คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Wish : BAEKCHEN
Title : Christmas Gift
Pairing : BAEKCHEN
เอาเถอะเรื่องวันคริสต์มาส ซานตาคลอส
และกวางเรนเดียร์มันก็มีแค่ในนิทานหลอกเด็กเท่านั้นแหละ
คิดว่าคนอย่างคิม จงแด ที่ปัจจุบันอายุ 18 ปีแล้วจะเชื่อเรื่องแบบนี้หรอ? ฝันไปเถอะ!!
เรื่องแบบนั้นมันจะมีอยู่จริงได้ยังไง?!!!
หรอ?
“อย่ามาโกหกนะไอ้หัวขโมย
เดี๋ยวนี้ถึงขนาดใส่ชุดซานต้ามาขึ้นบ้านคนอื่นเขาเลยหรอ? ไอ้ชั่ว!!”คิม จงแดกำลังเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าใส่ชุดซานต้าหน้าละอ่อนที่อยู่ๆก็โผล่มาอยู่ในห้องนอนของเขา
แถมยังทำท่าไม่ทุกข์ร้อน ไม่ยอมหนีไปไหนทั้งๆที่เขากำลังยืนถือไม่เบสบอลเตรียมฟาดหน้าอยู่แท้ๆ
คิดว่าคิมจงแดคนนี้จะไม่กล้าฟาดจริงๆ
หรอ คิดว่าหน้าตาดีนิดๆหน่อยๆ แล้วจะทำให้ใจอ่อนนี่ คิดผิดแล้ว
“หนวกหูจริงๆ
นี่ดูไม่ออกหรือไงว่าฉันเป็นใคร?”อีกฝ่ายเลิกคิ้วยียวนแถมยังขยับตัวเอนลงกับเตียงเขาด้วยท่าทางสบายใจเฉิบ
จงแดเผลอเบิกตากว้าง เมื่อเห็นว่าเสื้อคลุมสีแดงสดที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่มันแหวกออกจนจะเห็นหัวนมอยู่แล้ว
ต้องไม่ใช่หัวขโมยธรรมดาแน่ๆ
ต้องเป็นโรคจิตด้วย!!!
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดทะลึ่งนะเรา”ซานต้าหนุ่มหัวเราะหึๆเมื่อเห็นท่าทางของเจ้าของห้อง ยันตัวลุกขึ้นนั่ง
จ้องมองคนที่ยืนกำไม้เบสบอลด้วยมือสั่นๆก็นึกขำ
คว้าเอากระดาษสีเหลืองจากเป้สีแดงสดเหมือนสีเสื้อขึ้นมาคลี่ออก
แต่แค่นั้นก็ทำให้คนตัวผอมตาโตจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ก็นั่นมัน
นั่นมันจดหมายของเขานี่!!!
เขาจำได้ว่าเคยเขียนมันเมื่อคริสต์มาสปีก่อน
แล้วแขวนมันไว้ที่ต้นคริสต์มาสเล็กๆตรงระเบียงห้องนอนของเขา
แล้วทำไมมันถึงไปอยู่ในมือของหัวขโมยคนนี้ได้
“ชื่อ คิม จงแด..”ซานต้าเริ่มอ่านชื่อที่เขียนไว้มุมล่างขวาของแผ่นกระดาษ “ส่วนคำขอก็..โอ๊ย!!!”
