คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : (Un)loveable II : LAYCHEN
Title :Unlovable (end)
Pairing :LAYCHEN
Talk : จบแล้วค่ะ อาจจะจบแบบงงอีกตามเคยแต่เราว่าแบบนี้ซอร์ฟกว่าที่เขียนไว้ตอนแรกเยอะ ไม่อยากให้น้องร้องไห้ไปมากกว่านี้ (หรอ?) เจอกันตอนหน้าค่าาา
เพราะคาดว่าเวอร์ชันรีไรต์คงอีกนาน เอาเวอร์นี้ไปอ่านก่อนแล้วกันนะคะ^^
เป็นครั้งแรกในรอบปีที่เขาร้องไห้
ยิ่งเมื่อเข้ามาในห้องของตัวเองที่มีแต่เรื่องราวต่างๆของจาง
อี้ชิงเขาก็ยิ่งร้องไห้ เพราะชอบถึงได้พยายามบันทึกจดจำทุกอย่างเกี่ยวกับอีกคนไว้
จงแดก็เหมือนกับใครหลายๆคน
อยากจะจดจำเรื่องราวของคนที่ตัวเองชอบไว้ให้ได้มากที่สุด มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร
แต่ใครจะไปรู้ว่าในวันหนึ่งความทรงจำที่แสนมีค่าที่เขาพยายามเก็บรวบรวมมันมา
เก็บเป็นความลับไว้กับตัวเหล่านั้น
มันจะยิ่งเป็นสิ่งย้ำเตือนให้เขารู้ตัวถึงความโง่งมของตัวเอง
กรีดย้ำแผลให้เหวอะวะเจ็บปวดเจียนตายขนาดนี้
คิม จงแด เหมือนคนโง่
ทั้งๆที่เคยคิดไว้แล้วว่าไม่มีทางเป็นไปได้
แถมยังได้ขีดเส้นกั้นระหว่างตัวเองกับอีกฝ่ายไว้เพื่อเป็นเกราะป้องกัน
แสดงท่าทางอวดเก่งไม่หยี่ระกับคำพูดและการกระทำของอีกฝ่าย แต่เมื่อมาถึงจุดๆหนึ่ง
กลับกวาดทุกอย่างทิ้ง เพียงแค่เขาเข้ามาดีด้วย แค่สนิทกันทั่วๆไป
ทำให้ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปในทำนองที่ควรเป็น
แต่ก็ยังเผลอใจคิดเข้าข้างตัวเองเผลอลืมเหตุผลแรกเริ่มที่เขาเข้าหา
เพียงเพราะเขาคือข้อยกเว้นของทุกอย่าง
จนลืมย้อนมองว่าจางอี้ชิงกับเขาไม่ได้แตกต่างกัน
กับคนที่เขาไม่เคยคิดจะมองมาตั้งแต่แรก
แล้วเขาจะมารักได้ยังไง ยิ่งมีคนที่ตัวเองชอบอยู่แล้วแบบนั้น
มันก็เหมือนกับตัวจงแดเองที่ไม่มีทางรักคนอื่นในขณะที่ชอบจาง
อี้ชิง
ก็เหมือนกับเขาที่ปฏิเสธทุกคนเพื่อจัดการกับความรู้สึกของตัวเองเขากับอี้ชิงไม่ได้แตกต่างกันเลยด้วยซ้ำ
“พี่
เลิกร้องไห้เดี๋ยวนี้เลยนะ”จงแดกลั้นเสียงสะอื้นทันทีที่เสียงของน้องชายดังขึ้นมาจากอีกฝั่งของประตู
คิมจงอินคงมายืนแอบฟังอยู่ตั้งนานแล้วแน่ๆเพราะไม่อย่างนั้นเสียงน้องชายเพียงคนเดียวของเขาคงไม่เป็นกังวลขนาดนี้
“พี่ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรก็ต้องให้ผมเห็นสิ
ผมจะเข้าไปแล้วนะ”พูดไม่ทันจบประโยคประตูห้องก็ถูกไขเข้ามาเขาที่ยังไม่ทันตั้งตัวเลยได้แต่เงยหน้าที่น้ำตาไหลพรากให้น้องเห็น
ด้านอ่อนแอที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมันบ่อยนัก
หลังจากยืนอึ้งไปซักพักจงอินก็เดินเข้าไปหาพี่ชายตัวเล็ก
มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าของพี่ออกช้าๆ เขาไม่ชอบเลยไม่ชอบเห็นพี่ร้องไห้
พี่จงแดเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า
“ร้องไห้แบบนี้พี่ไม่น่ารักเลยว่ะ”จงอินแกล้งเอ่ยแซวเพียงเพราะอยากให้พี่ชายไม่เครียด
แต่ทว่าสำหรับคนที่อยู่ในอารมณ์แบบนี้กลับเหมือนโดยตอกย้ำ
คำพูดของอี้ชิงดังก้องอยู่ในหัว เล่นเอาน้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบ
“ก็พี่ไม่ได้น่ารักอยู่แล้วแกก็รู้” เขารู้ตัวดีมาตลอด เขาไม่ได้น่ารักเหมือนกับแบคฮยอน
อย่างน้อยๆก็ไม่ได้น่ารักในแบบที่อี้ชิงชอบ
“เฮ้ย
ไม่ดิพี่น่ารักจะตาย ผมแค่พูดเล่นๆเอง สำหรับผมพี่น่ารักที่สุดในโลกเลยนะ”จงอินหน้าเสีย
ยกมือเช็ดน้ำตาพี่เป็นพัลวัน ท่าทางตื่นๆของน้องชายทำให้จงแดนึกขำ
“...”จงแดหัวเราะทั้งน้ำตา
นึกขอบคุณจงอินอยู่ในใจ
อย่างน้อยในเวลาที่คิดว่าตัวเองเสียใจมากที่สุดเขาก็ยังมีคนอยู่ข้างๆ
ยังมีจงอินอีกคน
“พี่แบคฮยอนผมฝากพี่ด้วยนะ”แบคฮยอนขมวดคิ้วเมื่อโดนน้องชายตัวสูงของเพื่อนลากไปกระซิบกระซาบ
แม้จะไม่เข้าใจ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นร่างผอมบางของเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆเซฮุนแล้วเขาก็ยิ่งต้องขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ผมก็ไม่รู้
รู้แต่ว่าเมื่อวานพี่ร้องไห้”สีหน้าเป็นกังวลของจงอินทำให้แบคฮยอนต้องยกมือขึ้นมาบีบไหล่น้องเบาๆ
คิม จงอินจ้องมองร่างของพี่ชายตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง
ก่อนแบคฮยอนจะดุนหลังให้ไปขึ้นรถเมื่อเห็นว่าอีกไม่นานก็ถึงเวลาเข้าเรียนของน้องแล้ว
“เดี๋ยวพี่ดูแลให้เอง ไม่ต้องห่วง”
เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ลับร่างของจงอินกับเซฮุน
แบคฮยอนเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงข้างกายเพื่อนที่กำลังเหม่อมองไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย
แบคฮยอนได้แต่จ้องเพื่อนนิ่งๆ ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมพวกเราทั้งคู่
เพราะเป็นเพื่อนกันมานานถึงได้รู้ว่าเวลาที่จงแดไม่สบายใจให้นั่งอยู่ข้างๆเงียบ
ถ้าเจ้าตัวอยากพูดอยากระบายจะเป็นฝ่ายพูดมันขึ้นมาเอง และสักพักมันก็เป็นแบบนั้น
“แบคฮยอน..”เสียงเรียกชื่อเบาๆจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆทำให้แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง
อกขยับตัวเข้าหาเตรียมรับฟังในสิ่งที่กำลังสร้างความทุกข์ให้เพื่อน คิม
