คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : DOUBLE LOVE : BAEKCHENHYUN IV
Title : Double Love IV
Pairing: BAEKCHENHYUN
Talk : หายไปนานไม่พอ กลับมาแต่งต่อยังงงๆอีกค่ะ ตอนต่อไปจะปรับปรุงให้ดีขึ้น ถ้าไม่โดนงานทับหัวตายไปซะก่อนนะคะ 5555 เอนจอยรีดดิ้งค่ะ รีดเดอร์ที่น่ารัก ^^
บางทีแพคอาอาจจะไม่ใช่คนเลวร้ายก็ได้มั้ง…
ความคิดของจงแดหยุดลงเมื่อสภาพรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมแขนเรียวคลายออกหลวมๆเมื่อถูกพาเดินเข้ามาในบริเวณบ้านตระกูลพยอนที่เขามาเหยียบเป็นครั้งแรก
(ครั้งนั้นจงแดมาถึงแค่ประตูหน้าบ้านเลยไม่ได้นับ) ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นจากบ่าของสารถีจำเป็นแล้วก็ลอบมองใบหน้าของแฝดพี่อย่างระแวดระวัง
เส้นผมสีแดงจัดเคลียอยู่ข้างแก้มของเขา
แต่เหมือนว่าจงแดจะระวังไม่พอ…
“ฉันรู้ว่าตัวเองหล่อ
แต่ขอเถอะนายไม่ใช่สเป็กฉัน”คำพูดแสนมั่นหน้าที่หลุดออกมาจากปากของแพคอาแทบจะทำให้คำชื่นชมในหัวของจงแดจางสลายไปด้วยความรวดเร็ว
จงแดสตั้นไปชั่วครู่คล้ายกับยังอึ้งกับประโยคเหล่านั้นก่อนจะทำเสียงงุบงิบบ่นในลำคอ
“หลงตัวเองชะมัดเลย”
“หึ”แพคอาหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินเสียงพึมพำนั่นชัดเจนเพราะระยะห่างของพวกเขาทั้งคู่ไม่มากนัก
แต่แปลกที่ไม่ได้เอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเหมือนอย่างทุกที
ความจริงเด็กแว่นนี้ก็บ่นคนอื่นเป็นเหมือนกันนี่
“ปล่อยผมลงตรงนี้ก็ได้ครับ”
จงแดเอ่ยเสียงเบาอย่างเกรงใจตอนที่เห็นว่าเดินเข้ามาภายในห้องรับแขกได้สักพักแล้ว
เขากลัวแพคอาบ่นตอนท้ายว่าแบกภาระอย่างเขาไว้บนบ่าแล้วพาให้ร่างกายที่แสนดูดีของเจ้าตัวเป็นอะไรสักอย่าง
เหมือนตอนที่บ่นตั้งแต่ขึ้นรถ ซึ่งจงแดฟังแล้วรู้สึกเวียนหัวพิกล
ตอนนี้ฮยอนยังไม่ได้เดินตามเข้ามาควบคุมให้แพคอาแบกเขาเพราะงั้นเขาควรหาทางลงจากแผ่นหลังของอีกฝ่ายเสียที
ยังไงจงแดก็ไม่ชินหรอกนะ
ยิ่งกับคนๆนี้ด้วย...
แพคอาคิ้วขมวดเข้าหากันตอนที่ร่างของคนบนแผ่นหลังขยับยุกยิกมองระยะห่างจากโซฟาถึงจุดที่ตัวเองยืนอยู่แล้วก็พูดกวนประสาทไปทีนึง“ทำไม
หรืออยู่ใกล้ฉันแล้วหวั่นไหวหรือไง?”
“คุณแพคอาครับ”
“อยู่นิ่งๆไปเถอะน่า
อีกไม่ถึงสิบก้าวก็จะปล่อยลงแล้ว”แพคอาพูดขัดขึ้น
กระชับตัวของคนบนแผ่นหลังเพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่ยอมปล่อยให้ลงแน่ๆ ก้าวเท้าไปอย่างสม่ำเสมอก่อนจะหยุดฝีเท้าลงเหมือนเพิ่งคิดอะไรบางอย่างได้
“แล้วก็นะเรื่องวันนี้น่ะ นางติดค้างฉันรู้ไว้ซะเด็กแว่น...”
มุมปากแพคอากระตุกโค้งขึ้นพร้อมๆกับที่จงแดมุดใบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง
คิดไว้แล้วเชียวว่าคนๆนี้น่ะ
ไม่ใช่แค่เลวร้ายแต่ยังเห็นแก่ตัวเอามากๆด้วยต่างหาก!
“ประคบประหงมกันเองแล้วกัน”
หลังจากหย่อนร่างที่(ถูกบังคับให้)เกาะติดเป็นลูกหมีโคอาล่าลงบนโซฟาได้แฝดพี่ก็ทำเป็นสะบัดแขนนวดไหล่ตัวเองพลางปรายตามองน้องชายที่หน้าเหมือนกันยังกะแกะนั่นกองสัมภาระทุกอย่างลงบนโซฝาอีกตัว
แล้วถลาเข้าหาร่างของคนที่ถูกวางลงบนโซฟา ความจริงมันแทบจะกระโจนเข้าใส่เขาตั้งแต่ตอนที่กำลังจะวางร่างคิมจงแดลงบนโซฟาในห้องรับแขกของบ้านเลยด้วยซ้ำคล้ายกับกลัวเขาโยนคนเจ็บ
มันทำเหมือนพี่ชายอย่างเขานี่เลวทรามมากถึงขนาดจะกล้าแกล้งคนไม่มีทางสู้
เออก็เคยทำ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีข้อยกเว้นสักหน่อยนี่หว่า..
ถึงจะอยากแกล้งก็รู้เวล่ำเวลาหรอก!
“จงแดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า?”แพคอาทำปากขมุบขมิบตามเป้ปากระดับสิบเมื่อเห็นว่าแฝดน้องเริ่มสวมบทพระเอกและกำลังกันเขาออกจากซีนอย่างไม่ไยดีคล้ายกับจะลืมว่าไอ้คนที่ทำให้คิมจงแดได้มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ในบ้านตระกูลพยอนได้โดยไม่ต้องเสียแรงเดินมาสักแอะนี่มันคือพี่ชายของมันเอง
พี่ชายสุดหล่อที่ยืนหัวโด่อยู่
และไม่ได้เป็นอากาศแต่อย่างใด
“เออดี
พอหมดประโยชน์ก็เฉดหัวทิ้ง เหอะ คืนนี้ฉันต้องปวดหลังมากแน่ๆ”ถ้อยคำคล้ายน้อยอกน้อยใจหลุดจากปากแพคอาเรียกใบหน้าซีดเซียวจากคนตัวผอมที่นั่งเงียบไปตั้งนานนั่นให้หันมาหาและต่อด้วยใบหน้ารู้สึกผิดแต่สำหรับแพคฮยอนที่รู้นิสัยของพี่ชายดีนั้นกลับคิดต่าง
มันไม่ได้น้อยใจหรอก
มันแค่พูดกวนประสาท
“ปวดตรงไหนก็ไปหายานวดเองไป”เอ่ยปากไล่อย่างไม่ไยดีแล้วหันมาสนใจคนตัวผอมที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่อ ใบหน้าของจงแดซีดเผือดแถมพอมองไปยังแขนขาวๆที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นออกมาก็มีแต่รอยถลอกแพคฮยอนเผลอกำมือแน่นรู้สึกโกรธตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าเกิดเขาไม่ปล่อยให้จงแดรอ บางทีถ้าเขามาเร็วกว่านี้จงแดอาจจะไม่ต้องเจอเรื่องบ้าๆนี่
“แผลเยอะกว่าที่คิดไว้อีก”แพคฮยอนพึมพำต่อในขณะที่จงแดได้แต่กัดริมฝีปาก ช้อนตามองใบหน้าของแฝดพี่
แม้ว่าใบหน้าของแพคอาจะเลือนรางเหลือเกินในหัวของคนตัวผอมดันเก็บเอาคำพูดของแพคอามาใส่หัวโดยไม่ได้ตั้งใจเสียแล้ว
ถึงยังไงแพคอาก็ต้องลำบากแบกเขากลับมาที่นี่
ถึงจะไม่ได้เต็มใจช่วย
แต่สุดท้ายก็ช่วยเขาอยู่ดี..
"แพคอา ขอบคุณนะ"จงแดพูดได้เพียงแค่นั้นแพคอาก็หรี่ตามามองคล้ายกับไม่ได้ใส่ใจก่อนจะเดินตึงตังไปอีกทางท่าทางไม่พอใจแบบที่เห็นอยู่บ่อยครั้ง
คนตัวผอมถอนหายใจเลิกคิดหาเหตุผลที่แพคอาไม่ตอบรับคำขอบคุณและมักแสดงท่าทีหงุดหงิดเหมือนคนเป็นวันนั้นของเดือน(?)อย่างทุกทีไปเสียแล้ว
เขาให้สาเหตุที่อีกฝ่ายชอบทำท่าทางแบบนั้นเป็นแค่อาการของคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันเท่านั้นเอง…
ไม่แปลกหรอก
คนอื่นๆก็เคยทำท่าทางเเบบนี้ใส่เขาให้เห็นอยู่บ่อยๆนี่นา
แต่อย่างน้อยจงแดก็ได้ขอบคุณไปแล้ว…
"อย่าไปถือสามันเลยจงแด
แพคอามันก็ชอบเป็นแบบนี้แหละ" แพคฮยอนมองสีหน้าที่หมองลงของคนตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจงแดพยักหน้าหงึกหงักอย่างว่าง่ายพร้อมกับพึมพำตอบว่าไม่เป็นไรเมื่อเห็นรอยยิ้มอบอุ่นจากฮยอนที่แม้จะเลือนรางแต่ก็พาให้รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างประหลาดจงแดจ้องมองรอยยิ้มนั้นอย่างเพลินๆ
ก่อนจะต้องร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆเท้าของตัวเองก็ถูกยกขึ้นพาดลงบนตักของฮยอนที่นั่งลงกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"ฮยอนเดี๋ยว คือมัน.."ใบหน้าเล็กเหยเกยหรี่ตามองใบหน้าสลัวๆของแพคฮยอนอย่างตกตะลึงปนเกรงใจพยายามดึงขาตัวเองออกแต่ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะไม่ยอม
ความปวดร้าวแล่นริ้วขึ้นมาจนจงแดเผลอซี้ดปากและตอนนั้นแพคฮยอนก็มองเขาด้วยใบหน้าดุๆที่เห็นลางๆแต่นั่นก็ทำให้จงแดแทบจะเลิกขยับขาหนี
“อย่าดื้อสิ
เกิดเจ็บมากกว่าเดิมจะทำยังไง?”น้ำเสียงอ่อนโยนก็จริงแต่ก็ติดจะออกคำสั่งอย่างที่ไม่ได้ยินบ่อยนักพร้อมกับสัมผัสเบาๆที่แตะตรงข้อเท้าทำเอาจงแดไม่กล้าหือคนตัวผอมเลยได้แต่ยอมให้คุณหมอจำเป็นดูอาการส่วนในใจก็คิดหาวิธีที่จะตอบแทนความช่วยเหลือครั้งนี้จากสองแฝดไปด้วย
ใบหน้าน่ารักเหม่อลอย
พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหาในขณะที่แพคฮยอนเริ่มลงน้ำหนักตรงข้อเท้า
“โอ๊ย!”
“เจ็บหรอ?”แพคฮยอนมองท่าทางเจ็บปวดของจงแดจนแทบไม่กล้าขยับมือที่จับข้อเท้าอยู่ยิ่งเห็นว่าในดวงตามีหยาดน้ำใสๆคลออยู่แพคฮยอนก็เหมือนจะยิ่งเป็นห่วงดูท่าแล้วจงแดอาจจะบาดเจ็บมากกว่าที่คิด
ซ้ำตอนนี้ข้อเท้าเล็กของอีกฝ่ายยังบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด
เขาควรพาจงแดไปหาหมอ...