“อย่าอ่านนะ
ห้ามอ่านนนน”อีกฝ่ายทิ้งไม้เบสบอลในมือ
กระโจนเข้ามาตะครุบร่างเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว คนที่เมื่อครู่นั่งอยุ่บนเตียงหงายหลังลงกับเตียง
โดยมีร่างของอีกฝ่ายคร่อมทับอยู่ จดหมายในมือถูกเจ้าของตัวจริงแย่งไป
ใบหน้าของเจ้าของห้องแดงแปร๊ดเมื่อสายตาไล่อ่านจดหมายในมือ
ยิ่งเห็นว่าลายมือที่อยู่ตรงหน้าเป็นลายมือของตัวเอง ยิ่งเหมือนสติจะหลุด
จนลืมคิดไปว่าตัวเองเผลอเข้าใกล้คนแปลกหน้ามากเกินไป
ซานต้านอนจ้องใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีลามไปทั้งตัวของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มชอบใจ
มือเรียวเลื้อยเข้าไปตรงเอวเล็กของอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะตวัดรัด
และพลิกร่างอีกฝ่ายให้ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงแล้วเป็นฝ่ายคร่อมอยู่ด้านบนแทน
เท่านั้นแหละ เสียงแหลมแปดหลอดของเด็กน้อยในสายตาของเขาก็ดังขึ้นแทบจะทันที
“อ๊ากกกก
ปล่อยนะไอ้โรคจิตตตต”
“ดื้อจริง”รวบมือทั้งสองข้างที่ยังจับจดหมายนั่นไว้แน่น
จ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความชอบใจ “ปีก่อนยังบอกอยากจะเจอซานต้าอยู่เลย”
“นี่ยังไม่เลิกกุว่าตัวเองเป็นซานต้าอีกหรอ
หน้าอย่างนี้ใครเขาจะไปเชื่อ”แม้จะตกเป็นรองแต่ก็ยังเถียงไม่หยุด
ริมฝีปากเจ้าตัวบิดคว่ำลงจ้องหน้า ซานต้า อย่างไม่ยอมแพ้
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะเชื่อ?”
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว เริ่มจะหงุดหงิด “นี่อุตส่าห์มาทำตามคำขอ
แล้วยังจะเรื่องมากอีก”
“...”จงแดยู่ปากคิดอยากจะเถียงแค่ก็โดนคนที่คร่อมทับอยู่ด้านบนพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“คิดว่าคำขอของนายมันหาให้ได้ง่ายๆหรือไง
ขอให้เจอซานต้านี่มันก็โอเคอยู่หรอก
ไอ้ที่ขอให้เจอเนื้อคู่ที่ให้ได้ทุกอย่างนี่มัน..”
“ก็บอกว่าอย่าพูดไงเล่า”
อับอายที่สุด
ใครจะไปคิดว่าไอ้คำขอเล่นๆของเขาจะมีคนล่วงรู้ แถมยังเป็นใครก็ไม่รู้
“แต่ก็เอาเถอะ
ไหนๆก็โดนลิขิตไว้แบบนี้แล้วนี่”จงแดกระพริบตาปริบๆจ้องมองใบหน้าจริงจังของอีกฝ่ายด้วยความงุนงง
ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆริมฝีปากของคนแปลกหน้าก็แนบเข้ามาที่ริมฝีปากของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ช็อก
จูบแรก...แล้วยังจูบกับผู้ชาย..แปลกหน้า
ผู้ชายคนนั้นถอนริมฝีปากออก
ตากลมปรือปรอยจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ในระยะประชิด
ร่างกายเหมือนไร้เรี่ยวแรง
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับรสสัมผัสอุ่นๆยังคงชัดเจน ติดอยู่บนริมฝีปาก
“แล้วเจอกัน นะจงแด..”
~~~~~~~~~~~소원~~~~~~~~~~~
คืนวันคริสต์มาสผ่านไปตั้งแต่เมื่อคืน
แต่ถึงอย่างนั้นพอย่างกรายเข้ามาในรั้วโรงเรียนก็ยังคงเห็นค้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าโรงเรียน
ไฟประดับและกล่องของขวัญเล็กๆยังส่องแสงระยิบระยับต้องกับแสงอาทิตย์ยามเช้า
แต่เพียงแค่เห็นมาสครอสคุณลุงซานต้ากำลังยืนแจกของขวัญด้วยท่าทางใจดี
ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเจ้าของชุดซานต้าสีแดงสดเมื่อคืนก็ซ้อนทับเข้ามา
พาให้ใบหน้าร้อนวูบวาบไร้การควบคุม
“บ้า บ้าไปแล้ว หยุดคิด
เลิกคิด” คิม จงแดสะบัดหน้าแดงๆของตัวเองไปมา
ก่อนจะก้มหน้างุดวิ่งผ่านลุงซานต้าที่แสนใจดี เลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มของใครอีกคนที่ยืนมองตัวเองมาตั้งแต่ต้น
“ชักจะอดใจรอไม่ไหวแล้วแฮะ”
“เมอรี่คริสต์มาสนะ
จงแดจ๋า”ทันทีที่นั่งลงบนที่นั่งร่างสูงโย่งของเพื่อนสนิทก็โผล่เข้ามาประชิดตัว
พร้อมกับกล่องของขวัญเล็กๆสีแดงสดที่ยื่นมาตรงหน้า
“อะไร?”
