คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : SENIOR : BAEKCHEN END
#รุ่นพี่จงแด
Title : Senior END
Pairing : BAEKCHEN
Talk : แก้คำผิดค่ะ
โชคดีมากๆที่ช่วงนี้ที่คณะทั้งปีหนึ่งและปีสองพากันยุ่งกับการแข่งขันกีฬาเฟรชชี่
คิมจงแดเลยมีโอกาสอ้างว่าติดทำงานตัวเป็นเกลียว แทนคำว่า’จงใจหลบหน้า’ได้อย่างไม่ขัดเขิน อย่างที่คิดเลย เขากำลังหลบหน้าแพคฮยอน
รู้หรอกว่าไม่ใช่วิถีคนแมนๆเค้าทำกัน
แต่ทำไงได้อ่ะ เหตุการณ์วันนั้นยังติดตาอยู่เลยนะ จะว่าเขาไม่แมนก็ช่าง
แค่เขาไม่ชอบเวลาที่รู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเองแบบวันนั้นนี่!!
ใครใช้ให้ไอ้เด็กบ้านั่นมากระซิบข้างหูแบบนั้น…
“จงแดระวังมือ..”
“โอ้ยยยย!”ไม่ทันขาดคำเสียงของเพื่อนตัวดีที่เพิ่งเอ่ยเตือนให้ระวังเมื่อครู่ก็ร้องขึ้นเสียงดังจนจุนมยอนเด้งขึ้นจากที่นั่ง
ถลามาหา
จงแดที่นั่งแหมะลงกับพื้นมือขวากุมนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายที่เพิ่งโดนก้อนอิฐสีแดงใช้ต่างค้อนตอกตะปูตัวเล็กๆในการทำ
cut out ของสแตนเชียร์ ตำลงที่นิ้วหัวแม่มืออย่างจัง
จนบวมแดง โชคดีที่เพราะเหม่อถึงไม่ได้ใช้แรงมากนัก แต่ก็เจ็บจนน้ำตาเล็ด
แถมไม่พอยังโดนบ่นหูชาจากเพื่อนอีก…
“ไม่ต้องมาเบะปากใส่
จะเหม่ออะไรนักหนา เห็นมั้ยว่าเจ็บตัวจนได้เนี่ย”จุนมยอนโวยวายเสียงดังจนเพื่อนๆที่กำลังช่วยกันทำงานอยู่หันมามองแล้วพากันกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นอดีตพี่ว้ากกลายเป็นแมวหงอยให้พี่พยาบาลคนดีของน้องปีหนึ่งบ่นหูชา
เรียกว่าเป็นเรื่องที่ชินตาสำหรับพวกเขา เพราะถึงจงแดจะเป็นคนเงียบๆขนาดไหน
แต่ก็จะมีเหตุให้โดนจุนมยอนหาเรื่องมาบ่นทุกที
“อย่ามาซ้ำเติมได้มั๊ยวะ
เห็นมั๊ยว่าเพื่อนเจ็บเนี่ย”จงแดย้อนด้วยเสียงเบาคล้ายบ่นกับตัวเองเพราะยำเกรงใบหน้าถมึงทึงของเพื่อน
ก่อนจะโดนฉุดให้ลุกขึ้น โดยมีเพื่อนอีกคนหนึ่งอาสาจะมาทำส่วนนี้ของจงแดแทน
ส่วนจงแดน่ะหรอ ก็โดนเพื่อนตัวดีมันดึงลากให้ระเห็จมานั่งจับผ้าไง!!
“จุนมยอนมึงอย่าบอกนะว่าจะให้กู..”
“อย่างที่คิดเลย
อย่างน้อยกูก็เชื่อว่าถ้ามึงนั่งจับผ้ากับพวกจียอนตอนไม่มีสติ
มึงก็ไม่มีทางเจ็บตัวไง”จิ้มหน้าผากเพื่อนไปหลายที
ย้ำๆอย่างหมั่นเขี้ยวจนจงแดสะบัดหน้าหนีแว๊ดตอบกลับเสียงแหลม
“แต่นี่มันงานผู้หญิง
อีกอย่างกูทำไม่เป็น!!”
“งั้นมี 2
ทางให้เลือกนะเพื่อนรัก..”จงแดหลบตาเมื่อได้สบสายตาระยิบระยับของเพื่อนเพียงชั่วครู่
ตอนอีกฝ่ายกล่าวประโยคนั้น แต่แค่นั้นเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง
“หนึ่งถ้ายอมบอกว่าเหตุผลที่นั่งเหม่อไม่มีสติ
จะพาไปซื้ออุปกรณ์ที่ต้องเตรียมด้วยกัน
แต่ถ้าไม่ก็นั่งจับผ้ากับจียอนและช่วยดูปีหนึ่งที่กำลังจะมาซ้อมสแตนท์เชียร์ที่นี่
ตอนกลับก็กลับหอกับแพคฮยอน..”
“กูบอกก็ได้!!
มึงพากูไปซื้อของด้วยเดี๋ยวนี้เลย”
จงแดรู้ว่าเพื่อนมันตั้งใจแกล้งแต่ถ้าเลือกระหว่างโดนจุนมยอนซักไซ้จนหมดทาง
กับเจอหน้าแพคฮยอนตอนนี้ จงแดขอเลือกจุนมยอนดีกว่า เขายังไม่พร้อม!!
“น้ำค่ะแพคฮยอน”แพคฮยอนหลุดออกจากภวังค์เมื่อน้ำเสียงใสดังขึ้นพร้อมกับขวดน้ำที่ถูกยื่นมาตรงหน้าเขาเพียงแค่เอ่ยขอบคุณเยริมเบาๆก่อนจะหันไปสนใจเมฆครึ้มๆที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาบดบังสนามแข่งขันฟุตบอลกลางแจ้งของมหาลัย
วันนี้รุ่นพี่ปีสองใจดีให้พวกปีหนึ่งงดการซ้อมและมาเชียร์การแข่งขันฟุตบอลที่กำลังแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ
แพคฮยอนเป็นหนึ่งในทีม
เขากับชานยอลเล่นฟุตบอลด้วยกันมาตั้งแต่ประถมเพื่อนตัวดีมันเลยลากเข้าทีมด้วยกัน
ตอนนี้เป็นช่วงพักครึ่งแรก เพื่อนๆต่างก็เดินลงมาให้กำลังใจพวกนักกีฬาอย่างเขา
แต่แพคฮยอนกลับได้แต่ถอนหายใจ
คนที่เขาอยากได้กำลังใจ
เอาแต่หลบหน้าเขามาอาทิตย์นึงแล้ว
สงสัยวันนั้นรุกแรงไปหน่อย...
“แพคฮยอนกังวลเรื่องแข่งหรอคะ?”
