ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] My Sunshine ,it’s U < All*Chen>

    ลำดับตอนที่ #5 : Ruffian : LAYCHEN

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.83K
      22
      31 ส.ค. 58



    Title : RUFFIAN

    Pairing : LAYCHEN


    ตามติดมาด้วยคู่ที่ชอบที่สุดคู่นี้ ไม่รู้ว่างอนอะไรกันหรือเปล่าช่วงนี้ถึงไม่เห็นบอสจางเต๊าะน้องเลย 555  ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

     

     


     

     

    “โอ๊ย มันเจ็บนะ ปล่อยกู ปล่อยยยยยย”ร่างผอมดีดดิ้น ร้องแหกปากโวยวายมากกว่าเดิม ยิ่งเมื่อโดนฝ่ามือของคนที่ถือวิสาสะแบกร่างของเขาไว้บนบ่า ราวกับเขาเบานักเบาหนานั่น ฟาดมือลงบนก้นเขาไม่ยั้ง

    “ตีแค่นี้มันจะไปเจ็บได้ยังไง ทีไปตีไปต่อยกับคนอื่นไม่เห็นเจ็บ อย่าสำออย”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะฟาดมือเข้าที่ก้นนิ่มของคนบนบ่าอีกครั้ง เจ้าตัวยังคงส่งเสียงฮึดฮัด พ่นคำหยาบออกมานับไม่ถ้วน แต่แค่นั้นไม่ได้ทำให้อี้ชิงกลัวแม้แต่นิดเดียว

    ก็คิม จงแดน่ะ ถึงจะต่อยตีเก่งแค่ไหน แต่เมื่อเข้ามาในบ้านตระกูลจางแล้วก็เหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ที่ต้องเชื่อฟังเขา

     



    ตุบ

    ร่างทั้งร่างถูกโยนลงบนโซฟา จงแดจับก้นที่โดนตีไปหลายทีของตน ก่อนจะตวัดสายตาไปมองคนที่ยืนจังก้า หรี่ตามองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตรงหน้า คนตัวผอมที่ตอนนี้ใบหน้าบวมช้ำส่งเสียงเหอะในลำคอก่อนจะหันหน้าหนี

    ไม่อยากสบตา เดี๋ยวก็กดดันให้เขารู้สึกผิดอีก

     

    อี้ชิงถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นดันทุรังของคนตรงหน้าก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ลูกน้องคนสนิทอย่างจื่อเทาที่ในมือถือกล่องปฐมพยาบาลเดินเข้ามาได้ บรรยากาศในห้องเงียบสงัดเมื่อจื่อเทายื่นกล่องปฐมพยาบาลให้ผู้เป็นนายแล้วกลับออกไปเคลียร์งานด้านนอกต่อ

    นั่นแหละ อี้ชิงถึงได้เวลามาสนใจเด็กดื้อ

    “จงแด หันหน้ามา”เอ่ยเสียงเข้มเมื่อเห็นว่านอกจากจะไม่ยอมหันหน้ามามองเขาแล้วเจ้าตัวยังกล้าจิ้มมือถือในมืออย่างสบายใจอีก ร่างสูงทรุดนั่งลงข้างกาย ก่อนจะคว้าเอามือถือเครื่องบางในมือเจ้าตัวโยนไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นพรมด้านล่าง

    “ย๊าส์ กล้าดียังไงมาโยนของคนอื่นเขาทิ้งแบบนี้”คิม จงแดแว๊ดใส่เสียงเขียว แต่อี้ชิงก็ยังลอยหน้าลอยตาซ้ำยังกดไหล่ของคนที่ทำท่าจะลุกไปเก็บมือถือเครื่องนั้นให้นั่งลงตามเดิม

    “นั่งนิ่งๆ”

    “ไม่ต้องมายุ่งกับกู โอ๊ย”ไม่ได้อยากยอมง่ายๆ แต่เมื่ออี้ชิงบีบไหล่อย่างแรงจงแดก็เผลอร้องออกมา ก่อนจะรีบหุบปากฉับเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมที่เริ่มฉายแววไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม

    ตายแน่ คิม จงแดตายแน่

    “ถอดเสื้อออก”จงแดกระถดถอยหลังแทบจะทันทีที่ได้ยินคำสั่ง แต่ก็ช้ากว่ามือขาวๆของเจ้าของบ้านที่ตามมาคว้าแขนเขาเอาไว้ จงแดเชื่อว่าตัวเองไม่ได้แรงน้อยแต่เขากลับหลุดออกจากมือนุ่มๆที่ดูเหมือนไม่มีแรงของอี้ชิงไม่ได้

    “ไม่เอานะ ปล่อยกู”ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งไม่มีประโยชน์ รู้ว่าถ้ายิ่งดื้อด้านต่อต้านเท่าไหร่จาง อี้ชิงก็จะยิ่งโกรธมากเท่านั้น แต่จงแดก็ห้ามนิสัยดื้อด้านอยากเอาชนะของตัวเองไม่ได้สักที

    ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็ไม่มีวันสู้ได้

     

    แคว่ก

    ดิ้นได้ไม่ทันไรชุดนักเรียนสีขาวก็ถูกกระชากจนขาด ไหล่ขาวนวลที่มีรอยช้ำสีม่วงคล้ำปรากฏต่อสายตา จงแดกัดริมฝีปากหันหน้าหนีสายตาดุๆนั่นพร้อมกับหยุดดิ้น ได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย ก่อนที่ฝ่ามือจะแตะลงบนบริเวณนั้นอย่างแผ่วเบา

    “นายนี่มันขยันหาเรื่องใส่ตัวจริงๆเลย”

    “...”