“จงแด”แพคฮยอนขยับตัวลุกขึ้นหลังจากวางเท้าของอีกฝ่ายลงบนพื้นอย่างแผ่วเบาขยับเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้างกายจงแดหรี่ตามองใบหน้าของแพคฮยอนอย่างน่าสงสาร
“ฉันว่านายควรไปให้หมอตรวจสักหน่อย”
“อ่า เรื่องนั้นมัน”
“เมื่อกี้นายร้องเหมือนกับว่ามันเจ็บเอามากๆ
บางทีมันอาจจะร้ายแรงกว่าที่นายคิด”
“ความจริงมันชาไปแล้วน่ะ”จงแดตอบอีกฝ่ายไปตามความจริงเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแต่เพียงแค่แพคฮยอนลงน้ำหนักที่มือแค่เมื่อกี้เท่านั้นที่เขาเจ็บจนหลุดร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
แพคฮยอนมองใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่สักพักก่อนจะคิดหาวิธีพาจงแดออกไปหาหมอดู
ก็รู้ว่าจงแดไม่ควรขยับเท้าข้างซ้ายนั่นเลยด้วยซ้ำ
ให้ตายเถอะทำไมเขาต้องมาปวดหลังในช่วงเวลาแบบนี้ด้วย…
แพคฮยอนมองกลับไปทางที่แฝดพี่เดินหายไปก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งถึงยังไงก็คงต้องขอร้องให้แพคอาช่วย
“นายไม่ควรขยับตัวรู้ใช่ไหมจงแด”
“อือ”
“รออยู่นี่ ฉันจะไปเรียกแพคอาให้มาอุ้มนายไปที่รถ”
“ฮยอนเรื่องนั้นมัน..”จงแดทำหน้าตาเหยเกยจนแพคฮยอนต้องยกมือวางบนศีรษะของอีกฝ่ายเห็นท่าทางหวาดๆของจงแดที่มีต่อแพคอาแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า
“ขอโทษนะจงแด
ถ้าฉันไม่บาดเจ็บอยู่”
“ไม่ ไม่ คือ”จงแดมองภาพตรงหน้าอย่างเลือนรางแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงสำนึกผิดเขางุนงงอยู่ชั่วครู่ที่โดนแพคฮยอนขอโทษเพราะที่จงแดจะปฏิเสธเพราะเขาไม่อยากจะเป็นภาระของใครทั้งนั้น
...ไม่ว่าแพคอาหรือฮยอน
“เดี๋ยวฉันจะไปเอารถมาจอดด้านหน้า..”แพคฮยอนตัดบทมองคนที่กระพริบตาปริบๆและหรี่ตามองอย่างยากลำบากนั่นพร้อมกับความสงสัยบางอย่างที่ผุดขึ้นมา
“มองไม่เห็นเลยหรอ?”
“อือ..”จงแดพยักหน้ารับมองใบหน้าเรือนรางแม้จะอยู่ใกล้ไม่กี่เมตร “เราสายตาสั้นมากๆน่ะถ้าจะให้ชัดก็คงต้องมองขนาดนี้”
จงแดยกมือตัวเองขึ้นมาห่างจากใบหน้าของตัวเองเพียงคืบเดียวแพคฮยอนมองท่าทางเหล่านั้นด้วยหัวคิ้วที่เริ่มขมวดเข้าหากัน
แล้วทำไมตอนนั้น
เขาถึงเห็นว่าจงแดไม่ได้ใส่แว่น…
ตอนเจอกันครั้งนั้น...
“แล้วทำไมไม่ใส่คอนแท็กเลนส์ล่ะแบบนั้นมันจะสะดวกกว่าหรือเปล่า?”
“อ่า
เรื่องนั้นเราเคยลองมาแล้ว แต่มันไม่สบายตาน่ะ เราเลยไม่เคยใส่อีกเลย”จงแดส่ายหน้าพลางนึกไปถึงตอนที่จับเจ้าเลนส์สีใสบางๆนั่นยัดใส่ตาแล้วได้แต่ย่นคอ
เคยใส่แค่ไม่กี่นาที
แล้วก็ต้องถอดออกเพราะไม่ถนัดจริงๆนั่นแหละ
“งั้นหรอ?”
“อือ
บางทีเราก็อิจฉาคนที่สายตาไม่มีปัญหาเหมือนกันนะ..”เสียงเจื้อยแจ้วของจงแดเงียบลงเมื่อแพคฮยอนเงียบไปคนตัวผอมขยับใบหน้าเข้าหาเพื่อให้ตัวเองได้มองหน้าแพคฮยอนชัดขึ้น
“ฮยอนมีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าหรอก...แค่คิดว่าถ้านายไม่ได้ใส่แว่นไปตลอดจะเป็นยังไง?”แพคฮยอนกระแอมไอและเป็นฝ่ายขยับตัวออกห่างเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อจงแดอยู่ระยะที่ใกล้เกินไปอย่างไม่คุ้นชินความสงสัยในหัวหายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับเสียงหัวใจที่เร่งจังหวะเร็วขึ้นพอๆกับอารมณ์ที่พุ่งพรวดของใครบางคนที่เพิ่งมาเห็นเหตุการณ์นี้พอดิบพอดี...
“ทำอะไรหน้าไม่อาย!”
แพคฮยอนขยับลุกยืนเมื่อเสียงของใครอีกคนดังขึ้นหันหน้าไปก็เห็นแพคอายืนกอดอกจ้องมาด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
ยิ่งเห็นท่าทางเงอะงะของน้องชายฝาแฝดในขณะที่คิมจงแดหันหน้ามามองด้วยสีหน้างุนงงก็ส่งเสียงเหอะในลำคอ
นี่ถ้าลงมาช้าไปอีกนิดเดียว
เด็กแว่นนี่จะล่อลวงอะไรน้องชายเขา!