“ของขวัญวันคริสต์มาสไง”ชานยอลใช้ตาโตๆนั่นจ้องหน้าเขาจนแทบถลน
เมื่อเขาเอื้อมมือไปรับแต่กลับไม่มีท่าทีตื่นเต้นอะไรเลยด้วยซ้ำ
แหงสิ
ตอนนี้เทศกาลคริสต์มาสติดอยู่ในลิสต์เทศกาลที่เขาเกลียดเป็นอันดับที่สอง
รองลงมาจากวาเลนไทน์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไง
“แปลก แปลกมาก”ได้ยินเสียงพึมพำข้างหูเมื่อเขาก้มลงยัดกล่องสีแดงเล็กๆนั่นลงใต้โต๊ะ
“เฮ๊ย”แต่พอหันกลับมาอีกทีกับต้องตกใจเมื่อพบว่าด้านหน้ามีตากลมโตอีกคู่จ้องอยู่ในระยะประชิด
“คยองซูมาทำไมไม่ให้สุ้มให้เสียง
มันตกใจนะ”จงแดยกมือทาบหน้าอกตัวเอง ค่อยๆผ่อนลมหายใจช้าๆ
ก่อนจะยู่ปากเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิททั้งสอง หัวเราะชอบใจกับท่าทางของเขา
“ก็ชานยอลบอกจงแดแปลกๆ
ก็เลยมาสังเกตดูไง ว่าแต่เมื่อคืนเป็นไงบ้าง?”
“นั่นสิ
นายได้ทำต้นคริสต์มาสหรือเปล่า?” คยองซูเป็นคนตั้งคำถาม
และตามด้วยชานยอลที่เป็นลูกคู่ จงแดถอนหายใจ ยิ่งไม่อยากคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน
แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้
“ก็เหมือนเดิม
วิดีโอคอลกับพ่อแม่ จัดต้นคริสต์มาส แล้วก็...”
ภาพร่างโปร่งในชุดคลุมสีแดงผุดขึ้นมา
ในห้วงความคิด
“แล้วเจอกันนะ...จงแด”
อ๊ากกกกก
อย่ามาตามหลอกหลอนกันได้ม้ายยยยยย
“เอ่อ จงแด”ทั้งคยองซูและชานยอลต่างจ้องหน้ากันด้วยความงุนงงเมื่อจู่ๆเพื่อตัวผอมก็หยุดพูดกลางคัน
ส่ายหน้าไปมาแถมใบหน้ายังแดงแปร๊ดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“คือ...คือ..”คนตัวผอมชะงักเมื่อสบเข้ากับดวงหน้างุนงงของเพื่อน
จึงได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้ และนับว่าโชคดีที่ชานยอลฉีกยิ้มกว้าง
ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องคืนคริสต์ของตนกับคยองซูบ้าง แต่มันคงจะดีกว่านี้
“แล้วเมื่อคืนกูแต่งตัวเป็นซานต้า
ไปหาคยองซูล่ะมึง นี่ไง”
ถ้าปาร์ค
ชานยอลจะไม่ยื่นรูปตัวเองในชุดซานต้าที่ยืนฉีกยิ้มในมือถือมาสะกิดก้อนความทรงจำอีกครั้ง
ใครก็ได้
ช่วยเอาเทศกาลวันคริสต์มาสออกไปจากโลกนี้ทีเถอะ
นับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่กริ่งเริ่มคาบโฮมรูมดังขึ้นฉุดเขาออกจากช่วงเวลาโหดร้าย
ชานยอลกลับไปนั่งที่ตัวเองซึ่งอยู่ด้านหลังโต๊ะเขาที่นั่งคู่กับคยองซู
มาดามจองเดินเข้ามาในชุดแสคสีแดงแจ๊ด
ก่อนจะเคาะมือลงกับโต๊ะเป็นจังหวะอย่างที่ชอบทำ ดวงตาเกือบทุกคู่โฟกัสไปยังด้านหน้า
ก่อนที่ริมฝีปากบาง (ที่แต่งแต้มด้วยสีแดงเหมือนกันกับสีชุด)จะแย้มยิ้มออกมา