จงแดยังคงก้มหน้า ไม่แม้แต่จะหันมา
ริมฝีปากบางนั่นเม้มเข้าหากันราวกับกำลังไตร่ตรองว่าเรื่องที่กำลังจะพูดออกไปสมควรที่จะพูดมันออกมาดีหรือเปล่า
“กูชอบพี่อี้ชิง”สุดท้ายประโยคแผ่วเบาจนแทบจะไม่มีเสียงนั่นก็หลุดออกมา
แบคฮยอนจ้องหน้าเพื่อน เขาไม่ได้มีท่าทีตกใจกับสิ่งที่เพื่อนเพิ่งสารภาพ มือเรียวยกขึ้นบีบไหล่ของเพื่อนตัวผอมเบาๆ
“กูรู้”จงแดหันกลับมามองหน้าเพื่อนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
แววตาสั่นไหวและสับสนมองหน้าเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ หมายความว่ายังที่บอกว่ารู้
“มึง..หมายความว่ายังไง”
“กูรู้มาตลอดจงแด
รู้ว่ามึงชอบพี่อี้ชิง” แบคฮยอนจ้องหน้าเพื่อน
ดวงตาแดงก่ำของจงแดเหมือนกำลังบีบรัดหัวใจเขาช้าๆ เพราะรู้
รู้มาตลอดเขาถึงได้หาทางให้จงแดใกล้ชิดกับอี้ชิง
ไม่เคยรู้เลยว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีแต่มันกลับยิ่งทำร้ายเพื่อนตัวเอง “กูขอโทษ”
“หมายความว่าที่มึงให้กูกันพี่เค้า
ก็เพราะอย่างนี้หรอ มึงมันใจร้าย”สุดท้ายน้ำตาของจงแดก็ไหลออกมา
มือเล็กทุบเข้าที่อกเพื่อนสะอื้นเบาๆ แบคฮยอนไม่ได้ต่อต้าน
เพียงแต่ปล่อยให้จงแดลงโทษเขาอยู่อย่างนั้น เขามันโง่
โง่เองที่คิดอะไรตื้นๆคิดว่าอี้ชิงจะรักเพื่อนของเขาได้บ้างหากได้อยู่ใกล้ชิดกัน
จนลืมคิดถึงความรู้สึกของจงแด
“มึงมัน ฮึก..”
“กูขอโทษ
กูไม่คิดว่าพี่เค้าจะทำร้ายจิตใจมึงแบบนี้ จงแด
กู..”แบคฮยอนหยุดชะงักเมื่อร่างผอมของเพื่อนโถมเข้ากอด คิม
จงแดร้องไห้ซบหน้าอยู่กับอกเขาแล้วปล่อยโฮออกมา
เพื่อนตัวผอมสะอื้นราวกับจะขาดใจจนเขาน้ำตาคลอ จงแดเคยเข้มแข็งมาตลอด
ตั้งแต่คบกันมาเขาแทบจะไม่เคยเห็นจงแดร้องไห้ ไม่เคยมีใครทำให้จงแดร้องไห้ได้นอกจากคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเจ้าตัวเอง
จาง อี้ชิงก็คงเป็นคนนั้น
“กูขอโทษนะ”
“ฮึก กูไม่อยากเจอเค้าแล้ว ฮึก
มึงไม่ต้องให้เค้ามายุ่งกับกูอีกได้มั้ย?”คำขอร้องสั่นๆของเพื่อนทำให้แบคฮยอนพยักหน้ารับแทบจะทันที
อ้อมกอดกระชับรัดร่างของเพื่อนไว้แน่น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่เมื่อตัวเองกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เพื่อนต้องมานั่งเสียใจอยู่อย่างนี้เขาเหมือนคนเห็นแก่ตัว
นึกโกรธตัวเองขึ้นมา ถ้าเพียงบอกปฏิเสธอี้ชิงออกไปตั้งแต่แรก
กันออกไปไม่ให้ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก จงแดคงไม่ต้องเป็นแบบนี้
“กูจะไม่ให้พี่เค้ามายุ่งกับมึงอีกแล้ว
กูสัญญา”
ถึงเวลาที่แบคฮยอนจะจบเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยตัวของเขาเอง
ตรงหน้าของอี้ชิงคือ บยอน แบคฮยอน
คุณหมอหนุ่มมีท่าทีแปลกใจที่เห็นเบอร์โทรของอีกฝ่ายโทรเข้ามาเมื่อเช้าและขอนัดเจอกันที่คาเฟ่ใกล้คลินิค
ถ้าเป็นเมื่อก่อนอี้ชิงคงจะวิ่งออกไปตะโกนโหวกเหวกโวยวายด้วยความดีใจแต่ตอนนี้เขากลับแทบไม่ได้รู้สึกยินดีที่จะได้เจอกันเหมือนเคย
อาจเป็นเพราะเขาเองก็เดาได้ไม่ยากว่าจุดประสงค์ของแบคฮยอนที่มาวันนี้คืออะไร
อีกเหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกผิดที่เกาะกินใจ
จนเขาไม่สามารถสลัดมันออกไปได้ ใบหน้าของคิม จงแด
พร้อมกับถ้อยคำตัดพ้อยังลอยวนอยู่ในหัวจนไม่ราวกับหน่วงรั้งให้เขาแทบไม่เป็นอันทำอะไร
เด็กคนนั้นเคยใจร้ายยังไงก็ใจร้ายอยู่อย่างนั้น
“ผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ”แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ย
ใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มเสมอเรียบนิ่ง อี้ชิงมองหน้าอีกคนยกยิ้มอ่อนโยนบางเบา
พร้อมที่จะรับฟังในสิ่งที่แบคฮยอนกำลังจะพูด
บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่เขากับแบคฮยอนจะพูดกันตรงๆสักที
“ผมขอบคุณนะครับที่พี่มีความรู้สึกดีๆให้ผม...”ใจของอี้ชิงกระตุกก่อนจะแค่นยิ้มให้ตัวเองเมื่อเรื่องที่แบคฮยอนกำลังจะพูดต่อไปไม่ได้ต่างจากที่คิดสักเท่าไหร่
คนตรงหน้ากำลังทำสีหน้าลำบากใจ ถ้าให้เดาแบคฮยอนคงไม่เคยปฏิเสธใครตรงๆแบบนี้
จู่ๆอี้ชิงก็เห็นใบหน้าของจงแดซ้อนทับขึ้นมา
คงเป็นเพราะเมื่อก่อนจงแดเป็นฝ่ายกันท่าคนอื่นให้แบคฮยอนมาตลอด
อาจเพราะว่าแบคฮยอนเป็นคนขี้เกรงใจคนอื่นแบบนี้
คิม
จงแดถึงได้ยอมเป็นเด็กปากร้ายกันคนอื่นออกจากเพื่อนเสียเอง
“ผมไม่ได้ชอบพี่ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเข้าทางจงแดอีกแล้วนะครับ”อี้ชิงหลุดจากภวังค์
ตาเรียวของแบคฮยอนจ้องหน้าเขาด้วยแววตาขอร้อง ก่อนจะพูดต่อ “ไม่ว่าพี่คิดทำอะไร
ก็หยุดเถอะครับมันไม่มีประโยชน์หรอก”
“พี่เข้าใจ”อี้ชิงทำได้แค่ยิ้ม
แบคฮยอนยังน่าเอ็นดูเสมอ
ท่าทางราวกับกลัวเขาโกรธทั้งๆที่ตัวเองกำลังบอกตัดความสัมพันธ์ มันทำให้เขาไม่รู้สึกเสียใจที่เคยชอบเด็กคนนี้
อีกทั้งมันน่าแปลกที่ประโยคแสนโหดร้ายที่ออกมาจากริมฝีปากของแบคฮยอนไม่ได้สร้างความเจ็บปวดมากมายเหมือนอย่างที่คิดไว้
มันแค่เจ็บนิดๆ แต่กลับรู้สึกโล่งอกอย่างประหลาด
กลับกันใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของจงแดต่างหากที่ทำให้เขาเหมือนกำลังจะตาย
มันเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก
“แล้วจงแด..”