“พูดให้มันดีๆหน่อยแพคอา”แพคฮยอนถอนหายใจออกโรงปกป้องอีกครั้งจนแพคอารู้สึกหงุดหงิด
ยิ่งเหลือบตามองท่าทางซื่อบื้อของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่แต่สำหรับแพคฮยอนที่กำลังใส่ใจคนเจ็บอยู่ไม่ได้สนใจอารมณ์ไม่ปกติของพี่ชายตัวเองมากนักแพคฮยอนขยับตัวเข้าไปใกล้จงแดก่อนจะแตะมือลงบนไหล่ของจงแดเบาๆ
“มาช่วยฉันพาจงแดไปที่รถหน่อย”
“อะไรอีก เรื่องมาก
วุ่นวาย”แพคอาบ่นออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเพียงแต่นิสัยปากเสียของเขามันแก้ไม่หายแล้วแต่นั่นกลับทำให้แฝดน้องรู้สึกเป็นฝ่ายไม่พอใจขึ้นมาบ้าง
“แพคอา
เรื่องนี้ต้นเหตุคือนายไม่ใช่หรือไง”แพคฮยอนเอ่ยเสียงปรามน้ำเสียงเข้มขึ้นอย่างที่ไม่ได้ใช้บ่อยนักแต่เจ้าตัวต้นเรื่องกลับยักไหล่คล้ายกับไม่ยอมรับ
“ต้องโทษความตาถั่วของพวกนั้นต่างหาก..”ตาเรียวของแฝดพี่เหล่มองคนตัวผอมที่อยู่ในสภาพดูไม่จืดอยู่ชั่วครู่“คิดได้ยังไงว่าฉันจะชอบแบบนี้”
“...”
“จืดชืดแบบนี้จะไปชอบลงได้ยังไง..”
“แพคอา!”
แพคฮยอนตวาดลั่นจ้องพี่ชายตาเขียวในขณะที่จงแดกัดริมฝีปากก้มหน้างุดเมื่อได้ฟังประโยคเหล่านั้น
แน่นอนว่าจงแดไม่ได้คิดปฏิเสธในเมื่อสิ่งที่แพคอาพูดมันไม่ผิด
อย่างแพคอาจะมาคิดอะไรกับเขามันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
คนพวกนั้นเข้าใจผิดไปมากๆ
แต่ถึงจะอธิบายยังไงสุดท้ายก็ไม่มีใครรับฟัง
กับคนที่แทบจะไม่มีตัวตนอย่างเขา
แค่เอ่ยปากก็เหมือนเป็นแค่สายลมพัดผ่านไปแค่นั้น
บางที
ถ้าบางทีเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับแฝดพยอนตั้งแต่เเรกและอยู่ตัวคนเดียวแบบเดิมแต่แรก
เรื่องมันก็อาจจะไม่เกิดก็ได้
ที่จริงแล้วต้นเหตุของเรื่องในครั้งนี้ก็คือเขา...เป็นเขาเอง
“ขอโทษนะ..”
น้ำเสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากริมฝีปากของคนที่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาใครจงแดรู้สึกได้ถึงอาการแสบร้อนตรงกระบอกตา
เขาเริ่มถูกความจริงกัดกร่อนความเข้มแข็งของตัวเองอีกครั้ง จนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองหน้าใครไหล่เล็กห่อเข้าหากันอย่างน่าสงสาร
จงแดไม่ได้ร้องไห้เพียงแต่กำลังยอมรับสภาพตัวเองครั้งนี้ เขาเริ่มจะยอมรับแล้วว่าการก้าวออกจากโลกแคบๆของตัวเองมันล้มเหลวอีกครั้ง
ซ้ำไม่เพียงทำลายความมั่นใจอันน้อยนิดของตัวเองแค่นั้น แต่กลับยังสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก…
ไม่เอาไหนเลย...
“เดี๋ยวเราโทรให้พี่ชายมารับดีกว่า...”จงแดเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มฝืดๆให้แฝดน้องสบายใจ
แต่แพคฮยอนกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น
“จงแด..”แฝดน้องเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาคล้ายกับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปในสถานการณ์ตอนนี้แต่นั่นตรงข้ามกับแพคอาโดยสิ้นเชิง
สายตาคมกริบมองท่าทางของอีกฝ่าย
ภาพตอนเจอกันครั้งแรกและเหตุการณ์ปะทะกันต่อๆมาฉายซ้อนทับๆกันในหัว
แค่เจอถลึงตาใส่ก็ก้มหน้างุด
พูดเสียงดังหน่อยก็ตัวสั่น คิมจงแดใช้ชีวิตแบบนี้มาได้ยังไงตั้งเกือบ 20 ปีวะ
อ่อนแอสิ้นดี...
จำเป็นจะต้องยอมทุกคนบนโลกใบนี้เลยหรือไง!
“เงยหน้าขึ้นมองฉัน”เสียงของแฝดพี่ออกคำสั่งเสียงเข้มและนั่นก็ได้เห็นท่าทางที่ถูกตาอีกครั้ง
“ฉันบอกให้นายเงยหน้า นี่แว่นนายจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ยอมรับทุกคำสบประหม่าคำต่อว่าแบบนี้ไปเรื่อยๆเลยหรือไงวะ?!”
“แพคอาหยุด! ฉันบอกให้หยุด!”แพคฮยอนผุดลุกขึ้นไปกระชากคอเสื้อพี่ชายฝาแฝดของตัวเองไว้เมื่อเสียงของแพคอาเริ่มเหมือนจะหาเรื่องจงแดเข้าไปทุกทีซ้ำยังทำท่าจะคุกคาม
คนที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาไม่ได้ตอบโต้ แต่กลับนิ่งเงียบจนน่าใจหาย
แพคฮยอนไม่รู้จะอธิบายสถานการณ์นี้ยังไง
แต่ที่แน่ๆเขาไม่เคยเห็นแพคอาเป็นแบบนี้
“หลีกไป แพคฮยอน!
แล้วก็หุบปาก”แพคอาจ้องน้องชายตัวเองด้วยแววตาจริงจังแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนผลักแพคฮยอนออกให้พ้นทาง
ก่อนจะเดินดุ่มๆเข้าไปหาร่างที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา“เห็นแล้วขัดตา
นายคิดว่าจะกางปีกปกป้องเด็กแว่นนี่ไปได้ตลอดหรือไง หึ”
“...”