“เมอรี่คริสต์มาสนะจ๊ะเด็กๆ
วันนี้ทางโรงเรียนเรามีกิจกรรมวันคริสต์มาสช่วงบ่ายอย่าลืมไปร่วมสนุกกันนะ
แล้วก็...”มาดามจองหยุดพูดชั่วครู่
ก่อนจะขยับเดินอ้อมมายืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะวางของ
“เราจะมีสมาชิกใหม่
อาจจะกะทันหันไปหน่อย แต่ว่าครูก็อยากให้ทุกคนช่วยดูแลเพื่อนใหม่ของเราด้วย
เข้ามาได้แล้วจ๊ะ”
เสียงอื้ออึงดังขึ้นทันทีที่ทุกคนจับใจความได้ว่ามีนักเรียนย้ายมาใหม่
จงแดขมวดคิ้ว หันมาจ้องหน้าคยองซูที่จ้องกลับมาด้วยความงุนงงไม่แพ้กัน
เป็นการบอกกล่าวว่าเรื่องนี้แม้แต่หัวหน้าห้องอย่างโด คยองซูก็ไม่รู้เรื่อง
ย้ายมากลางเทอมเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว
เรือนผมสีดำสนิทโผล่ออกมาให้เห็นเป็นอย่างแรก
ก่อนร่างสูงโปร่งในชุดเครื่องแบบฤดูหนาวของโรงเรียนจะปรากฏขึ้น ตรงหน้า
เสียงกรีดร้องเบาๆในลำคอของนักเรียนหญิงในห้องดังขึ้นอย่างพยายามรักษามารยาท
พร้อมกับเสียงฮือฮาของนักเรียนชายบางคน แต่คิม จงแดกลับแทบจะลืมวิธีหายใจ
ตากลมเบิกกว้าง เมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดๆ
นี่มัน...นี่มัน..
“สวัสดีครับ..”
ชั่ววินาทีตาเรียวคู่นั้นก็สบเข้ากับดวงตาของเขา
จงแดตัวแข็งทื่อ จ้องมองรอยยิ้มที่ค่อยๆผุดขึ้นบนริมฝีปาก
ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นระรัว หนักหน่วง จนแทบจะกระเด็นออกมาด้านนอก
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ...ผมบยอน
แบคฮยอน...”
“...” ไม่จริงน่า
“...แล้วก็เจอกันอีกแล้วนะ
จงแดยา”
ซะ ซานต้าโรคจิต มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!!!!!!!
บ้าไปแล้ว นี่มันจะบ้าเกินไปแล้ว!!!
จงแดหันแทบจะเก็บอาการหงุดหงิดไว้ไม่ไหว
เพราะประโยคที่บอกว่าเหมือนรู้จักกันมาก่อนของแบคฮยอน
หมอนี่ถึงได้มานั่งหน้าสลอนอยู่ข้างเขาในขณะที่คยองซูย้ายลงไปนั่งกับชานยอลอย่างเต็มอกเต็มใจ
ทั้งๆที่เพียรส่งสายตาออดอ้อนให้เพื่อนสนิทตาโตไปซะขนาดนี้แต่โดคยองซูกลับเมินเฉย
ราวกลับไม่รับรู้ความหมายของสายตาเขาได้หน้าตาเฉย
ใจร้ายทำไมทุกคนใจร้ายกับคิมจงแดขนาดนี้
“เชิดคอขนาดนั้นเดี๋ยวก็เป็นตะคริวหรอก”เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่เป่ารดแก้ม
คนที่กำลังเชิดหน้ามองตรงเลยยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่เมื่อเหลือบตามองแล้วพบว่าบยอนแบคฮยอนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดไหน
“ถะถอยออกไป”