    “นี่ถ้าไม่เห็นเองก็คงจะไม่ยอมบอกใช่มั๊ยว่าเจ็บตรงไหนบ้าง”อี้ชิงขยับตัวเข้าหาดึงเด็กแสนดื้อด้านเข้ามาใกล้ โชคดีที่ครั้งนี้เจ้าตัวยอมง่ายๆ มือเรียวจัดการปลดเสื้อสีขาวที่ขาดด้วยฝีมือเขานั่นออกจากตัวผอมๆของคนตรงหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นลูบเบาๆบนหัวไหล่ คิม จงแดก้มหน้างุด จากเด็กที่มีปากเสียงเถียงแว๊ดๆ และไม่ยอมใครเมื่อครู่กลับเงียบและไม่ทำตัวน่าขัดใจอะไร อี้ชิงยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะยิ้มกว้างกว่าเดิม เมื่อสายตาพลางเหลือบไปเห็น ร่องรอยสีแดง สองสามจุดที่เขาเป็นคนทิ้งไว้บนหน้าท้องแบนราบ

    “จะทำแผลก็รีบทำสิ อยากนอนพักจะแย่แล้ว”โวยวายขึ้นกลบเกลื่อนอาการขัดเขินเมื่อรู้ถึงสายตาของอี้ชิงว่าจับจ้องไปตรงไหน จงแดกัดปากก้มหน้าหลบ ไม่ยอมให้อี้ชิงเห็นเด็ดขาดว่าตัวเองหน้าแดงแค่ไหน


    ใบหน้าน่ารักเห่อร้อนเมื่อสัมผัสของฝ่ามือนวดคลึงเนื้อยาไปตามรอยช้ำในร่างกาย ก่อนจะแตะเบาๆที่หน้าท้องแบนราบที่เผลอหดเกร็งทันทีที่ถูกสัมผัส

    "สงสัยพี่คงยังลงโทษเราไม่มากพอสินะ ถึงได้มีแรงไปต่อยตีกับคนอื่นแบบนี้"จงแดเบิกตากว้าง แก้มขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงลามไปถึงใบหู ความรู้สึกเหมือนกับน้ำท่วมปาก ยิ่งเมื่อเลยหน้าสบกับดวงตาเจ้าเล่ห์นั่นจงแดก็แทบอยากจะหายตัวไปให้ไกลจากตรงนี้

    "อ๊ะ จะทำอะไรน่ะ"ร้องขึ้นเสียงหลงเมื่อจู่ๆก็ถูกเจ้าของบ้านจับตรึงข้อมือไว้เนื้อหัวพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่ทาบทับลงมา ตากลมมองใบหน้าที่อยู่ห่างแค่คืบนั่นด้วยความหวาดหวั่น จะดิ้นก็ทำไม่ได้เมื่อเขาถูกดักไว้ทุกทางแบบนี้

    "เขินหรอ?"รอยยิ้มที่จงแดเกลียดแสนเกลียดปรากฎขึ้นบนใบหน้า อี้ชิงยกยิ้มเมื่อได้รับเสียงแหลมๆนั่นตวาดใส่หน้า ทั้งๆที่หน้าแดงแถมอยู่ในสภาพเป็นรองแบบนี้ แต่คิม จงแดก็ยังเป็นเด็กดื้อรั้นอยู่วันยังค่ำ

    "ปล่อยกูนะ ปล่อยยยยยยยยยย"

    "พูดไม่เพราะ..."ไม่ได้สนใจอาการดีดดิ้นของคนใต้ร่าง อี้ชิงทำเพียงยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู "ต้องลงโทษคูณสองแล้วล่ะมั้ง"

    "อ๊ากกกกกกกกกก ปล่อยยยยยยยยยยยยยย"






    --------------------깡패--------------------

     

     

     

     

    คิม จงแดเป็นเด็กอันธพาล ใครๆเขาก็พูดแบบนั้น ทั้งๆที่ตัวก็ออกเล็กมากเมื่อรวมอยู่ในกลุ่มเพื่อนของเจ้าตัว แต่คิม จงแดกลับไม่ได้ดูเป็นภาระ เพราะเมื่อไหร่ที่มีเรื่องก็เจ้าตัวเล็กของแก๊งนี่แหละที่ออกโรงก่อนเพื่อน แต่แค่วันนี้เพื่อนตัวเล็กของกลุ่มดูแปลกไป

    “มึงเป็นอะไรวะเตี้ย? เดินแปลกๆ”ปาร์ค ชานยอลหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด เมื่อเห็นท่าทางการเดินแปลกๆ คิม จงแดตวัดสายตาเหวี่ยงๆใส่ก่อนจะหันสะบัดหน้าหนีเมื่อรับรู้ถึงอาการเขินอายที่พุ่งขึ้นมาบนใบหน้าเพียงเพราะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

    “หรือว่าเมื่อคืนมึงกับเฮีย...”

    “กูไม่ได้ทำอะไรกับมันนะ!!!”เจ้าตัวหันกลับมาแว๊ดใส่ จงอินที่เอ่ยล้อเลียน แม้ว่าหน้าจะยังแดงแจ๋จนเพื่อนๆต้องส่ายหัว ว่าถ้ามันไม่ได้มีอะไรแล้วจะหน้าแดงทำไม

    “ไม่ได้ทำอะไร ก็ไม่ได้ทำอะไรมึงจะมองพวกกูตาขวางทำไมวะเตี้ย”

    “ก็พวกมึงแม่ง..”บ่นงุบงิบๆก่อนจะหันหน้าหนี คิม จงแดไม่ได้เขินที่โดนพวกเพื่อนแซวหรอก ก็เพราะว่าเมื่อคืนน่ะมันไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่โดนไอ้คู่หมั้นบ้านั่นปล้ำจูบไปเกือบชั่วโมง แต่ที่เดินกะเผลกๆนี่ก็เพราะว่าเขาตกเตียงระหว่างหาทางเอาตัวรอดไม่ให้เกินเลยนั่นแหละ

    พูดแล้วก็อยากจะร้องไห้ให้ความโง่ของตัวเอง แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่อี้ชิงยอมหยุด ถึงแม้จะหัวเราะเยาะเขาไม่หยุดจนหน้าหมั่นไส้ก็เถอะ

     

     

    “แล้วเรื่องไอ้กวังแทเอาไง”เสียงของจงอินดังขึ้น บรรยากาศตึงเครียดแทบจะทันที จงแดที่เมื่อครู่กำลังยู่หน้าใส่ข้อความในมือถือ ซึ่งมาจากคนเป็นคู่หมั้นก็ได้แต่เงยหน้ามองเพื่อนสองคนสลับกันไปมา

    “ก็ถ้ามันไม่มายุ่งกับพวกเราก็ไม่ต้องทำอะไร” ชานยอลตอบจงอินก่อนจะหันหน้ามาหาเพื่อนตัวเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกล “ส่วนมึงไม่ต้องไปยุ่งกับมันเข้าใจมั๊ยจงแด?”

