยุด
ถึงแม้จะหัวเราะเยาะเขาไม่หยุดจนหน้าหมั่นไส้ก็เถอะ
“แล้วเรื่องไอ้กวังแทเอาไง”เสียงของจงอินดังขึ้น
บรรยากาศตึงเครียดแทบจะทันที จงแดที่เมื่อครู่กำลังยู่หน้าใส่ข้อความในมือถือ
ซึ่งมาจากคนเป็นคู่หมั้นก็ได้แต่เงยหน้ามองเพื่อนสองคนสลับกันไปมา
“ก็ถ้ามันไม่มายุ่งกับพวกเราก็ไม่ต้องทำอะไร”
ชานยอลตอบจงอินก่อนจะหันหน้ามาหาเพื่อนตัวเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกล
“ส่วนมึงไม่ต้องไปยุ่งกับมันเข้าใจมั๊ยจงแด?”
“รู้แล้วน่า
กูไม่ได้อยากจะยุ่งกับมันนักหรอกถ้ามันไม่มากวนโอ๊ยกูก่อนน่ะ” ก็ไอ้กวนโอ๊ยของจงแดก็คือการที่ไอ้บ้านั่นมองเขาด้วยสายตาดูถูก
และชอบทำเหมือนเขาอ่อนแอนั่นแหละ ก็เลยของขึ้นแทบจะตลอดที่ต้องเผชิญหน้ากัน
แต่เหมือนว่าไอ้ที่เพิ่งรับปากชานยอลไปเมื่อเช้าคงจะเป็นหมัน
“ไหนมึงบอกว่าโดนเฮียสั่งห้ามไม่ให้มีเรื่องไง
แล้วมึงจะตามกูมาทำไม”จงอินตะโกนแข่งกับแรงลมที่ปะทะเข้ากับใบหน้า
ร่างผอมของเพื่อนตัวเล็กกอดเอวซุกหน้าลงกับแผ่นหลังเพื่อนเมื่อจงอินเริ่มเพิ่มความเร็วของลูกรักคู่ใจ
“ก็กูอยากช่วยนี่
รีบๆบิดเร็วๆเดี๋ยวไอ้ชานยอลตายห่าไปซะก่อน”
จงแดวิ่งตามจงอินเข้าไปในโกดังร้าง
ถึงจะพูดว่าร้างมันก็ไม่เชิงหรอก เพราะมันคือแหล่งซ่องสุมของพวกกวังแท
คู่อริของพวกเขา
ก่อนจะถูกวงแขนของเพื่อนคว้าเอวเข้ามาซุกอยู่ในซากเก้าอี้เก่าๆที่กองเป็นพะเนินเมื่อเสียงพูดคุยดังแว่วเข้ามาใกล้
“แล้วไอ้ชานยอลมันอยู่ไหนวะ”
คนตัวเล็กกระซิบกระซาบถามเสียงเบา
จงอินส่ายหน้าไปมาก่อนจะสอดส่องสายตาออกไปมองสถานการณ์ด้านนอก
ครืดดดด
มือถือที่อยู่กระเป๋ากางเกงสั่นอย่างบ้าคลั่ง
จงแดชักสีหน้าด้วยความหงุดหงิดใส่คนที่โทรมาไม่รู้จักเวลาก่อนจะหยิบมันขึ้นมา
แต่พอเห็นสายโทรเข้าใบหน้าน่ารักก็ซีดเผือดทันใด
วันนี้เขามีนัดกับอี้ชิง
“นี่มึงไม่ต้องไปหาเฮียหรอ”จงอินเหล่มองใบหน้าเพื่อนแล้วก็เหมือนคิดขึ้นได้
จงแดหันมาจ้องหน้าเพื่อนสลับกับมือถือในมือกัดปากตัวเองอย่างไม่รู้จะทำยังไง
คือตอนนี้ไอ้ชานยอลก็กำลังจะตายห่าอยู่แล้ว จะให้เขาทิ้งเพื่อนไปเขาก็ทำไม่ได้
แต่ถ้าอี้ชิงรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อกระทืบคน
แถมพ่วงความผิดที่ไม่ยอมไปตามนัดอีกล่ะก็เขานี่แหละที่จะตาย
“ไอ้ชานยอลอยู่นั่นไงจงแด”
และวินาทีนั้นจงแดก็ไม่ได้ทันตัดสินใจอะไรเมื่อเขาถูกจงอินลากเข้าไปหาไอ้พวกสวะนั่นแล้ว
เอาเถอะ
เรื่องจาง อี้ชิง ค่อยว่ากันทีหลัง
“คุณหนูไม่เป็นไรนะครับ”จื่อเทานั่นเองที่เอ่ยถามประโยคข้างต้นขึ้นมา
จงแดพยักหน้าเอ่ยขอบคุณเบาๆ
ในขณะที่ตากลมได้แต่จ้องมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เอนสะโพกพิงกับรถคันหรูอยู่ไม่ไกล
เหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อครู่มันเกิดขึ้นเร็วมากเร็วจนจงแดยังไม่ทันจะได้บาดแผลอะไรเลยด้วยซ้ำ
จำได้แค่ว่าจางอี้ชิงโผล่เข้ามาและดึงแขนเขาไว้ในขณะที่พี่จื่อเทากลับกระโดดเข้าไปถีบพวกนั้นพร้อมๆกับจงอิน
และเพียงไม่กี่นาทีต่อมาทุกอย่างก็เงียบลง
พร้อมกับที่จางอี้ชิงปล่อยแขนเขาและเดินไปรอที่รถไม่พูดไม่จา