อะไรแค่นี้ก็เขินแล้วหรอ”เสียงหัวเราะเบาๆของแบคฮยอนคือสิ่งที่ทำให้คิม จงแดพลาดหันไปหา
แล้วก็อย่างที่คิดใบหน้าแบคฮยอนห่างกับใบหน้าเขาแค่คืบเท่านั้นแหละนอกจากด่าไม่ออกแล้วยังทำให้หน้าร้อนขึ้นจนเหมือนจะไหม้ได้แต่หันหน้าหลบ
แบคฮยอนอมยิ้มก่อนจะผละออกห่างเสียงอาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นคาบสุดท้ายของภาคเช้ายังคงดังต่อเนื่อง
มันน่าเบื่อจนสุดท้ายต้องหาอะไรทำแต่ตอนนี้หายเบื่อแล้วล่ะ
ในเมื่อคิมจงแดหน้าแดงแจ๋มากกว่าที่คิดซะอีก
“ไม่ต้องเกร็งแล้วน่า ไม่แกล้งแล้ว…”ได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงเหอะในลำคอมาให้ได้ยินเบาๆ
แบคฮยอนเลยอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปผลักหัวของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ
“ก็อย่าน่ารักมากสิจะได้ไม่แกล้ง”
นั่นแหละแล้วคิมจงแดก็หน้าแดงขึ้นอีกหนึ่งเฉด
“เลิกเรียนแล้วก็เลิกเดินตามสักทีสิ”คนตัวผอมหันไปแว้ดใส่ร่างโปร่งที่ยืนล้วงกระเป๋าเดินตามหลังเขาอย่างไม่ทุกข์ร้อน
แบคฮยอนทำเพียงแค่มองหน้าเขาแต่สุดท้ายก็ยังเดินตามมาไม่ลดละ
และยิ่งเมื่อเขาตัดสินใจจะก้าวเร็วๆเพื่อเดินหนี
มือเรียวของอีกฝ่ายก็จับยึดข้อแขนเขาไว้อีก
“ก็บอกไปแล้วไงว่าอย่าคิดหนี”เสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นพร้อมกับที่ข้อมือโดนจับลากให้เดินไปตามทางกลับบ้าน
แม้จะงุนงงไม่น้อยที่อีกฝ่ายลากเขาเดินไปเรื่อยๆโดยไม่ถามทางกลับบ้าน
แต่กลับเดินไปยังเส้นทางที่เขาใช้เดินทางเป็นประจำ
จนกระทั่งทั้งคู่หยุดที่หน้าบ้านของเขา จงแดมองมือตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายกุมไว้
(แน่นอนว่าโดนบังคับทั้งนั้น เขาเองก็ต่อต้านจนเหนื่อย)
ก่อนจะกระตุกเบาๆเป็นเชิงให้อีกฝ่ายปล่อย
ซึ่งเขานึกขอบคุณที่ครั้งนี้แบคฮยอนไม่ดื้อดึง
“เข้าบ้านดีๆ
แล้วก็เจอกันพรุ่งนี้”
จงแดกัดปากเชิดหน้าไปอีกทางเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยิ้ม
ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปจึงคิดได้ว่าเองควรจะเข้าบ้าน
แต่พอเอื้อมมือไปเปิดประตูรั้ว เสียงกระทบกันของโซ่ที่คล้องบ้านหลังข้างๆก็ดังขึ้น
เรียกให้ความสนใจทั้งหมดในตอนนี้พุ่งไปยังทิศทางของเสียง
ก่อนจงแดจะตาโตจนแทบจะถลนออกจากเบ้าและเผลอสบถออกมาเป็นคำหยาบในแบบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาใช้มันบ่อยขนาดนี้
เชี่ย
บยอน แบคฮยอน มันอยู่บ้านข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!!!!