    “รู้แล้วน่า กูไม่ได้อยากจะยุ่งกับมันนักหรอกถ้ามันไม่มากวนโอ๊ยกูก่อนน่ะ” ก็ไอ้กวนโอ๊ยของจงแดก็คือการที่ไอ้บ้านั่นมองเขาด้วยสายตาดูถูก และชอบทำเหมือนเขาอ่อนแอนั่นแหละ ก็เลยของขึ้นแทบจะตลอดที่ต้องเผชิญหน้ากัน

     

     

     

    แต่เหมือนว่าไอ้ที่เพิ่งรับปากชานยอลไปเมื่อเช้าคงจะเป็นหมัน

    “ไหนมึงบอกว่าโดนเฮียสั่งห้ามไม่ให้มีเรื่องไง แล้วมึงจะตามกูมาทำไม”จงอินตะโกนแข่งกับแรงลมที่ปะทะเข้ากับใบหน้า ร่างผอมของเพื่อนตัวเล็กกอดเอวซุกหน้าลงกับแผ่นหลังเพื่อนเมื่อจงอินเริ่มเพิ่มความเร็วของลูกรักคู่ใจ

    “ก็กูอยากช่วยนี่ รีบๆบิดเร็วๆเดี๋ยวไอ้ชานยอลตายห่าไปซะก่อน”

     

     

    จงแดวิ่งตามจงอินเข้าไปในโกดังร้าง ถึงจะพูดว่าร้างมันก็ไม่เชิงหรอก เพราะมันคือแหล่งซ่องสุมของพวกกวังแท คู่อริของพวกเขา ก่อนจะถูกวงแขนของเพื่อนคว้าเอวเข้ามาซุกอยู่ในซากเก้าอี้เก่าๆที่กองเป็นพะเนินเมื่อเสียงพูดคุยดังแว่วเข้ามาใกล้

    “แล้วไอ้ชานยอลมันอยู่ไหนวะ” คนตัวเล็กกระซิบกระซาบถามเสียงเบา จงอินส่ายหน้าไปมาก่อนจะสอดส่องสายตาออกไปมองสถานการณ์ด้านนอก

    ครืดดดด

     

    มือถือที่อยู่กระเป๋ากางเกงสั่นอย่างบ้าคลั่ง จงแดชักสีหน้าด้วยความหงุดหงิดใส่คนที่โทรมาไม่รู้จักเวลาก่อนจะหยิบมันขึ้นมา แต่พอเห็นสายโทรเข้าใบหน้าน่ารักก็ซีดเผือดทันใด

    วันนี้เขามีนัดกับอี้ชิง

    “นี่มึงไม่ต้องไปหาเฮียหรอ”จงอินเหล่มองใบหน้าเพื่อนแล้วก็เหมือนคิดขึ้นได้ จงแดหันมาจ้องหน้าเพื่อนสลับกับมือถือในมือกัดปากตัวเองอย่างไม่รู้จะทำยังไง คือตอนนี้ไอ้ชานยอลก็กำลังจะตายห่าอยู่แล้ว จะให้เขาทิ้งเพื่อนไปเขาก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าอี้ชิงรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อกระทืบคน แถมพ่วงความผิดที่ไม่ยอมไปตามนัดอีกล่ะก็เขานี่แหละที่จะตาย

    “ไอ้ชานยอลอยู่นั่นไงจงแด”

    และวินาทีนั้นจงแดก็ไม่ได้ทันตัดสินใจอะไรเมื่อเขาถูกจงอินลากเข้าไปหาไอ้พวกสวะนั่นแล้ว

    เอาเถอะ เรื่องจาง อี้ชิง ค่อยว่ากันทีหลัง

     

     

    “คุณหนูไม่เป็นไรนะครับ”จื่อเทานั่นเองที่เอ่ยถามประโยคข้างต้นขึ้นมา จงแดพยักหน้าเอ่ยขอบคุณเบาๆ ในขณะที่ตากลมได้แต่จ้องมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เอนสะโพกพิงกับรถคันหรูอยู่ไม่ไกล

    เหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อครู่มันเกิดขึ้นเร็วมากเร็วจนจงแดยังไม่ทันจะได้บาดแผลอะไรเลยด้วยซ้ำ จำได้แค่ว่าจางอี้ชิงโผล่เข้ามาและดึงแขนเขาไว้ในขณะที่พี่จื่อเทากลับกระโดดเข้าไปถีบพวกนั้นพร้อมๆกับจงอิน และเพียงไม่กี่นาทีต่อมาทุกอย่างก็เงียบลง

    พร้อมกับที่จางอี้ชิงปล่อยแขนเขาและเดินไปรอที่รถไม่พูดไม่จา

    แม้ในใจจะยังนึกโกรธที่อีกฝ่ายถือวิสาสะติดเครื่องติดตามไว้ที่มือถือเขา แต่พอเห็นใบหน้าของจางอี้ชิงที่ราบเรียบผิดปกติ แล้วจงแดกลับรู้สึกเหมือนครั้งนี้อี้ชิงไม่ได้ทำเกินไป

    แต่ทั้งหมดที่ทำก็เพราะเขาเป็นแบบนี้

     

     

    “ขอบคุณมากนะพวกมึงที่มาช่วยกู แล้วก็ขอบคุณนะครับพี่จื่อเทา”ตรงหน้ามีชานยอลในสภาพที่ถูกคยองซูประคองอยู่เอ่ยปากขอบคุณพวกเขากับจื่อเทา ถ้าเป็นเวลาปกติจงแดคงได้หัวเราะสภาพของเพื่อนที่กล้าลุยเดี่ยวมาช่วยรุ่นน้องที่บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เขากับพูดไม่ออก

     