แม้ในใจจะยังนึกโกรธที่อีกฝ่ายถือวิสาสะติดเครื่องติดตามไว้ที่มือถือเขา
แต่พอเห็นใบหน้าของจางอี้ชิงที่ราบเรียบผิดปกติ
แล้วจงแดกลับรู้สึกเหมือนครั้งนี้อี้ชิงไม่ได้ทำเกินไป
แต่ทั้งหมดที่ทำก็เพราะเขาเป็นแบบนี้
“ขอบคุณมากนะพวกมึงที่มาช่วยกู
แล้วก็ขอบคุณนะครับพี่จื่อเทา”ตรงหน้ามีชานยอลในสภาพที่ถูกคยองซูประคองอยู่เอ่ยปากขอบคุณพวกเขากับจื่อเทา
ถ้าเป็นเวลาปกติจงแดคงได้หัวเราะสภาพของเพื่อนที่กล้าลุยเดี่ยวมาช่วยรุ่นน้องที่บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันไปนานแล้ว
แต่ตอนนี้เขากับพูดไม่ออก
“เดี๋ยวกูโทรให้แบคฮยอนมารับ
มึงกลับไปก่อนเลย”จงอินหันมาบอกเพื่อนที่ยังยืนเงียบไม่พูดไม่จา หันไปมองตามสายตาก็พบว่าเพื่อนตัวแสบเอาแต่มองคู่หมั้นหนุ่มด้วยสายตาละห้อย
จงอินตบบ่าเชิงให้กำลังใจ ก่อนจะเดินออกไปโทรหาแฟนตัวเอง
“ไปขึ้นรถก่อนเถอะครับ”
--------------------깡패--------------------
บรรยากาศในรถเงียบสงัด
จงแดที่ก้าวขึ้นมานั่งเคียงข้างอี้ชิงเงียบๆได้แต่บีบมือตัวเองแน่น
อี้ชิงไม่ได้พูดอะไรเลย แม้แต่จะดุจะด่า ว่าเขาสักคำ
หรือแม้แต่ถามว่าเจ็บไหมยังไม่มีเลย คนอายุมากกว่าเอาแต่จ้องมองทิวทัศน์นอก
ทำราวกับว่าคิม จงแดไม่มีตัวตน
อ่า
ทำไมจู่ๆถึงได้เจ็บที่อกอย่างนี้
ตากลมมองคนข้างๆละห้อย
จะเอื้อมมือไปจับก็ไม่กล้า จะเอ่ยหาคำพูดมาเริ่มบทสนทนาก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง
ได้แต่ลอบสบตากับจื่อเทาที่ส่งสายตาเป็นกำลังใจมาให้
คนตัวผอมที่รอบนี้ไม่ได้มีรอยแผลบนใบหน้าหรือแม้แต่รอยขีดข่วนตามตัวได้แต่ลอบถอนลมหายใจ
ก่อนจะตัดสินใจกระเถิบตัวเข้าไปใกล้ มือเล็กเอื้อมไปจับเข้าที่แขนของอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ
จนจื่อเทาเกือบหลุดขำออกมา
“คุณ..คุณอี้ชิง”ขนาดยอมเรียกเสียงอ่อนขนาดนี้อี้ชิงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ
จงแดเม้มปากบ่นงึมงำในลำคอ แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะแว๊ดออกมา
ท่าทางคงจะกลัวอี้ชิงโกรธจริงจัง
“...”อี้ชิงไม่ตอบแถมยังแกะมือของจงแดออก
ใบหน้าหล่อเหลานั่นยังคงเรียบนิ่ง นิ่งเสียจนจงแดใจหาย
ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆเรียกกำลังใจกันเลยทีเดียว
ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำถ้าอีกฝ่ายจะดุด่าเขามากขนาดไหน
หรือจะลงโทษเขาอย่างไร ขอแค่ให้เขาได้เถียงได้ดื้อดึง ได้เอาชนะบ้าง
แต่ครั้งนี้มันดูเหมือนจะต่างออกไป เพราะเขาเองที่เป็นคนผิดคำสัญญา
ครั้งนี้เขาผิดเต็มๆ
นอกจากจะผิดนัดให้อีกคนรอแล้ว ยังไปมีเรื่องทั้งๆที่สัญญาไว้แล้วอีกต่างห่าง
“พี่..”เสียงแผ่วๆดังขึ้นอีกครั้ง
แม้บรรยากาศในรถจะเงียบ แต่อี้ชิงก็ยังรู้สึกไม่เชื่อหู แต่เมื่อแขนเล็กๆของคนทีนั่งข้างๆสอดเข้ามาคล้องแขนเขา
พร้อมกับหัวกลมๆที่เอนซบมาที่ไหล่แล้ว มุมปากก็เผลอกระตุกยิ้ม
ก่อนจะตีหน้าเรียบเมื่อคู่หมั้นตัวแสบหันมาจ้องหน้าเขาด้วยสายตาละห้อย
“พี่อี้ชิง..”แถมยังใช้น้ำเสียงแบบนั้นอีก
“...”