ไม่รู้ว่าเพราะในห้วงความคิดมีเพียงคนๆนั้นวนเวียนอยู่หรือเปล่าเขาถึงได้หลุดถามออกไป
แบคฮยอนหยุดชะงักตาเรียวนั่นจ้องเขาก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“พี่คงรู้แล้ว เรื่องที่จงแดชอบพี่”
แบคฮยอนกำมือแน่นเมื่อนึกไปถึงคำสารภาพของเพื่อนรวมถึงเหตุการณ์ที่เพื่อนเล่าให้ฟัง
คิม จงแดเอาแต่ร้องไห้ และบอกเขาว่าตัวเองไม่มีทางกลายเป็นคนที่อี้ชิงชอบได้
เพื่อนของเขาฝั่งใจกับคำพูดของอีกฝ่าย และยืนยันหนักแน่นว่าจะตัดใจ เพียงแต่ขอให้เขาบอกอีกฝ่ายว่าให้เลิกยุ่งกับตัวเอง
คิม จงแดไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับอี้ชิงอีกแล้ว
เขาเองก็สัญญากับเพื่อนไปแล้ว...
“ผมอยากจะขอ..พี่เลิกยุ่งกับจงแดได้ไหมครับ”ตาคมของคนตรงหน้าเบิกกว้างก่อนจะสั่นไหว
แบคฮยอนมองเห็นความสับสนอยู่ในนั้น เขาเผลอดีใจเมื่อคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันได้ผลอย่างน้อยตอนนี้อี้ชิงก็สนใจจงแด
แต่เมื่อคิดใบถึงถ้อยคำตัดพ้อของเพื่อนแล้ว เขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกรอบ มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่ออี้ชิงเป็นคนทำลายโอกาสที่เขาสร้างขึ้นมาให้ด้วยตัวเอง
“จงแดมันกำลังจะตัดใจ
ถ้าพี่ไม่ได้ชอบมันก็ปล่อยมันไปเถอะครับ..”
“พี่..”อี้ชิงพูดไม่ออก
เขารู้สึกเหมือนตัวชา มองหน้าแบคฮยอนอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกไป หัวใจมันหนักอึ้ง
แค่คิดว่าจะไม่สามารถเข้าใกล้คนตัวผอมอีกต่อไป เขาก็รู้สึกใจหาย
ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้
“พี่อี้ชิง
ผมเองก็ทำผิดพลาดเพราะคิดว่าพี่เองถ้าได้อยู่ใกล้ๆมันอาจจะรักมัน..และเห็นมันในมุมที่ต่างออกไปจากคนอื่น”แบคฮยอนละสายตาจากใบหน้าคนเป็นพี่หวนคิดไปถึงใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเพื่อน
“ถ้าไม่ได้ชอบก็ปล่อยมันไปเถอะครับ
แต่ถ้าตอนนี้พี่คิดว่าความรู้สึกของตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว ก็อย่าปล่อยมันไปเลยครับ”
อี้ชิงเงยหน้ามองรอยยิ้มขี้เล่นของอีกฝ่าย
ความรู้สึกอึดอัดใจเมื่อครู่มลายหายไป ก่อนจะยิ้มออกมา แบคฮยอนยังขี้เล่นเหมือนเดิม
“..ขอบคุณนะแบคฮยอน”
บยอนแบคฮยอนยิ้ม
นึกขอโทษขอโพยเพื่อนอยู่ในใจ ที่ผิดสัญญาอีกครั้ง
เขาอยากจะลองเสี่ยงดูและเชื่อว่าอี้ชิงคงจะไม่ทำผิดพลาดอีก
เขาเลยยอมเสี่ยงหยิบยื่นโอกาสครั้งที่สองให้อี้ชิง เพราะแบคฮยอนเองก็อยากเห็นจงแดมีความสุขเหมือนกัน
“แต่อาจจะยากหน่อยนะครับ”
“พี่เข้าไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”ใบหน้าออดอ้อนของน้องชายทำให้จงแดไม่มีทางเลือก
คิม จงอินในสภาพใส่เฝือกที่ขาซ้าย
และใช้ไม้ค้ำพยุงอยู่กับรักแร้ทั้งสองข้างกำลังส่งสายตารบเร้ามาให้
แถมยังกระตุกเสื้อพี่ชายตัวเล็กรัวๆ แม้จะอดแปลกใจที่พี่ชายตัวเองทำหน้านิ่งๆ
เหมือนโดนบังคับมา แถมพี่อี้ชิงก็เอาแต่จ้องหน้าพี่เขาไม่หยุด แต่คิม
จงอินก็ยังออดอ้อนพี่ชายไม่เลิก เพราะขี้เกียจเข้าไปแล้วโดนพี่อี้ชิงดุเรื่องลืมกินยานั่นแหละ
คิดว่าไปให้พี่จงแดรับหน้าด้วยคงจะดีกว่า
สุดท้ายพี่ชายตัวเล็กก็ยอมเดินนำเข้าไปในห้องตรวจอย่างว่าง่าย
“พี่ ผมออกไปคุยกับเซฮุนข้างนอกนะ”เพราะบรรยากาศดูแปลกๆ เมื่อทำการตรวจเช็กร่างกายเรียบร้อยแล้วจงอินที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้แต่นั่งมองหน้าพี่ชายสลับกับคุณหมอด้านหน้าด้วยความไม่เข้าใจสถานการณ์
น้องชายตัวสูงชิงแทรกตัวออกจากห้องตรวจพร้อมกับมือถือที่แนบอยู่กับหู
จงแดอ้าปากจะเรียกน้องชายตัวดีไว้ แต่จงอินก็ไม่ฟัง
ทั้งๆที่เป็นอาการป่วยของตัวเองแท้ๆ แต่กลับเป็นเขาที่ต้องมาอยู่ฟัง
แถมยังต้องฟังจากคนที่เขาพยายามจะหลบหน้ามาตลอด ๒ อาทิตย์อีกต่างหาก
เมื่อก่อนจงแดต้องเป็นคนรับหน้าเวลาอี้ชิงมาหาแบคฮยอนแต่ตอนนี้กลับกันไปหมด
ทั้งๆที่หนีได้แล้วแต่ก็ไม่วายต้องมาเจอหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อาการของจงอินไม่ได้มีอะไรน่าห่วงหรอก
ตอนนี้แผลก็เริ่มสมานเกือบหมดแล้ว..”จงแดไม่ได้เงยหน้ามองตอนที่อีกฝ่ายกำลังพูดถึงอาการของน้องชาย
คนตัวผอมเอาแต่ก้มหน้ามองมือของตัวเองที่บีบกันแน่นอยู่บนตัก
จึงไม่ได้เห็นว่าสีหน้าของอี้ชิงเป็นยังไง
“พี่ให้ยาไปเพิ่ม
ยังไงก็ช่วยกำชับจงอินด้วยว่าอย่าลืมกินยา”
“ครับ”จงแดพยักหน้า แม้จะสะดุดกับคำเรียกแทนตัวเองว่าพี่ของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย
และหลังจากประโยคตอบรับของเขาจบลงทั้งห้องก็กลับมาเงียบ
