คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : DOUBLE LOVE : BAEKCHENHYUN I
Tile : Double Love I
Pairing : BAEKCHENHYUN
คิมจงแด
คือชื่อของเด็กเนิร์ดตัวผอมๆที่มักจะหอบหนังสือเล่มหนาไม่น้อยกว่า 1
นิ้วในอ้อมแขนแทบจะตลอดเวลา (ยกเว้นตอนนั่งเรียน และนั่งกินข้าว)
คุณสามารถพบคิมจงแดได้ที่ห้องสมุดชั้น 3 ตรงหมวดวรรณกรรมแปล
ซึ่งเป็นมุมที่เงียบที่สุดของห้องสมุด ตรงนั้นจะมีโต๊ะสี่เหลี่ยมสีขาว
เพียงโต๊ะเดียววางอยู่ติดมุมห้อง และมันกลายเป็นที่ประจำของคิมจงแดไปแล้ว
ทุกคนในคลาสรู้จักคิมจงแดในชื่อ เด็กเฉิ่ม/ติ๋ม หรือเด็กเนิร์ด
มากกว่าชื่อจริงของเจ้าตัว (ความจริงเรื่องนี้เขาชินไปเสียแล้ว)
คนที่เรียกชื่อจงแดถูกมีเพียงไม่กี่คน คือป้าแม่บ้าน/น้ายามประจำคณะ
เจ้าหน้าที่ห้องสมุด พี่รหัสอย่างพี่จุนมยอน
และคนสุดท้าย พยอนแพคฮยอน คนๆนั้นที่ใจดีอย่างที่จงแดไม่เคยเจอมาก่อน
คนที่แค่เรียกชื่อเขาก็ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ คนที่หลายๆคนในคณะและนอกคณะเรียกกันสั้นๆว่า
‘ฮยอน’(현)
ฟังจากการออกเสียงแล้วดูคล้ายคลึงกับคำว่า พยอล (별: ดวงดาว)
อย่างบอกไม่ถูก แต่มันก็คล้ายกันจริงๆนั่นแหละ ทั้งชื่อ ทั้งสถานะ
ในเมื่อฮยอนคนนั้นน่ะ ตรงข้ามกับเขาแทบทุกอย่าง...
มีสังคมและเจิดจรัสราวกับแสงดาวในคนหมู่มาก...
ส่วนเขามืดมนจนเหมือนถูกกลืนหายไปกับอากาศ...
ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนแบบนั้นจะมองเห็นเขาด้วย…
ซ้ำยังใจดีกับเขาแบบที่ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนในชั้นปีทำมาก่อน
“จงแด ข้างนอกฝนกำลังจะตกได้เอาร่มมาหรือเปล่าลูก?”
“คะ ครับ?”ร่างผอมหลุดจากภวังค์ หันขวับไปก็เจอป้าซอนมินยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง
รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้คนที่เหมือนฟังประโยคเมื่อครู่ไม่ทัน
คนอายุมากกว่าอมยิ้มอย่างเอ็นดู “ป้าบอกว่าฝนกำลังจะตก
เรามีร่มหรือเปล่า?”
“อ่า มีครับๆ ขอบคุณที่มาเตือนนะครับป้า
อ่านี่ก็จะได้เวลากลับบ้านแล้วนี่นา”ตากลมเบิกกว้างเมื่อมองนาฬิกาข้อมือ
นี่เขามัวแต่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยนานขนาดนี้เลยหรอเนี่ย
“งั้นป้ากลับก่อนนะ เราก็กลับดีๆล่ะ”คุณป้าใจดียิ้มก่อนจะบอกลา จงแดโค้งให้ก่อนจะหันกลับมาปิดหนังสือเล่มหนาลง
ถอนหายใจออกมาเมื่อหน้ากระดาษยังอยู่ที่หน้าเดิมตั้งแต่มานั่งอยู่ที่นี่
เขาปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าๆแบบนี้ได้ยังไงนะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนหนังสือคือสิ่งเดียวที่แทบจะดึงความสนใจทุกอย่างของเขาแท้ๆ
แต่ พยอนแพคฮยอนคนนั้น...
ช่างเถอะ...