“อย่างวันนี้นายยังทำไม่ได้เลย”
แพคฮยอนยืนนิ่งกับประโยคที่ราวกับเหมือนน้ำเย็นสาดเข้ากระทบร่าง
มือของแฝดน้องกำเข้าหากันแน่นแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่แพคอาพูดมาไม่เป็นความจริง
แพคอาแสยะยิ้ม
ก่อนจะหยุดตรงหน้าคิมจงแด มือเรียวคว้าเอาแขนของอีกฝ่ายที่ก้มหน้ามองตักตัวเองดึงกระตุกขึ้นมาจนคนที่ไม่ทันตั้งตัวผุดลุกขึ้นตามแรงฉุด
ข้อเท้าปวดแปลบขึ้นมาจนร่างกายทรุดลงเสียงแหลมหลุดออกจากริมฝีปาก แพคอาคว้าเอวของจงแดไว้ทันก่อนที่แพคฮยอนจะขยับเข้ามาถึงตัว
ก่อนคนทั้งแพคฮยอนกับจงแดจะเบิกตากว้างเกือบจะพร้อมๆกัน…
จงแดตกใจหวีดร้องเสียงหลงเพราะร่างของตัวเองลอยหวือขึ้นจากพื้นด้วยฝีมือของแพคอาในขณะที่แพคฮยอนเองก็ตกใจในการกระทำของแพคอาไม่แพ้กัน
“ถ้าบอกว่าฉันเป็นสาเหตุฉันก็จะไถ่โทษ..”แพคอาเหมือนจะบอกกับแฝดน้องแต่ตากลับจ้องมองหน้าคนในอ้อมแขนนิ่ง“แต่อย่าลืมว่านายก็ต้องตอบแทนฉันด้วยเหมือนกัน”
เดี๋ยว!
จงแดหน้าตาตื่นคว้าคออีกฝ่ายไว้ด้วยความตกใจ
สมองของคนตัวผอมประมวลเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ทัน แต่ประโยคเอาแต่ได้เมื่อกี้นั่นมันอะไรน่ะ!
แพคอาไม่ได้ปล่อยให้มีช่องว่างในการถามคำถาม
มองคนในอ้อมแขนที่ดวงตาเบิกโพลง
อ้าปากพะงาบๆเหมือนปลาขาดน้ำแล้วก็รู้สึกเหมือนอารมณ์ครุกกรุ่นเมื่อครู่ลดลงนิดหน่อย
เขาอุ้มคิมจงแดเดินกลับไปทางเดิมที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ฉันจะพาไปหาหมอให้
ไม่ต้องตามมา”
“ผมไม่..”
“หุบปาก!”เสียงของจงแดเงียบลงพร้อมกับร่างผอมที่โดนอุ้มไปต่อหน้าต่อตาแพคฮยอนยืนนิ่งมองแผ่นหลังของพี่ชายฝาแฝดก่อนมุมปากจะกระตุกยิ้มเยาะ
เหอะ แฝดยังไงก็แฝดอยู่วันยังค่ำ
ปากบอกว่าจงแดไม่มีอะไรน่าสนใจ
แต่สิ่งที่ทำอยู่น่ะมันเรียกว่าสนใจแล้วต่างหาก
มือเรียวเสยผมสีดำสนิทก่อนใบหน้าที่มักจะประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนจะเรียบนิ่งสนิท
สุดท้ายมันก็วนเข้ามาอีหรอบเดิม
ไหนลั่นไว้ว่าไม่ชอบแบบคิมจงแดไง พยอนแพคอา…
~~~~~ DOUBLELOVE ~~~~~
บรรยากาศในรถเงียบเชียบจนแทบจะได้ยินเสียงดังหึ่งๆของแอร์
ไม่เพียงแค่นั้นมันยังอบอวนไปด้วยความอึดอัดมากๆ คิมจงแดหลับตาลงเพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นทางเลี่ยงที่ดีที่สุด
คนตัวผอมค่อยๆขยับข้อเท้าที่ถูกพันด้วยแบนเดจอย่างระมัดระวังตามคุณหมอเจ้าของคลินิกกำชับมาแล้วก็ขยับตะแคงข้างใส่คนที่อยู่ในตำแหน่งคนขับอย่างเงียบเชียบ
ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
เขายอมรับว่าไม่รู้จะทำตัวยังไงในสถานการณ์แบบนี้ จงแดรู้ดีว่าตัวเองขี้ขลาดมากแค่ไหน
คำพูดของแพคอายังวนอยู่ในหัว
คำถามที่ว่า เขาจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?
จะอ่อนแอให้คนอื่นรังแกแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่?
เปลือกตาขยับเปิดออกเหม่อมองไปยังด้านนอกด้วยภาพที่เห็นเพียงเลือนราง...
เขาก็ตอบมันไม่ได้เหมือนกัน...
คิมจงแดอาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยจะระวังตัวเอง
หรือไม่ก็ความรู้สึกช้าเอามากๆ เพราะตั้งแต่ขึ้นมาบนรถ ไม่สิตั้งแต่อยู่ในคลินิกเด็กแว่นนี่ไม่รู้เลยจริงๆว่าโดนเขาจ้องจนแทบจะทะลุ
ซื่อบื้อว่ะ
โคตรซื่อบื้อเลย ให้ตายเถอะ!
เสียงถอนหายใจดังเฮือก
คล้ายกับจงใจให้อีกหนึ่งชีวิตในห้องโดยสารรถคันหรูได้รับรู้
แต่เพราะปฏิกิริยาตอบรับของอีกฝ่ายมีแค่การขยับตัวเบาๆนั่นแหละ
เสียงกระแอมไอจึงดังขึ้นต่อ
“จะให้ฉันพาไปส่งที่ไหน?”
หลังจากนั่งเงียบไปได้เกือบ
2 นาทีคนใจร้อนยิ่งกว่าน้ำเดือดอย่างแพคอาก็อดทนiรอต่อไม่ไหว ตอนแรกนึกว่าเด็กแว่นนี่จะเอ่ยคำขอบคุณแล้วก็อ้อนวอนให้เขาไปส่งที่บ้าน
แต่จนแล้วจนรอดคิมจงแดก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำ
นี่อุตส่าห์อารมณ์ดีขึ้นมาแล้วเชียว
เด็กแว่นนี่ก็มาทำหน้าทำตาให้น่าหงุดหงิดใส่อีก!