“ป่าวหรอก”นี่เป็นอีกเรื่องนึงที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ทีเดียว
ตอนนี้ปาร์คเยริมเอาแต่พยายามทำตัวติดกับเขาจนหายใจแทบไม่ออก
มันน่าดีใจอยู่หรอกที่ตอนนั้นเพราะเยริมถึงทำให้พี่จงแดหึงเขาจนแสดงท่าทางน่ารักแบบนั้นออกมา
แต่ว่าตอนนี้น่ะเขาเริ่มอึดอัดใจเสียมากกว่า
แต่เพราะเป็นผู้ชายจะให้บอกผู้หญิงไปตรงๆว่าเขารำคาญมันก็ดูจะไม่เป็นการรักษาน้ำใจผู้หญิงเกินไปหน่อย
เขาถึงได้ทนอยู่อย่างนี้ คิดว่าสักพักเยริมคงจะรับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้คิดกับเธอเกินไปกว่าเพื่อนร่วมชั้นปีเท่านั้นแล้วคงจะถอยออกไปเอง
“การแข่งขันครั้งนี้เราต้องชนะแน่ๆค่ะ
เพราะแพคฮยอนเก่งอยู่แล้ว”เขาปล่อยให้เสียงของเยริมผ่านเข้าหูไม่ได้ให้ความสนใจใบหน้าขาวที่กำลังมีริ้วสีแดงพาดผ่านแก้มทั้งสองข้างอย่างน่ารัก
จนเรียกสายตาหลายๆคู่ เขาเอาแต่จ้องมองเมฆสีดำทมึนไม่วางตา
พลางคิดไปว่าอีกไม่นานฝนคงจะเทลงมา
เยริมยังคงชวนคุยในขณะที่เขาได้แต่ตอบพึมพำในลำคอและเหมือนเสียงเรียกให้เตรียมพร้อมลงสนามของกัปตันจะช่วยยุติความอึดอัดในใจเขาลงบ้าง
“ขอตัวก่อนนะ”แพคฮยอนไม่ลืมหันไปบอกหญิงสาว ก่อนจะได้รับรอยยิ้มกว้างตอบกลับมา
“รับรองด้วยเกียรติของกูเลย
ถ้ามึงยังทำตัวสิงเสา ไม่ยอมรับตัวเองแบบนี้ น้องเยริมคนสวยคาบไปแดกแน่”
“กู…”จงแดหน้ามุ่ยมองร่างเล็กของปาร์คเยริมที่มองตามหลังแพคฮยอนไปด้วยความรู้สึกบีบรัดแน่นไปทั่วอก
ก่อนจะถอนหายใจออกมาคล้ายกับหมดอาลัยตายอยาก ทำอะไรก็ไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้คิดตามที่จุนมยอนพูด แต่เขากำลังคิดมากสุดๆอยู่ต่างหาก
หลังจากที่โดนจุนมยอนมันซักฟอกไปตั้งแต่สามสี่วันก่อน
เขาก็เลยถือโอกาสปรึกษามันไปด้วยเลยว่าไอ้อาการแปลกๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองนี่มันคืออะไร
ไม่ใช่ไม่รู้ เพราะเขาเองก็เคยมีแฟนมาก่อนถึงจะคบกันไม่ได้ยืดยาวแต่ก็เคยมีความรู้แบบเดียวกันกับที่เกิดขึ้นตอนนี้เพียงแต่มันต้องคิดให้เยอะๆ
เพราะคราวนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้หญิง..
เป็นครั้งแรกที่เขาใจเต้นกับผู้ชายด้วยกัน
สูญเสียความเป็นตัวเองกับผู้ชาย…แถมยังไม่แน่ใจเลยว่าถ้าแพคฮยอนรู้จะนึกรังเกียจเขาหรือเปล่า...เด็กนั่นอาจจะแค่แกล้งเขาจนเคยตัว
แหย่ไปเรื่อยตามความขี้แกล้งก็แค่นั้น..
“คิดมากไปทำไมวะ
ความรักเป็นเรื่องสวยงามมึงไม่รู้หรือไง”จุนมยอนมองท่าไหล่ลู่คอตกของเพื่อนแล้วก็ได้แต่สงสาร
ไม่รู้ว่ากำลังกังวลอะไรอยู่ ก็ในเมื่อมันก็รู้แล้วว่าตอนนี้คิดยังไงกับน้องมันเนี่ย
ก็แค่ทำตัวเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความสัมพันธ์มันพัฒนาขึ้นมันยากตรงไหน?
“ตอนมึงบอกชอบพี่มินซอก
มึงรู้ได้ยังไงว่าพี่เค้าจะไม่ปฏิเสธมึง?”
“หือ
กูก็สังเกตก่อนดิวะ ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าไปบอก ดูท่าทาง การกระทำของพี่เค้าเวลาอยู่กับกูว่ามันพิเศษกว่าคนอื่นหรือเปล่าถึงได้เดินหน้าไง
ขืนไม่ดูตามม้าตาเรือกูก็หน้าแตกดิ”
“ใช่มั้ยล่ะ…”จุนมยอนได้ยินเสียงเบาๆคล้ายพึมพำ ก่อนจะเอะใจอะไรในประโยคของเพื่อน
นี่อย่าบอกนะว่ามันไม่รู้ว่าน้องรหัสเขาคิดยังไงกับมัน…
“จงแดนี่มึงไม่รู้จริงๆหรอ?”
“รู้อะไรเล่า
มึงไปดูแลน้องทางนู้นเลยไป”พูดจบจงแดก็แยกไปอีกทางในขณะที่จุนมยอนได้แต่มองตามหลังเพื่อนแล้วส่ายหัว
เออ
ลืมไปได้ยังมนุษย์ติดเอนิเมะ
ชอบเล่นกับแมวและไม่สนใจคนภายนอกอย่างคิมจงแดมันจะไปรู้เรื่องอะไรกับเค้ากันวะ
โอ๊ยยยย
ทีสอบดันได้ท็อปสามของชั้นปี แล้วทำไมเรื่องแค่นี้เพื่อนเขาถึงได้โง่ขนาดนี้…
ฝนตกลงมาตอนใกล้จะหมดเวลาแข่งขันแพคฮยอนและเพื่อนร่วมทีมเล่นกันอย่างผ่อนคลายเพราะคะแนนนำอีกฝ่ายถึงสองลูก
แค่ป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามยิงประตูได้ก็แค่นั้น
แพคฮยอนเป็นกองหลังเลยไม่ได้เคร่งเครียดเขาเพียงแค่หรี่ตามองการเคลื่อนไหวของลูกบอลสีขาวท่ามกลางสายฝนปรอยๆที่เริ่มจะลงเม็ดหนักขึ้นตอนที่ป้ายข้างสนามโชว์บอกเหลือเวลาแค่
3 นาที
วินาทีนั้นชานยอลมันก็วิ่งโฉบเข้ามาพร้อมกับพยักเพยิกให้เขามองไปข้างสนาม ปี 1
เหมือนจะถูกต้อนให้เข้าไปหลบฝนในส่วนของสแตนท์ด้านบนที่มีหลังคากันฝน
แต่ที่แพคฮยอนเห็นชัดเจนกลับเป็นแผ่นหลังที่คุ้นตา แพคฮยอนกระตุกยิ้มมุมปาก
ปี้ดดดดดดด
เสียงนกหวีดลากยาวพร้อมกับเสียงโห่ร้องของเพื่อนร่วมทีม
แพคฮยอนเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิมสักพักก่อนจะนั่งลงกับพื้น
เขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนักหรอกก็แค่ลื่นสองสามทีเพราะสนามมันค่อนข้างแฉะและตอนนั้นเขาก็ได้ยินเสียงชานยอลดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝน
“พี่ครับแพคฮยอนบาดเจ็บ!!”
เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานก็เพิ่งเห็นมันทำตัวดีๆโดยไม่ต้องบอกก็วันนี้แหละ..
