ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] My Sunshine ,it’s U < All*Chen>

    ลำดับตอนที่ #12 : Unloveable I : LAYCHEN

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 59


      







    Title:Unloveable

    Pairing : LAYCHEN

    ปล. เพิ่มเติมเนื้อหานิดหน่อยค่ะ^^ 

     

     

     

    จงแดมึงช่วยรับหน้าพี่อี้ชิงทีดิเสียงรีบร้อนพร้อมกับแรงเขย่าที่แขนเขายิกๆของแบคฮยอนเรียกให้จงแดเงยหน้าขึ้นจากหนังสืออย่างช่วยไม่ได้ ตากลมเหลือบมองหน้าเพื่อนที่กำลังทำสีหน้าออดอ้อนใส่ ก่อนจะกรอกตาด้วยความเบื่อหน่าย พยอน แบคฮยอนเพื่อนสนิทตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ตอนนี้กำลังทำหน้าราวกับจะร้องไห้ไหว้วานเรื่องที่เขาบอกว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกเป็นอันขาด ซึ่งแน่นอนว่าเขาบอกเรื่องนี้กับเจ้าตัวเป็นรอบที่ล้าน

    มันเคยจำได้บ้างไหม

     

    พี่เขามาหามึงจงแดถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าก้มตาเมินเสียงครางหงิงเหมือนบีเกิ้ลของเพื่อน แต่ถ้ายอมง่ายๆก็คงไม่ใช่พยอนแบคฮยอนหรอก

    แต่กูต้องไปหาน้องจื่อเทานะแบคฮยอนทำหน้างอก่อนจะกระพริบตาปริบๆใส่เพื่อนมือก็คว้าหมับเข้าที่แขนเล็กเขย่าเรียกร้องความสนใจ หลังจากได้ยินคำบอกปัดที่ไม่น่าอภิรมย์ ทั้งๆที่เมื่อก่อนจงแดก็ไม่เคยเกี่ยงเรื่องที่เป็นไม้กัดหมาให้เขากับคนที่เข้ามาจีบทั้งชายและหญิงอยู่แล้ว แค่เห็นเขาทำสีหน้าอึดอัดจงแดก็เหมือนมองตาแล้วรู้ใจเพื่อนตัวผอมไล่ตะเพิดคนพวกนั้นอย่างไม่ไว้หน้า แต่พอมาเป็นพี่อี้ชิง จงแดกลับบ่ายเบี่ยงซะงั้น แบคฮยอนมองหน้าเพื่อนอย่างครุ่นคิด แต่สุดท้ายเขาก็ขับไล่ความคิดนั้นออกไป เมื่อจงแดเริ่มเคลื่อนไหว

    เรื่องของมึง มึงต้องจัดการเอง

    แต่ว่ากู…”

    คนตัวผอมเก็บหนังสือใส่กระเป๋าหมดอารมณ์อ่านหนังสือไปเสียดื้อๆ ไม่ได้สนใจสายตาละห้อยของเพื่อน คิดในใจว่าถึงแบคฮยอนจะงอนแต่พรุ่งนี้เขาค่อยง้อเอาก็ได้ และเพราะมัวแต่สนใจกับข้าวของนั่นแหละจึงไม่ทันเห็นเพื่อนตัวดีที่ตาโตลุกวาวเมื่อตาดีเห็นใครบางคนเดินเข้ามา เขาได้ยินเพียงแค่เสียงพึมพำเบาๆว่าขอโทษก่อนแบคฮยอนจะโผกอดเขาทีนึงแล้ววิ่งหน้าตั้งไปอย่างไม่คิดชีวิต คิมจงแดส่ายหัวอย่างปลงๆเพราะจะว่าชินก็ชินที่แบคฮยอนมักจะเป็นแบบนี้ แต่พอเก็บของเสร็จแล้วพบว่าใครบางคนกำลังเดินตรงมาทางเขานั่นแหละ จงแดถึงได้รู้ว่าสาเหตุที่แบคฮยอนมันวิ่งไม่คิดชีวิตไปนั่นรวมถึงการที่เขาก็ทำได้แค่ก่นด่าสาบแช่งเพื่อนตัวเองอยู่ในใจ

    พยอนแบคฮยอนมันทิ้งเรื่องไว้ให้เขาอีกแล้ว



     

    จงแดเดี๋ยวสิมือขาวมาทันคว้าข้อมือของคนที่ตั้งท่าจะเดินหนีได้พอดิบพอดี คนตัวเล็กกว่าตวัดสายตาขวางๆมาใส่อย่างที่ชอบทำ ก่อนอี้ชิงจะโดนสะบัดมือออก

    แบคฮยอนกลับไปแล้วทันทีที่หันมาสบตาคนตัวเล็กก็บอกประโยคสั้นๆนั่นกับเขาก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกห่างเหมือนไม่อยากเสวนาด้วยเสียเท่าไหร่ อี้ชิงมองอีกฝ่ายเหมือนกับยังไม่เคลียร์ก่อนจะรุดเดินตามไปติดๆ โดยเมินเฉยต่อท่าทางที่เห็นจนเคยชิน

    ปกติคิม จงแดก็ไม่เคยทำท่าทางเป็นมิตรกับเขาอยู่แล้ว

     

    แล้วแบคฮยอนไปไหน?”

    ผมไม่รู้ พี่อยากรู้ก็ไปถามกันเองจงแดบอกปัดเร่งฝีเท้าหนี ใบหน้าเชิดตรงราวกลับไม่สนใจคนข้างๆที่เดินก้าวมาเทียบเคียง หงุดหงิด เขากำลังหงุดหงิดขึ้นอีกระดับ

    ทำไมอี้ชิงถึงต้องมาวุ่นวายกับเขาด้วยนะ

    ก็พี่โทรไปแล้วแบคฮยอนไม่รับ

    นั่นมันคือปัญหาของพี่ มันไม่ได้เกี่ยวกับผมจงแดเผลอขึ้นเสียง แต่เหมือนอี้ชิงเองก็ไม่ได้ยอมแพ้หรือหวาดกลัวอะไร ร่างของคนอายุมากกว่ายังคงเดินเทียบเคียงและยื่นหน้ามาถามเขาหน้าตาเฉย

    จางอี้ชิง ไม่ได้สังเกตเลยสินะว่าเขากำลังทำสีหน้ายังไง

    น่ารำคาญจริงๆ

     

    จงแดชะงักฝีเท้าหลังจากระงับอาการหงุดหงิดของตัวเองไว้ได้ระดับหนึ่ง ตั้งใจจะหันไปบอกอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะระเบิดอารมณ์แต่พอหันกลับไปเผชิญหน้าจงแดกลับเป็นฝ่ายชะงัก

    แบคฮยอนไม่ได้บอกอะไรไว้เลยหรอเสียงอี้ชิงดูน้อยอกน้อยใจเสียจนคนฟังรู้สึกหน่วงในอก เผลอเม้มปากแน่น พร้อมกับเหลือบมองใบหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะรู้ว่าตัวเองทำผิดมหันต์

     

    จงแดเป็นคนปากร้ายแต่ใจอ่อน เขาไม่เคยแก้นิสัยข้อนี้ของตัวเองได้เลย ยิ่งเมื่อเห็นใครทำหน้าราวกับจะร้องไห้เขาก็จะรู้สึกอยากปลอบ แล้วตอนนี้ จางอี้ชิงกำลังทำสีหน้าผิดหวังทั้งๆที่เมื่อครู่ยังสร้างความหงุดหงิดให้เขาไปหยกๆ อารมณ์หงุดหงิดเมื่อครู่หายลับไปกับตา