คนตัวผอมสั่นหัวแรงๆก่อนจะกวาดเอาทุกอย่างลงกระเป๋า
หนังสือเล่มหนาถูกนำกลับไปใส่คืนไว้ที่ชั้นดังเดิม
วันนี้เขาคงเอามันกลับไปอ่านด้วยไม่ได้
เสียงฟ้าร้องที่ดังลั่นด้านนอกเผลอทำไหล่บางสะดุ้งโหยง
ตากลมมองออกไปบนท้องฟ้าก็พบมวลก้อนเมฆสีดำกำลังเริ่มเคลื่อนที่มาปกคลุมไปทั่วบริเวณ
คนตัวผอมมองนาฬิกาสลับกับบรรยากาศด้านนอกเพียงชั่วครู่
คิ้วของเจ้าตัวขมวดเข้าหากันยามใช้ความคิด
ถ้ากลับบ้านช้ากว่าเวลาที่เจ้าตัวแสบโทรมาเขาต้องได้ฟังโวยวายจนหูชาแน่ๆ แต่ถ้ารีบเดินอาจจะถึงบ้านก่อนฝนจะตก…
จงแดคิดอย่างนั้นก่อนจะรีบออกจากหอสมุด
แต่ก็นั่นแหละ
มันทันซะที่ไหนล่ะ!!
ซ่า!
จู่ๆก็เทลงมาแบบไม่ให้ตั้งตัวทั้งๆที่อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงป้ายรถเมล์แล้วแท้ๆ
มือเล็กกางร่มเป็นพัลวัน ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อตัวเองไม่ได้เปียกมาก
ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆใครบางคนก็แทรกเข้ามาในร่ม
ไม่สิ แค่ยื่นส่วนหัวเข้ามาในร่มคันเล็กๆนี่กับเขาต่างหาก!
“คุณ!”จงแดเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ
แต่ก็เพียงแค่นั้นเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มมา
คนๆนี้...
“ขอไปติดร่มไปด้วยคนนะจงแด”มือเล็กเผลอเอียงร่มไปทางอีกฝั่งก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อแพคฮยอนเอื้อมมือข้างหนึ่งจับทับมือที่ถือคันร่ม
ดันร่มคันเล็กที่ไม่เหมาะสำหรับคนมากกว่าหนึ่งไปทางเจ้าของร่ม มืออีกข้างดึงรั้งไหล่เล็กรั้งเข้ามาแนบชิดอย่างถือวิสาสะ
ไหล่ของจงแดเกยกับอกของแพคฮยอนแต่คนตัวผอมกลับทำได้แค่ยืนนิ่งๆ เหมือนสมองคิดอะไรไม่ออก
ก่อนจะโดนบังคับให้วิ่งไปยังป้ายรถเมล์
หัวใจจงแดเต้นตึกตักแข่งกับเสียงฝนจนน่ากลัว…
ดวงตาพร่ามัวเพราะละอองฝนเกาะเป็นฝ้าขาวทั่วเลนส์แว่นตา
แต่จงแดก็ยังเห็นรอยยิ้มที่สดใสนั่น
คงเป็นดวงดาวจริงๆสินะ
ขนาดท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ยังส่งยิ้มได้สดใสขนาดนี้เลย
ร่มในมือเล็กถูกหุบและพิงไว้กับที่นั่งเมื่อทั้งคู่ยืนอยู่ใต้ป้ายรถเมล์เรียบร้อย
จงแดก้มปัดละอองฝนที่เกาะตามแขนอย่างขะมักเขม้นเกินจริง ก่อนจะเกร็งขึ้นสิบระดับเมื่อเสียงนุ่มดังขึ้นแข่งกับเสียงฝน
“นายเปียกมากหรือเปล่า?”
“...”สิ่งที่จงแดตอบกลับเป็นเพียงการส่ายหน้าและยิ้มน้อยๆอย่างทำตัวไม่ถูก
แพคฮยอนยิ้มอย่างไม่ถือสาเพราะปกติในชั้นเรียนก็แทบจะไม่เคยเห็นจงแดพูดคุยกับใครอยู่แล้ว
ก่อนจะถือโอกาสมองสภาพของอีกฝ่ายลวกๆ
มีแค่ตรงไหล่ด้านขวาที่เปียกหน่อยๆเพราะตอนที่เอียงร่มมาฝั่งเขาเท่านั้น
แต่ความจริงคนที่เปียกมากก็เขานี่แหละ...