แค่พักเดียวร่างของรุ่นพี่
2-3 คน
รวมทั้งชานยอลก็วิ่งตรงเข้ามาหา แต่คนที่มาถึงก่อนกลับเป็นคนที่หลบหน้าเขามาหลายวัน
“นายบาดเจ็บตรงไหน?
เจ็บมากหรือเปล่า?” แพคฮยอนมองใบหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายผ่านสายฝน
ได้เพียงส่ายหน้าให้ยังไม่ทันได้พูดอะไร พี่รหัสของเขากับชานยอลก็มาถึง
“พอลุกเดินได้มั้ย?”จุนมยอนเอ่ยถามน้องรหัสก่อนจะได้รับการพยักหน้า พอจะเอื้อมมือไปพยุงแขนข้างที่เหลือ
เพราะข้างนึงมีจงแดพยุงอยู่แล้วก็โดนชานยอลแตะแขนไว้
“พี่จงแดพยุงคนเดียวก็พอมั้งครับ
ผมว่าแค่นี้มันก็เดินคล่องปรื๋อละ…”
อ้อ…
พอได้ยินชานยอลพูดอย่างนั้นจุนมยอนก็ถึงบางอ้อ
น้องรหัสเขานี่มันเจ้าเล่ห์ไม่พอ เล่นละครเก่งอีกต่างหาก!!
แพคฮยอนมองใบหน้าอีกฝ่ายไม่วางตาแขนของเขาที่แนบไปกับไหล่ของอีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงความเย็นของร่างกาย
จนเขากลัวว่าจะป่วยเหมือนครั้งก่อน
“ขอโทษที่ทำให้พี่เปียก”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะน่า”
จงแดบอกปัดหลังจากพาคนบาดเจ็บมานั่งลงบนเก้าอี้ภายในเต้นท์สำหรับนักกีฬาฝ่ายเขา
รุ่นพี่ตัวผอมสางผมที่ปรกหน้าออกก่อนจะร้องบอกให้ใครสักคนหาผ้าขนหนูมาให้
จุนมยอนเป็นคนยื่นมาก่อนจะเนียนขยับไปยืนอยู่กับชานยอล
บอกเพื่อนอีกสองคนว่าให้กลับไปดูน้องปีหนึ่งกับนักกีฬาที่ถูกอพยพไปรวมกันอยู่บนแสตนท์แทน
เดี๋ยวทางนี้จะจัดการกันเอง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกที่ชานยอลดึงมาให้
จงแดวางผ้าขนหนูไว้ที่หัวของแพคฮยอนก่อนจะเริ่มค้นหายาต่างๆที่ต้องใช้
ถ้าเป็นเวลาปกติจงแดคงต้องเอะใจบ้างว่าเพื่อนที่มาด้วยหายไปไหน
ไอ้คนที่มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าพี่พยาบาลอย่างเพื่อนสนิทที่ตอนนี้นั่งมองเหตุการร์ตรงหน้าอย่างสบายใจเฉิบ
แต่วินาทีนี้จงแดแค่เป็นห่วงแพคฮยอนมากไปจนลืมเรื่องของคนอื่นไปหมด
ลืมแม้กระทั่งว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหลบหน้าคนบาดเจ็บอยู่
และเวลานั้นแพคฮยอนก็มีโอกาสสำรวจรุ่นพี่ตัวผอมเต็มตาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งอาทิตย์นึง
ริมฝีปากของอีกฝ่ายซีดเซียว คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
แถมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่อีกฝ่ายสวมอยู่เปียกฝนจนแนบลู่ไปกับตัวจนแพคฮยอนต้องรีบถอนสายตาออกมา
เขานึกอยากจะว่ารุ่นพี่ตัวผอมสักทีว่าทำไมถึงไม่รู้จักใส่เสื้อกล้ามไว้ข้างในบ้างเลย
เอื้อมมือไปคว้าเอากระเป๋าตัวเองที่วางอยู่ไม่ไกลก่อนจะดึงเอาเสื้อหนังตัวเดิมกับตอนนั้นออกมา
ยื่นไปตรงหน้าคนที่กำลังวุ่นวายกับกล่องพยาบาล
“ใส่ไว้ครับ”
“..อะไร
ไม่ต้องฉัน..”ตอนแรกจงแดจะเมินแต่ประโยคที่โผล่ขึ้นมาขัดทำเอาต้องดึงเสื้อในมืออีกฝ่ายมาสวมทับอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับอาการร้อนวูบวาบทั่วใบหน้า..
“ถ้าไม่อยากใส่คราวหลังพี่ก็หัดใส่เสื้อกล้ามข้างในด้วยสิครับ
เสื้อมันบาง ผมไม่อยากใจแตกหรอกนะ”
แพคฮยอนอ้างว่าขาแพลงนิดหน่อยจากการลื่นที่สนามก่อนหมดการแข่งขัน
แต่ไม่ได้เจ็บมากและขอเป็นฝ่ายนวดเอง โดยยึดแขนรุ่นพี่ตัวผอมให้นั่งอยู่ข้างๆกัน
จงแดไม่ได้ว่าอะไรเลยนั่งเฉยๆมองอีกฝ่ายนวดยา
แม้จะเป็นห่วงจนร้อนใจไปในตอนแรกแต่พอเห็นว่าแพคฮยอนไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่บอกก็เริ่มคลายความกังวล
“ผมขอน้ำล้างมือหน่อยสิครับ”
“อ้อ..”จงแดตาโตเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็หันมาขอน้ำ
มือเล็กคว้าเอาขวดน้ำใกล้ตัวยื่นมาให้ แต่แพคฮยอนกลับยื่นมือทั้งสองข้างออกมา
“เปิดให้ด้วยสิครับ”จงแดทำตามอย่างว่าง่าย
เขาเปิดขวดน้ำแล้วเป็นฝ่ายเทใส่มือทั้งสองข้างของอีกคน
แถมยังเป็นคนยื่นผ้าขนหนูเล็กๆที่อยู่ใกล้ตัวให้อีกฝ่ายเช็ดมืออีกต่างหาก
และตอนที่จงแดเอื้อมมือเพื่อไปขอผ้าขนหนูคืนเพื่อที่จะเอาไปรวมกับพวกที่ใช้แล้ว
มือเขาก็โดนคว้าไว้ พร้อมกับประโยคที่กระแทกเข้าอกดังปั๊ก
ถามแบบตรงๆไม่อ้อมค้อมกันเลย!!
“พี่หลบหน้าผมทำไมครับ?”