    อี้ชิงดูน่าสงสาร

    แววตาแข็งกร้าวเมื่อครู่อ่อนลงแทบจะทันที ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรงเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบรัดเบาๆของก้อนเนื้อที่อกข้างซ้าย มือเล็กเผลอเอื้อมไปหมายจะวางลงบนไหล่อีกฝ่าย ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อคิดอะไรได้

     

     

    มันก็ถูกแล้วนี่ ในเมื่อแบคฮยอนก็บอกไปชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ชอบ เขาก็ไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง อีกอย่างต่อให้ไม่เห็นท่าทางแบบนี้ตอนนี้อีกไม่นานก็ต้องเป็นอยู่ดี

    อี้ชิงหนีความจริงไม่ได้ เหมือนกับเขาเองก็หนีความจริงไม่ได้เหมือนกัน

    พี่กลับไปเถอะ ผมเองก็ต้องกลับบ้านแล้วแต่ถึงอย่างนั้นเสียงของเขาก็ดูอ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้ จงแดขยับถอยห่าง ไม่ได้หันไปมองเมื่ออี้ชิงยอมหยุดเดินแล้วปล่อยให้เขาเดินจากมาแต่โดยดี มือเล็กถูกขึ้นมาจับบริเวณหน้าอกด้านซ้าย เมื่อรู้สึกเหมือนมันปวดหนึบอย่างเช่นทุกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมา

    เพียงแต่มันไม่ได้จบแค่นั้น

     

    จาง อี้ชิง ไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆ

     

    เดี๋ยวพี่ไปส่งสุดท้ายข้อมือเล็กก็ถูกฉุดไว้อีกครั้งจากคนที่เขาเพิ่งเดินหนี คนตัวเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะตวัดสายตาดุๆใส่พยายามให้อีกฝ่ายกลัว แล้วปล่อยเขาแต่อี้ชิงไม่ยอม

    ปล่อยผม

    “จะกลับบ้านไม่ใช่หรือไง กลับด้วยกันนี่แหละ”

    “ไม่ ปล่อยผมนะ พี่อี้ชิง ผมบอกให้ปล่อยไง”จงแดร้องเสียงดัง ใบหน้าน่ารักแดงก่ำไปด้วยอารมณ์โกรธ มือเล็กพยายามแกะมือเรียวของอี้ชิงออก คนอายุมากกว่าได้แต่ส่ายหน้าให้กับความดื้อดึง คิมจงแดอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ทั้งๆที่ควรจะสนิทกันแท้ๆ แต่คนๆนี้กลับเหมือนจะไม่ชอบเขาเสียมากกว่า แถมดูท่าทางคงจะไม่ชอบเขาเอามากๆ

    ทั้งๆที่ก็จำไม่ได้ว่าเคยไปทำอะไรให้

    แต่ก็นั่นแหละอี้ชิงก็ยิ่งอยากเอาชนะ

    กลับก็กลับทางเดียวกัน ให้พี่ไปส่งนั่นแหละดีแล้ว

    ผมกลับเองได้คิม จงแดไม่ยอมลงให้ง่ายๆ เหมือนกัน ตากลมจ้องสบดวงตาที่มักจะวาดโค้งเป็นรอยยิ้มเวลามองแบคฮยอน พยายามแกะมือที่เริ่มกำรอบข้อมือเขาแน่น แต่เหมือนอี้ชิงก็ไม่ยอมแพ้

    ถ้ายังดื้ออีก พี่จะฟ้องคุณป้านะคนตัวเล็กหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายอ้างถึงคนที่อยู่บ้าน ตากลมมองคนอายุมากกว่าด้วยความไม่พอใจ ได้แต่ทำเสียงฮึดฮัด ครั้งนี้จงแดยังไม่ทันได้ต่อต้านเขาก็โดนลากไปเสียก่อน ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างของคนที่เดินจับข้อมือเขาอยู่ด้วยแววตาสับสน ความอบอุ่นของฝ่ามือที่กำรอบข้อมือเขามันยังชัดเจนจนส่งผลให้ก้อนเนื้อบริเวณอกด้านซ้ายเต้นระรัว แต่เมื่อคิดถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายเข้าใกล้เขาเพราะอะไร ความเจ็บแปลบก็แล่นเข้ามาแทนที่ จนอยากจะชักมือหนี

     

    เมื่อไหร่ จาง อี้ชิงจะเลิกวุ่นวายกับเขาเสียที….

     

    อี้ชิงหยุดเดินเมื่อรับรู้ถึงแรงกระตุกที่มือ ใบหน้าหล่อเหลาหันไปหาเด็กดื้อที่ตัวเองลากมาก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม คิมจงแดก้มหน้า เขาจึงไม่ทันเห็นว่าอีกฝ่ายแสดงสีหน้ายังไง

    “ปล่อยเถอะครับ..”อี้ชิงเหลือบมองที่มือของตัวเองก่อนจะปล่อยข้อมือเล็กนั่นแต่โดยดี

    แต่แปลกที่เขารู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายมันไม่ชินเอาเสียเลย

     

     

    Unloveable

     

     

    วันนี้อารมณ์ดีอะไรนักหนาจงแดหรี่ตามองเพื่อนที่นั่งฮัมเพลงลั่นล้าตั้งแต่เมื่อเช้าแถมยังเป็นฝ่ายลากเขาเข้ามานั่งในคาเฟ่แล้วยัดเมนูใส่มือพร้อมกับบอกให้สั่งของที่อยากกินตามใจชอบด้วยความสงสัย ปกติแบคฮยอนขี้เหนียวจะตายถ้าไม่ใช่เรื่องของน้องจื่อเทาที่ตัวเองตามจีบอยู่ตั้งแต่เมื่อต้นปีเพื่อนบ้านี่ไม่เคยยอมให้เงินออกจากกระเป๋าด้วยซ้ำ

    แล้วนี่อะไรเข้าสิงมัน

    ก็เพราะมีเรื่องดีๆไงมึง เดี๋ยวมึงก็ได้รู้ แต่ต้องรอน้องมาบอกเองนะกูเขินพูดจบก็บิดตัวไปมาจนเขาต้องเอาเมนูเคาะหัวเรียกสติให้ แต่นอกจากจะไม่เอาคืนแล้วแบคฮยอนมันยังยื่นมือมาจิ้มแก้มเขาแล้วหัวเราะคิกคักใส่อีก

    สงสัยจะต้องเป็นเรื่องดีมากๆไม่งั้นแบคฮยอนมันไม่เป็นบ้าขนาดนี้หรอก

    แต่ความจริงมันก็เดาได้ไม่ยากเลย

     

     

    บยอน แบคฮยอนเอาแต่ชะเง้อมองนอกร้านสลับกับกดมือถือยิกๆ ปล่อยให้เขาจมกับคาปูชิโน่แก้วโปรดและดึงแขนให้นั่งลงเป็นครั้งคราว เสียงหัวเราะใสๆของคิมจงแดดังขึ้น ริมฝีปากที่ปกติจะเม้มแน่นฉีกยิ้มอย่างมีความสุขจนเรียกสายตาสนอกสนใจของคนรอบๆ กิตติศัพท์ของเพื่อนซี้คู่นี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว แบคฮยอนมักจะมาพร้อมกับรอยยิ้มและความเป็นกันเอง แต่คิมจงแดมักจะทำหน้านิ่งๆและมาพร้อมกับคำพูดร้ายกาจ การได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ จนกระทั่ง เสียงของใครบางคนดังขึ้น