“แล้วแต่คุณแพคอาครับ”จงแดตอบกลับ คนตัวผอมหมายความอย่างนั้นจริงๆ ถ้าแพคอาจะส่งเขาลงที่ไหนก็ตามสบาย
เขาอาจจะโทรไปรบกวนพี่มินซอกให้มารับกลับก็แค่นั้น
แต่คนที่ได้ยินคำตอบกับรู้สึกหัวร้อนวูบขึ้นมาอีกรอบ
“นี่นายกวนตีนฉันหรอแว่น!”
“ผมเปล่า!”จงแดตาโตหันใบหน้ามาตอบเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายตะคอกเสียงดังเหมือนไม่พอใจอะไรในตัวเขาอีกแล้ว
“ก็ถ้าคุณไม่ว่างไปส่ง ผมจะลง...”
จงแดกลืนคำพูดต่อไปลงคอเมื่อเผลอสบเข้ากับสายตาดุๆและบรรยากาศมาคุที่โอบล้อมตัวเขาไว้จนเผลอขนลุกซู่
เขาเริ่มจะไม่มั่นใจแล้วว่าพยอน แพคอาเป็นคนประเภทไหน
ทำไมถึงจ้องจะหัวร้อนใส่เขาทุกวินาทีขนาดนี้!
เขาไปทำอะไรให้ขวางหูขวางตาอีก...
“ไหนลองพูดอีกทีซิ..”แพคอากระซิบรอดไรฟันแต่น้ำเสียงเข้มขึ้นจนจงแดรู้สึกได้ว่าตัวเองเกร็งไปทั้งร่าง
“ผม..”
“ถ้าตอบแบบนั้นอีกทีฉันจะโยนนายลงตรงนี้”
“...”
“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้า”อีกฝ่ายยกมือขึ้นชี้หน้าเขาแล้วกลับไปพิงหลังกับเบาะด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์
จงแดยู่หน้าใส่โดยไม่รู้ตัว
เขาก็ไม่สบอารมณ์เหมือนกันนะ!
จะให้เขาตอบว่าตอบอะไร? ตอบไปยังไงก็ไม่ถูกใจอยู่ดีแหละ!
จงแดบ่นในใจก่อนจะหันหน้าหนี
แน่นอนว่าแฝดพี่เหล่มองไม่คลาดสายตาและไอ้ที่เด็กนี่ยู่หน้าใส่ก็เห็นเต็มสองตา
แพคอากระพริบตาปริบๆ เมื่อรู้สึกได้ว่ามุมปากของตัวเองกระตุกจะหลุดยิ้มอย่างไม่ทราบสาเหตุ สุดท้ายก็เลยจบลงที่ยอมลงให้เพราะเห็นว่าถ้าขืนเป็นแบบนี้ทั้งคู่คงได้เสียเวลาอยู่ในลานจอดรถนี่อีกสักชั่วโมง
“บอกที่อยู่นายมา
ฉันจะไปส่ง”
รถวนเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนักแพคอาเหลือบมองคนที่นั่งหลับตามาตลอดทาง
ก่อนจะมองเห็นบ้านบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังสีขาวที่มีตู้ไปรษณีย์สีเหลืองอยู่หน้าประตูรั้วตามคำบอก
เขาเหลือบมองเจ้าของบ้านแล้วสะกิดถาม
“ใช่หลังที่มีตู้ไปรษณีย์สีเหลือง?”
“ครับ”คิมจงแดกระเด้งตัวขึ้นมา กระพริบตาปริบๆแล้วหรี่ตามองทางด้านหน้าอย่างยากเย็น
ในขณะที่แพคอาหมุนรถเลี้ยวเข้าไปจอดเทียบหน้าประตูบ้าน
รถจอดสนิทแต่ยังไม่ทันจะดับเครื่องก็ได้ยินเสียงเจ็บปวดเเทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ขอบคุณครับ
โอ๊ย!”คนตัวผอมลนลานอยากหนีจากปีศาจที่แผ่ความเย็นใส่ใจจะขาดจนลืมนึกถึงสภาพตัวเอง
สุดท้ายก็ต้องกุมข้อเท้าน้ำตาเล็ดในขณะที่แพคอาหันมามองคิ้วขมวดมุ่น
คำพูดติดปากหลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“โง่!
นี่อยู่นิ่งๆไม่เป็นหรือไง”ยิ่งมองหน้าตาน่าสงสารของอีกฝ่ายแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
แพคอาปรายตามองท่าทางเหล่านั้นแล้วพ่นลมหายใจออกมา ดับเครื่องยนต์แล้วก็ปลดเข็มขัดออกเพื่อโน้มตัวลงไปดูขาของอีกฝ่าย
แต่คิมจงแดกลับชักขาหนี
“อยากเป็นมากกว่านี้ใช่มั๊ยแว่น!”
“ผมไม่..โอ๊ย!”คนอวดเก่งร้องเสียงหลงเมื่อแพคอาเอื้อมมือลงมาบีบลงบนข้อเท้า
น้ำตาแทบจะร่วงแต่ร่างกายก็หยุดนิ่งแทบจะทันที แพคอาเอียงใบหน้าขึ้นมามอง
อะไรจะอ่อนแอจนรกหูรกตาขนาดนี้วะ!?
“ทำหน้าแบบนั้นคิดว่าฉันจะสงสารหรือไง?”