~~~~~~~~~소원 ~~~~~~~~~
คิมจงแดกำลังยืนลับๆล่อๆอยู่หน้าบ้านข้างๆที่เพิ่งโทรทางไกลไปถามคุณนายคิมว่าเจ้าของบ้านหลังสีขาวที่ใช้รั้วร่วมกันเป็นบ้านของใคร
แล้วก็ได้คำตอบที่มาทีหลังคำบ่นจนหูชาว่าเป็นบ้านของลุงบยอน จุนซาง
ทำไมถึงจำไม่ได้(แน่นอนว่าแม่ไม่ได้ใช้คำสวยหรูแบบนี้) แถมยังโดนเฉ่งอีกกระทงใหญ่ข้อหาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าลูกชายคนเดียวของลุงบยอนย้ายเข้ามาอยู่เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา
หลังจากฟังคนเป็นแม่บ่นก็ทำให้เขาพอคุ้นๆชื่อ แต่พอคิดทบทวนไปเรื่อยๆ
ถ้าบ้านข้างๆเป็นบ้านของลุงบยอน
แล้วลูกชายของลุงบยอนที่แม่พูดถึงก็คงไม่พ้นบยอนแบคฮยอน แน่นอนว่าสิ่งที่ปรี้ดขึ้นมาในหัวหลังจากนั้นก็คือการที่บยอนแบคฮยอนสร้างเรื่องว่าตัวเองเป็นซานต้า
แถมยังขึ้นบ้านคนอื่นน่าตาเฉย
เท่านั้นยังไม่พอหมอนั่นยัง..ยังชิงจูบเขาอย่างหน้าด้านๆไหนจะเรื่องที่จดหมายน่าอายของเขาไปอยู่ที่หมอนั่นได้ยังไงนั่นอีก
ไม่ได้เรื่องนี่เขาจะไม่ยอมอยู่เฉยๆเด็ดขาด
รั้วสีขาวไม่ได้ล็อคจงแดเลยถือวิสาสะเดินเข้าไปเงียบๆ
ตอนทีแรกก็กะว่าจะเรียกอีกฝ่ายให้ลงมาคุยที่หน้าบ้านนั่นแหละแต่พอคิดไปคิดมาคนอย่างหมอนั่นลื่นยังกะปลาไหล
การจะให้บยอนแบคฮยอนยอมรับความผิดมันไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจะต้องหาอะไรมาต่อรอง
อย่างเช่นความลับหน้าอายที่อีกฝ่ายซ่อนไว้ และที่ๆเก็บความลับสุดเบสิคของเด็กวัย18 ปีอย่างพวกเขาก็คือ. ห้องนอน!!!
ทันทีที่บานประตูห้องสีน้ำตาลปิดลงจงแดก็เข้ามาสู่โลกของบยอนแบคฮยอนอย่างสมบูรณ์
นึกขอบคุณที่หมอนั่นไม่ล็อคประตูบ้านแถมยังฮัมเพลงทำอาหารอยู่ในครัวด้านล่างอย่างสบายใจเฉิบ
หลังจากย่องขึ้นชั้นบนพร้อมคำนวณเวลาที่อีกฝ่ายจะทำอาหารและใช้เวลาจัดการกับมันก็น่าจะพอที่จงแดจะได้อะไรสักอย่างติดไม้ติดมือไป
ตากลมหรี่ลงเมื่อแสงจากด้านนอกเริ่มเหลือน้อยเต็มที
มือถือในมือถูกนำมาใช้ประโยชน์โดยการเปิดไฟฉาย จงแดเดินตรงไปยังโต๊ะหนังสือ
ก่อนจะดึงลิ้นชักออกมา สมุดวาดภาพขนาดA5ถูกวางอยู่ด้านใน
จงแดจับมันออกมาอย่างระมัดระวัง
เปิดเข้าได้แค่หน้าเดียวกระดาษสีเหลืองคุ้นตาก็หล่นลงมา
เขาก้มลงเก็บแต่เหมือนความวุ่นวายกำลังตามมาเพียงแค่เขาเผลอจับที่สันสมุดรูปโพลาลอยนับสิบก็พากันไหลออกมาตกกระจายอยู่บนพื้นราวกับจงใจกลั่นแกล้ง
คนตัวผอมทรุดตัวนั่งกวาดภาพเหล่านั้นด้วยมือสั่นๆ
มือถือถูกวางไว้ข้างตัวจึงไม่สามารถมองเห็นว่ารูปเหล่านั้นเป็นรูปอะไร
จนกระทั่งรูปแผ่นสุดท้ายมาอยู่รวมกับแผ่นอื่น
รูปอะไรกันนะ?
มือเล็กคว้าเอามือถือที่วางอยู่ด้านข้างมาแต่ก่อนที่ไฟส่องสว่างของมือถือจะทำหน้าที่ของมัน
ทั้งห้องก็สว่างขึ้นพร้อมกับเสียงที่จงแดจำได้ขึ้นใจ
“จับได้แล้วหัวขโมย”
แต่สิ่งที่ทำให้ช็อกกว่าก็คือรูปที่อยู่ในมือ
ไม่สิไม่ใช่แค่ในมือ ผนังห้องของบยอนแบคฮยอน มีแต่รูปเขาเต็มไปหมด!!!