“แว่นตานาย..”
“อ่า…”อีกฝ่ายตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะจับขาแว่นตาที่ขึ้นฝ้าสีขาวถอดออกมาอย่างเก้ๆกังๆ
แพคฮยอนยกยิ้มละสายตาจากคนที่กำลังควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า ไปยังภาพเบื้องหน้า
สายลมที่พัดมาทำเอาเสื้อที่เปียกชุ่มเมื่อครู่แนบกับผิวกายจนรู้สึกเย็นๆ มือเรียวเปิดกระเป๋าก่อนจะดึงเอาแจ็กเก็ตสีดำที่อยู่ในกระเป๋าออกมา
ยื่นไปตรงหน้าคนที่กำลังเช็ดแว่น
“เอาไปใส่สิ จะได้ไม่หนาว..”
“มะ..ไม่เป็นไรครับ ผมไม่..”ใบหน้าของอีกฝ่ายเงยขึ้นมาปฏิเสธทันควัน
ดวงตากลมที่ปราศจากแว่นกรอบดำ เผลอทำเอาแพคฮยอนหยุดชะงัก เขากระแอมไอเหมือนเรียกสติตัวเอง
ก่อนแจ็คเก็ตในมือจะถูกคลุมไปบนหัวกลมๆนั่นอย่างไม่ฟังคำปฏิเสธ
แพคฮยอนถอยออกมาทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งเลยไม่ทันได้เห็นปากยู่ๆพร้อมกับตากลมที่กรอกไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง
จงแดสวมแว่นกลับ ดึงเสื้อคลุมลงจากหัวก่อนจะขยับมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ แพคฮยอนมองอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตาเมื่อมือเล็กยังคงจับเสื้อเขาไว้แน่นจนสุดท้ายมือเล็กก็กระชับเสื้อคลุมนั่นเข้ากับไหล่
พร้อมๆกับประโยคเบาๆที่แทบจะกลืนหายไปกับเสียงฝน
“ขอบคุณครับ”
เกือบครึ่งชั่วโมงฝนด้านนอกถึงได้ซาลง
แพคฮยอนเหลือบมองคนที่นั่งเงียบก่อนผุดลุกขึ้น
“บ้านนายอยู่ไกลไหม? ให้เดินไปส่งหรือเปล่า?”
จงแดส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน “ไม่ต้องครับ ผม..ผมกลับเองได้ ขอบคุณคุณแพคฮยอนมากนะครับ คือ..”
ประโยคของจงแดยังไม่ทันจะจบดี แพคฮยอนก็แทรกขึ้นมาเสียงเข้ม
“ทำไมไม่เรียกเหมือนคนอื่นล่ะ..”
“ครับ?”
“เรียก คุณ.เคิน อะไร
เรียกแบบนี้ดูทางการมากเกินไปนะ เรารุ่นเดียวกันนี่จงแด”แพคฮยอนแกล้งทำเสียงดุ แต่คนที่ไม่รู้ว่าโดนแกล้งหน้าเสียไปเสียแล้ว
“ก็ผม..”
“เรียก ‘ฮยอน’ สิ เรียกแบบนี้เหมือนนายกลัวฉันยังไงไม่รู้ ฉันน่ากลัวหรือไง?”
“ไม่ใช่นะครับ! ผมแค่..ก็เราไม่ได้สนิทกันแบบนั้นนี่ครับ”จงแดก้มหน้ากัดริมฝีปากอย่างไม่รู้ทางออก
จะให้เรียกชื่อเหมือนสนิทกันแบบที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาน่ะ มันไม่ได้ง่ายเลยนะ
จะให้ทำตัวสนิทสนมได้ยังไง เขาทำไม่ได้หรอก
แพคฮยอนมองไหล่ที่ลู่ลงของอีกฝ่ายด้วยแววตาอบอุ่น
เขาขยับตัวเข้าไปใกล้จงแด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“งั้นก็มาสนิทกันสิ ฉันอยากสนิทกับนายนะ
ถ้านายไม่รังเกียจ..”