คิมจงแดกัดริมฝีปาก
รู้สึกได้ถึงอาการปวดตุบๆที่ข้อเท้า
เขาเจ็บจนจะร้องไห้แต่คำพูดของคนข้างๆกลับทำให้เขารู้สึกเจ็บใจมากกว่า
แทบจะไม่รู้ตัวว่ามือของแพคอาที่กำรอบข้อเท้านั่นไม่ได้ออกแรงเพียงแค่ดึงรั้งให้จงแดไม่ขยับเท้าได้เพียงเท่านั้น
“ผมไม่ได้บอกให้คุณมาสงสารซะหน่อย...”จงแดเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากพูดสิ่งไม่ควรออกไปแต่ใครจะคิดนอกจากจะไม่โดนชกหน้าหรือถูกซ้ำแผลแล้วยังได้ยินเสียงหัวเราะมาแทน
“ดี
รู้จักต่อปากต่อคำ”
จงแดกลืนน้ำลายลงคออย่างคนทำอะไรไม่ถูก
“...ผมว่าผมเข้าบ้าน..”
“ยังคุยกันไม่จบ..”
มือที่จับไว้ไม่ยอมคลายออกและจงแดก็ขี้ขลาดกว่าที่จะทำอะไรโง่ๆอย่างเช่นการสะบัดออก
เขาจึงทำได้เพียงแค่นั่งนิ่งรอฟังสิ่งที่จะพ่นออกมาจากปากของแพคอาเท่านั้น
แพคอามองอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะค่อยๆปล่อยข้อเท้าของคิมจงแดให้เป็นอิสระ
ดึงตัวเองขึ้นมานั่งก่อนจะส่งสายตาดุเมื่อเห็นว่าเด็กแว่นเริ่มขยับตัว
แล้วเริ่มเข้าประเด็นที่ค้างคาเสียที
ในเมื่อตอนนี้เป็นตอนเดียวที่สามารถคุยกับคิมจงแดได้โดยไม่มีแพคฮยอน…
“นายชอบแพคฮยอน?”
“...ผมไม่”
“นายชอบปฏิเสธ”แพคอาทำสีหน้าจริงจังอย่างที่นานๆทีจะเห็น
ตาคมจ้องคนที่ส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ทั้งๆที่สิ่งที่นายทำมันชัดเจน…”
“ผมไม่เข้าใจ”
แพคอามองท่าทางเหล่านั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ
ท่าทางของคิมจงแดที่แสดงออกมามันก็แทบจะเปิดเผยความรู้สึกทุกอย่างไปแล้ว
แล้วทำไมถึงเอาแต่ปฏิเสธ
จะให้เขาเชื่อ
แล้วปล่อยให้เด็กแว่นนี่มายุ่งวุ่นวายกับน้องชายเขา
แล้วตอนสุดท้ายก็จับแยกไม่ออกงั้นหรอ ไม่มีทางซะล่ะ!
ยังไงจุดประสงค์ของเขาก็คือแยกสองคนนี้ออกจากกัน!
“ฉันว่าฉันเคยบอกนายไปแล้วเรื่องแพคฮยอน..”แพคอามองคนตรงหน้าขึ้นลงแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง “พูดตรงๆ นายไม่เหมาะกับน้องชายฉันสักนิด..”
คราวนี้จงแดถอนหายใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลุดออกมาจากปากแฝดพี่
ให้ตายเถอะ
เขาคิดว่าเรื่องนี้มันควรจะจบไปแล้วด้วยซ้ำ
คนตัวผอมผ่อนลมหายใจเข้าออก
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะหงุดหงิด เขารวบรวมกำลังใจแล้วค่อยๆตอบอีกฝ่ายไปด้วยน้ำเสียงปกติ
“ผมก็เคยบอกคุณไปแล้วว่าผมไม่ได้คิดจะทำแบบที่คุณกล่าวหา”
แต่แพคอาก็คือแพคอา
คนเดียวที่ทำให้จงแดฟิวส์ขาดและควบคุมสติตัวเองไม่ได้!
“ฉันไม่ได้ตาบอดหรอกนะ”
“คุณมัน!”
“ทำไม?”
คราวนี้จงแดจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ไม่พอใจเหมือนอย่างวันนั้น
มือเล็กกำแน่นเข้าหากัน เมื่อไม่มีคำตอบโต้แพคอาก็เหมือนได้ที
“อ้อ
หรือว่าที่ไม่ยอมรับก็เพราะรู้ตัวดีอยู่แล้วว่ายังไงฮยอนมันก็ไม่เอา”
“...”
“นี่
ฉันจะบอกให้นะแว่น ฮยอนน่ะมันขี้สงสาร
แค่เห็นลูกเป็ดขี้เหร่โดนรังแกมันก็เลยยื่นมือเข้ามาช่วย..”
“...”
“ไม่ได้หมายความว่ามันจะชอบ…เฮ้ย!ร้องไห้ทำไมวะ”
“ผมไม่ได้อยากร้อง!”เป็นครั้งแรกที่จงแดตวาดใส่แต่เนื่องจากทั้งน้ำตา
ทั้งน้ำมูกสภาพมันเลยออกมาไม่น่าดูเท่าไหร่
เพราะเถียงอะไรไม่ได้เลยอัดอั้นตันใจแล้วกลั่นออกมาเป็นน้ำตาด้วยความคับแค้น
“คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ
ผมไม่สามารถบังคับคนที่ไม่ยอมฟังคนอื่นอย่างคุณให้ยอมรับได้หรอก!”
จงแดแผดเสียงตอบกลับมือเล็กปลดเข็มขัดออกจากตัวแล้วทำท่าจะเปิดประตูรถออก
แพคอามองคนที่สะอื้นจนตัวโยนอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ
เขาตัดสินใจปลดเข็มขัดนิรภัยและเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของอีกฝ่ายได้ทันก่อนที่คิมจงแดจะผลักประตูเปิดออก
“หยุด
อยากเจ็บตัวอีกหรือไง?”แพคอาตะคอก
และนั่นยิ่งเหมือนเพิ่มหยาดน้ำตา คิมจงแดสะบัดแขน
“ปล่อย!”
“แว่น
อยู่นิ่งๆ ถ้านายขยับอีกทีฉันจะจับตี”
“อย่ามายุ่งกับผม!”