    พี่ขอนั่งด้วยคนได้มั้ย?” ไม่ใช่แค่แบคฮยอนที่หยุดชะงักหน้าเหวอ จงแดเองก็ไม่ต่างกันใบหน้าที่เพิ่งจะมีรอยยิ้มไปเมื่อครู่นิ่งเรียบ เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ยืนฉีกยิ้มหวานอยู่ข้างโต๊ะ เขาเผลอกรอกตาเมื่อคิดได้ว่าจาง อี้ชิงโคตรลงทุนมากจริงๆที่มากินกาแฟไกลถึงหน้ามหาวิทยาลัยเขา แต่พอนึกถึงช่วงเวลาที่อีกฝ่ายตามมาเทียวไล่เทียวขื่อเพื่อนตรงหน้าแค่นี้จึงกลายเป็นเรื่องเล็กๆ ลงทันที แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยไล่ แบคฮยอนกลับเป็นฝ่ายเชื้อเชิญคนอายุมากกว่าให้นั่งเสียก่อน ตอนนั้นจงแดทำได้แค่เพียงส่งสายตาไม่พอใจให้เพื่อนทั้งๆที่อีกไม่นานจื่อเทาก็จะมาแล้วแท้ๆ ยังอยากจะสร้างเรื่องอีก แต่แบคฮยอนมันก็ทำเป็นเมินหน้าหนี อี้ชิงนั่งลงข้างแบคฮยอนอย่างที่คิด และตอนนั้นเองจงแดก็ตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาทันที

    มันเสียมารยาทเขารู้ แต่อี้ชิงเองก็คงไม่ได้มาสนใจอะไรเขาอยู่แล้ว

    คนที่ชอบอยู่ตรงหน้า สิ่งรอบตัวก็ดูเหมือนเป็นแค่องค์ประกอบที่ไม่สำหลักสำคัญอะไร จงแดรู้เรื่องนั้นดี ก็ในเมื่อสายตาของอี้ชิงมันบอกอย่างนั้น...

     

     

    เสียงแบคฮยอนกับอี้ชิงคุยกันยังคงดังอยู่เรื่อยๆจงแดเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจเมื่อสบเข้ากับสายตาของอี้ชิงที่มองมายังเขา ก่อนจะหันไปยิ้มกับแบคฮยอนจงแดเม้มปากแน่นเมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของอีกฝ่าย

    คงจะชอบแบคฮยอนมากจริงๆ

     

    อ๊ะนั่น จื่อเทาเสียงตื่นเต้นของแบคฮยอนเรียกให้จงแดเงยหน้าขึ้นมา เพื่อนสนิทของเขาลุกขึ้นโบกไม้โบกมือ ก่อนจะถลาไปหาเด็กตัวสูงที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน ตอนนั้นจงแดได้แต่เหลือบมองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยความเป็นห่วง เป็นอย่างที่คิดจาง อี้ชิงกำลังมองไปยังคนทั้งคู่

    ทั้งๆที่รู้ว่า อี้ชิงจะรู้สึกยังไง แต่จงแดก็เผลอยืนขึ้นส่งยิ้มให้จื่อเทาอย่างเคยชินเสียแล้ว

    “พี่จงแด”เด็กตัวสูงวิ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับกระโดดกอดคอเขาแน่น จงแดยิ้มให้กับเพื่อนสนิทอีกคนของน้องชายก่อนจะโดนแบคฮยอนแกะออกจากกัน

    และตอนนั้นจาง อี้ชิงก็กลายเป็นคนนอกอย่างสมบูรณ์

     

    ตากลมเหลือบมอง ใบหน้าของอี้ชิงหมองลง แววตาที่ฉายแววเจ็บปวดนั่นส่งไปที่แบคฮยอนที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว อย่างนั้นแหละ เมื่อไหร่ที่มีจื่อเทาสายตาทั้งหมดของแบคฮยอนก็จะโฟกัสอยู่เพียงแค่คนๆเดียว เรื่องนี้จงแดรู้ รู้มาตลอด

    เพราะฉะนั้น จาง อี้ชิง เองก็ควรจะรู้สถานะตัวเองได้แล้ว

     

    “น้อยๆหน่อย จื่อเทาน่ะของกู”เขายิ้มน้อยๆเมื่อเพื่อนตัวดีพูดพร้อมกับกอดเอวของจื่อเทาแน่น น้องชายแสนขี้อายของจงแดเลยได้แต่ยืนหน้าแดงปล่อยให้ไอ้เพื่อนบ้าของเขาลวนลาม จนกระทั่งคนเด็กสุดเหลือบมาเห็นอีกคนที่ไม่คุ้นตา

    “อ๊ะ นี่เพื่อนพี่แบคฮยอนหรอ?”เสียงของจื่อเทาทำให้แบคฮยอนรู้สึกตัว เพื่อนสนิทเขาทำหน้าเลิกลั่กเหมือนเพิ่งจะคิดได้ก่อนจะหันมาส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเขา จาง อี้ชิง ยังคงยิ้มกว้างรับคำทักทายของจื่อเทาอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไร แต่สำหรับจงแดที่มองอยู่ตลอดรู้ว่าอี้ชิงกำลังรู้สึกไม่พอใจ

    ต้องยิ้มทั้งๆที่ไม่อยากยิ้มเลยน่ะมันเจ็บมากๆเลยใช่ไหมล่ะ

     

     

    “แล้วข่าวดีที่ว่าคืออะไร?”เขาถอนสายตาออกจากคนตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถามถึงสิ่งที่เพื่อนบอกไว้ก่อนหน้า กลับกลายเป็นว่าทั้งแบคฮยอนกับจื่อเทาเงียบลงไปทั้งคู่ ก่อนอี้ชิงจะหันมาจ้องหน้าเขา คนตัวผอมเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ เมินเฉยต่อสายตาของอี้ชิงอย่างสมบูรณ์

    “เอ่อ..”แบคฮยอนเบิกตาโพลง ส่งซิกทางสายตามาให้เขา ประมาณว่าควรจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าพี่อี้ชิงจริงหรอ และนั่นทำให้จงแดพอจะเข้าใจ ทั้งๆที่ใจหนึ่งก็อยากจะให้แบคฮยอนบอกความสัมพันธ์ของตัวเองออกมาให้คนตรงหน้ารับรู้ไปเลยแต่อีกใจหนึ่งกลับวูบโหวงเมื่อคิดได้ว่าอี้ชิงจะรู้สึกยังไง ตากลมจ้องมองเพียงแค่จื่อเทาที่ก้มหน้าแดงๆอยู่ข้างหลังแบคฮยอนพลางขบริมฝีปากล่างอย่างหาทางออกให้กับตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจอะไร คนที่เด็กสุดอย่างจื่อเทาก็เอ่ยออกมาเสียงเบา

    “คือผมคบกับพี่แบคฮยอนแล้วครับ”

    จงแดเผลอสบเข้ากับตาคมที่จับจ้องมาก่อนแล้ว ก่อนจะหันหน้าหนีริมฝีปากยกยิ้มแสดงความดีใจให้กับคนทั้งคู่ มันไม่ใช่เรื่องที่โหดร้ายอะไร จงแดคิดเพียงแค่นั้น ยิ่งอี้ชิงรู้เรื่องนี้เร็วเท่าไหร่มันก็จะดีกับตัวอีกฝ่ายเอง ผู้ชายคนนี้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปกับความรักที่ไม่มีวันเป็นจริง

    จะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับเขาอีก...