“นี่มัน..หมายความว่ายังไง?”กว่าจะควานหาเสียงตัวเองเจอก็ตอนที่เจ้าของห้องเดินมาดึงรูปในมือเขาไปด้วยใบหน้าและใบหูที่แดงก่ำ
จงแดกระพริบตาปริบๆมองคนที่ยืนหันหลังให้ด้วยความงุนงง
ความตั้งใจแรกที่มาที่นี่เลือนหายไปเหลือเพียงความงุนงงที่เด่นชัด
แต่พอกวาดสายตาไปรอบห้องแล้วเจอรูปตัวเองอยู่ในบริบทต่างๆใบหน้าก็ร้อนฉ่าขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เขาไม่ได้อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่ามัน..
“อย่างที่นายคิดนั่นแหละ”บยอนแบคฮยอนยอมหันหน้ามาหา
ใบหน้าอีกฝ่ายยังคงแดงก่ำเพียงแต่น้อยลงกว่าเดิมนิดหน่อย
แต่เพียงแค่ตาเรียวนั่นจ้องกลับมาจงแดกลับกลายเป็นไม่กล้าสู้หน้าเสียเอง
หัวใจพลันเต้นระรัวขึ้นมา เมื่อสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดมันน่าอายเกินไป
แต่แบบนี้มันก็คิดได้แค่อย่างเดียวไม่ใช่หรือไงกัน
“นาย...นายชอบฉันหรอ?”แม้จะไม่มั่นใจแต่ก็ลองเอ่ยออกมาอย่างที่คิด
เหลือบมองอีกคนหวาดๆก็พบว่าบยอนแบคฮยอนยกมือขึ้นปิดหน้า
แต่เพราะใบหูที่แดงก่ำอย่างปิดไม่มิดพร้อมกับเสียงตอบรับเบาๆในลำคอนั่นแหละที่เผลอทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอีกระดับ
จงแดไม่รู้เลยว่าควรจะทำหน้ายังไง
ทั้งๆที่ตั้งใจมาเอาเรื่องอีกฝ่ายแท้ๆแต่พอมาเจอแบบนี้
เขากลับรู้สึกขลาดเขินมือไม้สั่นไปหมด กว่าจะรู้ตัวก็โดนเจ้าของห้องประชิดตัว
ดึงเข้าไปในอ้อมกอดเสียแล้ว
“ย่าส์ ปล่อยนะ ปล่อย!!!”
“ไม่ปล่อย รู้ความลับเยอะขนาดนี้แล้วจะปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง”เสียงอีกฝ่ายกลับมายียวนเช่นเดิมจนจงแดเผลอยู่ปากใส่
ดีดดิ้นสักพักก็เหนื่อยเปล่าเมื่อแบคฮยอนไม่มีท่าทีผ่อนแรงกอดรัดที่เอวลงสักนิด
ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆคล้ายชอบใจอยู่ข้างหูก็เลยออกแรงทุบแผ่นหลังอีกฝ่ายไปเต็มแรง
“อยู่นิ่งๆน่า กว่าจะได้เจอ คิดถึงจะตายอยู่แล้วไม่รู้หรือไง?”
“คะ ใครจะไปรู้ ปะ..ปล่อยเลยจะกลับบ้านแล้ว”จงแดเมินเฉยคำพูดหวานๆของอีกฝ่ายก่อนจะขยับตัวให้หลุด
พอทุกอย่างเริ่มเปิดเผยจงแดก็เริ่มไม่กล้าสู้หน้า
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนกลัวว่าถ้าอยู่ในห้องนี้นานๆตัวเองต้องเผลอทำเรื่องเงอะงะออกมาเป็นแน่
คนตัวผอมขยับตัวไปทางประตู ซึ่งเป็นทางออกที่คิดได้
กำลังจะเอื้อมมือปลดล็อคเสียงของเจ้าของห้องก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เรามาคบกันมั้ย?”
“...”มือเล็กเผลอกำลูกบิดประตูแน่น กัดปากอย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อหัวใจเจ้ากรรมเต้นระรัวจนแทบจะกระดอนออกมาด้านนอก
ยิ่งเมื่อแบคฮยอนสอดแขนเข้ามากอดรัดเอวเขาจงแดก็ได้แต่ตัวแข็งทื่อ
“มาทำให้คำขอวันคริสต์มาสข้อที่2ของนายเป็นจริงกันเถอะ
นะจงแด”
ไม่รู้ด้วยแล้ว!!!