“พี่อี้ชิง คุยกันหน่อยสิ”
“...”
“..พี่”
“เอาไว้คุยกันที่บ้าน”อี้ชิงตัดบท
ไม่ใช่อะไรเขาก็แค่ไม่อยากให้จงแดทำท่าทางน่ารัก
ว่าง่ายแบบนี้ให้ใครเห็นนอกจากเขาคนเดียว ถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นจื่อเทาก็เถอะ
ก็คนมันหวง
ยิ่งคิม จงแด ยิ่งไม่เคยรู้ตัวเลยว่าไม่ต้องทำอะไรเขาก็หวงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
เขาเดินตามอี้ชิงเข้ามาในห้องเงียบๆ
หย่อนตัวนั่งลงบนเตียงกว้างมองดูเจ้าของห้องเดินไปปลดเสื้อตัวนอก คลายเนกไทออก
และไม่มีท่าทีว่าจะเริ่มคุยกันอย่างที่ได้บอกไว้ในรถเลย จงแดกัดปากอย่างใช้ความคิด
สมองเขากำลังตีรวนกันไปหมด มันทั้งรู้สึกผิดอยากจะขอโทษ
แต่อีกใจก็ยังไม่กล้าทำอะไร เขาไม่เคยต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ไม่เคยต้องมาทำตัวแบบนี้
แค่คิดว่าเมื่อครู่เผลอทำตัวว่าง่ายกับอี้ชิงไปก็อายจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
แต่เขาไม่มีทางเลือก
เขากลัวอี้ชิงบอกเรื่องนี้กับป๊า และที่สำคัญเขากลัวอี้ชิงโกรธ
แม้จะทำเหมือนไม่ชอบขี้หน้า
ทำเหมือนไม่แคร์ และดื้อกับอี้ชิงมาตลอด
แต่จงแดก็ไม่ได้ชอบให้เราต้องมาทะเลาะกันแบบนี้ ยิ่งเรื่องที่เขาเป็นต้นเหตุแล้ว
“พี่อี้ชิง..มาคุยกันก่อนสิ”อี้ชิงไม่ได้หันมาแต่ยังยืนอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้า
จงแดเลยผุดลุกขึ้นเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาคนเป็นพี่เสียเอง
แขนเล็กสอดเข้าไปกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังใบหน้าซุกลงกับแผ่นหลังกว้าง
โชคดีที่อี้ชิงไม่ได้แกะมือเขาออกเหมือนอย่างตอนที่อยู่บนรถ
“ไหนบอกว่าจะคุยกันไง
พี่อย่าเงียบแบบนี้ดิ”
“ก็แล้วจะให้พี่พูดอะไร...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกตั้งแต่เข้ามาในบ้านพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่พลันทำให้จงแดวูบโหวงในอก
“พูดไปจงแดก็ไม่เคยฟัง”
“ผม..”
“พี่ไม่อยากให้จงแดต้องเจ็บตัว
พี่ไม่อยากให้ป๊ากับม๊าจงแดผิดหวังที่พี่ดูแลจงแดไม่ดี...”
“ไม่เอา..”อ้อมแขนของคนที่กอดเอวเขาอยู่รัดแน่นขึ้น
“อย่าพูดเหมือนจะไล่ผมกลับนะ”
“...”
“ผมไม่ไปไหน
จะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนเด็ดขาด”
“...”
“ต่อให้ไล่ยังไงก็ไม่ไปหรอก..”