    “ในที่สุดก็จีบติดสักทีนะ”เขาถอนหายใจเพื่อลดความอึดอัดที่แน่นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เมินเฉยต่อสายตาของใครอีกคนที่ยังคงมองมายังเขา กรีดซ้ำรอยแผลของจางอี้ชิง ด้วยคำพูด ตอกย้ำเพื่อให้อี้ชิงรู้ และจำมันไว้

    สถานะของตัวเองตอนนี้คืออะไร และควรจะอยู่ตรงไหน

    ถึงเวลาทำหน้าที่แล้ว..

     

    “มึงก็รู้ กูใคร บยอนแบคฮยอนนะมึง”

    “ฝากดูแลไอ้บ้านี่ทีนะจื่อเทา”จงแดเมินท่าทางอวดๆของเพื่อน ก่อนจะนั่งลงเมื่อแบคฮยอนจับมือจื่อเทา พร้อมกับบอกพวกเขาว่าจะไปเดทกัน อี้ชิงทำได้เพียงยิ้มรับ และมองตามคนทั้งคู่ไป ความผิดหวังถาโถมเข้ามาใส่ ไม่ใช่ไม่ได้เตรียมใจยอมรับเรื่องนี้ เพราะท่าทีของแบคฮยอนเองก็ไม่ได้บ่งบอกว่ามีใจให้กับเขา เพียงแต่เขาแค่ไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ตาคมเหลือบมองร่างเล็กตรงหน้าที่กำลังนั่งอ่านหนังสือในมืออย่างไม่ทุกร้อน ความคิดอคติต่างๆถาโถมเข้ามา คิม จงแดคือคนเดียวที่มักจะกันท่าเขาออกห่างจากแบคฮยอน แม้กระทั่งตอนนี้ตอนที่เขาเหมือนถูกตอกย้ำว่าไม่มีสิทธิ์ในความรักข้างเดียวของตัวเอง คิม จงแดก็ยังอยู่ในเหตุการณ์

    เพราะคิม จงแดงั้นหรอ?

    ที่เป็นคนร่นระยะเวลาของเขาให้สั้นลง

    เพียงเพราะไม่ชอบหน้าเขา ไม่อยากให้เขาเข้าใกล้แบคฮยอนเหมือนอย่างที่แสดงท่าทีออกมาตลอดนั่นสินะ

     

     

     

    ความเงียบเกิดขึ้นทันทีที่แบคฮยอนกับจื่อเทาจากไป จงแดยังคงก้มอ่านหนังสือในมือ จนกระทั่งรู้สึกถึงสายตาของคนที่นั่งร่วมโต๊ะจ้องเขาไม่วางตาทั้งๆที่คิดไว้ว่าเมื่อแบคฮยอนเดินออกไปแล้ว อี้ชิงที่อยู่ในอารมณ์แบบนั้นคงจะพาตัวเองกลับไปใช้เวลาคิดทบทวนอะไรหลายๆอย่าง แต่ผู้ชายคนนี้กลับเอาแต่นั่งเงียบๆและเปลี่ยนมาเป็นจ้องหน้าเขา

    จนสุดท้ายเขาเองก็อดทนกับสายตาคู่นั้นไม่ไหว

    “พี่ต้องการ..”

    จงใจสินะ ทั้งๆที่รู้ว่าพี่ชอบแบคฮยอนยังเรียกเด็กนั่นเข้ามาอีกจงแดมองอีกคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงง ก่อนจะส่งเสียง เหอะ ออกมาเมื่อตีความหมายของคำพูดและสายตาที่อี้ชิงกำลังใช้มันมองเขาออก

    คิมจงแดเป็นตัวร้าย..เขาถูกมองแบบนี้มาตลอด

    “ผมไม่รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร”จงแดปิดหนังสือในมือลงตากลมที่ไร้อารมณ์จ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ เขารู้ว่าตอนนี้อี้ชิงกำลังรู้สึกยังไง มันคงจะทั้งเจ็บ ทั้งโกรธ แต่การที่อี้ชิงกำลังพาล แล้วใช้อารมณ์กับเขามันไม่ถูกต้อง และเขาไม่ชอบ

    “ทำไม พี่ไม่ดีตรงไหนงั้นหรอ นายถึงได้เอาแต่กันพี่ออกจากแบคฮยอน..”เสียงอี้ชิงเริ่มดังขึ้น ตาคมที่จับจ้องมายังเขาสั่นไหว มันปนเปไปด้วยความสับสนน้อยใจ และผิดหวัง จงแดเผลอกำมือแน่นเมื่อคำพูดของอีกฝ่ายกำลังผลักให้เขากลายเป็นคนผิด ผิดทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ

    เขาไม่เข้าใจ...

    “...”

    “พี่ไปทำอะไรให้นาย หรือเพราะว่านายอิจฉาที่แบคฮยอนมีคนจีบ ถึงได้กันทุกคนออกจากเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนมีแฟนเพราะตัวเองจะไม่มีคนอยู่ด้วยงั้นสิ”ราวกับถูกตบหน้า จงแดไม่เคยสะทกสะท้านกับคำพูดเหล่านี้ เขาเคยโดนคนอื่นนินทา โดนคนพูดใส่ว่าที่กันท่าคนที่เข้าหาแบคฮยอนเพราะเหตุผลนี้ เขาลืมไปได้ยังไง คนที่เข้าหาแบคฮยอนไม่มีใครชอบเขา แต่เขาแค่คิดว่าอี้ชิงจะแตกต่างจากคนอื่น เพราะคิดว่าคนๆนี้คืออี้ชิง เพราะคิดแบบนั้นแท้ๆ..

     

    “ตอนนี้ก็คงพอใจแล้วสิ แต่ไม่สินะก็ยังมีเด็กคนนั้นอยู่นี่ แล้วนี่จะไปทำให้เขาเลิกกันหรือ..”

     

    ทั้งๆที่ความจริงไม่ได้แตกต่างกันเลย

     

     

    ซ่า

    กาแฟในแก้วถูกสาดใส่หน้าของคนที่ยังพูดไม่จบประโยค มือเล็กกำเข้าหากันแน่นอย่างระงับอารมณ์ เขาเคยนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าจาง อี้ชิงจะมองเขายังไง ตลอดเวลาที่ผ่านมา

    ตอนนี้เขารู้แล้ว

    “ถ้าผมกันทุกคนที่เข้าหาแบคฮยอนเพราะเหตุผลงี่เง่าแบบนั้น จื่อเทาคงไม่มีข้อยกเว้น...”จงแดสูดลมหายใจเข้ามองหน้าคนตรงหน้าอีกครั้ง ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเยาะ สวนทางกับดวงตาที่กำลังแดงก่ำ

    เจ็บ..ทั้งๆที่ควรมีแต่อี้ชิงคนเดียวที่เจ็บปวดกับความรักครั้งนี้..แต่เขาเองก็ไม่ต่างกัน

    แต่ต้องกลบมันด้วยคำพูดร้ายกาจ

    “คุณไม่รู้จริงๆงั้นหรอว่าเพราะอะไร ก็เพราะแบคฮยอนไม่ได้เลือกคุณแต่แรกไง”

    “...”อี้ชิงพูดไม่ออก ไม่ใช่เพราะประโยคเหล่านั้น แต่เขากลับหยุดชะงักเพราะแววตาของอีกฝ่าย ทั้งๆที่กำลังพูดประโยคโหดร้ายพวกนั้นแต่ทำไมถึงได้ทำสีหน้าเจ็บปวดล่ะ

    ความสับสนตีรวนกันในหัว กว่าจะรู้ตัวก็เห็นเพียงแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เดินห่างออกไป

    มองจากมุมนี้อี้ชิงถึงได้เห็นว่าร่างเล็กนั้นกำลังสั่นไหว ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นจนจุกอก

    เขาเหมือนคนบ้า ไม่ได้ดั่งใจก็ไร้สติ

    คำพูดสุดท้ายของอีกฝ่ายดังอยู่ในหัว จงแดไม่ได้พูดอะไรผิดเลย...