“ใครหลบหน้านาย
ฉันมีงานต้องทำต่างหาก ไม่เห็นหรือไงปีสองยุ่งจะตาย”จงแดสะตั้นท์ไปชั่วครู่ก่อนจะตอบออกไปเร็วๆรัวๆ
ทั้งที่เมินหน้าหนีอีกฝ่ายไปเรียบร้อยแล้ว
“ปีสองนี่งานหนักมากขนาดนั้นเลยหรอครับ?”คราวนี้แพคฮยอนมองเลยไปหาพี่รหัสตัวเองที่นั่งจ้องมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
ไม่สิความจริงเขาก็รู้นั่นแหละว่าทั้งชานยอลกับพี่จุนมยอนน่ะ
นั่งจ้องเขากับพี่จงแดทำตัวเป็นผู้ชมตั้งแต่เขาถูกพามานั่งในเต๊นท์นักกีฬานี่แล้ว
“เอ้อ
ก็หนักเอาเรื่องนะ พอดีพี่กับจงแดอยู่ฝ่ายประสานงานน่ะ
เลยวุ่นวายกับเรื่องนอกคณะมากกว่าคนอื่นเค้าน่ะ แหะๆ”จุนมยอนตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้เมื่อเจอสายตากดดันจากน้องรหัส
พร้อมกับสายตาขอร้องของเพื่อน
ถึงจะอยากบอกแพคฮยอนไปให้รู้แล้วรู้รอดว่าไอ้เพื่อนตัวดีมันพยายามหลบหน้านาย
มันจะได้ทำอะไรสักอย่าง แต่ถ้าใครได้เจอสายตาของคิมจงแดเข้าไปก็ทำร้ายไม่ลงหรอก
“หรอครับ..ผมก็นึกว่าพี่หลบหน้าผมเพราะเรื่องวันนั้นซะอีก”คราวนี้แพคฮยอนกลับมาจ้องหน้ารุ่นพี่ตัวผอมไม่วางตา
และพอพูดจบประโยคอีกฝ่ายก็ตาโต
“ระ
เรื่องนั้น ฉันไม่ได้เก็บเอามาคิดซักหน่อย”
ตอบเสียงตะกุกตะกักจนแพคฮยอนใจอ่อน
ว่าจะแกล้งบีบให้ยอมรับว่าหลบหน้าเสียหน่อย แต่พอเห็นใบหูนั่นแดงก่ำ ก็ยอมเสียแล้ว
“แย่จังครับ
ที่ผมเก็บเอาไปคิดจนถึงวันนี้เลย”
“ห๊ะ!”
“ก็เรื่องที่ว่าพี่..หึง..ผ..”
“แพคฮยอนคะ..”จงแดดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมพร้อมกับผ้าขนหนูในขณะที่แพคฮยอนได้แต่กรอกตาไปพร้อมๆกับจุนมยอนที่ใจจดใจจ่อกับเหตุการณ์ตรงหน้า
แล้วจู่ๆ ปาร์คเยริมคนสวยของปีหนึ่งก็โผล่พรวดมาจากไหนก็ไม่รู้
“มีอะไรหรือเปล่า?”แพคฮยอนมองหน้าคนที่ขยับเข้ามานั่งลงแทนที่รุ่นพี่ตัวผอมที่เพิ่งลุกไปเก็บอุปกรณ์
รอยยิ้มบางๆประดับอยู่บนใบหน้า
แต่ตาก็เหลือบไปมองคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจเก็บอุปกรณ์ลงกล่องพยาบาลด้วยความตั้งใจอยู่เป็นระยะ
“เห็นเพื่อนๆบอกแพคฮยอนบาดเจ็บ
เยริมเป็นห่วงก็เลยลงมาดูน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ
ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
“แน่ใจนะคะ
ให้เยริมพาไปตรวจที่คลินิกดีไหมคะเผื่อว่ามันอาจจะ..”
“ไม่ต้องหรอกเยริม
ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ตอนนี้ฝนก็หยุดตกแล้วเยริมรีบกลับเถอะ
เดี๋ยวฉันก็จะกลับเหมือนกัน..”
“งั้นให้เยริมช่วย..”
“พี่จงแดครับ
ช่วยหน่อย”แพคฮยอนชิงเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ปาร์คเยริมจะพูดจบประโยคเสียอีก
จุนมยอนถึงกับตาโต
มองท่าทางค้างเติ่งของสาวเจ้าก่อนจะรีบดันเพื่อนสนิทที่ยังทำท่างุนงงไปหาน้องรหัสตัวเอง
พร้อมกับจับแขนแพคฮยอนพาดไหล่เพื่อนให้เสร็จสรรพ แล้วตัวเองก็มายืนประกบอีกข้าง
พยายามเมินดวงตาสวยที่เหมือนกับคลอไปด้วยน้ำใสๆอย่างน่าสงสารนั่น
แต่ก็นั่นแหละ
ถ้าให้เลือก จุนมยอนก็ต้องช่วยเพื่อนตัวเองอยู่แล้วอ่ะ
แถมแพคฮยอนมันก็ชัดเจนขนาดนี้แล้ว
อย่าทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้นเลยนะน้องคนสวย
เพราะแค่ตัวจงแดเองมันก็ตีกับความคิดตัวเองจนจะตายอยู่แล้ว..
“น้องเยริมไม่ต้องห่วงนะ
เดี๋ยวพี่ไปส่งแพคฮยอนถึงห้องเอง เอ้า ชานยอลยืนบื้ออยู่ทำไมมาเก็บของสิ”
“ฉันส่งแค่นี้แล้วกัน
นายน่าจะพอเดินเองได้นะ”จงแดอ้อมแอ้มตอบหลังจากพยุงอีกฝ่ายมาจนถึงห้องพัก
เขาทำเพียงแค่ช่วยพยุงให้แพคฮยอนนั่งลงบนโซฟาเล็กที่อยู่หน้าทีวี แล้วก็ปลดสัมภาระออกให้คนที่ไม่ยอมให้ช่วยถือของอะไรเลยนอกจากเป็นคนคอยประคองมาตลอดทาง
แต่ยังไม่ทันได้เดินออกจากห้องได้ครบก้าว ข้อมือก็ถูกดึงไว้
จงแดเลื่อนสายตาไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินประโยคสั้นๆ
“ผมหิว…”
มันจะไม่เป็นไรเลยถ้าน้ำเสียงมันจะไม่ได้ออดอ้อนเสียจนทำให้หัวใจจงแดเต้นตึกตักๆอย่างน่าอายแบบนี้
เขาทำเพียงหันหน้าหลบก่อนจะพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนอยู่บนรถเล่าจะได้แวะซื้ออะไรเข้ามากิน”จงแดสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ“แล้วในห้องพอมีอะไรที่กินได้มั๊ย?”