    “เดี๋ยวกูโทรให้แบคฮยอนมารับ มึงกลับไปก่อนเลย”จงอินหันมาบอกเพื่อนที่ยังยืนเงียบไม่พูดไม่จา หันไปมองตามสายตาก็พบว่าเพื่อนตัวแสบเอาแต่มองคู่หมั้นหนุ่มด้วยสายตาละห้อย จงอินตบบ่าเชิงให้กำลังใจ ก่อนจะเดินออกไปโทรหาแฟนตัวเอง

    “ไปขึ้นรถก่อนเถอะครับ”

     

     

     

     

    --------------------깡패--------------------

     

     

     

     

    บรรยากาศในรถเงียบสงัด จงแดที่ก้าวขึ้นมานั่งเคียงข้างอี้ชิงเงียบๆได้แต่บีบมือตัวเองแน่น อี้ชิงไม่ได้พูดอะไรเลย แม้แต่จะดุจะด่า ว่าเขาสักคำ หรือแม้แต่ถามว่าเจ็บไหมยังไม่มีเลย คนอายุมากกว่าเอาแต่จ้องมองทิวทัศน์นอก ทำราวกับว่าคิม จงแดไม่มีตัวตน

    อ่า ทำไมจู่ๆถึงได้เจ็บที่อกอย่างนี้

    ตากลมมองคนข้างๆละห้อย จะเอื้อมมือไปจับก็ไม่กล้า จะเอ่ยหาคำพูดมาเริ่มบทสนทนาก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง ได้แต่ลอบสบตากับจื่อเทาที่ส่งสายตาเป็นกำลังใจมาให้ คนตัวผอมที่รอบนี้ไม่ได้มีรอยแผลบนใบหน้าหรือแม้แต่รอยขีดข่วนตามตัวได้แต่ลอบถอนลมหายใจ ก่อนจะตัดสินใจกระเถิบตัวเข้าไปใกล้ มือเล็กเอื้อมไปจับเข้าที่แขนของอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ จนจื่อเทาเกือบหลุดขำออกมา

     

    “คุณ..คุณอี้ชิง”ขนาดยอมเรียกเสียงอ่อนขนาดนี้อี้ชิงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ จงแดเม้มปากบ่นงึมงำในลำคอ แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะแว๊ดออกมา ท่าทางคงจะกลัวอี้ชิงโกรธจริงจัง

    “...”อี้ชิงไม่ตอบแถมยังแกะมือของจงแดออก ใบหน้าหล่อเหลานั่นยังคงเรียบนิ่ง นิ่งเสียจนจงแดใจหาย ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆเรียกกำลังใจกันเลยทีเดียว ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำถ้าอีกฝ่ายจะดุด่าเขามากขนาดไหน หรือจะลงโทษเขาอย่างไร ขอแค่ให้เขาได้เถียงได้ดื้อดึง ได้เอาชนะบ้าง แต่ครั้งนี้มันดูเหมือนจะต่างออกไป เพราะเขาเองที่เป็นคนผิดคำสัญญา  

    ครั้งนี้เขาผิดเต็มๆ นอกจากจะผิดนัดให้อีกคนรอแล้ว ยังไปมีเรื่องทั้งๆที่สัญญาไว้แล้วอีกต่างห่าง

     

    “พี่..”เสียงแผ่วๆดังขึ้นอีกครั้ง แม้บรรยากาศในรถจะเงียบ แต่อี้ชิงก็ยังรู้สึกไม่เชื่อหู แต่เมื่อแขนเล็กๆของคนทีนั่งข้างๆสอดเข้ามาคล้องแขนเขา พร้อมกับหัวกลมๆที่เอนซบมาที่ไหล่แล้ว มุมปากก็เผลอกระตุกยิ้ม ก่อนจะตีหน้าเรียบเมื่อคู่หมั้นตัวแสบหันมาจ้องหน้าเขาด้วยสายตาละห้อย

    “พี่อี้ชิง..”แถมยังใช้น้ำเสียงแบบนั้นอีก

    “...”

    “พี่อี้ชิง คุยกันหน่อยสิ”

    “...”

    “..พี่”

    “เอาไว้คุยกันที่บ้าน”อี้ชิงตัดบท ไม่ใช่อะไรเขาก็แค่ไม่อยากให้จงแดทำท่าทางน่ารัก ว่าง่ายแบบนี้ให้ใครเห็นนอกจากเขาคนเดียว ถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นจื่อเทาก็เถอะ

    ก็คนมันหวง ยิ่งคิม จงแด ยิ่งไม่เคยรู้ตัวเลยว่าไม่ต้องทำอะไรเขาก็หวงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว

     

     

     

     

    เขาเดินตามอี้ชิงเข้ามาในห้องเงียบๆ หย่อนตัวนั่งลงบนเตียงกว้างมองดูเจ้าของห้องเดินไปปลดเสื้อตัวนอก คลายเนกไทออก และไม่มีท่าทีว่าจะเริ่มคุยกันอย่างที่ได้บอกไว้ในรถเลย จงแดกัดปากอย่างใช้ความคิด สมองเขากำลังตีรวนกันไปหมด มันทั้งรู้สึกผิดอยากจะขอโทษ แต่อีกใจก็ยังไม่กล้าทำอะไร เขาไม่เคยต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่เคยต้องมาทำตัวแบบนี้ แค่คิดว่าเมื่อครู่เผลอทำตัวว่าง่ายกับอี้ชิงไปก็อายจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

    แต่เขาไม่มีทางเลือก เขากลัวอี้ชิงบอกเรื่องนี้กับป๊า และที่สำคัญเขากลัวอี้ชิงโกรธ

    แม้จะทำเหมือนไม่ชอบขี้หน้า ทำเหมือนไม่แคร์ และดื้อกับอี้ชิงมาตลอด แต่จงแดก็ไม่ได้ชอบให้เราต้องมาทะเลาะกันแบบนี้ ยิ่งเรื่องที่เขาเป็นต้นเหตุแล้ว

     

    “พี่อี้ชิง..มาคุยกันก่อนสิ”อี้ชิงไม่ได้หันมาแต่ยังยืนอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้า จงแดเลยผุดลุกขึ้นเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาคนเป็นพี่เสียเอง แขนเล็กสอดเข้าไปกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังใบหน้าซุกลงกับแผ่นหลังกว้าง โชคดีที่อี้ชิงไม่ได้แกะมือเขาออกเหมือนอย่างตอนที่อยู่บนรถ

    “ไหนบอกว่าจะคุยกันไง พี่อย่าเงียบแบบนี้ดิ”

    “ก็แล้วจะให้พี่พูดอะไร...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกตั้งแต่เข้ามาในบ้านพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่พลันทำให้จงแดวูบโหวงในอก “พูดไปจงแดก็ไม่เคยฟัง”

    “ผม..”