บรรยากาศอึดอัดลอยคว้างอยู่รอบตัวจนจงแดรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
คนตัวผอมขยับลุกขึ้น ก่อนจะโค้งลาอีกฝ่าย แต่เสียงนุ่มกลับเรียกให้เขาหยุดชะงัก
“จงแด
เราจะเป็นแบบนี้อีกนานไหม” มือเล็กกำลูกบิดประตูแน่น
น้ำเสียงอ่อนแรงของอี้ชิงกำลังบีบรัดหัวใจเขาจนเจ็บร้าวไปหมด เขาผ่อนลมหายใจ
หวังว่าจะช่วยให้เจ้าก้อนเนื้อเล็กๆนี่คลายความเจ็บปวดลงบ้าง
ใบหน้าหม่นหมองถูกปรับให้เรียบเฉย ก่อนจะทำใจกล้าหันมาเผชิญหน้า
จาง อี้ชิง
กำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาที่ต่างไปจากเดิม แต่จงแดเลือกที่จะมองข้ามมันไป
เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอี้ชิงอีกแล้ว
“แบบไหนครับ
ถ้าคุณหมอหมายถึงความสัมพันธ์ของผมกับคุณ
ก่อนที่คุณจะรู้ว่าผมเป็นเพื่อนสนิทแบคฮยอน เราก็เป็นนี้มาตลอดนี่ครับ”อี้ชิงหน้าชาเหมือนถูกตบหน้า คนตัวเล็กพูดจบก็หันหลังให้
อี้ชิงได้แต่ยืนนิ่งมองแผ่นหลังบางของจงแดเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
คุณหมอหนุ่มเอนสะโพกพิงโต๊ะ ทอดสายตาหาจุดโฟกัส
พร้อมกับคำพูดเมื่อครู่ที่วนเวียนอยู่ในหัว
จงแดพูดถูก
เมื่อก่อนเขากับอีกคนมีความสัมพันธ์แบบนั้น
ทั้งๆที่รู้จักกับคนตัวผอมมาก่อน
แต่เขากับจงแดก็แทบจะไม่เคยพูดคุยกันมากกว่าการทักทายเมื่อจงแดพาคุณป้ามาตรวจ
หรือรักษาที่คลินิก แต่เมื่อวันที่เขาเห็นว่าแบคฮยอนมาหาจงแดที่บ้าน
จนกระทั่งรู้ว่าทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน
เขาก็เข้าไปตีสนิทกับอีกฝ่ายทันที
ไม่แปลกเลย
ก็ในเมื่อจงแดพูดถูกทุกอย่าง เขาเข้าหาจงแดเพราะแบคฮยอน
เสียงถอนหายใจดังขึ้นขัดกับอาการบีบรัดที่หน้าอก
สงสัยจะเจองานยากเข้าจริงๆแล้วล่ะ จาง อี้ชิง
“บยอน
แบคฮยอนหยุดเดี๋ยวนี้นะ”คิม จงแดร้องลั่นตอนที่ทันเห็นหลังเพื่อนไวไว
คนตัวผอมได้แต่กัดฟันกรอด ขยับเท้าหนีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนใกล้เข้ามา
บยอน แบคฮยอน ไอ้เพื่อนชั่ว
“แบคฮยอนไม่ได้ยินหรอก
กลับกันเถอะ”
“...คุณมาที่นี่ทำไม?”ตากลมตวัดหันไปจ้องมองคนที่เดินเข้ามาขนาบข้าง
จาง อี้ชิงทำเพียงส่งยิ้ม ก่อนจะพยายามดึงเอากระเป๋าเขาไปถือ
“พี่ผ่านมาแถวนี้เลยแวะมารับเรากลับบ้าน”
“ผมกลับเองได้
ปล่อยมือด้วยครับ”อี้ชิงเผลอทำหน้าสลดเมื่อเจอคำเรียกห่างเหินของอีกฝ่าย คิม
จงแดเคยใจร้ายกับเขายังไงตอนนี้ยิ่งเหมือนจะใจร้ายมากขึ้น น้องเหมือนกำลังสร้างกำแพงกันเขาออกมา
“จงแด
ฟังพี่ก่อนสิครับ”อี้ชิงไม่ได้ยอมแพ้
เขาเหมือนมองเห็นเหตุการณ์ในวันนี้ซ้อนทับกับเหตุการณ์ในอดีต
ตอนนั้นเขายังตามจีบแบคฮยอนแต่คนที่เขาต้องเอาแต่เดินตามกลับกลายเป็นคนตัวผอม
ปากร้ายตรงหน้า ทำไมตอนนั้นเขาถึงไม่ฉุกคิดนะ ว่าทำไมตัวเองถึงได้ตามวุ่นวายกับจงแดได้เป็นวันละหลายๆชั่วโมง
ถ้าตัดเรื่องของแบคฮยอนออกไปบางทีคำตอบมันก็อาจจะชัดเจนอยู่แล้วก็ได้
อาจจะเป็นอย่างจุนมยอนว่า
เขาอาจจะไม่รู้ตัว และเพราะอีกฝ่ายเอาแต่แสดงท่าทางรังเกียจและผลักไสเขาออกห่าง
มันก็เลยยิ่งทำให้เขามองว่าอีกฝ่ายไม่น่ารักและพยายามผลักความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้น
เขาก็เหมือนคนโง่ที่เพิ่งมารู้ตัวในวันที่กำลังจะเสียสิ่งสำคัญไป เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองกลับไปโง่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“จงแด
ขึ้นรถเถอะฝนมันจะตกแล้ว” อี้ชิงวิ่งไปทันคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ คิม
จงแดยอมหยุดเดินเสียงฟ้าร้องดังขึ้นพาลให้เจ้าตัวสะดุ้งโหยง คิม
จงแดไม่ชอบเสียงฟ้าร้องมาตั้งแต่เด็ก
เขาไม่ถึงกลับกลัวจนตัวสั่นแต่ก็ไม่เคยชอบใจที่จะยืนอยู่ในที่กลางแจ้งเวลาที่มีเสียงคำรามของท้องฟ้า
เพราะมันแต่แตกตื่นกับเสียงเหล่านั้นถึงได้ไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองโดยฉุดให้เดินมาตามแรงลกของอีกคนจนกระทั่งเม็ดฝนหยดแรกกระทบเข้าที่แขน
“อ๊ะ”พร้อมกับเสื้อแจ็กเกตสีดำที่มาคลุมอยู่บนหัวเขา
จงแดมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้า แต่อี้ชิงก็กระตุกข้อมือเขาให้เร่งฝีเท้า
“รีบไปเถอะเดี๋ยวจะเปียกไปกว่านี้”
ข้อมือที่ถูกเกาะกุมมันอุ่นจนร้อน
สายฝนปรอยๆ
และเสียงฟ้าร้องที่ดังอยู่รอบกายไม่ได้เข้าสู่โสตประสาทของเขาเลยแม้แต่น้อย
ในเมื่อตอนนี้จงแดได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองมันเต้นดังจนกลบทุกอย่าง
ไม่เข้าใจเลย เขาไม่เข้าใจจาง
อี้ชิงเลย ต้องให้เขาเจ็บปวดมากกว่านี้อีกงั้นหรอ...