คำตอบที่ได้มาคือการส่ายหน้า
จงแดแทบอยากจะยกมือตบหน้าผากตัวเอง
รุ่นพี่ตัวผอมคุร่นคิดพักนึงพร้อมกับมองดูเสื้อผ้าที่ยังเปียกหมาดๆของทั้งคู่
“งั้นนายไปอาบน้ำรอก่อนแล้วกัน
ประมาณ 20 นาทีเดี๋ยวมาทำอะไรให้กิน”
20 นาทีต่อมาจงแดก็ยืนก้มๆเงยๆอยู่หน้าหม้อต้มรามยอน
รุ่นพี่ตัวผอมอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงบอลเหนือเข่าที่พร้อมเข้านอน
บนบ่ายังมีผ้าขนหูผืนเล็กพาดไว้อยู่เลย
จนแพคฮยอนคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะรีบมาทำรามยอนให้เขาจนยังไม่ทันได้เช็ดผมเพราะมันยังมีหยดน้ำเล็กๆหยดลงมาใส่ผ้าขนหนูสีขาวนั่นอยู่เลย
แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการนั่งจ้องแผ่นหลังบางๆของอีกคนไม่วางตา
รุ่นพี่จงแดไม่ได้ทำรามยอน(ที่ใส่เครื่องอื่นๆลงไปด้วย)ด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วเหมือนคนทำอาหารเก่งจนน่ามองหรอก
แต่ท่าทางเก้ๆกังๆ
บางครั้งก็หยุดชะงักและบ่นกับตัวเองแบบนั้นมันดึงดูดสายตาไว้มากกว่า
“มันอาจจะไม่ได้อร่อยแต่คิดว่าน่าจะไม่แย่ขนาดที่กินไม่ได้หรอก”
“ผมก็ยังไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยนะครับ”แพคฮยอนตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้ายุ่ง
พูดดักเขาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเป็นมิตร
“ก็นายมองหน้าฉันยังกะไม่เชื่อว่าไอ้ที่อยู่ในหม้อนี่จะกินได้”
“ผมเนี่ยนะ
มองหน้ารุ่นพี่แบบนั้น..”แพคฮยอนเลิกคิ้ว
รับเอาตะเกียบกับช้อนจากอีกฝ่ายมาถือไว้ “ผมว่ารุ่นพี่ตีความหมายสายตาผมผิดไปเยอะเลย”
“ถ้าตีความผิดมาก
งั้นลองบอกมาซิว่าสายตาของนายมันบอกว่ายังไง?”จงแดนั่งลงตรงข้ามพลางตักน้ำซุปขึ้นมาชิมก่อนทำท่าพออกพอใจในฝีมือตัวเอง
แล้วเริ่มคีบเส้นนุ่มๆเข้าปากปราศจากความสนใจเจ้าของห้อง
เลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนที่บอกว่าหิว
แต่กลับนั่งนิ่งมองคนไม่หิวนั่งกินอย่างไม่รีบร้อน
“ผมว่าพี่ไม่อยากรู้ความหมายของมันหรอกเชื่อสิ”
“อะไร
รู้ได้ยังไง?”จงแดขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่เริ่มลงมือกินรามยอนจากหม้อเดียวกันด้วยสายตาสงสัยปนหงุดหงิด
ก่อนจะแทบสำลักเมื่อแพคฮยอนซดน้ำซุปเข้าปากแล้วหันมาจ้องหน้าพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มล้อๆ
“ก็ถ้ารู้เดี๋ยวพี่ก็เขิน
แล้วหลบหน้าผมเหมือนวันนั้นอีก ผมก็แย่สิ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้หลบหน้า
รีบๆกินไปเลย!!”
หลังจากผ่านเหตุการณ์กระอักกระอ่วนใจแปลกๆบนโต๊ะอาหารที่ทำเอาจงแดแทบจะไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากชามเล็กๆตรงหน้าตัวเอง
ปล่อยให้หม้อต้มรามยอนบดบังใบหน้ากวนๆของแพคฮยอนจากสายตามาได้
เขาก็เข้าไปประคองคนเจ็บไปหย่อนไว้ที่เตียง หรี่ไฟบนหัวเตียงให้ก่อนจะเดินกลับไปเก็บกวาดซากการเข้าครัวเมื่อไม่ครึ่งชั่วโมงก่อน
ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจงแดถึงได้เดินเอาผ้าขนหนูที่พาดไว้ตั้งแต่เข้ามาขยี้เช็ดผมตัวเองที่เกือบลืมปล่อยให้แห้งเองไปแล้ว
พร้อมๆกับเดินเบาๆมาทางส่วนห้องนอน เห็นเจ้าของห้องนอนนิ่งเอาผ้าห่มคลุมไว้ทั้งหัวก็ได้แต่ส่ายหัว
“นอนแบบนั้นเดี๋ยวก็ขาดอากาศหายใจตายพอดี”บ่นกับตัวเองเพราะคิดว่าคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงคงหลับไปแล้ว
จงแดขยับเข้าไปจนชิดเตียง เอื้อมมือไปค่อยๆดึงผ้าห่มร่นลงมาไว้ตรงหน้าอก
ผุดรอยยิ้มบางๆที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยมากนักก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ฝันดีนะ”
หมับ!!
“เฮ้ย
อะไรวะ นี่ไม่ได้หลับหรอ?”จงแดร้องเสียงหลงหน้าตาตื่น
เมื่อจู่ๆมือของคนที่หลับตาอยู่ก็คว้าเอาแขนเขาที่โค้งตัวอยู่เหนือเตียงลงไปนอนแอ้งแม้งทับอยู่กับตัวของอีกฝ่ายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรทั้งนั้น
จงแดสบกับดวงตาของแพคฮยอนในระยะประชิด
เชื่อมั๊ยว่าถึงแม้ว่าแสงจากโคมไฟมันจะสลัวแค่ไหนเขายังเห็นแววตาพราวระยับออกมาจากลูกตามันเลยอ่ะ
“ปล่อยเลยนะเว๊ย
ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์นี่คิดจะทำอะไรห๊ะ!!”จงแดโวยวายเสียงดังลั่น
เมื่อรู้สึกได้ว่าแขนข้างหนึ่งของอีกฝ่ายไต่ขึ้นมากอดรัดเอวของเขาไว้ ใบหน้าร้อนวูบวาบ
เมื่อคิดได้ว่าตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในท่าทางแบบไหน
“ผมแค่อยากฝันดีอย่างที่พี่บอกแค่นั้นเอง”แพคฮยอนทั้งยกขาขึ้นทับ ทั้งเพิ่มแรงกอดรัดเอวบาง
และลำตัวของรุ่นพี่ตัวผอมที่ดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตายไว้แน่น
ก่อนจะหัวเราะเสียงเบาคล้ายคนอารมณ์ดีเมื่อร่างในอ้อมแขนยังไม่ยอมหยุดดิ้นง่ายๆแถมยังก่นด่าเขาด้วยถ้อยคำที่สมองจะสรรหามาได้
แพคฮยอนไม่ได้โกรธ แต่กลับพยักหน้ารับรอฟังคำพวกนั้นอย่างใจเย็น
“โว้ยยยยยย
หมดคำจะด่าแล้วนะเว้ย”ประโยคยาวๆพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
แต่ร่างกายก็ยังคงดิ้นยุกยิกในอ้อมแขนไม่หยุด
“ถ้าคิดอะไรด่าผมไม่ออกแล้วก็หลับตาได้แล้ว”
“ใครมันจะไปหลับลงว่ะ
ปล่อยสิ นายไม่อึดอัดหรือไง ผู้ชายตัวใหญ่ๆ 2 คนให้มานอนเบียดกันเนี่ยนะ!”
“แต่ผมไม่อึดอัดนะ
แถมดูท่าว่าจะฝันดีด้วย”
“ไอ้ อ่ะ!”จงแดยังไม่ทันได้เถียงก็โดนมือเรียวของแพคฮยอนกดหัวลงให้แนบไปกับหน้าอกของเจ้าตัว
ตอนนั้นจงแดได้ยินเสียงอะไรบางอย่างชัดเจนก้องในหู
และเขาก็เข้าใจว่าเสียงดังตึกตักจนน่ารำคาญนั่นคือเสียงหัวใจของตัวเอง
แต่ทว่าเสียงของแพคฮยอนกลับเหมือนเฉลยทุกอย่าง
“ตอนนี้พี่ได้ยินแล้วใช่มั้ยล่ะ…”
“...”
“คนที่หัวใจเต้นแรงน่ะ
ไม่ได้มีแค่พี่คนเดียวนะ จงแด”
“...”