    “พี่ไม่อยากให้จงแดต้องเจ็บตัว พี่ไม่อยากให้ป๊ากับม๊าจงแดผิดหวังที่พี่ดูแลจงแดไม่ดี...”

    “ไม่เอา..”อ้อมแขนของคนที่กอดเอวเขาอยู่รัดแน่นขึ้น “อย่าพูดเหมือนจะไล่ผมกลับนะ”

    “...”

    “ผมไม่ไปไหน จะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนเด็ดขาด”

    “...”

    “ต่อให้ไล่ยังไงก็ไม่ไปหรอก..”

    “ก็จงแดอยากได้อิสระไม่ใช่หรอ ไม่ชอบที่พี่คอยวุ่นวาย คอยตามห่วงแบบนี้..”อี้ชิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนจงแดรู้สึกไม่ดี ลำคอตีบตันเมื่อจู่ๆก็อยากจะร้องไห้เสียดื้อๆ เจ้าตัวส่ายหน้าไปมากับแผ่นหลังของอี้ชิง กลั้นน้ำตาที่จวนเจียนจะไหลอย่างสุดความสามารถ

    “ไม่เอา..ไม่เอาแบบนี้”

    “..”

    “ไหนบอกว่ารักผมไง แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วหรอ แค่ผมดื้อนิดหน่อยแค่นี้ก็ทนไม่ได้หรอ”

    “...”

    “จะดุจะด่า จะลงโทษผมก็ได้ แต่ไม่เอาแบบนี้ได้ไหม ฮึก..”

    “จงแด...”อี้ชิงหัวใจกระตุกเมื่อได้ยินเสียงสะอื้น แกะมือของอีกฝ่ายออกจากเอวก่อนจะหันมาเผชิญหน้า คู่หมั้นตัวน้อยก้มหน้านิ่งแต่ไหล่บางสั่นไหว มือเล็กถูกยกขึ้นมาปิดบังใบหน้าเมื่ออี้ชิงก้มหน้าลงไปให้อยู่ในระดับเดียวกัน

    “ร้องไห้ทำไม?”เสียงนุ่มเอ่ยถาม จงแดส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องร้องไห้ แค่คิดว่าอี้ชิงจะเบื่อ แค่คิดว่าจะไม่ได้อยู่กับอี้ชิง เขาก็ร้องไห้ออกมาเอง

    หมดแล้วความดื้อดึง ที่สร้างมาทั้งหมด มันพังลงแล้ว

    “ไม่รู้..”มือเล็กปาดน้ำตาออกจากหน้าลวกๆก่อนจะตัดสินใจเงยขึ้นมาสบตาคนตรงหน้า “..ผมขอโทษ พี่อี้ชิงไม่โกรธได้ไหม ไม่ไล่ผมกลับบ้านได้ไหม?”

    “ แต่เราไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ”จงแดส่ายหน้าจนผมกระจาย เขาไม่อยากให้อี้ชิงเข้าใจผิด ก็เหมือนกับที่ชานยอลบอก เขามีวิธีเรียกร้องความสนใจตั้งเยอะโดยที่ไม่ต้องทำตัวดื้อดึง

    “...ผมอยากอยู่ที่นี่”

    “แล้วทำไมจงแดไม่เชื่อฟังพี่ ทำไมทำเหมือนไม่อยากอยู่ที่นี่”

    “ผม...ผมก็แค่..”อี้ชิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงนเจ้าของร่างเล็กหลบตาก่อนจะเอ่ยประโยคที่แสนจะแผ่วเบาแต่ก็ทำให้อี้ชิงหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง “ผมก็แค่อยากให้พี่สนใจ”

     

     

     

     

    --------------------깡패--------------------






    จงแดเจออี้ชิงครั้งแรกตอนอายุสิบห้า เขากลับมาถึงบ้านแล้วเจอกับป๊าที่กำลังนั่งคุยอยู่กับใครก็ไม่รู้ ก่อนจะโดนป๊ากวักมือเรียกให้ไปทักทาย

    “จงแดนี่พี่อี้ชิง สวัสดีพี่เค้าสิลูก”แม้จะยังงุนงงแต่จงแดก็โค้งให้อย่างง่ายดาย จนเมื่อประโยคถัดมาที่พ่อบังเกิดเกล้าขยายความนั่นแหละ

    “พี่เขาเป็นคู่หมั้นลูก”

    “อะไรนะป๊า”คนตัวเล็กในชุดนักเรียนม.ต้น ผุดลุกจ้องหน้าพ่อสลับกับคนที่นั่งตีหน้าเรียบอยู่ตรงหน้า ก่อนเสียงแหลมจะแผดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ

    “ผมไม่แต่งเด็ดขาด!!!

     

     

    หลังจากนั้นอี้ชิงก็แทบจะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้าน ทุกเช้าอี้ชิงจะเป็นคนมารับจงแดไปโรงเรียน รวมถึงรับกลับมาส่งที่บ้านตอนเย็น  ชีวิตเขาเริ่มมีอี้ชิงนับจากนั้น อี้ชิงไม่ได้เร่งเร้าเอาคำตอบเพียงแต่แค่เริ่มซึมซับเข้ามาในโลกของจงแดอย่างช้าๆ เขาไม่ได้เป็นเด็กดีมาก แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นที่ไปต่อยตีกลับใคร เขาแค่ทำตัวเป็นดื้อด้าน ต่อต้านอี้ชิงให้อี้ชิงตามใจบ้าง เพราะเขาทะนงตัวว่าอี้ชิงต้องยอม จนกระทั่งอี้ชิงเรียนจบและมารับตำแหน่งต่อจากเจ้าสัวจาง พร้อมๆกับที่จงแดขึ้นม.ปลายเขาเจอสังคมเพื่อนใหม่ๆ แต่สิ่งที่จงแดเคยชินที่จะได้รับจากอี้ชิงกลับหายไป