“...”จงแดอึ้งไปชั่วครู่ ตากลมภายใต้กรอบแว่นเงยขึ้นจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างงุนงง
รอยยิ้มของแพคฮยอนยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ท่าทางของแพคฮยอนไม่ได้มีอะไรน่าสงสัย
ไม่ได้มีท่าทางเหมือนกำลังกลั่นแกล้ง หรือหลอกล่อให้เขาดีใจ ในขณะที่เขามีแต่ความสับสนที่ตีกันอยู่ภายในหัว
เขาไม่เข้าใจจู่ๆก็เข้ามาพูดด้วย เข้ามาชวนคุย ทั้งเรื่องเมื่อเช้าที่จู่ๆก็เดินเข้ามาชวนเขาไปงานวันเกิดที่บ้านนั่นอีก
ไม่เข้าใจเลย เขากับแพคฮยอนน่ะ ไม่ควรเฉียดใกล้กันเลยด้วยซ้ำแท้ๆ
แล้วทำไมจู่ๆคนๆนี้ถึงได้..
“...แล้วก็ปาร์ตี้วันเกิดเสาร์นี้น่ะ
ฉันอยากให้นายมาจริงๆนะ”
“แพคฮยอน..คือเรื่องปาร์ตี้วันเกิดน่ะ ฉันคง..”จงแดยังพูดไม่จบประโยคเลยด้วยซ้ำ แพคฮยอนก็ชิงส่ายหน้าทั้งที่ยังส่งรอยยิ้มมาให้
มือเรียวยื่นออกไปด้านนอกตัดบทสนทนาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะเดินถอยหลังออกไปท่ามกลางหยาดฝนที่ตกปรอยๆ
จงแดได้ยินเพียงประโยคเดียวจากอีกฝ่าย
ประโยคธรรมดาแถมยังเอาแต่ใจ แต่ทำไมต้องใจเต้นแรงขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้…
“ฉันจะรอของขวัญจากนายนะ จงแด”
“แพคฮยอน..”
“แล้วครั้งหน้าฉันจะรอฟังนายเรียกฉันว่า ฮยอน”
~~~~~
DOUBLE
LOVE ~~~~~
“จงแดต้องชอบเค้าแน่ๆ”
นี่คือประโยคสรุปจากเจ้าตัวแสบที่อยู่จีนหลังจากที่เขาวิดีโอคอลเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟัง
จงแดถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าไปมากับหมอนเมื่อรอยยิ้มของแพคฮยอนผุดขึ้นมาในหัว
เสื้อแจ็คเก็ตสีดำแขนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าพาลให้คิดไปถึงเจ้าของเสียดื้อๆ
ชอบหรอ?
ไม่รู้สิ เขาไม่เคยชอบใครมาก่อน เลยไม่รู้ว่าอาการที่เป็นอยู่คืออะไร
บางทีอาจจะเพราะแพคฮยอนใจดีกับคนที่แทบจะไม่มีตัวตนอย่างเขา ก็เลยรู้สึกดี มันเป็นความรู้สึกประมาณว่าหัวใจพองโต
หัวใจเต้นแรง แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่รู้หรอก กับคนที่แทบไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับใครอย่างเขาจะไปเข้าใจพวกความรู้สึกแบบนั้นได้ยังไงกัน
เพียงแต่ตอนนี้เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าวันเสาร์นี้เขาปฏิเสธคำชวนของแพคฮยอนไม่ได้แล้ว..