ภายในห้องโดยสารเงียบงัน
คนตัวผอมเอาแต่จ้องออกไปนอกหน้าต่างที่มีเพียงหยาดน้ำฝน
ฝนตกหนักจนบดบังทุกอย่างเห็นเป็นเพียงภาพเลือนราง
มันก็คงเหมือนกับความรู้สึกของเขาตอนนี้ ที่ไม่รู้เลยว่าคนข้างกายต้องการอะไร
ไม่คิดอะไร รังเกียจเขา ไม่มีทางที่จะชอบเขา แล้วทำไมต้องมาวุ่นวาย ทั้งๆที่เขาบอกความรู้สึกทุกอย่างของตัวเองไปหมดแล้ว
จาง อี้ชิงควรจะรู้ได้แล้วว่าเขาไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องแบคฮยอนได้แล้ว
แล้วทำไมถึงยังมาให้เห็นหน้า ทำไมต้องมาวุ่นวาย หรือเพราะรู้สึกผิดงั้นหรอ
รู้สึกผิดที่ทำให้เขาร้องไห้ฟูมฟายแบบนั้นงั้นหรอ?
ไม่ยุติธรรมเลยถ้าแค่เรื่องแค่นั้น...
รถของอี้ชิงจอดเทียบประตูบ้านตระกูลคิม
ตาคมจ้องมองคนตัวเล็กที่ยังตกอยู่ในภวังค์ ใบหน้าเศร้าสร้อยของอีกฝ่าย
เมื่อรวมกับบรรยากาศด้านนอกไม่ได้น่าดูเลย อี้ชิงยังจำได้ถึงรอยยิ้มสดใสของอีกฝ่าย
มันน่ารักมากขนาดไหน ก่อนที่เขาจะทำลายมันลง
“จงแด..ถึงบ้านแล้วครับ”อี้ชิงเอ่ยเรียกอีกคนเบาๆ
คนตัวผอมสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะหันมามองหน้าเขาเล็กน้อย
ริมฝีปากบางนั่นเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเล็ดลอดออกมา
มือเล็กคว้าเอากระเป๋าบนตักขึ้นมาถือ ก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตู แต่อี้ชิงกลับเป็นฝ่ายดึงข้อมือเล็กนั่นไว้เสียก่อน
พร้อมกับมือเรียวอีกข้างที่ยื่นแจ็กเกตตัวเดิมให้
“ข้างนอกฝนตกหนัก
เอานี่คลุมไว้ก่อนเถอะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ
ขอบคุณ”พูดจบอีกฝ่ายก็สะบัดมือเขาทิ้งเปิดประตูลงไปทั้งอย่างนั้น อี้ชิงสบถในลำคอก่อนจะเปิดประตูวิ่งฝ่าสายฝนวิ่งไปคว้ามือของอีกฝ่ายไว้
พร้อมกับที่แจ็กเกตตัวเดิมถูกคลุมไปบนหัวกลมๆที่เริ่มเปียกลู่ คิม
จงแดสะบัดหน้าผลักเขาออก ทั้งๆที่แค่รับมันไปก็จบแล้วแท้ๆแต่เด็กตรงหน้าก็ดื้อดึง
“จงแด
อย่าดื้อได้ไหม?”
“อย่ามายุ่งกับผม!!”จงแดตวาดลั่นแข่งกับเสียงฝน อี้ชิงชะงัก
ทั้งๆที่คิดว่าจะปล่อยมือเพราะไม่อยากให้น้องเปียกไปมากกว่านี้
แต่พอเห็นท่าทีราวกับไม่อยากยุ่งกับเขา อี้ชิงจึงเพิ่มแรงกำรอบข้อมือเล็ก
ดึงรั้งร่างผอมบางนั่นไว้ให้เผชิญหน้า
เหมือนยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จงแดก็ยิ่งพยายามผลักเขาออกห่าง
น้องเหมือนจะสร้างกำแพงกั้นเขาสูงขึ้นทุกที
ถ้าไม่ใช่วันนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้คุยกันดีๆหรือเปล่า
“เราต้องคุยกัน”อี้ชิงเริ่มบทสนทนา
มองร่างผอมที่เอาแต่พยายามแกะมือเขาออก เจ้าตัวสบถคำไม่ด่าออกมาไม่ขาดปาก
แต่ถึงอย่างนั้นอี้ชิงก็ไม่สนใจ
เขาจะไม่ยอมปล่อยจงแดไปไหนถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่อง
“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ
ผมบอกให้ปล่อย”
“จงแด
ฟังพี่หน่อยได้มั๊ย?”อี้ชิงพยายามสะกดกั้นอารมณ์
ดูเหมือนว่าตอนนี้คนตรงหน้าจะเริ่มอาละวาดเสียแล้ว จงแดทั้งไม่ยอมฟัง
ทั้งยังพยายามแกะมือเขาออกจนสุดท้ายอี้ชิงจึงตัดสินใจรวบร่างผอมบางของอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอด
“ปล่อย”ร่างเล็กเผลอหยุดชะงัก
ก่อนน้ำตาจะรื้นออกมา ความอบอุ่นของอ้อมกอดโอบล้อมร่างเขาไว้
ความสับสนมันตีตื้นขึ้นมาจุกบริเวณลำคอ เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจางอี้ชิงเลย ทำไม
ทำไมต้องมาทำแบบนี้ ถ้าแค่รู้สึกผิดทำไมถึงต้องมาล้อเล่นกับความรู้สึกเขาอย่างนี้
หรือเพราะรู้ว่าเขาชอบงั้นหรอ..
“ฮึก..”เสียงสะอื้นหลุดออกมา
พร้อมกับร่างผอมที่หยุดนิ่งในอ้อมกอด อี้ชิงกระชับอ้อมแขนเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นจากอีกฝ่าย
เขาทำจงแดร้องไห้อีกแล้ว
“พี่ขอโทษ..”
“ทำไม...ทำไมไม่ไปให้พ้นหน้าผมสักที
ฮึก..”
“...พี่ขอโทษ
ยกโทษให้พี่ได้ไหม” คำขอโทษของอี้ชิงส่งผลให้หัวใจของทั้งคู่บีบรัดแน่น
อี้ชิงขอโทษที่ทำให้คนในอ้อมแขนร้องไห้ ขอโทษที่ตัวเองรู้ตัวช้าเกินไป
จนเผลอทำร้ายอีกฝ่าย
ในขณะเดียวกันมันก็ยิ่งตอกย้ำให้คนตัวผอมเข้าใจว่าอี้ชิงแค่รู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำกับเขาเพียงแค่นั้น
“ผมยกโทษให้..”จงแดกลั้นเสียงสะอื้น
ดันตัวเองออกจากอ้อมกอด แววตาตัดพ้อส่งไปให้อีกฝ่าย
อี้ชิงขยับปากจะพูดแต่จงแดกลับชิงพูดขึ้นก่อน “ผมยกโทษให้พี่แล้ว เพราะฉะนั้น
เลิกรู้สึกผิด แล้วก็ปล่อยผมไปสักที..”