    ไม่มีคำบอกรัก ที่อีกฝ่ายพร่ำบอกทุกทีที่เขาถามว่าทำไมถึงยอมหมั้นกับเขา

    ไม่มีท่าทีฉวยโอกาส ให้เขาได้ด่าทอ และลงไม้ลงมือฟาดด้วยใบหน้าแดงก่ำ

    อี้ชิงไม่มารับ-ส่งเขา ไม่มีแม้แต่เวลามาหาที่บ้าน และยิ่งคิดว่าในสังคมผู้ใหญ่จะเป็นการเปิดโอกาสให้อี้ชิงได้เจอกับผู้คนมากมาย เมื่อมองย้อนกลับมาดูตัวเอง ที่ผ่านมาเขาเป็นแค่เด็กดื้อเอาแต่ใจ ไม่เคยทำตัวเป็นคู่หมั้นที่ดีเลยด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปสู้คนอื่นเขาได้

    ก็แค่เด็กที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ ความเอาใจใส่จากคนที่ตัวเองเพิ่งยอมรับว่ารัก แต่แสดงออกไม่เป็น มันจึงเป็นผลผลักดันให้จงแดทำแบบนี้

    ทำเรื่องงี่เง่าอย่างนี้

     

     

     

    “ป๊าจะให้เราไปอยู่กับพี่เค้า ไม่มีแต่ทั้งนั้น”คนตัวเล็กอ้าปากทำท่าจะเถียง ทั้งๆที่หัวใจพองโต เหล่ตามองคนที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างๆแล้วก็ได้แต่ตีหน้าบึ้ง อี้ชิงทำเพียงเดินเข้ามายืนข้างๆก่อนจะเอ่ยประโยคที่จงแดต้องลอบยิ้ม

    “ผมจะดูแลน้องเองครับ”

    “ฝากด้วยนะอี้ชิง ถ้าจงแดดื้อมากๆ หรือไปต่อยตีใครเขาอีก ป๊าจะส่งให้ไปอยู่กับจงด็อกที่อิตาลี”

    “ไม่ต้องห่วงครับ..”อี้ชิงเหลือบมองใบหน้าตึงๆของคู่หมั้นก่อนจะยกยิ้ม “..ผมจะไม่ให้น้องต้องเจ็บตัวอีก”

     

    นั่นน่ะก็ทำได้แค่พูดนั่นแหละ เพราะจางอี้ชิงงานยุ่งจะตาย กลับมาถึงบ้านแต่ละอาทิตย์ได้เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง จนกระทั่งจงแดได้แผลช้ำที่ใบหน้ากลับมานั่นแหละ เขาโดนอี้ชิงดุ และกลายเป็นว่าอี้ชิงต้องไปรับไปส่งเขาเหมือนกับเมื่อสามปีก่อน ความรู้สึกเก่าๆเริ่มกลับมา แม้จะต้องแลกกับการเจ็บตัวแต่มันก็คุ้มเมื่อจงแดได้รู้ว่าอี้ชิงยังเป็นห่วงเขาเหมือนเดิม

    ดุก็เพราะเป็นห่วง

    ยิ่งอี้ชิงโทรตาม ทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยังเป็นคนทำแผลให้เขาด้วยความอ่อนโยนแทบทุกครั้ง ก็ยิ่งผลักดันให้จงแดแสดงความดื้อด้านมากขึ้นเท่านั้น

    ทุกอย่างก็เพราะอี้ชิง

    ก็แค่อยากจะเป็นคนสำคัญ

    แม้ว่ามันจะเป็นการกระทำที่โง่เง่าอย่างพาตัวเองไปเจ็บตัวก็เถอะ

     

     

     

    “แสดงว่าที่ผ่านมาที่เราเจ็บตัวตลอดนั่นคือ..”อี้ชิงกอดอกพิงโต๊ะจดจ้องร่างเล็กของคู่หมั้นที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนแววตากลมๆที่มักจะสะท้อนความแก่นแก้วที่อี้ชิงหลงรักนั่นจะช้อนขึ้นสบตา

    “ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะต้องเจ็บตัวขนาดนั้น”

    “เรานี่มัน...”ก็รู้อยู่หรอกว่าเจ้าตัวหัวดื้อ และต่อต้านขนาดไหน แต่เขาไม่คิดว่าจะทำถึงขนาดนี้ แล้วยิ่งไอ้การที่พาตัวเองไปเจ็บตัวแบบนั้นอีก

    “ก็ผมคิดอะไรไม่ออกนี่ ไม่รู้ต้องทำยังไง พี่ถึงจะสนใจ..”อี้ชิงอยากจะตบหน้าตัวเองให้หายมึนงง ใจหนึ่งก็อยากจะจับเด็กบ้านี่มาตีเสียให้เข็ดที่ชอบคิดชอบทำอะไรเสี่ยงๆ แต่พอคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวต้องทำแบบนี้ก็โกรธไม่ลง เพียงแต่อี้ชิงยังมึนงงเรื่องที่จงแดพูด

    “พี่ไม่สนใจจงแดตอนไหน?”