“เวลาที่อยู่กับพี่หัวใจผมมันก็เต้นแรงเหมือนกัน…”
ต่อ
“ขอนั่งด้วยคนนะคะพี่จงแด”เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กของปาร์คเยริมที่นั่งลงที่ว่างด้านข้างโดยไม่รอคำตอบของจงแดด้วยซ้ำ
รุ่นพี่ตัวผอมเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเลิกสนใจแล้วกลับมามองคนที่กำลังวิ่งไล่ลูกบอลสีขาวกลางสนามดังเดิมเมื่อปาร์คเยริมทำเพียงส่งยิ้มบางๆมาให้
แล้วก็หันหน้าหนีเขาเสียดื้อๆคล้ายไม่ได้อยากจะสนทนาด้วย...
เขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้
เอาเถอะ เขาก็ไม่ใช่พวกประเภทพูดเก่งแล้วชวนใครคุยได้อยู่แล้วนี่เนอะ
ตัดสินใจเลิกคิดเล็กคิดน้อยกับท่าทางแปลกๆก่อนจะกลับมาให้ความสนใจเกมส์การแข่งขันตรงหน้า
มุมปากเผลอยกยิ้มพร้อมกับร้อง เยส ขึ้นมาเบาๆเมื่อทีมของคณะป้องกันลูกและเตะโด่งออกไปกลางสนามได้อย่างหวุดหวิด
ดวงตาเป็นประกายที่เห็นฟอร์มการเล่นของทีมคณะดูดีกว่าอีกทีมพอสมควร
จงแดเหมือนถูกดึงความสนใจด้วยการแข่งขันตรงหน้าโดยที่ไม่รู้ว่าปฏิกิริยาทั้งหมดอยู่ในสายตาของรุ่นน้องคนสวย
ดวงตาสวยหวานหันไปมองผู้เล่นในสนามก่อนจะมองด้านข้างของรุ่นพี่ตัวผอมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกอีกครั้ง
ก็แค่ผู้ชายธรรมดา…
ปี๊ดดดดด
หมดเวลาแข่งขันครึ่งแรก
เสียงเฮดังขึ้นต้อนรับเมือนักกีฬาเดินออกมาจากสนาม
จงแดเห็นกับตาว่าแพคฮยอนเดินตรงมาหา พร้อมกับจ้องมาทางเขายิ้มๆ จนเผลอทำตัวไม่ถูกขึ้นมาหน่อยๆ
เขากระแอมไอเรียกความมั่นใจก่อนจะตัดสินใจขยับไปช่วยจุนมยอนแจกน้ำดื่มพร้อมกับผ้าเช็ดตัวเตรียมไว้ให้นักกีฬาแต่ละคนจนกระทั่งโดนศอกของเพื่อนสะกิดเบาๆ
และพยักเพยิกไปด้านหลังแพคฮยอนมายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับใบหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตากลับฉายแววล้อเลียนที่ทำให้มือจงแดสั่น
รุ่นพี่ตัวผอมเมินสายตานั่น และกำลังจะยื่นของในมือให้แต่ดูเหมือนจะช้ากว่า…
“เหนื่อยมั้ยคะ
แพคฮยอน”จงแดยกมือค้างกลางอากาศเมื่อถูกสาวเจ้าตัดหน้า
ปาร์คเยริมลุกมาจากที่นั่งตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
แต่ที่รู้แน่ๆตอนนี้คือจงแดได้แต่ยืนตาปริบๆมองมือเล็กๆยื่นผ้าขนหนูไปซับบนใบหน้าของแพคฮยอนเหมือนถูกสตัฟท์ไว้
ก่อนจะต้องชะงักเมื่อขวดน้ำและผ้าขนหนูในมือถูกใครบางคนแย่งไป
“คยองซู…”
“เหม่ออะไร
ถ้าเด็กนั่นมีคนดูแลแล้วก็มาดูแลฉันนี่”ไม่พูดเปล่าเพื่อนร่วมชั้นปีอย่างโดคยองซูที่เป็นกัปตันทีมและร่วมแข่งขันในนัดนี้ด้วยก็คว้าแขนของเพื่อนตัวผอมที่ดูเงอะๆงะๆนั่นดึงติดมือไปอีกทาง
แพคฮยอนที่เมื่อครู่ยังไม่รู้ว่าจะปฏิเสธท่าทางดูแลเขาจนเกินไปของเยริมยังไงดี
กลายเป็นว่าตอนนี้เริ่มไม่มีอารมณ์คิดถึงตรงนั้นแล้ว
รุ่นพี่คยองซูกล้าดียังไงถึงมาฉุดคนของเขาไปต่อหน้าต่อตา!!
“แพคฮยอนคะ…”
“เยริมครับ
ผมว่าคุณกลับไปนั่งข้างบนดีกว่า เดี๋ยวผมทำเอง”แพคฮยอนดึงเอาผ้าขนหนูจากมืออีกฝ่าย
แล้วหันหลังให้เดินตรงดิ่งไปหาโค้ชที่นั่งอยู่แทบจะทันที
เยริมยังไม่ได้ขยับไปไหนตากลมโตยังคงจ้องมองแผ่นหลังของแพคฮยอนที่ไกลออกไปพร้อมกับมือเล็กที่กำเข้าหากันแน่น
“จุนมยอนเคยบอกมั๊ยว่าถ้ามัวแต่อ้ำๆอึ้งๆ
จะนกแบบกู่ไม่กลับ…”
“นกอะไร
ไม่เห็นเข้าใจเลย”จงแดทิ้งเสียงหายใจหนักๆใส่เพื่อนก่อนจะปลดแขนออกจากมือของคยองซู
เผลอยู่หน้าเมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ พยอนแพคฮยอนคงจะฟินน่าดูสินะ
ถึงได้ยืนนิ่งปล่อยให้เยริมซับหน้าซับตาให้ขนาดนั้น เหอะ มันน่าหงุดหงิดเสียจริง
“นี่คงไม่ได้คิดอะไรไม่ดีอยู่หรอกใช่มั๊ย?”คยองซูแกล้งแหย่เมื่อเห็นคิ้วของเพื่อนขมวดเป็นปม
เห็นทีที่ได้ยินจุนมยอนเม้าท์ว่าคิมจงแดคนซึนของพวกเขาที่พากันเฝ้าแหย่ เฝ้าแกล้ง
กำลังจะโดนขโมยไปนี่ท่าจะเป็นเรื่องจริง
“ป่าวซะหน่อย”
“อ้อ
ก็นึกว่าหึงเด็กจนหน้ามืดไปแล้วซะอีก”
“ย๊าส์
หุบปากไปเลยนะ!!”คิมจงแดร้องขึ้นเสียงดัง
โถมตัวเข้าใส่สุดแรงยกมือขึ้นปิดปากเพื่อนตัวดี
เพียงเพราะเห็นว่าริมฝีปากอิ่มนั่นกำลังฉีกยิ้มเป็นรูปหัวใจ
ใบหน้าของจงแดเห่อร้อนด้วยความโมโหปนเขินอาย เมื่อแววตาของคยองซูยังคงมีประกายล้อเลียนแม้ว่าริมฝีปากนั่นจะพูดอะไรไม่ได้แล้วก็ตาม
มันน่าโมโหนัก
ปกติคนพวกนี้ก็ชอบแกล้งยั่วให้เขาโกรธอยู่ทุกวี่ทุกวันอยู่แล้ว
แต่มันไม่ควรเป็นวันนี้และตอนนี้ ตอนที่จงแดเพิ่งมีเรื่องให้หงุดหงิดจริงๆเนี่ย
“ถ้ายังไม่คิดจะสงบปากสงบคำล่ะก็จะหาอะไรยัดปากแทนมือ…”จงแดพูดขู่เมื่อเห็นสายตาร้องขอให้ปล่อยของเพื่อน คยองซูได้แต่ส่ายหน้า
เขาไม่ได้ส่งสายตาอ้อนวอนจงแดเรื่องนั้น สายตาของเขากำลังเตือนภัย ให้จงแดต่างหาก
พายุอารมณ์หึงหวงที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้โดยที่คิมจงแดยังไม่รู้ตัว…
“ปล่อยมือได้แล้วครับ”
“เฮ้ย!!”จงแดร้องเสียงหลงตอนที่ประโยคเมื่อครู่ดังขึ้น
เพราะมันมาพร้อมๆกับที่ร่างเขาโดนดึงออกมาจากตัวของคยองซู
ที่จงแดก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองแทบจะคร่อมทับตัวเพื่อนไปทั้งตัว คยองซูหัวเราะหึๆ
ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปคล้ายกับจะไม่ร่วมรับผิดชอบความผิดครั้งนี้ใดๆทั้งนั้น
ทิ้งให้จงแดเผชิญหน้ากับคนที่กำลังคิ้วขมวดและจ้องหน้าตัวเองเขม็งจนเผลอขนลุกขึ้นมา
“ผมว่า
เราคงต้องคุยกันจริงจังสักทีแล้วล่ะจงแด”
“เดี๋ยวคือ..”