“จงแดพี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น..”
“ข้อร้องล่ะพี่อี้ชิง
ถ้าไม่ชอบผม ก็อย่าทำแบบนี้
อย่าทำให้ผมเหมือนมีความหวังอย่างนี้”ปลายประโยคของจงแดแผ่วเบาจนเหมือนจะถูกเสียงฝนกลบไปจนหมด
อี้ชิงคลายอ้อมกอดปล่อยให้เจ้าของไหล่เล็กที่กำลังสั่นด้วยแรงสะอื้นหันหลังหนีเขาเข้าบ้าน
มือเรียวถูกยกมาลูบหยาดน้ำบนใบหน้า
“พี่จะปล่อยนายไปได้ยังไงจงแด
ในเมื่อพี่ชอบนาย”
อี้ชิงไม่มีวันรู้เลยว่าหยาดน้ำที่อยู่บนใบหน้าเขาเป็นหยาดน้ำฝนหรือน้ำตา...
เมื่อวานฝนตกหนัก
บรรยากาศชื้นๆทำให้เขาไม่อยากจะลุกไปไหน
คิม
จงแดจ้องมองมือถือที่มีข้อความของแบคฮยอนก่อนจะคว่ำหน้ามันลงซุกตัวลงกับผ้าห่มผืนหนา
แบคฮยอนคงจะไปเที่ยวกับจื่อเทาอีกตามเคย เพราะเพื่อนตัวดีบ่นกับเขามาตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อนว่าช่วงนี้ฝนตกวันเว้นวันอดพาน้องออกไปเดท
วันนี้บรรยากาศค่อนข้างดีขึ้นไม่วายคงไปลากน้องออกไปข้างนอกแล้วถ่ายรูปมาอวดอีกแน่ๆ
เขายกยิ้มก่อนจะมองไปยังโต๊ะเขียนหนังสือ เมื่อก่อนจะมีกล่องเล็กๆตั้งอยู่ตรงนั้น
แต่ตอนนี้ที่ตรงนั้นมันกลับว่างเปล่า
เขาสะบัดหัวไล่ความคิดทุกอย่างออกไปก่อนจะพลิกตัวหนีไปอีกทาง
แสงแดดอ่อนๆสาดเข้ามาภายในห้อง อยากจะหลับตาลงแต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นมา
มือเล็กเลื่อนประตูระเบียงออก จ้องมองเหล่านกน้อยที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ด้านนอก
ก่อนตากลมจะสะดุดเข้ากับแจ็กเกตสีดำที่ตากอยู่บนราวตากผ้า
ภาพเหตุการณ์เมื่อวานไหลย้อนเข้ามาจนเขาต้องสะบัดหัวไล่ จาง
อี้ชิงยังยืนอยู่หน้าบ้านเขาต่อเกือบอีกชั่วโมง
เขามองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายทำสีหน้ายังไง เพราะเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด
เขาไม่อยากกลับไปเจ็บอีก
ถ้าไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เขาก็จะกลายเป็นคนอ่อนแอไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ฟ้าหลังฝนมักจะสดใสเสมอ
จงแดเชื่อในคำพูดนี้มาตลอด แต่ทำไม เขาถึงไมได้รู้สึกแบบนั้นนะ
“ทำไมต้องให้ผมไปด้วยครับ”จงแดไม่เคยดื้อ
และไม่เคยเถียงแม่เพียงแต่ครั้งนี้ก็เป็นข้อยกเว้น ทุกอย่างที่เกี่ยวกับจาง
อี้ชิงเขาอยากจะผลักออกไปจากชีวิตให้หมดแต่ทำไมยิ่งเหมือนจะโดนดึงดูดเข้าหา
“อย่าคิดว่าแม่ไม่เห็นนะ
เรื่องเมื่อวาน”
“...”จงแดก้มหน้า
น้ำเสียงของแม่ไม่ได้ฟังดุด่าเขา แต่ก็เหมือนกลับกดดันเขาอยู่กลายๆ
ความรู้สึกผิดมันตีตื้นขึ้นมาจนจุกอก
เขารู้ว่าการป่วยของอี้ชิงครั้งนี้สาเหตุอาจจะมาจากเขา
เพียงแต่เขาพยายามไม่คิดถึงและมองข้ามมันไป เขาไม่ได้ผิด คนๆนั้นดึงดันที่จะทำมันเอง
“ทะเลาะอะไรกันแม่ไม่รู้หรอก
แต่เราก็ไม่ควรให้พี่เขาไปยืนตากฝนอยู่อย่างนั้น พูดกันดีๆก็ได้”
“ผมพูดแล้ว
แต่เขาเองต่างหากที่ไม่ยอมฟัง”
“ยังจะมาเถียงอีก”
มือของคุณนายคิมบีบลงที่ไหล่เล็กของลูกชาย
ตากลมที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนจ้องมองใบหน้าหมองๆของลูกนิ่ง ไม่เพียงแต่ดวงตาเท่านั้นที่จงแดได้รับไปจากเธอ
แต่นิสัยเองก็ได้ไปเต็มๆเหมือนกัน
“เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิดหมดหรอกนะจงแด”คุณนายคิมยิ้มเมื่อลูกชายคนโตยอมเงยหน้าขึ้นมาฟังเธอเงียบๆ
“ที่แม่จะบอก คือเราต้องฟังพี่เค้าบ้าง”
“...แต่ผม”
“ฟังเขา
ฟังเรา ถ้ามันยังไม่โอเคลูกค่อยตัดสินใจ
แต่อย่าปิดกั้นพี่เขาด้วยความคิดเราฝ่ายเดียว
ไม่อย่างนั้นลูกอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้นะ”
“ครับ..”
มือเล็กกดออดที่หน้าประตูบ้าน
แต่ผ่านไปเกือบห้านาทีก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าของบ้าน จงแดผลักประตูรั้วไม้สีฟ้าเข้าไปก่อนจะเดินตรงดิ่งไปที่ประตู
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนเรียกเจ้าของบ้าน บานประตูสีขาวตรงหน้าก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของอี้ชิง
“พี่อี้ชิง!!”คนตัวผอมเผลอร้องเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายทรุดตัวลง
โชคดีที่เขาประคองอีกฝ่ายไว้ทันท่วงที จางอี้ชิงทิ้งน้ำหนักลงมาใส่เขาทั้งตัวจนเกือบจะยืนไม่อยู่
จนเหมือนกับกอดเขาไว้ทั้งตัว
ร่างกายร้อนผ่าวของอีกฝ่ายทำเอามือที่กำลังจะผลักออกชะงักค้างอยู่อย่างนั้น
ลมหายใจร้อยๆของคนป่วยเป่ารดอยู่ตรงซอกคอ
ยิ่งเมื่ออี้ชิงเอ่ยเรียกชื่อเขาด้วยท่าทางเหลือเชื่อ จงแดก็เผลอใจอ่อนยวบ
“จงแดจริงๆใช่มั๊ย?”