“ก็จงแดอยากได้อิสระไม่ใช่หรอ
ไม่ชอบที่พี่คอยวุ่นวาย คอยตามห่วงแบบนี้..”อี้ชิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนจงแดรู้สึกไม่ดี
ลำคอตีบตันเมื่อจู่ๆก็อยากจะร้องไห้เสียดื้อๆ
เจ้าตัวส่ายหน้าไปมากับแผ่นหลังของอี้ชิง
กลั้นน้ำตาที่จวนเจียนจะไหลอย่างสุดความสามารถ
“ไม่เอา..ไม่เอาแบบนี้”
“..”
“ไหนบอกว่ารักผมไง
แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วหรอ แค่ผมดื้อนิดหน่อยแค่นี้ก็ทนไม่ได้หรอ”
“...”
“จะดุจะด่า
จะลงโทษผมก็ได้ แต่ไม่เอาแบบนี้ได้ไหม ฮึก..”
“จงแด...”อี้ชิงหัวใจกระตุกเมื่อได้ยินเสียงสะอื้น
แกะมือของอีกฝ่ายออกจากเอวก่อนจะหันมาเผชิญหน้า
คู่หมั้นตัวน้อยก้มหน้านิ่งแต่ไหล่บางสั่นไหว
มือเล็กถูกยกขึ้นมาปิดบังใบหน้าเมื่ออี้ชิงก้มหน้าลงไปให้อยู่ในระดับเดียวกัน
“ร้องไห้ทำไม?”เสียงนุ่มเอ่ยถาม
จงแดส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องร้องไห้
แค่คิดว่าอี้ชิงจะเบื่อ แค่คิดว่าจะไม่ได้อยู่กับอี้ชิง เขาก็ร้องไห้ออกมาเอง
หมดแล้วความดื้อดึง
ที่สร้างมาทั้งหมด มันพังลงแล้ว
“ไม่รู้..”มือเล็กปาดน้ำตาออกจากหน้าลวกๆก่อนจะตัดสินใจเงยขึ้นมาสบตาคนตรงหน้า
“..ผมขอโทษ พี่อี้ชิงไม่โกรธได้ไหม ไม่ไล่ผมกลับบ้านได้ไหม?”
“
แต่เราไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ”จงแดส่ายหน้าจนผมกระจาย
เขาไม่อยากให้อี้ชิงเข้าใจผิด ก็เหมือนกับที่ชานยอลบอก เขามีวิธีเรียกร้องความสนใจตั้งเยอะโดยที่ไม่ต้องทำตัวดื้อดึง
“...ผมอยากอยู่ที่นี่”
“แล้วทำไมจงแดไม่เชื่อฟังพี่
ทำไมทำเหมือนไม่อยากอยู่ที่นี่”
“ผม...ผมก็แค่..”อี้ชิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงนเจ้าของร่างเล็กหลบตาก่อนจะเอ่ยประโยคที่แสนจะแผ่วเบาแต่ก็ทำให้อี้ชิงหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง
“ผมก็แค่อยากให้พี่สนใจ”
--------------------깡패--------------------
จงแดเจออี้ชิงครั้งแรกตอนอายุสิบห้า
เขากลับมาถึงบ้านแล้วเจอกับป๊าที่กำลังนั่งคุยอยู่กับใครก็ไม่รู้
ก่อนจะโดนป๊ากวักมือเรียกให้ไปทักทาย
“จงแดนี่พี่อี้ชิง
สวัสดีพี่เค้าสิลูก”แม้จะยังงุนงงแต่จงแดก็โค้งให้อย่างง่ายดาย
จนเมื่อประโยคถัดมาที่พ่อบังเกิดเกล้าขยายความนั่นแหละ
“พี่เขาเป็นคู่หมั้นลูก”
“อะไรนะป๊า”คนตัวเล็กในชุดนักเรียนม.ต้น
ผุดลุกจ้องหน้าพ่อสลับกับคนที่นั่งตีหน้าเรียบอยู่ตรงหน้า ก่อนเสียงแหลมจะแผดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ
“ผมไม่แต่งเด็ดขาด!!!”