หมับ
มือข้างหนึ่งของแพคฮยอนคว้ามือของรุ่นพี่ตัวผอมไว้
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน มือของใครคนหนึ่งก็มาฉุดแขนอีกข้างของแพคฮยอนไว้เช่นกัน
ปาร์ค เยริม
จงแดเบิกตาโตตอนที่เห็นรุ่นน้องคนสวยคว้าแขนของแพคฮยอนอีกข้างไว้
ตากลมนั่นจ้องหน้าจงแดนิ่ง ก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงมาที่มือของเขาที่ถูกแพคฮยอนจับไว้อยู่
ตอนนั้นจงแดหน้าแดงแปร้ดและเร็วเท่าความคิดมืออีกข้างก็พยายามเอื้อมมาแกะมือแพคฮยอนออก
แต่มันไม่ได้ง่ายเลย
แพคฮยอนไม่ยอมปล่อย
แถมยังกระชับมันให้แน่นขึ้นกว่าเดิมอีก…
“ปล่อยเถอะครับเยริม…”หลังจากเงียบไปสักพักเสียงของแพคฮยอนก็ดังขึ้น
ผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจข้างสนาม
จงแดมองซ้ายขวาก็เจอเข้ากับสายตาอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมดรุ่นพี่ตัวผอมส่งสายตาอ้อนวอนให้แพคฮยอนปล่อยมือเพราะสถานการณ์เริ่มไม่โอเค
จงแดไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาใคร แตแพคฮยอนก็ดื้อด้านเหลือเกิน
“แพคฮยอนปล่อยก่อน…”จงแดกระซิบกระซาบก่อนจะเหลือบไปมองเยริมที่ยังกอดแขนอีกข้างของแพคฮยอนไว้แน่นแถมยังก้มหน้านิ่ง
ก่อนจะต้องเบิกตากว้างขึ้นมาอีกรอบเมื่อใบหน้าสวยหวานที่เงยขึ้นมาสบกับตาเขานั่นกำลังเต็มไปด้วยน้ำตา
เดี๋ยวสิ….แบบนี้มันให้ฟีลแบบว่าเขาเป็นตัวร้ายหรือเปล่าวะ
“แพคฮยอนจะทำร้ายเยริมไปถึงไหนคะ...ฮึก
แพคฮยอนก็รู้..ฮึก ว่าเยริมคิดยังไง..”เสียงสะอื้นพร้อมกับประโยคกระท่อนกระแท่นแต่ก็พอจับใจความได้นั่นทำเอาได้ยินเสียงร้อง
โห ของผู้อยู่ในเหตุการณ์ขึ้นมาอีกระลอก แต่ต่างกับแพคฮยอนที่กลับทำหน้าเรียบเฉย
เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่ได้ต่างไปจากที่คาดไว้
ตาคมหันไปมองดวงหน้าซีดเผือดของรุ่นพี่ตัวผอมที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
ก่อนจะค่อยๆปล่อยมืออีกฝ่ายออก จงแดมองสบตาก่อนจะทำท่าขยับออกห่าง
แต่แพคฮยอนกลับยื้อข้อมือเล็กนั่นไว้
“อยู่ด้วยกันก่อนครับ..”
เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ตัวผอมจะไม่หนีไปไหนแพคฮยอนก็หันกลับมาหาคนตัวเล็กที่เกาะแขนเขาไม่ปล่อย
มือข้างที่ว่างค่อยๆปลดแขนของเยริมออกอย่างเบามือ
“ขอโทษนะเยริม
แต่ผมไม่ได้คิดกับคุณแบบนั้น…”เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้น
แต่แพคฮยอนไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าความสงสาร เขารู้ว่าตัวเองดูเป็นผู้ชายใจร้าย
แถมยังดูโง่ที่ปฏิเสธผู้หญิงที่สวยและดูดีมากๆอย่างเยริมไป
แต่แพคฮยอนไม่ได้ชอบคนสวยและดูดีนี่นา
เขาแค่ชอบคนน่ารัก
แบบพี่จงแด...
“แพคฮยอนจะบอกว่าแพคฮยอนเลือกพี่จงแดหรอคะ..ฮึก..จะบอกว่าผู้ชายคนนี้ดีกว่าเยริมงั้นหรอคะ..”ปาร์คเยริมจ้องใบหน้างกๆเงิ่นๆของรุ่นพี่ตัวผอมอย่างไม่เชื่อสายตา
ก่อนจะเม้มริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้นเมื่อแพคฮยอนขยับถอยห่าง
ไปยืนข้างรุ่นพี่ตัวผอมแล้วจับประสานมือของอีกฝ่ายต่อหน้าเธอ
“พี่จงแดไม่ได้ดีไปกว่าใครหรอก
ผมก็แค่ชอบเค้าแค่นั้นเอง…”
จงแดจำได้ว่าตัวเองแทบจะมุดแผ่นดินหนี
แต่เมื่อทำไม่ได้
เขาก็เลยได้แต่ดึงเอาหมวกของเสื้อฮู้ทที่ใส่มาขึ้นปิดบังหน้าตาของตัวเองที่ไม่รู้ว่ามันช่วยอะไรได้หรือเปล่า
เพราะเหมือนสติตอนนั้นจงแดคิดได้แค่นี้ เขาเหมือนมีอาการหูอื้อและสมองหยุดสั่งการไปแล้วจงแดถึงแทบไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ถูกแพคฮยอนลากออกมาจากตรงนั้นได้ยังไง
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงกดล็อคประตูห้องและถูกจูงเข้าไปในห้องของแพคฮยอนได้หนึ่งก้าว
“เดี๋ยว!!”รุ่นพี่ตัวผอมขืนตัวไว้เมื่อภาพเหตุการณ์น่าอายที่เคยเกิดขึ้นในห้องนี้ฉายวูบผ่านเข้ามาในหัว
เรื่องที่เขานอนกอดซุกอกเด็กบ้านี่มันน่าอายพอๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เลยด้วยซ้ำ
สัญญาณในร่างกายมันเตือนว่าห้องนี้อันตรายเกิดกว่าที่จะเข้าไปเหยียบอีกรอบ
จงแดเลยหน้าตาตื่นกระวีกระวาดจะพาตัวเองออกจากห้อง
แต่มันก็สายไปซะแล้วเมื่อแพคฮยอนไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น..