~~~~~~~~~소원~~~~~~~~~
“หนาว ฮื้อออออ หนาวจะตายอยู่แล้ว”เสียงบ่นงุ้งงิ้งๆของคนที่นั่งสั่นอยู่ในกองผ้าห่มทำเอาเจ้าของบ้านยกยิ้มเต็มหน้า
แบคฮยอนในชุดซานต้าสีแดงสดเหมือนเมื่อปีก่อนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะคว้าก้อนผ้าห่มเข้ามากอดเต็มวงแขน
คนตัวผอมในชุดซานต้าสีแดงสดเช่นเดียวกันแตกต่างเพียงแค่บนหัวมีที่คาดผมเขากวางสวมอยู่ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเอนตัวซุกเขาอย่างออดอ้อน
ก่อนจะหัวเราะคิกคักเมื่อเขากดจมูกลงบนแก้มอีกฝ่ายแรงๆ
วันนี้เป็นวันคริสต์มาส นับจากวันที่ขอจงแดคบเป็นแฟนก็เกือบครบ1ปีพอดี กว่าคิม
จงแดจะใจอ่อนก็ต้องตามจีบอีกเป็นเดือนๆ แต่ได้ตัวช่วยเป็นคุณแม่ของอีกฝ่าย
ทุกอย่างก็เลยง่ายขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
เขาสารภาพทุกอย่างให้อีกฝ่ายรู้อย่างหมดเปลือกตั้งแต่เรื่องจดหมายที่เจ้าตัวเขียนถึงซานต้าว่ามาอยู่ที่เขาได้ยังไง
(ซึ่งคุณแม่ของจงแดเป็นคนหยิบมาให้เขาเอง)
เรื่องการทำตามคำขอของแม่บังเกิดเกล้า(ผู้เป็นเจ้าของแผนการและบัญชาการทุกอย่าง)
และเรื่องที่เขาแอบชอบอีกคนมานานตั้งแต่ก่อนย้ายไปเรียนเรียนที่อื่น
รวมถึงเรื่องที่เขาและชานยอลกับคยองซูรู้จักกันมาก่อน
แน่นอนว่าคิมจงแดโวยวายเป็นการใหญ่ และโดนโกรธเกือบอาทิตย์
แต่มันก็คุ้มเมื่อสุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมใจอ่อน เขาถึงได้คิม
จงแดที่แสนขี้อ้อนมาไว้ในอ้อมกอดต้อนรับคริสต์มาสแบบนี้ไง
“หนาวแบบนี้เราอยู่ฉลองกันที่นี่แทนดีไหม?”ลูบผมของคนที่ซุกอยู่กับอกก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าให้แทนคำตอบ
“แต่จงแดหนาวนี่”
เจ้าตัวพยักหน้าแต่ก็ยู่ปากใส่เขาพร้อมพึมพัมเสียงอ่อน“แต่อยากออกไปเดินเที่ยวกับแบคฮยอนนี่นา”พูดจบก็เงยหน้ามองเขาตาปริบๆ ก่อนจะยกยิ้มใส่
เขาเลยอดที่จะยีหัวอีกฝ่ายแล้วบ่นออกมาเบาๆ“แล้วถ้าหนาวจนไม่สบายขึ้นมาจะทำโทษเสียให้เข็ด…”
“ไม่หนาวหรอก..”อีกฝ่ายซุกหน้าลงกับอกเขาคล้ายออดอ้อน
แบคฮยอนเลยได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมแพ้ ก่อนจะยกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“แต่ถ้าหนาว..บยอนก็กอดเราไว้แน่นๆให้หายหนาวไง ไม่เห็นจะยากเลย”
คิม จงแดนี่จริงๆเลย
นั่นแหละวันคริสต์มาสหนาวๆคงไม่ต้องกลัวหนาวอีกแล้วสินะ
ก็ในเมื่อตอนนี้คิม จงแดได้เจอทั้งซานต้า(?) แล้วก็ได้ทั้งแฟนอย่างที่ขอไว้แล้วนี่
ใช่มั้ย?
END
แก้ไขฟอร์แมทเรียบร้อย ^^
ความคิดเห็น