     

     

    ดีแล้วที่เดินออกมาทัน

     

    มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตา กำปั้นน้อยๆทุบเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายราวกับมันจะช่วยลดความปวดหนึบลงบ้าง จงแดรู้ว่าอี้ชิงรูสึกยังไง ทำไมเขาจะไม่รู้

    เขารู้ว่าความรักที่ไม่มีวันสมหวังเพียงเพราะมีข้อแม้มันเป็นยังไง

    เขาเองก็กำลังเผชิญกับมัน

     

    จางอี้ชิง อาจจะคิดว่าเขาใจร้ายที่ เอาแต่ผลักไสและกันท่าตัวเองกับเพื่อนสนิทของเขา แต่จางอี้ชิงไม่รู้หรอกว่าคนที่ใจร้ายกว่าน่ะคือตัวเองต่างหาก

    ใจร้ายที่ทำร้ายเขาโดยที่ไม่รู้ตัว...

    แม้แต่ตอนนี้...

     

     

     

    จงแดเหมือนเพิ่งจะได้สติ ว่าเมื่อครู่ทำสิ่งที่ไม่สมควรออกไปอี้ชิงควักเงินวางบนโต๊ะก่อนวิ่งตามคนตัวผอมไปอย่างรวดเร็ว และเป็นเรื่องโชคดีที่จงแดไม่ได้เดินเร่งรีบแต่อีกฝ่ายกำลังทำเหมือนเดิมคือก้าวเท้าเดินไปจากเขาอย่างมั่นคง

    จงแด เดี๋ยวก่อน

    “...”คิมจงแดไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำเป็นครั้งแรกที่อี้ชิงรู้สึกผิดจนอยากจะชกหน้าตัวเองแรงๆ โทษฐานที่ไม่ระงับอารมณ์ตัวเอง เขาเรียกชื่อของอีกฝ่ายเสียงเบา

    จงแด

    ปล่อยผมร่างเล็กสะบัดแขนออกทันทีที่มืออี้ชิงแตะที่เข้าแขน ก่อนดวงตาแดงก่ำจะหันกลับมาจ้องหน้าเขา ริมฝีปากบางถูกฟันขบจนช้ำ ก่อนจะเอ่ยประโยคแผ่วเบาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลหล่นอาบแก้ม

    “ผมน่ะ ไม่ได้ไม่ชอบพี่หรอก..”

     

    อี้ชิงเพิ่งรู้วันนี้เอง เด็กร้ายๆอย่างคิมจงแดเหมาะกับคำพูดร้ายกาจมากกว่าหยดน้ำตาพวกนี้ซะอีก

     

     

    Unloveable

     

     

     

    “กลับมาแล้วครับ” คนตัวผอมจัดรองเท้าเข้าชั้นวางก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน เสียงบทสนทนาพร้อมกับเสียงหัวเราะคุ้นหูทำให้เผลอขมวดคิ้ว เขาเดินหอบกระเป๋าเข้าไปยังห้องรับแขกก็พบกับแม่และป้า และร่างของใครอีกคนที่ทำให้เผลอชะงักเท้าพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว

    “อ้าวมาพอดีเลย แม่กำลังจะโทรหาอยู่พอดี”

    “มีอะไรหรือเปล่าครับ” จงแดโค้งทักทายอีกคนก่อนจะเสหน้าหลบรอยยิ้มที่ส่งมาเดินเข้าไปหาแม่ที่กำลังประคองคุณป้าให้ลุกขึ้น

    “เดินไปส่งพี่อี้ชิงเค้าหน่อย ของพี่เค้าล้นมือไปหมด”

    “ความจริงไม่ต้องก็ได้ครับคุณป้า จงแดมาเหนื่อยๆ”น้ำเสียงเกรงใจพร้อมกับรอยยิ้มที่จงแดคุ้นเคยส่งถูกส่งไปให้คุณนายคิม และเขาก็รู้ดีว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง

    “ให้น้องช่วยเถอะ เราอุตส่าห์ลำบากมาดูอาการป้าเค้าถึงที่ จงแดช่วยพี่เค้าหน่อยนะ”

    “ครับ” เขาพยักหน้าพร้อมกับรับคำไปอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ แม่ยิ้มหวาน ก่อนจะพยุงป้าไปยังห้องพัก เขาถอนหายใจออกมา วางกระเป๋าก่อนจะยื่นมือไปคว้าเอาถุงกระดาษสามสี่ใบที่วางอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย แล้วเดินนำออกมา

    เดินไปยังเส้นทางที่คุ้นเคย

     

     

     

     

    เขาเจออี้ชิงครั้งแรกเมื่อ 1 ปีก่อน วันนั้นเดินอยู่ดีๆเด็กในหมู่บ้านก็ปั่นจักยานมาเฉี่ยวเอา ทั้งๆที่เป็นเขาที่โดน แต่เด็กคนนั้นที่แค่ล้มแล้วมีแผลถลอกกลับร้องไห้เสียงดัง แม้จะเจ็บข้อเท้าด้วยแต่เขาก็ยังเดินกระเผลกไปอุ้มเด็กคนนั้นเข้าไปในคลินิกที่หน้าหมู่บ้าน กว่าเด็กคนนั้นจะหยุดร้องไห้ก็เล่นเอาปวดหัว คนทั้งคลินิกมองเขาเหมือนกับไปรังแกเด็กมา หลังจากที่แม่เด็กมาขอโทษขอโพยเขาเสร็จ ตอนที่เขาจะเดินออกมาจากคลินิกผู้ชายที่สวมชุดกราวน์สีขาวก็มาดึงแขนเขาไว้ เขาจำได้ดีทั้งใบหน้าและรอยยิ้มตอนนั้น

    “เลือดไหลขนาดนั้น หมอไม่ให้เดินออกจากคลินิกง่ายๆหรอกนะ”ข้อมือเขาถูกดึงเข้าไปในห้องตรวจ กว่าจะรู้ตัวข้อเท้าเขาก็ถูกมือขาวของอีกฝ่ายจับไว้และบีบเบาๆ รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาเมื่อเขาเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ

    วินาทีนั้นหัวใจของเขาก็กระตุกก่อนจะเต้นรัว

    คิม จงแดตกหลุมรักรอยยิ้มของคนๆนั้น

    แต่ก็มีแค่เขาที่จำเรื่องนั้นได้

     

     