หลังจากนั้นอี้ชิงก็แทบจะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้าน
ทุกเช้าอี้ชิงจะเป็นคนมารับจงแดไปโรงเรียน รวมถึงรับกลับมาส่งที่บ้านตอนเย็น ชีวิตเขาเริ่มมีอี้ชิงนับจากนั้น
อี้ชิงไม่ได้เร่งเร้าเอาคำตอบเพียงแต่แค่เริ่มซึมซับเข้ามาในโลกของจงแดอย่างช้าๆ
เขาไม่ได้เป็นเด็กดีมาก แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นที่ไปต่อยตีกลับใคร
เขาแค่ทำตัวเป็นดื้อด้าน ต่อต้านอี้ชิงให้อี้ชิงตามใจบ้าง
เพราะเขาทะนงตัวว่าอี้ชิงต้องยอม
จนกระทั่งอี้ชิงเรียนจบและมารับตำแหน่งต่อจากเจ้าสัวจาง พร้อมๆกับที่จงแดขึ้นม.ปลายเขาเจอสังคมเพื่อนใหม่ๆ
แต่สิ่งที่จงแดเคยชินที่จะได้รับจากอี้ชิงกลับหายไป
ไม่มีคำบอกรัก
ที่อีกฝ่ายพร่ำบอกทุกทีที่เขาถามว่าทำไมถึงยอมหมั้นกับเขา
ไม่มีท่าทีฉวยโอกาส
ให้เขาได้ด่าทอ และลงไม้ลงมือฟาดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
อี้ชิงไม่มารับ-ส่งเขา
ไม่มีแม้แต่เวลามาหาที่บ้าน และยิ่งคิดว่าในสังคมผู้ใหญ่จะเป็นการเปิดโอกาสให้อี้ชิงได้เจอกับผู้คนมากมาย
เมื่อมองย้อนกลับมาดูตัวเอง ที่ผ่านมาเขาเป็นแค่เด็กดื้อเอาแต่ใจ
ไม่เคยทำตัวเป็นคู่หมั้นที่ดีเลยด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปสู้คนอื่นเขาได้
ก็แค่เด็กที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ
ความเอาใจใส่จากคนที่ตัวเองเพิ่งยอมรับว่ารัก แต่แสดงออกไม่เป็น
มันจึงเป็นผลผลักดันให้จงแดทำแบบนี้
ทำเรื่องงี่เง่าอย่างนี้
“ป๊าจะให้เราไปอยู่กับพี่เค้า
ไม่มีแต่ทั้งนั้น”คนตัวเล็กอ้าปากทำท่าจะเถียง ทั้งๆที่หัวใจพองโต
เหล่ตามองคนที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างๆแล้วก็ได้แต่ตีหน้าบึ้ง
อี้ชิงทำเพียงเดินเข้ามายืนข้างๆก่อนจะเอ่ยประโยคที่จงแดต้องลอบยิ้ม
“ผมจะดูแลน้องเองครับ”
“ฝากด้วยนะอี้ชิง
ถ้าจงแดดื้อมากๆ หรือไปต่อยตีใครเขาอีก ป๊าจะส่งให้ไปอยู่กับจงด็อกที่อิตาลี”
“ไม่ต้องห่วงครับ..”อี้ชิงเหลือบมองใบหน้าตึงๆของคู่หมั้นก่อนจะยกยิ้ม
“..ผมจะไม่ให้น้องต้องเจ็บตัวอีก”
นั่นน่ะก็ทำได้แค่พูดนั่นแหละ
เพราะจางอี้ชิงงานยุ่งจะตาย กลับมาถึงบ้านแต่ละอาทิตย์ได้เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง
จนกระทั่งจงแดได้แผลช้ำที่ใบหน้ากลับมานั่นแหละ เขาโดนอี้ชิงดุ
และกลายเป็นว่าอี้ชิงต้องไปรับไปส่งเขาเหมือนกับเมื่อสามปีก่อน
ความรู้สึกเก่าๆเริ่มกลับมา
แม้จะต้องแลกกับการเจ็บตัวแต่มันก็คุ้มเมื่อจงแดได้รู้ว่าอี้ชิงยังเป็นห่วงเขาเหมือนเดิม
ดุก็เพราะเป็นห่วง
ยิ่งอี้ชิงโทรตาม
ทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยังเป็นคนทำแผลให้เขาด้วยความอ่อนโยนแทบทุกครั้ง
ก็ยิ่งผลักดันให้จงแดแสดงความดื้อด้านมากขึ้นเท่านั้น
ทุกอย่างก็เพราะอี้ชิง
ก็แค่อยากจะเป็นคนสำคัญ
แม้ว่ามันจะเป็นการกระทำที่โง่เง่าอย่างพาตัวเองไปเจ็บตัวก็เถอะ
“แสดงว่าที่ผ่านมาที่เราเจ็บตัวตลอดนั่นคือ..”อี้ชิงกอดอกพิงโต๊ะจดจ้องร่างเล็กของคู่หมั้นที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง
เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนแววตากลมๆที่มักจะสะท้อนความแก่นแก้วที่อี้ชิงหลงรักนั่นจะช้อนขึ้นสบตา
“ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะต้องเจ็บตัวขนาดนั้น”
“เรานี่มัน...”ก็รู้อยู่หรอกว่าเจ้าตัวหัวดื้อ
และต่อต้านขนาดไหน แต่เขาไม่คิดว่าจะทำถึงขนาดนี้
แล้วยิ่งไอ้การที่พาตัวเองไปเจ็บตัวแบบนั้นอีก
“ก็ผมคิดอะไรไม่ออกนี่
ไม่รู้ต้องทำยังไง พี่ถึงจะสนใจ..”อี้ชิงอยากจะตบหน้าตัวเองให้หายมึนงง
ใจหนึ่งก็อยากจะจับเด็กบ้านี่มาตีเสียให้เข็ดที่ชอบคิดชอบทำอะไรเสี่ยงๆ
แต่พอคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวต้องทำแบบนี้ก็โกรธไม่ลง
เพียงแต่อี้ชิงยังมึนงงเรื่องที่จงแดพูด
“พี่ไม่สนใจจงแดตอนไหน?”