“ไม่ใช่ผมแล้วจะเป็นใคร”เสียงแข็งๆตอบกลับมาทำให้อี้ชิงยกยิ้ม
ถือวิสาสะกอดรัดเอวบางของอีกฝ่ายไว้แน่น “พี่เวียนหัว” โชคดีจริงๆที่เขาป่วย
“คุณยืนไหวมั๊ย
ผมจะพาเข้าไปในบ้าน”เพราะความเป็นห่วงถึงได้ละเลยอ้อมแขนที่กอดรัดร่างตัวเอง
จางอี้ชิงพยักหน้าเข้ากับไหล่แคบ ก่อนจะค่อยๆถอนใบหน้าออกมาช้าๆ
มองใบหน้ายุ่งๆของคนที่คิดถึง ก่อนจะเผลอเอื้อมมือไปแตะแก้มของอีกฝ่ายแผ่วเบา คิม
จงแดหน้าขึ้นสีตัวแข็งทื่อปรับสีหน้าให้เฉยชาก่อนจะหันหน้าหนีสายตาของอีกฝ่าย
“รีบเข้าไปข้างในเถอะครับ”
“ถ้ายังไม่เลิกมองผมจะกลับบ้านแล้วนะ”คนตัวผอมวางผ้าชุบน้ำในมือลงก่อนจะจ้องสบตาคนป่วยบนเตียง
ใบหน้ายุ่งๆกำลังแดงก่ำ อี้ชิงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจหรือกำลังอาย
เพียงแต่เขาก็รีบหลับตาลงทันควัน
“พี่ไม่มองแล้ว
อย่าเพิ่งกลับเลยนะ”จงแดถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะขยับลุกเพื่อไปเปลี่ยนน้ำ
แต่มือของคนป่วยก็คว้าหมับเข้าที่แขนเสียก่อน
“ไหนบอกจะไม่กลับ”
“ผมจะไปเปลี่ยนน้ำ”จงแดพยักเพยิดไปยังมืออีกข้างที่ถือกะละมังใบเล็กอยู่
อี้ชิงมองอย่างชั่งใจก่อนจะยอมปล่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายชะเง้อคอมองร่างผอมบางของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา
ไม่อยากปล่อยให้คลาดสายตา
เขากลัวจงแดจะหนีเขาไปอีก
ข้าวต้มพร้อมกับยาลดไข้ถูกป้อนให้คนป่วยเรียบร้อย
แต่ถึงอย่างนั้นอี้ชิงก็ยังไม่ยอมหลับยังคงนอนตะแคงหันข้างมองเขาอยู่เป็นระยะ พอเขาแกล้งขู่คนป่วยก็หลับตาแต่สักพักก็จ้องมองมาเหมือนเดิม
จนเขาขี้เกียจห้ามเลยหยิบหนังสือในห้องของอีกฝ่ายมานั่งอ่านผ่านๆ
จนกระทั่งเห็นอีกฝ่ายพยายามลืมตาต่อสู้กับความง่วงนั่นแหละเขาถึงทนไม่ไหว
“ถ้าง่วงก็หลับไปเถอะ
ผมไม่ไปไหนหรอก”จงแดจำยอมลุกจากโต๊ะอ่านหนังสือมานั่งลงบนเตียง
คนป่วยจอมงอแงเงยหน้ามองเขาปริบๆก่อนจะพึมพำออกมาเสียงแหบแห้ง
“พี่กลัวจงแดหนีไปอีก”
“ก็บอกว่าไม่หนีไง
ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ”จงแดถอนหายใจให้กับความดื้อด้านของอีกฝ่าย
ตัดสินใจขยับไปนั่งพิงหัวเตียงและยื่นมือไปจับมืออีกคนไว้ “พอใจหรือยัง ทีนี้ก็หลับได้แล้ว
ผมไม่ไปไหนหรอก”
อี้ชิงยิ้มกว้างจนลักยิ้มข้างขวาบุ๋มลงไป
จงแดหัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ เมื่ออี้ชิงขยับดึงมือเขาไปชุกเข้ากับอก
กำแพงที่ตั้งไว้ในใจค่อยๆทะลายลงช้าๆ พร้อมกับเสียงของหัวใจที่เร่งจังหวะบีบรัดขึ้น
วินาทีนั้นคิม จงแดรู้ตัวเองดี
เขากำลังจะพ่ายแพ้ให้ความรักที่ไม่มีทางสมหวังของตัวเองอีกแล้ว
บางที
มันอาจช่วงเวลาสุดท้าย อี้ชิงถึงทำให้เขามีความสุขก่อนจะจบลงอย่างจริงจังเสียที
ตอนที่ตื่นมาคิม
จงแดหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดของเขาใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วเหมือนกับไม่สบายตัว
พอมองเลื่อนลงไปก็พบว่าเพราะเขานั่นแหละที่กอดรัดร่างผอมบางนั่นแน่นเกินไปเพราะเมื่อคลายอ้อมแขนออกหลวมๆมุมปากของอีกฝ่ายก็ยกสูงขึ้น
จนอี้ชิงเผลอยกยิ้มตาม ตาคมสำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างช้าๆ ไล่มาตั้งแต่หน้าผาก
ขนตา โหนกแก้ม จนกระทั่งถึงริมฝีปากบางที่มักจะพ่นคำร่ายกาจใส่เขาเสมอ แต่ก็เป็นริมฝีปากนี้อีกนั่นแหละที่สรรสร้างรอยยิ้มกว้างที่น่ามองแบบนั้น
“อือ”เสียงครางอื้ออึงในลำคอของอีกฝ่ายทำให้อี้ชิงแกล้งหลับตาลงซุกใบหน้าเขากับไหล่ของอีกฝ่าย
จงแดกระพริบตาขับไล่ความง่วงชั่วครู่
ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพตัวเองกับเจ้าของบ้าน คนตัวผอมขมวดคิ้วนึกอยากจะตีตัวเองที่เผลอหลับไป
ขยับตัวเบาๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหลับตาพริ้ม เขาไม่อยากกวนเวลาพักผ่อนของอี้ชิง
แต่ดูเหมือนอ้อมกอดที่กอดรัดเขาไว้จะไม่ได้คลายออกง่ายๆเลย
“พี่อี้ชิง”เพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลับถึงได้เรียกสรรพนามที่คุ้นหู
คิม จงแดไม่มีทางรู้เลยว่าภายใต้ใบหน้าที่กำลังเหมือนหลับลึกนั่นกำลังลิงโลดขนาดไหน
อี้ชิงกลั้นยิ้มหัวใจเต้นเร็วจนกลัวว่าน้องจะได้ยิน
ทั้งๆที่แค่จงแดเรียกเขาด้วยคำว่าพี่แค่นั้น
ก็แค่เรียกเหมือนตอนที่สนิทกัน
แค่นั้นแท้ๆ
“พี่อี้ชิง
ตื่นก่อนครับ”อี้ชิงทำท่างัวเงีย ค่อยๆเปิดตาเหมือนคนเพิ่งตื่นขยับแขนออกจากเอวน้องอย่างเสียดาย
จงแดขยับตัวออกห่างเขานิดหน่อย ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะที่หน้าผาก
“ไข้ลดลงแล้ว”พอเห็นคนเป็นพี่ตื่น
น้ำเสียงแข็งๆก็ถูกนำมาใช้เช่นเดิม
อี้ชิงจ้องมองหน้าน้องยิ้มๆก่อนจะขยับตัวลุกนั่ง คิม
จงแดหันซ้ายหันขวาเมื่อรู้สึกได้ว่าอี้ชิงจ้องเขาไม่วางตา
ยันตัวเองจะลุกจากเตียงเพื่อหลีกหนีสายตาแต่ทว่ามันกลับไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
“พี่อี้ชิง!!”คนตัวผอมดิ้นเมื่อถูกมือของคนป่วยดึงรั้งล้มลงไปกองอยู่บนตักของอีกคน
แขนยาวของอี้ชิงกอดรัดเอวผอมบางนั่นแน่นจนจงแดไร้ทางหนี ใบหน้าหล่อๆที่ยังคงมีอุณหภูมิสูงกว่าปกตินั่นซบลงที่ไหล่เขา
“ฟังพี่ก่อน”
“...”อาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงแหบๆของคนป่วย
หรือไม่ก็เพราะคำพูดของแม่ที่ดังก้องอยู่ในหัวจงแดถึงได้ยอมอยู่นิ่งๆ
รอฟังคำพูดของคนเป็นพี่ เขาเองก็อยากรู้ว่าอี้ชิงทำแบบนี้ไปทั้งหมดเพื่ออะไร
อย่างน้อยถ้าสุดท้ายเขาจะต้องตัดใจ
มันก็จะได้ไม่ค้างคา
“พี่ขอโทษสำหรับเรื่องทุกอย่าง
ที่เคยทำไม่ดี ที่เคยเข้าหานายเพราะแบคฮยอน ที่เคยว่าจงแดเป็นเด็กนิสัยไม่ดี...”