    “เห็นมั๊ย พี่ก็เป็นแบบนี้”เจ้าตัวเล็กยู่ปาก ยกแขนกอดอกจ้องเขาด้วยใบหน้าติดงอน อี้ชิงที่ยังคงงุนงงสาวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะนั่งลงข้างๆกัน

    “ไหนลองบอกมาซิว่าพี่ไม่สนใจเราตอนไหน หืม?”แขนแกร่งเลื่อนไปดึงรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลาซุกซบลงบนไหล่บางของคู่หมั้น อดแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่จงแดไม่ได้ดื้อดึงหรือขัดขืนแต่อย่างใด

    แต่ก็ดีแล้วล่ะ เขาไมได้กอดเจ้าตัวยุ่งง่ายๆแบบนี้นานแล้ว

    “ยังจะมาถามอีกว่าตอนไหน มันก็ตั้งแต่ตอนที่พี่เรียนจบนั่นแหละ แล้วก็ไม่สนใจผมเลย”ปลายประโยคแผ่วเบา ยิ่งเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่เขาต้องนั่งรออี้ชิงอย่างมีความหวังว่าจะได้เจอหน้า ไม่มีแม้กระทั่งโทรมาบอกฝันดี ก็ยิ่งน้อยใจ สัมผัสอุ่นๆประทับลงที่ข้างแก้ม  ปลุกให้จงแดกลับมาสู่ปัจจุบัน ใบหน้าน่ารักเห่อร้อนจนเจ้าตัวเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตกอยู่ในอ้อมกอดของคู่หมั้น

    “พี่อี้ชิง..ปล่อยผม อื้อ มันอึดอัดนะ”ดิ้นก็แล้ว แกะมือก็แล้วแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าอ้อมกอดของอี้ชิงจะคลายออก จงแดยู่หน้าเมื่อถูกบังคับให้หันมาสบเข้ากับดวงตาพราวระยับ รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่ออี้ชิงเอาแต่จ้องหน้าเขาแล้วยิ้มเหมือนตอนนั้น

    ตอนที่อี้ชิงบอกรักเขาเป็นครั้งแรก แถมยังขโมยจูบเขาอย่างหน้าไม่อาย

    “น่ารัก..”

    “อะ อะไรเล่า”เจ้าตัวแสบแว๊ดเสียงเขียว แต่แปลกที่อี้ชิงกลับมองว่ามันดูน่ารักเสียเหลือเกิน ยิ่งเห็นแก้มขาวๆของน้องแดงแป๊ดแบบนั้นแล้ว

    “ก็ จงแดของพี่น่ารัก ยิ่งหน้าแดงๆแบบนี้ยิ่งน่ารัก”

    “ย่าส์ พี่อี้ชิง หยุดพูดนะ”เพราะเขินจนทำอะไรไม่ถูก เลยได้แต่เอาเสียงแหลมๆนั่นขู่ มือเล็กยกขึ้นมาปิดกั้นริมฝีปากอิ่มของคู่หมั้น เพื่อให้ลดคำพูดที่คอยจะจู่โจมหัวใจดวงน้อยให้ทำงานหนักเกินไปกว่านี้

    ไม่รู้ว่าพี่อี้ชิงนึกครึ้มอะไรนักหนา ปกติไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยนี่นา

    จุ๊บ

    “อ่ะ..”คนเจ้าเล่ห์กดจูบลงบนฝ่ามือเล็ก ยิ่งเรียกให้เลือดมากองรวมกันบนใบหน้า ไหนจะดวงตาที่ส่งผ่านความรู้สึกที่จงแดรู้ดี ว่ามันคืออะไรมาให้นั่นอีก

    นี่ไม่คิดว่าทำแบบนี้แล้วเขาจะเขินบ้างหรือไงนะ

     

     

    “พี่อี้ชิง นี่ปล่อยผมนะ อ๊ะ”เพราะดึงมือออกจากการจู่โจมของริมฝีปาก แต่ก็โดนคนเจ้าเล่ห์ฉกจูบเข้าที่มุมปาก พร้อมกับร่างที่โดนกดให้นอนหงายไปกับเตียง จาง อี้ชิงยิ้มกริ่มที่สามารถทำร่างน้อยๆของคู่หมั้นตกอยู่ใต้อาณัติ แถมยังได้ของแถมเป็นใบหน้าแดงๆน่าฟัดนั่นอีก เจ้าตัวยุ่งทำหน้าเหวี่ยงดิ้นรนจะออกจากการควบคุม ซึ่งไม่มีทางที่อี้ชิงจะปล่อยให้หลุดไปง่ายๆ

    “ไม่ปล่อยหรอก ขัดคำสั่งพี่ แถมยังผิดนัดอีก”

    “มะ ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยปล่อยยยยย” เปล่งเสียงแหลมเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากที่จ้องจะฝังลงบนริมฝีปาก ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะของคนพี่แล้วจงแดก็ยิ่งรู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองกำลังไม่ปลอดภัย

    “ต้องลงโทษชุดใหญ่..”นอกจากจะไม่ปล่อย อี้ชิงยังก้มลงมากดจมูกเข้ากับแก้มขาวๆเต็มแรง เจ้าเด็กแสบชะงักค้างเมื่อเจอรอยยิ้มอบอุ่นของคนเป็นพี่ที่อยู่ในระยะประชิด ลมหายใจร้อนผ่าวของอี้ชิงเป่ารดแก้มจนจงแดรู้สึกขนลุก อีกทั้งยังรู้สึกถึงความร้อนที่เริ่มแผ่ลามไปทั่วใบหน้าราวกลับไข้ขึ้น

     

     

    “พะ พี่อี้ชิง” เอ่ยเรียกเสียงสั่นเมื่อรับรู้ได้ถึงฝ่ามือร้อนที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ จงแดตะครุบมือคนเป็นพี่ไว้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ใกล้ชิดกันแบบนี้ แต่ครั้งนี้จงแดก็แค่กลัว กลัวว่ามันจะเลยเถิดไปมากกว่าครั้งก่อนๆ ก็แต่ก่อนนะมีแต่อี้ชิงที่บังคับให้เขาไม่มีทางเลือก โดนอีกฝ่ายทำโทษเพราะดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟัง แต่ตอนนี้น่ะอี้ชิงรู้หมดแล้วว่าทุกอย่างก็เพราะเขาอยากให้อี้ชิงสนใจเท่านั้น แล้วแบบนี้ แบบนี้เขาควรจะทำตัวยังไงล่ะ?? แล้วถ้าต้องทำถึงขั้นนั้น เขาเองก็ยังไม่พร้อม

    “ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกเด็กดื้อ”เพราะเห็นตัวน้องสั่นๆ แถมแววตายังแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด อี้ชิงจึงกดจูบลงที่หน้าผากพร้อมกับดึงรั้งร่างของน้องเข้ามากอดไว้แน่นๆแทน ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคิดได้ว่าเมื่อครู่เกือบทำให้น้องกลัวไปเสียแล้ว ทั้งๆที่น้องเพิ่งจะยอมรับว่าอยากให้เขาสนใจ อี้ชิงก็ดันดีใจมากไปหน่อยจนเกือบเผลอตัวทำอะไรไม่ดีลงไป