“เห็นมั๊ย พี่ก็เป็นแบบนี้”เจ้าตัวเล็กยู่ปาก
ยกแขนกอดอกจ้องเขาด้วยใบหน้าติดงอน อี้ชิงที่ยังคงงุนงงสาวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะนั่งลงข้างๆกัน
“ไหนลองบอกมาซิว่าพี่ไม่สนใจเราตอนไหน
หืม?”แขนแกร่งเลื่อนไปดึงรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
ใบหน้าหล่อเหลาซุกซบลงบนไหล่บางของคู่หมั้น
อดแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่จงแดไม่ได้ดื้อดึงหรือขัดขืนแต่อย่างใด
แต่ก็ดีแล้วล่ะ
เขาไมได้กอดเจ้าตัวยุ่งง่ายๆแบบนี้นานแล้ว
“ยังจะมาถามอีกว่าตอนไหน
มันก็ตั้งแต่ตอนที่พี่เรียนจบนั่นแหละ แล้วก็ไม่สนใจผมเลย”ปลายประโยคแผ่วเบา
ยิ่งเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น
ช่วงเวลาที่เขาต้องนั่งรออี้ชิงอย่างมีความหวังว่าจะได้เจอหน้า ไม่มีแม้กระทั่งโทรมาบอกฝันดี
ก็ยิ่งน้อยใจ สัมผัสอุ่นๆประทับลงที่ข้างแก้ม
ปลุกให้จงแดกลับมาสู่ปัจจุบัน
ใบหน้าน่ารักเห่อร้อนจนเจ้าตัวเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตกอยู่ในอ้อมกอดของคู่หมั้น
“พี่อี้ชิง..ปล่อยผม
อื้อ มันอึดอัดนะ”ดิ้นก็แล้ว แกะมือก็แล้วแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าอ้อมกอดของอี้ชิงจะคลายออก
จงแดยู่หน้าเมื่อถูกบังคับให้หันมาสบเข้ากับดวงตาพราวระยับ
รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ
เมื่ออี้ชิงเอาแต่จ้องหน้าเขาแล้วยิ้มเหมือนตอนนั้น
ตอนที่อี้ชิงบอกรักเขาเป็นครั้งแรก
แถมยังขโมยจูบเขาอย่างหน้าไม่อาย
“น่ารัก..”
“อะ อะไรเล่า”เจ้าตัวแสบแว๊ดเสียงเขียว
แต่แปลกที่อี้ชิงกลับมองว่ามันดูน่ารักเสียเหลือเกิน
ยิ่งเห็นแก้มขาวๆของน้องแดงแป๊ดแบบนั้นแล้ว
“ก็
จงแดของพี่น่ารัก ยิ่งหน้าแดงๆแบบนี้ยิ่งน่ารัก”
“ย่าส์ พี่อี้ชิง
หยุดพูดนะ”เพราะเขินจนทำอะไรไม่ถูก เลยได้แต่เอาเสียงแหลมๆนั่นขู่
มือเล็กยกขึ้นมาปิดกั้นริมฝีปากอิ่มของคู่หมั้น เพื่อให้ลดคำพูดที่คอยจะจู่โจมหัวใจดวงน้อยให้ทำงานหนักเกินไปกว่านี้
ไม่รู้ว่าพี่อี้ชิงนึกครึ้มอะไรนักหนา
ปกติไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยนี่นา
จุ๊บ
“อ่ะ..”คนเจ้าเล่ห์กดจูบลงบนฝ่ามือเล็ก
ยิ่งเรียกให้เลือดมากองรวมกันบนใบหน้า ไหนจะดวงตาที่ส่งผ่านความรู้สึกที่จงแดรู้ดี
ว่ามันคืออะไรมาให้นั่นอีก
นี่ไม่คิดว่าทำแบบนี้แล้วเขาจะเขินบ้างหรือไงนะ
“พี่อี้ชิง
นี่ปล่อยผมนะ อ๊ะ”เพราะดึงมือออกจากการจู่โจมของริมฝีปาก
แต่ก็โดนคนเจ้าเล่ห์ฉกจูบเข้าที่มุมปาก พร้อมกับร่างที่โดนกดให้นอนหงายไปกับเตียง
จาง อี้ชิงยิ้มกริ่มที่สามารถทำร่างน้อยๆของคู่หมั้นตกอยู่ใต้อาณัติ
แถมยังได้ของแถมเป็นใบหน้าแดงๆน่าฟัดนั่นอีก
เจ้าตัวยุ่งทำหน้าเหวี่ยงดิ้นรนจะออกจากการควบคุม
ซึ่งไม่มีทางที่อี้ชิงจะปล่อยให้หลุดไปง่ายๆ