คนบ้าอะไรวะ
เถียงไป สู้ไป น้ำตาไหลไป…
คิมจงแดในโหมดต่อต้านไม่คุ้นชินในสายตาของคนที่เคยข่มอีกฝ่ายมาตลอดก็จริง
แต่นั่นกลับทำให้แพคอายกยิ้มเต็มหน้าเป็นครั้งแรก
เขากระชากแขนอีกฝ่ายให้หันกลับมาหลังจากปล่อยให้ออกฤทธิ์ใส่
ก่อนจะคว้าตัวของคิมจงแดเข้ามากอด..
“หยุดดิ้น!”
ทุกอย่างหยุดชะงักก่อนคิมจงแดจะเหมือนสติกลับมาเมื่อกลิ่นน้ำหอมของอีกฝ่ายลอยมาแตะจมูก
คนตัวผอมปากคอสั่น พยายามยันอกของแพคอาออกอย่างสุดความสามารถ
นี่มันเรื่องบ้้าอะไรกันอีก!
“คุณทำอะไร!”
“เงียบ
ฉันกำลังปลอบนายอยู่ไม่เห็นหรือไง”ไม่ว่าเปล่าอีกฝ่ายยังลูบแผ่นหลังของจงแดช้าๆ
จนน้ำตาที่ไหลอยู่ทะลักออกมาด้วยความตกใจหนักกว่าเดิม จงแดตัวแข็งทื่อ
จนคนที่กอดรู้สึกได้ แพคอาหัวเราะแผ่วเบาในลำคออย่างชอบใจ เขาเพิ่งรู้
การแกล้งให้อีกฝ่ายตกใจแบบนี้มันก็สนุกดี...
“ถ้านายยังไม่หยุดร้องฉันจะกอดไว้แบบนี้เป็นไง?”
“ผม
ฮึก ไม่..”
“งั้นก็หยุดร้อง
หยุดสะอื้น ฉันไม่อยากเห็นคนขี้เหร่อย่างนายร้องไห้เท่าไหร่หรอก”
“...”จงแดไม่ตอบแต่กลับกำมือทุบเข้าที่แผ่นหลังของอีกฝ่าย
“โอ้ย
เดี๋ยวนี้หัดกล้าทุบฉันแล้วหรอแว่น”
ได้ยินเสียงดังกลั้วกับเสียงหัวเราะแล้วคนที่ตั้งใจทุบแผ่นหลังของแฝดพี่ไปเมื่อครู่อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง
ถึงยังไงเขาก็ยังยืนยันว่าแพคอาเป็นคนน่ากลัว
“คุณก็ปล่อยผมสิ”
“ขอร้องหรอ”
“คุณแพคอา”จงแดเบะปาก
ลากเสียงเอ่ยชื่ออีกฝ่ายอย่างไร้ทางออก “ผม...ผมจะไม่ร้องไห้แล้ว ปล่อย”
สุดท้ายอ้อมแขนก็คลายออก
จงแดเด้งตัวหนีไปอยู่ที่เดิมก่อนจะยกมือเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเองอย่างรวดเร็ว
แต่เหมือนจะไม่พอใจคนมอง เมื่อแพคอายื่นหน้าเข้ามาแล้วจ้องหน้าเขาในระยะประชิด
ตอนนั้นจงแดรู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองร้อนขึ้น
และหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นไม่เป็นจังหวะอย่างน่าอาย
“ฉันจะลงไปอุ้มนายเข้าบ้าน”
เหมือนจะเป็นประโยคคำสั่ง
แต่ถึงไม่ใช่จงแดก็ไม่กล้าทำอะไรบ้าๆอีกแล้ว เขาเดาไม่ถูกว่าเกิดแพคอาทำอะไรบ้าๆอย่างเช่นดึงเข้าไปกอดเหมือนเมื่อกี้จะทำยังไง
คนตัวผอมก้มใบหน้าที่เห่อร้อนของตัวเองลงมองมือบนตัก ฟังเสียงเปิดปิดประตูรถ
ก่อนจะสะดุ้งเฮือกตอนที่แขนของอีกฝ่ายสอดเข้าที่แผ่นหลัง
ปลายจมูกของจงแดปัดผ่านปลายจมูกของอีกฝ่ายอย่างไม่ตั้งใจ
“ขะ
ขอโทษ”
แก้มของจงแดขึ้นสีแดงจัด
คนตัวผอมละล่ำละลักขอโทษทั้งๆที่เมื่อครู่ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ
แต่นั่นกลับทำให้แพคอารู้สึกแปลกประหลาด เขาเพียงสะบัดหัวไล่ความคิดที่ว่าคิมจงแดน่ารักออกไปแล้วจับแขนอีกฝ่ายพาดบ่าช้อนร่างผอมลงจากรถ
คิมจงแดซบใบหน้ากับอกหลบหนีอย่างคนที่ไม่กล้าสู้หน้า
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยิน
“เรื่องฮยอนน่ะ
ฉันจะเชื่อนายสักครั้งแล้วกัน...”
จงแดลืมตาขึ้นมาสบเข้ากับตาเรียวที่ก้มลงมามองพอดิบพอดี
เขาพยักหน้ารับเหมือนพวกที่สมองประมวลผลไม่ทัน ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น
ตึกตัก
ตึกตัก
บ้าน่า!
ทำไมหัวใจเขาเต้นแรงขนาดนี้
หรือเพราะแพคอาไม่เคยใช้คำพูดดีๆกับเขาแบบนี้มาก่อนก็เลยไม่ชิน..
แพคอาเหลือบมองคนในอ้อมแขน
ใบหูแดงก่ำที่ตัดกับเส้นผมสีดำสนิทนั่นเรียกความรู้สึกแปลกๆ จู่โจมเข้ามา
เขาใช้ลำตัวดันประตูรถปิดลง จ้องมองใบหน้าของคนที่อยู่ในอ้อมแขนอยู่ครู่ใหญ่ แต่ยังไม่ทันจะหันหลังเดินตรงไปยังประตูบ้าน
ประตูเล็กก็เปิดออกมาพร้อมกับร่างเล็กของเด็กผู้ชายอีกคน
ที่เบิกตาโพลงตอนที่เห็นว่าคิมจงแดถูกอุ้มอยู่
“นี่ใครน่ะ!
มาอุ้มจงแดได้ยังไง!?”
TBC…
ความคิดเห็น