     

    ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้อง ก่อนที่อี้ชิงที่ตรงครองกอดร่างเล็กๆของคู่หมั้นแนบอกจะรู้สึกถึงอะไรที่แปลกไป

    “เดี๋ยวจงแด จะทำอะไร”เพราะจู่ๆคนน้องที่เงียบไปกลับมือไม้ไม่อยู่สุข มือเล็กๆนั่นกำลังพยายามปลดกระดุมเสื้อเขาออก อี้ชิงเบิกตากว้างก่อนจะรวมมือน้องไว้ แต่จงแดก็แสนจะดื้อดึงเหลือเกิน ตากลมช้อนสบตาคมเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหลุบลงมองแผงอกกว้างที่กำลังจะปรากฏสู่สายตา เพียงเพราะคิดว่าที่อี้ชิงถอนหายใจเมื่อครู่อาจจะเพราะเบื่อหน่ายในความดื้อดึงของตน แค่คิดว่าอี้ชิงจะเบื่อจงแดก็ยอมละความดื้อดึงทั้งหมดแล้ว

    ไม่เอา ไม่อยากให้พี่อี้ชิงเบื่อ ไม่อยากให้พี่อี้ชิงรำคาญ

    “ทะ ทำก็ได้”เสียงแหลมเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ อี้ชิงจ้องมองหน้าน้องอย่างไม่เชื่อหู ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังประโยคต่อมา

    “แต่ ถ้าผมเป็นของพี่แล้ว พี่ห้ามทิ้งผมนะ

    ดวงตาคมทอประกายความวาบหวามอย่างปิดไม่มิดก่อนจะประทับจูบเบาๆลงบนริมฝีปากบาง มองใบหน้าขึ้นสีของน้องด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม

    ก็เพราะคิม จงแดน่ารักอย่างนี้

    “จะทิ้งได้ยังไง ก็พี่รักของพี่มาตั้งนาน”

    แล้วเขาจะไม่รักได้ยังไง

    ขอโทษนะครับคุณพ่อตา ผมคงอดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

    ก็คู่หมั้นน่ารักขนาดนี้นี่เนอะ ^^

     

     




    แถมๆ

     

     

    “แหม มึงดูมีเนื้อมีนวลแปลกๆ นี่ได้กับเฮียแล้วอ่ะดิ โอ๊ย”มือเล็กฟาดไปที่ท่อนแขนเพื่อนสุดแรง ใบหน้าน่ารักเห่อร้อน ก่อนจะแว๊ดใส่เสียงเขียว

    “ได้บ้าได้บออะไร หุบปากไปเลยนะมึง”ชี้หน้าปาร์ค ชานยอลไปหนึ่งทีก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างเพื่อนผิวสีแทนที่นั่งแช็ทกับแฟนด้วยใบหน้างอๆ

    “จะอายอะไร ก็เพื่อนกัน เล่าๆมาเหอะ เฮียร้อนแรงใช่มั๊ยล่ะ”

    “ไอ้เชี่ยจงอิน!!”แทบอยากจะกระชากไอ้หน้าตากวนๆของไอ้เพื่อนบ้านี่มาเขย่าๆให้คอหลุด แต่พอคิม จงอินพูดเสร็จปั๊บปาร์ค ชานยอลก็ต่อปุ๊บ

    “โอ๊ยยย น้องจงแดเขินว่ะมึง”ชานยอลชี้ไม้ชี้มือ หัวเราะปากกว้างท่าทีชอบใจ จงแดรู้สึกเหมือนเส้นเลือดในหัวเต้นตุบๆ มือเล็กกำแน่นคิดไว้ในใจว่าถ้าวันนี้ไม่ได้ถีบไอ้เพื่อนสองตัวนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่

    “หุบปากหมาๆของพวกมึงเลยนะ ไอ้...”

    “จงแดครับ”

    “...”เจ้าของชื่อหุบปากฉับ ยู่หน้าใส่เพื่อน ก่อนจะหันกลับไปฉีกยิ้มกว้างให้คนรัก ที่เดินเข้ามาฉุดกระเป๋าในมือไปถือ ชานยอลกับจงอินฉีกยิ้มกว้างก้มหัวทำความเคารพ แต่ก็ไม่วายส่งสายตาล้อเลียนเพื่อนเป็นระยะๆ ยิ่งได้เห็นเพื่อบ่นขมุบขมิบเพราะทำอะไรไม่ได้ก็ยิ่งได้ใจ

    คอยดูเถอะถ้าไม่อยู่ในสายตาพี่อี้ชิงเขาจะซัดไอ้พวกเพื่อนบ้านี่ให้หายแค้นเลยทีเดียว

    “กลับกันได้แล้วครับ”

    “อือ”

    “พูดไม่เพราะกับพี่เลย”อี้ชิงยั่วเย้า สบตากับเพื่อนของเจ้าตัวแสบอย่างรู้กัน คนตัวเล็กที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายในการแกล้งได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูก อายไอ้พวกเพื่อนบ้านี่ก็อาย

    แต่ก็ไม่อยากทำตัวดื้อกับอี้ชิง

    “กะ กลับกันเถอะครับ..”เดินก้มหน้าเข้าไปกระตุกแขนคนรักด้วยใบหน้าแดงก่ำ อี้ชิงยกยิ้มชอบใจ แต่ก็นะ จงแดยังไม่ได้พูดจบประโยคเลย

    “แล้วอะไรอีกครับ..”

    “กลับเร็วๆเถอะครับ..ที่รัก”

     

    END

     

    จบแล้วนะคะทุกคนนนนน รอเรานานไหม ขอโทษน้า ตั้งใจจะมาต่อให้จบเร็วๆแต่ไม่ว่างเลย  ยังไงก็สนุกกับการอ่านนะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจอันล้นหลามค่า เจอกันตอนหน้าเร็วๆนี้นะ

    ปล. ทุกคนพร้อมที่จะดราม่าไปกับเราไหม 5555 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×