“ไม่ปล่อยหรอก
ขัดคำสั่งพี่ แถมยังผิดนัดอีก”
“มะ ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยปล่อยยยยย”
เปล่งเสียงแหลมเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากที่จ้องจะฝังลงบนริมฝีปาก ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะของคนพี่แล้วจงแดก็ยิ่งรู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองกำลังไม่ปลอดภัย
“ต้องลงโทษชุดใหญ่..”นอกจากจะไม่ปล่อย
อี้ชิงยังก้มลงมากดจมูกเข้ากับแก้มขาวๆเต็มแรง
เจ้าเด็กแสบชะงักค้างเมื่อเจอรอยยิ้มอบอุ่นของคนเป็นพี่ที่อยู่ในระยะประชิด
ลมหายใจร้อนผ่าวของอี้ชิงเป่ารดแก้มจนจงแดรู้สึกขนลุก อีกทั้งยังรู้สึกถึงความร้อนที่เริ่มแผ่ลามไปทั่วใบหน้าราวกลับไข้ขึ้น
“พะ พี่อี้ชิง”
เอ่ยเรียกเสียงสั่นเมื่อรับรู้ได้ถึงฝ่ามือร้อนที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ จงแดตะครุบมือคนเป็นพี่ไว้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ใกล้ชิดกันแบบนี้ แต่ครั้งนี้จงแดก็แค่กลัว
กลัวว่ามันจะเลยเถิดไปมากกว่าครั้งก่อนๆ
ก็แต่ก่อนนะมีแต่อี้ชิงที่บังคับให้เขาไม่มีทางเลือก โดนอีกฝ่ายทำโทษเพราะดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟัง
แต่ตอนนี้น่ะอี้ชิงรู้หมดแล้วว่าทุกอย่างก็เพราะเขาอยากให้อี้ชิงสนใจเท่านั้น
แล้วแบบนี้ แบบนี้เขาควรจะทำตัวยังไงล่ะ?? แล้วถ้าต้องทำถึงขั้นนั้น
เขาเองก็ยังไม่พร้อม
“ไม่ต้องกลัว
พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกเด็กดื้อ”เพราะเห็นตัวน้องสั่นๆ แถมแววตายังแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด
อี้ชิงจึงกดจูบลงที่หน้าผากพร้อมกับดึงรั้งร่างของน้องเข้ามากอดไว้แน่นๆแทน
ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคิดได้ว่าเมื่อครู่เกือบทำให้น้องกลัวไปเสียแล้ว ทั้งๆที่น้องเพิ่งจะยอมรับว่าอยากให้เขาสนใจ
อี้ชิงก็ดันดีใจมากไปหน่อยจนเกือบเผลอตัวทำอะไรไม่ดีลงไป
ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้อง
ก่อนที่อี้ชิงที่ตรงครองกอดร่างเล็กๆของคู่หมั้นแนบอกจะรู้สึกถึงอะไรที่แปลกไป
“เดี๋ยวจงแด
จะทำอะไร”เพราะจู่ๆคนน้องที่เงียบไปกลับมือไม้ไม่อยู่สุข
มือเล็กๆนั่นกำลังพยายามปลดกระดุมเสื้อเขาออก อี้ชิงเบิกตากว้างก่อนจะรวมมือน้องไว้
แต่จงแดก็แสนจะดื้อดึงเหลือเกิน ตากลมช้อนสบตาคมเพียงชั่วครู่
ก่อนจะหลุบลงมองแผงอกกว้างที่กำลังจะปรากฏสู่สายตา เพียงเพราะคิดว่าที่อี้ชิงถอนหายใจเมื่อครู่อาจจะเพราะเบื่อหน่ายในความดื้อดึงของตน
แค่คิดว่าอี้ชิงจะเบื่อจงแดก็ยอมละความดื้อดึงทั้งหมดแล้ว
ไม่เอา
ไม่อยากให้พี่อี้ชิงเบื่อ ไม่อยากให้พี่อี้ชิงรำคาญ
“ทะ ทำก็ได้”เสียงแหลมเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ
อี้ชิงจ้องมองหน้าน้องอย่างไม่เชื่อหู ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังประโยคต่อมา
“แต่ ถ้าผมเป็นของพี่แล้ว
พี่ห้ามทิ้งผมนะ”
ดวงตาคมทอประกายความวาบหวามอย่างปิดไม่มิดก่อนจะประทับจูบเบาๆลงบนริมฝีปากบาง
มองใบหน้าขึ้นสีของน้องด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม
ก็เพราะคิม
จงแดน่ารักอย่างนี้
“จะทิ้งได้ยังไง
ก็พี่รักของพี่มาตั้งนาน”
แล้วเขาจะไม่รักได้ยังไง
ขอโทษนะครับคุณพ่อตา
ผมคงอดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
ก็คู่หมั้นน่ารักขนาดนี้นี่เนอะ
^^
แถมๆ
“แหม
มึงดูมีเนื้อมีนวลแปลกๆ นี่ได้กับเฮียแล้วอ่ะดิ โอ๊ย”มือเล็กฟาดไปที่ท่อนแขนเพื่อนสุดแรง
ใบหน้าน่ารักเห่อร้อน ก่อนจะแว๊ดใส่เสียงเขียว
“ได้บ้าได้บออะไร
หุบปากไปเลยนะมึง”ชี้หน้าปาร์ค ชานยอลไปหนึ่งทีก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างเพื่อนผิวสีแทนที่นั่งแช็ทกับแฟนด้วยใบหน้างอๆ
“จะอายอะไร
ก็เพื่อนกัน เล่าๆมาเหอะ เฮียร้อนแรงใช่มั๊ยล่ะ”
“ไอ้เชี่ยจงอิน!!”แทบอยากจะกระชากไอ้หน้าตากวนๆของไอ้เพื่อนบ้านี่มาเขย่าๆให้คอหลุด
แต่พอคิม จงอินพูดเสร็จปั๊บปาร์ค ชานยอลก็ต่อปุ๊บ
“โอ๊ยยย
น้องจงแดเขินว่ะมึง”ชานยอลชี้ไม้ชี้มือ หัวเราะปากกว้างท่าทีชอบใจ
จงแดรู้สึกเหมือนเส้นเลือดในหัวเต้นตุบๆ มือเล็กกำแน่นคิดไว้ในใจว่าถ้าวันนี้ไม่ได้ถีบไอ้เพื่อนสองตัวนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่
“หุบปากหมาๆของพวกมึงเลยนะ
ไอ้...”
“จงแดครับ”
“...”เจ้าของชื่อหุบปากฉับ
ยู่หน้าใส่เพื่อน ก่อนจะหันกลับไปฉีกยิ้มกว้างให้คนรัก ที่เดินเข้ามาฉุดกระเป๋าในมือไปถือ
ชานยอลกับจงอินฉีกยิ้มกว้างก้มหัวทำความเคารพ
แต่ก็ไม่วายส่งสายตาล้อเลียนเพื่อนเป็นระยะๆ
ยิ่งได้เห็นเพื่อบ่นขมุบขมิบเพราะทำอะไรไม่ได้ก็ยิ่งได้ใจ
คอยดูเถอะถ้าไม่อยู่ในสายตาพี่อี้ชิงเขาจะซัดไอ้พวกเพื่อนบ้านี่ให้หายแค้นเลยทีเดียว
“กลับกันได้แล้วครับ”
“อือ”
“พูดไม่เพราะกับพี่เลย”อี้ชิงยั่วเย้า
สบตากับเพื่อนของเจ้าตัวแสบอย่างรู้กัน
คนตัวเล็กที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายในการแกล้งได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูก
อายไอ้พวกเพื่อนบ้านี่ก็อาย
แต่ก็ไม่อยากทำตัวดื้อกับอี้ชิง
“กะ
กลับกันเถอะครับ..”เดินก้มหน้าเข้าไปกระตุกแขนคนรักด้วยใบหน้าแดงก่ำ
อี้ชิงยกยิ้มชอบใจ แต่ก็นะ จงแดยังไม่ได้พูดจบประโยคเลย
“แล้วอะไรอีกครับ..”
“กลับเร็วๆเถอะครับ..ที่รัก”
END
จบแล้วนะคะทุกคนนนนน รอเรานานไหม ขอโทษน้า ตั้งใจจะมาต่อให้จบเร็วๆแต่ไม่ว่างเลย ยังไงก็สนุกกับการอ่านนะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจอันล้นหลามค่า เจอกันตอนหน้าเร็วๆนี้นะ
ปล.
ทุกคนพร้อมที่จะดราม่าไปกับเราไหม 5555
ความคิดเห็น