    “ผมวางไว้ตรงนี้นะครับ”คนตัวผอมเอ่ยปากบอกคนที่เพิ่งเดินตามเข้ามาในตัวคลินิก พี่นายองที่อยู่ข้างบ้านเขาเพิ่งเดินออกไปคุยมือถือด้านนอก ตอนนี้ในคลินิกจึงเหลือเพียงแค่เขากับอีกฝ่าย บรรยากาศอึดอัดลอยคว้างอยู่รอบตัวจนจงแดรู้สึกหายใจไม่ออก เขาวางสายตาไว้ตรงแจกันดอกไม้บนโต๊ะประชาสัมพันธ์ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆเมื่อรับรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา เพราะตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วที่อี้ชิงไม่ได้ไปที่มหาวิทยาลัย จงแดก็แค่คิดว่าจะไม่ต้องเจอกันอีก แต่วันนี้กลับต้องเจอกันอย่างไม่คาดฝัน การเจอกันวันนี้จึงเป็นการเจอกันครั้งแรกหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น

    เขาก็แค่ไม่รู้ว่าควรจะแสดงท่าทางยังไง

    เขาไม่ได้โกรธอี้ชิงแล้วสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น ถึงคำพูดเหล่านั้นจะทำร้ายจิตใจเขาไปบ้าง แต่เขากำลังอายมากกว่าที่เผลอไปแสดงด้านที่อ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็น

     

    “จงแด เรื่องวันนั้นพี่ขอโทษนะ”ทันทีที่เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจะเดินหนีอี้ชิงก็เอ่ยออกมา จงแดหยุดชะงักไปชั่วครู่จนเขาเผลอกั้นใจ ความรู้สึกผิดมันรบกวนจิตใจอี้ชิงมาตลอด และยิ่งเห็นปฏิกิริยาของคนตัวผอมอี้ชิงก็ใจหาย แต่แล้วรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันมาแล้วเป็นฝ่ายก้มหัวให้เขา

    แถมยังพูดประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของจงแดอีกด้วย

    “ผมเองก็อยากขอโทษ สำหรับที่ผ่านมาที่เคยพูดไม่ดี”

    “..ช่างเถอะพี่เข้าใจ”

    “แต่ผม...”

    “พี่เองก็พูดไม่ดีไปเยอะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราก็ลืมๆมันไปเถอะนะ”อี้ชิงยิ้ม ในขณะที่จงแดได้แต่มองรอยยิ้มของอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่เต้นระรัว รอยยิ้มแบบนี้ เหมือนกับรอยยิ้มตอนนั้นเลย..

    “อ๊ะ เจ็บ”เพราะเผลอเหม่อถึงได้ถูกอีกฝ่ายเคาะนิ้วเข้าที่หน้าผาก ตากลมมองอีกคนอย่างคาดโทษ บรรยากาศขุ่นมัวเมื่อครู่ค่อยๆหายไป เหมือนกับหัวใจของจงแดที่เริ่มเร่งจังหวะขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝ่ามืออุ่นวางลงบนหัวเขาพร้อมกับรอยยิ้มเจิดจ้าที่ทำให้เขาตกหลุมรักคนๆนี้เป็นครั้งที่สอง

    คิมจงแดกำลังผลักตัวเองให้ตกลงไปในหลุมที่เพิ่งปีนขึ้นมา..

     

    “แล้วถ้าหากว่าจงแดไม่ได้ไม่ชอบพี่อย่างที่บอก งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันได้ไหม?”

     

    เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้รับโอกาสนี้จากอี้ชิง

    แม้จะไม่ได้เข้าใกล้ในสถานะที่คิดไว้ แต่แค่นี้ก็ดีแล้ว ขอแค่อย่ารักอี้ชิงไปมากกว่านี้ก็พอแล้ว

     

     

     

     

    “ทำไมจู่ๆถึงชวนมาที่นี่ล่ะ”คิ้วของคนที่นั่งข้างๆขมวดเข้าหากันจนเป็นปม อี้ชิงเคาะพวกมาลัย ก่อนจะหันไปคว้าเอาโปสการ์ดแผ่นเล็กๆในกระเป๋าตรงเบาะหลังมาโชว์ให้อีกฝ่ายดู

    “พี่อยากพักผ่อนในที่แบบนี้”

    “วันหยุดทั้งทีแทนที่จะนอนพักอยู่บ้าน”อี้ชิงมองคนขี้บ่นก่อนจะส่ายหัว หลังจากเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อน เขากับคิมจงแดกลับกลายมาเป็นแบบนี้ ใครจะรู้ว่าความจริงจงแดที่ปกติจะเอาแต่พ่นคำพูดคำจาร้ายๆเวลาเจอหน้าเขา คนที่มักจะมีรอยยิ้มเยาะใส่เขาความจริงแล้วก็เป็นแค่เด็กดื้อคนหนึ่งที่ขี้บ่นเอามากๆแค่นั้นเอง

    เหมือนอย่างเช่นตอนนี้

    “โอ๊ย มันเจ็บนะ!!”เจ้าตัวแว๊ดเสียงแหลมเมื่อเขาเอื้อมมือไปหยิกปากยื่นๆของเจ้าตัว อี้ชิงหัวเราะร่าก่อนจะเปิดประตูลงไปโดยไม่สนใจเสียงบ่นงุ้งงิ้งพร้อมกับสายตาจิกกัดของคนข้างกาย

     

     

    อี้ชิงวางสัมภาระลงกับพื้น บรรยากาศของสวนสาธารณะริมแม่น้ำฮันทำให้อี้ชิงรู้สึกสดชื่น คุณหมอหนุ่มมีรู้สึกผ่อนคลายหลับตาสูดเอากลิ่นหอมอ่อนๆของดินและต้นหญ้าที่อยู่รอบกาย เสียงฝีเท้าของคนที่เดินตามหลังมาหยุดอยู่ข้างๆ ลักยิ้มที่แก้มข้างขวากดลึกลงอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนแขนยาวจะวางพาดลงบนไหล่เล็กอีกฝ่ายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “ย๊าส์ มันหนักนะ”เสียงแหลมๆแว๊ดใส่กลับยิ่งทำให้อี้ชิงยิ้มกว้าง เขาไม่ได้เอาแขนของแต่กลับกระชับหัวไหล่ของอีกฝ่ายดึงเข้ามาแนบชิด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะโรคจิตมากขนาดที่ชอบฟังเสียงแว๊ดๆของจงแดไปเสียแล้ว

    เมื่อก่อนก็เคยนึกไม่ชอบใจ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกชอบและอยากได้ยินแบบนี้ไปนานๆ

    “พี่อี้ชิง “

    “อะไรเล่า เรานี่ขี้บ่นจริงๆเลย บรรยากาศดีๆเสียหมดนะ”

    “...”คนตัวผอมส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะมองคนข้างกายตาขวาง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มวาดอยู่บนใบหน้าอีกฝ่าย ริมฝีปากบางก็เผลอจุดยิ้มตาม

    เพราะเห็นว่ายิ้มกว้างแบบนี้หรอกนะ เขาจะยอมให้ซักวันก็ได้

     

     

    “ตื่นเถอะพี่อี้ชิง”มือเล็กกระตุกเสื้อของคนที่นอนพิงต้นไม้หลับอยู่ข้างๆเมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ เอาเข้าจริงๆอี้ชิงก็หลับไปหลังจากที่กินข้าวเที่ยงที่เตรียมมา ไอ้ที่บอกว่ามานั่งเอาบรรยากาศอะไรนั่น ก็แค่มาเปลี่ยนที่นอนเองนั่นแหละ เขาเก็บหนังสือลงเป้ ขยับตัวออกห่างเมื่ออี้ชิงเริ่มขยับตัวคนอายุมากกว่าบิดขี้เกียจก่อนจะจ้องหน้าคนข้างกายด้วยใบหน้ามึนงง