พรุ่งนี้คงต้องรีบไปซื้อของขวัญวันเกิดให้อีกฝ่ายซะแล้วล่ะ…
วันเสาร์มาเร็วกว่าที่คิด
จงแดยืนหมุนตัวอยู่ตรงหน้ากระจก ก่อนจะถอนหายออกมาอีกรอบ
ต่อให้แต่งตัวยังไง ตรงหน้าเขาก็มีเพียงแค่เด็กหนุ่มตัวผอมท่าทางเฉิ่มเชยเท่านั้น
ตากลมมองกล่องของขวัญขนาดเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหัวเตียงด้วยดวงตาที่ฉายแววไม่มั่นใจ
ในหัวผุดความคิดที่ว่าอยากจะยกเลิกเสียดื้อๆแต่เพียงแค่คิดว่าตอนที่เจอหน้า ‘ฮยอน’ แล้วอีกฝ่ายจะทำหน้าตาผิดหวังใส่
เขาก็ต้องปัดความคิดที่ว่าไม่กล้าของตัวเองทิ้ง
ตอนนี้ทุกอย่างมันประหลาดไปหมด ตอนไปเรียนอีกฝ่ายก็มักจะแวะเข้ามาทักทายเขาเสมอ
แถมสามวันที่ผ่านมายังเอาแต่ทวงของขวัญด้วยใบหน้าเหมือนกับกำลังวาดหวังของขวัญจากเขาแบบนั้นอีก
แพคฮยอนคงไม่รู้ตัวหรอกว่าท่าทางของเจ้าตัวน่ะทำใจเขาอ่อนยวบไปกี่ครั้ง
ทำหน้ายุ่งตอนที่เขาไม่เรียกแทนอีกฝ่ายว่าฮยอน
แล้วก็ยังทำท่าทางดีใจจนโอเวอร์ตอนที่เขาไม่ใช่คำสุภาพด้วย ท่าทางของเขามันต้องดูตลกมากแน่ๆในทุกครั้งที่อยู่กับอะไรที่ไม่เคยชิน
แต่นั่นกลับทำให้รอยยิ้มค่อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างไม่เคยรู้เนื้อรู้ตัว
แพคฮยอนทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเรากำลังเป็นเพื่อน...
จงแดรู้สึกเหมือนกำลังใช้ชีวิตเข้าใกล้การมีใครสักคนที่เห็นเขาอยู่ในสายตา...
เสียงปลุกที่ตั้งไว้ดังขึ้น จงแดตบหน้าตัวเองเบาๆเหมือนเรียกสติก่อนจะเดินกลับไปคว้าเอากระเป๋าเป้สีดำสนิท
มือเล็กหย่อนกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กลงในเป้กระชับมันไว้กับไหล่ก่อนจะเดินออกจากห้อง
เดินเลยไปบอกพี่มินซอก (พี่ชายข้างบ้าน) ว่าจะออกไปข้างนอก ฟังพี่มินซอกบอกให้ระมัดระวังตัวเองประมาณสามรอบ
ก่อนจะเดินไปตามถนนของหมู่บ้านที่ทอดยาวไปสู่ถนนหลัก
มือเล็กเปิดดูข้อความในมือถืออีกครั้ง
อ่านทวนที่อยู่ของแพคฮยอนให้ขึ้นใจ
การไปเจอผู้คนที่ไม่รู้จักสำหรับเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่จงแดก็จะพยายาม..อย่างน้อยเขาก็อยากให้ความสัมพันธ์ของเขากับแพคฮยอนพัฒนาขึ้น
เริ่มจากเพื่อน มันคงจะดี อาจจะไม่พัฒนาไปมากกว่านั้น..