เสียงกริ๊กดังขึ้นพร้อมกับแผ่นหลังของจงแดที่แนบอยู่กับบานประตู...
แขนทั้งสองข้างของแพคฮยอนยันกับบานไม้สีน้ำตาลนั่นไว้
กักกันร่างผอมของรุ่นพี่จอมดื้อที่เริ่มตัวสั่นเพราะสติแตก
“ผมยังโกรธอยู่นะครับ”หลังจากจ้องตากันไปมาได้สักพักแพคฮยอนก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ
ดวงตาคมนั่นฉายแววไม่พอใจประกอบกับคำพูดได้เป็นอย่างดี แต่จงแดกลับเริ่มขมวดคิ้ว
รุ่นพี่ตัวผอมกำลังงงว่าตัวเองไปทำอะไรให้อีกฝ่ายโกรธ
คนที่ควรจะโกรธควรเป็นเขาไม่ใช่หรอ
ทั้งยอมให้ปาร์คเยริมกอดแขนไม่ยอมปล่อย
ทั้งทำให้เขาต้องตกเป็นเป้าสายตาและเหมือนเป็นตัวการทำให้ปาร์คเยริมคนสวยอกหักจนต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเนี่ย
เขาสิที่ควรจะต้องโกรธ!!
“ฉันต่างหาก..”
“กอดกับพี่คยองซูทำไมครับ?”จู่ๆแพคฮยอนก็พูดแทรกขึ้น
มือเรียวเอื้อมไปจับมือข้างขวาของรุ่นพี่ตัวผอมขึ้นมาก่อนจะเอามาถูๆกับเสื้อตัวเอง
“มือนี่ก็ด้วย ไปโดนปากเขาทำไมครับ”
“ห๊ะ! อย่าบอกนะว่าที่นายโกรธ...”
“พี่กอดกับผมแล้ว เพราะงั้นห้ามไปกอดกับคนอื่น”
“ไอ้บ้า
นั่นมันเพื่อนฉันนะ ก็เล่นๆกันเฉยๆมั้ยวะ!”จงแดแว๊ดขึ้นเสียงแหลมทั้งๆที่หน้าร้อนจนจะไหม้
คำพูดเอาแต่ใจของแพคฮยอนเร่งอัตราการเต้นของหัวใจจนดังก้องไปทั่วหูอยู่แล้ว
“เพื่อนก็ไม่ได้ครับ ผมหวง”ไม่พูดเปล่าแต่กลับยื่นหน้าเข้ามาจนเกือบชิด
คิมจงแดทำหน้าไม่ถูกได้แต่ยืนเกร็งเพราะด้านหลังติดกับบานประตูไร้ซึ่งทางหนี
“ทำไมต้องมาหวงด้วยวะ
ก็แค่พี่..น้อง”ปลายท้ายประโยคแผ่วเบาเพราะก็ไม่อยากจะยอมรับสถานะแค่นั้นเท่าไหร่นัก
แพคฮยอนมองรุ่นพี่ตรงหน้าด้วยแววตาเอ็นดูอย่างปิดไม่มิด
“ผมบอกชอบพี่ไปแล้ว
ต่อหน้าคนตั้งเยอะด้วย แบบนั้นจะเป็นพี่น้องกันได้ยังไงครับ”
“...”
“แต่ถ้าพี่อยากมั่นใจผมพูดให้ฟังอีกครั้งก็ได้นะ”แพคฮยอนยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับใบหูของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ผมชอบจงแด ผมชอบจงแด”
“พอแล้ว พอก่อน”แพคฮยอนหลุดขำตอนที่เห็นรุ่นพี่ตัวผอมดึงฮู้ทลงมาปิดตา
ปิดแก้มที่แดงจัดของตัวเอง จนเหลือเพียงแค่จมูกกับริมฝีปากที่เม้มแน่น
ไม่รู้จักระวังตัวเลยจริงๆ...
จุ๊บ~!
แพคฮยอนฉกริมฝีปากลงไปบนกลีบปากบาง
ผละออกเพียงชั่วครู่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเผยอปากค้างเพราะอารามตกใจก็ประกบลงไปอีกครั้ง
คราวนี้เขาทั้งบดคลึงและดูดดึงริมฝีปากของคนที่เหมือนช็อกค้างไปแล้วอย่างนุ่มนวลและร้อนแรง
กดจูบย้ำๆซ้ำๆจนกระทั่งมือเล็กๆนั่นเลื่อนขึ้นมาเกาะเอวเขาและดึงเสื้อจนตึงไปหมด
แพคฮยอนถึงยอมผละออก
มือเรียวถอดฮู้ดออกจากศีรษะของอีกฝ่ายก่อนจะจ้องมองใบหน้าเอียงอายนั่นด้วยสายตาพราวระยับ
“เป็นแฟนผมนะจงแด...”ประโยคเรียบๆที่ปราศจากคำว่าพี่
แต่จงแดก็ไม่ทันได้คิดโกรธอะไร ใบหน้าเขายังคงร้อนฉ่า หัวใจเต้นแรงและพองโตเหมือนคนทะลักความสุข
จึงได้แต่อ้อมแอ้มตอบเสียงเบาคล้ายพึมพำกับตัวเอง
“ก็จูบไปแล้ว..ก็คงต้องตกลงป่าววะ”
แต่แน่ล่ะแพคฮยอนได้ยินมันชัดเจน.
มุมปากกระตุกยิ้ม
ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้รุ่นพี่ที่เลื่อนสถานะเป็นแฟนเรียบร้อยแล้ว ใช้แขนสอดกอดรัดเอวบางเข้ามาแนบชิดก่อนจะสบตากับคนในอ้อมแขนดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด
“จูบก่อนคบกันเป็นแฟนไปแล้ว...งั้นคราวนี้มาจูบแบบคนเป็นแฟนกันดีกว่านะจงแด”
“ไอ้..อื้อ”จงแดหน้าตาตื่น
กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ริมฝีปากถูกประกบปิด เผลอกลั้นหายใจตอนที่แพคฮยอนจับแขนทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาวางบนบ่ากว้าง
ถอดถอนริมฝีปากออกห่างเพียงไม่กี่เซ็นเพื่อกระซิบแผ่วเบาแต่ทำเอาจงแดอยากจะทึ้งหัวตัวเองตายตรงนั้น
“...เปิดปากด้วยสิจงแด”
เรื่องแบบนี้เค้าขอกันโต้งๆแบบนี้เลยหรอวะ!!
พยอน แพคฮยอนมันร้ายกาจ...
จงแดสัญญาเลยว่าจะไม่มีทางมาเหยียบที่ห้องแพคฮยอนอีกเป็นอันขาด
ถึงตอนนี้จะเป็นแฟนกันแล้วก็เถอะ!!!!
END
จบจริงๆแล้วนะคะ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอดจนจบเรื่องนี้ ยืดเยื้อกว่าที่คิด ยิ่งแต่งยิ่งออกทะเล 555 ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและคำติชม ขอบคุณคนที่แวะเข้ามาอ่านด้วยค่ะ ไว้เจอกันใหม่นะคะ^^
ความคิดเห็น