    “กี่โมงแล้ว”

    “จะห้าโมงเย็นแล้ว พี่ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ หน้าพี่น่าเกลียดมากเลย โอ๊ย เจ็บนะ”อี้ชิงเขกหน้าผากเด็กตัวแสบที่แกล้งล้อเขาไปทีนึงก่อนจะขยับลุกยืน จงแดบ่นอุบอิบแต่ก็เก็บเสื่อปิ๊กนิคพับเข้ากระเป๋า อี้ชิงมองตามยิ้มๆ ก่อนจะคว้าเอากระเป๋านั่นมาถือเสียเอง ขายาวก้าวฉับๆไปยังทิศทางของห้องน้ำที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นตอนเดินเข้ามา โดยมีเสียงแว๊ดๆของจงแดตามหลัง อี้ชิงไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองยิ้มบ่อยขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งได้ยินเสียงวิ่งตามหลังมาเขาก็ยิ่งยิ้มเหมือนคนบ้า จนกระทั่งตาคมเหลือบไปเห็นร่างคุ้นเคย พลันขายาวก็หยุดชะงัก

    โลกกลมเกินไป

    รอยยิ้มค่อยๆหุบลง อี้ชิงไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่เขากลับเอาแต่ยืนนิ่งและจ้องมองภาพตรงหน้าอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่คิดว่าทำใจได้ในระดับหนึ่ง แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรนี่นะ

     

    “พี่อี้ชิง อ่ะ”จงแดเบิกตากว้าง ริมฝีปากที่เมื่อครู่กำลังจะบ่นคนข้างหน้าหุบลง ก่อนจะเผลอกำมือแน่น เขาเองก็เพิ่งได้รับข้อความจากแพคฮยอนชวนมาเดินเล่นที่นี่เมื่อตอนที่อี้ชิงหลับอยู่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกัน แพคฮยอนกับจื่อเทาอยู่ตรงหน้า เพื่อของเขากอดเอวเด็กตัวสูงไว้แน่น รอยยิ้มของทั้งคู่ดูมีความสุข จนเหมือนจะกรีดใจของใครอีกคน จงแดคิดอย่างนั้น คนตัวผอมมองแผ่นหลังของอี้ชิงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปปิดตาของอีกฝ่าย เมื่อตากลมเห็นใบหน้าของแพคฮยอนเคลื่อนไปกดจมูกเข้าที่แก้มของจื่อเทา

     

    “อย่ามอง..ถ้าเจ็บก็อย่ามอง”น้ำเสียงอ่อนโยนดังมาจากด้านหลังพร้อมกับความมืดที่ปิดกั้นดวงตาเขา อี้ชิงหัวใจกระตุกวูบ ภาพของคนทั้งคู่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาหายวับไปจากหัว ก่อนที่บางสิ่งบางอย่างจะผุดขึ้นมาแทนที่

    ตึกตัก ตึกตัก

     

    “ผมรู้ว่าพี่ไม่โอเค แต่อีกไม่นานพี่ก็จะดีขึ้น”

    มือเรียวยกขึ้นไปทาบทับมือเล็กของอีกฝ่าย อี้ชิงไม่รู้ว่าอีกนานของจงแดคือเมื่อไหร่ เพียงแต่ตอนนี้หัวใจของเขากลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

     

    น่าแปลก...

     

    คิมจงแดเป็นพ่อมดหรือไงนะ ทำไมแค่คำพูดง่ายๆแค่นั้น ก็ทำให้เขาดีขึ้นอย่างง่ายดาย

    ถ้าเจ็บก็อย่ามอง... พอไม่มองแล้วเขาเองก็ไม่เจ็บจริงๆ

     

     

    Unloveable

     

     

     

    “เอาของนี่ไปให้พี่เค้าหน่อย”นี่คือสาเหตุที่จงแดเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าคลินิกของจาง อี้ชิง เพราะเวลาบ่ายแก่ๆยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของคนในหมู่บ้านถึงได้เงียบๆ จงแดมองผ่านกระจกใสของคลินิกเข้าไปก็พบว่าแม้แต่เจ้าหน้าที่หน้าเคาท์เตอร์อย่างพี่นายองยังไม่อยู่ลองผลักประตูเข้าไปก็พบว่ามันยังเปิดอยู่ ถือวิสาสะเดินเข้าไปด้านในตรงไปยังห้องตรวจที่เมื่อไม่กี่วันก่อนยังพาจงอินมาล้างแผลพร้อมกับมองกล่องของฝากในมือ กล่องหนึ่งเป็นของที่แม่ซื้อมาฝากอีกฝ่าย แต่อีกถุงหนึ่งเป็นข้าวกล่องที่เขาแวะซื้อมาเผื่ออีกฝ่ายทำงานดึกดื่น ตั้งแต่วันนั้นเขากับอี้ชิงก็เจอกันบ่อยขึ้นความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด มันพัฒนาขึ้อีกระดับหนึ่ง อย่างน้อยๆก็ไม่ได้อยู่ในฐานะคนที่เหมือนเกลียดขี้หน้ากันอย่างที่เคยทำ บางทีจงแดก็คิดว่าถ้าเขาสนิทกับอี้ชิงแบบนี้ตั้งแต่แรกก็คงจะดี คนตัวเล็กยิ้มให้กับตัวเองเสียงพูดคุยด้านในดังออกมายิ่งทำให้หัวใจของจงแดเต้นตึกตัก ทั้งๆที่บอกตัวเองไว้แล้วว่าจะเลิกหวัง ขอแค่ได้มองแบบนี้ไปเรื่อยๆก็พอแล้ว เขาพอใจที่จะเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้แบบนี้

    ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆอี้ชิงแบบนี้

    “ตกลงว่ามึงกับน้องจงแดนี่ยังไง”เสียงที่ไม่คุ้นหูพร้อมกับชื่อของตัวเองในประโยคเมื่อครู่ทำให้มือที่กำลังจะเคาะประตูห้องตรวจหยุดชะงัก คนตัวผอมขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับคิดว่าควรจะวางของฝากไว้บนเคาท์เตอร์ของพี่นายองแล้วเขียนโน๊ตเอาไว้คงจะดีกว่า แต่ในวินาทีที่กำลังจะก้าวเท้าออกมาเสียงของอี้ชิงก็ดึงรั้งเขาไว้

    “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ก็น้อง”

    ให้มันจริงเถอะ น้องบ้าอะไรพูดถึงอยู่ทุกวัน” จุนมยอนจ้องมองเพื่อนด้วยสายตาจับผิด อี้ชิงก้มหน้าทำเป็นเคลียร์งานบนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพบกับสายตาล้อๆของเพื่อน

    “แล้วมึงถามทำไม”

    “ก็เปล่าเห็นพูดถึงบ่อยๆ ก็เลยคิดว่ามึงอาจจะชอบน้องเค้าโดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้”

    “พูดอะไรไร้สาระ”

    “ก็แต่ก่อนมึงเอาแต่พูดถึงเด็กที่ชื่อแบคฮยอน แล้วตอนนี้..”

    “กูชอบแพคฮยอน..”อี้ชิงจ้องหน้าเพื่อนก่อนจะตอบออกไปอย่างที่คิด “ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่..”