แต่อย่างน้อยๆเขาก็อยากมีเพื่อนสนิทเหมือนคนอื่นบ้าง
ไม่ใช่ตัวคนเดียวแบบนี้ไปเรื่อยๆ
บ้านของแพคฮยอนอยู่ถัดจากป้ายรถเมล์ที่จงแดลงอีก 1
บล็อก คนตัวผอมเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อมือถือสั่นครืดแล้วพบว่าเป็นเบอร์ของเจ้าของวันเกิด
เขาไม่ได้กดรับเพราะคิดว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะเดินไปถึงที่หมายแล้ว คนตัวเล็กเร่งฝีเท้า
เลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้านของแพคฮยอน กำแพงสีน้ำตาลที่เป็นสัญลักษณ์เห็นอยู่ลิบๆ มือเรียวควานหากล่องของขวัญ
เกิดความกังวลใจขึ้นมาเสียดื้อๆว่าแพคฮยอนจะชอบหรือเปล่า
จงแดมองกล่องของขวัญในมือนิ่งก่อนจะหลับตาลงเพื่อให้กำลังใจตัวเองสักพัก
ขาเล็กก้าวไปข้างหน้าแม้จะหวั่นใจอยู่ไม่น้อย
เสียงเพลงจังหวะหนักๆดังมาให้ได้ยิน
จงแดเดินเลียบกำแพงบ้านสีน้ำตาลที่สูงเลยหัวมาเรื่อยๆ แสงไฟส่องออกมาจากรั้ว
มันสะท้อนเข้าตาจนต้องหรี่ตา ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ยิ่งขยับเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่หัวใจจงแดก็ยิ่งเต้นรัว
ความไม่มั่นใจเริ่มทำให้ฝีเท้าช้าลง แต่ในช่วงจังหวะที่เขาเลี้ยวหักมุมตรงประตูเหล็กของบ้านฝีเท้าที่ก้าวไปด้านหน้าอย่างเนิบนาบนั่นก็หยุดลง
ร่างกายของจงแดแข็งทื่อ
เรื่องราวสุดช็อกปรากฏต่อสายตา
ชายหญิงคู่หนึ่งอยู่ตรงหน้าของเขา โอเคมันควรจะเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ
ปากของทั้งคู่ประกบกับอยู่!!
กล่องของขวัญในมือหล่นลงบนพื้น
เมื่อฝ่ายชายถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง คราบลิปสติกสีแดงเปรอะเปื้อนรอบขอบปาก
ตรงคอของอีกฝ่ายก็มีรอยลิปสติกชัดแจ๋ว
แสงไฟจากในบ้านลอดประตูรั้วเหล็กมาพอให้ภาพตรงหน้าชัดเจน จงแดเบิกตากว้าง เมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นชัดๆ
ชื่อของอีกฝ่ายหลุดออกจากริมฝีปากแผ่วเบา
“ฮยอน..”
อีกฝ่ายเสยผม ตาเรียวคมจ้องมองจงแดตั้งแต่หัวจรดเท้า
ก่อนจะคว้าเอาเอวของหญิงสาวเข้ามาแนบชิด คล้ายไม่ใส่ใจ จงแดทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นกับตาว่ามือของอีกฝ่ายลูบสะโพกของผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่อาย
จงแดกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างฝืดเคือง เขากำลังช็อก
ตัวจริงของแพคฮยอนเป็นแบบนี้งั้นหรอ!?...
“ย๊าส์!! จะยืนบื้อขัดจังหวะคนอื่นอีกนานมั้ย!”
เสียงแข็งๆของอีกฝ่ายดังขึ้นจนสะดุ้งโหยง จงแดละล่ำละลักขอโทษอย่างไม่เป็นภาษาก่อนจะหันหลังวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต
จนลืมเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆนั่น..
ร่างโปร่งปล่อยมือจากเอวของหญิงสาวกระซิบชิดใบหูให้เธอเข้าไปสนุกในงานวันเกิดของเขากับน้องชายฝาแฝด
แล้วเขาจะตามเข้าไปทีหลัง ก่อนจะหันมาสนใจสิ่งที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น มือเรียวหยิบกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กขึ้นมา
เสียงเพลงบีทจังหวะหนักๆดังคลอให้ได้ยินมาเป็นระยะ เช็ดมุมปากของตัวเองออกอย่างลวกๆ
ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจเมื่อคิดไปถึงเด็กผู้ชายท่าทางเฉิ่มๆ ที่เพิ่งวิ่งจากไปเมื่อครู่
เขาแน่ใจว่าตัวเองไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จัก
อีกอย่างเด็กเนิร์ดๆแบบนั้นมาทำอะไรที่นี่?
มือเรียวถือวิสาสะดึงฝากล่องเปิดออก ก่อนริมฝีปากจะกระตุกยิ้มเมื่อเห็นการ์ดเล็กๆพี่พับอยู่ข้างในกล่อง
สุขสันต์วันเกิดนะฮยอน
“เหอะ ที่แท้ก็เด็กไอ้ฮยอนนี่เอง”
TBC
#แฝดพยอน
ความคิดเห็น