“...”
“ที่พี่อยากขอโทษมีแค่นี้...”อี้ชิงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
หัวใจเขาเริ่มเร่งจังหวะขึ้นอีกครั้ง “แต่ที่พี่เอาแต่ตามนาย คอยเข้าหานายมันไม่ใช่แค่นั้น..”
“...”
จงแดขยับตัวอย่างอึดอัดเมื่ออี้ชิงเพิ่มแรงกอดรัดจนแผ่นหลังของเขาที่ทาบกับหน้าอกของอีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“พี่ไม่ได้ให้ความหวังเราหรอกจงแด
แต่ตอนนี้พี่ชอบเราจริงๆ” ตอนนั้นจงแดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงตึกตัก
ตึกตักที่เต้นแรงๆอยู่นั้น เป็นเสียงหัวใจของเขาหรือของอี้ชิง
“กูกลับก่อนนะ”คิม
จงแดบอกลาเพื่อนทันทีที่เห็นรถของใครอีกคนแล่นเข้ามา บยอน
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาจากมือถือมองไปยังเจ้าของรถที่เพิ่งเปิดประตูออกมา
ก่อนจะหันมายักคิ้วหลิ่วตาใส่เพื่อน
“อื้อหือ
เดี๋ยวนี้มีแฟนมารับแล้วนี่ โอ๊ย!!!”มะเหงกลูกเล็กเขกลงกลางหน้าผากเพื่อนอย่างไม่ออมแรง
ก่อนจงแดจะคว้าเอาเป้มาถือเมื่ออี้ชิงเริ่มเดินเข้ามาใกล้
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่แฟน”
“ไม่ใช่แฟน
แต่ที่ทำก็แฟนป่าววะ โอเคๆ เพื่อน ไม่ใช่ก็ไม่ใช่”แบคฮยอนโบกมือเป็นพัลวันเมื่อจงแดตั้งท่าจะฟาดเขาด้วยเป้ของเจ้าตัว
อี้ชิงเดินยิ้มเข้ามา ก่อนจะเอื้อมมือมาฉุดเป้ในมือเล็กไปถือไว้เสียเอง คิม
จงแดตีหน้ายุ่งพยายามจะดึงมาถือไว้เองแต่อี้ชิงก็ไม่ยอมท่าเดียว
“พี่อี้ชิง”
“รีบไปเถอะครับ
พี่ไปก่อนนะแบคฮยอนเดี๋ยวต้องพาคนแถวนี้ไปเลี้ยงไอติมดับอารมณ์ซะหน่อย”อี้ชิงบอกลาแบคฮยอนก่อนจะคว้ามือคนอารมณ์ร้อนให้เดินตามมา
จงแดยังคงทำหน้ายุ่งบ่นขมุบขมิบไม่เลิก คงจะไม่พอใจที่แบคฮยอนเอ่ยแซวเรื่องความสัมพันธ์ของเรา
ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไร
แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าที่เป็นอย่างนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวเขาที่ทำให้จงแดยังไม่มั่นใจ
“คิ้วขมวดหมดแล้ว”จิ้มนิ้วลงระหว่างคิ้วของอีกฝ่าย
จงแดถอนหายใจก่อนจะกอดอกหันหน้าหนีไปอีกทาง อี้ชิงยิ้ม
เมื่อเห็นท่าทางน่ารักของอีกฝ่าย คิม จงแดยังเหมือนเดิม
ยังชอบพูดจาร้ายกาจใส่เขาเหมือนเดิม
แต่อี้ชิงกลับรู้สึกว่าน้องน่ารัก
อาจจะเพราะว่าเขาได้เห็นหลายๆมุมของน้อง
มือเรียวถือวิสาสะจับมือเล็กของอีกฝ่ายมา
ก่อนจะยัดแหวนเงินเกลี้ยงวงเล็กลงที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างไม่บอกกล่าว
ก็รู้อยู่หรอกว่าจะเจอกับอะไร
“พี่อี้ชิง
นี่มันอะไรครับ”ตากลมนั่นมองเขาอย่างไม่พอใจ แต่แก้มกลับแดงก่ำ
อี้ชิงรู้ว่าน้องรู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง
แต่ก็ยังถามเพื่อกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง
“พี่เห็นมันสวยดี
ก็เลยเอามาจองไว้ก่อน”
“แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”น้องพูดตอบด้วยประโยคร้ายกาจ
แต่ตากลมกลับเสหลบ
“แต่เราก็กำลังศึกษากันอยู่ไง
เพราะฉะนั้นใส่มันไว้เถอะนะ พี่จะได้มีกำลังใจในการจีบเราไปเรื่อยๆไง”
“ไม่มีกำลังใจก็ไม่ต้องจีบสิ”ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่น้ำเสียงกลับฉายแววตัดพ้อ
อี้ชิงยกยิ้มขยี้ผมอีกฝ่ายเบาๆ แน่นอนว่าน้องต้องฟาดมือเข้าที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเขาแน่
แต่นั่นแหละ
อี้ชิงไม่สนใจหรอก ถ้าแลกกับการได้เห็นแก้มแดงๆของจงแดน่ะ
จาง
อี้ชิงไม่มีทางรู้หรอกว่าสถานะของเขากับคนข้างกายจะพัฒนาไปถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ แม้ว่าเราทั้งคู่จะรู้สึกเหมือนกัน
แต่ความสัมพันธ์มันไม่ได้ง่ายเลย เขาเป็นคนทำลายความรู้สึกมั่นใจของน้องไป
เพราะฉะนั้นเขาก็พร้อมจะอดทนรอ รอวันที่จงแดพร้อมและมั่นใจในความรู้สึกของเขา...
มันคงไม่นานเกินไปหรอก
เขาเชื่ออย่างนั้น...
END
ความคิดเห็น