    “...”จุนมยอนทำหน้าไม่เชื่อ แต่ก็ยอมนิ่งรอฟังสิ่งที่เพื่อนจะพูด

    “ส่วนจงแด ตอนนี้ก็แค่สนิทกันเพราะกูอยากรู้ว่าทำไมเมื่อก่อนเค้าถึงไม่ชอบกู และเอาแต่กีดกันกูออกจากเพื่อนเค้า กูก็แค่อยากรู้เรื่องนั้น”

    “นี่หมายความว่าที่มึงเข้าใกล้น้อง ก็เพราะเรื่องแค่นี้หรอวะ”จุนมยอนจ้องหน้าเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ เพียงเพราะเรื่องแค่นี้จริงๆงั้นหรอ ถึงเขาจะไม่เคยเจอจงแด แต่จากที่ได้ยินพี่นายองพูดให้ฟัง คิม จงแดคนนั้นน่ารัก เขาเคยคิดเล่นๆเมื่อตอนที่อี้ชิงบอกว่าตามจีบเด็กที่ชื่อแบคฮยอนแล้วเพื่อนของแบคฮยอนกีดกัน เหตุผลมันมีอยู่ไม่กี่อย่างในความคิดของจุนมยอน ถ้าอี้ชิงไม่เคยทำอะไรให้ มันก็มีเหตุผลอีกข้อ

    “กูถามจริงๆ ถ้าเกิดน้องเค้าชอบมึง มึงจะทำยังไง”

    “มันจะเป็นไปได้ยังไง เด็กนิสัยหยิ่งๆแบบนั้น..”

    “แล้วถ้าเกิดเค้าชอบมึง..”

    “เด็กนิสัยเสียแบบนั้นกูชอบไม่ลงหรอก..”

     

    “น้องจงแดไปยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นคะ”เสียงของพี่นายองดังขึ้นพร้อมกับหยดน้ำตาที่เขาไม่สามารถกลั้นไหว เสียงเคลื่อนไหวของคนในห้อง ทำให้จงแดหมุนตัวกลับมาพี่สาวคนสนิท เขายื่นถุงกระดาษที่อยู่ในมือให้อีกฝ่ายโดยที่ไม่ยอมเงยหน้า ประโยคง่ายๆถูกกลั่นออกมาอย่างยากลำบากเมื่อลำคอเริ่มตีบตันไปหมด

    “ผม..ผมฝากนี่ให้คุณอี้ชิงด้วยนะครับ”

    “จงแด เดี๋ยว..อ๊ะหมออี้ชิงคะ  เมื่อกี้น้อง..”พนักงานสาวมองตามแผ่นหลังเล็กไป ก่อนจะตกใจเมื่อประตูห้องตรวจเปิดออกมาอย่างแรง ร่างสูงจ้องมองถุงกระดาษในมือของพี่นายอง ก่อนจะสบถออกมา ขายาวรีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต

    ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นตีรวนขึ้นมา แค่คิดว่าเมื่อครู่เด็กคนนั้นได้ยินคำพูดที่ไม่คิดของเขา ภาพใบหน้าที่อี้ชิงจำได้ติดตาเมื่อตอนนั้นก็ฉายซ้อนขึ้นมา

    เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น

    และเขาไม่ได้อยากเห็นคิม จงแดแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา

     

    คิม จงแดอยู่ตรงหน้า ถนนภายในหมู่บ้านแม้จะไม่ได้มีรถราวิ่งหนาแน่นแต่มันก็ไม่ใช่ที่ที่คนตัวผอมจะเดินอยู่อย่างนั้น อี้ชิงเร่งฝีเท้า หัวใจปั่นป่วนไปหมดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้เพียงแต่ตอนนี้ต้องคุยกับอีกคนให้รู้เรื่อง แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมถึงจะต้องทำอย่างนั้นก็ตาม ขยับเข้าไปรั้งข้อแขนของอีกฝ่ายไว้ แต่วินาทีเขาได้เห็นใบหน้าจงแด  ความรู้สึกผิดมันก็แล่นไปทั่วร่าง

     

    คิม จงแดกำลังร้องไห้ ใบหน้าที่เคยหยิ่งยโส มองเขาด้วยสายตาเย็นชา เบื่อหน่าย ริมฝีปากบางที่เคยพ่นคำพูดร้ายกาจใส่กำลังสั่น ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังฉายแววเจ็บปวดออกมา

     

    “จงแด” อี้ชิงเอ่ยเสียงเบา เผลอปล่อยมืออีกฝ่ายออกเมื่อคิม จงแดช้อนดวงตาที่คลอไปด้วยหยดน้ำใสขึ้นมอง ขาเล็กขยับถอยจากเขาหนึ่งก้าว ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มอย่างที่ชอบทำ ทั้งๆที่น้ำตายังไหลอาบแก้ม เขายื่นมือไปหา จงแดก็ขยับถอยห่าง

    พี่อยากรู้ใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงกีดกันพี่กับแบคฮยอน ทำไมผมถึงไม่ช่วยพี่”คนตัวผอมก้มหน้ากัดริมฝีปากกลั้นก้อนสะอื้น ทั้งๆที่คิดไว้อยู่แล้วว่ารักข้างเดียวของเขามันไม่มีทางสมหวัง แต่เพียงแค่เหตุผลแค่นี้ อี้ชิงถึงกับต้องใช้วิธีนี้เลยงั้นหรอ

    ทั้งๆที่คิดไว้ว่าจะไม่ยอมให้อี้ชิงต้องมารับรู้ถึงความรู้สึกบ้าๆของตัวเอง

    มันไม่ได้ผิดจงแดรู้ เขาไม่ผิดที่รักอี้ชิง แต่ถ้าความรักของเขามันไม่ได้มีค่า เขาก็อยากจะเก็บมันไว้กับตัว

    แต่ตอนนี้เขาจะไม่เก็บมันไว้อีกแล้วไม่ว่าจะสารภาพหรือไม่สารภาพมันออกไป สุดท้ายทุกอย่างก็กำหนดไว้แล้วอี้ชิงเป็นคนตั้งกฎนั้นขึ้นมา เพราะเด็กนิสัยไม่ดีอย่างคิม จงแด ไม่มีทางที่อี้ชิงจะรักอยู่แล้วเพราะฉะนั้น...

    เพราะผมชอบพี่ไง ถึงจะอยากให้เพื่อนสนิทเจอคนที่ดีขนาดไหน แต่ผมก็ไม่ได้เก่งพอที่จะมองคนที่ตัวเองชอบคบกับเพื่อนสนิทแบบไม่รู้สึกอะไรได้หรอก

    “...”

    “ผมเห็นแก่ตัวใช่มั๊ยล่ะ ก็นั่นแหละ..”จงแดหัวเราะ หัวเราะทั้งๆที่ร้องไห้ เขารู้สึกเหมือนคนบ้ามองหน้าอี้ชิงที่ยืนนิ่งผ่านม่านน้ำตา เขาไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน อาจจะสงสารหรือสมเพสเขาสำหรับตอนนี้จงแดไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

     

    “รู้อย่างนี้แล้วก็เกลียดผม แล้วเลิกยุ่งกับผมสักที”

     

    ก็ถ้าไม่สามารถรักกันได้ ก็เกลียดกันไปเลยดีกว่า

     

     

    แบคฮยอนไม่ผิด อี้ชิงก็ไม่ผิด แต่มันผิดที่เขาเอง และมันเป็นหน้าที่เขาจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง

     

     TBC....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×